พ่ายพรหมลิขิต
พลับพลึงทำงานด้านสถาปัตย์ประจำอยู่ที่เชียงใหม่วันหนึ่งเธอได้รับมอบหมายงานให้ออกแบบบ้านพักของธนดลโดยไม่นึกไม่ฝันว่าวันหนึ่งเธอกลับต้องมารับบทเจ้าสาวของเขาเนื่องจากญาติผู้น้องซึ่งเป็นลูกสาวของป้าหนีออกจากบ้านก่อนวันแต่งงานหนึ่งวัน ด้วยเสียงขอร้องแกมบังคับของป้าและลุงทำให้พลับพลึงไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะหากเธอปฏิเสธป้าก็อ้างว่าหล่อนกับสามีจะต้องถูกอีกฝ่ายฟ้องจนถึงขั้นล้มละลาย เพราะนอกจากธนดลจะเป็นเจ้าบ่าวแล้วยังเป็นเจ้าหนี้อีกด้วย พลับพลึงจำยอมตกเป็นเจ้าสาวสำรองจนกว่าปิติและพิลาวรรณจะนำเงินมาชดใช้หนี้สินได้หมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความวุ่นวายของคนสองคน....
Tags: รักหวานซึ้ง

ตอน: พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 18

18

ใบหน้าสั่นไหวเมื่อมือบางขยับแปรงขึ้นลง ซ้าย ขวา โดยไม่สนใจสายตาของคนที่นั่งอยู่บนโขดหินอีกก้อน ฟองฟ่อนเต็มปากเกิดจากการเสียดสีของแปรงสีฟันกับฟันซี่สวย ปกติผู้หญิงมักทำอะไรเชื่องช้าหรือเหนียมอายยามเมื่อทำธุระส่วนตัวมากๆ อย่างเช่นอาบน้ำในที่สาธารณะหรือแม้แต่แปรงฟัน แต่ภรรยาจำเป็นของธนดลเหมือนจะไม่ใส่ใจหรือรู้จักอาการเหนียมอายปล่อยให้เกิดเสียงแปรงเสียดสีกับซี่ฟันดังแกรกๆ ดังลั่น

“หนาวเป็นบ้าเลย รีบๆ อาบน้ำเถอะคุณจะได้รีบกลับ คุณไม่หนาวบ้างหรือไง” พลับพลึงพึมพำกับคนบนโขดหินทั้งๆ ที่ฟองสีขาวขุ่นยังเต็มปากก่อนจะหันหน้าไปบ้วนทิ้ง เมื่อบ้วนปากเรียบร้อยก็หันมาสนทนาต่อ “แต่จะว่าไปอาบน้ำแบบนี้ก็ดีนะคุณ การได้อยู่กับธรรมชาติจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและสดชื่น”

ธนดลเอาแต่นั่งมองแล้วส่ายหน้ากับพฤติกรรมของเธอ เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงที่ทำตัวสบายๆ ได้เพียงนี้
“ผมถามจริงๆ เถอะ คุณไม่เขินบ้างหรือไง”

“เขิน โอ้ย...ฉันสะกดคำนั้นไม่เป็นหรอก ตั้งแต่สมัยเรียนจนทำงานเพื่อนส่วนมากของฉันก็เป็นผู้ชาย อีกอย่างเวลามาทำงานต่างจังหวัดแบบนี้การนุ่งผ้าถุงมาอาบน้ำที่ลำธารเป็นเรื่องปกติมาก แต่ก็ไม่เคยอาบน้ำสองต่อสองกับผู้ชายอ่ะนะ แต่ถึงไม่เคยฉันก็ไม่เขินหรอกเพราะฉันไม่ได้คิดอะไรกับคุณ อย่าบอกนะว่าคุณเขิน”

พลับพลึงหรี่ตามองแล้วยิ้มทะเล้น ก็ไม่เคยเห็นธนดลสวมกางเกงขาสั้นตัวเดียวเหมือนกันก็แอบคิดไม่ได้ว่าชายหนุ่มคงจะเขินเธอนะสิแต่อีกฝ่ายกลับไม่เล่นด้วยแถมยังย้อนถามต่ออีก

“แล้วคุณไม่กลัวหรือ”
“กลัวอะไร กลัวถูกคุณปล้ำนะหรือ ไม่หรอก ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่ผู้ชายมักง่ายแล้วฉันก็ไม่ใช่ผู้หญิงอ่อนหวานหรือจะมีรูปร่างยั่วยวนใครได้ คงทำให้คุณเกิดอารมณ์ยาก”

