ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 5 รอยวาร 'คุณกุหลาบ' 1.2


“แม่น้อย เจ้าคุณพ่อท่านให้หาแน่ะ”

เสียงเรียกเบาๆ ดังขึ้นทำให้คนที่นั่งเหม่อๆ อยู่รู้สึกตัว เสียงเอ่ยเรียกและสัมผัสอุ่นๆ จากฝ่ามือที่แตะลงที่ท่อนแขน ทำให้เธอก้มลงมองมือที่เอื้อมมาแตะ ก่อนจะไล่สายตาผ่านนิ้วเรียว ที่สวมแหวนทองเกลี้ยงๆ ในนิ้วนาง ขึ้นไปตามลำแขนเปลือยเปล่า แล้วต้องกะพริบตาถี่ๆ หลังเห็นตัวคนเรียกชัด

ผู้หญิงคนนั้น เป็นสาวใหญ่วัยสามสิบปลายๆ ไว้ผมทรงดอกกระทุ่ม ร่างอวบอิ่มผิวคล้ำสวย แต่งกายอย่างคนช่วงสมัยรัชกาลที่หกที่เจ็ด คือห่มผ้าแถบสีเม็ดมะปราง กับโจงกระเบนสีพื้นๆ ทรุดลงนั่งบนระเบียงไม่ห่างจากเธอมากนัก

ส่วนตัวจิรัสยานั้น ‘เธอ’พบว่า‘เธอ’นั่งพับเพียบ อยู่บนพรมผืนเล็ก หน้าโต๊ะไม้ประดับมุกที่เต็มไปด้วยแผ่นกระดาษ และหนังสือภาษาต่างประเทศ อยู่ในระเบียงกว้าง ภายใต้ชายคาที่กันแดดกันฝน ที่ซึ่ง...ในความรู้สึกของเธอบอกชัด ว่านี่มันเป็นบ้านที่บ้านสวน!

ด้วยถึงสภาพจะไม่เหมือนกันแทบทั้งหมด แต่เธอก็มั่นใจว่าจำไม่ผิดแน่ เพราะตรงที่เธอนั่งอยู่นี้ อยู่ค่อนมาทางด้านหลังของหอพระ ที่อยู่ตรงกลางเรือน ซึ่งใช้เป็นที่รับแขก

แต่ที่แปลกก็คือสภาพแวดล้อมโดยทั่วไป เพราะเรือนไทยหลังนี้ ไม่มีต้นไม้ใหญ่ล้อมรอบ เมื่อมองออกไปจะเห็นสนามหญ้าเขียวสด และไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ข้างเรือนต้นสูงแผ่ใบหนา พร้อมกับมีผู้หญิงมากมายหลายคนเดินไปมา บ้างที่สาวหน่อยก็นุ่งผ้าถุงสวมเสื้อแขนสั้น แต่ถ้าหากที่มีอายุหน่อย ก็ยังคงนุ่งกระโจมอก กับโจงกระเบน

และสตรีเหล่านั้น บ้างก็ทำความสะอาดถ้วยโถโอชาม ไม่ก็นั่งร้อยมาลัยอยู่บนชานเรือนชิดฝารั้วชาน ที่อยู่ใต้ร่มต้นไม้ข้างเรือน แล้วก็ต้องประหลาดใจมากขึ้นไปอีก เมื่อเธอได้ยินเสียงของตัวเองถามออกไปว่า

“ใครมาคะคุณน้า”

ใบหน้าอวบอูมคู่สนทนา ยังจ้องจับที่เธอ ก่อนที่ริมฝีปากคล้ำด้วยน้ำหมากจะแย้มออกน้อยๆ ดวงตาเรียวยาวสีน้ำตาลแก่ชั้นเดียวมีแววดุ ล้อมไว้ด้วยแพขนตาบางยาว ใต้คิ้วดกดำสนิท ปรากฏแววเอื้อเอ็นดูอย่างที่สุด

ร่องรอยรำลึกผุดวาบขึ้นในหัวของจิรัสยาทันที...นี่ละมั้ง คุณทวดบัว...สมัยเมื่อยังสาวๆ!

และต่อจากนั้น ที่เด่นชัดที่สุดที่เธอนึกได้ก็คือ นี่คือความฝัน...ใช่จิรัสยากำลังฝัน!!

