รักแท้...เคียงใจ
รักแท้...เคียงใจ

โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)

อารัมภบท

ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’

นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’

มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ

-------------------------------------------------------------

ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร

ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)

--------------------------------------------------

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)

Tags: หวานซึ้ง อบอุ่นใจ

ตอน: ตอนที่ 9 ไม่มีอะไร ก็แค่น้อยใจ

รักแท้...เคียงใจ ตอนที่ 9 ไม่มีอะไร ก็แค่น้อยใจ โดย ต้นเรื่อง

แสงทองของวันใหม่ที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนส่งผลให้ร่างที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียงรู้สึกตัวตื่น ความรู้สึกแรกของณหทัยคือ ปวดหัว ปวดมากราวกับหัวจะระเบิด

“โอย...ไม่น่ากินมากเลยเรา”

หญิงสาวพึมพำกับตัวเองเบา ๆ เมื่อสติสัมปชัญญะกลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว ภาพเหตุการณ์เมื่อคืนก็ไหลเข้ามาในหัว ตั้งแต่เธอกำลังสนุกสนานอยู่ในงานปาร์ตี้ของรีสอร์ท ค่ำคืนแห่งการเซอร์ไพรส์ แล้วก็เซอร์ไพรส์จริง ๆ เมื่อคนรักของเธอพาสาวใหญ่รุ่นแม่เธอมาเปิดตัว ทั้งยังบอกเลิกเธออย่างไม่สะทกสะท้าน เหมือนช่วงเวลาที่คบกันมาไม่มีค่าไม่มีความหมายอะไรเลย เธอจำได้ว่าตัวเองร้องไห้จนไม่มีน้ำตา จน...

ถึงตรงนี้ณหทัยอดหน้าแดงขึ้นมาไม่ได้ เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพี่ชายที่แสนดีของเธอทำอะไรกับเธอ มือบางแตะไปยังริมฝีปากที่ถูกคนเอาแต่ใจบังคับจูบ ความรู้สึกตอนนั้นยังไม่จางหาย ทั้งตกใจทั้งช็อค มันเป็นอะไรที่บอกไม่ถูก รู้อยู่อย่างเดียวว่าหลังจากนี้ไปเธอคงไม่กล้าสู้หน้าและไม่กล้าเข้าใกล้เขาแน่ ๆ

หลังจากช็อคกับลูกชายคนโปรดของพ่อเป็นเซอร์ไพรส์ที่สอง เธอก็พาตัวเองไปเลี้ยงส่งความโชคร้ายจากผู้ชายที่ได้ชื่อว่าแฟนที่ผับของโรงแรม เธอจำได้แต่ว่าเธอกินน้ำขม ๆ สีอำพัน รสชาติเฝื่อน ๆ ราวกับน้ำเปล่าก็ไม่ปาน ไม่ได้อร่อยหรอกแต่กินแล้วมันสะใจตัวเองยังไงไม่รู้ ยิ่งกินยิ่งร้อนผ่าวไปทั้งลำคอลามไปถึงช่องท้อง แล้วหลังจากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย จนกระทั่งตอนนี้เธอมาอยู่บนเตียงนอนกับเสื้อผ้าชุดใหม่

‘ใครพามา ใครเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ หรือว่า...’

“พ่อ !”

ณหทัยคิดไปไกลว่าคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เธอคงไม่ใช่ใครที่ไหน ต้องเป็นพ่อเธอแน่นอน แล้วพ่อก็ต้องรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และรู้ด้วยว่าเธอเมาเละเทะไม่รู้กลับมาที่พักถูกได้ยังไง โอยแค่คิดก็สยองแล้ว พ่อเธอขึ้นชื่อเรื่องความหัวโบราณเต็มขั้น ท่านไม่ชอบผู้หญิงกินเหล้าเมายาแถมยังครองสติตนเองไม่ได้นี่ยิ่งแย่ใหญ่ เธอจะโดนก้านมะยมเหมือนตอนเด็ก ๆ ไหมนะ หรืออาจจะมากกว่านั้น

ดวงตาวาวหวานที่ฉายแววกังวลชัดเจนเหลือบมองนาฬิการูปทรงน่ารักตรงหัวเตียง แล้วก็ต้องตาตีตาลานเพราะนาฬิกาบอกเวลาตอนนี้เข็มสั้นชี้เลยเลขสิบเอ็ดไปแล้ว ร่างบางกระวีกระวาดเข้าห้องน้ำจัดการธุระส่วนตัวอย่างรีบด่วน ชนิดที่ว่าทำเวลาได้ดีที่สุด ในชีวิตเธอไม่เคยตื่นสายขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้พ่ออยู่ไหน คุณภพจะบอกอะไรกับพ่อบ้าง ความคิดในหัวยุ่งเหยิงไปหมด หญิงสาวใช้เวลาเพียงยี่สิบนาทีก็พร้อมออกมาเผชิญกับสถานการณ์นอกห้องที่เธอไม่สามารถคาดเดาได้

