Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา

ตอน: บทที่ 10 The Mommies Return

บทที่ 10

The Mommies Return

มิรันตีเดินไปมาราวกับหนูติดจั่นเพราะสองหนุ่มหายไปนานเกินไปแล้ว หญิงสาวกลัวว่าจะมีเรื่องกินแหนงแคลงใจเกิดขึ้นก่อนที่จะได้คุยกันรู้เรื่อง อัษฎางค์เปรียบเหมือนน้ำมัน ลื่นไปทั่ว ชอบหาเรื่องส่วนเรวัตเปรียบเหมือนไฟก็อารมณ์ร้อน เมื่อน้ำมันมาเจอไฟ มันก็ลุกพรึบเกินต้านทานน่ะสิ!

เสียงเปิดประตูราวกับเสียงสวรรค์แล้วตามด้วยเสียงหัวเราะของคนทั้งคู่ทำให้มิรันตีชะงักทำหน้างงๆ มองทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ ในเมื่อตอนออกไปแทบจะฆ่ากันได้ แล้วทำไมเดินกอดคอกันมาได้ล่ะ

“พูดแล้วก็ยังเจ็บใจไม่หาย เสียรู้ให้มันหลอก” เรวัตบอกอย่างเสียดาย

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันจัดการมันให้เดี้ยงไปเลย”

“เห็นหน้ามันแล้วเจ็บแทนว่ะ นายทำได้ไงวะ”

เรวัตยังสยองกับใบหน้าหล่อๆ ของสมาร์ท ตาแตก ปากแตกดูแทบไม่ได้ ยิ่งเมื่อกี้เขาไปหามันที่ห้องกับอัษฎางค์ มันก็สารภาพหมดเปลือก อาจด้วยกลัวลูกปืนที่อัษฎางค์ขู่ไว้ก็เป็นได้

“ก็ตอนนั้นอารมณ์มันพาไปนี่นา ก็เลยเป็นอย่างที่เห็น”

มิรันตีนั่งมองทั้งคู่สนทนากันอย่างมันส์ๆ ตาแป๋ว

“ไม่ต้องมองหรอก” เรวัตหมั่นไส้แฟนสาวขึ้นมาตงิดใจ

มิรันตีกระแอมเรียกความมั่นใจของตน...แหม ทำสายตารู้ทัน

“ก็มันแปลกนี่คะ เห็นกัดกันอยู่ทุกวี่ทุกวัน”

“ตอนนี้ไม่ทะเลาะแล้ว รักกันแล้วเนาะ” เรวัตหันไปถามความเห็นของอัษฎางค์

อัษฎางค์เออออตามเรวัตอย่างดี

“แม่นแล้ว น้องรัก” ผู้มีศักดิ์เป็นพี่พยักหน้ายืนยันว่าเป็นความจริงทุกคำพูด

ไม่ทันที่จะได้ว่าอะไรมากไปกว่านี้ รดาเองที่ได้ยินเสียงพี่ชายก็ปรือตามอง อยู่ครบองค์ประชุมเชียวล่ะ ทั้งอัษฎางค์ เรวัต มิรันตี

“อ้าวป๋ากับคุณมิมาทำอะไรที่นี่”

“อ๋อ คือคุณมิออกโรงพยาบาลวันนี้ไง เอ่อ ป๋าจะไปค้างที่คอนโดฯ นะ อย่าไปเป็น ก ข ค ล่ะ” ว่าแล้วเรวัตก็ฉุดแขนมิรันตีให้ตามมา

“อ๊าย นายจะมามัดมือชกฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ” มิรันตีวีนแตกเมื่อหันมาให้พี่ชายช่วย

อัษฎางค์ก็พึมพำเบาๆ ให้พอได้ยินว่า ‘สมน้ำหน้า’

นอกจากศัตรูสมัยพระเจ้าเหาจะเจรจาสงบศึกกันแล้ว ยังทำสนธิสัญญาเป็นพันธมิตรกันอีก มิรันตีไม่อยากคิดถึงความอลหม่านที่จะเกิดจากสองหนุ่มนี้

เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ

“อ้าว คุณไปญาติดีกับป๋าตอนไหนล่ะ” รดายังงงไม่หาย

“ก็ตอนที่คุณหลับไม่รู้เรื่องนั่นแหละ”

รดาบิดขี้เกียจ แล้วนึกขึ้นได้ว่าเธอโนเสื้อผ้าเลยตอนนี้ จึงสั่งให้แฟนหนุ่มที่รักทำหน้าที่หน่อย อัษฎางค์ทำท่าอิดออด

ก็ไม่อยากให้ใส่สักเท่าไหร่ เผื่อมีลุ้นจะได้ไม่เสียเวลาถอด

“งั้นต้องมีรางวัลนะ”

อัษฎางค์ลากกระเป๋าเดินทางเธอมาครืนๆ ทำเอาคนที่นั่งบนเตียงปั้นหน้าไม่ถูก อยากจะลุกไปถามให้รู้แล้วรู้รอดว่า ‘เอามาทำไม๊’

“ไม่ต้องสงสัย พี่บอกคืนห้องรดาไปแล้ว ตอนนี้แม่บ้านกำลังเก็บห้อง ต่อจากนี้เราจะอยู่ด้วยกัน”

“อ๊าย ไม่ได้นะ” รดากระเถิบลงเตียงเอาผ้าห่มพันกายแล้วดุ๊กดิ๊กจะไปบอกว่าไม่มีวันคืนห้อง ที่สำคัญเธอไม่อยากเสียสาวให้เขาก่อนวันแต่งงาน

“ว๊าย” หญิงสาวเหยียบชายผ้าห่มหน้าคะมำ อัษฎางค์ก้าวเท้ายาวๆ คว้าผ้าห่มไว้

“อ๊ายๆๆ พี่ธามอย่าดึงสิ” รดาโวยวายกลัวว่าผ้าห่มที่พันกายจะหลุดตามแรงดึง “อย่าปล่อยด้วย”

รดากรีดร้องเมื่อเขาจะปล่อยให้เธอลงไปจูบพื้น อัษฎางค์ขำกับคนที่สั่งให้เขาทำนั่นทำนี่ เขาจัดการรวบร่างบางไว้แล้วโยนไปบนเตียง

“อ๊าย พี่ธาม” หญิงสาวกระวีกระวาดลุกขึ้น จะต่อว่าเขาสักหน่อยที่โยนสาวน้อยแสนบอบบางอย่างเธอ
คนนะไม่ใช่ตะกร้า

“พี่ขอรางวัลนะ” ว่าแล้วเขาก็โถมทับเธอ จนทั้งคู่กระเด้งบนเตียง

“รดา...รดา” เป็นอัษฎางค์ที่แปลกใจที่หญิงสาวเงียบไป มีแต่ดวงตาที่ยังเปิดอยู่บอกว่าเธอไม่ได้เป็นลมหมดสติไป

“รดา นี่พี่ธามนะ เป็นอะไรไป หรือว่าความจำเสื่อม” ชายหนุ่มตบหน้าหญิงสาวเบาๆ ในขณะที่เธอกระพริบตาปริบๆ มองเขา

“รดา...รดา”

“โอ๊ย ปล่อยนะพี่ธาม ทำเอารดาจุกหมดเลย แล้วอย่ามาทับรดาด้วย”

“พี่ก็อุตส่าห์เป็นห่วงนึกว่าเป็นอะไรมาก อ้อ พี่บอกแล้วไงว่าพี่ขอรางวัลก่อน” อัษฎางค์ก้มหน้าลงจนชิดใบหูรดา

“รางวัลบ้าอะไรเล่า เดี๋ยวรดาเลี้ยงข้าวก็ได้” อัษฎางค์บอก ‘หึ’ ว่าไม่สนใจข้อเสนอของเธอเลยสักนิด

