ห่างไกลเหลือเกิน
ภาคภูมิและจริงใจ สองเพื่อนรักที่กลายมาเป็นคนรักกันในที่สุด
จะเป็นอย่างไร เมื่อจริงใจอยากได้เพื่อนรักของเธอกลับคืน
พบกับความรักของคนสองคนที่แม้จะอยู่ใกล้กัน แต่ก็เหมือนไกลออกไปทุกที
ห่างไกลเหลือเกิน
จะเป็นอย่างไร เมื่อจริงใจอยากได้เพื่อนรักของเธอกลับคืน
พบกับความรักของคนสองคนที่แม้จะอยู่ใกล้กัน แต่ก็เหมือนไกลออกไปทุกที
ห่างไกลเหลือเกิน
Tags: เพื่อนสนิท เพื่อนรัก รัก
ตอน: ตอนที่ 3
ผม ... คิดถึงบ้านมากครับ
คิดถึงเมืองไทย... คิดถึงบ้านสวนของป้า, คิดถึงไอนนท์ เพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุด, คิดถึงผัดสะตอหมูสับของป้าติ๋ม, คิดถึงต้นไม้ของคุณลุง, คิดถึงน้องชายตัวแสบ...ไอชัดเจน, คิดถึงเจ้าดำ หมาตัวน้อยที่เลี้ยงมานาน, คิดถึงข้าวราดแกงหน้าปากซอย, คิดถึงพี่เทพ, คิดถึงส้มตำหลังมหาวิทยาลัย, คิดถึงก๊วยเตี๋ยวไก่มะระหน้าคอนโด ... คิดถึงนั่นคิดถึงนี่มากมาย
และที่สำคัญที่สุด ... ผมคิดถึงจริงใจมากครับ คิดถึงเพื่อนที่ดีที่สุดของผม
ผมจากเมืองไทยมา จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็เกือบสองปีเห็นจะได้ ... ตอนนี้ผม 25 ย่าง เข้า 26 แล้ว โตมากพอที่จะทำให้ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่นี่แซวได้ว่าผมควรหาเมียแหม่มสักคนเอาไว้ดูแลยามเหงา
แต่เห็นผมอย่างนี้... ผมก็เคยมีเมียมาก่อนนะครับ
คนเดียวกับเพื่อนสนิทผมนั่นแหละ ..จริงใจ.. คนแรกของผมเลย
หลังจากที่เราหย่ากัน ผมก็เก็บกระเป๋าแพ๊คของ มุ่งหน้ามานิวยอร์ก ตอบสนองความหวังดีของเธอ ด้วยการทำงานหนัก ชนิดอย่างที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน 1 ปี มี 365 วัน 1 วัน มี 24 ชั่วโมง ผมตั้งใจเอาไว้จริงๆว่าผมจะทำงานมันทุกวัน ไม่มีวันหยุดพัก ทำงานมันตลอดเวลา ทำงานให้หนักเข้าไว้ ทำเพื่อที่จะได้ลืม!!!
ลืมมันไปเสียที ... ลืมผู้หญิงที่ผลักไสให้ผมมาที่นี่
...
