ปริศนาในรอยรัก
คำโปรยเรื่อง


“หยุด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชากจากด้านหลัง

“โอ๊ย!!!” ปารณีย์ร้องเสียงหลง เมื่อโดนกระชาก ข้อมือเล็กเจ็บเล็กน้อยจากแรงบีบของคนเสียมารยาท เหมือนเจ้าตัวจะรู้ก็ปล่อยมือของปารณีย์ออก

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำตัวเสียมารยาทกับฉันสักที วันนี้คุณเสียมารยาทกับฉันไปสองครั้งแล้วนะคะคุณภูธเนศ” ปารณีย์มองผู้ชายที่เธอคิดว่าไร้มารยาทที่สุด ปารณีย์เดาได้ว่าผู้ชายคนนี้ดูจะไม่ชอบขี้หน้าเธอมากเสียด้วย ดวงตาคมที่มองมามันมีความไม่พอใจส่งออกมาอย่างเห็นได้ชัด ปารณีย์ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนี้มีปัญหาอะไรกับเธอมาก่อน แต่มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ จะว่าแค่เรื่องห้อง ก็คงไม่ใช่แล้วล่ะ

“ก็ผมเรียกคุณ แล้วคุณไม่หยุด”

“คุณเรียกปุ๊บ ฉันจำเป็นต้องหันปั๊บเลยหรือไง คุณต้องรอสิคะ ไม่อยากเชื่อคุณจะเป็นเจ้านายใครเขาได้ ไม่อยากจะเชื่อคนอย่างคุณจะเป็นคนดูแลไร่ใหญ่โตอย่างนี้” คำพูดกึ่งสบประหม่าทำให้ภูธเนศเริ่มโกรธ ด้วยความว่าเติบโตมาในไร่แห่งนี้ ทุกคนตามใจ เทิดทูนบูชาดุจเทพเจ้า เขาไม่เคยเจอคนกล้าต่อปากต่อคำหรือกล้าใช้คำสั่งสอนหรือว่าด่าทอ แบบเธอคนนี้ และมันก็ทำให้อารมณ์โกรธที่ค้างอยู่เริ่มปะทุอีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็พยายามข่มอารมณ์โกรธให้เบาลง

“เอาล่ะผมไม่อยากต่อปากต่อคำกับคุณ คุณแม่อนุญาตให้คุณอยู่ต่อ เชิญขนกระเป๋าของคุณกลับขึ้นไป คุณปา...ระ...นี” ภูธเนศพยายามข่มอารมณ์อย่างสุดความสามารถ

“แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะเข้าเมืองตอนนี้ และเดี๋ยวนี้” ใบหน้าสวยหวานออกอาการรั้น ปารณีย์ถือกระเป๋าของตัวเองอีกครั้ง จะหันหลังถือกระเป๋าเดินหนี แต่

Tags: ปริศนา ปมฆาตกรรม ความรัก ความลับ

ตอน: ตอนที่ 4 ดั่งสวรรค์แกล้ง


4
ดั่งสวรรค์แกล้ง


เสียงทุ้มของใครบางคนดังขึ้น ทำให้ภูวดลหันไปมอง โดยปารณีย์เองก็หันไปมองด้วยเช่นกัน ปารณีย์ทำหน้าตกใจราวกับเจอผี พลางคิดว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ดวงตาคมสบมองมาที่เธอเหมือนจะไม่ได้แปลกใจอะไรมากกับการเจอเธอที่นี่ ดวงตาของเขายังคงแสดงความฉุนเฉียวดั่งหมีขี้โมโหเหมือนตอนเจอกันครั้งก่อน เขาถอนหายใจเฮือกหนึ่งและหันกลับไปมองภูวดล

“เดี๋ยวผมค่อยมาคุยใหม่แล้วกัน”

“เดี๋ยวสิแกจะรีบไปไหน ไม่มารู้จักกับแขกของไร่ก่อน” เขาที่หันหลังไปแล้วหันหน้ากลับมาและพูดเพียงสามคำสั้น ๆ ที่ทำให้เธอรู้สึกว่ามันน่าหมั้นไส้สุด ๆ

“ไม่ดีกว่า”

“ไอ้ภู” ภูวถลมองน้องชายที่โต้กลับมา เขาปลายตามองเธออีกครั้ง

“นี่ปารณีย์ รุ่นน้องฉันกับยัยแพร จะมาช่วยดูแลน้องดาที่ยัยแพรโทรมาบอกไว้ไงครับ แล้วปารณีย์ก็จะมาพักที่ไร่แล้วสักเดือนสองเดือน” ภูวดลเอ่ยโดยไม่รอให้ภูธเนศพูดจากวนประสาทอีก

“หึ... ผมว่าทางที่ดีกันผู้หญิงคนนี้ออกห่าง ๆ จากน้องดาจะดีกว่า เดี๋ยวน้องดาจะติดนิสัยเสีย ๆ จากผู้หญิงคนนี้” ปารณีย์เริ่มโมโหผู้ชายตรงหน้าที่ยังเหน็บแนมเธอไม่เลิก เขาแค้นอะไรเธอขนาดนั้น แถมดวงตาของเขานอกจากความไม่ชอบใจ ยังมีกระแสความเกลียดชังออกมาด้วย นี่เธอไปทำอะไรเขากัน

“เพ้อเจ้ออะไรของแกไอ้ภู แกนี่มันนิสัยแย่จริง นี่ถ้าสภาพแกไม่เหมือนโจรป่า ฉันต้องคิดว่าแกเป็นผู้หญิงที่เลือกจะไปลมจะมา อารมณ์ไม่อยู่กะร่องกะรอย เอาเป็นแกก็ช่วยดูแลปาด้วยแล้วกัน”

“เรื่องอะไรล่ะ”

“เอ้า แกเป็นเจ้าของไร่ แกก็ต้องดูแลคนที่เข้ามาเป็นแขก ฉันพูดผิดตรงไหน”