“งั้นรดาหอมแก้มทีนึง” หญิงสาวบอกใจป้ำทำให้ชายหนุ่มเหล่มองอย่างสนใจ


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


คณะทัวร์ของคุณหญิงรดีสุดา และคุณระรินทิพย์บินตรงจากประเทศอังกฤษมาสู่ประเทศไทยตามกำหนดการทัวร์ยุโรปของบรรดาคุณหญิงคุณนาย

“โอ๊ยเหนื่อยเป็นบ้าเลยนะคะคุณเพื่อนขา” มารดาของอัษฎางค์พูดขณะที่รอรับกระเป๋า

“ใช้เงินจนเหนื่อยหรือคะ” เพื่อนซี้แซวสนุกปาก ก็รู้อยู่หรอกว่าการเดินทางข้ามทวีปที่นั่งหลังขดหลังแข็งบนเครื่องบินน่ะ ไม่น่าพิสมัยนักหรอก

“เอ๊ะ ว่าแต่คุณเพื่อนขาจะกลับยังไงล่ะคะ”

“ก็รอคนขับรถที่บ้านมารับค่ะ แล้วตอนเย็นๆ จะไปรับรดากลับบ้านนะคะ ขอคุณเพื่อนขาไปนอนพักเอาแรงสักงีบก่อนเถอะ ไม่รู้ว่ารดาไปก่อเรื่องก่อราวอะไรให้พ่อธามบ้าง” คุณหญิงรดีสุดาบรรยายตารางเวลาของวันนี้เป็นฉากๆ อย่างน่าเหนื่อยใจ

“อุ๊ย พูดอย่างกับหนูรดาอายุสักเจ็ดขวบอย่างนั้นแหละค่ะ” คุณระรินทิพย์รีบปรามเพื่อน ใจจริงเธออยากต่อเวลาให้คุณลูกขากับคุณลูกทูนหัวของเธอให้มีพัฒนาการที่ดีกว่านี้ด้วยซ้ำ

“งั้นเย็นนี้ชวนพ่อธามมาทานข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านสิคะ”

เป็นการดีเลยล่ะ มารดาของอัษฎางค์เก็บความรู้สึกดีใจออกนอกหน้าไว้ในใจ ชนิดเหยียบไว้จนมิดเลยล่ะ สำหรับคุณหญิงรดีสุดาเป็นผู้ดีเก่า จะบอกให้รู้แผนการหมดก็กลัวจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน

“แล้วไว้เย็นนี้จะได้พาหนูรดาไปส่งที่บ้านเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา”

“ได้เลยจ้ะ งั้นไว้เย็นนี้เจอกัน”

คุณหญิงรดีสุดากลับถึงบ้านก็จัดแจงแจกจ่ายของฝากให้เด็กรับใช้ในบ้านไปจนถึงคนขับรถ ต่างก็ถูกใจกันถ้วนหน้า

“คุณเรนี่ใจดีเหมือนคุณหญิงนะคะ” เด็กรับใช้ที่ยกกระเป๋ามาให้บนห้องบอกหน้าบานทำเอาคุณหญิงรดีสุดาขมวดคิ้ว

“ทำไมหรอจ๊ะ”

“ก็คุณเรมาถึงเมืองไทยก็บอกว่าจะมีของฝากมาให้ เห็นว่าขอไปเชียงใหม่ก่อนแล้วถ้าคุณหญิงมาก็จะรีบกลับน่ะคะ” คุณหญิงพยักหน้าเชิงรับรู้

ใช่สิ ลูกชายคนโตบอกไว้ก่อนหน้านี้นานแล้วว่าจะมาช่วงนี้ เธอเองก็วุ่นๆ ไหนจะงานที่มูลนิธิ

คุณหญิงรดีสุดานอนเอาแรงตลอดทั้งบ่าย กว่าจะหมุนโทรศัพท์ไปยังคอนโดมีเนียมของเรวัตก็ปาไปเย็นมากแล้ว คุณหญิงเตรียมเฉ่งลูกชายสุดที่รักเต็มที่

