...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 23 กระสุนกลิ่นกุหลาบ (100%)


ท่ามกลางเมืองโบราณ อดีตเมืองหลวงโบราณของโมร็อกโก
อย่างเมืองเมกเนสซึ่งมีกำแพงล้อมรอบเมืองเก่าที่ยาว 40 กิโลเมตร
มีประตูใหญ่ 7 ประตู และตรงประตูบับมันซู (Bab Mansour Monumental Gate)
ที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุด มีการตกแต่งด้วยโมเสดและกระเบื้องสีเขียว
บนผนังสีแสดตรงหน้าประตู…

ผู้คนมากมายโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างผ่านเข้ามาชื่นชมโบราณวัตถุแห่งนี้
ซึ่ง ณ ที่แห่่งนี้นี่เองที่ผู้คนผ่านไปมามิทันได้สังเกตนั้น
ท่ามกลางหมู่เด็กๆที่มาทัศนศึกษามีสาวท้องแก่ในชุดสีดำตัวใหญ่
พร้อมผ้าคลุมปิดหน้าเหมือนชาวเมืองทั่วไปในแถบทะเลทราย
กำลังเดินเคียงข้างกับชายชราร่างใหญ่และอ้วนเทอะทะในชุดโตบตัวยาวสีขาว
ในมือมีไม้เท้าเอาไว้ค้ำยัน หนวดเคราที่ออกสีเงินพร้อมกับผมสีดอกเลา
กับใบหน้าที่มีรอยแห่งกาลเวลาจารึกเอาไว้ทำให้เป็นภาพ
ที่ดูกลมกลืนไปกับบรรยากาศโดยรอบของเมืองโบราณ

“อึดอัดมั้ยน้องรัล…” เสียงของชายชราถามหญิงสาว
ที่เดินอุ้ยอ้ายอยู่ข้างๆอย่างห่วงใย

“ถือว่าเป็นการซ้อมไว้ไงคะ…แต่ไม่รู้ว่าน้องรัลแสดงบทบาทได้ดีรึเปล่า
เพราะไม่มีประสบการณ์ตั้งท้องมาก่อนเลย…”

ดารัลที่ต้องมาเดินแสดงบทบาทสาวท้องแก่ในเมืองเมกเนสหันมายิ้มสดใสให้ฟาเดล…
แม้เขาจะไม่สามารถมองเห็นรอยยิ้มนั้นได้ แต่มองจากดวงตาของเธอแล้ว
เขาก็ต้องส่งยิ้มจากใบหน้าเหี่ยวๆตอบกลับไป…

“ยิ้มได้แต่ระวังอย่าหัวเราะมากๆนะคะ เดี๋ยวหน้าเหี่ยวๆของพี่จะร่วงเอา
น้องรัลล่ะกลัวจริงๆ…ความคิดใครเนี่ย…”

ดารัลแอบค่อนขอดเจ้าของความคิด ตอนแรกนั้นเธอกะจะแต่งเป็นหญิงสาวทั่วไป
เหมือนกับชาวเมืองแห่งนี้เพื่อความกลมกลืนแล้วให้เขาแปลงเพศไปพร้อมๆกับเธอ

แต่เขากลับบอกว่ารูปร่างอย่างเขาแปลงเป็นผู้หญิงไม่ได้หรอก
มันดูจะสูงและใหญ่เกินมาตรฐานผู้หญิงไปหน่อย

แล้วเขาก็ทำหน้าไม่พอใจสุดๆที่จะต้องแปลงร่างเป็นผู้หญิงเหมือนเธอ
แม้เธอจะอ้อนแค่ไหนเขาก็ไม่ยอมใจอ่อนเลย…
บอกว่าให้แปลงโฉมเป็นหญิงน่ะ ขอเป็นคนแก่ดีกว่า…

และแนะให้เธอแปลงร่างเป็นหญิงท้องแก่ จะได้ดูมีสิทธิพิเศษ
ไปไหนใครๆก็เกรง พอๆกับคนแก่อย่างเขานี่แหล่ะ…

ดังนั้น คนท้องกับคนแก่ จึงเป็นคำตอบ

เพราะบุคคลทั้งสองมักจะถูกยกเว้นเป็นกรณีพิเศษเสมอไม่ว่าจะไปที่ใด…
ยิ่งคนท้องแก่ที่ต้องหิ้วกระเป๋ายาวที่มีเอ็มสิบหกสองกระบอกด้วยแล้ว
ยิ่งไม่มีใครสงสัยใคร่รู้อยากยุ่งกับสัมภาระดังกล่าวด้วย…

ส่วนคนแก่ที่ต้องสะพายเป้เดินทางอย่างเขายิ่งดูน่าสงสารไม่เบา…

ดังนั้นไม่นาน ชายชราที่ถือไม้เท้ากายสิทธิ์ที่ถ้าหากว่ามันมีรูปร่างใหญ่หน่อย
ก็คงไม่ต่างจากกระบองที่เหมาะกับยักษ์เฒ่าตัวใหญ่อย่างเขา
กับหญิงท้องแก่ก็เดินไปยังรถส่วนตัวคันหนึ่งที่ถูกส่งมาให้
หลังจากรอด้วยการฆ่าเวลาเดินพาร่างแปลงในมาดใหม่
ชมโบราณสถานของเมืองนี้อยู่เป็นเวลาร่วมชั่วโมง