ธนดลยิ้มเยาะเพราะเขาขอเถียง ผิวขาวนวลอมเหลืองแม้รูปร่างจะบางไปนิดแต่เขาก็ว่าน่ามอง ถ้ามีจริตซักหน่อยเชื่อเถอะว่าจะไม่มีหนุ่มคนไหนกล้าละสายตา ยกเว้นผมซอยสั้นนั่นที่ดูอย่างไรก็ขัดกับใบหน้าหวานอ่อนเยาว์

“นี่คุณ ผมถามอะไรหน่อยสิ”
พลับพลึงหันไปมองอีกครั้งหลังจากหันมาให้ความสนใจน้ำบริเวณที่จะหย่อนขาลงไป
“ฉันชื่อพลับพลึง คุณจะเรียกฉันว่าพลับก็ได้นะ”

“คุณพลับผมถามจริงๆ เถอะ คุณรู้เรื่องหนี้สินของลุงกับป้าคุณแล้วไม่โกรธผมบ้างหรือ”

“โกรธหรือ อืม...แรกๆ ก็โกรธนะ แต่ตอนนี้ไม่แล้วล่ะ” พลับพลึงก้มลงใช้มือกวักน้ำในลำธารเล่น “จริงๆ แล้วจะโทษคุณก็ไม่ถูกอ่ะนะ เพราะลุงฉันก็เป็นหนี้คุณจริงๆ แล้วพิมพ์ก็ตกลงจะแต่งงานกับคุณจริง ไม่ได้ถูกบังคับซักหน่อย จะว่าไปคุณก็เป็นผู้เสียหายคนหนึ่ง ฉันในฐานะหลานก็ต้องชดใช้แทน ไม่แน่ว่า ถ้าฉันไม่ยอมแต่งงานกับคุณ ลุงกับป้าฉันก็อาจจะลำบากมากกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ อีกอย่าง การแต่งงานกับคุณก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายนัก ฉันไม่ได้เสียหายอะไรซักหน่อย” พลับพลึงยิ้มขื่นรับกับโชคชะตา
“ใครว่าคุณไม่เสีย” ธนดลย้อนอย่างเห็นใจ

“อ๋อ ถ้าคุณหมายถึงคำนำหน้า ไม่ต้องคิดมากแทนฉันหรอก ฉันไม่ซีเรียสซักนิด ก็แค่คำนำหน้า คุณไม่เคยได้ยินหรือไงกระดังรนไฟ พวกแม่ม่าย แม่ร้างน่ะเนื้อหอมจะตาย ไม่แน่นะ พอถึงเวลาเลิกกับคุณฉันอาจจะมีผู้ชายต่อแถวเข้ามาจีบเป็นพรวน ผู้ชายบางคนก็แปลกนะคุณ สาวๆ ซิงๆ ไม่ค่อยสนใจหรอก ฉันก็อาจจะอยู่ในข่ายนั้นก็ได้”
ธนดลสะบัดเสียงหัวเราะ สถาปนิกสาวคนนี้ท่าจะเพี้ยนแต่ถ้าเธอไม่เพี้ยนก็ต้องขอบอกว่าเธอคิดบวกมากๆ ดูสิ พูดไปยิ้มไปหัวเราะไปราวกับเป็นเรื่องตลกขบขัน

“แล้วคุณคิดไว้หรือยังว่า หลังจากหย่าคุณจะทำยังไง”
ธนดลจ้องมองหญิงสาวที่ก้มหน้าเอามือวิดน้ำเล่นอย่างต้องการคำตอบที่แท้จริง แต่พอได้ยินเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่หัวใจของเขาก็รู้สึกแปลกๆ

“ยังไม่ได้คิด ฉันไม่อยากคิดอะไรตอนนี้ ปล่อยให้เวลาเป็นตัวตัดสินดีกว่าว่าควรจะทำยังไง”
“ผมขอโทษนะที่ทำให้คุณเดือดร้อน”

“คุณน่าจะคิดได้ก่อนหน้านี้นะ” เธอประชดและมันก็มากพอที่จะทำให้ธนดลหน้าชา “อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยคุณ มันไม่ทำให้อะไรๆ ดีขึ้นหรอก นอกจากว่าคุณจะเห็นใจฉันจริงๆ แล้วยอมหย่ากับฉันวันนี้พรุ่งนี้ แต่ฉันก็รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉันรู้ว่าคงมีอะไรบางอย่างที่คุณต้องการจะได้จากการแต่งงานครั้งนี้ จริงมั้ย”