“ฮัลโหล” เสียงหวานตอบรับมาตามสายทำให้คุณหญิงรดีสุดาขมวดคิ้ว

“สวัสดีค่ะ” ปลายสายยังคงกล่าวซ้ำ

“สงสัยโทรผิดค่ะ” คุณหญิงละล่ำละลักตอบ กดวางโทรศัพท์แล้วดูเบอร์โทรศัพท์อีกครั้ง

“สวัสดีค่ะ”

“เอ่อ ขอสายเรวัตค่ะ” คราวนี้เธอไม่ได้โทรผิด แล้วผู้หญิงที่เธอคุยอยู่ด้วยนี่เป็นใครล่ะ

“อ๋อ คุณเรอาบน้ำอยู่ค่ะ เดี๋ยวจะให้โทรกลับนะคะ ไม่ทราบว่าคุณคือ”

แกร๊ก...

มิรันตีมองโทรศัพท์งงๆ ยังไม่ทันได้พูดกันรู้เรื่องก็วางหูไปซะแล้ว

คุณหญิงรีบหายาดมในกระเป๋าใบจิ๋วมาดมท่ามกลางเด็กรับใช้ที่ปรนนิบัติพัดวีเจ้านายที่ลมจับ หลังจากที่อาการดีขึ้นตามลำดับก็กดโทรศัพท์หาคุณระรินทิพย์ทันที

“ว่าไงคะ คุณเพื่อนขา”

ก็ไหนว่าจะงีบไงยะ

“ลูกเรหนีบผู้หญิงที่ไหนไม่รู้ไปกกที่เชียงใหม่ค่ะ”

“ห๊า...อะไรนะคะ” คราวนี้คนที่ตกใจกลับเป็นคุณระรินทิพย์ เธออุตส่าห์นับเวลารอเขากลับจากฝรั่งเศสแล้วจะได้แนะนำให้รู้จักกับมิรันตี

แล้วนี่ถูกชะนีตัวไหนคาบไปแล้วล่ะเนี่ย

“ตาเรกลับจากฝรั่งเศสตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

“ก็กลับมาได้สัปดาห์หนึ่งแล้วนะคะ มาได้ไม่ทันไรก็แจ้นไปเชียงใหม่ คุณเพื่อนโทรไปเช็คดูก็มีผู้หญิงที่ไหนไม่รู้รับโทรศัพท์”

“เอ่อ ที่เชียงใหม่ใช่ไหม พอดีเลย รู้สึกว่าตามธามก็พาหนูรดาไปเที่ยวที่เชียงใหม่เหมือนกัน”

“ลูกชายของเธอช่างดีจริง ไม่ได้หาเรื่องชวนปวดหัวมาให้ฉันเหมือนลูกชายฉันเลย”

“ตาเรไม่ได้เป็นคนอย่างนั้นนี่นา”

“ฉันได้ยินเสียงผู้หญิงจริงๆ นะ”

“งั้นเราไปพิสูจน์กันไหมคะ” คุณหญิงระรินทิพย์มีข้อเสนอที่เร้าใจให้เพื่อนรัก เธออยากรู้จริงเชียวว่าใครหน้าไหนมาทำให้หน้าที่กามเทพแผลงศรของเธอต้องสะดุดลง

มันน่านัก

///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

มิรันตีกดรีโมทเปลี่ยนช่องทีวีไปเรื่อยๆ ไม่สนใจรายการโทรทัศน์ตรงหน้านัก เธอนั่งหน้าตูมมองจอพลาสมาโดยไม่ได้ใส่ใจกับมัน

“เมื่อกี้ใครโทรมาน่ะมิ” เรวัตถามขณะที่นั่งลงข้างๆ กันกับเธอ

“ผู้หญิง” หญิงสาวตอบกระแทกเสียง

“ใคร”

“ไม่รู้ แต่ฉันว่ากิ๊กนายนั่นแหละ” เรวัตอมยิ้มกับคำตอบของมิรันตีที่ออกจะสะบัดเสียงเล็กน้อย