“โชคดีนะคะที่พี่ฟาเดลญาติเยอะ…” ดารัลพูดด้วยน้ำเสียงสดใส
เมื่อมองไปยังรถยนต์ที่ญาติของเขานำมาจอดทิ้งเอาไว้ให้
ตามคำขอของเขาเมื่อชั่วโมงก่อน

“และเป็นญาติที่หน้าตาดีเหมือนหัวจิตหัวใจเสียด้วย…” ฟาเดลรับคำชมหน้าตาเฉย
ก่อนจะพาหญิงท้องแก่ไปทางด้านข้างคนขับ
เปิดประตูแล้วประคับประคองให้ราวกับกำลังปรนนิบัติเอาใจภรรยาท้องแก่จริงๆ

“อย่าลืมนะว่่าตอนนี้กำลังตั้งท้องอยู่…” ฟาเดลกระซิบกระซาบข้างๆหูภรรยาสาว
เพื่อเตือนแกมกระเซ้าเย้าแหย่ให้ระวังตัวเมื่อเห็นเธอกำลังจะลืมตัวด้วยการ
เดินแบบกระฉับกระเฉงเกินไป

“รู้หรอกค่ะ…พี่เองก็อย่าเผลอลืมล่ะว่าตัวเองน่ะแก่หง่อมแล้ว…
จะมาทำท่าทางและส่งสายตาแบบนี้ให้หลานสาวที่กำลังตั้งครรภ์ไม่ได้”
ฟาเดลยิ้มรับก่อนจะอ้อมมาเปิดประตูฝั่งคนขับแล้วนั่งลงประจำตำแหน่ง

“แต่แหม…แก่ไม่แก่เปล่า…นี่น่ะเขาเรียกว่าแก่แบบลงพุงเสียด้วย…ฮ่าๆ”

ดารัลหัวเราะคิกคักเมื่อก้มมองพุงของฟาเดลที่ยื่นออกมา
ซึ่งตอนนี้มันกำลังกลมเหมือนลูกโป่งที่วางอยู่บนหน้าตักเขา
แถมยังดันยอดอกของเขาจนทำให้ช่องว่างระหว่างพุงของเขากับพวงมาลัยรถ
หายไปทันตา ก่อนจะหันไปจ้องที่แขนใหญ่ๆของเขาที่ซ่อนอยู่ในร่มผ้า
แล้วก็ปล่อยเสียงหัวเราะออกมาได้อีก…

“แถมมีลำแขนใหญ่ยักษ์ด้วยนา…” ฝ่ามือเล็กยังฟาดเข้าไปตรงลำแขนของเขา
ซึ่งเป็นเธออีกเช่นกันที่พันผ้าเอาไว้เพื่อให้มันดูใหญ่ขึ้นหมายจะเย้าแหย่อีกคำรบ

“ตอนพี่แก่น้องรัลไม่ขออย่างนี้ได้มั้ย…” ดารัลว่าพลางยกมือส่าย
พร้อมใบหน้าไปมา

“ไม่ให้ลงพุงเลยเห็นจะยากนา…คุณปู่พี่ก็ลงพุงนะน้องรัล…”
ฟาเดลท้วงติงด้วยสีหน้าสลดเมื่อก้มมองพุงกลมๆของตัวเอง

สภาพแบบนี้มันดูได้เสียที่ไหน…

แต่เขาบอกว่าอะไรแบบนี้มันเป็นเรื่องของกรรมพันธุ์เสียด้วยสิ
แล้วปู่ของเขาก็ดูตัวโตและมึพุงด้วย…เขาอาจจะมีแนวโน้มเหมือนปู่ก็ได้เมื่อแก่ตัวลง…

“ไม่รู้แหล่ะ ถ้าปล่อยให้พุงยื่นขนาดนี้เมื่อไหร่ น้องรัลจะยื่นฟ้องหย่าทันทีเลย…”

“ข้อหาอะไร…”

“ก็พุงยื่นไง…”

“แล้วทีน้องรัลพุงยื่นล่ะ…” ฟาเดลพยักพเยิดให้เจ้าตัวก้มมองที่พุงของตัวเองเสียบ้าง
ว่าเวลาตัวเองพุงยื่นๆแบบนี้น่ะสวยและเซ็กซี่เสียที่ไหน
สภาพก็ไม่ได้ต่างไปจากเขานักหรอกน่า

“อ๊ะ ยื่นแบบน้องรัลน่ะ สามีต้องรับผิดชอบรู้มั้ย…ไม่ใช่ปัดความรับผิดชอบ”
เรื่องอะไรจะยอมให้คนแก่หง่อมอย่างเขามาต่อว่าคนท้องแก่อย่างเธอล่ะ…

“แล้วถ้าเกิดสามีพุงยื่นเพราะเมียทำกับข้าวอร่อยล่ะ ใครต้องรับผิดชอบ”

“ก็ถ้าสามีตะกละและไม่รู้จักออกกำลังกาย สามีนั่นแหล่ะต้องรับผิดชอบไปเอง…
ไม่รู้แหล่ะ อย่าปล่อยให้พุงยื่นเด็ดขาดเชียวนะ…แล้วจะหาว่าไม่เตือน”

ดารัลทำเสียงขู่ในลำคอ ซึ่งคนฟังก็หาได้กลัวไม่เมื่อโดนยื่นคำขาด
เรื่องสรีระตอนแก่ของเขา