“ขุนเดชกำจร ท่านขุนขนเอาของกำนัลมาเสียเต็ม ออกไปรับเสียหน่อยนะทูนหัว ตะกี๊ได้ยินแว่วๆ ว่ามาลาเจ้าคุณท่าน บอกว่าหลวงท่านสั่งย้ายไปพิษณุโลก เห็นหน้าตาแล้วน่าสงสาร ดู๊ดูแวะเวียนมาไม่ได้ขาด”

“ไม่ไปได้มั้ยจ๊ะคุณน้า”

จิรัสยารู้สึกควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อหลุดปากพูดออกไปอย่างหงุดหงิด แล้วหญิงสาวก็ชะงัก หลังเงาสะท้อนในตู้ไม้กรุกระจก ที่ตั้งติดชิดผนัง ฉายเงาของเธอที่ดูไม่ใช่เธอ

ผู้หญิงในเงาสะท้อนนั้น มีดวงหน้าเรียวรูปไข่นวลเนียน สองแก้มระเรื่อด้วยเลือดฝาดวัยสาว ดวงตาค่อนไปทางโตสีน้ำตาลแก่จนเกือบดำ จนคล้ายเม็ดลำไย พอพิจารณารวมกับแพขนตาหนางอน กับคิ้วดกดำที่พาดยาวจรดหางตา และจมูกโด่งน้อยๆ ภายในกรอบผมสลวยตัดสั้นเพียงบ่าสีเดียวกับดวงตา ก็บอกได้เต็มปากเต็มคำว่า‘งามหาตัวจับยาก’

และแม้แต่การแต่งกายก็ยังแปลกประหลาด จิรัสยาเห็นตัวเองนุ่งผ้าถุงสีน้ำตาลแก่ กับเสื้อแขนกุดสีดอกจำปีทรงตรง ผูกชายเป็นโบคลุมสะโพก เธอขยับตัวอย่างอึดอัด เมื่อคนตรงหน้าบอกอีกว่า

“ออกไปเสียหน่อยเถิด ถ้าไม่ออกไปก็เห็นจะไม่งาม ท่านขุนอุตส่าห์มา”

จิรัสยายังนิ่ง เริ่มตั้งตัวได้ถูก ว่าเธอกำลังฝันถึง‘คุณย่าน้อย’ หรือ‘คุณกุหลาบ’นี่เอง และคงเป็นแบบนี้ล่ะมั้ง ที่พิกุลบอกเธอว่า พี่สาวต่างแม่เป็นคนสวย และมีขุนนางหนุ่มๆ สนใจ จนแวะเวียนมาไม่ได้ขาด และนี่คงจะเป็นหนึ่งในนั้น

อ้อ! ใช่ จิรัสยาเข้าใจแล้ว คำว่าหัวกระไดไม่แห้ง คงจะหมายถึงอย่างนี้ละมั้ง!!

คงเพราะเธอคิดเพลิน ไม่ได้ตอบออกไป ‘คุณทวดบัว’ซึ่งมาตามเลยอ้อนวอนต่อว่า

“นะทูนหัว เดี๋ยวไม่งาม แขกมาถึงเรือนชาน”

จิรัสยารู้แล้วว่าควบคุมตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เธอฝันว่าเธอเป็น‘คุณย่าน้อย’ ฉะนั้นร่างกายนี้ก็ไม่ใช่ของเธอ แม้จะหน้าตารูปร่างคล้ายกันก็ตาม รวมถึงอิริยาบถต่างๆ นี้ ก็คงจะเป็นของพี่สาวคุณย่า และเธอก็คงทำได้แค่รับรู้ ไม่มีสิทธิ์โต้ตอบ หรือปฏิบัติตามอย่างที่ใจเธอคิด!

หญิงสาวถอนหายใจ เมื่อเหลือบมองคนเร่ง ก่อนจะยิ้มน้อยๆ บอกอย่างซุกซน

“ทำไมคุณน้าไม่มีน้องให้ฉันเสียทีนะ เจ้าคุณพ่อจะได้ไม่ต้องส่งมาคุมความประพฤติฉันแบบนี้ ฉันอยากมีน้องเต็มแก่ ขอผู้ชายคน ผู้หญิงคนได้มั้ยจ๊ะ”

“ต๊ายดูพูดเข้า น้าแก่แล้วนะแม่น้อย”

