...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 25 ร้ายแรงริษยา



ฟาเดลระดมผู้คนออกตามหาดารัลทั่วทุกสารทิศเมื่อพบร่างของ
บอดีการ์ดนอนสลบเหมือดอยู่กลางตลาดนัดโดยไร้ซึ่งเงาของภรรยาสุดที่รัก…


ส่วนบอดีการ์ดคนอื่นๆที่คอยติดตามไปด้วยก็ถูกฝ่ายตรงข้ามจัดการเสียทุกคน


“ใจเย็นๆนะฟาเดล…” ผู้เป็นย่าลูบหลังหลานชายที่ดูกระวนกระวายใจ

“ผมจะทำยังไงดีครับคุณย่า…เราโดนปองร้ายมาหลายครั้งแล้ว
ผมไม่แน่ใจว่าครั้งนี้เป็นฝีมือใคร…แล้วผม…ผมผิดเองที่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นจนได้
พ่อตาผมคงฆ่าผมแน่ๆถ้ารู้เรื่องนี้…”

“คงยากที่จะปกปิดล่ะ…เพราะปู่ได้ข่าวว่าทางโน้นกำลังออกเดินทางมานี่แล้ว…”

ฟาเดลมองมาทางคุณปู่ของเขาด้วยแววตาหวาดหวั่น

เรื่องกลัวพ่อตาของเขานั้นไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับความปลอดภัยของภรรยา
มันเทียบกันไม่ได้เลย ต่อให้หมอดานีสฉีกร่างเขาเอาไปให้อีกากินเขาก็ยอม
ขอเพียงได้รู้ว่าเธอปลอดภัย…




หากผ่านไปสามวันแล้ว ที่ทั้งหมดออกค้นหาดารัล แล้วพบเพียงความผิดหวัง
คาดหวังและผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนอยู่เช่นนั้น
มันช่างแสนทรมานใจเหลือเกินสำหรับหัวอกของผู้ที่ถูกพรากของรัก

“อยู่กันพร้อมหน้าเลยนะคะ…” เสียงนั้นดังขึ้น
ทำให้ทุกคนที่รวมตัวกันในห้องรับแขกของคฤหาสถ์หลังงาม
ถึงกับหันมามองเป็นสายตาเดียวกัน

“ฉันมีของขวัญพิเศษมาฝากคุณค่ะฟาเดล…”

นายิกาที่ปรากฏกายในชุดสีแดงเพลิง กรีดกรายเข้ามาหาฟาเดลด้วยท่วงท่ายั่วเย้า
ดวงตาหวานฉ่ำพร้อมด้วยรอยยิ้มยั่วยวน…

ฟาเดลรับของขวัญมาไว้ในมือพลางก้มมองกล่องดังกล่าวด้วยหัวใจหวาดหวั่น…
พยายามอย่างสุดฤทธิ์ที่จะไม่ให้มือสั่นเมื่อต้องเปิดกล่องดังกล่าวออก

แล้วก็ต้องใจหายวาบกับสิ่งที่ปรากฎในกล่องของขวัญนั่น…
ทุกสายตาเปลี่ยนมาจับจ้องมองเขาเป็นตาเดียวกัน…ฟาเดลค่อยๆ
ทรุดกายลงกับโซฟาราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ…

“นี่แค่ฉากเริ่ีมต้นเท่านั้นค่ะ…แค่เริ่มต้นเท่านั้น…”

ดานีสมองหญิงสาวตรงหน้าแล้วรีบเข้าไปคว้ากล่องดังกล่าวก่อนจะกัดฟันกรอด…

“เธอจะต้องชดใช้ทุกอย่างนายิกา…” นายิกายิ้มหยัน…

“ถึงพวกคุณอยากจะฆ่าฉันให้ตายไปต่อหน้าต่อตาสักแค่ไหนก็ตาม
แต่เห็นจะยากนะคะ…ในเมื่อดวงใจของพวกคุณกำลังอยู่ในอุ้งมือของฉัน…"นายิกาเอ่ยกับ
ทุกคนที่ห้องนั้นยามเมื่อกวาดตามอง ไม่มีสีหน้าหวาดหวั่นเลยแม้แต่น้อยนิด
ก่อนจะหันมาทางฟาเดล

"ว่าไงคะฟาเดล…เราจะมาเจรจาข้อตกลงกันได้รึยัง…”

นายิกามองใบหน้าที่ไร้สีสันของชายหนุ่มตรงหน้าแล้วยิ้มเย็น

“เธอต้องการอะไร…บอกฉันมาว่าเธอต้องการอะไร…”
ฟาเดลกระชากเสียงถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาเรืองรอง

“ใบหย่าของคุณกับดารัล และทะเบียนสมรสระหว่างคุณกับฉัน”

น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคงนั้นทำเอาทุกหูที่ได้ยินถึงกับชะงักงัน

“อ้อ…พิธีสมรสอย่างยิ่งใหญ่ด้วยนะคะ…เพราะฉันไม่ชอบอะไรที่มันเล็กๆ
ไม่อยากอยู่กันแบบหลบๆซ่อนๆให้ตกเป็นขี้ปากชาวบ้านเขาด้วย...
อย่างฉันมันต้องยิ่งใหญ่ หรูหรา ท่ามกลางผู้คนนับพันที่มาร่วมเป็นสักขีพยาน…และ…”

“ไม่มีทาง!” ฟาเดลตะคอกกลับไปทันทีโดยไม่ต้องคิด
เขาไม่มีวันทำอย่างที่ผู้หญิงคนนี้ขอเด็ดขาด…

“งั้นฉันคงต้องบอกว่า…” นายิกาหันไปมองใบหน้าของทุกคนในห้อง
ไล่ตั้งแต่ผู้อาวุโสสุดอย่างอะมานี ปู่ย่าของฟาเดล หมอดานีส นาดา
พี่ชายและพี่สะใภ้ของดารัล น้องชายทั้งสองของหญิงสาว
แล้วจบที่สามสาวที่ยืนกุมมือกัน…

ไม่เว้นแม้แต่ใบหน้าของบอดีการ์ดคนสนิทของดารัลที่ยืนทำหน้าเหมือนคนเห็นผี…

แล้วยิ้มหยัน ยิ้มอย่างผู้ที่กำลังกำชัยชนะเอาไว้ในมือ…ผู้ที่อยู่เหนือศัตรูที่แสนเก่งกาจ…

“สิ่งที่คุณเห็นในกล่องตอนนี้น่ะมันยังมีโอกาสงอกขึ้นมาใหม่ได้อีก
แต่ถ้าคุณไม่ยอมทำตามข้อตกลงหรือขัดคำส่ังฉัน…