“ผิดสิ ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่แขกผม และผมก็ไม่ว่างมาดูแลใคร”

“แขกฉันก็แขกแกนั่นแหละไอ้ภู ที่สำคัญ ฉันสั่งไม่ได้ขอความเห็น” คำพูดของภูวดลดูจริงจังขึ้น ใบหน้าไม่มีความล้อเล่นเหมือนทุกครั้ง ดวงตาฟาดฟันของสองพี่น้องทำให้เธอรู้สึกร้อน ๆหนาว ๆ ขึ้นมาทันที ภูธเนศมองหน้าพี่ชายก่อนจะเบนดวงตาดุ ๆ มองมาที่เธอและทำท่าฟึดฟัดเดินหนีไป ที่แท้เขาก็แพ้ทางภูวดลนี่เอง

“ปากับมันรู้จักกันมาก่อนหรอ”

“เอ่อ...เราเจอกันเมื่อวานค่ะ มันเป็นการเจอที่ไม่ค่อยดีนัก”

“อ่อ... อย่าไปถือสามันเลย ช่วงนี้มันหงุดหงิดแบบนี้บ่อย ๆ ปากเสียบ้าง แต่มันไม่ใช่คนไม่ดี ถ้ารู้จักมันมากกว่านี้ปาจะรู้ว่ามีอะไรมากกว่าภาพลักษณ์ที่เหมือนโจรป่าของมัน แล้วมีอะไรก็ถามมันได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจ” ปารณีย์ส่ายหน้า โบกมือปฏิเสธทันควัน

“ไม่เอา ปากลัวเขาจะเดินมาบีบคอปาแทนคำตอบ สายตาเขาก็บอกชัดแล้วว่าไม่ชอบปาเอามาก ๆ ปาก็ไม่เข้าใจเรื่องแค่นั้นเขาถึงกับเกลียดปาเลยหรอ” ปารณีย์เอ่ย

“เอิ่ม...พี่จะอธิบายยังไงดีล่ะ เอาเป็นเดี๋ยวปาก็รู้เองนั่นแหละ มืดแล้วไปอาบน้ำนอนดีกว่า เดือนทางมาเหนื่อย ๆ แถมเมื่อคืนก็ไปติดฝนซะไกล เรื่องรถไม่ต้องห่วงนะ พี่ให้คนส่งคืนร้านให้แล้ว”

“ค่ะ งั้นปาขอตัวนะคะ” ปารณีย์เดินกลับไปเข้ามาในบ้าน แต่ยังไม่ได้เดินเข้าห้อง เลือกจะเดินมานั่งที่ห้องนั่งเล่นมุมระเบียงห้องก่อน เธอนั่งเหม่อลอย ในหัวกำลังคิดเรื่องต่าง ๆ มากมาย

“คุณปาคะ” ปารณีย์หันไปมองคนที่เรียกเธอ ปิ่นอนงค์ อาสาวร่างเล็กบอบบางของเด็กหญิงปาริดา

“คะ คุณปิ่น” สาวสวยหน้าตาน่ารัก รูปร่างบอบบาง ดูน่าทะนุถนอม กิริยามารยาทของปิ่นอนงค์ดูเป็นผู้ดีทุกระเบียบนิ้วคล้ายกับถูกฝึกมาอย่างดี ใบหน้าที่แย้มยิ้มสะกดสายตาคนที่มองได้อย่างดี ปิ่นอนงค์ไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยจนต้องเหลียวหลัง แต่เป็นผู้หญิงที่น่ารักสะกดให้คนมองเสียมากมาย ยิ่งพิศก็ยิ่งน่ารักน่ามอง

“ดิฉันเห็นคุณนั่งอยู่คนเดียวก็เลยเดินมาทักค่ะ วันนี้ต้องขอโทษแทนน้องดาด้วยนะคะ ปกติน้องดาแกไม่เคยจ้องใครขนาดนี้ พี่แพรบอกว่าคุณจะมาช่วยดูแลน้องดา ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ พวกเราพยายามแล้ว แต่น้องดาดูจะปิดกั้นพวกเราออกไป เธอดูจะชอบคุณจากที่พี่แพรเคยเล่าให้ฟัง”

“หรอคะ อาจเพราะฉันมีเสน่ห์กับเด็กมั้งคะ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับน้องดา เธอดูแปลก ๆ จากที่เจอเมื่อครึ่งปีก่อนมาก ฉันเองก็ไม่รู้จะช่วยอะไรได้หรือเปล่า เอ่อ....คุณปิ่นคะฉันขอถามอะไรสักนิดได้ไหมคะ” ปิ่นอนงค์ยิ้มรับอย่างจริงใจ

“ได้ค่ะ”

“คือทำไมทุกคนมองหน้าฉันเหมือนตัวประหลาดแบบนั้น ฉันสังเกตมาหลายครั้งแล้ว” ปิ่นอนงค์ยิ้ม แต่ก่อนจะได้เฉลยปริศนา เสียงร้องไห้ของเด็กหญิงปาริดาก็ดังขึ้น ทำให้ปิ่นอนงค์ขอตัวออกไปดูหลานก่อน ปารณีย์ตัดสินใจเดินกลับห้องของตัวเอง ถึงบ้านหลังนี้จะดูกว้างขวางแต่ก็มีห้องไม่มากนัก จากบานประตูก็น่าจะมีอยู่ประมาณเจ็ดห้อง ห้องที่ปารณีย์พักคือห้องริมสุด หน้าห้องติดรูปดอกลีลาวดีไว้เป็นสัญลักษณ์ ซึ่งสังเกตได้ง่ายมาก ปารณีย์พึ่งรู้ว่าห้องทุกห้องจะมีชื่อห้องเป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อดอกไม้เป็นชื่อตั้งอย่างห้องที่เธอพักก็คือห้องลีลาวดี หรือห้องของภุมรีก็เป็นห้องเฟื่องฟ้า ปารณีย์กำลังจะเปิดประตูห้องเข้าไป แต่มือของใครคนหนึ่งก็คว้าจับมือของเธอก่อนเธอจะเปิดประตูออกและกระชากมือเธอเหวี่ยงออกไปอย่างแรง แรงกระชากจากมือปริศนาทำให้ร่างบางเซถลาถอยหลังล้มลงไปนั่งอยู่บนพื้นไม้

ตุบ!!!