“ตอนหล่อรูปร่างดีก็หึง ไม่พอใจหาว่าเราหล่อหุ่นเซ็กซี่เกิน
จนเป็นเหตุให้เกิดศึกช่วงชิง…แต่พอได้เห็นสภาพจำลองตอนแก่ก็ขู่จะทิ้ง…เฮ้อ…”

ฟาเดลแสร้งบ่นพร้อมถอนหายใจอย่างไม่จริงจังนัก
ทำเอาหน้าเหี่ยวๆของเขาที่เธอพยายามตกแต่งเมคอัพมาหลายชั่วโมง
ดูเหี่ยวลงไปอีกถม

“โอ๋…น้องรัลล้อเล่นหรอก…” ดารัลหันไปทางคนขับ
ที่กำลังทำหน้างอเหมือนจวักแล้วยกมือสองข้างพร้อมกับโยกหัวไปมาประกอบคำพูด

“ขอให้เราได้อยู่ครองคู่กันจนแก่เฒ่าเถอะค่ะ…ต่อให้พี่ลงพุง หัวล้าน
เหมือนตือโป๊ยก่ายหรือจะเหี่ยวมากกว่านี้
น้องรัลก็จะอยู่ทำกับข้าวอร่อยๆให้กินอยู่ดี…เชื่อสิ…ไม่ทิ้งไปง่ายๆหรอก…”

และเมื่ออีกฝ่ายยังไม่ยอมสตาร์ทออกรถเสียที ดารัลจึงหันไปเอาใจให้อีกว่า

“ไม่พาไปทิ้งที่สถานสงเคราะห์คนชราแน่ๆ สัญญาเลยเอ้า…”

แต่ก็ยังไม่เป็นผลเท่าไหร่ ดารัลเลยลดผ้าปิดหน้าลงยื่นจมูกของตัวเอง
ไปหอมแก้มเหี่ยวๆนั่นหนึ่งฟอดอย่างไม่รังเกียจรังงอน
เพราะรู้ว่านั่นน่ะแก้มของคุณสามีสุดที่รักของเธอนี่นา
ก่อนจะขยับผ้ามาปิดหน้าเช่นเดิม

“หายงอนนะ…” ดารัลยกนิ้วก้อยขึ้นชูแล้วโยกไปมาตรงหน้าเขา

ฟาเดลจึงตวัดสายตาหันมามอง กลั้นยิ้มสุดฤทธิ์
นึกสนุกอยากงอนไปอีกสักพักเพื่อดูปฏิกิริยาของอีกฝ่ายเล่น

“สัญญาด้วยใจว่ายังไงก็จะรักแต่พี่ฟาเดล…”
นิ้วก้อยข้างขวาถูกยื่นมาเพื่อรอนิ้วก้อยอีกข้างของเขา…

“แม้จะแก่ หน้าเหี่ยว ลงพุุง หัวล้าน ตัวดำ ฟันหลอ?…” ดารัลพยักหน้า
ก่อนจะจิ้มไปที่หน้าอกข้างซ้ายของเขาขณะพูดว่า

“ถ้าตรงข้างในนี้ยังหล่ออยู่น่ะนะ…”

“น่ารักจริงๆแม่ของลูกพี่…”

ว่าแล้วก็ก้มลงหอมแก้มเธอทั้งๆที่ยังมีผ้าปิดหน้าอยู่

“เอ๊…แม่ของลูกพี่เมื่อไหร่ อย่ามาขี้ตู่…นี่น่ะท้องปลอมนะคะ…”

ดารัลว่าพลางจิ้มที่ท้องของตัวเองเป็นการพิสูจน์

ใครมันจะท้องรวดเร็วปานนี้เล่า…ก็รู้ๆอยู่ว่าเพิ่งผ่านศึกรักมาหมาดๆ
ท้องใหญ่ได้ขนาดนี้คงไม่ใช่ลูกคนแล้วละ

…น่าจะเป็นลูกยักษ์ลูกมารเสียละมากกว่า

“อยากให้ท้องจริงๆจะตาย…ไม่รู้เมื่อไหร่จะป่องแบบนี้จริงๆสักที”

ดารัลยิ้มเขินกับคำพูดและแววตาจริงจังของคุณพ่อขี้ตู่

“แล้วจะรับสภาพได้เหรอคะ ถ้าน้องรัลท้องป่องท้องยื่นขึ้นมาแบบนี้จริงๆ…
มันไม่เซ็กซี่เลยนะ...”ดารัลเลิกคิ้วถาม

“แล้วคิดว่าพี่จะรับได้มั้ยล่ะ…”ฟาเดลย้อนถามแทนจะให้คำตอบไปดีๆ
พร้อมกับสำทับด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นให้ดูน่ากลัวอีกว่า

“ไม่กลัวว่าพี่จะทิ้งไปหาสาวเอ๊าะๆพลางๆระหว่างนั้นบ้างเลยเหรอ…”
ดารัลส่ายหน้า

“ไม่กลัว…เพราะรู้ว่าคนแถวนี้อยากได้ลูกแต่ไม่มีปัญญาตั้งท้องเอง
และก็ต้องพึ่งท้องของน้องรัลขนาดไหน…
ดังนั้น…ถ้ามีตัวประกันอยู่ในท้องน้องรัลเมื่อไหร่ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกลัวสักนิด…”

ดารัลลอยหน้าลอยตาตอบราวกับไม่สะทกสะท้านกับคำขู่นั่นเลยสักนิด

“ขี้คร้าน ถ้าพาหนีไปหาพ่อใหม่เสีย จะนอนร้องไห้ซะล่ะมากกว่า”