คนพูดค้อน ก่อนนิ่งไปอึดใจ แล้วเอ่ยเสียงเบา

“นี่แม่น้อย อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลย น้าสงสัยว่าทำไมแม่น้อยไม่ใจอ่อน ยอมรับหมั้นเธอเสียที จะว่าหน้าตา นิสัย หน้าที่การงานเธอก็ดี ท่านเจ้าคุณยังว่าอีกไม่นานก็ได้เป็นคุณหลวง”

จิรัสยาหัวเราะแผ่วๆ ก่อนขยับจับผ้านุ่งให้ดูเรียบร้อย ส่วนสาวใหญ่เอื้อมมือมากุมมือเธอไว้

“แม่น้อยฟังน้าเสียหน่อย ที่น้าพูดก็เพราะท่านเจ้าคุณท่านเองก็บ่นๆ ว่าแก่มากแล้ว จะห่วงก็แต่แม่น้อย เกิดท่านเป็นอะไรไปใครจะดูแล เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวไม่มีพี่น้องที่ไหนอีก ท่านก็อยากให้ได้หลักได้ฐาน ท่านจะได้สบายใจ”

“น้อยรู้น่า น้าบัวจ๋า”

หญิงสาวขยับตัวลงมานั่งบนชานลด ก่อนโอบร่างอวบเข้ามากอดออดอ้อน

“แต่เจ้าคุณพ่อน่ะ เพิ่งจะสี่สิบกว่าเท่านั้นเอง ท่านยังแข็งแรง ที่สำคัญน้อยเองก็เพิ่งสิบเจ็ดเท่านั้น ได้ร่ำได้เรียนมาก็อยากจะได้ทำงานทำการบ้าง ถ้าจะแต่งงานออกเรือน ก็ขอทำงานก่อนสักสองสามปีเถิด แต่ถ้าหากจะไม่ได้แต่งงานจริงๆ น้อยก็ว่า คงดูแลตัวเองได้หรอกจ้ะ สำคัญอย่างเดียว น้าบัวอย่าทิ้งน้อยกับเจ้าคุณพ่อนะ”

“วุ้ย” คนกล่อมผละดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของเธอ พูดพลางค้อน

“ไม่ต้องมาทำอ้อน แค่นี้น้าก็ตามใจจนท่านเจ้าคุณ ท่านค่อนน้าเอาบ่อยๆ แล้ว”

หญิงสาวหัวเราะแผ่วๆ ขยับทำท่าจะเตรียมลุก แต่ก็ชะงักเพราะแม่บัวยังบ่นอุบอิบอยู่นั่นเอง

“น้าถามจริงๆ เถิดทูนหัว ทำไมถึงไม่อยากแต่งกะเธอนัก ท่านขุนเองก็เห็นกันมาตะเล็กตะน้อย”

“ก็ฉันยังไม่ได้รักเธอนี่จ๊ะ”

“อยู่ไปก็รักกันเองละ”

“โถ” คราวนี้เธอถอนหายใจ บอกกลั้วหัวเราะ “น้าบัวจ๋า พูดอย่างกับไม่รู้จักฉัน ถ้าทำอย่างน้าบัวว่า ฉันก็คงทำได้ แต่ก็คงทรมานเป็นอย่างมาก สุดท้ายก็จะทรมานกันทั้งสองฝ่าย น้าบัวก็รู้ สำหรับฉันถ้าหากไม่ได้รัก ก็ไม่อยากจะทำร้ายตัวเองขนาดนั้น สู้อยู่อย่างนี้ไป ยังจะมีความสุขซะกว่า”

คนฟังทำท่าจะเป็นลม แต่จิรัสยากลับหัวเราะเบาๆ ราวกับเห็นเป็นเรื่องขบขัน แต่ยังไม่วายย้ำ

“ก็มันจริงนี่คุณน้า ถ้ายังไม่ได้เจอคนที่รัก ฉันก็จะขออยู่ไปอย่างนี้ละนะ!”

