จุมพิตนิทรา
"หากได้พบเธอแค่เพียงในฝัน ฉันก็ปรารถนาจะหลับใหลไปชั่วกาล"
นราภัทร วิศวกรคอมพิวเตอร์สาวมั่นที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
แต่หลังจากไปไหว้พระตรีมูรติ เธอก็ได้พบกับคนที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ
"เขา" ทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอหัวเราะ ทำให้เธอมีความสุขได้
แต่ "เขา" อยู่แต่ในความฝันของเธอเท่านั้น
นราภัทรแค่ฝันไป? หรือ เขาคือเนื้อคู่ที่สวรรค์ประทานลงในให้?
นราภัทร วิศวกรคอมพิวเตอร์สาวมั่นที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
แต่หลังจากไปไหว้พระตรีมูรติ เธอก็ได้พบกับคนที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ
"เขา" ทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอหัวเราะ ทำให้เธอมีความสุขได้
แต่ "เขา" อยู่แต่ในความฝันของเธอเท่านั้น
นราภัทรแค่ฝันไป? หรือ เขาคือเนื้อคู่ที่สวรรค์ประทานลงในให้?
Tags: โรแมนติก,ดราม่า,ความฝัน,รักในฝัน
ตอน: บทที่ 4/1
4
กว่าจะตรวจสอบระบบเสร็จก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว นราภัทรอยากกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วล้มตัวลงนอนที่สุดระหว่างที่ขับรถกลับคอนโดฯ ผ่านซอยที่ตั้งร้านต้นอักษรทำให้หญิงสาวลังเลเล็กน้อย แต่เพราะสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทำให้เธอเลือกที่จะกลับรถแล้วเลี้ยวเข้าซอยไปยังร้านดังกล่าว
สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่รู้ชื่อผู้ชายในฝันอยู่ดีเพราะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ไม่เช่นนั้นป่านนี้เธอคงเอาชื่อและนามสกุลของเขาไปตรวจในทะเบียนราษฎร์ ถ้าเขามีตัวตนจริง ต้องมีชื่ออยู่ในนั้นแน่
และการที่ยังไม่รู้ชื่อของชายในฝันทำให้เธอค้างคาใจไปทั้งวัน
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่งแล้ว นราภัทรจอดรถแล้วเดินเข้าไปซื้อขนมปังสามสี่ชิ้นที่ร้านกาแฟติดถนน ซึ่งยังมีคนนั่งอยู่ ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มลูกศิษย์กับอาจารย์คณะสถาปัตยกรรมกำลังคุยงานกัน บนโต๊ะมีกระดาษเขียนแบบแปลนแผ่นใหญ่และกองโมเดลกระดาษที่ตัดเป็นรูปตึกที่แยกชั้นได้ อาจารย์คนหนึ่งคอยใช้ปากกาวงจุดต่างๆ ในแปลน ส่วนลูกศิษย์คอยจดสิ่งที่อาจารย์แนะนำลงสมุด
นราภัทรเดินผ่านกลุ่มลูกศิษย์กับอาจารย์ไปยังร้านหนังสือต้นอักษรซึ่งเหลือคนแค่ประปรายเท่านั้น
“อ้าวพี่น้ำ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” บอย เด็กหนุ่มซึ่งเป็นพนักงานกะกลางคืนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวเปิดประตูเข้ามา
นราภัทรเดินไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะยื่นถุงขนมปังให้บอย
