จุมพิตนิทรา
"หากได้พบเธอแค่เพียงในฝัน ฉันก็ปรารถนาจะหลับใหลไปชั่วกาล"

นราภัทร วิศวกรคอมพิวเตอร์สาวมั่นที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
แต่หลังจากไปไหว้พระตรีมูรติ เธอก็ได้พบกับคนที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ
"เขา" ทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอหัวเราะ ทำให้เธอมีความสุขได้
แต่ "เขา" อยู่แต่ในความฝันของเธอเท่านั้น
นราภัทรแค่ฝันไป? หรือ เขาคือเนื้อคู่ที่สวรรค์ประทานลงในให้?

Tags: โรแมนติก,ดราม่า,ความฝัน,รักในฝัน

ตอน: บทที่ 3/2

นราภัทรตาพร่าไปชั่วขณะเมื่อเขาหันมายิ้มให้

ภาพวาดขนาดใหญ่รูปยูนิคอร์นสีขาวนวลอันงามสง่าในท่วงท่ายกสองขาหน้าขึ้นเหมือนจะเผ่นโผนโจนทะยานออกมา ท่ามกลางทะเลเมฆที่ไล่สีฟ้าอ่อนเข้มสร้างมิติจนดูราวกับเมฆจริงที่ลอยอยู่บนฟากฟ้า แสงสีทองซึ่งอาบไล้อยู่ริมขอบเมฆชวนให้คิดถึงสรวงสวรรค์อันเป็นที่อยู่ของเหล่าเทพเทวาทั้งหลาย

...และชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าภาพก็คล้ายกับทูตสวรรค์ที่หลุดออกมาจากภาพวาดไม่มีผิด

ชั่ววินาทีนั้นนราภัทรอยากเปลี่ยนดวงตาตัวเองเป็นกล้องแล้วกดชัตเตอร์เก็บช่วงเวลานี้เอาไว้ที่สุด เธอเชื่อแน่ว่ารูปนี้จะต้องเป็นหนึ่งในรูปที่สวยที่สุดที่เธอเคยเห็นมาแน่นอน!

ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสีขาวคอวีพอดีตัว นุ่งกางเกงยีนสีน้ำเงินเข้ม รวบผมครึ่งศีรษะ เปล่งออร่าเพลย์บอยนิดๆ จนหญิงสาวแอบหมั่นไส้เล็กๆ

ครั้นรู้สึกตัวว่าอีกฝ่ายจ้องกลับมาที่เธอเช่นกัน ไม่รู้ทำไมนราภัทรถึงเกิดความประหม่าแปลกๆ ยิ่งเห็นว่าตัวเองสวมเสื้อเชิ้ตสำหรับไปทำงาน เธอก็แทบอยากจะหยิบกระจกขึ้นมาดูว่าตัวเองโทรมแค่ไหน ปกติเธอแต่งหน้าบางๆ แค่ทารองพื้นกับลิปมันเท่านั้น แต่พอมาอยู่ต่อหน้าเขากลับรู้สึกว่าเธอควรสวมชุดที่ดูดีกว่านี้ และแต่งหน้าให้มากกว่านี้ หญิงสาวรู้ดีว่าเธอสวยได้อีกหากเปลี่ยนชุดใหม่และแต่งหน้าเพิ่ม

เธอก็จะดูดีต่อหน้าเขาได้

“ดีใจที่ได้เจอหน้าผมจนสลบไปแล้วเหรอเนี่ย” คนตรงหน้าโบกมือไปมา ทำให้นราภัทรได้สติว่าเพ้อไปไกล จนไม่รู้ว่าเขาเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าเธอตอนไหน

“คะ? เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะคะ” หญิงสาวถามกลับเพราะไม่ทันฟังว่าชายหนุ่มพูดอะไร

“ผมพูดว่าดีใจที่ได้เจอหน้าผมจนสลบไปแล้วเหรอเนี่ย”

“ใครไปดีใจกัน” นราภัทรปฏิเสธเสียงหลงทันที

“ก็เมื่อกี้คุณยิ้มให้ผมนี่นา”

หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก ไม่รู้ตัวเลยว่าเธอยิ้มให้เขา แต่ยังไงนราภัทรก็ไม่ยอมรับสิ่งที่เขาพูดมาเด็ดขาด “คุณตาฝาดไปเอง ฉันไม่ได้ยิ้ม”

“โอเค ผมตาฝาดก็ได้ แต่ผมดีใจนะที่ได้พบกับคุณอีก” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานมาให้ตบท้าย

“บอกทำไม ฉันไม่ได้อยากรู้เสียหน่อย” มุมปากของคนไม่อยากรู้ยกขึ้นนิดๆ อย่างห้ามไม่อยู่

“งั้นถือว่าผมพูดคนเดียวแล้วกัน ว่าแต่...เจอกันอีกแล้วนะ ผมว่ามันต้องเป็นพรหมลิขิตแน่เลย”

“น้ำเน่า! นี่มันก็แค่เรื่องบังเอิญเท่านั้นแหละ” นราภัทรดับอารมณ์โรแมนติกของอีกฝ่ายทันควัน

“คุณจะบังเอิญฝันถึงคนคนนึงถึงสามครั้งเชียวเหรอ” ชายหนุ่มไม่เห็นด้วยจนต้องท้วงออกมา

หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ ด้วยความประหลาดใจ

“คุณก็รู้ตัวว่านี่เป็นความฝันงั้นเหรอ ฉันนึกว่าตัวเองฝันไปคนเดียวเสียอีก”

“ตอนแรกผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เจอคุณครั้งแรกก็คิดว่าก็แค่ฝันไป พอเจอคุณครั้งที่สองผมก็คิดว่าอาจจะบังเอิญก็ได้ บางทีผมอาจจะคิดถึงคุณมากเกินไปก็เลยฝันถึงคุณซ้ำ พอเจอกันหนนี้ผมว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแล้วละ”

ชายหนุ่มพูดคำว่า ‘คิดถึง’ ออกมาได้อย่างไหลลื่นไม่ติดขัด ทำให้นราภัทรใจเต้นตึกตักจนต้องรีบตำหนิตัวเองที่มีอาการเหมือนผู้หญิงที่ไม่เคยถูกผู้ชายจีบ พอเจอเขาหยอดเข้านิดๆ หน่อยๆ ก็พานหวั่นไหวเอาง่ายๆ เคลิบเคลิ้มไปกับคำพูดของเขาที่ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ

จะว่าไปแล้ว ‘เขา’ มีตัวตนจริงหรือเปล่านะ

นราภัทรยืนมองเขานิ่งอย่างใคร่ครวญ เธอไม่เคยพิจารณาผู้ชายคนนี้อย่างถี่ถ้วน ส่วนใหญ่เธอก็มักคิดถึงเขาในแง่ผู้ชายในความฝันและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ไม่เคยวิเคราะห์ลงลึกว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ต่อหน้าเธอคนนี้...เป็นอะไรกันแน่ เป็นคนมีตัวตนจริงๆ หรือว่าอาจจะเป็นสิ่งที่สมองเธอสร้างขึ้นมาในยามหลับฝัน

“คุณก็สงสัยสินะว่าผมมีตัวตนจริงไหม”

นราภัทรสะดุ้งนิดๆ ไม่คิดว่าเขาจะรู้ความคิดในใจของเธอ “คุณรู้ได้ยังไง”

“ก็สีหน้าคุณบอกหมด ดูสิหน้านิ่ว คิ้วผูกเป็นโบเชียว เป็นใครก็เดาได้ทั้งนั้นแหละว่าคุณคิดอะไรอยู่”

หญิงสาวยกสองมือขึ้นแตะแก้ม รู้สึกไม่ยุติธรรมอยู่บ้าง ทำไมเธอมองคนตรงหน้าแล้วไม่เห็นรู้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่

“คุณหงุดหงิดที่ไม่รู้ความคิดของผมบ้างใช่ไหม ตอนนี้ผมก็คิดแบบเดียวกับคุณนั่นแหละ คุณเป็นคนจริงๆ หรือเปล่า หรือว่า...เป็นวิญญาณผีสาวที่มาหลงรักผม อยากได้ผมไปอยู่ด้วย” ชายหนุ่มแสร้งกอดไหล่ตัวเองเหมือนกลัวเธอนักหนา