แต่เอาเข้าจริงๆผมก็ทำไม่ได้หรอกครับ ... แค่สี่เดือนแรก ร่างกายผมก็พังพินาศแล้ว
สี่เดือนแรกที่ทำงานหนักเจียนตาย คือ สี่เดือนแรกในชีวิต ที่ขาดการติดต่ออย่างแท้จริง
นับตั้งแต่รู้จักกับเธอมา 10 ปี ไม่มีวันไหนที่ผมและเธอไม่ได้คุยกัน หากไม่เจอหน้ากัน อย่างน้อยๆก็ต้องโทรศัพท์ หรือส่งข้อความเล็กๆน้อยๆหากันบ้าง แต่สี่เดือนนั้น เป็นสี่เดือนที่ผิดแปลกออกไป
จากนิวยอร์ก ถึง กรุงเทพ ระยะทางกว่า 16,712 กิโลเมตร ก็นับว่าไกลกันมากพอดู
แต่มันคงไม่ไกลมากเกินไปกว่าใจของผมกับจริงใจ
ผมขาดการติดต่อ
ใช่ … ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมเป็นฝ่ายขาดการติดต่อไปเลย ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบกลับอีเมล ไม่เปิดจดหมายอ่าน
ไม่!!! … แม้แต่จะคิดถึง
แต่คนรักมากกว่า ย่อมอ่อนแอกว่า ป้าผมบอกเสมอ…
และมันก็จริง … ในที่สุดผมก็แพ้
หลังจากที่นอนสลบสไลไปสามวันเต็มๆ เสียงเคาะประตูก็ปลุกผมขึ้นมา พี่อำนวยมาดูอาการผมเช่นเดิมทุกวัน ต่างกันตรงที่ วันนี้เขามีพัสดุกล่องไม่ใหญ่มากแนบมาด้วยกล่องหนึ่ง
พี่อำนวยเป็นผู้จัดการร้านอาหาร Thai Taste ร้านอาหารไทยชื่อดังในนิวยอร์ก เขาเป็นเพื่อนกับพี่เทพ พี่ที่แนะนำ ให้ผมมาทำงานร้านอาหารไทยที่นี่ เขาจึงรู้สึกสนิทสนม และเอ็นดูผม เร็วกว่าคนอื่นๆทุกคนในร้าน
“โทษทีวะ ช้าไปหน่อย… วันนี้คนเยอะมากเลย กว่าจะปลีกตัวเอาข้าวเอาน้ำมาให้แกได้ก็เลยเที่ยงมาไกลละ” เขาบอกพร้อมกับดูนาฬิกาอย่างโทษตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับพี่ แค่นี้ก็รบกวนจะแย่ ขอบคุณมากครับ” ผมตอบอย่างเกรงใจ
“ไง.. ดีขึ้นมั้ย” พี่อำนวยกล่าวยิ้มๆ เมื่อเห็นหน้าตาผมดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก ผมที่พึ่งหายไข้ ก็ได้แต่ยิ้มรับ
“มีพัสดุมาหาแกเมื่อเช้าที่ร้านแหนะ จากเมืองไทย” เขาบอก พร้อมกับวางถุงอาหารหลายถุงลงบนโต๊ะ แล้วชูกล่องพัสดุขึ้นมาให้ดู
“พลอยฝากบอกมา .. ถ้ายังไม่หายก็ยังไม่ต้องไปทำงาน เดี๋ยวไม่หายแล้วจะยุ่ง” พี่อำนวยบอกอย่างเป็นห่วง เขาเริ่มแกะข้าวกล่องออกอย่างชำนาญ และยื่นให้ผม พลอย ลูกสาวเจ้าของร้าน ฝากความห่วงใยมาด้วยทั้งที มันทำให้ผมอึดอัด และอดรู้สึกผิดไม่ได้
