^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: -เพลงรักในสายลม(3)-
ทุกร่องรอยความรัก ความหอมหวานของความทรงจำเหมือนจะถูกบรรจุไว้ในทุกตารางนิ้วของห้องหัวใจ เมื่อพรายเพ็งก้าวเข้าไปในร้านกาแฟชื่อดัง กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นอวลผสมกับกลิ่นจาง ๆ ของขนมปังอบเคยทำให้เธอสูดลมหายใจยาว ยิ้มตาหยีจนใครบางคนหัวเราะ
โต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ติดมุมห้อง วันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือ แต่ในความทรงจำของเธอยังเป็นภาพผู้ชายเสื้อฟ้าที่เดินถือแก้วชาเขียวกับสตรอเบอรี่ปั่นเข้ามายื่นให้เธอเลือก
ที่ร้านนี้...ที่โต๊ะตัวนั้น ที่เราตกลงคบหากัน
พรายเพ็งหลุบตาลง เธอรู้ว่าวีมาร์ไม่ได้ตั้งใจจะเลือกร้านนี้ แต่เพราะที่นี่อยู่ใกล้โรงพยาบาลที่เธอทำงานมากที่สุด
หญิงสาวสูดลมหายใจยาว หากวีมาร์รู้ว่าที่นี่บรรจุความทรงจำของเธอไว้มากเพียงใด เขาคงเสียใจ เธอคลี่ยิ้มบางๆ ปรับสีหน้าท่าทางให้ไร้รอยของความเศร้า ก่อนเดินตรงเข้าไปอีกฝั่งของเคาท์เตอร์กาแฟ กวาดตามองไปทั่วร้านจนสายตาหยุดลงที่ร่างสูงที่คุ้นเคย
แววตาสองคู่สบประสานกันอีกครั้ง พรายเพ็งยืนนิ่งเหมือนถูกสาป รอยยิ้มค่อยๆจางหายไปจากใบหน้า ลมหายใจสะดุดไปพร้อมกับห้วงเวลารอบตัวที่คล้ายจะหยุดหมุน
สวรรค์ต้องเหม็นหน้าเธอเป็นพิเศษ จึงพาผู้ชายสีเขียวมานั่งอยู่โต๊ะข้างกันกับผู้ชายสีน้ำตาล
วีมาร์หันมาเห็นเธอพอดี ร่างสูงลุกขึ้นเดินมาหาหญิงสาว "นั่งเล่นก่อนนะ กาแฟไหม" เขาคว้ากระเป๋าเธอไปถือ พาจูงมือเดินไปนั่งที่โต๊ะข้างกันกับชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว
"กาแฟไหม" วีมาร์ถามย้ำอีกครั้ง เรียกสติให้หญิงสาว
พรายเพ็งเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายสีน้ำตาลตรงหน้าเธอ แววตาคล้ายเข้าใจบางอย่างในดวงตาคู่นั้นทำให้เธอเผลอขมวดคิ้วบาง ๆ
"ไม่ดีกว่าค่ะ เพลงหิวแล้ว...ไปหาอะไรทานเลยไหมคะ"
ปกติวีมาร์ตามใจเธอเสมอ แต่คราวนี้คงไม่ปกติแน่แล้ว เพราะเขายิ้มกว้างบอกหน้าตาเฉย "หิวมากไหม พี่ขอเคลียร์งานแปปนะ เพลงรอก่อน เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้ เหนื่อย ๆ มากินน้ำหวานเสียหน่อยจะได้สดชื่น" แล้วร่างสูงก็หันหลังเดินไปที่เคาท์เตอร์กาแฟโดยไม่รอคำตอบ
พรายเพ็งกัดริมฝีปากตัวเอง เหลือบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ไม่ไกล เห็นเขาก้มหน้ากำลังจดจ่ออยู่กับจอคอมพิวเตอร์ ความเคยชินก็ทำให้เธอเผลอหยุดสายตาไว้นาน พิจารณาเส้นผมที่เซทได้ทรง ไล่มาจนถึงไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอเคยชมว่าทำให้เขาดูสว่างไสว รอยยิ้มบางๆเผลอยกขึ้นที่มุมปาก
วันนั้น...มีแต่ความทรงจำที่ดี
โดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาคู่นั้นมองตรงที่เธอนิ่ง ขณะที่พรายเพ็งยังยกริมฝีปากยิ้มค้าง
เขาเคยบอกว่าลูกตาเธอพูดได้ พรายเพ็งเชื่อว่าเวลานี้หากเขายังฟังคำจากสายตาเธอได้ เขาคงได้ยินคำที่เธอเผลอพูดออกไปผ่านสายตา
...เพลงคิดถึงพี่...คิดถึงช่วงเวลาดีๆของเรา!...