“โอ๊ย!!!” ปารณีย์ร้องด้วยความเจ็บผสมกับตกใจ ที่อยู่ ๆ ก็โดนกระชากตัวออกมาอย่างแรง ใบหน้าหวานออกอาการขุ่นเล็กน้อย นัยน์ตาหวานตวัดมองต้นเหตุ ต้นเหตุไม่ใช่ใครที่ไหน

“คุณ....” ปารณีย์มองใบหน้าหล่อแต่ดุของอีกฝ่าย ปารณีย์ที่ตอนแรกกลัวสายตาดุโหดนั่น สายตาเหมือนโกรธแค้นเธอมาแต่ชาติปางก่อน วูบหนึ่งเห็นแววตาสำนึกผิด แต่ก็แค่วูบเดียวเท่านั้น ปารณีย์สลัดความกลัวต่อสายตาภูธเนศทิ้ง กลับมาตีหน้านิ่งเฉย ภูธเนศมองสาวสวยตรงหน้าด้วยแววตาโกรธจัด หลังจากคุยกลับภูวดลเสร็จเขากำลังจะกลับเข้าห้อง ซึ่งห้องของเขาก็อยู่ตรงข้ามกับห้องของเธอพอดี และเมื่อเห็นปารณีย์กำลังจะเปิดประตูห้อง ความโกรธก็แล่นเข้ามา ตอนแรกแค่กะจะหยุดผู้หญิงร่างบางนี้ไว้ ไม่คิดว่าแรงกระชากนี้จะทำให้สาวเจ้าล้มลง แต่เมื่อเห็นใบหน้าอวดดีของปารณีย์เขาก็เลือกที่จะตัดความสงสารทิ้งไป

“ทำอะไรน่ะตาภู” เสียงของคุณนพนภาดังขึ้น เมื่อครู่เธอได้ยินเสียงเหมือนคนล้มและเสียงร้องจากด้านล่าง จึงรีบเดินขึ้นมาดู ก็เห็นสภาพของปารณีย์กำลังพยายามลุกขึ้น ข้อเท้าที่ยังไม่หายดี ระบมมากขึ้นอีก

“เป็นอะไรหรือเปล่า” คุณนพนภาที่แม้จะมีความไม่ชอบใจในตัวผู้หญิงที่พึ่งพบกันครั้งแรก แต่ก็เดินไปช่วยอย่างอดสงสารไม่ได้ และมองลูกชายอย่างตำหนิ

“ไม่เป็นอะไรค่ะ แค่ขาพลิกนิดหน่อย แต่ไม่เป็นอะไรมากค่ะ ขอบคุณคุณมากนะคะ” ปารณีย์พูด ฝืนความเจ็บเอาไว้ ตอนนี้เธอกำลังโกรธ โกรธหมีขี้โมโหที่อาละวาดไม่เลือกใส่เธอ

“หนูไม่เป็นอะไรแน่นะ คงไม่ดีถ้าแขกที่มีไร่ภูปลายฟ้าบาดเจ็บกลับไป” ปารณีย์ยิ้มให้กับคุณนพนภาที่แสดงท่าทีใจดีออกมา ซึ่งทำให้เธอเลือกจะไม่อาละวาดหรือโวยวายเอาเรื่องภูธเนศ ปารณีย์พยักหน้ายืนยันคำตอบก่อนจะขอตัวกลับเข้าห้อง แต่

“หยุดนะ!!!” เสียงดังกึกก้องทำให้ปารณีย์หยุดชะงักทันที คุณนพนภาเองก็ตกใจเช่นกันที่อยู่ ๆ ลูกชายก็ตวาดเสียงดัง เธอหันกลับไปมองลูกชายอีกครั้ง

“มีอะไรคะคุณภูธเนศ” ภูธเนศมองใบหน้ารั้นอวดดีของปารณีย์อย่างไม่สบอารมณ์ นัยน์ตาคมมองมือของปารณีย์ที่จับค้างอยู่ที่ลูกบิดประตู

“ใครให้เธอพักห้องนี้” ปารณีย์ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ และตอนนี้เธอกำลังโกรธ เธอพยายามใจเย็นมากแล้ว ผู้ชายคนนี้กำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่ เพียงแค่เธอขับรถหนีเขา เปิดประตูกระแทกหน้าเขา มันทำให้เขาโกรธ เกลียดเธอขนาดนี้เลยหรอ เธอก็บอกแล้วว่าขอโทษ เขาก็โตพอแล้วนะทำไมไม่มีเหตุผล แยกแยะไม่ได้แบบนี้

“มีเรื่องอะไรกันตาภู เสียงดังลงไปถึงข้างล่าง” และเจ้าบ้านก็เดินตามขึ้นมาหลังจากภรรยาเดินหายขึ้นมาข้างบน และยังเสียงดังเอะอะโวยวายของลูกชายที่ดังไปทั่วบ้าน ภูวดลที่คุยโทรศัพท์เสร็จก็รีบวิ่งเข้ามาดู แม่บ้าน คนใช้พากับมายืนเกาะขอบประตู

“ใครใช้ให้ผู้หญิงคนนี้เข้าพักห้องนี้ครับ” เสียงประกาศกร้าวทำให้คนใช้ แม่บ้านพากันหลบตากันพัลวัน