“หึงเหรอ”

“เอ้อ เปล๊า หึงอะไรไม่ได้หึง” มิรันตีตีหน้าซื่อพลางกระเถิบห่างชายหนุ่มที่สวมเสื้อกล้ามสีขาวกับกางเกงเลสีฟ้าแถมปะแป้งเย็นตรางูเสียด้วย

“ไม่หึงก็ไม่หึง แต่อาการอย่างนี้เขาเรียกว่าหึง” เรวัตกระเซ้า

กลิ่นแป้งเย็นตรางูกระป๋องเขียวโชยเข้าจมูกวูบ มิรันตีกลั้นหายใจ นอกจากเธอจะชอบผู้ชายใส่แว่นแล้วยังเป็นโรคหัวใจ...ไม่แข็งแรงเวลาได้กลิ่นแป้งตรางู

“นั่งตัวเกร็งเชียวนะ”

“ก็เขยิบไปหน่อยสิ” เรวัตทำตามอย่างว่าง่าย หากแต่คว้ามิรันตีกอดไว้แนบอก หญิงสาวตีอกให้อั้กทำเอาจุกไปตามๆ กัน

“ยังเจ็บอยู่ไหม” จู่ๆ เขาก็พูดขึ้นมา เธอทำหน้างงๆ เรวัตไม่ปล่อยให้เธอเอ๋อได้นานก็เลิกเสื้อของเธอขึ้นแล้วกดเธอนอนหนุนตักเขาท่ามกลางเสียงร้องวี้ดตกใจ

“นายจะบ้าหรือไง” มิรันตีกระวีกระวาดลุกขึ้นหากเขากดเธอไว้ไม่ให้ทำดังใจอยาก

“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่า” มิรันตีสบตาเรวัตที่อยู่หลังกรอบแว่นสีเงิน หญิงสาวพยักหน้าแทนคำตอบ

“ถ้ากดก็ปวดอยู่นิดนึง” เธอบอกไปตามจริง เรวัตก้มลงจูบที่แผลเบาๆ ถ้าเขาเงยหน้ามองเธอตอนนี้คงได้เห็นสาวมั่นหน้าแดงราวกับลูกตำลึงสุก หัวใจของเธอพองโตคับอก

“เดี๋ยวก็หาย”

“คะ”

ชายหนุ่มส่ายหัวกับอาการเอ๋อของมิรันตี เขาเริ่มจับไต๋ได้ว่าถ้าใกล้ชิดกับเธอแบบถึงเนื้อถึงตัวเมื่อไหร่ล่ะก็เป็นได้เรื่อง

“ผมบอกว่าเดี๋ยวก็หาย”

หญิงสาวยันตัวลุกขึ้นนั่ง ชายหนุ่มก็กดเธอแนบอกอีกครั้ง

“มิไม่ห้ามตัวเองแล้วนะ” เธอกล่าวเสียงแหบ เรวัตก็ไม่เข้าใจกับคำพูดของเธอ มิรันตีไม่ปล่อยให้เขาสงสัยอยู่นาน เธอกอดตอบเขาแล้วสูดเอากลิ่นแป้งเย็นตรางูเข้าเต็มปอดแถมหอมแก้มเขาซะฟอดใหญ่

แรกทีเดียวเขาก็ชอบใจกับการกระทำของเธอ แต่เมื่อนิ้วเรียวที่ซุกซนอยู่ที่บ่าไหล่ทำเอาเขาใจเต้นไม่เป็นจังหวะ ได้แต่ส่งสายตาดุๆ มองเธอ นั่นแหละมิรันตีจึงรามือ


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


ปังๆๆ

เสียงเคาะประตูที่ดังถี่ๆ ติดกันทำให้เรวัตที่เพิ่งนอนหลับไปไม่นานหงุดหงิดอย่างช่วยไม่ได้ มิรันตีเป็นคนหลับลึกก็ยังคงนอนไม่รู้เรื่องต่อไป

