^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: -เพลงรักในสายลม(4)-
วีมาร์มองหญิงสาวที่นั่งอยู่บนที่นั่งข้างเขาอย่างพิจารณา ใบหน้าเรียวได้ส่วนนั้นหลับตาพริ้ม เอนลงเล็กน้อยซบกับเบาะที่นั่งรถยนต์อย่างไร้พิษสง ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะคลี่ยิ้มบาง ๆ ยกมือแตะเส้นผมดำที่ซอยสั้นนั้นอย่างแผ่วเบา
ตั้งแต่วันแรกที่เขาได้พบกับลูกสาวเจ้านาย เด็กผู้หญิงแสนซนคนนั้นก็คล้ายจะพิมพ์ภาพเธอไว้ในใจเขาตลอดมา
เธอเป็นพรายเพ็ง แสงจันทร์ที่ฉายชัดในหัวใจและนำทางให้เขาอยู่เสมอ
เธอเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ ที่ไม่ว่าด่านยากมหาหินเท่าไรก็ฝ่าไปได้ทุกสิ่ง
เธอเป็นเหมือนเทพธิดาตัวน้อยที่บังเอิญมีเขี้ยวและหางเล็ก ๆ ร้ายกาจอย่างน่าเอ็นดู
แต่วันนี้...วีมาร์เห็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่มีความรัก งมงายในรัก และเจ็บปวดเพราะรัก
โลกของพรายเพ็งสวยงามเสมอมา เธอจึงศรัทธาในโลก ในมนุษย์ และกระทั่งความรัก เขาเองยังเคยเชื่อว่าเธอคือประติมากรรมชั้นยอดที่คนเป็นนายได้สร้างขึ้นอย่างงดงาม
วีมาร์อดถอนใจเบา ๆ ไม่ได้ เพราะนี่คือโลก แม้จะเป็นตุ๊กตากระเบื้องแสนสวย วันหนึ่งก็อาจต้องฝุ่นควัน
พรายเพ็งอาจเชิดหน้าเหมือนไม่เป็นไร แต่วีมาร์รู้ เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่ยามนี้หัวใจเปราะบางกว่าแก้วที่พร้อมจะแตกสลาย เธอรู้จักความมืดดำในหัวใจมนุษย์ แต่ไม่เคยสัมผัส และกระทั่งวันนี้ เขาเชื่อว่าพรายเพ็งยังศรัทธาในความงามของมนุษย์
ก่อนกลับ เขาถามเธอ "หนูเพลงโกรธเขาบ้างไหม"
พรายเพ็งเพียงยิ้มบาง "แรกก็โกรธค่ะ เพราะเพลงไม่เข้าใจ แต่พอตั้งสติได้ เพลงห่วงเขามากกว่า" เธอเงยหน้ามองดวงจันทร์สีเงินบนฟ้า
"อาว่านคะ...อาว่านเชื่อไหมว่าจริง ๆ แล้วโลกมันเป็นสีขาว พื้นฐานของมนุษย์คือความบริสุทธิ์ดีงาม แต่ความโลภ ความหลง หลายอย่างย้อมสีเราในทุกวัน โลกจึงกลายเป็นสีเทาที่มีหลากสีผสมกันอยู่" เธอถอนใจเบา ๆ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา "ถ้าอาว่านเชื่อแบบนี้...อาว่านจะไม่สงสารคนที่ถูกย้อมสีเชียวหรือคะ ทั้งเขาและเพลง เราต่างถูกย้อมด้วยสีที่ต่างกัน เพลงจะโกรธเกลียดเขาทำไม เมื่อเราต่างเป็นเหยื่อของโลกและกิเลสไม่ต่างกัน"
ใครจะโหดร้ายต่อเธอเท่าไร ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เคยสิ้นความรักที่จะมอบให้ใครใครเลย
และคงเพราะแบบนี้ เขาจึงยิ่งอยากดูแลเธอ อยากอยู่ข้าง ๆ และเป็นหลักพักพิงให้เธอ
"หนูเพลงครับ..." เขาเรียกเธอเบาๆ แต่ร่างบางกลับนิ่งสงบ
วีมาร์มองนิ่งอยู่เพียงครู่ เขาก็ก้มลงไปแตะริมฝีปากลงที่หน้าผากเนียน กระซิบคำที่เก็บไว้มานานกว่าสิบปี