“งานเยอะน่ะ เลยไม่ค่อยได้มาที่นี่ ” หญิงสาวว่าขณะสอดส่ายสายตาไปทั่วร้าน ตอนนี้มีลูกค้าเหลืออยู่แค่สามสี่คน ซึ่งแต่ละคนไม่ใช่คนที่เธอตามหาสักคน
“ขอบคุณครับ” บอยยิ้มตาหยีขณะยกมือไหว้แล้วรับถุงขนมปังมาดู ที่เขาจำหญิงสาวได้เป็นพิเศษเพราะนราภัทรเป็นลูกค้าประจำที่ใจดีมาก เธอหิ้วขนมมาฝากเขาบ่อยครั้ง
นราภัทรมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วขมวดคิ้ว ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็ไม่พูด
“มีอะไรเหรอครับพี่”
“เอ้อ ช่างเถอะ ไม่มีอะไร” หญิงสาวบอกปัด ก่อนจะเดินไปยังชั้นหนังสือหมายเลขแปด อันเป็นชั้นนวนิยายแปล ในขณะที่บอยมองตามอย่างงงๆ
นราภัทรหยุดยืนหน้าชั้นหนังสือแล้วเงยหน้าเพื่อมองหานวนิยายเรื่อง ดาวบันดาล ไล่ดูจากซ้ายไปขวา ขวาไล่กลับมาซ้าย แต่ก็ไม่เห็นนวนิยายเรื่องดังกล่าวสักเล่ม
“ทำไมไม่มีล่ะ” เธอพึมพำเบาๆ คิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง
‘หรือว่าเราแค่กินมาก คิดมาก เลยฝันไปเป็นตุเป็นตะแบบนั้นนะ’ หัวใจหญิงสาวเหมือนจะดิ่งวูบเมื่อคิดว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน
ผู้ชายคนนั้นเป็นแค่ความฝันเท่านั้นจริงๆ เหรอ
นราภัทรไม่ยอมตัดใจง่ายๆ เธอลองเปลี่ยนเป็นไล่ดูทั้งชั้นหมายเลขแปดแทน ก็พบว่าหนังสือ ดาวบันดาล อยู่ที่ชั้นหนังสือใหม่ วางอยู่ในระดับสายตาพอดี และเหลืออยู่แค่หนึ่งเล่มเท่านั้น
หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลขณะเธอหยิบหนังสือออกจากชั้นมาดูอย่างคิดไม่ตก
ไม่แปลกที่ร้านหนังสือจะมีหนังสือเล่มนี้ ไม่แปลกที่หนังสือขายดีจะเหลือแค่หนึ่งเล่มเท่านั้น และไม่แปลกที่เธอจะฝันถึงที่นี่ เพราะเธอเคยมาที่นี่อยู่แล้ว...ความฝันของเธอสร้างเหตุการณ์ในร้านหนังสือที่เธอจะพบใครสักคนขึ้นมาได้จากความทรงจำของเธอ
งั้นก็แปลว่าเธอคิดไปเองสินะ
เสียงโมบายหน้าประตูร้านดังขึ้น ดึงหญิงสาวออกมาจากภวังค์
‘มีคนเข้าร้านมาใช่ไหม’
หญิงสาวเลื่อนสายตาไปยังนาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลาห้าทุ่ม
‘หรือว่า...’
กว่าจะรู้ตัวนราภัทรก็ก้าวไปยังทางเดินใหญ่กลางร้านแล้ว ด้วยความอยากรู้ว่าคนที่มาใหม่นั้นคือใคร...แล้วก็ได้พบว่าลูกค้าใหม่เป็นนักศึกษาสาวที่อยู่ในร้านกาแฟที่เธอเดินผ่านมาเมื่อกี้นี้
นราภัทรโคลงศีรษะไปมา นึกขำตัวเองที่คิดว่าเรื่องบังเอิญเช่นผู้ชายคนนั้นจะมาที่นี่จะเกิดขึ้นได้ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ สมควรจะไปหาจิตแพทย์ได้แล้ว
นักศึกษาสาวคนเมื่อครู่มาพร้อมกับผู้ชายอีกคนซึ่งเป็นนักศึกษาเหมือนกัน แต่แยกกันเดิน
ฝ่ายหญิงเดินตรงมายังชั้นนวนิยายแปลแล้วเดินผ่านนราภัทรไป ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกคุ้นหน้าหรือเปล่า นราภัทรจึงมองตามเธอไป ก็เห็นอีกฝ่ายก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าชั้นนวนิยายแปล