ต่อไปก็จะเป็นหูทั้งสองข้างของดารัล…คราวนี้เธอก็จะไม่มีวันได้ยินคำว่ารัก
จากปากสวยๆของคุณได้อีก…ต่อจากนั้นก็จะเป็นสองตา…
ฉันจะควักลูกกะตาสวยๆของดารัลมาไว้ในมือคุณเองฟาเดล
ถ้าคุณต้องการแบบนั้น…”

ฟาเดลจ้องตาหญิงสาวตรงหน้าราวกับเสือที่กำลังจ้องตากับศัตรูคู่อาฆาต…
หากนั่นมิได้ทำให้นายิกากริ่งเกรง เธอหัวเราะในลำคอขณะกล่าวว่า

“ฮึๆๆ…คุณจะไม่มีวันได้เห็นมันอยู่บนใบหน้าดารัลอีก
และดารัลเองก็จะไม่มีวันได้เห็นแววตาของคุณ
ไม่มีวันได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาและมีเสน่ห์ของคุณอีกต่อไป…
ไม่มีวันได้เห็นโลกอันสวยงามใบนี้อีก

ฉันอยากจะรู้นัก อยากรู้เหลือเกินว่าผู้หญิงปากเก่งคนนั้นจะยังหัวเราะสดใส
มีใบหน้าที่แย้มยิ้มอย่างเดิมได้อีกรึเปล่า…
ยังจะมีหน้ามาสั่งสอนคนอื่นได้อีกมั้ยถ้าต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น”

หญิงสาวแสยะยิ้ม ก่อนจะสาวเท้าเข้าไปยืนใกล้ๆกับฟาเดล

“คุณไม่ต้องกลัวไปหรอกฟาเดล…” หญิงสาวว่าพลางก็ยกนิ้วขึ้นสัมผัส
ลูบไล้ใบหน้าของเขาอย่างหลงใหล

ทว่า ฟาเดลกลับเบี่ยงหลบอย่างนึกรังเกียจ

“เพราะฉันจะไม่มีวันฆ่าดารัลแน่ๆ ความตายมันง่ายไป…
สู้ปล่อยให้เธออยู่โลกใบเดียวกับคุณ ได้เห็นคุณแต่เข้าใกล้คุณไม่ได้ ไม่ดีกว่าหรือ…

และฉันสาบานว่าถ้าคุณขัดขืนฉัน
สิ่งที่คุณจะได้ต่อจากนี้ก็คือชิ้นส่วนอวัยวะของดารัลมานอนดูต่างหน้า…

หรือถ้าคุณมีปัญญาประกอบมันขึ้นมาใหม่ก็เชิญเลยนะ
รับรองว่าฉันจะส่งมาให้คุณถึงมือทุกชิ้นส่วนเลยล่ะ…”

น้ำเสียงเห้ียมรับกับใบหน้าหวานได้อย่างลงตัวจนคนมองถึงกับหนาวไปถึงแนวสันหลัง…

“เธอมันก็แค่เด็กผู้หญิงขี้อิจฉาคนนึง…”

นาดาเป็นผู้เอ่ยประโยคนั้นออกมาด้วยสีหน้าราบเรียบ ไร้อารมณ์ใดๆ…

“น้องรัลไม่เคยคิดจะแข่งขันอะไรกับเธอเลย…เขาอยู่ในส่วนของเขา
แต่เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองพ่ายแพ้ ทั้งๆที่คนที่เธอคิดจะแข่งขันด้วย
เขาไม่ได้อยากลงสนามแข่งกับเธอเลย…และเหมือนจะพยายามหลบเลี่ยงเธอ
มาตลอดเสียด้วยซ้ำไป…

ฉันจะบอกเธอเอาไว้นะ…ว่าลูกสาวฉันกับเธอ กระดูกมันคนละเบอร์กัน…
ถ้าคิดจะชกข้ามรุ่นกันจริงๆล่ะก็…เธอต้องโตกว่านี้อีกหน่อย…”

นายิกาตวัดสายตาไปยังคนพูดแล้วก็ได้เห็นใบหน้าสวย
แม้จะมีร่องรอยแห่งกาลเวลาพาดผ่าน หากความสวยนั้นยังเด่นชัด…

แล้วคำพูดที่ท้าทายปนสบประมาทก็ถูกเอ่ยขึ้น
ราวกับมิได้สะทกสะท้านถึงคำขู่ของเธอเลยอีกว่า…

“เธอน่ะเป็นได้แค่เพียงเด็กผู้หญิงขี้ขลาด…อ่อนแอ…ขี้แพ้ชวนตี…”

นายิกากัดฟันกรอดจ้องคนพูดตาเป็นมัน หากนาดากลับนิ่งกว่า
นิ่งอย่างที่ดานีสที่ยืนอยู่ข้างๆถึงกับหันมามองเพื่อจะได้มองให้เห็น
ถึงความนึกคิดที่ซ่อนอยู่ภายใต้ดวงหน้าและแววตาสงบคู่นั้น

เขาซึ่งเป็นผู้ชาย เป็นพ่อของลูกที่โดนลักพาตัวไปก็ยังทำไม่ได้อย่างเธอ
เธอซึ่งเป็นแม่ แต่กลับมีท่าทีสงบได้อย่างน่าประหลาด…

“ท่าทางราวกับนางพญาของเธอน่ะมันก็แค่เปลือก…
ที่เธอกับปู่ของเธอพยายามสร้างขึ้นมา…เพื่อกลบเกลื่อนความอัปลักษณ์ของสิ่งที่ซ่อน
อยู่ข้างในเอาไว้เท่านั้นเอง…และตอนนี้มันก็กำลังจะส่งกลิ่นเน่าเหม็น
ออกมาประจานตัวเธอเองให้คนอื่นๆได้เห็นเป็นประจักษ์…”

นาดาแย้มยิ้มให้กับหญิงสาวตรงหน้าหมายจะเตือนเป็นนัยว่า

“เธอน่ะแพ้ลูกสาวฉันตั้งแต่ยกแรกแล้วนายิกา…
ถ้าไม่เชื่อก็ดูหน้าตาของคนที่เธอขอให้เขาจดทะเบียนสมรสกับเธอสิ…
นั่นแหล่ะ…คะแนนสำหรับยกแรกของเธอ…”

นายิกาหันไปมองสีหน้าแววตาของฟาเดลโดยอัตโนมัติ
ก่อนจะรู้สึกเจ็บร้าวไปทั้งใจราวกับใครเอามีดมากรีด…

“เธอเป็นคนกระชากลูกสาวฉันขึ้นสังเวียนเองนะนายิกา…
ฉันขอเตือนเธอเอาไว้ตั้งแต่วันนี้เลยว่า เธอจะเสียมากกว่าได้…
หรือแทบจะไม่ได้อะไรเลยด้วยซ้ำไป…