“ทำไมฉันต้องหลงรักคุณด้วย ตลกแล้ว แล้วถ้าฉันเป็นวิญญาณจริง ฉันไปหาคุณถึงบ้านแล้วหักคอคุณเอามาอยู่เป็นเพื่อนเลยไม่ดีกว่าเหรอ จะมาเข้าฝันหลายรอบทำไม” นราภัทรชักสีหน้าใส่ ผู้ชายตรงหน้าเธอนี่ช่างหลงตัวเองจริงๆ

“คุณต้องการอะไรบอกผมมาเถอะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะไปใส่บาตรให้ หรือต้องการสังฆทานก็ได้นะ ผมว่างพอจะไปวัดได้ หรือว่าคุณต้องการแค่ชีวิตผมเท่านั้น โอ้ ไม่นะ ผมยังไม่มีแฟนเลย ผมยังตายไม่ได้”

แค่ฟังน้ำเสียงก็รู้แล้วว่าเขาล้อเล่น แต่ท่าทางส่ายศีรษะไปมาแล้วทำหวาดกลัวตัวสั่นนั่น นราภัทรเห็นแล้วคันไม้คันมือ อยากแจกขนมตุ้บตั้บให้เขากินมาก ข้อหาที่สำออยเกินพอดี

“นี่! ฉันไม่ใช่ผีนะ เดี๋ยวปั๊ดจับหักคอจริงๆ เลย”

“แน่ะ นี่คุณคิดจะหักคอผมจริงๆ สินะ โหดเกินไปแล้ว” ชายหนุ่มจับใจความเฉพาะที่ต้องการเอามาพูดต่อ

นราภัทรฟังแล้วมันเขี้ยว อยากบีบคอคนตรงหน้านัก จึงยื่นสองแขนไปข้างหน้า จับเข้าที่คอของเขาอย่างลืมคิดเรื่องความใกล้ชิดสนิทสนม “จัดให้! ตามคำขอ คุณตายในฝัน ฉันคงไม่ถูกตำรวจจับใช่ไหม”

ชายหนุ่มเบิกตากว้างอย่างคิดไม่ถึง แต่สักพักก็เปลี่ยนมาทำตาเศร้าโอดครวญว่า “หักคอผมลงจริงๆ เหรอ”

“ลงสิ ก็คุณว่าฉันอยากหักคอคุณนี่นา ฉันเป็นผู้หญิงโหดร้าย แค่หักคอผู้ชายทำได้อยู่แล้ว” ผู้หญิงใจร้ายแกล้งออกแรงกดที่คอเป็นการขู่เขา

จู่ๆ ระยะห่างระหว่างนราภัทรกับผู้ชายตรงหน้าก็หดสั้นลงจนกลายเป็นเกือบแนบสนิท เพราะเขารวบเอวของเธอเข้าหาตัว มือที่จับคอแกร่งไว้หลวมๆ เลื่อนลงมากั้นกลางระหว่างเธอกับเขา ชายหนุ่มก้มลงทาบหน้าผากเขากับหน้าผากของเธอ นราภัทรชะงักไป ทำอะไรไม่ถูก ภาพบางอย่างผุดขึ้นในสมอง เลือนรางเหมือนอยู่ในม่านหมอกหนาทึบและแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น แต่เธอเห็นภาพเหมือนตัวเองอ้าแขนโอบกอดใครสักคนเอาไว้แนบแน่น

เพราะสิ่งที่เห็นนั่นเอง นราภัทรจึงอยู่นิ่งๆ เหมือนเช่นที่ชายหนุ่มตรงหน้าก็นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง...