"พี่รักหนูเพลงนะครับ"
ปลายขนตาที่ขยับแม้เพียงแผ่วเบา แต่คนที่ถูกฝึกมาดีอย่างวีมาร์ย่อมสังเกตได้ไม่ยาก ชายหนุ่มมองเธอนิ่ง นานราวจะวัดใจกัน แล้วดวงตากลมสวยก็เปิดขึ้น แววตาสับสนทำให้เขายกมือขึ้นลูบหัวเธอเบา ๆ
"หนูเพลงไม่ต้องตอบพี่หรอก พี่บอกเพราะอยากบอกให้เพลงรู้ ไม่ได้บีบให้ต้องลำบากใจ จำไว้นะคะ...ต่อให้ใครไม่รัก ไม่เห็นค่าของเพลง แต่สำหรับพี่ เพลงอยู่ตรงนี้เสมอ" เขาจับมือเธอไปวางแนบอกซ้าย กดลงแน่นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะของหัวใจที่เต้นอยู่ในช่องอก
พรายเพ็งมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมที่เป็นประกายหวานชวนละลายคู่นั้น ในความอ่อนหวานแฝงความมั่นคงที่ทำให้หัวใจอุ่น
ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นสีเขียวมะนาว คือความร่าเริง สนุกสนาน ท้าทาย หากวูบไหวไร้ความแน่นอน
วีมาร์คือผู้ชายสีน้ำตาล คือความอบอุ่น มั่นคง เป็นที่พักที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
หญิงสาวยันตัวขึ้นนั่งตรง "ขอบคุณนะคะ อาว่าน...ขอบคุณจริง ๆ"
"เรียกพี่ว่านสักครั้งได้ไหม" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ พรายเพ็งเพียงยิ้ม
"ค่ะ...อาพี่ว่าน" เธอยิ้มจนตาหยี ก่อนจะนิ่งไปเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก
ในความเงียบงันจนแทบไม่ได้ยินแม้เสียงของลมหายใจ มีเพียงหัวใจสองดวงที่เริ่มจะเต้นผิดจังหวะไปจากเดิม
วีมาร์ดึงตัวออกห่าง "พรุ่งนี้ พี่จะกลับแล้ว"
หัวใจของพรายเพ็งกระตุกวูบ แววตาของเธอคงเปิดเผยความรู้สึกทุกอย่าง วีมาร์จึงยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบา ๆ
"กลับไปคราวนี้ ไม่รู้เมื่อไรจะได้เจอหนูเพลงอีก" เขาถอนใจเบา ๆ "ดูแลตัวเองดี ๆ รักตัวเองให้มากแทนส่วนความรักของพี่ด้วยนะครับ"
หยาดน้ำตาหยดเล็กร่วงหล่นลงบนแก้มเนียนอีกครั้งโดยที่พรายเพ็งไม่ตั้งใจ หัวใจหายวาบเหมือนยามที่เธอทราบข่าวว่าบิดาจะไปปฏิบัติราชการในแดนไกล
เธอรู้อย่างที่หลายคนรู้ งานของวีมาร์เต็มไปด้วยความลับ และความเสี่ยง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่ ความรู้สึกของแนวหลังที่เธอเกือบลืมไปแล้วได้ย้อนคืนมาอีกครั้ง
ทั้งที่อยากจะขอร้องไม่ให้เขาจากไป แต่เธอต้องเคารพและศรัทธาในงานและคุณค่าของงานที่เขาทำ
พรายเพ็งสูดลมหายใจยาว เมื่อวีมาร์ยกมือแตะเช็ดน้ำตาบนหน้าเธอ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างร่าเริง
"ค่ะ...แล้วกลับมาเล่าให้เพลงฟังบ้างนะคะ ว่าอาว่านไปเที่ยวซุกซนที่ไหนมา"
ร่างแบบบางในชุดเสื้อกาว์นสีขาวตัวสั้นเดินตรงไปที่ขอบระเบียง สายลมเย็นพัดแรงจนแทบจะพาร่างบางนั้นปลิวไป พรายเพ็งเอนตัวพิงขอบระเบียง แหงนหน้ามองฟากฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่เกลื่อนด้วยดวงดาวราวจะฝากความรู้สึกบางอย่างไปแสนไกล