“ผมดีขึ้นมากแล้วครับพี่ พรุ่งนี้ก็กะว่าจะไปทำงานเหมือนเดิม” ผมรับข้าวกล่องอย่างสุภาพ แล้วเริ่มต้นทานอย่างหิวโหย
“แกนี่มันก็ดื้อจริงๆเลยนะ … ความจริงไอเทพก็เตือนแล้วละ แต่ก็ไม่นึกว่าแกจะดื้อมากขนาดนี้ เล่นทำงานหามรุ่งหามค่ำ อยู่คนเดียว บอกให้หยุดก็ไม่หยุด บอกให้พักก็ไม่พัก นี่ถ้าไม่นอนหยอดน้ำข้าวต้ม ก็ไม่คิดจะหยุดเลยสิ” พี่อำนวยพร่ำบ่นจนผมชินแล้ว ตลอดระยะเวลาสามวันที่ป่วย พี่อำนวยพูดเรื่องนี้มาไม่ต่ำกว่าห้ารอบ
“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ พรุ่งนี้ก็กลับไปทำงานได้แล้ว งานในร้านยิ่งเยอะอยู่ ขาดพ่อครัวไปคนจะยุ่ง”
“เออ!! ยุ่ง … ยุ่งตายเลยแหละ” พี่อำนวยด่าอย่างประชดประชัน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วกินข้าวกล่องแสนเอร็ดอร่อยต่อไปอย่างหงอยๆ
“ฉันไปละ ต้องกลับไปที่ร้านต่อ แกก็พักผ่อนเยอะๆ จะได้หาย” เขาบอกอย่างเร็วๆ เมื่อเห็นเข็มนาฬิกาเลยไปเกินกว่าที่เขากำหนด
ผมพยักหน้ารับรู้ และใช้เวลาที่เหลือเดินออกไปส่งพี่อำนวย พี่ชายที่แสนดี ที่อุส่าส่งข้าวส่งน้ำมาให้ที่หน้าห้อง พร้อมกับหิ้วตัวเองกลับมาที่โต๊ะกินข้าว เพื่อจัดการกับอาหารที่เหลือต่อให้เสร็จ
แต่ข้างๆกล่องข้าวที่ถูกกินอย่างครึ่งๆกลางๆ กลับมีพัสดุขนาดกลางใบหนึ่ง ที่คอยรบกวน …
ใคร? ใครที่ถึงขนาดจะต้องส่งพัสดุมาที่ร้าน
ความจริง ก็เดาไม่ยากหรอก ผมบอกที่อยู่ที่อเมริกาให้กับคนสนิทแทบจะทุกคน ยกเว้นคนคนเดียว ….คนที่คอยรบกวนใจผมตลอดเวลา
ผมเปิดกล่องพัสดุอย่างช้าๆ กลัวว่าความพยายามที่ทำมามันจะหายไปหมด (แน่อยู่แล้วละ) ก้มมองดูในกล่องที่ถูกเปิดออกมาอย่างทะนุถนอม เพื่อสำรวจว่าในนั้นมีสิ่งใดบ้าง ... ในกล่องนั้น มีกล่องยาวสีขาว อยู่ 1 กล่อง คล้ายกล่องใส่โทรศัพท์เครื่องใหม่อยู่ แต่ว่าไม่ใช่ ข้างกล่องของมันถูกเขียนว่า Ipod touch ข้างใต้กล่องมีจดหมายฉบับหนึ่งแนบมาด้วย ผมหยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน ลายมือที่คุ้นเคยลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ข้อความถูกเขียนอย่างเร็วๆไม่ได้ปรานีตมากนัก