ธนดลยิ้มขื่นกับภาษาจริงใจใสซื่อของสถาปนิกสาว เธอพูดถูกทุกอย่างจนทำให้เขาพูดอะไรไม่ออกเลยทีเดียว
จู่ๆ ผู้หญิงอีกคนก็ผุดขึ้นมาในหัว ผู้หญิงสองคนนี้ต่างกับลิบลับราวกับอยู่กันคนละโลก คนหนึ่งหรูหราชีวิตไม่เคยก้มลงมองดิน อีกคนเหมือนจะไม่เคยเงยหน้ามองฟ้า สองเท้าเหยียบย่างตามพื้นหญ้าอยู่ตลอดเวลา แต่เขากลับรู้สึกว่า การได้เหยียบย่างอยู่บนหญ้ารู้สึกชุ่มชื้นฝ่าเท้าและได้รับไอดินมาหล่อเลี้ยงฝ่าเท้าให้รู้สึกถึงชีวิตชีวาดีกว่าจะลอยอยู่บนฟ้าและฝ่าเท้าไร้ความรู้สึก
“นี่คุณดลคุณจะดูดีและหล่อมากเลยนะถ้าคุณจะยิ้มบ้าง”

ธนดลเลิกคิ้วที่จู่ๆ ก็ได้ยินอย่างนั้น
“ลองดูสิ ไม่ยากหรอก อย่าขรึมนักเลย เห็นแล้วเหนื่อยแทน”
“ผมดูเคร่งขรึมขนาดนั้นเชียว”

“ใครว่าล่ะ เข้าขั้นดุเลยแหละ ฉันงี้ยอมรับเลยนะว่าไม่ชอบขี้หน้าคุณเอาซะเล้ย ผู้ชายอะไรขี้เก๊กเป็นบ้า” แล้วต้องยกมือขึ้นปิดปากเมื่อนึกได้ว่านินทาระยะเผาขน จนต้อเอ่ยอ้อนเสียงอ่อนอ่อย “ฉัน...ขอโทษ สนุกปากไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรผมไม่ถือ ที่คุณพูดมาก็อาจจะจริง ผมคงทำตัวอย่างนั้นจริงๆ อืม...แล้วผมต้องทำไงดีล่ะ”

ธนดลถือโอกาสเอ่ยถามความคิดเห็น เขาจ้องเพื่อรอลุ้นคำตอบราวกับเด็กที่กำลังรอของขวัญในวันสำคัญ
“ก็ไม่เห็นต้องทำไง ก็เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ แต่อืม...ไหนๆ เราก็ต้องอยู่ร่วมบ้านกันอีกตั้ง...” พลับพลึงหยุดนึกคิด “อ้อ สิบเอ็ดเดือนฉันว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนกันดีกว่า คุณว่ามั้ย”

ธนดลเบ้ปากก็เป็นข้อเสนอที่ไม่เลว
“แล้วเพื่อนต้องทำยังไง”
พลับพลึงกลอกตาดูท่าพ่อรูปหล่อคนนี้จะไม่เคยมีเพื่อน
“ก็ทำตัวสบายๆ มีอะไรก็คุยกัน ปรึกษากันได้ อ้อ...ยกเว้น...” พลับพลึงยกนิ้วชี้ขึ้นแล้วแกว่งไปมา “เพื่อนจะไม่ล่วงเกินเพื่อน จะต้องให้เกียรติเพื่อน”

“โอ.เค ผมเข้าใจ” เขาหัวเราะขัน
ตอนแรกบอกไม่กลัวเขาปล้ำ ไปๆ มาๆ กลับเผยไต๋ออกมาซะหมด
“ก็แหงล่ะ ยังไงซะ ฉันก็เป็นผู้หญิงก็ต้องระวังตัวกันหน่อยล่ะ”
“ตกลง เราจะเป็นเพื่อนกัน”

ธนดลรับปากแล้วยื่นมือไปออกเพื่อทำสัญญาระหว่างกัน ซึ่งพลับพลึงก็ไม่ปฏิเสธมิตรภาพที่ก่อตัว อย่างน้อยอีกสิบเอ็ดเดือนข้างหน้านี้เธอก็จะได้อยู่ร่วมบ้านกับเขาอย่างโล่งใจ
“อาบน้ำเถอะคุณ หนาวจะแย่แล้วเนี่ย”