เมื่อเขาไม่ได้เบือนหน้าหนี และพรายเพ็งก็ไม่ได้หลบสายตา ดวงตาสองคู่จึงคล้ายเอ่ยถ้อยคำบางอย่างต่อกัน นานเท่าไรไม่รู้เมื่อสรรพเสียงรอบตัวล้วนเงียบงัน ความนิ่งสงบคล้ายปลอบโยนในดวงตาเขายังคงคุณสมบัติพิเศษทำให้หัวใจเธอสงบคล้ายได้หยุดพักเช่นเดิม
หากความจริงคือวันเวลาเหล่านั้นเป็นเพียงความทรงจำ พรายเพ็งหลับตา แล้วก้มหน้าลงเมื่อควานหาสติตัวเองพบ
ตัดใจเสีย ณ จุดที่ยังตัดได้ ดีกว่าต่อเยื่อสร้างใย ให้ความหวังให้ใจช้ำไปเนิ่นนาน
วีมาร์กลับมาพร้อมแก้วชาเย็นปั่น พรายเพ็งถอนใจโล่งอกที่เขาไม่ได้เลือกสตรอเบอรี่หรือชาเขียวอย่างที่ใครบางคนชอบเลือกให้เธอ
"ไป...ไปกินข้าวข้างนอกดีกว่านะ หนูเพลงเดินแถวนี้เบื่อแล้วใช่ไหม" เขาชวน คงเป็นการไถ่โทษที่ทิ้งเธอไว้กับผู้ชายคนนั้น
พรายเพ็งมองหน้าวีมาร์ มั่นใจได้แล้วว่าเขาตั้งใจนัดเธอมาพบที่นี่เพื่อจะพบกับผู้ชายคนนั้น วูบหนึ่งสายตาเธอหม่นแสงลงราวจะร้องไห้ คนตัวโตจึงก้าวเข้ามาใกล้ ยกมือลูบหัวเธอเบา ๆ "ไปเถอะ..."
เธอปล่อยให้วีมาร์จับมือจูง เดินผ่านโต๊ะที่เขานั่งอยู่ วูบหนึ่งเธอเผลอหันมอง ผู้ชายสีเขียวคนนั้นก้มหน้ามองจอคอมพิวเตอร์นิ่งราวคนไม่รู้จักกัน หญิงสาวเผลอชะงักเท้าที่ก้าวเดิน เขาเองก็เหมือนจะรู้เมื่อเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธออีกครั้ง
ความเย็นชาห่างเหินที่เห็นจากดวงตาคู่นั้น ทำให้พรายเพ็งเชิดหน้าขึ้น เดินตามวีมาร์ไปอย่างว่าง่าย
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นยังอวลอยู่ทั่วร้าน แต่กลิ่นของความรักกลับร้างรา
พรายเพ็งไม่พูดกับวีมาร์ ตลอดทางที่นั่งรถมาจนถึงร้านอาหารริมน้ำ หญิงสาวเพียงนั่งนิ่งราวเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่ไร้ชีวิต วีมาร์รู้ว่าเธอโกรธ เขาเหลือบมองเธอพลางถอนใจเบา ๆ
เด็กหญิงพรายเพ็งไม่เคยเงียบงันเช่นนี้ เธอชัดเจน ตรงไปตรงมา ถ้าโกรธเธอจะบอกชัด ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในความคิดเธอ แต่พรายเพ็งวันนี้กลายเป็นหญิงสาวที่มีหลากหลายเรื่องราวซ่อนในใจ ห้วงเวลากว่าสิบปีที่เขาไม่อยู่ ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าโลกหล่อหลอมเธออย่างโหดร้ายเพียงใด
คงเหลือเพียงดวงตาที่ราวจะเอ่ยคำได้คู่นั้นที่ยังเหมือนเดิม ดวงตาที่หม่นแสงไปด้วยความเจ็บปวดจนวีมาร์อยากคว้าตัวเธอมากอด
"พี่ขอโทษ" เขาบอกเบา ๆ หลังสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว
"เรื่องอะไรคะ"
"แล้วหนูเพลงโกรธพี่เรื่องอะไรล่ะครับ"
พรายเพ็งถอนใจ วีมาร์ยังเป็นคนเดิมที่รู้เท่า ตามทัน และจัดการกับทุกความเอาแต่ใจอันร้ายกาจของเธอได้อย่างเยือกเย็น
"เพลงไม่รู้ว่าอาว่านคิดยังไง แต่อาว่านคงทราบเรื่องเขาแล้ว"
"พี่ไม่รู้เรื่องเขาหรอก พี่รู้แต่เรื่องหนูเพลง" เขาบอกเมื่อทอดสายตามองไปที่สุดปลายฟ้า ไกลสุดไกล นานสุดนาน แต่เขาไม่เคยลืมเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้เลย "พี่ขอโทษที่ปล่อยให้หนูเพลงเจอเขา แต่ถ้าหนูเพลงวิ่งหนี...หนูจะต้องหนีไปอีกนานเท่าไร"
พรายเพ็งเงียบไปครู่ใหญ่ รอจนเขาหันมาสบตา ร่องรอยบางอย่างในดวงตาราวจะสื่อสารความรู้สึกของคนสองคน พรายเพ็งได้รู้ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่เจ็บ
หญิงสาวหลุบตาลงซ่อนสายตาจากผู้ชายที่อ่านเธอออกอย่างง่ายดาย "เพลงไม่ได้หนีหรอกค่ะ...แค่รอเวลาให้ใจเข้มแข็งขึ้น"
ในความเงียบอันยาวนาน วีมาร์ปล่อยให้เธอทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ เสียงเพลงเบา ๆ ในร้านราวจะเป็นใจกับความรู้สึกที่เอ่อล้น
...There's nothing where he used to lie
My inspiration has run dry
That's what's going on
Nothing's right, I'm torn...