วิน…เพราะแกไม่แม้แต่จะบอกที่อยู่กับฉัน วิธีเดียวที่ฉันจะติดต่อกับแกได้ คือส่งพัสดุไปที่ร้าน ฉันส่ง ipod touch มาให้ เพราะฉันไม่มีปัญญาซื้อโทรศัพท์ให้แกใหม่ หวังว่าแกคงเข้าใจ ในนั้นมี application line พร้อม id ที่ฉันสมัครให้แกแล้ว ลองเปิดใช้ดู ประเคนให้ทั้งเครื่อง ทั้ง app จนถึงที่ขนาดนี้ ฉันก็หวังว่า แกจะเห็นฉันมีตัวมีตนขึ้นมาบ้างละนะ ได้โปรด… ตอบสนองต่อฉันหน่อย อย่าเอาข้ออ้างโง่ๆ ว่าไม่ว่าง ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เน็ตมาพูดให้ฉันได้ยิน เพราะ ฉันพยายามและอดทนอย่างถึงที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ได้โปรด … ได้โปรดช่วยทำให้ฉันมั่นใจ ว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ฉันเลือกเพื่อนไม่ผิด… ใจคอแกจะหายไปจากชีวิตฉัน จริงๆใช่มั้ย? ฉันโทรไปก็ไม่รับ ส่งอีเมลไปเท่าไหร่แกก็ไม่เคยส่งกลับ… สี่เดือนเลยนะเว่ย!!! สี่เดือนที่ฉัน เฝ้าพยายามหาทางติดต่อแก แต่แกไม่เคยตอบกลับฉันเลยสักครั้งเดียว… ทำไม? แกจะเลิกเป็นเพื่อนกับฉัน..? หรือว่ายังไง? ต่อให้แกจะอยากตัดขาดกับฉันจริง แกก็ควรมาพูดกับฉัน ให้รู้เรื่อง ไม่ใช่มัวแต่ทำตัวเป็นตุ๊ด หนีปัญหาอยู่อย่างนี้… บอกตรงๆ ผิดหวังวะ จะเป็นเพื่อนกันต่อหรือจะเลิก!! รีบมาเคลียร์ ฉันอยากได้ยินจากปากของแกเอง รีบทักไลน์มาเลยนะ!! อย่าช้า!! ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ๆ ฉันจะตามไปจิกแกถึงนิวยรอ์กเลย ถ้าแกยังทำตัวอย่างนี้อยู่อีก
ปล. ค่าส่งพัสดุไปที่นั่นแพงระยับ ดังนั้นอย่าเล่นตัว ไม่งั้นฉันจะให้แกคืนทั้งเงินต้นเงินดอก
จริงใจ
ผมอ่านแล้ว อ่านอีก อ่านแล้ว อ่านอีก
ก็อดยิ้มไม่ได้ ….
นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้คุยกัน ทุกบรรทัดที่ได้อ่าน มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังพูดกับผมอยู่ เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงแบบไหน ด้วยหน้าตาอย่างไร … ผมจินตนาการได้ทั้งหมด
ผมเปิด Ipod touch เครื่องใหม่เอี่ยมขึ้นมาอย่างทะนุถนอม นอกจากแหวนแต่งงานแล้ว มันเป็นของขวัญชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่จริงใจเคยให้ ดังนั้นมันจึงพิเศษ เพลงไทยหลายเพลงถูกลงไว้แล้ว เหลือก็แค่รอให้ผมเปิดฟัง เธอยังคงจำเพลงโปรดของผมได้ เพราะมันถูกลงเอาไว้หลายเพลงคละเคล้ากับเพลงโปรดของเธอ application line ได้ถูกตั้งเอาไว้เรียบร้อย ในนั้นมี list friend อยู่คนเดียวคือจริงใจ เธอทักแชทมาแล้ว 1 ข้อความ เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งเป็นหนึ่งข้อความที่ทำให้ผมแพ้อย่างหมดรูป