พอจบประโยคนั้น เหตุการณ์ที่จิรัสยาเห็นก็ค่อยเลือนหายไป หญิงสาวได้แต่นึกพิศวงงงงงวย เมื่อตัวเธอกลับยังเป็นตัว‘คุณย่าน้อย’อยู่ ทั้งการแต่งตัวเสื้อผ้าหน้าผม แถมเธอก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม เพียงแต่ทุกอย่างไม่มีผู้คน ล้วนว่างเปล่า ไม่มีเสียงพูดคุยเหมือนก่อนหน้า ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกถึงสิ่งมีชีวิตอื่นใดนอกจากเธอ

แต่แล้ว ในขณะที่กำลังนึกหาคำตอบอยู่นั้นเอง รอบๆ ตัวเธอ ก็ค่อยมืดลง กลายเป็นมืดสนิท และแล้วก็มีสายหมอกโรยตัวลงมา หนาตามากขึ้นจนรอบๆ เธอขาวโพลนไปหมด






“ปีนี้ครบสิบเก้าแล้วซี เผลอแผล็บเดียวก็เรียนจบเสียแล้ว โตขึ้นมาเป็นสาวเต็มตัวทีเดียว เห็นอย่างนี้พ่อล่ะชื่นใจ ถ้าคุณหญิง แม่ของแม่น้อยยังอยู่ พ่อว่าได้ปลื้มอกปลื้มใจอยู่ไปอีกนานเทียวละ”

เสียงนี้ดังขึ้น เมื่อสายหมอกเริ่มจางหายไป จิรัสยาพบว่าตอนนี้เป็นเวลาค่ำคืน เธอเห็นตัวเองนั่งพับเพียบอยู่ใกล้ๆ กับชายวัยสี่สิบปลายๆ ใบหน้าอิ่มเอิบบ่งบอกสง่าราศี ดวงตาเรียวรีสีน้ำตาล ใต้เปลือกตาสองชั้น ซึ่งล้อมไว้ด้วยแผงขนตาหนางอน ใต้คิ้วหนาดก ซึ่งทอดมองมาเต็มไปด้วยแววปราณีอาทร ยามแย้มริมฝีปากหยักออกนิดๆ

หญิงสาวมองสำรวจ ก่อนเห็นว่าผู้ชายตรงหน้าไว้ผมตัดสั้น และเรือนผมเต็มไปด้วยหงอกประปรายนั้น มีเรือนร่างสูงใหญ่ดูผึ่งผ่ายตามวัย เขาสวมเสื้อผ้าฝ้ายคอกลมสีขาว กับกางเกงปังลิ้นสีน้ำเงินเข้ม กำลังนั่งเอนพิงๆ อยู่กับหมอนขวาน มีทวดบัวนั่งอยู่ใกล้ๆ กัน และที่ๆ เธอนั่งอยู่นี้ คือเรือนนอนของพิกุลในปัจจุบัน เท่านั้นจิรัสยาก็นึกรู้ทันที ว่านี่คงจะเป็นคุณทวดของเธอ หรือ‘เจ้าคุณรณเดชลือชา’นั่นเอง

เธอถอนสายตากลับมา หลังยิ้มตอบออกไป พลางสังเกตเห็นว่า แสงไฟสว่างนวลๆ อยู่ตามที่ต่างๆ ของตัวเรือนนั้น คงเกิดจากโป๊ะไฟจีบสะบัดสีขาวนวล ซึ่งติดอยู่เหมือนกับตรงที่เธอนั่ง

“เอ้า นี่พ่อให้ คุณพระจะได้คุ้มครองนะลูกนะ สร้อยนี่พ่อเคยให้คุณหญิง แม่ของแม่น้อยเป็นของรับไหว้วันแต่งงาน ส่วนองค์พระ มันเป็นของเจ้าคุณปู่ ท่านให้พ่อมา ตอนนี้พ่อก็จะให้แม่น้อย” จิรัสยาก้มลงกราบแทบเท้า เมื่อได้รับสายสร้อยห้อยพระเครื่องมา สัมผัสอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ แนบลงกับเรือนผมลูบเบาๆ และพอเธอเงยหน้าขึ้นมอง ก็ได้รับรอยยิ้มอันอบอุ่นอีกครั้ง หัวใจหญิงสาวตื้นตัน จนทำให้น้ำตาคลอ

“นั่นแน้ แม่ลูกสาวแม่บัว มาทำบีบน้ำตาใส่ฉันเสียแล้ว!”