"พ่อกับแม่คิดว่าเพลงรอเขา หวังให้เขากลับมา" เธอแค่นหัวเราะในคอ "แต่เพลงไม่ได้โง่ขนาดนั้น...เพลงรู้ว่าเขาคนที่เพลงรักได้ตายไปแล้ว"
หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงบนแก้มเนียน พรายเพ็งเบือนหน้ามองออกไปนอกระเบียง ผืนฟ้าจรดแผ่นน้ำแต้มด้วยแสงสีม่วงชมพูข่มเน้นความเหงาจนยะเยือกในใจ
"เพลงแค่รอ...ให้ตัวเพลงกลับมา เพลงรอตัวเองในวันก่อนที่จะพบเขา วันที่เพลงเคยเข้มแข็งและยืนคนเดียวได้" เธอเชิดหน้าขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะซ่อนหยาดน้ำตาไว้
วีมาร์ลุกจากที่นั่งตรงข้าม มานั่งข้างหญิงสาว เวลานี้เขาไม่ลังเลอีกแล้วที่จะแตะไหล่เธอเบา ๆ รั้งร่างบางให้เอนตัวมาพิงไหล่
พรายเพ็งขืนตัวอยู่ในช่วงแรก แต่ความอ่อนล้าในใจก็ทำให้เธอหมดแรงเอนตัวพิงร่างหนาเหมือนวันที่เคยร้องไห้กับเขายามยังเยาว์
หลายเรื่องราวเอ่อล้นในใจ วันเวลาดี ๆ ที่เคยมีกับใครบางคนเป็นความทรงจำแสนหวานสีกลีบกุหลาบที่บัดนี้ถูกระบายด้วยสีดำมืดหม่น หญิงสาวถอนใจเบา ๆ
"เขาบอกว่าเพลงจองหอง รักแต่ตัวเอง ทำตัวสูงส่งอวดดีจนไม่รู้จักดูแลความรัก" เธอตวัดเสียงกึ่งหยันในช่วงท้าย "เพลงอาจจะเป็นแบบนั้น แต่เพลงเปลี่ยนไม่ได้และไม่คิดเปลี่ยน...เพลงมีเกียรติที่ต้องรักษา มีชื่อของพ่อกับแม่ที่เพลงต้องเคารพ ถ้าการดูแลความรักแบบที่เขาต้องการจะทำร้ายเกียรติของเพลง...เพลงทำไม่ได้จริง ๆ"
แม้รักเท่าไร แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะวิ่งไปหาเขาในยามวิกาล ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะบุกไปห้องทำงานของเขาเพื่อไปแสดงความรักความคิดถึง เธอรักในเกียรติของเธอและเคารพในงานของเขา
"เขาบอกว่าเพลงไม่รู้จักให้...เพลงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนรักปกติเขาให้กันเท่าไร แค่การให้เกียรติกับความรัก...มันคงไม่พอใช่ไหมคะ"
วีมาร์กัดฟัน ลูบหัวหญิงสาวเบาๆอย่างปลอบโยน
"เขาบอกว่า...ผู้หญิงอย่างเพลง อวดดี ร้องไห้ไม่เป็น" เธอแค่นหัวเราะกึ่งหยันตัวเอง "แต่จะให้เพลงสยบยอมต่อโลก ก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟาย...เพื่ออะไรล่ะคะ"
วีมาร์เริ่มยิ้มบางๆ สำหรับเขาแล้วเสน่ห์ที่ดึงดูดที่สุดของพรายเพ็งคงเป็นความมั่นคงที่ไม่เคยสยบยอมต่อโลกนั่นล่ะ
เขาเคยสอนเธอขี่ม้า ร่างเล็กถูกสะบัดเหวี่ยงร่วงจนเนื้อตัวมีแต่แผล 'นาย'มองหน้าเขากึ่งจะดุ แต่พรายเพ็งยืดอกบอกทั้งที่ยังนั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้นทราย 'ตอนหนูหัดขี่จักรยาน แม่บอกว่าถ้าล้มแล้วเลิก ก็ไม่มีวันขี่เป็น วันนี้ถ้าพ่อไม่ให้หนูหัด หนูก็ต้องตกม้าไปเรื่อยๆ ขี่ม้าไม่เป็นเสียทีสิคะ'
เธอดื้อรั้น ทระนง หลายคนมองว่าเธอทระนงในตัวเองจนเหมือนอวดดี แต่วีมาร์รู้...เธอแค่ทระนง...ในความสามารถที่จะพัฒนาตัวเอง!
"เพลงไม่ใช่ผู้หญิงที่จะบีบน้ำตาให้ใครมาสงสาร เมื่อถึงอย่างไรไหล่เขาก็ไม่มีที่ให้เพลงซบซับน้ำตาอีกแล้ว...เพลงจะร้องไห้ไปเพื่ออะไรล่ะคะ" ประโยคท้ายเธอเอ่ยกลั้วหัวเราะกึ่งขันกึ่งหยันทั้งที่ยังมีน้ำตา
วีมาร์ปล่อยให้หญิงสาวจมอยู่กับความเงียบงัน นานจนแกงจืดที่ถูกยกมาเสิร์ฟอาจจะไม่อุ่นแล้ว แต่ใครจะสนล่ะ
พรายเพ็งปาดน้ำตาที่ซึมออกมาเพียงน้อยนิด เชิดหน้าสูดลมหายใจยาว เรียกสติและกำลังให้ตัวเอง