เมื่อเขาขยับศีรษะออกห่าง เห็นนราภัทรนิ่งไป ชายหนุ่มจึงแกล้งเย้าว่า

“บางทีผมก็คิดว่าคุณต้องเคยอ่าน ฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ แน่เลย พฤติกรรมเมื่อกี้ดูจะชอบทำร้ายคนอื่นอยู่เหมือนกันนะ”

“เพราะคุณชอบยั่วโมโหฉันเอง” หญิงสาวที่กำลังสับสนพูดเสียงเขียว เริ่มรู้สึกว่าใกล้ชิดกันเกินพอดี แถมฝ่ายเริ่มก่อนดันเป็นเธอเสียนี่ เหมือนคนผิดจะเป็นเธอมากกว่า จะอ้าปากด่าก็กลัวถูกสาวถึงว่าเป็นตัวต้นเหตุ เลยได้แต่ส่งสายตาดุๆ ไปบอกเขาเป็นนัยให้ปล่อยมือจากเธอเสียที

“จุดเดือดต่ำเกินไปแล้ว เจ้าอารมณ์จังเลย” เขาว่าขณะปล่อยมือจากเอวอ้อนแอ้น แล้วถอยออกห่างมาอยู่ในระยะปลอดภัย

“บอกไว้ก่อนนะว่าฉันต่อยมวยเป็น ถ้าคุณเข้ามาใกล้สุ่มสี่สุ่มห้าถูกเตะตับแตกไม่รู้ด้วย” เธอขู่ฟ่อทันที แต่ไม่แน่ใจเลยว่าถ้าถูกเขาประชิดตัวอีกหน เธอจะเตะเขาได้ไหม

“แปลว่าถ้าเป็นคุณเข้ามาใกล้ผมเองแบบเมื่อกี้ ผมก็ไม่ถูกเตะใช่ไหม”

ดวงหน้าหญิงสาวแดงระเรื่อและร้อนผ่าวนิดๆ ก่อนตวัดสายตาค้อนใส่เขา “ถ้าคุณทำฉันโมโหอีก ฉันอัดคุณเข้าข้างกำแพงแน่”
“คุณไม่โกหกผมแน่นะ...”

เขายังพูดไม่ทันจบประโยค นราภัทรก็ชิงตอบรับขึ้นมาเสียก่อน เพราะคิดว่าชายตรงหน้าหาว่าเธอไม่กล้าอัดเขาติดกำแพง
“แน่นอน”

“ที่บอกไม่ได้อ่าน ฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ น่ะ”

พอเขาเอ่ยจบประโยคท้าย นราภัทรก็รู้ตัวว่าถูกเขาแหย่เล่นอีกแล้ว

“คุณนี่อยากถูกซ้อมนักใช่ไหม” หญิงสาวผู้ร้างราจากการชกมวยมานานขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน อยากได้ผู้ชายตรงหน้าเป็นกระสอบทรายติดหมัด สบตาเขาอย่างแน่วแน่เป็นที่สุด

“เอาละ ถ้าเตะคุณในฝัน ฉันก็ไม่ต้องจ่ายค่าปรับสินะ”

“แค่แหย่นิดแหย่หน่อย คุณก็จะเตะผมแล้วเหรอ” เขาตัดพ้อต่อว่า

“อื้อ เพราะฉันเป็นคนใจร้าย เจ้าอารมณ์ด้วย”

เสียงหักนิ้วดังกร๊อบๆ ชวนให้คนฟังหวาดผวา

แล้วชายหนุ่มก็ทำเรื่องที่ไม่เข้ากับตัวสักนิด ยังผลให้นราภัทรหลุดขำออกมา

“คืนดีกันนะ...อย่าอัดผมเลย” เขาว่าพลางค้อมไหล่ลง หน้าจ๋อยเหมือนเด็กที่สำนึกผิดและยื่นนิ้วก้อยให้

“คุณนี่บ๊องชะมัดเลย” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก พยายามกลั้นขำ อารมณ์โมโหของเธอถูกกิริยาน่ารักของเขาพัดหายไปหมดแล้ว

“ผมผิดไปแล้ว คืนดีกันนะ” ชายหนุ่มไม่ใส่ใจคำพูดของนราภัทร ในแววตาเหมือนรอคอยให้เธอส่งนิ้วก้อยไปเกี่ยวกันไว้

นราภัทรมองอย่างไม่วางใจ “ต่อไปจะไม่ยั่วโมโหฉันใช่ไหม”

“ครับ” ชายหนุ่มพยักหน้าอย่างว่าง่าย

“ต่อไปจะไม่แกล้งฉันใช่ไหม” หญิงสาวตีหน้าขรึม เล่นตัวอย่างถึงที่สุด

“ครับ ต่อไปผมจะเป็นเด็กดีครับ”