และจงเตรียมพร้อมรับความสูญเสียได้เลย…
เพราะเมื่อขึ้นสังเวียนหรือสนามต่อสู้จริงๆ…ลูกสาวฉันไม่เคยออมมือให้ใคร…”

นาดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงและแววตามั่นอกมั่นใจก่อนจะหันไปทางอะมานีซึ่งเป็นแม่สามี
ที่มีสีหน้าแววตามิได้แตกต่างกันเลย…เพียงแต่หญิงสูงวัยกว่า
มิได้เอ่ยคำใดออกมาเท่านั้น…

“งั้นก็มองภาพนี้ดูหน่อยเป็นไร…จะได้เห็นไงล่ะว่าดารัลที่เก่งนักเก่งหนาน่ะ
ตอนนี้มีสภาพเป็นเช่นไร…” แล้วหญิงสาวก็ยกไอเพ็ดขึ้น
เผยให้เห็นภาพวิดิโอผ่านจากกล้องวงจรปิดในบ้านหลังหนึ่ง
ซึ่งดารัลกำลังนั่งอยู่ตรงซอกมุมของห้องโดยที่ข้อเท้ามีโซ่เส้นใหญ่คล้องล่ามเอาไว้

ใบหน้าช้ำไปทั้งแถบ ส่วนศีรษะถูกโกนผมออกจนล้าน
ไม่เหลือเส้นผมสลวยสวยงามดังเดิมแม้แต่เส้นเดียว

ไม่เว้นแม้แต่คิ้วที่เคยโค้งสวยได้รูปก็ถูกโกนออก
มองไปแล้วไม่ต่างจากภาพของแม่ชีเลย…หรืออาจจะยิ่งกว่าแม่ชีด้วยซ้ำ
เพราะใบหน้าที่บอกช้ำนั้นมีสีม่วง มองก็รู้ว่าสภาพนั้นทำให้คนในภาพ
เจ็บกายและเจ็บหัวใจเพียงใด…

ฟาเดลได้แต่มองภาพนั้นด้วยแววตาเจ็บปวดรวดร้าว…
ก่อนจะเบี่ยงหน้าหนีก้มมองเส้นผมยาวสลวยที่ถูกตัดทิ้ง
จากศีรษะสวยได้รูปนั้นในกล่องด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ถึงเจ้าของของมัน…

น้ำตาลูกผู้ชายเอ่อคลอเบ้าตาเมื่อได้เห็นสภาพของภรรยาเต็มตา…
ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไร้แววสับสนว่า

“ตกลง…ฉันตกลงทุกอย่าง…เธออยากได้อะไรบอกฉัน…
ฉันจะยกให้เธอทุกอย่างตามที่เธอต้องการ…แลกกับการไม่ทำอะไรน้องรัลอีก…
แล้วปล่อยเธอไป”นายิกาหันมามองฟาเดลทันทีด้วยแววตาคาดไม่ถึง
ไม่คิดว่าเขาจะยอมตกลงอะไรง่ายๆเพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้น...
ก่อนแววยินดีในดวงตาจะเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน…ปากสวยเหยียดออก

“งั้นก็เซ็นใบหย่านี้ซะ…”

หญิงสาวส่งเอกสารในมือที่เตรียมมาให้ฟาเดลชายหนุ่มรับไป
และไม่ลังเลเลยที่จะตวัดลายเซ็นของตัวเองลงไป…
ทุกสายตามองนิ่งไปยังเขา…ไม่มีเสียงทัดทาน ไม่แม้แต่เสียงใดเอ่ยขึ้น
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ…จนกระทั่ง

“เห็นทีฉันจะปล่อยดารัลไปไหนไม่ได้…แต่สัญญาว่าจะไม่ล่ามโซ่เธอ
เพราะตราบใดที่คุณอยู่กับฉัน ดารัลก็จะอยู่ในความคุ้มครองของคนของฉันเช่นกัน…

ถ้าคุณตุกติกหรือขัดขืน…คงจะรู้นะคะว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับดารัลบ้าง…”

ดารัลสบตาสวยหากกระด้างคู่นั้นแล้วยิ้มที่มุมปากข้างหนึ่งเพียงนิด…

“ก็เอาสิ…ตอนนี้ความรักของฉันกับน้องรัลอยู่ในกำมือเธอแล้วนี่…
เธออยากจะใช้มันทำอะไรก็เชิญ…เอาให้สมความปรารถนาของเธอ…
มีเท่าไหร่ก็งัดมันออกมาให้หมด…”

“อย่าท้าฉันนะ…” ฟาเดลโคลงศีรษะ

“ฉันไม่ได้ท้า ฉันแค่เพิ่งได้เข้าใจในสิ่งที่ภรรยาของฉัน
เขาเคยบอกฉันเอาไว้ก่อนหน้าจะถูกจับไปเท่านั้น…”

“อดีตภรรยา…ตอนนี้ดารัลกลายเป็นอดีตภรรยาของคุณแล้วนะฟาเดล”

ฟาเดลยิ้มอีกครั้ง…ยิ้มแม้ในแววตาจะขมขื่นเพียงใด

“ยังมีอะไรที่ฉันต้องเซ็นอีกรึเปล่า…” ฟาเดลแกว่งปากกาในมือไปมา
มองใบหน้าสวยไร้ที่ติของหญิงสาวตรงหน้าราวกับมองโต๊ะ ตู้ เตียง
ที่ถูกออกแบบมาอย่างดี…

“ทะเบียนสมรสไงล่ะ…” ว่าแล้วก็ยื่นเอกสารดังกล่าวให้เขาเซ็นลงไป

“รีบไปรึเปล่า…ฉันจะเซ็นเอกสารนี้ก็ต่อเมื่อได้เห็นลายเซ็นบนใบหย่า
ของน้องรัลแล้วเท่านั้น…และได้เห็นภาพตอนที่เธอเซ็นใบหย่าด้วย…”

ฟาเดลต่อรอง และนั่นทำให้นายิกาถึงกับหัวเราะ

“ได้สิ…รับรองว่าคุณจะได้เห็นภาพนั้นเร็วๆนี้แน่…”









“เซ็นซะ…” ดารัลมองเอกสารตรงหน้าที่มีลายเซ็นคุ้นตาของสามี

“รีบๆเซ็นเข้าเสียสิ…สามีของเธอน่ะ เขากำลังจะเข้าพิธีวิวาห์
กับเจ้าสาวคนใหม่ในอีกไม่กี่วันนี้แล้วนะ…”
เสียงที่ดังมาจากปากของชายวัยกลางคนที่แต่งตัวดูดีในสูทสากลเรียบหรูเอ่ยขึ้น
ด้วยน้ำเสียงเหยียดหยัน…ดารัลยกปากกาขึ้นแล้วลังเลอยู่เพียงครู่
ก่อนจะตัดสินใจตวัดลายเซ็นลง…ไม่มีแม้แต่หยดน้ำตาสักหยดเดียวเมื่อได้ยินคำพูดต่อมา…