“แปลกจัง ทำไมไม่มีนะ” นักศึกษาสาวบ่นออกมา ก่อนจะเดินกลับไปหาพนักงานร้านหนังสือ
ชั่วครู่บอยก็ออกจากเคาน์เตอร์แล้วเดินมายังชั้นหนังสือแปล
“ระบบแจ้งว่าหนังสือเหลืออยู่หนึ่งเล่ม มันก็น่าจะยังอยู่ในชั้นนะครับ” บอยแจ้งแก่นักศึกษาสาว
“เมื่อกี้หาแล้ว แต่หาไม่เจอเลยค่ะ มันไปอยู่ตรงไหนอ้ะคะ”
นราภัทรซ่อนหนังสือไว้ด้านหลังโดยอัตโนมัติ นึกสังหรณ์แปลกๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คงจะมาซื้อนวนิยายเล่มเดียวกับเธอแน่นอน แล้วก็จริงดังคาด เมื่อบอยพูดชื่อหนังสือออกมาขณะไล่นิ้วดูตามชั้นต่างๆ
“ดาวบันดาล ดาวบันดาล เอ ไปอยู่ไหนนะ”
หลังจากค้นหาทุกชั้นแล้วไม่เจอ บอยก็ถอดใจก่อนจะถามลูกค้าว่าถ้าหากหาหนังสือเล่มนี้เจอจะให้โทร. แจ้งไหม
นักศึกษาสาวพยักหน้าแล้วไปเขียนชื่อและเบอร์โทร. ลงในใบสั่งจองที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินหน้าตูมกลับออกไปจากร้านพร้อมๆ กับนักศึกษาชายอีกคน
นราภัทรมองหนังสือในมืออย่างรู้สึกผิด พร้อมกับพร่ำขอโทษคนหลายคนอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นน้องผู้หญิงที่ชวดหนังสือเล่มที่ต้องการ บอยที่ต้องลำบากมาหาหนังสือแต่กลับไม่เจอ เจ้าของร้านที่ยังขายหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เพราะเธอหยิบเอาไว้ และขอโทษรวมไปถึง จอห์น กรีน นักเขียนที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเธอทำให้งานของเขาไปไม่ถึงมือนักอ่านอีกคน
และแล้วในร้านก็เหลือแค่นราภัทรเป็นลูกค้าอยู่คนเดียว หญิงสาวคิดไม่ตกว่าควรจะซื้อนวนิยายเล่มนี้ไว้ไหม ถ้าผู้ชายคนนั้นมีตัวตนจริง เขาก็อาจจะมาซื้อนวนิยายเรื่องนี้ที่นี่ก็ได้...ถ้าเขามาแล้วไม่เห็นนวนิยายเรื่องนี้บนชั้นหนังสือ เขาก็จะไม่ได้ซื้อมัน และจะคิดเหมือนที่เธอคิดหรือเปล่าว่า เธอไม่มีตัวตนจริงๆ บนโลกใบนี้
‘คิดบ้าอะไรอยู่ยะ ยายน้ำ! บ้าไปแล้วหรือไง ผู้ชายคนนั้นไม่มีตัวตนจริงๆ ซะหน่อย’ เสียงหนึ่งในใจแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยที่จะมองคนในฝันว่ามีตัวตนจริงๆ และจะมาที่นี่จริงๆ
‘ฉันบ้าไปแล้วละ’ นราภัทรยอมรับกับตัวเองในใจ ก่อนจะตัดสินใจฉีกกระดาษสมุดบันทึกแล้วจดเบอร์โทรศัพท์กับชื่อเล่นลงไป จากนั้นจึงสอดเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ ลงไปในหนังสือจนมั่นใจว่าไม่หลุดออกมาแน่ แล้วเธอก็คว้าเก้าอี้ยาวมาปีนขึ้นไปวาง ดาวบันดาล ไว้บนชั้นหนังสือเก่าข้างเรื่อง ฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ โดยไม่ลืมดันหนังสือเข้าไปข้างใน ด้วยความมั่นใจว่าผู้ชายที่เธอฝันถึงจะต้องมาที่นี่ และมองหานวนิยายเรื่องนี้แน่นอน!