เสียงพูดแม้จะดังเอะอะ แต่ก็แฝงไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู

“โถ ท่านเจ้าคุณเจ้าคะ ทีอย่างนี้ละโยนมาให้อิฉัน”

แม่บัวพึมพำขึ้น พลางเลื่อนกล่องหุ้มกำมะหยี่ มาไว้ต่อหน้าเธอ มันเป็นกล่องขนาดพอมือ พอเปิดออก ก็เห็นจี้ทับทรวงชิ้นใหญ่ ฝังเพชรและพลอยเก้าชนิด อันเป็นมงคล

“อันนี้ของคุณหญิง แม่ของแม่น้อยเธอฝากน้าไว้ให้ ตอนนี้แม่น้อยก็อายุอานามเป็นผู้ใหญ่แล้ว แถมยังได้ร่ำเรียนจนมีความรู้ น้าก็จะขอมอบไว้ให้รักษาต่อไป” จิรัสยาในร่างกุหลาบ หันไปกราบแทบตักของอีกฝ่าย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมอง โอบกอดแม่บัวไว้แน่นๆ จนได้ยินเสียงเอะอะตกใจจากคนถูกกอด

“ดู๊สิ! ปล่อยน้าเถิดแม่น้อย แน้!”

คนถูกกอดตีสีหน้าไม่ถูก แต่ดูระคนทั้งเขินทั้งฉุน

“เอาละซี้ ท่านเจ้าคุณเจ้าขา...ดูแม่น้อยซี้ โตเป็นสาวเป็นนางขนาดนี้ ทำอะไรไม่อายบ่าวไพร่มันบ้าง”

แม้จะพูดอย่างนั้น แต่แม่บัวก็ยังยกชายผ้าแถบขึ้นซับน้ำตา ท่าทางปลื้มอกปลื้มใจเป็นหนักหนา ที่ลูกเลี้ยงและหลานรัก แสดงถึงความรักที่มีให้ตน ส่วนเจ้าคุณรณเดชลือชาเอง ก็ได้แต่หัวเราะหึๆ หันไปหยิบบุหรี่กลีบบัวขึ้นมาจุดสูบเอาเสียเฉยๆ พลางขยับนั่งขัดสมาธิ ท่าทางบ่งบอกว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปเป็นเรื่องสำคัญ

“วันก่อนพ่อไปเฝ้าเสด็จท่าน เผอิญเจอหม่อมอิ่มที่วัง แล้วท่านก็ถามถึงแม่น้อย ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็ว่า ถ้าว่างอยากให้ไปหา หม่อมท่าน...อยากจะให้แม่น้อยได้ไปช่วยสอนหนังสือให้ท่านหญิงพิศ จะว่าอย่างไรล่ะลูก พ่อเองยังไม่ได้รับปากท่านดอก ผัดไปว่าจะถามแม่น้อยเสียก่อน”

“แล้วแต่เจ้าคุณพ่อค่ะ ลูกไม่ว่าอะไร แต่ถ้าอย่างนั้น ก็อยากจะขอมีเพื่อนไปด้วยสักคน”

จิรัสยารู้สึกว่าหน้าระเรื่อขึ้นเมื่อพูดมาถึงตรงนี้ บอกเสียงเบาราวกับกระซิบ

“เอ่อ...ถ้าลูกไปคนเดียว เกรงว่าจะไม่เหมาะค่ะ”

หญิงสาวก้มหน้า เมื่อเจ้าคุณรณเดชลือชาหัวเราะพอใจ พลางลอบถอนหายใจอย่างอึดอัด

“ลูกเอ๋ย พ่อก็นึกว่าเรื่องอะไร ไม่ต้องห่วงดอก หม่อมท่านเองก็บอกมาแล้ว หากแม่น้อยตกลงจะชวนเพื่อนไปอีกสักคนก็ได้ หรือจะไปกับแม่บัวก็เอาเถิด ที่สำคัญ...ไม่ต้องอายหรือกลัวไปดอกลูก เห็นหม่อมท่านว่า ท่านชายท่านยังไม่ได้เสด็จกลับมาดอก ที่ท่านอยากให้แม่น้อยเข้าไปหานั่น คงเพราะนึกถึงขึ้นมา เพราะตอนคุณหญิงยังอยู่ ตอนแม่น้อยเล็กๆ ก็ตามไปที่ตำหนักนั้นบ่อยไม่ใช่หรือ”

“แม่น้อย น้าเห็นด้วยกับท่านเจ้าคุณละนะ หรือถ้าแม่น้อยเกรงคนจะครหา ก็ชวนแม่บังอรไปเสียด้วยจะเป็นไร น้าได้ยินแม่วาด น้าของแม่อรบ่นๆ อยู่เชียว ว่าอยากให้หลานสาวได้มีวิชาในรั้วในวัง ติดตัวกับเขามั่ง”