“แล้วยังไงฉันจะให้เขาเก็บภาพจากงานมาให้เธอดูก็แล้วกัน…
จะได้รู้ว่าตอนนี้ เขาและเธอขาดกันแล้วโดยสมบูรณ์…

และถ้าอยากจะมีลมหายใจอยู่ต่อไป ก็ให้ทำตัวดีๆ อย่าขัดขืน
ที่นี่ก็ไม่ได้ไม่น่าอยู่อะไร…เธอน่ะโชคดีแล้วนะ…ที่เจ้านายฉันเขาไม่คิดเอาชีวิต…
แต่ก็อย่างว่าแหล่ะ เจอเข้าแบบนี้ไม่ตายก็เหมือนตาย…”

ดารัลนิ่งมองใบหย่าตรงหน้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นพูดกับชายวัยกลางคน
ด้วยสีหน้าราบเรียบว่า

“ฉันขอกระดาษได้มั้ย…”

“จะเอาไปทำอะไร…”

“จดหมาย…หวังว่าคงไม่มากเกินไปที่ฉันจะฝากจดหมาย
ไปแสดงความยินดีกับอดีตสามีและว่าที่เจ้าสาวคนใหม่ของเขาพร้อมกับใบหย่านี้…”

ชายกลางคนพ่นลมหายใจแล้วส่งสิ่งที่หญิงสาวตรงหน้าต้องการ
ดารัลรับไปก่อนจะเขียนข้อความเป็นภาษาอาหรับแล้วส่งให้ชายวัยกลางคน…

“ขอบคุณนะคะ…และจะขอบคุณมากถ้าคุณจะเมตตาส่งมันถึงมืออดีตสามีของฉัน…
อย่างน้อยก็ขอให้ฉันได้อำลาเขาก่อนที่เส้นทางของฉันกับเขาจะตัดขาดจากกัน…”

พูดจบหญิงสาวก็เดินขึ้นไปยังห้องนอนด้านบนของบ้าน
ปิดประตูเงียบ ปิดม่่านปิดหน้าต่างทุกบาน






ฟาเดลมองเอกสารตรงหน้าพร้อมกับภาพวิดิโอจากกล้องวงจรปิดในมือของนายิกา…
ภาพหญิงสาวที่สวมเสื้อผ้าตัวใหญ่ปกปิดทุกส่วนยกเว้นใบหน้าและฝ่ามือ…
เขาได้เห็นสีหน้าของเธอตอนเซ็นใบหย่่าและยังได้เห็นเธอหันมายิ้มให้กล้อง
ก่อนจะเดินขึ้นข้างบนไป

“นี่อดีตภรรยาของคุณฝากมาให้…” ชายวัยกลางคนยื่นซองเล็กๆให้ฟาเดล
ชายหนุ่มรับมา เพียงแค่เห็นลายมือเขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นลายมือของใคร…

และเมื่อเปิดอ่าน หัวใจที่ชาหนึบถึงกับกระตุกรุนแรงกับประโยคไม่กี่ประโยคนั้น
โดยเฉพาะประโยคแรกและประโยคสุดท้าย

‘อยากบอกพี่ว่า…หัวใจของเรายังคงเต้นอยู่และจะเต้นต่อไป…
เนเนตคงรู้ว่า ดวงตะวันของเขาจะไม่มีวันตกดินอีกนาน…
ซาฮาร่าหนาวแค่ไหน ใจน้องรัลก็หนาวแบบนั้น…หนาวเหลือเกิน
สายลมไม่เคยอ่อนโยน
ต้นสนไม่เคยปรานี…
สะพานเงินสะพานทองของเนเนตคงทอดยาวให้น้องรัลก้าวเดินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว…
ไม่มีใครบีบบังคับให้น้องรัลแย่งชิงสิ่งที่เป็นของน้องรัลได้…ไม่มี
และน้องรัลจะดูแลและเก็บรักษาหัวใจของเราอย่างดีที่สุด…ในที่ที่ไม่มีใครรู้ใครเห็น
น้องรัลสัญญา…’

ฟาเดลอ่านถ้อยคำบนกระดาษนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ก่อนจะตัดสินใจเซ็นใบทะเบียนสมรสตรงหน้า

นายิกายิ้มพราวก่อนจะบรรจงตวัดลายเซ็นของเธอลงบนนั้น
พร้อมกับประกาศไปทั่วทั้งห้องโถงของคฤหาสถ์หลังงามที่มีครอบครัวของฟาเดล
ครอบครัวโสภณพสุธและครอบครัวของนายิกาอยู่กันพร้อมหน้าว่า

“อย่าลืมสวมชุดสวยๆมาร่วมแสดงความยินดีในงานแต่งงานของเราสองคน
ในวันพรุ่งนี้ด้วยนะคะ…อ้อ…” เสียงตอนท้ายนั้น
หันมาทางฟาเดลแล้วยิ้มหวานให้เขาขณะบอกราวกับจะสั่งไปด้วยเขาว่า

“นอกจากนี้แล้ว…เพื่อยืนยันความเป็นหนึ่งเดียวของเรา
คุณต้องเซ็นโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินทั้งหมดที่คุณถือครอง
รวมทั้งที่คุณปู่คุณย่าของคุณครอบครองอยู่ให้ฉันแต่เพียงผู้เดียวด้วยนะคะ…
เพื่อความปลอดภัยของดารัล คุณคงเซ็นเอกสารพวกนั้นได้ไม่ลำบากอะไรใช่มั้ยคะ…
ไหนๆเราก็เป็นสามีภรรยากันแล้วนี่นา…”

ฟาเดลหันมาสบตาของนายิกาด้วยแววตาสมเพชเวทนา

“นี่หรือความปรารถนาของเธอ…” นายิกาเลิกไหล่
ก่อนจะยิ้มหวานกระชากใจหนุ่มๆขณะพูดว่า

“ยังหรอกค่ะ…มันยังไม่หมด เพราะสิ่งต่อไปที่ฉันต้องการน่ะคือเจ้านี่”
ว่าพลางก็จิ้มไปยังอกข้างซ้ายของฟาเดล…

“งั้นก็ควักออกไปเลย ตอนนี้ก็ได้ ถ้าเธออยากได้มันนัก…”
ฟาเดลท้าด้วยสีหน้าเยือกเย็น…

“ยังหรอกค่ะ ยังไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้ดารัลเขายังจับจองมันอยู่
แล้วคุณจะรู้ว่าฉันนี่แหล่ะที่จะเอาดารัลออกไปจากหัวใจคุณให้ได้…
สักวัน...หัวใจคุณก็จะเป็นของฉันแต่เพียงผู้เดียว...”