แม้จะรู้สึกผิดในใจมาก แต่นราภัทรตั้งใจไว้ว่า ถ้าไม่มีคนมาหยิบ ดาวบันดาล ไปภายในหนึ่งเดือนนี้ เธอจะมาซื้อไป และเนื่องจากว่าทำยอดขายของร้านต้นอักษรตกไปหนึ่งเล่ม นราภัทรเลยอุดหนุนที่นี่ด้วยการซื้อนวนิยายแปลกลับไปถึงสามเล่ม โดยไม่รู้ว่าจะมีเวลาอ่านไหม
“เอ่อ...บอย” หญิงสาวคิดอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกไป
“มีอะไรครับ” เด็กหนุ่มถามขณะห่อปกพลาสติกหนังสือให้เธอ
“คือว่า มันอาจจะแปลกสักหน่อย แต่ถ้ามีผู้ชายตัวสูงสักร้อยแปดสิบกว่าๆ ดูท่าทางภูมิฐาน หน้าตาก็...ดี มาซื้อหนังสือเรื่อง ดาวบันดาล บอยช่วยจดชื่อกับเบอร์โทร. เขาให้พี่ได้ไหม” ปกติแล้วนราภัทรจะไม่ค่อยตะกุกตะกัก แต่มาหนนี้หญิงสาวพูดติดๆ ขัดๆ อยู่บ้าง
“ดาวบันดาล อีกแล้ว เรื่องนี้ขายดีจริงๆ แฮะ...เอ๊ะ! เบอร์โทร.” บอยมองหน้านราภัทรอย่างมึนๆ งงๆ “แล้วผมจะรู้กับพี่ไหมว่าคนไหนอ้ะ”
“อื่อ...งั้นถ่ายรูปคนซื้อมาด้วยแล้วกัน” ถึงได้ชื่อกับเบอร์โทร. มาก็ไม่รู้ว่าจะใช่คนในฝันไหม ต้องมีรูปถ่ายมายืนยันด้วย
“หา! ถ่ายรูปด้วย” แค่ชื่อกับเบอร์โทร. ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ยังจะขอรูปอีก “คือพี่ครับ ถ้าเกิดมีผู้ชายมาซื้อหนังสือเล่มนี้หลายคน ผมก็ต้องถ่ายรูปพวกเขาทั้งหมดเลยอ้ะนะ”
“เถอะน่า ไม่มีทางที่จะมีคนซื้อหน้าตาดีๆ หลายคนหรอก”
“สรุปคือถ้ามีคนหล่อๆ มาซื้อเรื่อง ดาวบันดาล ให้ผมจดชื่อกับเบอร์โทร. เขาให้พี่ใช่ไหม” บอยทบทวนคำสั่งแปลกๆ ของนราภัทรใหม่
“อื้อ”
“พี่น้ำก็ไม่ใช่คนหน้าตาแย่อะไร ไปหาแฟนทางอื่นดีกว่าไหมพี่” เด็กหนุ่มเสนอความคิดเห็นอย่างไม่กลัวตาย จึงถูกนราภัทรขึ้นเสียงใส่
“บอย! พี่ไม่ได้หาแฟนนะ”
“แต่ที่พี่บอกผมอยู่นี่มันขอเบอร์โทร. ผู้ชายชัดๆ นะ พี่ไม่ได้หาแฟนแล้วพี่หาคนสวนให้ที่บ้านเหรอ”
“บอย!! พูดแบบนี้...ไอ้ขนมปังนั่นจะไม่เอาแล้วใช่ไหม” หญิงสาวคิดจะริบขนมคืน
“โอ๋ๆ พี่สาวคนดี ไม่แซวเล่นแล้ว จะทำตามที่ต้องการทุกอย่างเลยครับ นี่ถ้ามีผู้ชายหน้าตาดีๆ มาซื้อเรื่องนี้จริง ผมจะหาทางถามเบอร์เขาเอาไว้ให้ได้ ถ่ายรูปหน้าชัดๆ เลยแล้วจะรีบโทร. ไปบอกพี่น้ำเลยครับ ไม่ต้องห่วง”
“ดีมาก” นราภัทรพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เด็กหนุ่มเหล่มองกิริยาของพี่สาวแล้วก็คิดเพิ่มค่าตัวหน่อย
“นี่ถ้าผมเอาเบอร์เขามาได้ พี่ต้องเลี้ยงกาแฟผมแก้วนึงด้วยนะ โอเคไหม”
“ได้ เลี้ยงสามแก้วเลยยังได้ แต่ต้องมาครบนะ ทั้งชื่อ เบอร์โทร. และรูป” นราภัทรยักคิ้วพร้อมเอ่ยอย่างใจป้ำ
“โอเค ผมจะทุ่มเทรับใช้พี่น้ำสุดความสามารถเลยครับ” บอยยกมือขึ้นตะเบ๊ะ
นราภัทรขับรถกลับคอนโดฯ ไปอย่างอารมณ์ดีไม่น้อย คาดหวังอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะได้พบกับผู้ชายติงต๊องคนนั้น และจะได้รู้กันไปเสียทีว่าเขามีตัวตนจริงหรือไม่
อาจจะเพราะเหนื่อยมากเกินไป พอหัวถึงหมอน นราภัทรก็เลยหลับสนิท ไม่ฝันอะไรเลย
.........................................