ประตูห้องนอนค่อย ๆ แง้มออก ร่างบางก้าวออกมานอกห้องพยายามเดินให้เบาที่สุดเท่าที่จะเบาได้ แต่ความพยายามของเธอเหมือนจะไร้ผล ทันทีที่หันมาเธอก็ต้องเผชิญกับสายตาคบกริบถึงสองคู่ที่จ้องมายังเธอราวกับว่ากำลังรออยู่พอดี

“เป็นไงลูกพ่อ ตื่นซะสายเลย” ดนัยเอ่ยทักลูกสาวทีเล่นทีจริง แต่ถ้าสังเกตดี ๆ ผู้สูงวัยไม่มีแม้แต่รอยยิ้มหรือกระแสเสียงเชิงหยอกเย้าในคำถามเลยแม้แต่น้อย ซึ่งตรงนี้ผู้เป็นลูกสามารถจับอารมณ์ตึงเครียดได้เช่นกัน

ณหทัยจึงส่งยิ้มแหย ๆ ให้ผู้เป็นบิดา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงเมื่อมองเลยไปเห็นอีกคนที่ส่งยิ้มมาให้เธอเหมือนกัน จ้างให้เธอก็ไม่ยิ้มตอบหรอก คนฉวยโอกาส หญิงสาวสะบัดหน้าหนีอย่างหมันไส้ พยายามมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่บิดา แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่อนาทรร้อนใจเท่าไหร่นัก

นราภพยังคงยิ้มหน้าระรื่น ถึงจะเจอสาวเจ้าเมินใส่ แต่ในเมื่อเคลียร์กับผู้เป็นพ่อเสร็จแล้วนี่ ทางสะดวกขนาดนี้ไม่ให้ยิ้มยังไงไหวจะให้นั่งร้องไห้ก็ใช่ที่ อย่างน้อยผู้ใหญ่เป็นใจไม่ขัดขวางเท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับเขา ที่เหลือเอาไว้ค่อย ๆ ใช้ใจแลกมาทีละนิด ๆ คนเจ้าแผนการคิดไปยิ้มไปอย่างอารมณ์ดี

‘คนอะไร อุตส่าห์ทำท่าโกรธแล้วยังไม่สลดอีก’ ณหทัยอดค่อนขอดในใจไม่ได้
“มีอะไรจะบอกพ่อมั้ยเราน่ะ”

คำถามจากคุณดนัยช่วยดึงคนหงุดหงิดให้หลุดจากภวังค์ความคิดตัวเอง ณหทัยหน้าเจื่อนไม่รู้จะตอบบิดาว่าอย่างไรดี

“คุณภพคงบอกพ่อหมดแล้ว” น้ำเสียงนุ่มนวลค่อย ๆ อ้อมแอ้มตอบ

“แต่พ่ออยากได้ยินจากปากเรามากกว่า...เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงเมาเละเทะแบบนั้น รู้ใช่ไหมว่าพ่อไม่ชอบ”

“รู้ค่ะ...” หญิงสาวหน้าสลด ริมฝีปากเม้มแน่นอย่างอึดอัดขัดใจ

“รู้แล้วทำไมยังทำ” ผู้เป็นพ่อถามเสียงเรียบ กระแสเสียงเย็นเฉียบจนนราภพที่นั่งหน้าระรื่นอยู่เมื่อครู่ชักจะเป็นห่วงความรู้สึกของณหทัยขึ้นมาเหมือนกัน

“ตรี...”

“ไม่ต้องอึกอัก แค่เล่าให้พ่อฟัง”

“ตรีขอโทษค่ะ...ตรีแค่เสียใจที่...”