“มั่นใจจริงว่าเราจะไม่ทิ้ง…” ฟาเดลเดาะลิ้นเล่นขณะยั่วเย้า

“ทิ้งไม่กลัว กลัวจะไม่ทิ้งมากกว่า…” ดารัลเลิกไหล่ไหวๆ

หญิงสาวเอ่ยออกไปเช่นน้ันด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ด้วยเพราะไม่รู้และไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะต้องเผชิญกับอะไรในอนาคตอันใกล้นี้…

ซึ่งนั่นอาจนำมาซึ่งความพลิกผันครั้งสำคัญในชีวิตของเธออีกครั้ง
หลังจากต้องแต่งงานแล้วเดินทางจากดินแดนหนึ่งสู่อีกดินแดนหนึ่ง…

โดยไม่รู้เลยว่า ความรักระหว่างเธอกับเขากำลังจะกลายเป็นดาบสองคม







หลังจากเหตุการณ์จู่โจมครั้งนั้น ทุกอย่างก็เงียบงันไปพักใหญ่
ราวกับคลื่นกระทบฝั่ง

สองเดือนผ่านไปแล้ว ไม่ว่าจะ ‘แมงมุมแม่ม่าย’หรือ ‘เมดูซ่า’ ก็ดูจะเงียบไป
ไม่พบการเคลื่อนไหวใดๆที่ส่อเค้า

“ซุ่มเงียบแบบนี้ ไม่น่าไว้ใจเลยค่ะ…” เนเนตเอ่ยขึ้น
เมื่อดารัลกำลังนั่งทำงานฝีมือของญี่ปุ่นเพื่อประดับข้างฝาของบ้าน
อยู่ตรงศาลาในสวน

“แล้วเรื่องงานของเมดูซ่าล่ะเนเนต…”

“ผู้หญิงคนนี้เป็นคนเก่งมากๆเลยค่ะ ตั้งแต่เข้ามามีหุ้นส่วนในบริษัท
ก็ทำให้กิจการการท่องเที่ยวของบริษัทก้าวหน้าขึ้นมาก
มีโครงการใหม่ๆน่าสนใจทั้งๆที่เพิ่งจะผ่านมาไม่กี่เดือนด้วยซ้ำ…
นับว่าเป็นคลื่นลูกใหม่ที่กำลังมาแรงน่าดู”

ดารัลพยักหน้ารับรู้เพราะสามีของเธอก็เอ่ยถึงความสามารถ
ของหุ้นส่วนคนนี้ให้ฟังอยู่บ่อยๆ…

“เขาไม่มีคู่ควงหรือมีข่าวคบกับใครบ้างเลยหรือ…”
ดารัลถามทั้งๆที่มือยังคงจดจ่ออยู่กับงานฝีมือตรงหน้า

...เธอเลือกที่จะทำงานฝีมือทุกครั้งเพื่อเรียกสมาธิ…
เพราะเมื่อมีสมาธิเธอจะสามารถคิดอะไรดีๆออก…

“ไม่มีนะคะ…ไม่เห็นควงใครเลย…วันๆเอาแต่ทำงานและก็เข้าสังคม
บริจาคเงินช่วยเหลือองค์กรและมูลนิธิต่างๆ
ทั้งๆที่มีผู้ชายมากมายพยายามทอดสะพานเงินสะพานทองให้เดินไปหา
แต่เธอไม่สนใจใครสักคน...

วันก่อนเห็นมีนักธุรกิจชาวนอร์เวย์คนนึงเข้ามาทาบ แต่เธอก็ทำเมินไม่สนใจ…”

ดารัลลอบถอนใจ แล้วสูดอากาศภายในสวนเข้าปอด
ก่อนจะยกผลงานขึ้นถามคนสนิทว่า

“เสร็จแล้ว…ใช้ได้มั้ยเนเนต…” เนเนตมองงานฝีมือในกรอบรูป
ซึ่งเป็นรูปดวงตะวันกำลังจะลับฟ้า แต่ไม่ยอมตกน้ำ…”

“สวยค่ะ…ที่ไหนคะนั่น…”

“ที่ที่ดวงอาทิตย์ไม่ตกดินยาวนานที่สุด…”
ดารัลตอบพร้อมรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยเลสนัยบางอย่าง

“นอร์เวย์หรือคะ…” เนเนตเลิกคิ้วถามด้วยแววตาไม่แน่ใจนัก

“ใช่…”

“นึกว่าจะเป็นที่ไหนในญี่ปุ่นๆเสียอีก…เพราะฉายาแดนอาทิตย์อุทัย”
ดารัลส่ายหน้า

“ฉันเคยอยากไปดูดวงอาทิตย์เที่ยงคืนที่นั่นมาหลายครั้งแล้ว
แต่ก็พลาดโอกาสเสียทุกที…คิดว่า ถ้ามีโอกาส
ฉันจะลองไปเหยียบที่นั่นดูสักครั้งน่ะ…” ดารัลเอ่ยด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจ…

“แล้วนี่จะไปติดไว้ตรงไหนคะ…”

“คงจะที่ห้องนอนน่ะ…”

“ยังมีพื้นที่ว่างให้ติดอีกหรือคะ…” เนเนตเอ่ยออกมาปนเสียงหัวเราะในลำคอ

เพราะเท่าที่เธอเดินไปเดินมาในคฤหาสถ์หลังใหญ่แห่งนี้
ก็เห็นจะมีแต่งานฝีมือของดารัลวางอยู่ทุกซอกทุกมุม

ยิ่งพักหลังๆมานี้เธอมุมานะจัด ถึงกับทำโน่นทำนี่ไม่ยอมให้ตัวเองว่าง…
เพราะส่วนของงานบริหารนั้น คุณสามีไม่ให้เข้าไปช่วยเหลืออะไร
บอกว่าข้างนอกไม่ปลอดภัย หากจะออกไปไหนต้องพกบอดีการ์ดไปด้วย…
และยังสำทับอีกว่า เขาไหว เขาเอาอยู่

นกน้อยในกรงทองก็เลยหาเวลาว่างมาทำงานฝีมือ
ทั้งงานที่ใช้ติดบนฝาผนัง ทั้งงานถัก งานเย็บปักผ้าม่าน
งานเพ้นท์ลายลงบนแก้ว บนจานชาม…ไม่เว้นแม้แต่แผ่นรองแก้ว
เธอก็ออกแบบและประดิษฐ์ประดอยเองทั้งหมด

และยังไม่หมดแค่นั้น เพราะเธอเล่นชวนบอดีการ์ดมานั่งทดลอง
ทำน้ำอบกลิ่นดอกไม้นานาชนิด คิดค้นสูตรน้ำยาล้างจานใช้เอง
น้ำยาปรับผ้านุ่ม สบู่หอม สเปรย์ดับกลิ่นห้อง เทียนหอม
เลยไปถึงครีมขัดผิวขัดหน้าสูตรใหม่
โดยทุกอย่างล้วนทำมาจากวัตถุดิบจากธรรมชาติ

นับว่าเป็นเภสัชกรผู้คิดค้นที่มีผลงานเยี่ยมยอดคนนึงเลยทีเดียว

และไม่ได้ทำอะไรเชื่องช้าเสียด้วย เพราะทุกอย่างที่คิดที่ทำนั้น
มันทั้งรวดเร็ว หากปราณีตสวยงาม…

จนทำให้เธอและคนอื่นๆถึงกับไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าทั้งหมดทั้งมวล
จะเกิดจากสมองและฝีมือของคนๆเดียวภายในเวลาเพียงแค่สองเดือน

เพราะทุกอย่างภายในบ้านตอนนี้ดูจะมีแต่ผลงานของคุณเธอแทบทั้งหมด…

ดังนั้น สองเดือนที่ผ่านมานี้ ไม่มีสักวันที่หญิงสาวผู้นี้
จะเลิกคิดเลิกทำอะไรๆใหม่ที่เกิดอยากจะทำขึ้นมา…

“ฉันว่าเสร็จจากนี้แล้ว จะชวนเธอเข้าครัว ทำขนมหน่อย…”

ดารัลมองภาพผลงานตัวเองไปยิ้มไปพร้อมกับชวนเนเนตด้วยน้ำเสียงสดชื่น

“หวังว่าหน้าตาขนมของคุณจะไม่ทำให้คนกินหวาดผวานะคะ…”

นี่ก็เป็นอีกหนึ่งของงานอดิเรกของคนตรงหน้า
ที่ถ้ามีเวลาว่างและมีอารมณ์เมื่อไหร่
ก็จะหาเรื่องคิดค้นทำขนมหรืออาหารสูตรใหม่ๆออกมาให้ผู้อื่นได้ผวาเล่น

โดยการจับโน่นผสมนี่ จับนี่ผสมนั่น…
ชิมไปชิมมาแล้วก็วิ่งเข้าห้องน้ำ ออกมาอีกทีก็เอาส่วนผสมดังกล่าว
เทท้ิงถึงขยะไปเสียก็มี…

กว่าจะได้ขนมหน้าตาไม่ธรรมดามาประดับโต๊ะ
ก็เล่นเอาเธอและบอดีการ์ดที่โดนลูกยุจากเธอหัวหมุน ท้องไส้ปั่นป่วนโดยอัตโนมัติ
และหวาดผวาทุกครั้งที่ต้องทำหน้าที่เป็นหนูทดลอง

“นึกเสียว่ากำลังเรียนวิชาเคมี โดยมีฉันเป็นศาสตราจารย์หญ่าย…”
เมื่อเห็นสีหน้าของลูกศิษย์ ดารัลก็ปลอบทันทีว่า

“หน่า…ฉันรู้หรอกว่าอะไรผสมกับอะไรแล้วกินได้…ไม่ตาย
แค่อาจจะท้องเสียบ้างเล็กๆน้อยๆในตอนแรกที่ส่วนผสมยังไม่ลงตัว…
แต่ก็คุ้มไม่ใช่เหรอ เธอก็เห็นว่าขนมดอกแคของฉันอร่อยแค่ไหน…”

ดอกแคของฟาเดลออกดอกชูช่อได้ไม่เท่าไหร่
ดารัลก็เด็ดมันมาเป็นวัตถุดิบทำขนมเสียอย่างนั้น…

ทำเอาเจ้าของต้นดอกแคถึงกับมองขนมดอกแคด้วยแววตาหวาดระแวงปนผวา
เมื่อโดนลากตัวมาเป็นหนูทดลองตัวแรก

เพราะกิตติศัพท์เล่าลือถึงความช่างคิดค้นของภรรยานั้นเลื่องลือ
ในหมู่บอดีการ์ดเสียจนฟาเดลต้องตั้งสติและทำใจ
ปลอบกระเพาะและลำไส้อยู่นานกว่าจะรวบรวมความกล้า
หยิบขนมดอกแคของภรรยาสาวเข้าปากได้…

“ขนมดอกแคน่ะไม่ผิดหวังค่ะ…”

...แต่ขนมอื่นๆน่ะอีกเรื่องนึง...