ตอบเมนท์
คุณ โอชิน - ขอบคุณที่มาเมนท์ให้ค่า ^^ เรื่องนี้เป็นแนวน่ารักกุ๊กกิ๊กแบบนี้ล่ะค่า
... เจอกันวันจันทร์นะคะ ^^
กว่าจะตรวจสอบระบบเสร็จก็ปาเข้าไปสามทุ่มกว่าแล้ว นราภัทรอยากกลับบ้าน อาบน้ำ แล้วล้มตัวลงนอนที่สุดระหว่างที่ขับรถกลับคอนโดฯ ผ่านซอยที่ตั้งร้านต้นอักษรทำให้หญิงสาวลังเลเล็กน้อย แต่เพราะสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจทำให้เธอเลือกที่จะกลับรถแล้วเลี้ยวเข้าซอยไปยังร้านดังกล่าว
สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่รู้ชื่อผู้ชายในฝันอยู่ดีเพราะตื่นขึ้นมาเสียก่อน ไม่เช่นนั้นป่านนี้เธอคงเอาชื่อและนามสกุลของเขาไปตรวจในทะเบียนราษฎร์ ถ้าเขามีตัวตนจริง ต้องมีชื่ออยู่ในนั้นแน่
และการที่ยังไม่รู้ชื่อของชายในฝันทำให้เธอค้างคาใจไปทั้งวัน
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่งแล้ว นราภัทรจอดรถแล้วเดินเข้าไปซื้อขนมปังสามสี่ชิ้นที่ร้านกาแฟติดถนน ซึ่งยังมีคนนั่งอยู่ ดูเหมือนจะเป็นกลุ่มลูกศิษย์กับอาจารย์คณะสถาปัตยกรรมกำลังคุยงานกัน บนโต๊ะมีกระดาษเขียนแบบแปลนแผ่นใหญ่และกองโมเดลกระดาษที่ตัดเป็นรูปตึกที่แยกชั้นได้ อาจารย์คนหนึ่งคอยใช้ปากกาวงจุดต่างๆ ในแปลน ส่วนลูกศิษย์คอยจดสิ่งที่อาจารย์แนะนำลงสมุด
นราภัทรเดินผ่านกลุ่มลูกศิษย์กับอาจารย์ไปยังร้านหนังสือต้นอักษรซึ่งเหลือคนแค่ประปรายเท่านั้น
“อ้าวพี่น้ำ ไม่เจอกันนานเลยนะครับ” บอย เด็กหนุ่มซึ่งเป็นพนักงานกะกลางคืนเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวเปิดประตูเข้ามา
นราภัทรเดินไปที่เคาน์เตอร์ก่อนจะยื่นถุงขนมปังให้บอย
“งานเยอะน่ะ เลยไม่ค่อยได้มาที่นี่ ” หญิงสาวว่าขณะสอดส่ายสายตาไปทั่วร้าน ตอนนี้มีลูกค้าเหลืออยู่แค่สามสี่คน ซึ่งแต่ละคนไม่ใช่คนที่เธอตามหาสักคน
“ขอบคุณครับ” บอยยิ้มตาหยีขณะยกมือไหว้แล้วรับถุงขนมปังมาดู ที่เขาจำหญิงสาวได้เป็นพิเศษเพราะนราภัทรเป็นลูกค้าประจำที่ใจดีมาก เธอหิ้วขนมมาฝากเขาบ่อยครั้ง
นราภัทรมองหน้าเด็กหนุ่มแล้วขมวดคิ้ว ทำท่าเหมือนจะพูดอะไร แต่แล้วก็ไม่พูด
“มีอะไรเหรอครับพี่”
“เอ้อ ช่างเถอะ ไม่มีอะไร” หญิงสาวบอกปัด ก่อนจะเดินไปยังชั้นหนังสือหมายเลขแปด อันเป็นชั้นนวนิยายแปล ในขณะที่บอยมองตามอย่างงงๆ
นราภัทรหยุดยืนหน้าชั้นหนังสือแล้วเงยหน้าเพื่อมองหานวนิยายเรื่อง ดาวบันดาล ไล่ดูจากซ้ายไปขวา ขวาไล่กลับมาซ้าย แต่ก็ไม่เห็นนวนิยายเรื่องดังกล่าวสักเล่ม
“ทำไมไม่มีล่ะ” เธอพึมพำเบาๆ คิ้วเริ่มขมวดอีกครั้ง
‘หรือว่าเราแค่กินมาก คิดมาก เลยฝันไปเป็นตุเป็นตะแบบนั้นนะ’ หัวใจหญิงสาวเหมือนจะดิ่งวูบเมื่อคิดว่าทุกอย่างเป็นแค่ความฝัน