"ขอบคุณนะคะอาว่าน เพลง...งี่เง่ามากเลย"
"คนที่งี่เง่าน่ะคือเขาต่างหาก" วีมาร์มองหน้าหญิงสาว เอ่ยอย่างจริงจัง "เพชรจะอยู่ที่ไหนก็เป็นเพชร เพลงเป็นเพชรเม็ดงามเม็ดหนึ่งนะรู้ไหม"
ทั้งที่คิดว่าจะไม่หวั่นไหว แล้วน้ำตาก็ร่วงเผาะ
'พี่ได้เพชรงามมาจริงๆหรือนี่' ครั้งหนึ่งเมื่อเขาจับมือเธอไว้ เขาเคยเห็นเธอเป็นสมบัติล้ำค่า
"ขอโทษค่ะ..." เธอพึมพำบอกเบาๆ "เขาเคยพูดแบบนี้"
วีมาร์เงียบไปครู่ใหญ่ พรายเพ็งเหยียดยิ้มพลางถอนใจ "เพลงไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ หรือจริง ๆ แล้วนี่อาจเป็นตัวตนจริง ๆ ของเขา เพลงแค่รู้จักเขาน้อยไป"
ขณะที่ผู้ชายคนนั้นไม่ชอบดูแลใคร พรายเพ็งก็เป็นผู้หญิงที่มีแต่คนคอยดูแลใส่ใจอยู่เสมอ
ขณะที่เขาเกลียดชังกฎเกณฑ์ทั้งปวง เธอคือผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่ในกรอบตลอดมา
ขณะที่เขาต้องการคนตามใจ เธอกลับหลงใหลการพูดคุยถกกันถึงความคิดที่แตกต่าง
วีมาร์มองหญิงสาวอยู่นาน เขารู้ดี ผู้หญิงอย่างพรายเพ็งไม่ใช่ลูกแมวที่จะขดตัวอยู่ข้างใคร เธอเกิดในดงเสือ เป็นลูกเสือตัวจริงที่พร้อมจะผงาดมาเดินเคียงข้างผู้ชายที่เธอเลือกอย่างภาคภูมิ
เสียดายก็แค่...ผู้ชายที่พรายเพ็งเลือก ไม่รู้ถึงคุณค่าเธออย่างที่เขารู้
เพียงครู่ใหญ่ ไม่ต้องมีคำปลอบโยนใด ๆ อีก หญิงสาวก็ยกมือปาดน้ำตาหยดเล็กที่เพียงคลออยู่ข้างแก้ม ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ชายหนุ่ม
"ขอโทษ...เพลงขี้แยเกินไปใช่ไหมคะ"
"ใช่..." เขาหัวเราะ ยกมือยีผมเธอเบา ๆ "แต่ไม่รู้ทำไม พี่ดีใจที่ได้เห็นน้ำตาของเพลง"
แววตาเขาอบอุ่นปนรอยหวานทำให้พรายเพ็งเผลอปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงรินอีกครั้ง
วีมาร์ยกมือขึ้น ใช้นิ้วชี้แตะเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา
ผู้หญิงบางคนร้องไห้ได้ง่ายดายราวสับสวิตช์ แต่กับบางคนเธอเชิดหน้าอย่างทระนงไม่ให้ใครเห็นหยดน้ำตา เมื่อไรเธอยอมซบไหล่ใครสักคนร้องไห้ คนผู้ได้รับความไว้วางใจมากเพียงนั้นจะไม่เผลอยินดีได้อย่างไร
"ร้องให้พอนะคะหนูเพลง แล้วจากนี้ หนูจะไม่เสียน้ำตาให้เขาอีก" เขาบอกเบา ๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น
พรายเพ็งทิ้งร่างพิงอกกว้าง ซุกหน้าซ่อนไว้กับไหล่หนา ปล่อยตัวเองให้สะอื้นจนตัวโยน
ในอ้อมกอดที่อบอุ่นเช่นนี้ เธอยังต้องกลัว ต้องฝืนตัวเองเพื่ออะไรอีก
---
คุณคิมหันตุ์ : เขียนบทนี้จบแล้ว ไอซ์ตกหลุมรักอาว่านเลยค่ะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : จริงค่ะ
คุณใบบัวน่ารัก : สองหนุ่มเขาอายุพอ ๆ กันเลยค่ะ จริง ๆ อาว่านแก่กว่าเพลงแค่ 8 ปีเองค่ะ
คุณ goldensun : นั่นล่ะค่ะที่ไอซ์เองก็กลัว ความทรงจำของความรักเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาจริง ๆ ค่ะ
คิดถึงทุกท่านนะคะ
โต๊ะตัวหนึ่งตั้งอยู่ติดมุมห้อง วันนี้มีผู้หญิงคนหนึ่งนั่งไขว่ห้างอ่านหนังสือ แต่ในความทรงจำของเธอยังเป็นภาพผู้ชายเสื้อฟ้าที่เดินถือแก้วชาเขียวกับสตรอเบอรี่ปั่นเข้ามายื่นให้เธอเลือก
ที่ร้านนี้...ที่โต๊ะตัวนั้น ที่เราตกลงคบหากัน
พรายเพ็งหลุบตาลง เธอรู้ว่าวีมาร์ไม่ได้ตั้งใจจะเลือกร้านนี้ แต่เพราะที่นี่อยู่ใกล้โรงพยาบาลที่เธอทำงานมากที่สุด