ผู้ฟังยังคงนั่งนิ่ง เลยพลอยทำให้มารดาเลี้ยงถามย้ำอีก

“หรือแม่น้อยมีเพื่อนที่ไหนอีก น้าว่าแม่บังอรนี่ละ ท่าจะเหมาะแล้ว แม่คนนี้ถึงพูดมาก แต่ก็รู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด” หญิงสาวรับคำผู้เป็นแม่เลี้ยง พอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นผู้เป็นแม่เลี้ยงอึกอัก ส่วนบิดานั้นสูบบุหรี่เฉย “แม่น้อย มีอีกเรื่องหนึ่ง น้าอยากจะถาม เจ้าคุณพ่อของแม่น้อยท่านก็อยากจะทราบ แม่น้อยมีใครในใจบ้างแล้วหรือยัง หรือว่า...มีคนที่ชอบๆ กันบ้างหรือเปล่า”

“โถ น้อยยังไม่มีหรอกค่ะ ตอนนี้เรียนจบแล้วก็คิดว่าอยากจะทำงาน อยากจะขออนุญาตเจ้าคุณพ่อ...”

ทว่าพูดยังไม่ทันจับ แม่บัวที่อึกอักแต่แรกก็แทรกเสียงอ่อนลงไปอีกว่า

“แม่น้อยรู้หรือไม่ เอ่อ ที่เจ้าคุณท่านเข้าไปเฝ้าเสด็จมานั้น ท่านยังทรงถามมาอีกเรื่อง ง่า...น้าก็เอ้อ เพิ่งจะรู้”

แม่เลี้ยงของคุณกุหลาบ เหลียวมองเจ้าคุณรณเดชลือชาอยู่อึดใจ ก่อนบอกเสียงเบา “เสด็จท่านทรงทวงถามเรื่องหมั้นหมาย เห็นว่าหม่อมอิ่มเคยตกลงกันไว้กับคุณแม่ของแม่น้อย ตอนที่แม่น้อยยังเล็กๆ พอถึงตรงนี้หม่อมท่านเห็นว่าควรแก่เวลา เลยทูลเรื่องนี้ให้เสด็จท่านทรงทราบ”

คุณกุหลาบนิ่งงันไปอึดใจ ส่วนจิรัสยาเองก็เช่นกัน เพราะแบบนั้นนี่ก็แสดงว่า คุณย่าน้อยก็ไม่เคยรู้เรื่องการหมั้นหมายนี่มาก่อน ด้วยเพิ่งมารู้เอาก็ตอนนี้นี่เอง

“แล้วแม่น้อยจะว่าอย่างไรเล่า เพราะ...ท่านชายก็ใกล้เด็จกลับแล้วนาทูนหัว”

คนถูกถามยังคงรักษาความเงียบไว้ได้เป็นอย่างดี จนเจ้าคุณรณเดชลือชาที่ทำเป็นไม่สนใจ โยนเรื่องให้ภรรยาพูดเมื่อสักครู่ ทนทำเฉยไม่ไหว จนต้องเอ่ยออกมาเสียเอง

“เสด็จท่านทรงมีรับสั่งถึง ว่าครั้งนี้ที่ท่านชายเด็จกลับมาจากเรียนต่อ ก็พอดีกับที่แม่น้อยก็เรียนจบแล้ว ก็อยากจะจัดการให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที ตัวพ่อเองก็เห็นด้วยกันกับเสด็จท่าน เพราะอายุแม่เองก็พอจะมีเหย้ามีเรือนได้แล้ว”

แต่ถึงอย่างไร ก็ไม่มีคำตอบจากผู้ฟังอยู่ดี ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

“เอาเถิด เวลาก็ยังอีกเป็นปีๆ ไว้ค่อยๆ คิดอ่านตัดสินใจแล้วกันนะลูกนะ แต่ถึงอย่างไร พ่อก็อยากให้แม่น้อยคิดให้หนักหากจะตัดสินใจประการใดลงไป เพราะก็รู้อยู่ ว่าพระเดชพระคุณเสด็จท่านกับเรานั้นมีมากมายนักจนเหลือจะกล่าว อีกทั้งคุณหญิงแม่ของแม่น้อยอีกเล่า”