ผู้ชายคนนั้นเป็นแค่ความฝันเท่านั้นจริงๆ เหรอ
นราภัทรไม่ยอมตัดใจง่ายๆ เธอลองเปลี่ยนเป็นไล่ดูทั้งชั้นหมายเลขแปดแทน ก็พบว่าหนังสือ ดาวบันดาล อยู่ที่ชั้นหนังสือใหม่ วางอยู่ในระดับสายตาพอดี และเหลืออยู่แค่หนึ่งเล่มเท่านั้น
หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นมาอย่างไร้เหตุผลขณะเธอหยิบหนังสือออกจากชั้นมาดูอย่างคิดไม่ตก
ไม่แปลกที่ร้านหนังสือจะมีหนังสือเล่มนี้ ไม่แปลกที่หนังสือขายดีจะเหลือแค่หนึ่งเล่มเท่านั้น และไม่แปลกที่เธอจะฝันถึงที่นี่ เพราะเธอเคยมาที่นี่อยู่แล้ว...ความฝันของเธอสร้างเหตุการณ์ในร้านหนังสือที่เธอจะพบใครสักคนขึ้นมาได้จากความทรงจำของเธอ
งั้นก็แปลว่าเธอคิดไปเองสินะ
เสียงโมบายหน้าประตูร้านดังขึ้น ดึงหญิงสาวออกมาจากภวังค์
‘มีคนเข้าร้านมาใช่ไหม’
หญิงสาวเลื่อนสายตาไปยังนาฬิกาแขวนผนังที่บอกเวลาห้าทุ่ม
‘หรือว่า...’
กว่าจะรู้ตัวนราภัทรก็ก้าวไปยังทางเดินใหญ่กลางร้านแล้ว ด้วยความอยากรู้ว่าคนที่มาใหม่นั้นคือใคร...แล้วก็ได้พบว่าลูกค้าใหม่เป็นนักศึกษาสาวที่อยู่ในร้านกาแฟที่เธอเดินผ่านมาเมื่อกี้นี้
นราภัทรโคลงศีรษะไปมา นึกขำตัวเองที่คิดว่าเรื่องบังเอิญเช่นผู้ชายคนนั้นจะมาที่นี่จะเกิดขึ้นได้ เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ สมควรจะไปหาจิตแพทย์ได้แล้ว
นักศึกษาสาวคนเมื่อครู่มาพร้อมกับผู้ชายอีกคนซึ่งเป็นนักศึกษาเหมือนกัน แต่แยกกันเดิน
ฝ่ายหญิงเดินตรงมายังชั้นนวนิยายแปลแล้วเดินผ่านนราภัทรไป ไม่รู้ว่าเพราะรู้สึกคุ้นหน้าหรือเปล่า นราภัทรจึงมองตามเธอไป ก็เห็นอีกฝ่ายก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าชั้นนวนิยายแปล
“แปลกจัง ทำไมไม่มีนะ” นักศึกษาสาวบ่นออกมา ก่อนจะเดินกลับไปหาพนักงานร้านหนังสือ
ชั่วครู่บอยก็ออกจากเคาน์เตอร์แล้วเดินมายังชั้นหนังสือแปล
“ระบบแจ้งว่าหนังสือเหลืออยู่หนึ่งเล่ม มันก็น่าจะยังอยู่ในชั้นนะครับ” บอยแจ้งแก่นักศึกษาสาว
“เมื่อกี้หาแล้ว แต่หาไม่เจอเลยค่ะ มันไปอยู่ตรงไหนอ้ะคะ”
นราภัทรซ่อนหนังสือไว้ด้านหลังโดยอัตโนมัติ นึกสังหรณ์แปลกๆ ว่าผู้หญิงคนนี้คงจะมาซื้อนวนิยายเล่มเดียวกับเธอแน่นอน แล้วก็จริงดังคาด เมื่อบอยพูดชื่อหนังสือออกมาขณะไล่นิ้วดูตามชั้นต่างๆ
“ดาวบันดาล ดาวบันดาล เอ ไปอยู่ไหนนะ”
หลังจากค้นหาทุกชั้นแล้วไม่เจอ บอยก็ถอดใจก่อนจะถามลูกค้าว่าถ้าหากหาหนังสือเล่มนี้เจอจะให้โทร. แจ้งไหม