ยิ่งเห็นคนหล่อๆ ทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยม หญิงสาวก็ยิ่งหลุดหัวเราะออกมา

“คืนดีกันนะ” เขายื่นนิ้วก้อยเข้ามาแทบจะทิ่มหน้าเธอ นราภัทรจึงยกมือเกี่ยวก้อยกับเขา ทันที่ปลายนิ้วแตะกัน หญิงสาวก็นิ่งไปอีกครั้ง สองเสียงดังขึ้นในหัว


‘สัญญานะว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป’ เสียงหวานดังขึ้น
‘สัญญา’ เสียงนุ่มทุ้มแบบที่เธอเคยได้ยินประจำในฝันตอบกลับมา เพียงสั้นๆ แต่มั่นคงเหลือเกิน


“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” ผู้ชายตรงหน้าโบกมือตรงหน้าเธอหลายหนเมื่อเห็นหญิงสาวทำตาลอย

“ปละเปล่า” นราภัทรตอบเสียงเบา

“คุณน่าจะไปหาหมอนะ ผมว่าเมื่อกี้คุณนิ่งแปลกๆ”

“ฉัน...แข็งแรงดี นอกจากไมเกรนแล้วไม่ได้ป่วยเป็นอะไร” นราภัทรตอบพลางนึกถึงความฝันที่เคยฝันบ่อยๆ เสียงของผู้ชายคนนั้นทำให้เธอช็อกไปชั่วขณะ

“หัวดื้อ! บอกให้ไปหาหมอแล้วก็ไม่ไป ถ้าเกิดเป็นหนักขึ้นมาจะทำยังไง รีบไปหาเลยนะ ถ้าป่วยจะได้รีบรักษาเนิ่นๆ” คนที่นราภัทรลงความเห็นว่า ‘บ๊องชะมัด’ กลายเป็นชายหนุ่มผู้จริงจังและเคร่งขรึมไปแล้ว

“ไปบอกหมอว่าฉันเริ่มฝันประหลาดๆ ถึงผู้ชายหน้าตาดีแต่บ๊องๆ คนหนึ่ง แถมยังรู้ตัวว่าฝันอีกงั้นเหรอ”

“ขอบคุณที่ชมผมว่าหน้าตาดีครับ อันที่จริงคุณก็หน้าตาน่ารักนะ...แต่เจ้าอารมณ์ไปหน่อย”

คนที่เกือบยิ้มได้เพราะคำว่าน่ารักหุบยิ้มทันที ขมวดคิ้ว ก่อนจะมองตาเขียวปั้ดมาที่ชายหนุ่ม

“แล้วก็...ไม่ต้องไปหาหมอหรอก ผมบอกคุณได้ว่าหมอจะตอบคุณว่าอะไร”

“เชิญคุณไปคลินิกหมอจิตแพทย์ใช่ไหมล่ะ” หญิงสาวชิงพูดขึ้น

“เปล่า หมอจะตอบว่าคุณฝันถึงเขาก็เพราะหัวใจคุณคิดถึงเขายังไงล่ะครับ แนะนำให้ไปหาเขาแล้วสารภาพรักดู แต่ถ้าเขาตอบกลับมาว่าคุณไม่ใช่สเปก คุณก็ไม่ต้องซึมเศร้านะครับ ถ้าหากเขายังไม่มีแฟน แนะนำให้คุณตื๊อเขาต่อไป ไม่นานเขาก็จะพ่ายแพ้ต่อความรักที่คุณมีให้ แล้วยอมตอบตกลงคบหาด้วยเองครับ”

“เฮ้! เห็นไม่พูดแล้วเอาใหญ่เลยนะ” เพราะอยู่ใกล้กัน นราภัทรเลยซัดเข้าที่ต้นแขนเขาไปหนึ่งครั้งเสียงดังสนั่น

“โอ๊ย! คุณนี่มือไวชะมัด” คนตรงหน้าสูดปากพลางลูบต้นแขนไปมา

“ก็คุณอยากปากไวเองทำไม โดนซะบ้างจะได้เลิกหาว่าฉันคิดถึงคุณสักที” หญิงสาวไม่สงสารเขาแม้แต่น้อย