ฟาเดลยิ้มหยัน…

“ถึงเธอจะเอาดารัลออกไปจากใจฉันได้
แต่เธอจะไม่มีวันเอาพระเจ้าไปจากหัวใจของฉันได้แน่ๆนายิกา…

หัวใจที่ไร้ศรัทธาในพระเจ้าเช่นเธอนั้น…มันไม่สามารถหลอมรวมกับหัวใจของฉันได้…
เพราะคนอย่างเธอไม่เคยศรัทธาต่อสิ่งใด ไร้ศาสนา ไม่รู้จักพระเจ้า…

เพราะพระเจ้าสำหรับเธอ คือ ความปรารถนา คือกิเลสใฝ่ต่ำ
คือซาตานที่อยู่ในใจเธอเท่านั้น…เธอตกเป็นทาสของมัน ก้มหัวให้กับมัน…
ยอมสิโรราบต่อมัน

ซึ่งต่างกับฉันและน้องรัล เรามิได้แต่งงานกันเพียงเพราะต้องการสนองกิเลส
หรืออารมณ์ใฝ่ต่ำ แต่เราแต่งงานกันด้วยนามอันสูงส่งของพระเจ้า
เรารักกันเพื่อพระองค์ รักที่เธอไม่มีวันเข้าใจ…ไม่มีวันเข้าถึง…

และต่อให้ฉันต้องเข้าพิธีสมรสกับเธอสักร้อยครั้งพันครั้ง
การแต่งงานระหว่างฉันกับเธอก็ต้องตกเป็นโมฆะอยู่ดีนายิกา…”

คำประกาศกร้าวของฟาเดลสร้างรอยยิ้มให้กับทุกคนในห้องโถง
ยกเว้นชายชราซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของนายิกา ที่ถึงกับดิ้นพร่านทันที
ที่หลานเขยเอ่ยหมาดๆออกมาเช่นนั้น…

เพราะนั่นเท่ากับตอกย้ำเรื่องราวในอดีต
อดีตที่เขาเคยถูกกีดกันออกจากหญิงสาวที่เขารัก
ด้วยกับศรัทธาบ้าๆที่หลานเขยของเขาเอ่ยมา

“ก็แค่ศรัทธาบ้าๆ หลงงมงายกันอยู่ได้…ไหนล่ะพระเจ้า ไหนล่ะการช่วยเหลือ…
รักเพื่อพระเจ้าหรือ ทุเรศ อย่ามาพูดเลย…
เพราะมันฟังดูสะอิดสะเอียนและเสแสร้งสิ่้นดี...

มนุษย์น่ะมันก็แค่อยากแต่งงานเพราะต้องการจะรักษาเผ่าพันธุ์ของมันเอาไว้
ไม่ต่างจากสัตว์และพืชที่ต้องการการผสมพันธุ์นักหรอก

และถึงไม่แต่งงานก็ยังสืบพันธุ์ต่อไปได้เลย…ไอ้ที่ให้แต่งงานกันนี่
ก็เพื่อจะได้ป่าวประกาศให้คนอื่นเขาได้รับรู้กันว่า
คนสองคนพร้อมจะขยายเผ่าพันธุ์กันแล้วก็เท่านั้น…”

อะมานีได้ฟังชายชราดังนั้นก็เดินออกมายังกลางห้อง
เผชิญหน้ากับบุคคลในอดีตพร้อมกับเอ่ยว่า…

“แล้วไงล่ะ นี่หรือ...เผ่าพันธุ์ที่นายพยายามจะรักษาเอาไว้…
ผู้หญิงที่พยายามหาทางหลอกล่อแย่งสามีของคนอื่นอย่างนี้หรือ
คือเผ่าพันธุ์ที่คนอย่างนายพยายามรักษาเอาไว้ให้คงอยู่ต่อไป…

ฉันเพิ่งรู้ว่านี่คือหลักการรักษาและขยายเผ่าพันธุ์ของตระกูลรุจิรัตนานุกูล…”

อะมานีเอ่ยพร้อมรอยยิ้มเย็น
ใบหน้าที่ผ่านกาลเวลามาเกือบเก้าสิบปียังคงสว่างสดใส
แม้จะเจอเรื่องทุกข์หนักแค่ไหน ก็ยังผงาดอย่างมั่นคง…เพราะมีศรัทธาเอาไว้ค้ำยัน…

ต่างจากชายชราที่ตอนนี้มีแต่แววตาวาวโรจน์บนใบหน้าหยาบกร้าน
กลบความหรูหราของเคร่ืองแต่งกายเสียจนไม่เหลือเค้าของความสง่างาม
มีเพียงแค่ท่วงท่าของการวางอำนาจเหนือผู้อื่นเพียงแค่นั้น

“แล้วเธอล่ะ…เพราะเธอไม่ใช่เรอะที่จับจูงจมูกให้เด็กพวกนี้มันแต่งงานกัน…
ว่าวิธีการของคนอื่นน่ะ เคยหันมาดูตัวเองบ้างมั้ยอะมานี…
เธอเองก็บังคับหลานสาวให้แต่งงานกับนายฟาเดลมิใช่เรอะ”

อะมานีถึงกับแย้มยิ้มรับถ้อยคำนั้น

“ใช่…ฉันบังคับหลานสาวของฉันให้แต่งงานกับคนที่ฉันคิดว่า
รักเขาและสามารถดูแลเขาได้เป็นอย่างดี…
แล้วทั้งหลานสาวฉันและฟาเดลต่างก็ไม่มีพันธะกับใคร…
ไม่ได้พรากเมียพรากผัวใครเขามา...

ไม่เหมือนนายที่บังคับให้สามีคนอื่นมาแต่งงานกับหลานสาวของตัวเอง…
ด้วยวิธีการสกปรกสิ้นดี…หลักการและวิธีการของฉันกับนายน่ะมันผิดกันตาเฒ่า…”

ดานีสแทบจะเก็บอาการสมใจเอาไว้ไม่อยู่
เมื่อเห็นหน้าคนที่โดนมารดาของเขาตอกกลับเข้าให้…

…เขาน่ะรู้ฤทธิ์เดชมารดามาแต่ไหนแต่ไรแล้ว…

“แล้วระวังเอาไว้เถอะ…พรากผัวพรากเมียเขาน่ะ…นรกมันจะกินกบาลเข้าสักวัน…
ไม่ต้องรอตอนตายหรอก…อยู่ให้รอดไฟนรกในโลกนี้ก่อนตายให้ได้ก็แล้วกัน…
ถึงตอนนั้นอย่่าเพิ่งชิงตายไปซะก่อนล่ะ…”