“ไอ้น้องบ้า บอกแล้วไงว่าอย่ามาเป็น ก ข ค น่าตีนักเชียว“ เรวัตบ่นขณะเดินคลำทางไปเปิดประตู

“มาแล้วๆ” มือข้างหนึ่งที่ว่างจากการถือแว่นตาก็ขยี้จัดทรงผมให้อยู่ทรง

“สวัสดีเรวัต” คุณหญิงรดีสุดาทักเสียงเย็นทำเอาคนถูกทักทำหน้าไม่ถูก

“เอ่อ ป้าเข้าไปนะลูก มาเข้ามาก่อนแล้วค่อยว่ากัน” คุณระรินทิพย์ทำหน้าที่เชื่อมความสัมพันธ์ของคนที่กำลังอ้ำๆ อึ้งๆ

“คุณแม่มาได้ไงครับเนี่ย” เรวัตพยายามประจบประแจงมารดาเต็มที่แล้วทำเนียนใช้เท้าเขี่ยรองเท้าส้นเข็มของมิรันตีไว้ใต้ตู้หากช้ากว่าสายตาที่เปิดเรดาร์เตรียมจับผิดเต็มที่ของคุณหญิงรดีสุดา

“ได้ข่าวว่าเราเอาผู้หญิงมานอนกกที่นี่” แรกทีเดียวคำพูดของคุณแม่ทำเอาลูกชายตาโต

“ผู้หญิงที่ไหน ไม่มี๊ ไม่มี”

นี่แม่เขาไปพึ่งหมอดูสำนักไหนมาวะเนี่ย

“แม่โทรหาแกแล้วผู้หญิงรับสาย” เมื่อเห็นลูกชายยืนยันกระต่ายขาเดียวไม่ยอมจำนนต่อหลักฐาน คุณหญิงรดีสุดาจึงต้องเอาไม้ตายมาใช้

“ผู้หญิงไหน คุณแม่คงต่อผิด” เรวัตยังยืนยันคำเดิม

“ไม่ผิดหรอก หล่อนยังบอกฉันเลยว่าแกน่ะอาบน้ำอยู่ ไหนๆ แกเอาผู้หญิงคนนั้นซ่อนไว้ที่ไหน”

“เอะอะอะไรกันคะ” เสียงหวานดังกังวานทำเอาคนทั้งสามชะงักงัน

หญิงสาวในชุดนอนบางเบาเดินนวยนาดออกจากห้อง นั่นไม่เท่ากับรอยแดงทั่วลำคอ ดวงตาหวานของเธอเบิกกว้างเมื่อเห็นสตรีผู้สูงวัยในห้องถึงสองคน

“มิรันตี!” เสียงคุณระรินทิพย์ดังขึ้นแล้วเป็นลมล้มตึงแน่นิ่งอยู่บนโซฟาดังเดิมทำเอาเพื่อนรักต้องปฐมพยาบาลเร่งด่วน


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


นุ่นไม่สบายอีกแล้วค่ะ เป็นโรคหน้าเบี้ยวครึ่งซีก จะขาดเรียนก็ไม่ได้ เทอมนี้มีแต่วิชาสำคัญๆ ทั้งนั้น อ๊ากๆๆๆ จะบ้าตาย ต้องไปทำกายภาพบำบัดทุกวันเลยค่ะ ไม่ค่อยมีเวลามาปั่นนิยายเลย

ไม่ได้ตอบคอมเม้นต์นะคะ วันนี้ลงให้สองบท :)

ป.ล. ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ




เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.ค. 2554, 00:29:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.ค. 2554, 00:35:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1876





<< บทที่ 9 รักหวานหอม (อี๋)   บทที่ 11 Sweetie >>
หมู้หมู 7 ก.ค. 2554, 16:11:14 น.
เอิ้กๆๆๆ แต่ละคน


ปูสีน้ำเงิน 7 ก.ค. 2554, 21:30:22 น.
แจ็คพ็อตล่ะงานนี้


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account