“พี่เองแหละ” คำตอบทำให้ภูธเนศหันไปมอง “กับอีแค่ห้องแกจะเรื่องมากทำไมวะภู เสียงดังจนคนอื่นตกใจหมดแล้วเห็นไหม น้องดาพึ่งเข้านอนเองนะ”

“แต่ห้องนี้ผมไม่ให้ใครพักทั้งนั้น เรือนรับรองก็ว่างทำไมไม่ให้ไปพัก” ใบหน้าที่เหมือนโจรป่าของเค้าดูจะเพิ่มดีกรีความน่ากลัวมากขึ้น ซึ่งเธอก็ไม่เข้าใจแค่เรื่องห้องทำไมต้องโกรธยังกับเธอไปฆ่าเขาอย่างนั้นแหละ

“เรือนรับรองหลังไม่ใช่เล็กๆ ทำความสะอาดต้องใช้เวลา พี่พึ่งโทรมาบอกวันนี้ ไม่มีใครว่างมาทำความสะอาดแกก็รู้ แล้วเร็วที่สุดก็ต้องใช้ห้องที่ทำความสะอาดบ่อย ๆ อย่างห้องนี้”

“แล้วทำไมไม่เอาห้องอื่นไปล่ะ”

“ห้องไหนล่ะ ห้องที่ว่างอยู่ก็มีแค่สองห้องคือห้องนี้ กับห้องข้าง ๆ ซึ่งพี่ภูมิจะแวะมา เราก็ต้องให้เขานอนห้องนั้น แกจะอะไรนักหนาวะภู กับอีแค่ห้องนอน”

“แต่นั่นมันห้องของปานวาด พี่จะให้ผู้หญิงคนนี้นอนห้องไหนก็ได้ แต่ต้องไม่ใช่ห้องนี้ ผมไม่ยอม” คุณนพนภาถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจกับความขี้โวยวายไร้เหตุผลของลูกชาย

“แต่แม่ก็อนุญาตเองนะภู บ้านเราก็เหลือห้องนี้ห้องเดียว แล้วปารณีย์เขาก็ไม่ได้มาพักเฉย ๆ เขาจะมาช่วยดูแลน้องดา ห้องน้องดาก็อยู่ข้าง ๆ ห้องนี้ แม่ก็คิดว่ามันสมควรที่จะเปิดห้องนี้ ถ้าเพชรไม่ได้รับความเห็นชอบจากแม่ ภูคิดว่าเพชรจะมีสิทธิ์สั่งหรอ ยังไงปานวาดก็ไม่รู้จะกลับมาเมื่อไหร่อยู่แล้ว”

“ผมไม่ยอม ถ้าเกิดไม่มีห้องอื่นก็ไปนอนในเมืองสิครับ” ปารณีย์เริ่มทนไม่ไหวกับผู้ชายขี้โวยวายคนนี้ และก่อนที่ทั้งบ้านจะเถียงกันไปมากกว่านี้

“ไม่เป็นไรค่ะคุณป้า พี่เพชร ถ้าคุณภูเขาคิดว่ายุ่งปา ปาว่าปาหาโรงแรมอยู่ก็ได้ค่ะ ปาไม่อยากเป็นตัวปัญหาให้คุณป้ากับคุณภูต้องทะเลาะกัน ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ ปาขอเข้าไปเอากระเป๋าก่อนนะคะ”

“ปา” เสียงตะโกนดังขึ้นเมื่อปารณีย์เดินกลับเข้าไปในห้องและกลับออกมาพร้อมกระเป๋าเดินทางของเธอเอง นัยน์ตาหวานตวัดมองไปที่ภูธเนศ ผู้ชายที่ตัวโตแต่ใจมด ได้แต่คิดในใจว่าอย่าได้เจอกันอีกเลย นี่คือความคิดในตอนนี้ เธอไม่กริ่งเกรงแม้แต่ที่จะจ้องตาเขาด้วยซ้ำ โดยลืมว่าเธอมีหน้าที่ของตัวเองอยู่

“พี่เพชรปาไปนะคะ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนขอโทษ มันไม่ใช่ความผิดของพี่เพชรสักหน่อย ขอบคุณทุกคนมากนะคะ ถึงจะแค่แป๊บเดียวแต่ก็ดีใจที่ได้มาร่วมโต๊ะอาหาร ปาขอตัวนะคะ” ปารณีย์เดินขากระเผลกลากกระเป๋าผ่านหน้าภูธเนศที่ยืนกอดอกอยู่ไป แต่เหมือนนึกขึ้นได้เธอก้าวเท้าถอยหลังมายืนอยู่ตรงหน้าภูธเนศ ใบหน้าหวานยิ้มเหยียดนิด ๆ

“ขอบคุณมากนะคะสำหรับการต้อนรับที่ดี....มาก....ฉันจะไม่ลืมไปชั่วชีวิตคุณภู...ธ...เนศ” ใบหน้าหวานยิ้มส่งสุดท้ายและกำลังจะเดินลงบันไดไป

“อย่าไปนะคะ” และเด็กตัวเล็กที่ยืนนิ่งตากลม ๆ จ้องมาเธออยู่นานวิ่งเข้ามาเกาะขาเธอไว้ มองเธอด้วยแววตาสั่นไหวเหมือนจะร้องไห้แต่ยังไม่ร้อง ปิ่นอนงค์พยายามจะเข้ามายื้อตัวเด็กหญิงออก แต่ก็ไม่เป็นผล ปาริดาที่เห็นปิ่นอนงค์พยายามยื้อดึงก็กอดขาเธอแน่นขึ้นอีก ปารณีย์แกะมือปาริดาออกได้สำเร็จและย่อตัวนั่งลงแม้ดวงตาเธอจะไม่ได้มีน้ำตาคลอ แต่ดวงตาที่นิ่ง ๆ ของปาริดากำลังตื่นตนกสุด ๆ จนอดสงสารไม่ได้