ความอึดอัดใจ ความหนักใจของคุณกุหลาบ และความหวาดหวั่นต่ออนาคตที่กำลังใกล้เข้ามา ดูจะสื่อถึงจิรัสยาโดยตรง การถูกจับคลุมถุงชนในสมัยก่อนดูจะเป็นเรื่องธรรมดา ที่สำคัญ...ด้วยความเป็นหญิง คุณกุหลาบเองก็คงจะปฏิเสธไม่ได้ เพราะสุดท้ายเธอก็กลายเป็นคู่หมั้นของหม่อมเจ้านิธานอยู่ดี

อย่างนี้สินะ...จิรัสยารู้สึกเศร้าจนแทบน้ำตาร่วง ด้วยสงสารคุณย่าน้อยเหลือเกิน



============================================================>>>>>>>


ดีค้า พายายจาวมาส่งค้า ^O^


คุณแว่นใส ช่วงแรกพี่พีทมาแว่บๆค่ะ ต้องรอกลางๆไปก่อนถึงจะออกเยอะ ช่วงนี้ให้ท่านชายในอดีตกับครอสจุงโกยคะแนนกันไปพลางก่อนค้า
คุณนักอ่ายเหนียวหนึบ เอ้า! รึ อุแหม่ แค่ชื่ออย่าเพิ่งแน่ใจน้า กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คุณพันธ์แตงกวา นั่นจิ รึไงเจ่เจ้ กร๊ากกกกกกกกกกกกก บร้า หนอนไม่ไ้ดขู้ ไม่ได้ขุ่จริงน้า อิๆ แหม นางก็มีแยกโรงเรียนบ้างไรบ้าง ซี้ อุอิ ว่าแต่เขียนยายจาวนี่ยากจุง 555+ เรียบๆ หาเหน่ไม่เจอเล้ย เหมือนนางเรียบเกิ๊น >/////<
คุณZephry นี่เชียร์ครอสจุงจริงๆเลยนะเนี่ย เขียนเฮียแล้วไม่ค่อยอิน กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก มีแอบสงสารพีพีทนิดๆ ออกมามีหวังโดนสกรัมตื้บๆๆแหง อิๆ
คุณบุลินทร หมี้ริน สร้อยของพี่หนอนออกจะสวย มาขี้กงขี้เกี้ยมอัลไลลลลลลลลลลลลลล ว่าแล้วก็อยากกินแฮะ เดี๋ยวนี้ไม่เห็นมีเอามาแลกกระดูกวัวกระดูดควายหรือว่านุ่นเลย....หล่อนมาชวนชั้นย้อนอดีตย่ะ ฮึ้ยยยยยยยยยยย แต่อย่ามาหลอกถามเล้ย รูดซิปปิดปาก หลอกถามเก่งจิงจิ๊ง เผลอไปทำไงเนี่ย

และคุณๆรีดเดอร์นะค้า ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้นะค้า ขอบคุณมากๆๆๆค่า

วันนี้ไปแล้วนะคะ เจอกันตอนหน้า วันนี้ฝันดี ราตรีสวัสดิ์ บ๊ายบาย ^^



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ธ.ค. 2557, 16:38:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ธ.ค. 2557, 16:38:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 2133





<< บทที่ 4 พันธนาการ 2.2   บทที่ 5 รอยวาร 'คุณกุหลาบ' 2.2 >>
พันธุ์แตงกวา 2 ธ.ค. 2557, 19:35:03 น.
หม่อมเจ้านิธาน โอ้ววว ท่านชายมังคะ ถ้าแม่น้อยเบี้ยว หม่อมฉันยังว่างมังคะ
แม่น้อยนี่เนื้อหอมจริงๆ


Zephyr 2 ธ.ค. 2557, 20:29:06 น.
เหม่ ตอนนี้อัลไล มีแต่ยายจาว สาวรุ่น สาวน้อย สาวมาก
หนุ่มๆไปไหนหมดอ่ะ อ่านแล้วไม่ใจเล้ยยยยย


agentaja 2 ธ.ค. 2557, 22:42:00 น.
มากดไลค์อย่างเดียวก่อนน้า ยุ่งมั๊กมั่ก


แว่นใส 3 ธ.ค. 2557, 12:46:29 น.
ทำไมนะ แล้วจะเจอเนื้อคู่ตัวจริงกันเมื่อไหร่ อยากรู้แล้วสิ


บุลินทร 4 ธ.ค. 2557, 23:46:58 น.
จะว่าไปก็ให้เวลาตัดสินใจนานนะนั่น เป็นปีๆ แต่ว่าถ้าใจไม่รัก นานแค่ไหนก็คงไม่รัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account