พลับพลึงชวนเมื่อดึงมือกลับ แล้วกวักน้ำลูบหน้าเพื่อล้างหน้าล้างตาแต่ก็ต้องเบ้หน้าเมื่อรู้สึกเจ็บที่หน้าผาก
“อู้ย...” เธอคราง เรียกสายตาธนดลให้หันไปมองเห็นรอยปูดที่หน้าผากค่อนข้างชัด
“ทายาบ้างหรือเปล่านั่น ทำไมมันยังโตเป็นลูกมะนาวอยู่ล่ะ”

“ก็ทา เดี๋ยวก็คงยุบแหละ เมื่อกี้ฉันลืมตัวเลยลูบซะแรง”
ธนดลหัวเราะขำจนเห็นฟันขาวสะอาดเมื่อเห็นสีหน้าบิดเบี้ยวของหญิงสาวในชุดกระโจมอก
“หัวเราะอะไรมิทราบ เพราะใครล่ะทำฉันเจ็บอย่างนี้”

“คุณก็แก้แค้นผมแล้วไง เมื่อคืนผมก็ท้องเสียตั้งหลายรอบ”
“อ้าว..” พลับพลึงร้องขึ้น
“ก็มันจริงนี่ มีอย่างที่ไหนคุณเอาน้ำพริกที่หมดอายุแล้วมาให้ผมกิน”
“หมดอายุ?” พลับพลึงเลิกคิ้วถาม

“ก็ใช่นะสิ เมื่อเช้าผมไปดูที่ข้างกระปุกน้ำพริกปรากฏว่ามันหมดอายุมาสองวันแล้ว”
พลับพลึงย่นคิ้ว เมื่อวานเธอก็กินน้ำพริกเหมือนกันแต่ไม่ยักเป็นอะไร ก่อนจะสันนิษฐานไปเองว่าอาจจะเพราะธาตุแข็งแรงกว่า ใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ อาจจะเพราะชายหนุ่มไม่ค่อยได้กินของแสลงเลยไม่มีภูมิต้านทาน

“อ่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันก็ขอโทษด้วยแล้วกันที่ไม่ได้ดูให้ละเอียด ก็ใครจะไปนึกล่ะว่ามันจะหมดอายุก็เห็นเก็บไว้ในตู้กับข้าวนี่นะ” พลับพลึงยังบ่นอุบอิบแก้ตัว “ถ้างั้นก็หายกันแล้วกัน”
เมื่อเคลียร์ปัญหาข้องใจเรียบร้อยพลับพลึงก็ย่องลงไปในน้ำซึ่งเย็นยะเยือกอย่าบอกใคร แต่แสงแดดที่สาดส่องผ่านกิ่งไว้ลงมายังลำธารก็ยังพอช่วยให้ความหนาวเหน็บคลายตัวลงได้บ้าง

“ดูคุณจะคุ้นเคยกับลำธารนะ” ธนดลเปรยขึ้นเมื่อเห็นเธอหยิบโน่นหยิบนี่เตรียมตัวจะอาบน้ำ
“ไม่เห็นแปลกตรงไหน ฉันกับพวกพี่ๆ สถาปนิกก็อาบกันแบบนี้ทุกวันตอนที่อยู่ไซด์งาน เวลาไปดูงานก่อสร้างตามที่ต่างๆ ด้วย”
แต่กลับเป็นสิ่งขัดหูมากสำหรับธนดลเพราะเหมือนหญิงสาวจะปล่อยตัวมากเกินไป

“อย่าได้คิดอกุศลนะคุณ ใช่ ฉันอาบน้ำในลำธารแบบนี้บ่อยก็จริง แต่ส่วนมากก็อาบกับคนงานผู้หญิง ส่วนพวกผู้ชายแม้จะอาบพร้อมๆ กันก็อยู่ห่างๆ โน่น คุณเป็นคนแรกที่ฉันมาอาบน้ำด้วยสองต่อสอง”
ธนดลอมยิ้มอย่างพอใจ แล้วถามต่อ