นักศึกษาสาวพยักหน้าแล้วไปเขียนชื่อและเบอร์โทร. ลงในใบสั่งจองที่เคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินหน้าตูมกลับออกไปจากร้านพร้อมๆ กับนักศึกษาชายอีกคน
นราภัทรมองหนังสือในมืออย่างรู้สึกผิด พร้อมกับพร่ำขอโทษคนหลายคนอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นน้องผู้หญิงที่ชวดหนังสือเล่มที่ต้องการ บอยที่ต้องลำบากมาหาหนังสือแต่กลับไม่เจอ เจ้าของร้านที่ยังขายหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เพราะเธอหยิบเอาไว้ และขอโทษรวมไปถึง จอห์น กรีน นักเขียนที่แต่งเรื่องนี้ขึ้นมา เพราะเธอทำให้งานของเขาไปไม่ถึงมือนักอ่านอีกคน
และแล้วในร้านก็เหลือแค่นราภัทรเป็นลูกค้าอยู่คนเดียว หญิงสาวคิดไม่ตกว่าควรจะซื้อนวนิยายเล่มนี้ไว้ไหม ถ้าผู้ชายคนนั้นมีตัวตนจริง เขาก็อาจจะมาซื้อนวนิยายเรื่องนี้ที่นี่ก็ได้...ถ้าเขามาแล้วไม่เห็นนวนิยายเรื่องนี้บนชั้นหนังสือ เขาก็จะไม่ได้ซื้อมัน และจะคิดเหมือนที่เธอคิดหรือเปล่าว่า เธอไม่มีตัวตนจริงๆ บนโลกใบนี้
‘คิดบ้าอะไรอยู่ยะ ยายน้ำ! บ้าไปแล้วหรือไง ผู้ชายคนนั้นไม่มีตัวตนจริงๆ ซะหน่อย’ เสียงหนึ่งในใจแย้งขึ้นอย่างไม่เห็นด้วยที่จะมองคนในฝันว่ามีตัวตนจริงๆ และจะมาที่นี่จริงๆ
‘ฉันบ้าไปแล้วละ’ นราภัทรยอมรับกับตัวเองในใจ ก่อนจะตัดสินใจฉีกกระดาษสมุดบันทึกแล้วจดเบอร์โทรศัพท์กับชื่อเล่นลงไป จากนั้นจึงสอดเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ ลงไปในหนังสือจนมั่นใจว่าไม่หลุดออกมาแน่ แล้วเธอก็คว้าเก้าอี้ยาวมาปีนขึ้นไปวาง ดาวบันดาล ไว้บนชั้นหนังสือเก่าข้างเรื่อง ฟิฟตี้เชดส์ออฟเกรย์ โดยไม่ลืมดันหนังสือเข้าไปข้างใน ด้วยความมั่นใจว่าผู้ชายที่เธอฝันถึงจะต้องมาที่นี่ และมองหานวนิยายเรื่องนี้แน่นอน!
แม้จะรู้สึกผิดในใจมาก แต่นราภัทรตั้งใจไว้ว่า ถ้าไม่มีคนมาหยิบ ดาวบันดาล ไปภายในหนึ่งเดือนนี้ เธอจะมาซื้อไป และเนื่องจากว่าทำยอดขายของร้านต้นอักษรตกไปหนึ่งเล่ม นราภัทรเลยอุดหนุนที่นี่ด้วยการซื้อนวนิยายแปลกลับไปถึงสามเล่ม โดยไม่รู้ว่าจะมีเวลาอ่านไหม
“เอ่อ...บอย” หญิงสาวคิดอยู่นาน แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจพูดออกไป
“มีอะไรครับ” เด็กหนุ่มถามขณะห่อปกพลาสติกหนังสือให้เธอ
“คือว่า มันอาจจะแปลกสักหน่อย แต่ถ้ามีผู้ชายตัวสูงสักร้อยแปดสิบกว่าๆ ดูท่าทางภูมิฐาน หน้าตาก็...ดี มาซื้อหนังสือเรื่อง ดาวบันดาล บอยช่วยจดชื่อกับเบอร์โทร. เขาให้พี่ได้ไหม” ปกติแล้วนราภัทรจะไม่ค่อยตะกุกตะกัก แต่มาหนนี้หญิงสาวพูดติดๆ ขัดๆ อยู่บ้าง
“ดาวบันดาล อีกแล้ว เรื่องนี้ขายดีจริงๆ แฮะ...เอ๊ะ! เบอร์โทร.” บอยมองหน้านราภัทรอย่างมึนๆ งงๆ “แล้วผมจะรู้กับพี่ไหมว่าคนไหนอ้ะ”