เนเนตเอ่ยในใจ ไม่กล้าพูดออกไปตรงๆ

“นั่นไง…ดังนั้นวันนี้ ฉันก็คิดไว้แล้วว่าจะทำขนมอะไรใหม่ๆให้ทุกคนลองชิมอีก…”

“ขอเป็นขนมเค้กกล้วยหอมธรรมดาๆได้มั้ยคะ พอดีอยากกิน…”

เนเนตพยายามเลี่ยงการทำขนมสูตรใหม่ของดารัลอย่างละมุนละม่อมที่สุด

“เหรอ…ถ้างั้นก็…เห็นจะดีเหมือนกัน…ฉันว่าเรามาลองทำ
เค้กกล้วยหอมแบบใหม่ดูดีกว่าเนอะ…อาจจะลองผสมผสานกับผลไม้ชนิดอื่นๆดู…
เผื่อจะออกมาน่ากินกว่าแบบธรรมดาๆทั่วไปของเธอ…ว่าแต่กล้วยจะเข้ากับอะไรดี…”

ดารัลทำท่าคิด หากคนที่กำลังจะเป็นลูกศิษย์ถึงกับเหงื่อตก
แล้วก็ได้ยินเสียงดีดนิ้วดังเปาะพร้อมกับเสียงสดใสของ ‘อาจารย์หญ่าย’

“แอบเปิ้ลเลย…กล้วยกับแอปเปิ้ล…เมนูสุขภาพเลยล่ะเนเนต
เพราะผลไม้สองชนิดนี้นะ มีคุณประโยชน์มากมาย กล้วยน่ะช่วยลดน้ำหนัก
ลดอาการหงุดหงิด รักษาโรคซึมเศร้้า ยิ่งได้รวมตัวกับแอปเปิ้ลแล้วล่ะก็…
มันต้องสร้างสรรค์คุณประโยชน์ให้คนกินได้อย่างไม่ต้องสงสัย…”

เนเนตกะพริบตาปริบๆกับเค้กกล้วยหอมแอปเปิ้ลที่คนตรงหน้ากำลังสนใจจะทดลองทำ…

คุณประโยชน์ของกล้วยกับแอปเปิ้ลน่ะเธอพอจะรู้อยู่หรอก
แต่ที่ไม่รู้เลยก็คือว่า เมื่อมันเผอิญมาเจอกันกับแป้งและไข่
จนกลายเป็นขนมเค้กฝีมือหญิงสาวตรงหน้านี่สิ รสชาติของมันจะเป็นเยี่ยงไร…

“เอาแบบไม่ต้องหวานมาก ให้ได้ซึมซับรสความหวานจากกล้วยหอม
และรสเปรี้ยวนิดๆจากแอปเปิ้ล…ดีมั้ย…”

สีหน้าแววตาของคนตรงหน้าแวววาวจนคนที่จะต้องเป็นลูกศิษย์
ถึงกับไม่กล้าออกปากขัดตาทัพ ได้แต่เดินตามหลังไปอย่างมิอาจทัดทานได้…

…เป็นไงเป็นกัน ก็ดันหลวมตัวมาเป็นคนสนิทของผู้หญิง
ที่เหมือนจะธรรมดาๆแต่ไม่ธรรมดาสักเท่าไหร่คนนี้เข้าแล้วนี่…






“แต่งหน้าด้วยอะไรดีเนเนต…สตรอเบอรี่ดีมั้ย หรือว่าดอกแคสีแดงดี…”

“เอ่อ…สตรอเบอร์รี่ดีกว่าค่ะ…สงสารดอกแคมัน…”

จริงๆเธอก็ไม่ได้จะสงสารดอกไม้ชนิดนี้นักหรอก
เพียงแต่พักหลังๆดูมันจะมีบทบาทบนโต๊ะอาหารเกินหน้าเกินตาไปหน่อย…

ก็แค่อยากจะลดบทบาทของมันลงมาบ้าง

“แต่มันจะเข้ากันเหรอ สตรอเบอร์รี่น่ะ…”
น้ำเสียงและแววตาไม่แน่ใจถูกถ่ายทอดออกมา

“ฉันเองไม่ค่อยชอบครีมซะด้วย…เอาไงดี…” ดารัลชักลังเล
เมื่อเห็นเค้กของเธอยังคงวางอยู่โดยที่ยังไม่มีหน้าสวยๆมาประดับ

“หรือว่าเราจะมาลองทำวุ้นผลไม้กันเนเนต วุ้นผลไม้น่าจะเหมาะเป็นหน้าเค้กนะ…
ได้กินทั้งเค้กทั้งวุ้น…” คราวนี้ลูกมือถึงกับหน้าเหวอ
ไม่คิดว่าจะได้เมนูเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง เค้กและวุ้น

“วุ้นอะไรนะคะ…”

“ก็วุ้นผลไม้ไง…”