“แล้วเวลาอาบน้ำในลำธารแบบนี้พวกคุณทำอะไรกันมั่ง”
“ก็อาบน้ำไงคุณ คุณนี่ถามแปลกๆ” พลับพลึงเสียงแหลมอย่างรำคาญ
“เออ...ก็จริงของคุณนะ ก็ต้องอาบน้ำสิ” ธนดลแค่นหัวเราะกลบเกลื่อน จู่ๆ ใบหน้าก็ร้อนผ่าวๆ ขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย “อ้าว...หายไปไหน”

ธนดลพึมพำเพียงแค่เบือนหน้าหนีไปทางอื่นแป๊บเดียวหญิงสาวกลับหายไป แต่ก็สงสัยไม่นานเธอก็โผล่ขึ้นมาจากน้ำแล้วว่ายเข้าไปที่โขดหินหยิบแชมพูมาละเลงศีรษะ ไม่ถึงสองนาทีเธอก็มุดลงไปใต้น้ำอีกครั้งโผล่ขึ้นมาอีกทีฟองขาวๆ บนศีรษะก็หายไปหมด

“ทำไมไม่อาบละคุณ” พลับพลึงร้องทักเมื่อชายหนุ่มยังนั่งเอาเท้าแช่น้ำอยู่ที่เดิม
“ผมไม่ได้เอาขันมา ผมว่าจะสระผมเสียหน่อย”

ความลับของธนดลอย่างหนึ่งที่พลับพลึงยังไม่รู้ นั่นคือ ชายหนุ่มไม่เคยอาบน้ำในลำธารมาก่อน...
“โธ่...คุณ อาบน้ำในลำธารใครเค้าเอาขันมากัน ถ้าจะสระผมก็ทำแบบฉันนี่ง่ายดีออก”
พลับพลึงทำหน้าหงุดหงิดเมื่อเห็นท่าทางอึกอักของอีกฝ่าย

“เรื่องมากนะคุณเนี่ย ดูท่าจะไม่เคย เอางี้ เดี๋ยวฉันช่วยแล้วกันแต่ขอเปลี่ยนผ้าก่อนนะ”
พลับพลึงรีบขึ้นจากน้ำโดยมีสายตาคมกริบมองตาม เธอต้องขยิบตาดุเพื่อให้เขารู้ตัวหันหน้าไปทางอื่นขณะที่เธอหอบเสื้อผ้าหายเข้าไปหลังโขดหินไม่นานก็ออกมาพร้อมกับเสื้อผ้าชุดใหม่
“มานี่สิคุณ เดี๋ยวฉันสระผมให้”

“ฮะ” ธนดลเบิกตาโพลง
“คิดมากทำไมเล่า ไหนว่าเพื่อนกันไง อ้อ หรือจะคิดว่า นี่เป็นการไถ่โทษที่ฉันทำคุณท้องเสียก็ได้ เร็วๆ เถอะคุณฉันอยากกลับบ้านแล้ว หนาว หรือคุณถือ”

ผู้ชายส่วนใหญ่มักไม่ค่อยให้ใครจับศีรษะหากไม่ใช่คนสนิท แต่นี่ถือเป็นบททดสอบความจริงใจของชายหนุ่มว่าอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอจริงๆ หรือเปล่าด้วยส่วนหนึ่ง ธนดลกระโดดจากโขดหินที่นั่งอยู่มาอีกก้อนซึ่งหญิงสาวยืนรออยู่แล้วก็ตอบ
“ไม่ ผมไม่ถือ”

“ตรงนี้แหละ เอ้า ก้มหน้าลง แชมพูจะได้ไม่เข้าตา”
ธนดลทำตามอย่างเก้ๆ กังๆ พลับพลึงวิดน้ำใส่กลุ่มผมสั้นนั้นอย่างรวดเร็ว แล้วละเลงแชมพูลงไป ลูบๆ เกาๆ อยู่พักหนึ่งก็แกล้งผลักคนโก้งโค้งเต็มแรง น้ำกระซ่านเซ็นกระจายเต็มพื้นที่พร้อมๆ กับร่างสูงที่ม้วนตัวลงไปจมอยู่ในลำธาร ฟองฟ่อนจากแชมพูลอยละล่องเต็มพื้นที่ก่อนจะลอยตามสายน้ำที่ไหลเอื่อยนั้นออกไป