"เดินทางปลอดภัยนะคะ อาว่าน"
เธอยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะสะดุ้งเบา ๆ เพราะสัมผัสของผ้าห่มหนาที่ทิ้งตัวลงบนไหล่
"ลมแรง ไม่หนาวเหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยคำถามที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
เขายังจำได้หรือว่าเธอเป็นพวกขี้หนาวขั้นรุนแรง
พรายเพ็งก้มลงมองเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำที่คลุมอยู่บนไหล่ กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่คุ้นเคยคล้ายไม่เคยห่างไกลยังติดอยู่ที่ปลายจมูก เธอกระพริบตาเบา ๆ เหลือบมองผู้ชายตรงหน้าก่อนจะปลดเสื้อคลุมออก ส่งคืนให้เขา
"กำลังจะลงพอดี ขอบคุณนะคะ"
เขาไม่ได้ยื่นมือมารับ แค่ยกมือไขว้หลัง เงยหน้ามองฟ้าเกลื่อนดาว "ดูดาวด้วยกันก่อนสิ"
พรายเพ็งนิ่งงันอยู่นาน และเมื่อเขาหยิบเสื้อแจ็กเ็ตขึ้นคลุมไหล่ให้เธออีกครั้ง หญิงสาวก็หมดเรี่ยวแรงจะเดินหนีอีกต่อไป
คนตัวโตโอบร่างบางไว้หลวม ๆ อ้อมกอดนั้นเย็นชาจนเผลอสะท้านในอก แต่ก็ยังมีไออุ่นจาง ๆ ที่ชวนให้เสพติด
พรายเพ็งเงยหน้ามองฟ้า ฝากแสงดาวไปกระซิบคำขอโทษกับคนบนเครื่องบิน
...เพลงขอโทษค่ะอาว่าน...เพลงยังอ่อนแอเหลือเกิน...
-----
คุณ omelate : อาว่านน่ารักค่ะ
คุณ โอชิน : ไอซ์ก็อยากได้ 555
คุณ grazioso : อ่านบทนี้แล้ว รู้สึกไหมว่าหนูเพลงทั้งโง่และงมงาย ความรักทำให้คนตาบอดจ้ะหนูแก้ว พี่เองก็เชียร์อาว่านนะ
คุณ คิมหันตุ์ : ไอซ์ก็หาอยู่ค่ะ
คุณ goldensun : ไอซ์ว่า อาว่านน่ะเข้าใจเพลงมากเสียจน...ไม่กล้าคว้าเพลงมา ทั้งที่จริง ๆ ถ้าจะทำก็คงไม่ยาก
อ่านบทนี้จบแล้ว คิดเห็นอย่างไรเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ สำหรับไอซ์ ณ จุดนี้ ไอซ์ไม่เข้าใจผู้ชายสีเขียวค่ะ
ส่วนยายหนูเพลง...ความรักปิดตาจนโง่เง่าและงมงาย เป็นความหอมหวานที่เจ็บปวดนะคะ
ตั้งแต่วันแรกที่เขาได้พบกับลูกสาวเจ้านาย เด็กผู้หญิงแสนซนคนนั้นก็คล้ายจะพิมพ์ภาพเธอไว้ในใจเขาตลอดมา
เธอเป็นพรายเพ็ง แสงจันทร์ที่ฉายชัดในหัวใจและนำทางให้เขาอยู่เสมอ
เธอเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์ ที่ไม่ว่าด่านยากมหาหินเท่าไรก็ฝ่าไปได้ทุกสิ่ง
เธอเป็นเหมือนเทพธิดาตัวน้อยที่บังเอิญมีเขี้ยวและหางเล็ก ๆ ร้ายกาจอย่างน่าเอ็นดู
แต่วันนี้...วีมาร์เห็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ที่มีความรัก งมงายในรัก และเจ็บปวดเพราะรัก
โลกของพรายเพ็งสวยงามเสมอมา เธอจึงศรัทธาในโลก ในมนุษย์ และกระทั่งความรัก เขาเองยังเคยเชื่อว่าเธอคือประติมากรรมชั้นยอดที่คนเป็นนายได้สร้างขึ้นอย่างงดงาม