“อื่อ...งั้นถ่ายรูปคนซื้อมาด้วยแล้วกัน” ถึงได้ชื่อกับเบอร์โทร. มาก็ไม่รู้ว่าจะใช่คนในฝันไหม ต้องมีรูปถ่ายมายืนยันด้วย
“หา! ถ่ายรูปด้วย” แค่ชื่อกับเบอร์โทร. ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ยังจะขอรูปอีก “คือพี่ครับ ถ้าเกิดมีผู้ชายมาซื้อหนังสือเล่มนี้หลายคน ผมก็ต้องถ่ายรูปพวกเขาทั้งหมดเลยอ้ะนะ”
“เถอะน่า ไม่มีทางที่จะมีคนซื้อหน้าตาดีๆ หลายคนหรอก”
“สรุปคือถ้ามีคนหล่อๆ มาซื้อเรื่อง ดาวบันดาล ให้ผมจดชื่อกับเบอร์โทร. เขาให้พี่ใช่ไหม” บอยทบทวนคำสั่งแปลกๆ ของนราภัทรใหม่
“อื้อ”
“พี่น้ำก็ไม่ใช่คนหน้าตาแย่อะไร ไปหาแฟนทางอื่นดีกว่าไหมพี่” เด็กหนุ่มเสนอความคิดเห็นอย่างไม่กลัวตาย จึงถูกนราภัทรขึ้นเสียงใส่
“บอย! พี่ไม่ได้หาแฟนนะ”
“แต่ที่พี่บอกผมอยู่นี่มันขอเบอร์โทร. ผู้ชายชัดๆ นะ พี่ไม่ได้หาแฟนแล้วพี่หาคนสวนให้ที่บ้านเหรอ”
“บอย!! พูดแบบนี้...ไอ้ขนมปังนั่นจะไม่เอาแล้วใช่ไหม” หญิงสาวคิดจะริบขนมคืน
“โอ๋ๆ พี่สาวคนดี ไม่แซวเล่นแล้ว จะทำตามที่ต้องการทุกอย่างเลยครับ นี่ถ้ามีผู้ชายหน้าตาดีๆ มาซื้อเรื่องนี้จริง ผมจะหาทางถามเบอร์เขาเอาไว้ให้ได้ ถ่ายรูปหน้าชัดๆ เลยแล้วจะรีบโทร. ไปบอกพี่น้ำเลยครับ ไม่ต้องห่วง”
“ดีมาก” นราภัทรพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เด็กหนุ่มเหล่มองกิริยาของพี่สาวแล้วก็คิดเพิ่มค่าตัวหน่อย
“นี่ถ้าผมเอาเบอร์เขามาได้ พี่ต้องเลี้ยงกาแฟผมแก้วนึงด้วยนะ โอเคไหม”
“ได้ เลี้ยงสามแก้วเลยยังได้ แต่ต้องมาครบนะ ทั้งชื่อ เบอร์โทร. และรูป” นราภัทรยักคิ้วพร้อมเอ่ยอย่างใจป้ำ
“โอเค ผมจะทุ่มเทรับใช้พี่น้ำสุดความสามารถเลยครับ” บอยยกมือขึ้นตะเบ๊ะ
นราภัทรขับรถกลับคอนโดฯ ไปอย่างอารมณ์ดีไม่น้อย คาดหวังอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะได้พบกับผู้ชายติงต๊องคนนั้น และจะได้รู้กันไปเสียทีว่าเขามีตัวตนจริงหรือไม่
อาจจะเพราะเหนื่อยมากเกินไป พอหัวถึงหมอน นราภัทรก็เลยหลับสนิท ไม่ฝันอะไรเลย
.........................................
ตอบเมนท์
คุณ โอชิน - ขอบคุณที่มาเมนท์ให้ค่า ^^ เรื่องนี้เป็นแนวน่ารักกุ๊กกิ๊กแบบนี้ล่ะค่า
... เจอกันวันจันทร์นะคะ ^^
ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2557, 04:23:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2557, 04:23:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 1151
<< บทที่ 3/2 | บทที่ 4/2 >> |
โอชิน 12 ธ.ค. 2557, 20:48:51 น.
รอลุ้นค่ะ มาต่อไวๆนะ
รอลุ้นค่ะ มาต่อไวๆนะ