“ปากไม่ตรงกับใจ” ชายหนุ่มทำหน้ามุ่ยแล้วพึมพำเสียงเบา

นราภัทรได้ยินไม่ชัด “ว่าอะไรนะ”

“จนป่านนี้แล้วผมยังไม่รู้ชื่อคุณเลย คุณชื่ออะไรน่ะ คราวหน้าผมจะได้เรียกถูก” เขาไม่ตอบแต่เปลี่ยนเป็นถามเบี่ยงประเด็นแทน

“เฮอะ คราวหน้าอะไร ฉันไม่ฝันถึงคุณแล้ว ผู้ชายอะไรติงต๊องชะมัด”

เขาเลิกคิ้วเข้มขึ้นแล้วว่า “พนันกันไหมล่ะว่าเดี๋ยวคุณก็ต้องฝันถึงผมอีก”

“เอาอะไรมาแน่ใจขนาดนั้นคะ คุณบังเอิญ” หญิงสาวประชดประชันเข้าให้ ซึ่งชายหนุ่มก็ตั้งชื่อใหม่ให้เธอได้ทันควันเช่นกัน
“ลางสังหรณ์ครับ คุณบังอร”

“งั้นจะเอาอะไรมาพนันกัน” หญิงสาวสนใจสิ่งที่เขาพูดอยู่บ้าง

เขาคิดใคร่ครวญอยู่หลายนาทีก่อนจะพูดสิ่งที่ต้องการออกมา

“อืม...ถ้าคุณยังฝันถึงผมอีก คุณต้องทำตามที่ผมบอกอย่างหนึ่งในโลกแห่งความเป็นจริง ตกลงไหม”

“แล้วถ้าฉันไม่ฝันถึงคุณแล้วล่ะ”

“ไม่มีทาง ผมมั่นใจล้านเปอร์เซ็นต์ คุณบังอร หรือว่าคุณกลัวจะเจอกับผมในฝัน” ชายหนุ่มสบประมาทเธอเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายกระโดดลงหลุมพรางนี้แน่ ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น นราภัทรทำหน้าเหมือนยอมไม่ได้ที่เขาหาว่าเธอกลัว

“ทำไมฉันต้องกลัวด้วย”

“นั่นแหละ งั้นตกลงแล้วนะ ถ้าเราเจอกันคราวหน้าในฝันอีก คุณต้องทำตามที่ผมบอกด้วย คุณบังอร” ชายหนุ่มมัดมือชกทันที
“ฉันมีชื่อเรียกย่ะ ไม่ใช่ชื่อบังอร”

“งั้นก็บอกชื่อมาซะทีสิครับ คุณผู้หญิง ผมถามคุณนานแล้วนะ”

“ฉันชื่อ...แล้วทำไมฉันต้องบอกคุณก่อนล่ะ จะถามชื่อฉัน ทำไมคุณไม่แนะนำตัวเองก่อน” นราภัทรทำท่าจะบอกชื่อตน แต่แล้วก็เปลี่ยนใจเสียก่อน

“อ้อ ได้ครับ คุณบังอร”

“เฮ้ เดี๋ยวก็โดนอีกสักเผียะหรอก” หญิงสาวถลึงตาใส่

“กลัวแล้วจ้า” เขายกสองมือขึ้นเป็นนัยว่ายอมแพ้แล้วก่อนจะแนะนำตัว

“ผมชื่อ...”

..............................


ชื่ออะไรน้า~ พระเอกของเรา...ติดตามตอนต่อไปค่ะ

ตอบเมนท์ คุณ ใบบัวน่ารัก

ต้องรอลุ้นว่าตัวจริงหรือว่ายังไง / เด็กรุ่นน้องแบบนี้ นิสัยไม่ไหวเลย แต่ก็มีตัวคนเป็นๆ แบบนี้ เหลือเชื่อเนอะ ว่าจะมีคนแบบนี้จริงๆ ด้วย



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ธ.ค. 2557, 04:24:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ธ.ค. 2557, 04:24:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1051





<< บทที่ 3/1   บทที่ 4/1 >>
โอชิน 11 ธ.ค. 2557, 14:11:50 น.
น่ารักดีค่ะ ชอบบทสนทนาของตัวละคร กวนๆแต่น่ารักจัง


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account