“ไม่ไปได้ไหมคะ...พี่” ปาริดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนร้อนรน ปารณีย์ก็ขัดขึ้นไว้ก่อน

“พี่ชื่อปา เรียกพี่ปาก็ได้ค่ะ” ปารณีย์พูดและยิ้มให้กับเด็กตัวเล็กที่กำลังสะอื้นไห้อย่างน่าสงสาร

“ค่ะ ถ้าน้องดาเรียกแล้วพี่ปาจะอยู่ไหมคะ น้องดาอยากให้พี่ปาอยู่ อยู่ที่นี่นะคะ” ดวงตากลมโตมองเธอด้วยสายตามีความหวัง ซึ่งทำให้ปารณีย์ไม่กล้าก้มมองอีก เพราะเอจะไปทำลายความหวังของหนูน้อยตรงหน้า

“ไม่ได้หรอกค่ะ เอาไว้พี่จะแวะมาอีก พี่ต้องไปแล้วค่ะ คุณปิ่นคะ” และปิ่นอนงค์ก็มาดึงตัวปาริดาไว้ ปารณีย์เดินลงมาจากชั้นสอง เธอได้ยินเสียงตะโกนของปาริดาดังลั่นบ้าน เอาแต่เรียกชื่อเธอ และบอกว่าอย่าไปนะ แต่ทำไงได้ เจ้าบ้านเขาไม่ให้อยู่ ถ้าเธออยู่ต่อก็คงหน้าด้านไป

“ปาเดี๋ยว” ปารณีย์หันไปมองภูวดลที่ชูกุญแจรถ

“เดี๋ยวพี่ไปส่ง ดึกแล้วจะเดินไปหรือไง” ปารณีย์ยิ้มและพยักหน้า ภูวดลเดินนำปารณีย์ไปที่รถ





“ตาภูทำไมทำแบบนี้ แล้วดูนั่นน้องดาร้องใหญ่แล้ว”

“ผู้หญิงคนนั้นอวดดีออกไปเอง ไม่เกี่ยวกับผมเลยนะครับแม่” ภูธเนศเอ่ย ดวงตาคมมองหลานสาวที่กำลังยืนร้องไห้กอดปิ่นอนงค์อยู่หน้าบันได

“ตาภู...ทำไมแกเป็นคนอย่างนี้ แม่ไม่เคยคิดว่าแกจะงี่เง่า ไร้เหตุผลแบบนี้ กับอีแค่เรื่องห้องนอนแกจะทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตไปทำไม ห้องของปานวาดว่างมานานแล้ว การที่จะปล่อยให้มันว่างอย่างไร้ประโยชน์สู้ให้คนนอนไม่ดีกว่าหรอ แล้วปารณีย์เขาก็จะมาช่วยดูน้องดา แกจะทำให้มันเป็นเรื่องไปทำไม ตาภูแม่ขอบอกอีกครั้ง ไปตามปารณีย์กลับมาเดี๋ยวนี้ วันนี้แม่ไม่ชอบการกระทำของภูมาก ๆ ถ้าไม่อยากให้แม่โกรธก็ไปตามปารณีย์กลับมา”

“แม่ครับ ผม...”

“พ่อก็คิดแบบคุณฟ้า การกระทำของแกมันไม่เรียกว่าลูกผู้ชาย พ่อจำได้ว่าพ่อไม่เคยสอนแกให้แกเป็นแบบนี้ พ่อคอยพร่ำสอนให้แกเป็นคนดี เสียสละอะไรได้ก็เสีย กับผู้หญิง พ่อไม่เคยสอนให้แกเห็นแก่ตัว ถ้าแกยังเป็นลูกผู้ชายแกต้องกลับไปตามหนูปาก่อนที่เค้าจะออกไป”

“พ่อ” ภูธเนศจะค้าน

“ฉันสั่งในฐานะพ่อแก ไปตามหนูปามา ก่อนที่ฉันจะโมโห แกก็รู้ว่าไม่ควรให้พ่อโมโหนะภู” ภูธเนศค้านไม่ออก

“น้าภู น้องดาอยากให้พี่ปาอยู่ต่อ... น้าภู” ปาริดาวิ่งเข้ามากอดขาภูธเนศ ภูธเนศเบือนหน้าหนี ดวงตาแดงก่ำของหลานสาวพาให้เขาทำอะไรไม่ถูก น้องดาไม่เคยร้องโวยวายหลังจากเหตุการณ์เมื่อครึ่งปีก่อน เธอกลายเป็นเด็กเงียบเก็บตัว แต่วันนี้กลับมาขอร้องให้เขาตามผู้หญิงอวดดี น่าหมั้นไส้นั่นกลับมา

“พี่ภูคะ ปิ่นก็เห็นด้วยนะคะ ค่ำมืดแล้วเดินทางตอนกลางคืนมันอันตรายนะคะ ถึงแม้จะอยู่ในเขตที่ดินของดิเรกรัตน์ แต่การเดินทางตอนกลางคืนคงไม่ดีแน่ คุณปาเธอก็ไม่รู้เรื่องอะไร ทำไมต้องทำกับเธอแบบนั้นล่ะคะ ตามเธอกลับมาเถอะค่ะ ถ้าพี่แพรรู้ว่าไปไล่แขกของพี่แพร พี่แพรต้องลงมาอาละวาดที่ไร่แน่ค่ะ พี่ภูก็น่าจะรู้จักพี่แพรดีกว่าใคร เวลาโมโหไม่มีใครฉุดเธออยู่หรอกนะคะ” ปิ่นอนงค์มองภูธเนศที่มองหน้าครอบครัวอย่างคิดหนัก จนมองมาที่ป้าน้อมที่ยืนอยู่