เรื่องราวทุกอย่างถูกถ่ายทอดออกมาให้คุณดนัยได้รับทราบตั้งแต่ต้นจนจบ ยกเว้นเรื่องที่ถูกคนตรงหน้าบังคับจูบเธอไม่กล้าเล่า ไม่รู้จะพูดยังไงดีมันกระดากอายไปหมด

คุณดนัยดึงลูกสาวมาในอ้อมกอดพลางลูบหัวลูบหลังอย่างปลอบประโลม ความโกรธที่เห็นลูกทำตัวไม่เหมาะสมมลายหายไป เห็นลูกสาวร้องไห้เสียใจหัวอกคนเป็นพ่อก็เสียใจตามไปด้วย ไอ้หมอนั่นมันคิดว่ามันเป็นใครถึงได้กล้ามาทำร้ายความรู้สึกของลูกสาวตนแบบนี้ แถมยังทำเรื่องระยำตำบอนในนามลูกสาวตนอีก ดีแล้วที่มันชิงตัดบัวไม่เหลือใยไปเสียก่อน ไม่อย่างนั้นคงเป็นตนนี่แหละที่จะบังคับให้ลูกสาวเลิกยุ่งกับมัน ดนัยได้แต่แสดงความโกรธอยู่ในใจไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ยิ่งณหทัยลืมฝ่ายนั้นได้ไวเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นผลดีเท่านั้น เปล่าประโยชน์ที่จะต่อความให้รบกวนและบั่นทอนจิตใจกัน

“ลืมมันไปซะลูก หน้าไหนมันไม่รักช่างประไรไป จำให้ขึ้นใจว่าพ่อคนนี้รักลูกเสมอ”

‘ผมก็รักนะครับ’ นราภพอดแทรกขึ้นในใจไม่ได้ ดวงตาดำขลับทอดมองสองพ่อลูกอย่างอ่อนโยน

ณหทัยกอดตอบบิดาแน่น อ้อมกอดของพ่ออบอุ่นเสมอ ข้างนอกจะเป็นอย่างไร จะร้อนหรือหนาวแค่ไหนมันก็ไม่สำคัญสำหรับเธอแล้ว เพราะเธอมีพ่อคอยให้ความรักความอบอุ่นอยู่ในบ้านนี่เอง

“แต่เมาแบบเมื่อคืนไม่เอาแล้วนะลูก พ่อหัวใจจะวาย”

“จ้ะ พ่อ”ณหทัยรับคำเขิน ๆ

นราภพระบายยิ้มเต็มใบหน้าเมื่อเห็นสองพ่อลูกปรับความเข้าใจกันได้ รอยยิ้มของผู้เป็นนายทำให้สองคนสนิทที่ส่องกล้องส่องทางไกลตามติดประชิดสถานการณ์ต้องหันมามองหน้ากันอย่างแปลกใจและเหลือเชื่อ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาทั้งในฐานะเจ้านายกับลูกน้อง หรือจะเป็นพี่กับน้อง หรือจะเป็นในฐานะเพื่อน ตนก็ยังไม่เคยเห็นผู้เป็นนายยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างเปิดอกเปิดใจขนาดนี้มาก่อน ที่ผ่านมานราภพเป็นชายหนุ่มที่ต้องใช้เวลาในการเข้าถึงด้วยอย่างมากที่สุดด้วยซ้ำไป

“คุณภพเห็นทีจะไปไหนไม่รอด” ภัคค์เปรยขึ้นยิ้ม ๆ ทั้งที่ตายังมองผ่านเลนส์

เพชรยิ้มน้อย ๆ เช่นเคย

“ก็คงอย่างนั้น”

------------------------------------------------------------

บรรยากาศในห้องผู้โดยสารภายในรถกระบะสี่ประตูกลางเก่ากลางใหม่เต็มไปด้วยความอึมครึม เมื่อฝ่ายหญิงเอาแต่ผินหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง และฝ่ายชายก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถไม่พูดไม่จา

ณหทัยนั่งหน้าบึ้งตึงมองใบไม้ใบหญ้าไปตามเรื่อง พยายามไม่มองไม่หันไปทางคนขับ ไม่ว่าอีกฝ่ายจะชวนคุยแค่ไหนก็ตาม จนกระทั่งอีกฝ่ายเงียบไป เธอรู้สึกว่าความรู้สึกของเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น ตั้งแต่จูบนั้น คำว่าพี่ชายที่เธอเคยยึดไว้เสมอมันหายไป กลายเป็นความเก้อกระดากเมื่ออยู่ต่อหน้า กลายเป็นว่าไม่สนิทใจ กลายเป็นว่าหมันไส้ไปซะงั้น บรรยากาศคงจะไม่มาคุขนาดนี้ถ้าจู่ ๆ พ่อเธอไม่หนีกลับกรุงเทพอย่างกะทันหันไปเสียก่อน ท่านว่าต้องรีบไปช่วยงานศพเพื่อนบ้าน ขอกลับไปก่อนแล้วให้เธอกับคุณภพตามไป ทำให้ตอนนี้เธอต้องเดินทางด้วยรถยนต์กับคุณภพเพียงสองคน นั่นยิ่งทำให้เธอทำตัวไม่ถูก การนิ่งจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับเธอตอนนี้