หญิงสาวสูดลมหายใจยาว หากวีมาร์รู้ว่าที่นี่บรรจุความทรงจำของเธอไว้มากเพียงใด เขาคงเสียใจ เธอคลี่ยิ้มบางๆ ปรับสีหน้าท่าทางให้ไร้รอยของความเศร้า ก่อนเดินตรงเข้าไปอีกฝั่งของเคาท์เตอร์กาแฟ กวาดตามองไปทั่วร้านจนสายตาหยุดลงที่ร่างสูงที่คุ้นเคย
แววตาสองคู่สบประสานกันอีกครั้ง พรายเพ็งยืนนิ่งเหมือนถูกสาป รอยยิ้มค่อยๆจางหายไปจากใบหน้า ลมหายใจสะดุดไปพร้อมกับห้วงเวลารอบตัวที่คล้ายจะหยุดหมุน
สวรรค์ต้องเหม็นหน้าเธอเป็นพิเศษ จึงพาผู้ชายสีเขียวมานั่งอยู่โต๊ะข้างกันกับผู้ชายสีน้ำตาล
วีมาร์หันมาเห็นเธอพอดี ร่างสูงลุกขึ้นเดินมาหาหญิงสาว "นั่งเล่นก่อนนะ กาแฟไหม" เขาคว้ากระเป๋าเธอไปถือ พาจูงมือเดินไปนั่งที่โต๊ะข้างกันกับชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว
"กาแฟไหม" วีมาร์ถามย้ำอีกครั้ง เรียกสติให้หญิงสาว
พรายเพ็งเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายสีน้ำตาลตรงหน้าเธอ แววตาคล้ายเข้าใจบางอย่างในดวงตาคู่นั้นทำให้เธอเผลอขมวดคิ้วบาง ๆ
"ไม่ดีกว่าค่ะ เพลงหิวแล้ว...ไปหาอะไรทานเลยไหมคะ"
ปกติวีมาร์ตามใจเธอเสมอ แต่คราวนี้คงไม่ปกติแน่แล้ว เพราะเขายิ้มกว้างบอกหน้าตาเฉย "หิวมากไหม พี่ขอเคลียร์งานแปปนะ เพลงรอก่อน เดี๋ยวพี่ไปเอาน้ำมาให้ เหนื่อย ๆ มากินน้ำหวานเสียหน่อยจะได้สดชื่น" แล้วร่างสูงก็หันหลังเดินไปที่เคาท์เตอร์กาแฟโดยไม่รอคำตอบ
พรายเพ็งกัดริมฝีปากตัวเอง เหลือบมองผู้ชายที่นั่งอยู่ไม่ไกล เห็นเขาก้มหน้ากำลังจดจ่ออยู่กับจอคอมพิวเตอร์ ความเคยชินก็ทำให้เธอเผลอหยุดสายตาไว้นาน พิจารณาเส้นผมที่เซทได้ทรง ไล่มาจนถึงไหล่กว้างในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่เธอเคยชมว่าทำให้เขาดูสว่างไสว รอยยิ้มบางๆเผลอยกขึ้นที่มุมปาก
วันนั้น...มีแต่ความทรงจำที่ดี
โดยไม่ทันรู้ตัว เขาก็เงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ ดวงตาคู่นั้นมองตรงที่เธอนิ่ง ขณะที่พรายเพ็งยังยกริมฝีปากยิ้มค้าง
เขาเคยบอกว่าลูกตาเธอพูดได้ พรายเพ็งเชื่อว่าเวลานี้หากเขายังฟังคำจากสายตาเธอได้ เขาคงได้ยินคำที่เธอเผลอพูดออกไปผ่านสายตา
...เพลงคิดถึงพี่...คิดถึงช่วงเวลาดีๆของเรา!...
เมื่อเขาไม่ได้เบือนหน้าหนี และพรายเพ็งก็ไม่ได้หลบสายตา ดวงตาสองคู่จึงคล้ายเอ่ยถ้อยคำบางอย่างต่อกัน นานเท่าไรไม่รู้เมื่อสรรพเสียงรอบตัวล้วนเงียบงัน ความนิ่งสงบคล้ายปลอบโยนในดวงตาเขายังคงคุณสมบัติพิเศษทำให้หัวใจเธอสงบคล้ายได้หยุดพักเช่นเดิม
หากความจริงคือวันเวลาเหล่านั้นเป็นเพียงความทรงจำ พรายเพ็งหลับตา แล้วก้มหน้าลงเมื่อควานหาสติตัวเองพบ
ตัดใจเสีย ณ จุดที่ยังตัดได้ ดีกว่าต่อเยื่อสร้างใย ให้ความหวังให้ใจช้ำไปเนิ่นนาน
วีมาร์กลับมาพร้อมแก้วชาเย็นปั่น พรายเพ็งถอนใจโล่งอกที่เขาไม่ได้เลือกสตรอเบอรี่หรือชาเขียวอย่างที่ใครบางคนชอบเลือกให้เธอ
"ไป...ไปกินข้าวข้างนอกดีกว่านะ หนูเพลงเดินแถวนี้เบื่อแล้วใช่ไหม" เขาชวน คงเป็นการไถ่โทษที่ทิ้งเธอไว้กับผู้ชายคนนั้น
พรายเพ็งมองหน้าวีมาร์ มั่นใจได้แล้วว่าเขาตั้งใจนัดเธอมาพบที่นี่เพื่อจะพบกับผู้ชายคนนั้น วูบหนึ่งสายตาเธอหม่นแสงลงราวจะร้องไห้ คนตัวโตจึงก้าวเข้ามาใกล้ ยกมือลูบหัวเธอเบา ๆ "ไปเถอะ..."