“ป้าคิดว่าคุณภูจะมีเหตุผลมากกว่านี้ คุณภูทำให้ป้าผิดหวัง” คำพูดที่ตอกย้ำทำให้ภูธเนศต้องถอนหายใจอย่างแรง นัยน์ตาคมกล้ามองหลานสาวที่สะอื้นไห้ เขาไม่เข้าใจสักนิดว่าผู้หญิงที่พึ่งมาแค่วันเดียวคนนั้นเล่นเสน่ห์หรืออะไร ทำไมทุกคนถึงติดใจเธอกันขนาดนี้




ปารณีย์เดินตามภูวดลมาหยุดอยู่ที่หน้ารถเกือบสิบห้านาทีแล้ว แต่ภูวดลยังคงลีลาท่ามาก ทำเป็นหากุญแจ พูดคุยถ่วงเวลาเหมือนรออะไรบางอย่าง จนปารณีย์เองก็เริ่มรำคาญรุ่นพี่ที่ลีลาท่ามาก เพราะเธอรู้ว่ารุ่นพี่ของเธอกำลังถ่วงเวลา กำลังรออะไรบางอย่างแน่ ๆ และเธอไม่อยากเสียเวลาอยู่ที่นี่แม้แต่วินาทีเดียว ยิ่งนึกถึงภูธเนศเธอก็ยิ่งโมโหกับความไม่มีเหตุผลของผู้ชายคนนี้

“พี่เพชร ถ้าพี่เพชรยังไม่เปิดประตูรถและพาปาไปส่ง ปาจะเดินไปเองแล้วนะคะ” ภูวดลยืนนิ่งอีกครั้ง

“ปา พี่ว่าคืนนี้ค้างที่นี่ก่อนก็ได้ เดี๋ยวไปนอนห้องยัยแพรก่อน แล้วพรุ่งนี้พี่ให้คนทำความสะอาดเรือนรับรองให้ ทีนี้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว เดินทางตอนกลางค่ำกลางคืนอันตรายนะปา”

“แต่ปัญหาของปาตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่ห้องพักค่ะ แต่อยู่ที่น้องชายพี่เพชร ทีนี้เข้าใจนะคะ” ภูวดลเองก็นึกไม่ออกแล้วจะยื้อรุ่นน้องคนนี้ยังไง “ปาจะเดินไป” และปารณีย์ก็ลากกระเป๋าเดินผ่านหน้าภูวดลไปโดยไม่รอฟัง

“หยุด หยุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!” เสียงเรียกดังขึ้นพร้อมกับแรงกระชากจากด้านหลัง

“โอ๊ย!!!” ปารณีย์ร้องเสียงหลง เมื่อโดนกระชาก ข้อมือเล็กเจ็บเล็กน้อยจากแรงบีบของคนเสียมารยาท เหมือนเจ้าตัวจะรู้ก็ปล่อยมือของปารณีย์ออก

“เมื่อไหร่คุณจะเลิกทำตัวเสียมารยาทกับฉันสักที วันนี้คุณเสียมารยาทกับฉันไปสองครั้งแล้วนะคะคุณภูธเนศ” ปารณีย์มองผู้ชายที่เธอคิดว่าไร้มารยาทที่สุด เขาเป็นผู้ชายคนเดียวที่ไม่น่าจดจำตั้งแต่เธอเคนเจอมา

“ก็ผมเรียกคุณ แล้วคุณไม่หยุด”

“คุณเรียกปุ๊บ ฉันจำเป็นต้องหันปั๊บเลยหรือไง คุณต้องรอสิคะ ไม่อยากเชื่อคุณจะเป็นเจ้านายใครเขาได้ ไม่อยากจะเชื่อคนอย่างคุณจะเป็นคนดูแลไร่ใหญ่โตอย่างนี้” คำพูดกึ่งสบประหม่าทำให้ภูธเนศเริ่มโกรธ ด้วยความว่าเติบโตมาในไร่แห่งนี้ ทุกคนตามใจ เทิดทูนบูชาดุจเทพเจ้า เขาไม่เคยเจอคนกล้าต่อปากต่อคำหรือกล้าใช้คำสั่งสอนหรือว่าด่าทอ แบบเธอคนนี้ และมันก็ทำให้อารมณ์โกรธที่ค้างอยู่เริ่มปะทุอีกครั้ง แต่เจ้าตัวก็พยายามข่มอารมณ์โกรธให้เบาลง

“เอาล่ะผมไม่อยากต่อปากต่อคำกับคุณ คุณแม่อนุญาตให้คุณอยู่ต่อ เชิญขนกระเป๋าของคุณกลับขึ้นไป คุณปา...ระ...นีย์” ภูธเนศพยายามข่มอารมณ์อย่างสุดความสามารถ

“แต่ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว ฉันจะเข้าเมืองตอนนี้ และเดี๋ยวนี้” ใบหน้าสวยหวานออกอาการรั้น ปารณีย์ถือกระเป๋าของตัวเองอีกครั้ง จะหันหลังถือกระเป๋าเดินหนี แต่

“ผมไม่อนุญาตให้คุณไป คุณก็ยังไปไม่ได้ คุณรีบกลับเข้าไป ก่อนที่คนในบ้านจะประณามหยามเหยียดผมไปมากกว่านี้ คุณไม่เข้าใจที่ผมพูดหรือไง” ปารณีย์ตีสีหน้าหงุดหงิด นี่มันอะไรกันผู้ชายคนนี้ พอจะอยู่ก็ไม่ให้อยู่ พอไม่อยู่ก็จะให้อยู่ เธอชักจะโมโหขึ้นมาแล้วนะ แล้วไอ้ท่าทีที่สั่งประดุจราชานั่นมันอะไร

“ฉันบอกว่าฉันจะกลับไงคะ คุณฟังไม่รู้เรื่องหรือไง ฟังให้ชัด ๆ นะคะ ฉัน...จะ...กลับ” ปารณีย์เอ่ยเสียงแข็ง