คนที่อารมณ์ดีมาตลอดตั้งแต่เช้าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เมื่อเห็นคนข้าง ๆ เอาแต่นิ่งเงียบ เขาเพียรชวนคุยนั่นคุยนี่เธอก็ยังนิ่งมองแต่นอกหน้าต่าง ทำราวกับต้นไม้ใบหญ้าพวกนั้นมันน่าสนใจมากกว่าตน นั่งรถมากับเขามันน่าอึดอัดมากหรือไง นราภพเริ่มรู้สึกว่าตัวเองพลาดไป ที่ทำให้ระยะห่างที่ตอนแรกมีอยู่นิดเดียวมันกว้างขึ้นมาเสียอย่างนั้น เห็นทีจะไม่ได้การ เขาคงต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อละลายพฤติกรรม

ไวเท่าความคิดนราภพเปลี่ยนเส้นทางเดินรถในทันที ณหทัยแปลกใจที่นราภพแยกซ้ายแทนที่จะขับตรงไปมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร แต่ด้วยความปากหนักเธอก็ยังไม่ยอมเอ่ยปากถามอะไร ยังคงนิ่งเงียบเหมือนเดิม

นราภพยิ้มกริ่มอย่างชอบใจ ทำไมเขาจะไม่เห็นแว่บแรกที่เธอแสดงอาการตกใจ ยิ่งเธอไม่ขัดยิ่งเข้าทางคนชอบแกล้งอย่างเขา นราภพนำพายานพาหนะออกนอกเส้นทางด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม

จากที่แค่แปลกใจณหทัยเริ่มเปลี่ยนเป็นกระสับกระส่าย แล้วในที่สุดหญิงสาวก็ทนไม่ไหว ต้องเอ่ยปากมาจนได้

“คุณภพกำลังจะไปไหนคะ ตรีอยากกลับกรุงเทพ”

นราภพหันมายิ้มให้ทั้งปากทั้งตา

“ผมว่าณหทัยคงยังเที่ยวไม่เต็มอิ่มเท่าไหร่ เห็นหน้าบึ้งนั่งเงียบมาตลอดทางเลย ผมเลยจะพาไปเที่ยวต่อ จากตรงนี้อีกไม่เกินสองสามชั่วโมงก็จะถึงเขื่อนเชี่ยวหลานแล้วครับ ไปนอนเล่นริมเขื่อนกันดีกว่า”

“คุณภพ !” ณหทัยเรียกอีกฝ่ายอย่างตกใจ ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะเล่นแรงขนาดนี้

“อ้าวไม่ดีใจหรอครับ” คนเจ้าเล่ห์ยังเย้าไม่เลิก

“พาตรีกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะคะ”

“ไม่ครับ”

ณหทัยเม้มปากแน่นอย่างขัดใจ จะกระโจนเข้าไปทุบก็กลัวรถเสียหลัก สุดท้ายก็ได้แต่สะบัดหน้าพรืดไปอีกทาง

นราภพยังคงขับรถต่อไปแต่ความเร็วลดลงตามลำดับ ซึ่งคนที่มัวแต่โกรธอยู่ข้าง ๆ อาจจะไม่ทันสังเกต ในที่สุดนราภพก็พารถจอดชิดข้างทาง ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยแล้วค่อย ๆ ดึงตัวหญิงสาวให้หันกลับมาเผชิญหน้ากัน

“ผมว่าเราต้องคุยกัน...ใช่ไหม”

“แต่ตรีไม่มีอะไรจะคุย” ณหทัยพยายามหันหน้าหนี แต่นราภพไม่ยอมง่าย ๆ มือแกร่งรั้งปลายคางหญิงสาวไว้มั่น จนอีกฝ่ายนิ่วหน้า

“ไม่คุยงั้นทำอย่างอื่น” ดวงตาดำขลับที่เคยแน่วนิ่งบัดนี้จ้องไปยังริมฝีปากสีระเรื่อตาปรอย

“เอ๊ะ คุณภพ” ณหทัยเม้มปากแน่นพลางถลึงตาใส่คนตรงหน้าที่ชักจะเอาเรื่องมากขึ้นทุกที แต่ก่อนไม่เห็นจะเป็นอย่างนี้เลย คุณภพไปกินอะไรผิดสำแดงมานะ หญิงสาวอดสงสัยไม่ได้