นาดาเดินเข้ามายืนเคียงข้างแม่สามีแล้วกุมมือท่านเอาไว้
เพราะรู้ว่าท่านกำลังจะถึงจุดเดือดเต็มที…อะมานีหันมามองลูกสะใภ้
แล้วยิ้มให้ราวกับจะบอกว่า ตัวเองยังคุมไหว…

“ถึงจะตัดแขนตัดขาหรือฆ่าดารัลไปสักกี่สิบครั้ง…ฉันก็แน่ใจ
ว่าหลานสาวนายไม่ได้ขยายพันธุ์หรอก
เพราะเด็กที่ไหนมันก็คงไม่อยากเกิดมาในท้องมาร…”

ชายชรากำหมัดกัดกรามแน่น ฟันปลอมกระทบกันเกือบจะหักร่วงลงมา

ส่วนนายิกาโกรธแค้นหนัก มองอะมานีด้วยแววตาวาวโรจน์
เมื่อฝ่ายนั้นยังคงสาดกระหน่ำลงมาอีก

“เห็นทีวิธีขยายเผ่าพันธุ์ของนายจะเจอทางตันแล้วละ…
ลองพิจารณาดูหลักการของฉันสิ…ถ้านายคิดจะฆ่าล้างเผ่่าพันธุ์ฉันล่ะก็…
ดารัลคนเดียวคงไม่พอ…นายคงต้องเหนื่อยหน่อยนะ
เพราะแก่ๆอย่างนี้จะอยู่ล้างผลาญลูกหลานฉันไปได้อีกสักกี่ปีกันเชียว

แล้วเด็กๆที่เกิดใหม่เดี๋ยวนี้ เขี้ยวเล็บมันน้อยเสียเมื่อไหร่
ดีไม่ดีจะไม่มีหงอกสักเส้นหลงเหลือเอาไว้ตอนลงไปนอนในโลง…

ที่เตือนเนี่ยเพราะเห็นว่าเป็นคนในยุคเดียวกัน
ไม่อยากให้ลำพองเหมือนตัวอึ่งจนเด็กยุคนี้มันลูบคมเอาได้…”

ชายชราที่กำลังขบกรามแน่น มองอะมานีราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
ถึงกับพูดกระชากน้ำเสียงว่า

“ทำเป็นพูดดีไปเถอะอะมานี อย่าลืมสิว่าตอนนี้ชีวิตหลานสาวเธอ
อยู่ในกำมือฉัน…จะบีบก็ตายจะคลายก็รอด…”

ืทว่า อะมานีหาได้สะทกสะท้านกับคำขู่เช่นนั้นไม่…

“งั้นถามหน่อยว่า…ถ้าฆ่าดารัลไปแล้ว…นายจะได้อะไรฮึ…
ตอนนี้สิ่งที่ได้ไปยังไม่พออีกรึ…หรือว่ายังอยากได้ธุรกิจของตระกูลฉันไปบริหารเล่น…
หรือจะพาไปขายทอดตลาดอีกก็ยังได้…ฉันจะยกให้…
ถ้ากระเหี้ยนกระหือรือขนาดนี้น่ะ…

แล้วเงินในบัญชีที่นายมีตอนนี้ถ้ามันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการล่ะก็
ฉันจะโอนในส่วนของฉันให้ก็ได้นะ…ถ้ามีแรงจ่ายมันจนหมดล่ะก็
ฉันยินดีให้นายเอาไปช่วยจ่าย…จะเอาไปซื้อดาวอังคารดาวเสาร์อะไรของนายก็เอาไป…
ถ้าแผ่นดินบนโลกนี้มันยังสนองความอยากของนายได้ไม่หมด”

คนฟังยังคงกำหมัดแน่น…เพราะมิอาจพูดออกไปได้แม้สักคำเดียว

“แต่ถ้าต้องการความสะใจที่ได้ฆ่าใครสักคนให้ตายไปล่ะก็
ถามตัวเองสิว่า ไอ้คนที่เคยฆ่าไปในอดีตน่ะ
มันสร้างความสะใจให้ชีวิตที่เหลือของนายมากแค่ไหนหรือ…
คงจะทำให้ชีวิตนายประสบกับความสำเร็จและมีความสุขมากมายมาตลอดล่ะสิท่า…”

แล้วอะมานีก็หัวเราะชายชราตรงหน้าที่หน้าซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด

“ทำไมแก่แล้วไม่รู้จักหยุดล้างผลาญชีวิตผู้อื่นสักทีนะ…ลองดมมือตัวเองดูเถอะ
ว่ามันมีกลิ่นคาวเลือดของใครบ้างที่นายข้ามศพของเขามา...
ขนาดเด็กตาดำๆก็ไม่เว้น...นี่หรือคือความภาคภูมิใจของชายชราผู้ลือชื่อ...
ช่างอัปยศอดสูสิ้นดี!”

อะมานีเหลืออดจึงเอ่ยประโยคที่อัดอั้นอยากจะพูดมานานออกไป
ส่งผลให้ชายชราถึงกับเซ หลานสาวคนเดียวจึงรีบเข้าประคอง

“หายใจเข้าลึกๆค่ะคุณปู่…อย่าเพิ่งคิดอะไรนะคะ…หายใจเข้า หายใจออก…”

นายิกาที่เห็นท่าทางเหลือกลานของผู้เป็นปู่ก็รีบเข้าช่วยปฐมพยาบาล
ทำให้ผู้ที่ได้เห็นภาพดังกล่าวถึงกับส่ายหน้า
โดยเฉพาะอะมานีที่ไม่ได้ลงสนามมานานมากแล้วถึงกับลอบถอนใจยาว…

ถ้าความตายช่วยยุติทุกอย่างได้ เธอก็อยากยกปืนขึ้นเป่าหัวของตาเฒ่านี่เหมือนกัน…
แต่เพราะไม่่อยากให้มือเปื้อนเลือด ไม่อยากทำในสิ่งต้องห้าม
จึงต้องข่มใจ ที่ทำได้มากที่สุดก็คือพูดและจี้ตรงใจกลางของจุดดำในหัวใจ
ของชายชราผู้นี้เท่านั้น…เพราะแม้ชีวิตตาเฒ่าจะดูรกโลกอย่างไรก็ตาม

ตัวเธอก็ไม่มีสิทธิ์พร่าชีวิตนั้นโดยเจตนา...




เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับไปแล้ว ฟาเดลจึงปลีกตัวไปยังห้องทำงาน
แล้วล็อกประตูห้องทันที ก่อนจะทรุดตัวนั่งลงตรงโซฟาริมหน้าต่างกระจกใส
หยิบจดหมายที่อยู่ในกระเป๋าด้านในของเสื้อสูทขึ้นมาอ่านอีกครั้งและอีกครั้ง
แล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงอย่างอิสระ

…ในความดีใจที่ได้รู้ว่าสิ่งที่เขาปรารถนามาตลอดได้ก่อกำเนิดขึ้นแล้ว
หากสภาพเขาในตอนนี้ไม่อาจอยู่ปกป้องดวงใจท้ังสองดวงที่เขารักเอาไว้ได้…

รอยยิ้มของเธอที่เหมือนจะตั้งใจส่งมาให้เขาราวกับจะปลอบโยนที่เขาได้เห็น
ในภาพวิดีโอนั้นทำให้ร่างกายฟาเดลถึงกับสั่นสะท้าน หนาวขึ้นมาจับใจ…

ต่อให้สุดท้ายแล้วเขาจะไม่เหลืออะไรเลย
เขาก็ยังมั่นใจว่าหัวใจของเขายังเป็นของเธอและลูก…

สิ่งที่นายิกาจะได้ไปนั่นเป็นเพียงของนอกกายเท่านั้น เธอจะได้เป็นแค่เปลือกของเขา
และเขาไม่คิดเสียดายมันเลยสักนิดเมื่อเทียบกับสิ่งที่มีค่าในชีวิตของเขา…

‘พี่ฟาเดลเชื่อน้องรัลมั้ย…พี่เชื่อใจน้องรัลแค่ไหน’

ฟาเดลแว่วได้ยินเสียงภรรยาที่เคยพูดกับเขาเมื่อหลายเดือนก่อน
ตอนที่ถูกเขากักขัง…

แล้วภาพหญิงสาวที่กำลังล้มคู่ต่อสู้ในสนามหญ้าในสวนของเขา

ภาพของหญิงสาวที่ถือปืนเอ็มสิบหกกราดยิงฝ่ายตรงข้ามด้วยกระสุนกลิ่นกุหลาบ

ภาพหญิงสาวที่นั่งเคียงข้างเขาไปทุกๆเส้นทางที่ทั้งร้อน หนาว กันดาร
โดยไม่บ่นสักคำ ใบหน้าแต้มรอยยิ้มอยู่เสมอ แววตาที่ซ่อนความอยากรู้อยากเห็น
อย่างไม่ปกปิด

ภาพของหญิงสาวที่เล่าจดหมายท่่ามกลางดวงดาวนับพันให้เขาฟัง

ภาพหญิงสาวที่อยู่ใต้ร่างของเขา ที่คอยออดอ้อนเอาใจเขาสารพัด

ภาพของหญิงสาวที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับอะไรสักอย่างแล้วยิ้มสดใสออกมา
เมื่อวางแผนการต่างๆได้สำเร็จ

ภาพของหญิงสาวที่กำลังนั่งทำงานฝีมือ นั่งคิดค้นสูตรอาหารสูตรขนมใหม่ๆ
มาให้เขาทดลองชิม โดยไม่เคยบ่นว่าเบื่อหน่ายสิ่งที่ทำอยู่ให้เขาฟังสักคำ...

ภาพความสนิทสนมระหว่างเธอกับเหล่าบอดีการ์ดที่เขาหามาควบคุมดูแลเธอ...

ภาพที่เนเนตผู้ไม่เคยแย้มยิ้มให้ใคร ส่งยิ้มและหัวเราะร่ากับเธอ

…เนเนต…ใช่…เนเนต…เธอเอ่ยถึงเนเนตในจดหมายด้วย…

ฟาเดลกระตุกคิ้วเพียงนิด แล้วเอะใจว่าเหตุใดถึงมีชื่อเนเนตในจดหมาย
ทั้งๆที่ชื่อคนอื่นแทบจะไม่มีเลย…

ฟาเดลจึงยกเครื่องมือสื่อสารขึ้นติดต่อหาบอดีการ์ดสาวคนสนิทของดารัลทันที

“มีอะไรคะ…” บอดีการ์ดสาวที่ได้รับการติดต่อรีบวิ่งมายังห้องทำงาน
ของฟาเดลพร้อมกับปิดห้องสนิท…ฟาเดลจึงยื่นกระดาษจดหมายนั่น
ให้หญิงสาวตรงหน้าเป็นคำตอบ…

บอดีการ์ดสาวรับมาอ่านดูเพียงครู่ก็ขมวดคิ้ว
แล้วเงยหน้าขึ้นแย้มยิ้มกระจ่างตาที่สุดเท่าที่ฟาเดลเคยได้เห็นมาขณะเอ่ยว่า

“ฉันพอจะรู้แล้วว่าตอนนี้คุณรัลอยู่ที่ไหน…” ฟาเดลถึงกับอึ้ง
ก่อนจะรู้สึกตื่นเต้นไปด้วยกับสีหน้าท่าทางนั้นของหญิงสาว

“เธอรู้หรือเนเนต…” หญิงสาวพยักหน้า

“ค่ะ…ฉันแน่ใจว่าแปลสารไม่ผิดแน่…เพราะนอกจากฉันแล้ว
ไม่น่าจะมีใครเข้าใจตรงใจกลางของจดหมายฉบับนี้ได้…

เพราะนั่นคือพิกัดที่คุณรัลอยู่ในตอนที่เขียนจดหมายฉบับนี้ค่ะ…
ไม่แน่ใจว่าพวกนั้นจะเคลื่อนย้ายเธอไปแล้วรึเปล่า…

แต่ยังไงก็คงแกะรอยได้ไม่ยาก นับว่า เธอยังฉลาดไม่เปล่ียน…”

ฟาเดลเริ่มใจชื้นขึ้นมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น

“รู้ได้ยังไง…” บอดีการ์ดสาวยิ้มที่มุมปากเมื่ออธิบายว่า

“ตะวันไม่มีวันตกดิน…หมายถึงรูปที่เธอเคยให้ฉันดูตอนทำเสร็จใหม่ๆ
น่าจะเป็นรูปสุดท้ายก่อนจะถูกจับตัวไปค่ะ…ซึ่งนั่นหมายความว่า
ตอนนี้เธออยู่ท่ีนอร์เวย์…อยู่ในที่ที่หนาวมากๆ มีลมพัดแรง
หรือไม่แน่ว่าลมนั้นอาจจะเป็นพายุหิมะเสียด้วยซ้ำ
เพราะสายลมที่ไม่เคยอ่อนโยนในประโยคนั้นน่าจะสื่อออกมาแบบนั้น
และดูจะเข้ากับดินแดนที่มีต้นสนเยอะๆที่ดูจะไม่สนใจใคร…
และนั่นก็อาจหมายรวมไปถึงที่ที่ไร้ผู้คนอยู่อาศัย…เพราะต้นสนไม่เคยปรานี
ประโยคนี้กินความหมายทั้งสองอย่าง ที่เป็นแบบตรงๆอย่างต้นสน
และสื่อถึงผู้คนด้วย..." เนเนตหยุดพูดเพียงนิดเพื่อคิดใคร่ครวญต่อไปว่า