วีมาร์อดถอนใจเบา ๆ ไม่ได้ เพราะนี่คือโลก แม้จะเป็นตุ๊กตากระเบื้องแสนสวย วันหนึ่งก็อาจต้องฝุ่นควัน
พรายเพ็งอาจเชิดหน้าเหมือนไม่เป็นไร แต่วีมาร์รู้ เธอเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดา ๆ ที่ยามนี้หัวใจเปราะบางกว่าแก้วที่พร้อมจะแตกสลาย เธอรู้จักความมืดดำในหัวใจมนุษย์ แต่ไม่เคยสัมผัส และกระทั่งวันนี้ เขาเชื่อว่าพรายเพ็งยังศรัทธาในความงามของมนุษย์
ก่อนกลับ เขาถามเธอ "หนูเพลงโกรธเขาบ้างไหม"
พรายเพ็งเพียงยิ้มบาง "แรกก็โกรธค่ะ เพราะเพลงไม่เข้าใจ แต่พอตั้งสติได้ เพลงห่วงเขามากกว่า" เธอเงยหน้ามองดวงจันทร์สีเงินบนฟ้า
"อาว่านคะ...อาว่านเชื่อไหมว่าจริง ๆ แล้วโลกมันเป็นสีขาว พื้นฐานของมนุษย์คือความบริสุทธิ์ดีงาม แต่ความโลภ ความหลง หลายอย่างย้อมสีเราในทุกวัน โลกจึงกลายเป็นสีเทาที่มีหลากสีผสมกันอยู่" เธอถอนใจเบา ๆ มองลึกเข้าไปในดวงตาของเขา "ถ้าอาว่านเชื่อแบบนี้...อาว่านจะไม่สงสารคนที่ถูกย้อมสีเชียวหรือคะ ทั้งเขาและเพลง เราต่างถูกย้อมด้วยสีที่ต่างกัน เพลงจะโกรธเกลียดเขาทำไม เมื่อเราต่างเป็นเหยื่อของโลกและกิเลสไม่ต่างกัน"
ใครจะโหดร้ายต่อเธอเท่าไร ผู้หญิงคนนี้กลับไม่เคยสิ้นความรักที่จะมอบให้ใครใครเลย
และคงเพราะแบบนี้ เขาจึงยิ่งอยากดูแลเธอ อยากอยู่ข้าง ๆ และเป็นหลักพักพิงให้เธอ
"หนูเพลงครับ..." เขาเรียกเธอเบาๆ แต่ร่างบางกลับนิ่งสงบ
วีมาร์มองนิ่งอยู่เพียงครู่ เขาก็ก้มลงไปแตะริมฝีปากลงที่หน้าผากเนียน กระซิบคำที่เก็บไว้มานานกว่าสิบปี
"พี่รักหนูเพลงนะครับ"
ปลายขนตาที่ขยับแม้เพียงแผ่วเบา แต่คนที่ถูกฝึกมาดีอย่างวีมาร์ย่อมสังเกตได้ไม่ยาก ชายหนุ่มมองเธอนิ่ง นานราวจะวัดใจกัน แล้วดวงตากลมสวยก็เปิดขึ้น แววตาสับสนทำให้เขายกมือขึ้นลูบหัวเธอเบา ๆ
"หนูเพลงไม่ต้องตอบพี่หรอก พี่บอกเพราะอยากบอกให้เพลงรู้ ไม่ได้บีบให้ต้องลำบากใจ จำไว้นะคะ...ต่อให้ใครไม่รัก ไม่เห็นค่าของเพลง แต่สำหรับพี่ เพลงอยู่ตรงนี้เสมอ" เขาจับมือเธอไปวางแนบอกซ้าย กดลงแน่นจนเธอรู้สึกถึงจังหวะของหัวใจที่เต้นอยู่ในช่องอก
พรายเพ็งมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่คมที่เป็นประกายหวานชวนละลายคู่นั้น ในความอ่อนหวานแฝงความมั่นคงที่ทำให้หัวใจอุ่น
ถ้าผู้ชายคนนั้นเป็นสีเขียวมะนาว คือความร่าเริง สนุกสนาน ท้าทาย หากวูบไหวไร้ความแน่นอน
วีมาร์คือผู้ชายสีน้ำตาล คือความอบอุ่น มั่นคง เป็นที่พักที่สมบูรณ์แบบอย่างแท้จริง
หญิงสาวยันตัวขึ้นนั่งตรง "ขอบคุณนะคะ อาว่าน...ขอบคุณจริง ๆ"
"เรียกพี่ว่านสักครั้งได้ไหม" เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะ พรายเพ็งเพียงยิ้ม