เธอปล่อยให้วีมาร์จับมือจูง เดินผ่านโต๊ะที่เขานั่งอยู่ วูบหนึ่งเธอเผลอหันมอง ผู้ชายสีเขียวคนนั้นก้มหน้ามองจอคอมพิวเตอร์นิ่งราวคนไม่รู้จักกัน หญิงสาวเผลอชะงักเท้าที่ก้าวเดิน เขาเองก็เหมือนจะรู้เมื่อเงยหน้าขึ้นมองสบตาเธออีกครั้ง
ความเย็นชาห่างเหินที่เห็นจากดวงตาคู่นั้น ทำให้พรายเพ็งเชิดหน้าขึ้น เดินตามวีมาร์ไปอย่างว่าง่าย
กลิ่นกาแฟหอมกรุ่นยังอวลอยู่ทั่วร้าน แต่กลิ่นของความรักกลับร้างรา
พรายเพ็งไม่พูดกับวีมาร์ ตลอดทางที่นั่งรถมาจนถึงร้านอาหารริมน้ำ หญิงสาวเพียงนั่งนิ่งราวเป็นตุ๊กตาหน้ารถที่ไร้ชีวิต วีมาร์รู้ว่าเธอโกรธ เขาเหลือบมองเธอพลางถอนใจเบา ๆ
เด็กหญิงพรายเพ็งไม่เคยเงียบงันเช่นนี้ เธอชัดเจน ตรงไปตรงมา ถ้าโกรธเธอจะบอกชัด ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นในความคิดเธอ แต่พรายเพ็งวันนี้กลายเป็นหญิงสาวที่มีหลากหลายเรื่องราวซ่อนในใจ ห้วงเวลากว่าสิบปีที่เขาไม่อยู่ ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าโลกหล่อหลอมเธออย่างโหดร้ายเพียงใด
คงเหลือเพียงดวงตาที่ราวจะเอ่ยคำได้คู่นั้นที่ยังเหมือนเดิม ดวงตาที่หม่นแสงไปด้วยความเจ็บปวดจนวีมาร์อยากคว้าตัวเธอมากอด
"พี่ขอโทษ" เขาบอกเบา ๆ หลังสั่งอาหารเรียบร้อยแล้ว
"เรื่องอะไรคะ"
"แล้วหนูเพลงโกรธพี่เรื่องอะไรล่ะครับ"
พรายเพ็งถอนใจ วีมาร์ยังเป็นคนเดิมที่รู้เท่า ตามทัน และจัดการกับทุกความเอาแต่ใจอันร้ายกาจของเธอได้อย่างเยือกเย็น
"เพลงไม่รู้ว่าอาว่านคิดยังไง แต่อาว่านคงทราบเรื่องเขาแล้ว"
"พี่ไม่รู้เรื่องเขาหรอก พี่รู้แต่เรื่องหนูเพลง" เขาบอกเมื่อทอดสายตามองไปที่สุดปลายฟ้า ไกลสุดไกล นานสุดนาน แต่เขาไม่เคยลืมเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้เลย "พี่ขอโทษที่ปล่อยให้หนูเพลงเจอเขา แต่ถ้าหนูเพลงวิ่งหนี...หนูจะต้องหนีไปอีกนานเท่าไร"
พรายเพ็งเงียบไปครู่ใหญ่ รอจนเขาหันมาสบตา ร่องรอยบางอย่างในดวงตาราวจะสื่อสารความรู้สึกของคนสองคน พรายเพ็งได้รู้ ไม่ใช่เธอคนเดียวที่เจ็บ
หญิงสาวหลุบตาลงซ่อนสายตาจากผู้ชายที่อ่านเธอออกอย่างง่ายดาย "เพลงไม่ได้หนีหรอกค่ะ...แค่รอเวลาให้ใจเข้มแข็งขึ้น"
ในความเงียบอันยาวนาน วีมาร์ปล่อยให้เธอทบทวนเรื่องราวต่าง ๆ เสียงเพลงเบา ๆ ในร้านราวจะเป็นใจกับความรู้สึกที่เอ่อล้น
...There's nothing where he used to lie
My inspiration has run dry
That's what's going on
Nothing's right, I'm torn...
"พ่อกับแม่คิดว่าเพลงรอเขา หวังให้เขากลับมา" เธอแค่นหัวเราะในคอ "แต่เพลงไม่ได้โง่ขนาดนั้น...เพลงรู้ว่าเขาคนที่เพลงรักได้ตายไปแล้ว"
หยาดน้ำตาร่วงหล่นลงบนแก้มเนียน พรายเพ็งเบือนหน้ามองออกไปนอกระเบียง ผืนฟ้าจรดแผ่นน้ำแต้มด้วยแสงสีม่วงชมพูข่มเน้นความเหงาจนยะเยือกในใจ
"เพลงแค่รอ...ให้ตัวเพลงกลับมา เพลงรอตัวเองในวันก่อนที่จะพบเขา วันที่เพลงเคยเข้มแข็งและยืนคนเดียวได้" เธอเชิดหน้าขึ้น พยายามอย่างยิ่งที่จะซ่อนหยาดน้ำตาไว้
วีมาร์ลุกจากที่นั่งตรงข้าม มานั่งข้างหญิงสาว เวลานี้เขาไม่ลังเลอีกแล้วที่จะแตะไหล่เธอเบา ๆ รั้งร่างบางให้เอนตัวมาพิงไหล่
พรายเพ็งขืนตัวอยู่ในช่วงแรก แต่ความอ่อนล้าในใจก็ทำให้เธอหมดแรงเอนตัวพิงร่างหนาเหมือนวันที่เคยร้องไห้กับเขายามยังเยาว์
หลายเรื่องราวเอ่อล้นในใจ วันเวลาดี ๆ ที่เคยมีกับใครบางคนเป็นความทรงจำแสนหวานสีกลีบกุหลาบที่บัดนี้ถูกระบายด้วยสีดำมืดหม่น หญิงสาวถอนใจเบา ๆ