“คุณทำอะไรเนี่ย!”
ธนดลยกมือขึ้นลูบหน้าเอาน้ำออกตะเบ็งเต็มเสียงด้วยความโมโห เขาสะบัดศีรษะสองสามทีเหมือนไอ้ตูบที่เพิ่งขึ้นจากน้ำ พลับพลึงกลั้นหัวเราะจนหน้าดำหน้าแดงเมื่อเขาลืมตาขึ้นแล้วเห็นตาแดงๆ คงเพราะเกิดจากแชมพูไหลลงเข้าตา

“ก็ช่วยคุณสระผมไง เห็นมั้ยล่ะ คุณก็มุดน้ำได้ไม่เห็นเป็นไรเลย นี่คุณมุดลงไปอีกสองสามทีแชมพูก็ออกหมดแล้วล่ะ เร็วเข้า เดี๋ยวก็หนาวตายหรอก”
พลับพลึงเร่งแล้วกวักมือไวๆ ธนดลรีบล้างเนื้อล้างตัวแล้วขึ้นจากลำธาร เขารับผ้าขนหนูที่แม่สาวจอมเจ้าเล่ห์หยิบยื่นให้อย่างเคืองๆ รีบเช็ดผมให้แห้งก่อนจะหามุมเปลี่ยนเสื้อผ้า

“คุณนี่ร้ายมากเลยนะ”
เขาต่อว่าเมื่อเดินออกมาจากโขดหิน ยิ่งเห็นหญิงสาวยิ้มกระหยิ่มกับความสำเร็จของตัวเองก็ยิ่งฮึดฮัด แต่อีกใจก็รู้สึกดีเพราะไม่ค่อยได้ทำอะไรแบบนี้นานมากแล้ว จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมาเสียอย่างนั้น

พลับพลึงหันไปมองอย่างแปลกใจคนหน้าขรึมทั้งวี่ทั้งวันจู่ๆ ก็หัวเราะออกมาเฉยเลย
“คุณหัวเราะ”
ธนดลจ้องหน้าใบหน้าของเขายังคงเปื้อนยิ้มอยู่ไม่คลาย

“ทำไม ผมหัวเราะนี่มันแปลกมากหรือไง”
“ใช่ แปลกมาก เพราะตั้งแต่ฉันรู้จักคุณมานี่ก็...” พลับพลึงทำท่านึกคิด “จะสองเดือนแล้ว คุณไม่เคยหัวเราะเลย”
“งั้นหรือ” ธนดลเบ้ปากนิดหนึ่ง นึกคิดตาม จริงๆ ไม่ใช่แค่สองเดือนหรอกที่เขาไม่ได้หัวเราะ แต่มันนานกว่านั้น “ต่อไปคุณคงจะได้เห็นบ่อยๆ”

พลับพลึงเบิ่งตา วันนี้พูดมากกว่าทุกวันด้วย แต่ก็ไม่ได้คิดจะสนใจอะไรมากนักเธอยักไหล่แล้วนั่งลงที่โขดหินใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมที่ยังเปียกชุ่ม
“มะ ผมช่วย”

พลับพลผงะเมื่อธนดลเข้ามาถึงตัว เขารวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน รีบดึงผ้าขนหนูไว้เมื่อเขากำลังจะดึงไปจากมือ
“ไม่เป็นไร ฉันเช็ดเองได้”
“ไม่ได้ ทีคุณยังช่วยสระผมให้เลย”

“ก็นั่นคุณทำเองไม่ถนัดไง”
แต่ธนดลก็ไม่ฟังเขายังคงดึงผ้าขนหนูต่อไปและเป็นเขาที่ได้ผ้าขนหนูผืนนั้นมาแล้วนั่งช้อนหลังเช็ดผมให้เธอ
“คุณไม่คิดจะไว้ผมยาวบ้างหรือไง”

พลับพลึงที่นั่งตัวเกร็งเอี้ยวหน้าไปมองนิดหนึ่งแล้วสะบัดหน้ากลับมาตามเดิม ทำไมทุกคนชอบมาวุ่นวายกับผมของเธอจัง วุฒิชัยก็คนหนึ่งล่ะที่ขอร้องให้เธอไว้ผมยาวเหมือนตอนอยู่ปีหนึ่ง พี่ๆ ที่ทำงานก็บอกว่าอยากเห็นเธอเปลี่ยนลุคเป็นสาวหวานบ้าง แล้วการไว้ผมซอยสั้นมันทำให้หน้าขมขื่นตรงไหน