"ค่ะ...อาพี่ว่าน" เธอยิ้มจนตาหยี ก่อนจะนิ่งไปเมื่อรู้สึกถึงสัมผัสแผ่วเบาที่หน้าผาก
ในความเงียบงันจนแทบไม่ได้ยินแม้เสียงของลมหายใจ มีเพียงหัวใจสองดวงที่เริ่มจะเต้นผิดจังหวะไปจากเดิม
วีมาร์ดึงตัวออกห่าง "พรุ่งนี้ พี่จะกลับแล้ว"
หัวใจของพรายเพ็งกระตุกวูบ แววตาของเธอคงเปิดเผยความรู้สึกทุกอย่าง วีมาร์จึงยกมือขึ้นลูบหัวเธอเบา ๆ
"กลับไปคราวนี้ ไม่รู้เมื่อไรจะได้เจอหนูเพลงอีก" เขาถอนใจเบา ๆ "ดูแลตัวเองดี ๆ รักตัวเองให้มากแทนส่วนความรักของพี่ด้วยนะครับ"
หยาดน้ำตาหยดเล็กร่วงหล่นลงบนแก้มเนียนอีกครั้งโดยที่พรายเพ็งไม่ตั้งใจ หัวใจหายวาบเหมือนยามที่เธอทราบข่าวว่าบิดาจะไปปฏิบัติราชการในแดนไกล
เธอรู้อย่างที่หลายคนรู้ งานของวีมาร์เต็มไปด้วยความลับ และความเสี่ยง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้พบกันอีกหรือไม่ ความรู้สึกของแนวหลังที่เธอเกือบลืมไปแล้วได้ย้อนคืนมาอีกครั้ง
ทั้งที่อยากจะขอร้องไม่ให้เขาจากไป แต่เธอต้องเคารพและศรัทธาในงานและคุณค่าของงานที่เขาทำ
พรายเพ็งสูดลมหายใจยาว เมื่อวีมาร์ยกมือแตะเช็ดน้ำตาบนหน้าเธอ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้มอย่างร่าเริง
"ค่ะ...แล้วกลับมาเล่าให้เพลงฟังบ้างนะคะ ว่าอาว่านไปเที่ยวซุกซนที่ไหนมา"
ร่างแบบบางในชุดเสื้อกาว์นสีขาวตัวสั้นเดินตรงไปที่ขอบระเบียง สายลมเย็นพัดแรงจนแทบจะพาร่างบางนั้นปลิวไป พรายเพ็งเอนตัวพิงขอบระเบียง แหงนหน้ามองฟากฟ้าสีน้ำเงินเข้มที่เกลื่อนด้วยดวงดาวราวจะฝากความรู้สึกบางอย่างไปแสนไกล
"เดินทางปลอดภัยนะคะ อาว่าน"
เธอยืนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะสะดุ้งเบา ๆ เพราะสัมผัสของผ้าห่มหนาที่ทิ้งตัวลงบนไหล่
"ลมแรง ไม่หนาวเหรอ" เสียงทุ้มเอ่ยคำถามที่ทำให้เธอต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ
เขายังจำได้หรือว่าเธอเป็นพวกขี้หนาวขั้นรุนแรง
พรายเพ็งก้มลงมองเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำที่คลุมอยู่บนไหล่ กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ที่คุ้นเคยคล้ายไม่เคยห่างไกลยังติดอยู่ที่ปลายจมูก เธอกระพริบตาเบา ๆ เหลือบมองผู้ชายตรงหน้าก่อนจะปลดเสื้อคลุมออก ส่งคืนให้เขา
"กำลังจะลงพอดี ขอบคุณนะคะ"
เขาไม่ได้ยื่นมือมารับ แค่ยกมือไขว้หลัง เงยหน้ามองฟ้าเกลื่อนดาว "ดูดาวด้วยกันก่อนสิ"
พรายเพ็งนิ่งงันอยู่นาน และเมื่อเขาหยิบเสื้อแจ็กเ็ตขึ้นคลุมไหล่ให้เธออีกครั้ง หญิงสาวก็หมดเรี่ยวแรงจะเดินหนีอีกต่อไป
คนตัวโตโอบร่างบางไว้หลวม ๆ อ้อมกอดนั้นเย็นชาจนเผลอสะท้านในอก แต่ก็ยังมีไออุ่นจาง ๆ ที่ชวนให้เสพติด
พรายเพ็งเงยหน้ามองฟ้า ฝากแสงดาวไปกระซิบคำขอโทษกับคนบนเครื่องบิน
...เพลงขอโทษค่ะอาว่าน...เพลงยังอ่อนแอเหลือเกิน...