"และที่สำคัญ…สะพานเงินสะพานทองของเธอก็น่าจะหมายถึง
นักธุรกิจชาวนอร์เวย์ที่เคยเข้ามาจีบนายิกา

ฉันเองก็ไม่แน่ใจว่าแปลสารผิดรึเปล่า
เพราะไม่รู้ว่านักธุรกิจคนนั้นเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ยังไง…

แต่ตอนนี้คำตอบของเราคือนอร์เวย์ค่ะ…ประเทศไม่ใหญ่จนเกินไป…
คิดว่าเราสามารถค้นหาตัวของคุณรัลได้ไม่ยาก
เพียงแต่จะกระโตกกระตากไม่ได้เท่านั้น…

และเหมือนเธอจะบอกเป็นนัยๆด้วยว่า เธอเต็มใจให้ทุกอย่างเป็นแบบนี้...
โดยเฉพาะเรื่องการที่คุณแต่งงานกับนายิกา...
เธอดูจะเชื่อใจคุณเอามากๆเลยทีเดียว
ดังนั้น เธอก็น่าจะมีแผนสำหรับเรื่องนี้แล้วนะคะ...ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น...”

แล้วหญิงสาวก็สบตากับฟาเดลเพื่อขอความเชื่อใจจากเขา

“ฉันจะทำทีว่าขอลาออก…ถ้าคุณไว้ใจ ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้…
อีกอย่าง ดูท่าทางฝั่งคุณรัลค่อนข้างมีบารมี…คงช่วยได้เยอะ
ส่วนคุณ…ฉันอยากให้ช่วยเล่นละคร อย่าส่อพิรุธเด็ดขาดนะคะ…”

ฟาเดลพยักหน้ารับ

“ฉันเชื่อเธอนะเนเนต เชื่ออย่างที่น้องรัลเชื่อ…”

“ฉันจะเอาหัวใจของคุณมาคืนถึงมือคุณให้ได้ค่ะ…”

“ขอบใจเนเนต ขอบใจมาก…” ฟาเดลที่แทบจะหมดสิ้นความหวังเมื่อครู่
กลับมีเรี่ยวแรงขึ้นมา เมื่อเริ่มเห็นแสงแห่งความหวัง…





....โปรดติดตามตอนต่อไป.........

ร้ายทั้งปู่ทั้งหลานเนอะ...

ใครรู้สึกสะใจกับบทสนทนาระหว่าง "ตาเฒ่า" กับ "ท่านหญิงอะมานี"
ส่งเสียงบอกเต่าบ้างนะ...อิอิอิ


ตอนหน้ามาดูกันต่อค่ะ...ว่าเมดูซ่าจะได้แอ้มฟาเดลมั้ย...
เห็นทำจมูกฟุตฟิตมานาน วางแผนมาแรมเดือน...ฮ่าๆๆ


แต่อย่าเพิ่งลืมไปนะคะว่า ยังมี "แมงมุมแม่ม่าย" อีก...
ฤทธิ์คุณเธอรึก็ไม่น้อยหน้าใครเหมือนกัน...


ตอนนี้โดนปาดหน้าไป...ต้องมาดูสภาพกันค่ะ...
ว่าจะดิ้นพล่านขนาดไหน...



...คุยกับนักอ่านจากคอมเม้นท์ตอนที่แล้วค่ะ...

1.คุณร้อยวจี...ดารัลเราโดนลอกคราบซะแล้วค่ะ...เฮะๆ
ส่วนเรื่องเอาคืนนั้น ต้องมาดูกันต่อค่ะ...ขอบคุณค่ะสำหรับกำลังใจดีๆ
ที่มอบให้เต่าโย...^^

2.คุณตุ๊งแช่...ไม่เป็นไรนะตัวเอง...เต่ารีบติดเทอร์โบมาให้แบบติดๆแล้ว
ไม่ต้องรอนานเลย...อิอิอิ...เต่าอยากทำให้นักอ่านตื่นเต้นบ้างนิดๆ
จิตจะได้ป่วนหน่อยๆ ฮ่าๆๆ..ช่วงนี้เต่ามาแบบติดๆ...ขยันว่ามั้ยค่ะ..อิอิ


3.คุณแว่นใส...แม่นแล้วค่ะ ดอกไม้เคลือบยาพิษ...
ส่วนคนช่วยนั้น หายห่วงค่ะ มีเยอะแยะเลย
แต่ไม่รู้ว่าจะงงหาดารัลเจอรึเปล่าน่ะสิ...เฮะๆ
ไปซ่อนเอาไว้ตั้งไกลเกือบขั้วโลกเหนือแน่ะ...
ไอ้เรื่องจะพาไปยังไงนั้น เดี๋ยวเต่าค่อยมาเฉลยน้าาาาา

4.คุณnapt...หวังว่าตอนนี้จะชอบคารมของย่าอะมานีเนอะ...
คนแก่กับคนแก่มาเจอกัน...ห้องแทบแตกแน่ะ...ฮ่าๆ
ทำเอาเฒ่าชราความดันขึ้นเลยทีเดียว...เหอๆ
ส่วนเรื่องแผนใครเป็นแผนใครนั้น ต้องมาลุ้นกันต่อค่ะ...



สุดท้ายไม่ท้ายสุด...

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ทุกกำลังใจ ทุกไลค์นะจ๊ะ


...รักษาสุขภาพนะคะ...

"เต่าโย"






yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ธ.ค. 2557, 00:24:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ธ.ค. 2557, 00:24:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 3092





<< บทที่ 24 ดาบสองคม   บทที่ 26 ไม่มีใครแทนที่เธอ >>
ร้อยวจี 2 ธ.ค. 2557, 01:16:15 น.
จากดาบสองคมแล้วต่อด้วยดาบนั้นคืนสนองดีมั้ยค่ะ เอาคืนให้แสบที่สุด รอนะคะ


ตุ๊งแช่ 2 ธ.ค. 2557, 08:01:40 น.
ตายๆๆ น้องรัลจะเสียโฉมไหมนี่ อาร๊ายยฟาเดลมะเก่งเลยย หานานจัง


แว่นใส 2 ธ.ค. 2557, 08:52:47 น.
สะใจในการปะทะคารมมาก รอลุ้นช่วยดารัลค่ะ


napt 2 ธ.ค. 2557, 10:11:11 น.
มีทั้งโหดร้ายและฉลาดล้ำลึก
รอดูผลการกระทำค่ะ


ปลาวาฬสีน้ำเงิน 3 ธ.ค. 2557, 00:22:44 น.
สนใจน่าติดตาม ต่อ มาเร็วๆ นะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account