"เขาบอกว่าเพลงจองหอง รักแต่ตัวเอง ทำตัวสูงส่งอวดดีจนไม่รู้จักดูแลความรัก" เธอตวัดเสียงกึ่งหยันในช่วงท้าย "เพลงอาจจะเป็นแบบนั้น แต่เพลงเปลี่ยนไม่ได้และไม่คิดเปลี่ยน...เพลงมีเกียรติที่ต้องรักษา มีชื่อของพ่อกับแม่ที่เพลงต้องเคารพ ถ้าการดูแลความรักแบบที่เขาต้องการจะทำร้ายเกียรติของเพลง...เพลงทำไม่ได้จริง ๆ"
แม้รักเท่าไร แต่เธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะวิ่งไปหาเขาในยามวิกาล ไม่ใช่ผู้หญิงที่จะบุกไปห้องทำงานของเขาเพื่อไปแสดงความรักความคิดถึง เธอรักในเกียรติของเธอและเคารพในงานของเขา
"เขาบอกว่าเพลงไม่รู้จักให้...เพลงก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนรักปกติเขาให้กันเท่าไร แค่การให้เกียรติกับความรัก...มันคงไม่พอใช่ไหมคะ"
วีมาร์กัดฟัน ลูบหัวหญิงสาวเบาๆอย่างปลอบโยน
"เขาบอกว่า...ผู้หญิงอย่างเพลง อวดดี ร้องไห้ไม่เป็น" เธอแค่นหัวเราะกึ่งหยันตัวเอง "แต่จะให้เพลงสยบยอมต่อโลก ก้มหน้าร้องไห้ฟูมฟาย...เพื่ออะไรล่ะคะ"
วีมาร์เริ่มยิ้มบางๆ สำหรับเขาแล้วเสน่ห์ที่ดึงดูดที่สุดของพรายเพ็งคงเป็นความมั่นคงที่ไม่เคยสยบยอมต่อโลกนั่นล่ะ
เขาเคยสอนเธอขี่ม้า ร่างเล็กถูกสะบัดเหวี่ยงร่วงจนเนื้อตัวมีแต่แผล 'นาย'มองหน้าเขากึ่งจะดุ แต่พรายเพ็งยืดอกบอกทั้งที่ยังนั่งจุมปุ๊กอยู่บนพื้นทราย 'ตอนหนูหัดขี่จักรยาน แม่บอกว่าถ้าล้มแล้วเลิก ก็ไม่มีวันขี่เป็น วันนี้ถ้าพ่อไม่ให้หนูหัด หนูก็ต้องตกม้าไปเรื่อยๆ ขี่ม้าไม่เป็นเสียทีสิคะ'
เธอดื้อรั้น ทระนง หลายคนมองว่าเธอทระนงในตัวเองจนเหมือนอวดดี แต่วีมาร์รู้...เธอแค่ทระนง...ในความสามารถที่จะพัฒนาตัวเอง!
"เพลงไม่ใช่ผู้หญิงที่จะบีบน้ำตาให้ใครมาสงสาร เมื่อถึงอย่างไรไหล่เขาก็ไม่มีที่ให้เพลงซบซับน้ำตาอีกแล้ว...เพลงจะร้องไห้ไปเพื่ออะไรล่ะคะ" ประโยคท้ายเธอเอ่ยกลั้วหัวเราะกึ่งขันกึ่งหยันทั้งที่ยังมีน้ำตา
วีมาร์ปล่อยให้หญิงสาวจมอยู่กับความเงียบงัน นานจนแกงจืดที่ถูกยกมาเสิร์ฟอาจจะไม่อุ่นแล้ว แต่ใครจะสนล่ะ
พรายเพ็งปาดน้ำตาที่ซึมออกมาเพียงน้อยนิด เชิดหน้าสูดลมหายใจยาว เรียกสติและกำลังให้ตัวเอง
"ขอบคุณนะคะอาว่าน เพลง...งี่เง่ามากเลย"
"คนที่งี่เง่าน่ะคือเขาต่างหาก" วีมาร์มองหน้าหญิงสาว เอ่ยอย่างจริงจัง "เพชรจะอยู่ที่ไหนก็เป็นเพชร เพลงเป็นเพชรเม็ดงามเม็ดหนึ่งนะรู้ไหม"
ทั้งที่คิดว่าจะไม่หวั่นไหว แล้วน้ำตาก็ร่วงเผาะ
'พี่ได้เพชรงามมาจริงๆหรือนี่' ครั้งหนึ่งเมื่อเขาจับมือเธอไว้ เขาเคยเห็นเธอเป็นสมบัติล้ำค่า
"ขอโทษค่ะ..." เธอพึมพำบอกเบาๆ "เขาเคยพูดแบบนี้"
วีมาร์เงียบไปครู่ใหญ่ พรายเพ็งเหยียดยิ้มพลางถอนใจ "เพลงไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ หรือจริง ๆ แล้วนี่อาจเป็นตัวตนจริง ๆ ของเขา เพลงแค่รู้จักเขาน้อยไป"
ขณะที่ผู้ชายคนนั้นไม่ชอบดูแลใคร พรายเพ็งก็เป็นผู้หญิงที่มีแต่คนคอยดูแลใส่ใจอยู่เสมอ
ขณะที่เขาเกลียดชังกฎเกณฑ์ทั้งปวง เธอคือผู้หญิงที่มีชีวิตอยู่ในกรอบตลอดมา
ขณะที่เขาต้องการคนตามใจ เธอกลับหลงใหลการพูดคุยถกกันถึงความคิดที่แตกต่าง
วีมาร์มองหญิงสาวอยู่นาน เขารู้ดี ผู้หญิงอย่างพรายเพ็งไม่ใช่ลูกแมวที่จะขดตัวอยู่ข้างใคร เธอเกิดในดงเสือ เป็นลูกเสือตัวจริงที่พร้อมจะผงาดมาเดินเคียงข้างผู้ชายที่เธอเลือกอย่างภาคภูมิ
เสียดายก็แค่...ผู้ชายที่พรายเพ็งเลือก ไม่รู้ถึงคุณค่าเธออย่างที่เขารู้
เพียงครู่ใหญ่ ไม่ต้องมีคำปลอบโยนใด ๆ อีก หญิงสาวก็ยกมือปาดน้ำตาหยดเล็กที่เพียงคลออยู่ข้างแก้ม ส่งยิ้มบาง ๆ ให้ชายหนุ่ม