-----
คุณ omelate : อาว่านน่ารักค่ะ
คุณ โอชิน : ไอซ์ก็อยากได้ 555
คุณ grazioso : อ่านบทนี้แล้ว รู้สึกไหมว่าหนูเพลงทั้งโง่และงมงาย ความรักทำให้คนตาบอดจ้ะหนูแก้ว พี่เองก็เชียร์อาว่านนะ
คุณ คิมหันตุ์ : ไอซ์ก็หาอยู่ค่ะ
คุณ goldensun : ไอซ์ว่า อาว่านน่ะเข้าใจเพลงมากเสียจน...ไม่กล้าคว้าเพลงมา ทั้งที่จริง ๆ ถ้าจะทำก็คงไม่ยาก
อ่านบทนี้จบแล้ว คิดเห็นอย่างไรเล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ สำหรับไอซ์ ณ จุดนี้ ไอซ์ไม่เข้าใจผู้ชายสีเขียวค่ะ
ส่วนยายหนูเพลง...ความรักปิดตาจนโง่เง่าและงมงาย เป็นความหอมหวานที่เจ็บปวดนะคะ
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ธ.ค. 2557, 15:09:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ธ.ค. 2557, 15:09:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 1214
<< -เพลงรักในสายลม(3)- | -เพลงรักในสายลม(5)- >> |
โอชิน 22 ธ.ค. 2557, 00:48:02 น.
สงสารอาว่านจังเลย..เศร้า..!
สงสารอาว่านจังเลย..เศร้า..!
sai 22 ธ.ค. 2557, 13:06:20 น.
ความรักมันบังคับกันไม่ได้
ความรักมันบังคับกันไม่ได้
goldensun 23 ธ.ค. 2557, 11:47:36 น.
ผู้ชายสีเขียว บอกคำเดียว หวงก้าง ทดสอบว่า เพลงยังอยู่ในกำมือ ซึ่งก็จริงตามนั้น
รักฝังใจ ตัดยากซะจริง เพลง แถมอาว่านก็อยู่ไกลซะด้วย
ผู้ชายสีเขียว บอกคำเดียว หวงก้าง ทดสอบว่า เพลงยังอยู่ในกำมือ ซึ่งก็จริงตามนั้น
รักฝังใจ ตัดยากซะจริง เพลง แถมอาว่านก็อยู่ไกลซะด้วย
นักอ่านเหนียวหนึบ 27 ธ.ค. 2557, 11:30:50 น.
อยู่กะปัจจุบันเถอะนะ หนูเพลง
ค. รักเนี่ย ร้ายกาจ รักก็เจ็บ เลิกก็เจ็บ จะเอายังไงฮะ
อยู่กะปัจจุบันเถอะนะ หนูเพลง
ค. รักเนี่ย ร้ายกาจ รักก็เจ็บ เลิกก็เจ็บ จะเอายังไงฮะ
grazioso 19 ม.ค. 2558, 20:26:18 น.
งี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เสียดายอาว่านนนนนน เสียดายผู้ชายสีน้ำตาลแสนอบอุ่นคนนั้นนนนน ไม่ชอบผู้ชายสีเขียวเลย ให้ตายยยย TTATT
งี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด เสียดายอาว่านนนนนน เสียดายผู้ชายสีน้ำตาลแสนอบอุ่นคนนั้นนนนน ไม่ชอบผู้ชายสีเขียวเลย ให้ตายยยย TTATT