‘ขอโทษ’ คือข้อความสั้นๆที่ถูกส่งมา
ใช่ … คนรักมากกว่า ย่อมอ่อนแอกว่า
ลำพังของขวัญชิ้นใหม่ คงทำอะไรผมไม่ได้มาก หากมันไม่ได้พ่วงมาด้วยกับ คำง้อ (ที่ดูเหมือนไม่ได้ง้อ) เช่นนี้ นิสัยปากไม่ตรงกับใจเนี่ยแหละ .. บอกได้ชัดเจนที่สุดว่าพัสดุที่ส่งมาเป็นของจริงใจแน่นอน เธอกำลังง้อผมแน่ๆ ผมมั่นใจ
และผม… ผู้ที่อ่อนแอกว่าจึงต้องแพ้ไปตามกฏของโลก
สุดท้าย... ก็ต้องยกหูโทรศัพท์ โทรกลับไปหาเธออย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
คิดถึงเมืองไทย... คิดถึงบ้านสวนของป้า, คิดถึงไอนนท์ เพื่อนผู้ชายที่สนิทที่สุด, คิดถึงผัดสะตอหมูสับของป้าติ๋ม, คิดถึงต้นไม้ของคุณลุง, คิดถึงน้องชายตัวแสบ...ไอชัดเจน, คิดถึงเจ้าดำ หมาตัวน้อยที่เลี้ยงมานาน, คิดถึงข้าวราดแกงหน้าปากซอย, คิดถึงพี่เทพ, คิดถึงส้มตำหลังมหาวิทยาลัย, คิดถึงก๊วยเตี๋ยวไก่มะระหน้าคอนโด ... คิดถึงนั่นคิดถึงนี่มากมาย
และที่สำคัญที่สุด ... ผมคิดถึงจริงใจมากครับ คิดถึงเพื่อนที่ดีที่สุดของผม
ผมจากเมืองไทยมา จากวันนั้นถึงวันนี้ ก็เกือบสองปีเห็นจะได้ ... ตอนนี้ผม 25 ย่าง เข้า 26 แล้ว โตมากพอที่จะทำให้ พี่ๆ เพื่อนๆ ที่นี่แซวได้ว่าผมควรหาเมียแหม่มสักคนเอาไว้ดูแลยามเหงา
แต่เห็นผมอย่างนี้... ผมก็เคยมีเมียมาก่อนนะครับ
คนเดียวกับเพื่อนสนิทผมนั่นแหละ ..จริงใจ.. คนแรกของผมเลย
หลังจากที่เราหย่ากัน ผมก็เก็บกระเป๋าแพ๊คของ มุ่งหน้ามานิวยอร์ก ตอบสนองความหวังดีของเธอ ด้วยการทำงานหนัก ชนิดอย่างที่ไม่เคยทำที่ไหนมาก่อน 1 ปี มี 365 วัน 1 วัน มี 24 ชั่วโมง ผมตั้งใจเอาไว้จริงๆว่าผมจะทำงานมันทุกวัน ไม่มีวันหยุดพัก ทำงานมันตลอดเวลา ทำงานให้หนักเข้าไว้ ทำเพื่อที่จะได้ลืม!!!
ลืมมันไปเสียที ... ลืมผู้หญิงที่ผลักไสให้ผมมาที่นี่
...
แต่เอาเข้าจริงๆผมก็ทำไม่ได้หรอกครับ ... แค่สี่เดือนแรก ร่างกายผมก็พังพินาศแล้ว
สี่เดือนแรกที่ทำงานหนักเจียนตาย คือ สี่เดือนแรกในชีวิต ที่ขาดการติดต่ออย่างแท้จริง
นับตั้งแต่รู้จักกับเธอมา 10 ปี ไม่มีวันไหนที่ผมและเธอไม่ได้คุยกัน หากไม่เจอหน้ากัน อย่างน้อยๆก็ต้องโทรศัพท์ หรือส่งข้อความเล็กๆน้อยๆหากันบ้าง แต่สี่เดือนนั้น เป็นสี่เดือนที่ผิดแปลกออกไป