"ขอโทษ...เพลงขี้แยเกินไปใช่ไหมคะ"
"ใช่..." เขาหัวเราะ ยกมือยีผมเธอเบา ๆ "แต่ไม่รู้ทำไม พี่ดีใจที่ได้เห็นน้ำตาของเพลง"
แววตาเขาอบอุ่นปนรอยหวานทำให้พรายเพ็งเผลอปล่อยให้หยาดน้ำตาร่วงรินอีกครั้ง
วีมาร์ยกมือขึ้น ใช้นิ้วชี้แตะเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา
ผู้หญิงบางคนร้องไห้ได้ง่ายดายราวสับสวิตช์ แต่กับบางคนเธอเชิดหน้าอย่างทระนงไม่ให้ใครเห็นหยดน้ำตา เมื่อไรเธอยอมซบไหล่ใครสักคนร้องไห้ คนผู้ได้รับความไว้วางใจมากเพียงนั้นจะไม่เผลอยินดีได้อย่างไร
"ร้องให้พอนะคะหนูเพลง แล้วจากนี้ หนูจะไม่เสียน้ำตาให้เขาอีก" เขาบอกเบา ๆ ด้วยเสียงทุ้มต่ำที่เปี่ยมด้วยความเชื่อมั่น
พรายเพ็งทิ้งร่างพิงอกกว้าง ซุกหน้าซ่อนไว้กับไหล่หนา ปล่อยตัวเองให้สะอื้นจนตัวโยน
ในอ้อมกอดที่อบอุ่นเช่นนี้ เธอยังต้องกลัว ต้องฝืนตัวเองเพื่ออะไรอีก
---
คุณคิมหันตุ์ : เขียนบทนี้จบแล้ว ไอซ์ตกหลุมรักอาว่านเลยค่ะ
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ : จริงค่ะ
คุณใบบัวน่ารัก : สองหนุ่มเขาอายุพอ ๆ กันเลยค่ะ จริง ๆ อาว่านแก่กว่าเพลงแค่ 8 ปีเองค่ะ
คุณ goldensun : นั่นล่ะค่ะที่ไอซ์เองก็กลัว ความทรงจำของความรักเป็นสิ่งที่ยากจะคาดเดาจริง ๆ ค่ะ
คิดถึงทุกท่านนะคะ
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2557, 19:43:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2557, 19:43:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 1424
<< -ใบไม้ในสายลม- | -เพลงรักในสายลม(4)- >> |
omelate 30 พ.ย. 2557, 20:45:59 น.
อาว่านอบอุ่นมากกกกก...
อาว่านอบอุ่นมากกกกก...
โอชิน 30 พ.ย. 2557, 20:49:47 น.
อ่านจบอยากจะยืมไหล่อาว่านมาพิงมั้งจัง
อ่านจบอยากจะยืมไหล่อาว่านมาพิงมั้งจัง
grazioso 30 พ.ย. 2557, 21:32:09 น.
บอกแล้วว่ายังไงแก้วก็ #ทีมอาคุณพี่ว่าน ยิ่งอ่านยิ่งปลื้มมมม :D เป็นผู้ชายสีน้ำตาลที่เหมาะกับหนูเพลงเป็นอย่างยิ่ง :)
ส่วนนายผู้ชายสีเขียวนี่ขอสาปส่ง! ไม่ปลื้ม!! เชียร์ให้หนูเพลงลืมเขาให้ได้ไวไว
ยิ่งได้กอดอุ่นๆ ของอาว่านก็ขอให้ร้องไห้ให้พอแล้วก็ลืมคนใจร้ายคนนั้นไปซะนะคะ มาเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายสีน้ำตาลให้ความอบอุ่นดีกว่า :)
บอกแล้วว่ายังไงแก้วก็ #ทีมอาคุณพี่ว่าน ยิ่งอ่านยิ่งปลื้มมมม :D เป็นผู้ชายสีน้ำตาลที่เหมาะกับหนูเพลงเป็นอย่างยิ่ง :)
ส่วนนายผู้ชายสีเขียวนี่ขอสาปส่ง! ไม่ปลื้ม!! เชียร์ให้หนูเพลงลืมเขาให้ได้ไวไว
ยิ่งได้กอดอุ่นๆ ของอาว่านก็ขอให้ร้องไห้ให้พอแล้วก็ลืมคนใจร้ายคนนั้นไปซะนะคะ มาเริ่มต้นใหม่กับผู้ชายสีน้ำตาลให้ความอบอุ่นดีกว่า :)
คิมหันตุ์ 1 ธ.ค. 2557, 01:49:09 น.
ตกหลุมรักอาว่านด้วยเช่นกันค่ะ หาได้จากที่ไหนบ้างหนอ?
ตกหลุมรักอาว่านด้วยเช่นกันค่ะ หาได้จากที่ไหนบ้างหนอ?
goldensun 3 ธ.ค. 2557, 19:44:15 น.
อาว่านเข้าใจเพลงได้ดีจริงๆ รู้จัก ตามทัน จนแค่มองตาก็รู้ใจอย่างนี้ อยากเชียร์ให้เพลงใจอ่อนจัง แต่จะเป็นไปได้รึเปล่า แสดงว่าอาว่านห่างตัว แต่ไม่ห่างใจเลยสิ เพลงช้ำจากผู้ชายคนนั้น จะยอมมองอาว่านรึเปล่าน้อ
อาว่านเข้าใจเพลงได้ดีจริงๆ รู้จัก ตามทัน จนแค่มองตาก็รู้ใจอย่างนี้ อยากเชียร์ให้เพลงใจอ่อนจัง แต่จะเป็นไปได้รึเปล่า แสดงว่าอาว่านห่างตัว แต่ไม่ห่างใจเลยสิ เพลงช้ำจากผู้ชายคนนั้น จะยอมมองอาว่านรึเปล่าน้อ