“เอ๊ะ คุณนี่มันเป็นผู้หญิงยังไงนะ พอให้อยู่ก็ไม่อยู่ พอไม่ให้อยู่จะอยู่ ผมจะพูดเป็นครั้งสุดท้ายลากกระเป๋ากลับเข้าไปเดี๋ยวนี้ อย่าให้ผมต้องโมโห” เสียงที่เริ่มดังขึ้นทำให้ภูวดลกุมขมับขึ้นมาทันที นี่แค่เจอกันวันแรกทั้งคู่ยังแผ่กระจายความแรงออกมามากขนาดนี้ และถ้าต้องเจอกันอีกเป็นอาทิตย์ เขาไม่อยากจะคิดเลย

“เอ๊ะ คุณนี่เป็นผู้ชายยังไง พอจะอยู่ก็ไม่ให้อยู่ แต่พอไม่อยู่จะให้อยู่ ฉันขอพูดกับคุณเป็นครั้งสุดท้าย ว่าฉันจะกลับเข้าเมืองตอนนี้ และเดี๋ยวนี้” คำพูดที่ลอกเลียนมาจากคำพูดเขาที่เกือบเหมือนเป๊ะ ทำให้คนที่พยายามคุมอารมณ์โกรธเริ่มทนไม่ไหว ตอนนี้ได้แต่นับหนึ่งถึงสิบในใจ

“คุณอย่าทำให้ผมโมโหไปมากกว่านี้ กลับเข้าบ้าน”

“นี่คุณยังโมโหน้อยอยู่หรอคะ คุณไปส่องกระจกดูสิ หน้าคุณมันแทบจะม้วนรวมกันแล้ว ฉันขอบอกอะไรคุณสักอย่างนะคะ ว่าคุณชักจะออกคำสั่งกับฉันเยอะไปแล้ว ฉันจำได้ว่าตั้งแต่ฉันเจอหน้าคุณจนถึงตอนนี้คุณออกคำสั่งกับฉันนับครั้งไม่ถ้วน พูดจาไม่สุภาพ ใช้กำลังข่มขู่กรรโชก คุณทำตัวเสียมารยาทกับฉันเยอะมาก ทั้งที่ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืนฉันก็ขอโทษไปแล้ว แต่คุณก็ยังทำตัวใจแคบ สรุปเลยนะคะ ฉันไม่ง้อที่จะอยู่ต่อสักนิด แต่คุณมาตามฉันเอง ถ้าคุณอยากให้ฉันกลับเข้าไป คุณควรจะขอโทษแล้วพูดดี ๆ กับฉัน ไม่ใช่ออกคำสั่งแบบที่คุณกำลังทำอยู่ ทำเป็นไหมคะ ขอโทษน่ะ หรือครูไม่เคยสอนกันคะ คำว่าขอโทษ” ปารณีย์เองก็พยายามนับหนึ่งถึงสิบ ทั้งที่ปกติเธอเก็บอารมณ์เก่งมาก แต่กลับผู้ชายตาดุ หน้าตาเหมือนโจรป่าผสมหมีขี้โมโหคนนี้ทำให้เธอแทบอยากจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด

“จำเป็นหรอ” ใบหน้าคมคร้ามมองปารณีย์อย่างไร้สำนึก ปารณีย์เจอคำที่สวนกลับมาได้แต่อ้าปากค้าง และเมื่อรวบรวมสติกลับมาได้

“พี่เพชร ปาไปนะคะ ปาคิดว่าถ้าปายังยืนอยู่ตรงนี้อีกเสี้ยววินาทีเดียว ปาต้องได้จัดการใครสักคนแน่ ๆ”

“คุณ หยุดก่อนสิ คุณ” ปารณีย์หันหลังเดินหนี โดยไม่ฟังเสียงเรียกของภูธเนศเลยสักนิด ภูวดลมองน้องชายที่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามปารณีย์ไป รอยยิ้มปรากฏขึ้น ก่อนจะนึกบางอย่างได้

“เดี๋ยวปา พี่ขอคุยด้วยสักห้านาทีได้ไหม” ปารณีย์หยุดชะงักตามเสียงของภูวดลและหันกลับไป ซึ่งเธอเองก็เดินไปได้ไม่ไกลจากรถมา เพราะภูธเนศที่ตามเธอไปปล่อยคว้าตัวเธอไว้ก่อน

“ปล่อย ฉันจะไปคุยกับพี่เพชร” ภูธเนศยอมปล่อยมือจากมือของปารณีย์ ภูวดลเดินเข้าไปจูงมือปารณีย์ให้ออกห่างจากภูธเนศมาเล็กน้อย

“มีอะไรคะพี่เพชร ปายืนยันนะคะปาไม่อยู่ ปาพยายามทำตัวให้มีสติมีเหตุผล แต่เขาก็กลับทำตัวเป็นเด็ก ผู้ชายอะไร พูดจาไม่เพราะ นิสัยไม่ดี ไร้ความเป็นสุภาพบุรุษ ตั้งแต่เกิดมาปาไม่เคยเจอใครเลวร้ายเท่านี้มาก่อน ทำตัวเป็นหมีขี้โมโห น่าหงุดหงิดชะมัด คงคิดว่าข้าเก่ง ข้าใหญ่ ข้าจะทำอะไรก็ได้” ปารณีย์มองภูวดลที่กำลังยิ้มใส่เธออยู่

“พี่ก็ไม่เคยเจอปาในลุคนี้เหมือนกัน ปกติปาจะไม่ขี้บ่นขนาดนี้ แถมไม่เก็บเอาเรื่องของคนอื่นมาใส่ใจแบบนี้ แต่นี่มันชักแปลกแล้วนะ” ปารณีย์นิ่งไป ก็จริงเธอไม่เคยรู้สึกเดือดแบบนี้มาก่อน เพราะเธอไม่เคยเจอผู้ชายอย่างภูธเนศไง