จากนิวยอร์ก ถึง กรุงเทพ ระยะทางกว่า 16,712 กิโลเมตร ก็นับว่าไกลกันมากพอดู
แต่มันคงไม่ไกลมากเกินไปกว่าใจของผมกับจริงใจ
ผมขาดการติดต่อ
ใช่ … ฟังไม่ผิดหรอกครับ ผมเป็นฝ่ายขาดการติดต่อไปเลย ไม่รับโทรศัพท์ ไม่ตอบกลับอีเมล ไม่เปิดจดหมายอ่าน
ไม่!!! … แม้แต่จะคิดถึง
แต่คนรักมากกว่า ย่อมอ่อนแอกว่า ป้าผมบอกเสมอ…
และมันก็จริง … ในที่สุดผมก็แพ้
หลังจากที่นอนสลบสไลไปสามวันเต็มๆ เสียงเคาะประตูก็ปลุกผมขึ้นมา พี่อำนวยมาดูอาการผมเช่นเดิมทุกวัน ต่างกันตรงที่ วันนี้เขามีพัสดุกล่องไม่ใหญ่มากแนบมาด้วยกล่องหนึ่ง
พี่อำนวยเป็นผู้จัดการร้านอาหาร Thai Taste ร้านอาหารไทยชื่อดังในนิวยอร์ก เขาเป็นเพื่อนกับพี่เทพ พี่ที่แนะนำ ให้ผมมาทำงานร้านอาหารไทยที่นี่ เขาจึงรู้สึกสนิทสนม และเอ็นดูผม เร็วกว่าคนอื่นๆทุกคนในร้าน
“โทษทีวะ ช้าไปหน่อย… วันนี้คนเยอะมากเลย กว่าจะปลีกตัวเอาข้าวเอาน้ำมาให้แกได้ก็เลยเที่ยงมาไกลละ” เขาบอกพร้อมกับดูนาฬิกาอย่างโทษตัวเอง
“ไม่เป็นไรครับพี่ แค่นี้ก็รบกวนจะแย่ ขอบคุณมากครับ” ผมตอบอย่างเกรงใจ
“ไง.. ดีขึ้นมั้ย” พี่อำนวยกล่าวยิ้มๆ เมื่อเห็นหน้าตาผมดูดีขึ้นกว่าเมื่อวานมาก ผมที่พึ่งหายไข้ ก็ได้แต่ยิ้มรับ
“มีพัสดุมาหาแกเมื่อเช้าที่ร้านแหนะ จากเมืองไทย” เขาบอก พร้อมกับวางถุงอาหารหลายถุงลงบนโต๊ะ แล้วชูกล่องพัสดุขึ้นมาให้ดู
“พลอยฝากบอกมา .. ถ้ายังไม่หายก็ยังไม่ต้องไปทำงาน เดี๋ยวไม่หายแล้วจะยุ่ง” พี่อำนวยบอกอย่างเป็นห่วง เขาเริ่มแกะข้าวกล่องออกอย่างชำนาญ และยื่นให้ผม พลอย ลูกสาวเจ้าของร้าน ฝากความห่วงใยมาด้วยทั้งที มันทำให้ผมอึดอัด และอดรู้สึกผิดไม่ได้
“ผมดีขึ้นมากแล้วครับพี่ พรุ่งนี้ก็กะว่าจะไปทำงานเหมือนเดิม” ผมรับข้าวกล่องอย่างสุภาพ แล้วเริ่มต้นทานอย่างหิวโหย
“แกนี่มันก็ดื้อจริงๆเลยนะ … ความจริงไอเทพก็เตือนแล้วละ แต่ก็ไม่นึกว่าแกจะดื้อมากขนาดนี้ เล่นทำงานหามรุ่งหามค่ำ อยู่คนเดียว บอกให้หยุดก็ไม่หยุด บอกให้พักก็ไม่พัก นี่ถ้าไม่นอนหยอดน้ำข้าวต้ม ก็ไม่คิดจะหยุดเลยสิ” พี่อำนวยพร่ำบ่นจนผมชินแล้ว ตลอดระยะเวลาสามวันที่ป่วย พี่อำนวยพูดเรื่องนี้มาไม่ต่ำกว่าห้ารอบ
“ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ พรุ่งนี้ก็กลับไปทำงานได้แล้ว งานในร้านยิ่งเยอะอยู่ ขาดพ่อครัวไปคนจะยุ่ง”
“เออ!! ยุ่ง … ยุ่งตายเลยแหละ” พี่อำนวยด่าอย่างประชดประชัน ผมได้แต่ยิ้มแห้งๆ แล้วกินข้าวกล่องแสนเอร็ดอร่อยต่อไปอย่างหงอยๆ
“ฉันไปละ ต้องกลับไปที่ร้านต่อ แกก็พักผ่อนเยอะๆ จะได้หาย” เขาบอกอย่างเร็วๆ เมื่อเห็นเข็มนาฬิกาเลยไปเกินกว่าที่เขากำหนด
ผมพยักหน้ารับรู้ และใช้เวลาที่เหลือเดินออกไปส่งพี่อำนวย พี่ชายที่แสนดี ที่อุส่าส่งข้าวส่งน้ำมาให้ที่หน้าห้อง พร้อมกับหิ้วตัวเองกลับมาที่โต๊ะกินข้าว เพื่อจัดการกับอาหารที่เหลือต่อให้เสร็จ
แต่ข้างๆกล่องข้าวที่ถูกกินอย่างครึ่งๆกลางๆ กลับมีพัสดุขนาดกลางใบหนึ่ง ที่คอยรบกวน …
ใคร? ใครที่ถึงขนาดจะต้องส่งพัสดุมาที่ร้าน
ความจริง ก็เดาไม่ยากหรอก ผมบอกที่อยู่ที่อเมริกาให้กับคนสนิทแทบจะทุกคน ยกเว้นคนคนเดียว ….คนที่คอยรบกวนใจผมตลอดเวลา
ผมเปิดกล่องพัสดุอย่างช้าๆ กลัวว่าความพยายามที่ทำมามันจะหายไปหมด (แน่อยู่แล้วละ) ก้มมองดูในกล่องที่ถูกเปิดออกมาอย่างทะนุถนอม เพื่อสำรวจว่าในนั้นมีสิ่งใดบ้าง ... ในกล่องนั้น มีกล่องยาวสีขาว อยู่ 1 กล่อง คล้ายกล่องใส่โทรศัพท์เครื่องใหม่อยู่ แต่ว่าไม่ใช่ ข้างกล่องของมันถูกเขียนว่า Ipod touch ข้างใต้กล่องมีจดหมายฉบับหนึ่งแนบมาด้วย ผมหยิบจดหมายขึ้นมาเปิดอ่าน ลายมือที่คุ้นเคยลอยเด่นอยู่ตรงหน้า ข้อความถูกเขียนอย่างเร็วๆไม่ได้ปรานีตมากนัก
วิน…เพราะแกไม่แม้แต่จะบอกที่อยู่กับฉัน วิธีเดียวที่ฉันจะติดต่อกับแกได้ คือส่งพัสดุไปที่ร้าน ฉันส่ง ipod touch มาให้ เพราะฉันไม่มีปัญญาซื้อโทรศัพท์ให้แกใหม่ หวังว่าแกคงเข้าใจ ในนั้นมี application line พร้อม id ที่ฉันสมัครให้แกแล้ว ลองเปิดใช้ดู ประเคนให้ทั้งเครื่อง ทั้ง app จนถึงที่ขนาดนี้ ฉันก็หวังว่า แกจะเห็นฉันมีตัวมีตนขึ้นมาบ้างละนะ ได้โปรด… ตอบสนองต่อฉันหน่อย อย่าเอาข้ออ้างโง่ๆ ว่าไม่ว่าง ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เน็ตมาพูดให้ฉันได้ยิน เพราะ ฉันพยายามและอดทนอย่างถึงที่สุดแล้ว อย่างน้อยก็ได้โปรด … ได้โปรดช่วยทำให้ฉันมั่นใจ ว่าตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ฉันเลือกเพื่อนไม่ผิด… ใจคอแกจะหายไปจากชีวิตฉัน จริงๆใช่มั้ย? ฉันโทรไปก็ไม่รับ ส่งอีเมลไปเท่าไหร่แกก็ไม่เคยส่งกลับ… สี่เดือนเลยนะเว่ย!!! สี่เดือนที่ฉัน เฝ้าพยายามหาทางติดต่อแก แต่แกไม่เคยตอบกลับฉันเลยสักครั้งเดียว… ทำไม? แกจะเลิกเป็นเพื่อนกับฉัน..? หรือว่ายังไง? ต่อให้แกจะอยากตัดขาดกับฉันจริง แกก็ควรมาพูดกับฉัน ให้รู้เรื่อง ไม่ใช่มัวแต่ทำตัวเป็นตุ๊ด หนีปัญหาอยู่อย่างนี้… บอกตรงๆ ผิดหวังวะ จะเป็นเพื่อนกันต่อหรือจะเลิก!! รีบมาเคลียร์ ฉันอยากได้ยินจากปากของแกเอง รีบทักไลน์มาเลยนะ!! อย่าช้า!! ไม่งั้นเป็นเรื่องแน่ๆ ฉันจะตามไปจิกแกถึงนิวยรอ์กเลย ถ้าแกยังทำตัวอย่างนี้อยู่อีก
ปล. ค่าส่งพัสดุไปที่นั่นแพงระยับ ดังนั้นอย่าเล่นตัว ไม่งั้นฉันจะให้แกคืนทั้งเงินต้นเงินดอก
จริงใจ
ผมอ่านแล้ว อ่านอีก อ่านแล้ว อ่านอีก
ก็อดยิ้มไม่ได้ ….
นานเท่าไหร่แล้วที่เราไม่ได้คุยกัน ทุกบรรทัดที่ได้อ่าน มันทำให้รู้สึกเหมือนกับว่าเธอกำลังพูดกับผมอยู่ เธอจะพูดด้วยน้ำเสียงแบบไหน ด้วยหน้าตาอย่างไร … ผมจินตนาการได้ทั้งหมด
ผมเปิด Ipod touch เครื่องใหม่เอี่ยมขึ้นมาอย่างทะนุถนอม นอกจากแหวนแต่งงานแล้ว มันเป็นของขวัญชิ้นแรกและชิ้นเดียวที่จริงใจเคยให้ ดังนั้นมันจึงพิเศษ เพลงไทยหลายเพลงถูกลงไว้แล้ว เหลือก็แค่รอให้ผมเปิดฟัง เธอยังคงจำเพลงโปรดของผมได้ เพราะมันถูกลงเอาไว้หลายเพลงคละเคล้ากับเพลงโปรดของเธอ application line ได้ถูกตั้งเอาไว้เรียบร้อย ในนั้นมี list friend อยู่คนเดียวคือจริงใจ เธอทักแชทมาแล้ว 1 ข้อความ เมื่อหลายวันก่อน ซึ่งเป็นหนึ่งข้อความที่ทำให้ผมแพ้อย่างหมดรูป
‘ขอโทษ’ คือข้อความสั้นๆที่ถูกส่งมา
ใช่ … คนรักมากกว่า ย่อมอ่อนแอกว่า
ลำพังของขวัญชิ้นใหม่ คงทำอะไรผมไม่ได้มาก หากมันไม่ได้พ่วงมาด้วยกับ คำง้อ (ที่ดูเหมือนไม่ได้ง้อ) เช่นนี้ นิสัยปากไม่ตรงกับใจเนี่ยแหละ .. บอกได้ชัดเจนที่สุดว่าพัสดุที่ส่งมาเป็นของจริงใจแน่นอน เธอกำลังง้อผมแน่ๆ ผมมั่นใจ
และผม… ผู้ที่อ่อนแอกว่าจึงต้องแพ้ไปตามกฏของโลก
สุดท้าย... ก็ต้องยกหูโทรศัพท์ โทรกลับไปหาเธออย่างช่วยไม่ได้จริงๆ
แว่นกระดาษ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ธ.ค. 2557, 16:34:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ม.ค. 2558, 22:38:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1221
<< ตอนที่ 2 | ตอนที่ 4 >> |