“คุณรู้มั้ยว่าคุณไม่ใช่คนแรกที่ถามคำถามนี้” พลับพลึงเลื่อนตัวออกทั้งๆ ที่ผมของเธอยังไม่แห้งดี “กลับขึ้นบ้านกันเถอะค่ะ”
ธนดลมองตามจับอารมณ์ได้อย่างหนึ่งว่าหญิงสาวไม่ชอบคำถามนี้เอามากๆ

“ผมขอโทษที่ถามแบบนั้น ผมไม่รู้ว่าคุณจะไม่ชอบให้ถามแบบนี้” ธนดลรีบเดินให้ทันแล้วเอ่ยในสิ่งที่ทำให้เธอโกรธ
“เปล่าหรอก ฉันไม่ได้โกรธอะไรหรอกเพียงแต่รำคาญมากกว่า ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกผู้ชายถึงได้ชอบให้ผู้หญิงไว้ผมยาวกันนัก ทำไมอ่ะ ผมสั้นมันน่าเกลียดมากหรือไง”

“ก็ไม่ ก็แค่ดูแมนเกินไปเท่านั้นแหละ ผู้ชายส่วนมากชอบผู้หญิงอ่อนหวานแล้วการที่ไว้ผมยาวก็จะทำให้ผู้หญิงเป็นแบบนั้น” ธนดลตอบตามความรู้สึกนึกคิด
“โอ้โห...คุณนี่น่าทึ่งจริงๆ แต่คงยากอ่ะนะที่จะเปลี่ยนฉันเป็นสาวหวานเพราะฉันคงเป็นไม่ได้หรอก อีกอย่าง ฉันก็ไม่อยากให้ใครมามองด้วย อยู่คนเดียวแบบไม่มีใครสนใจสบายกว่าเยอะ”

เพราะเคยเห็นความวุ่นวายของหญิงสาวสวยมามากก็ไม่ใช่อื่นไกลเพื่อนสมัยเรียนนั่นเอง เช้า เที่ยง เย็น มีหนุ่มๆ แวะเวียนมาขายขนมจีบไม่ต่ำกว่าสามสี่ราย แล้วก็เกิดศึกชิงนางขึ้นบ่อยๆ พลอยทำให้เบื่อหน่ายความเป็นคนเจ้าเสน่ห์จนต้องไม่อยากทำตัวโดดเด่นให้ใครสนใจ แม้หลายๆ คนจะบอกว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในตองอูเหมือนกัน ก็เพราะคำว่าหนึ่งในตองอูนี่แหละทำให้เธอตัดสินใจตัดผมสั้นมาโดยตลอดเพราะไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นผู้หญิงอ่อนหวานและสะดุดตาใครต่อใครจนเกินไปนัก บอกตามตรงว่า ค่อนข้างรำคาญกับถ้อยคำหวานหวามชวนขนลุกและสายตากระลิ้มกระเหลี่ยที่แทบจะแทรกลูกตาเข้าไปใต้ร่มผ้า

“คุณนี่แปลกคน ผู้หญิงส่วนมากมักจะชอบให้มีคนเอาใจอยากมีผู้ชายดีๆ เหมือนในนิยายมาอยู่ข้างๆ”
“คุณนี่เพ้อเจ้อ ผู้ชายดีๆ ก็มีแต่ในนิยายนั่นแหละ ไม่มีหลุดลอดออกมาข้างนอกหรอก”

ธนดลหยุดเดินปล่อยให้แม่สาวผมสั้นผู้มาดมั่นเดินขึ้นบ้านไปเพียงลำพัง ส่วนเขานั้นขอยืนอมยิ้มกับถ้อยคำประหลาดผิดแผกจากผู้หญิงอื่นซักหน่อยก่อนจะเดินตามหลังเธอขึ้นบ้านไป



***********
ฝาก e-book ด้วยนะคะ
http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yaimai




แก้วมุกดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ย. 2557, 15:49:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ย. 2557, 15:49:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1297





<< พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 17   พ่ายพรหมลิขิต ตอนที่ 19 >>
phakarat 17 พ.ย. 2557, 16:39:32 น.
ไว้ผมยาวดีกว่านะคุณพลับ


แว่นใส 17 พ.ย. 2557, 22:04:16 น.
นิสัยแมนมากจ้า


ling 24 พ.ย. 2557, 21:15:53 น.
นี้ถ้าพลับเกิดเปลี่ยนเป็นสาวหวาน คุณดลจะอยู่เฉยได้เร้ออออ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account