“คุณทำเป็นเหรอคะ…” ดารัลส่ายหน้า

“ไม่เคยทำหรอก…แต่คิดว่ากูเกิ้ลช่วยชีวิตฉันได้…”

“เอ่อ…เค้กมันรอหน้าอยู่นะคะ…กลัวว่ามันจะรอเก้อ…
จริงๆแล้ว เรากินโดยไม่มีหน้าเค้กก็ได้นะคะ…ฉันน่ะ…กินง่าย
คนอื่นๆในที่นี้ก็กินง่ายกันทั้งนั้น”

เธอกินง่ายจริงๆนะ ไม่ได้เสแสร้ง
และถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้สถานการณ์ในห้องครัวสิ้นสุดลงง่ายๆเสียที
เพราะเธอคิดว่า บรรยากาศในห้องนี้มันดูไม่เหมาะกับบอดีการ์ดเช่นเธอเลยให้ตายสิ!

“ฉันเคยเล่นเกมส์แต่งหน้าเค้ก…สนุกกว่าเกมปลูกผัก
กับเกมส์พวกบู๊ล้างผลาญของเธออีกนะ…เลยอยากให้เธอมาลองทำจริงๆดูไง
เธออาจจะติดใจ ชอบมันก็ได้นะเนเนต…ของแบบนี้ไม่ลองไม่รู้หรอก”

สีหน้าที่ดูเหมือนเด็กซุกซนที่กำลังได้เจอของเล่นถูกใจ
ทำเอาเนเนตถึงกับลอบถอนหายใจไปเฮือกใหญ่
ใจภาวนาขอให้มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยพาเธอไปจากห้องครัวนี้ทีเถิด…

และเหมือนพระเจ้าจะได้ยินคำอ้อนวอนของเธอ…

“ทำอะไรอยู่ครับน้องรัล กลิ่นโชยไปถึงข้างนอกเลย…”

เสียงของฟาเดลทำให้เนเนตถึงกับยิ้มที่มุมปากทั้งๆที่อยากฉีกปากยิ้มด้วยซ้ำ
เมื่อเริ่มเห็นทางรอดอยู่ตรงหน้า

“เค้กสูตรใหม่ค่ะ…”

“สูตรใหม่อีกแล้ว…ใจคอจะไม่ทำสูตรเก่าให้กินกันบ้างเลยหรือ…”

คนอยากกินเค้กสูตรเก่ายื่นหน้ามาดูเค้กสูตรใหม่ด้วยสีหน้าหวาดระแวง
อย่างไม่ต้องปกปิด…

“รอให้หมดปัญญาคิดค้นสูตรใหม่ได้เมื่อไหร่ พี่ถึงจะได้กินสูตรเก่าค่ะ…”

“กว่าจะถึงวันนั้น พี่คงแก่ไปแล้ว…”

“กลัวว่าจะอยู่ไม่ทันแก่น่ะสิคะ…ลำไส้กี่ขดๆคงพันกันมั่วไปหมดแน่ๆ”

เสียงเนเนตขัดลำขึ้นทำเอาดารัลถึงกับเขม้นมองคนค่อนขอดเธอ
ด้วยแววตาเรืองรอง

“เดี๋ยวนี้ปากคอเราะร้ายนะเนเนต…”

“คงเป็นเพราะได้กินอะไรๆใหม่จากคุณน่ะค่ะ…
ปากคอเลยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเก่า…”

ฟาเดลถึงกับหัวเราะขันกับสองสาวที่ปะคารมกัน
ทั้งๆที่เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นบอดีการ์ดหน้าตายคนนี้จะเสวนาปราศัยกับใคร
อย่าว่าแต่หยอกใครเลย แค่จะพูดให้ได้ยินสักคำยังยาก

ส่วนรอยยิ้มนั้นหรือ เห็นจะเป็นเรื่องแปลกประหลาดถ้าใครได้เห็น
แต่พักหลังๆมานี้อีกเช่นกันที่บอดีการ์ดสาวคนนี้ยิ้มได้มากขึ้น

“งั้นเธอก็อย่าเพิ่งหนีไป ช่วยฉันแต่งหน้าเค้กให้เสร็จก่อนนะ…
เพราะมันคือผลงานของเรา” ดารัลขัดขึ้นอยากรู้เท่าทันอีกฝ่าย…

แต่เนเนตไม่ได้รู้สึกอยากเป็นส่วนหนึ่งของผลงานตรงหน้านักจึงตอบไปว่า

“คุณมีลูกศิษย์คนใหม่แล้วนี่คะ…”

“อย่าเรียกว่าลูกศิษย์เลยเนเนต ควรจะเรียกว่าหนูทดลองถึงจะถูก…”
ฟาเดลเอ่ยออกมาพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ

“งั้นฉันขอตัวนะคะ ไม่อยากเป็นก้างขวางคอน่ะค่ะ…”

เนเนตได้ทีรีบหาเหตุผลชิ่งหนีทันที…ดารัลอ้าปากจะร้องเรียก
ทว่า ฟาเดลกลับยกนิ้วขึ้นแตะริมฝีปากนั้นให้หยุดขยับไว้เสียก่อน

“ไหนบอกพี่ซิว่าวันนี้มีอะไรให้หนูทดลองชิม…”

ดารัลย่นจมูกใส่คนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้

“เค้กนี้ไงคะ…แต่ว่า น้องรัลกำลังคิดอยู่ว่าจะแต่งหน้าเค้กยังไง”