“ตกลงพี่เพชรจะพูดเรื่องอะไรคะ ถ้าพูดเรื่องนี้ปาจะไปแล้วนะ”

“ปาคิดว่าสภาพจิตใจอย่างนี้ปาจะกลับไปได้จริง ๆ หรอ แล้วตอนอยู่ในห้องอาหารปาเห็นไหมว่าน้องดาเขามองแต่ปา เขาดูจะชอบปามากนะ พี่ขอร้องนะปา น้องดาตอนนี้น่าสงสาร และน่าเป็นห่วงมาก พวกเราหมดหนทางแล้วจริง ๆ ปา พวกพี่สงสารน้องดา แพรบอกว่าปาอาจเป็นคนเดียวที่จะช่วยให้น้องดาคนเดิมกลับมา”

“พี่เพชรรู้เรื่องนี้ด้วยหรอคะ”

“แพรโทรมาบอก และแพรฝากมาบอกอีกว่า ถ้าปาช่วยน้องดาให้น้องดากลับมาสดใสเหมือนเดิมได้ แพรจะไม่ห้ามปาเรื่องลาออกอีก แต่ถ้าปาตัดสินใจหันหลังกลับตั้งแต่ตอนนี้ แพรจะไม่เซ็นอนุมัติใบลาออกให้ แพรจะเข้าไปหาแม่ปาและขอร้องแม่ปาเองด้วย ทีนี้ดูสิว่าปาจะได้ลาออกไหม”

“ได้ไงคะ ไหนว่าจะไม่บังคับอะไรปา ทำไมจบลงที่การบังคับได้”

“นั่นพี่ก็ไม่รู้ ปาน่าจะรู้ว่าแพรน่ะคนจริงขนาดไหน ถ้าแพรเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่ปา รับรองปาไม่ได้ออกอย่างที่คิดแน่ ทางที่ดีอยู่พักผ่อนที่นี่สักพัก ช่วยดูน้องดาสักพัก แล้วพี่จะคุยกับแพรให้อีกที พี่เองก็อยากให้ปาได้พักผ่อน รู้ไหมว่าหน้าตาเราทั้งเครียด ทั้งเศร้า ทั้งหมองแค่ไหน และถ้าเรายอมกลับไปง่าย ๆ เลย ปาจะแพ้ไอ้ภูมันนะ ไอ้ภูมันเองก็อยากไล่ปาอยู่แล้ว ถ้ายอมกลับง่าย ๆ ปาไม่กลัวโดนหัวเราะเยอะหรอ ปกติปาไม่ใช่คนยอมอะไรง่าย ๆ ตาต่อตาฟันต่อฟันไม่ใช่หรอ”

"เอ่อ..."

"ถ้าปาไม่เห็นแกน้องดาก็น่าจะคิดสิว่าปาไม่เคยยอมแพ้ให้ใครเลยนะ ปาจะยอมกลับไป ให้ไอ้ภูมันหัวเราะหรอว่าปาทำได้แค่นี้" ภูวดลพยายามกล่อมให้ปารณีย์คล้อยตาม ปารณีย์เริ่มลังเลใจ ใช่ ผู้ชายคนนั้นแสดงชัดว่าไม่ชอบหน้า ต่อให้เธอทำตัวดีแค่ไหนเขาก็คงพาลหาเรื่องเธออยู่ดี และตอนนี้เขาเองก็พยายามไล่เธอ ถ้าเธอยอมทำตามกลับไปง่าย ๆ ก็เหมือนโยนผ้าขาวยอมแพ้ แต่ถ้าเธอรั้นอยู่ต่อ เขานั่นแหละจะกระสับกระส่ายไม่มีความสุข ตอนนี้กรุงเทพไม่มีอะไรให้เธอห่วงหา ไม่มีอะไรให้เธอต้องทำอีกแล้ว พักที่นี่สักเดือนสองเดือน เมื่อเธอพร้อมยืนหยัดอย่างเข้มแข็งค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย และถ้าอีกสองเดือนเธอช่วยน้องดาได้จริง ๆ มันก็ดีไม่ใช่หรอ ดวงตากลมโตดวงเล็กของน้องดาดูน่าสงสาร ราวกับมีเรื่องในใจอะไรอยู่ ถ้าเธอช่วยได้จริง ๆ บางทีเธออาจจะเข้าใจอะไรบางอย่างมากขึ้น เข้าใจตัวเองมากขึ้นก็ได้ และอาจจะช่วยทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นผู้ให้ และยอมให้อภัยใครคนหนึ่งในความทรงจำของเธอในวันหนึ่ง ไม่ต้องทุกข์ใจอยู่แบบนี้อีก

“ก็ได้ค่ะ ปาจะอยู่ต่อค่ะ ไม่ใช่เพราะแค่คำยุแยง แต่ปาอยากช่วยน้องดาหรอกนะคะ”


....ติดตามตอนต่อไป...



เงียบเหงาหาวตาม ความโหดของคุณภูยังไม่หมดแต่เพียงเท่านี้แน่นอน
ก็ต้องรอดูกันว่าคุณภูจะใจร้ายได้มากแค่ไหน แล้วปารณีย์จะสู้ได้แค่ไหนกัน

วันนี้ไม่มีอะไรจะพูดเยอะ ติดธุระด่วนมาก ๆ ว่าจะมาลงตอนเย็นกลัวมาไม่ทัน
ก็ขอฝากปริศนาในรอยรัก ช่วยกันติดตามเป็นกำลังใจ
และฝากคอมเม้นส์ด้วยนะคะ
พบกันตอนหน้าค่ะ



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ธ.ค. 2557, 10:35:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ธ.ค. 2557, 10:35:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 973





<< ตอนที่ 3 ไร่ภูปลายฟ้า   ตอนที่ 5 คนเห็นผี >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account