“โธ่…เรื่องแค่นี้เอง ให้หนุ่มจัดสวนอย่างพี่ช่วยดีมั้ย…
รับรองว่าหน้าเค้กน้องรัลต้องไม่เหมือนของใครในโลก…”

เนเนตที่เพิ่งพ้นไปจากห้องครัวได้เพียงไม่กี่ก้าว
ได้ยินประโยคนั้นเข้าถึงกับขนลุกทีเดียว ก่อนจะพึมพำเบาๆกับตัวเองว่า

“ท่าทางวันนี้คงต้องหาทางเลี่ยงเค้กก้อนนั้นแล้วละ…
ให้ไอ้พวกข้างนอกกินกันไปก็แล้วกัน…”

คิดได้ดังนั้น บอดีการ์ดสาวก็เดินยิ้มกริ่มออกไปยังด้านนอกที่มีเพื่อนบอดีการ์ด
กำลังยืนทำหน้าที่อย่างแข็งขันอยู่

พวกนั้นหารู้ชะตากรรมที่กำลังจะเผชิญในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าไม่

…ในเมื่อเค้กก้อนนั้นมันดูไม่ต่างอะไรกันเล้ยกับกระสุนกลิ่นกุุหลาบ!



.......โปรดติดตามตอนต่อไป........


เอา 50% ที่เหลือมาให้ค่ะ...

50%แรกเล่นเอามือปืนแสบตา 50%หลังทำเอาบอดีการ์ดหน้าตายแสบท้อง
ต้องมาลองดูค่ะว่าตัวร้ายจะเจอกับอะไรบ้างเมื่อคิดจะลองของ...อิอิอิ

ตอนนี้เต่าโยเองก็คิดถึงเค้กผลไม้ขึ้นมาเหมือนกัน ไม่กินเสียนาน
หวังว่านักอ่านจะมีความสุขกับการอ่านนะคะ...

เพราะอีกไม่เท่าไหร่ก็อาจจะยิ้มไม่ออกแว้วววว...





...คุยกับนักอ่านจากตอนที่แล้วค่ะ...

1.คุณร้อยวจี...รีบมาลงให้แล้วนะคะ ร้อนๆเลยทีเดียว

2.คุณแว่นใส...คนท้องแก่กับชายชราค่ะ...ฮ่าๆ
โยเองก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เห็นภาพนะ ไม่ช่ำชองเรื่องบรรยายโวหารซะด้วย
เลยบรรยายได้แค่นี้เอง...เฮะๆๆ

3.คุณตุ๊งแช่...ไม่ใช่แค่สูตรกระสุนกุหลาบอย่างเดียวนะที่ทำให้คนผวา
สูตรอื่นๆของดารัลก็ชวนให้ท้องไส้ปั่นป่วนได้ไม่น้อยหน้ากันเลย...
ไม่อย่างนั้นเนเนตคงไม่รีบชิ่งหนีไปแบบนั้นหรอกค่ะ...ฮ่าๆ

4.คุณsaralun...ตอนก่อนอ่านแล้วอยากได้น้ำหอมแท้
หวังว่าตอนนี้คงไม่ได้อยากชิมเค้กกล้วยหอมแอปเปิ้ลที่มีการแต่งหน้า
ไม่เหมือนใครในโลกด้วยฝีมือของฟาเดลหรอกนะคะ...ฮ่าๆ

5.คุณคิมหันตุ์...ช่ายแว้วววว...เรื่องนี้นิยายรักโรแมนติกเรื่องแรกของเต่า
ก็ว่าได้...เพราะไม่เน้นฉากแอคชั่นดราม่าหรือหดหู่ซ่อนเร้นเหมือนเรื่องอื่นๆนัก
อิอิอิ...

6.คุณnapt...50%แรกเล่นเอามือปืนแสบตาไป 50%หลังนี้เล่นเอาเหล่าบอดีการ์ด
แสบท้อง...คิดเอานะคะว่าตัวร้ายจะโดนอะไรในภายภาคหน้าบ้าง...
ถ้าคิดจะลองของ...ฮ่าๆๆ


สุดท้ายไม่ท้ายสุด...

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทุกไลค์ ทุกกำลังใจนะคะ


...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ย. 2557, 23:41:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ย. 2557, 23:41:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2788





<< บทที่ 23 กระสุนกลิ่นกุหลาบ (50%)   บทที่ 24 ดาบสองคม >>
ร้อยวจี 30 พ.ย. 2557, 01:53:47 น.
ชักหวั่นๆ ซะแล้วค่ะ กับคำว่าดาบสองคม


Pat 30 พ.ย. 2557, 10:28:43 น.
555 พอกันเลยคนทำกะคนแต่งเค็ก ทำเอาบอดี้การ์ดผวา คลื่นลมสงบนี่ไม่น่าไว้ใจเลยแฮะ


แว่นใส 30 พ.ย. 2557, 12:15:12 น.
คำอธิบายที่ว่าต้องแยกกันเพราะความรักมากเนี่ย น่ากลัวที่สุดว่ามันจะเป็นเรื่องเศร้านะ


napt 1 ธ.ค. 2557, 18:53:16 น.
เพิ่งหัดทำเค้กกล้วยหอมไปเมื่อวานเองล่ะค่ะ เอาผลไม้ชิ้นๆใส่ไปในเค้กด้วย คิดว่าอร่อยนะคะ เมนูนี้น่าจะผ่านนะน้องรัล 5555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account