นราภพมองสายตาระแวดระวังของเธอแล้วอดยิ้มขำไม่ได้

“ทำไมมองผมแบบนั้นครับคุณผู้หญิง”

“คุณเป็นใครกันแน่คะ คุณไม่ใช่คุณภพที่ตรีเคยรู้จักเมื่อหลายเดือนก่อน”

“เอ...” นราภพลากเสียงยาว ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันใด “งั้นอย่างนี้ต้องพิสูจน์”

ณหทัยทวนประโยคนั้นอยู่ในใจ ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อรู้เท่าทันความคิดของผู้พูด ร่างบางขยับตัวจะหนีแต่ก็ยังช้ากว่าคนที่รออยู่แล้ว

“อุ๊บ…!”

ริมฝีปากบางถูกครอบครองด้วยความรวดเร็ว นราภพเคลื่อนมือไปตรึงท้ายทอยหญิงสาวไว้ บังคับเล็กน้อยเพื่อให้เธอแหงนหน้ารับจูบจากเขาได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น ณหทัยพยายามดิ้นรนผลักไส แต่พื้นที่และเรี่ยวแรงเหมือนจะไม่เอื้ออำนวยเท่าใดนัก จุมพิตเร่าร้อนของนราภพทำงานได้ดีเกินคาด ร่างบางในอ้อมแขนอ่อนระทวยลงเรื่อย ๆ เมื่อไร้แรงต้านชายหนุ่มก็ค่อย ๆ ละเลียดเล็มความหวานปานน้ำผึ้งเดือนห้าทีละนิด ๆ ยิ่งชิมก็ยิ่งอร่อยจนไม่อยากหยุด แต่ก็ต้องหักห้ามใจเมื่อสัมผัสได้ถึงหยาดน้ำตาที่ไหลรินลงมาจากดวงตาคู่งาม นราภพละริมฝีปากจากเรียวปากบางก่อนจะค่อย ๆ เลื่อนขึ้นไปจูบซับน้ำตาให้หญิงสาวอย่างแผ่วเบา

“อย่าร้องนะครับ...คนดี”

ณหทัยหลับตานิ่ง สะอื้นออกมาเบา ๆ

“ตรีไร้ค่ามากเลยใช่ไหมคะ ขนาดคนที่คิดว่ารักยังใช้เวลไม่ถึงสิบนาทีบอกเลิกทิ้งขว้างกันอย่างไม่ไยดี คุณภพเองก็ยังทำเหมือนไม่ให้เกียรติกัน นึกอยากจะทำไรก็ทำ ไม่สนใจความรู้สึกตรีเลยสักนิด” น้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าที่สั่นเครือเจือสะอื้น ทำเอานราภพใจหวิว ๆ ต้องรีบล่ำละลักแถลงไขก่อนเธอเข้าใจผิด

“ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น ได้โปรด คนดีอย่าคิดอย่างนั้น”

“ไม่ให้คิดได้ยังไงคะ...ในเมื่อคุณภพทำให้เห็นว่าเป็นแบบนั้น”

คนตัวโตถึงกับหนักใจ จะบอกเธอยังไงดีว่าความรู้สึกที่เก็บกักไว้ตั้งแต่พบกันครั้งแรกมันเริ่มจะควบคุมไม่อยู่ ตนเลยเผลอแสดงอะไรห่าม ๆ ไปหลายต่อหลายครั้ง จนเธอเข้าใจผิดเอาจนได้

“เงียบทำไมคะ บอกออกมาสิคะว่าตรีมันไร้ค่ามากเลยใช่มั้ย ถึงได้ทำกันแบบนี้” ณหทัยโวยวายลั่น มือบางทุบลงบนอกกว้างอย่างเหลืออด เขาทำราวกับเธอไม่มีค่า นึกจะจูบก็จูบ สองครั้งสองคราเข้าไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่เธอกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันเลยสักนิด

นราภพรวบมือบางที่กำลังประทุษร้ายตนเองอยู่มากุมไว้พลางดึงร่างบางเข้ามาในอ้อมกอด ณหทัยดิ้นขลุกขลักในอ้อมแขนแข็งแรง แต่นราภพก็ไม่สนใจร่างบางที่กำลังประท้วง เขากอดเธอไว้นิ่งนานจนอีกฝ่ายหยุดประท้วงไปเอง

ณหทัยพยายามดิ้นต่อต้านจนหมดเรี่ยวแรงก็ยังไม่สามารถออกจากอ้อมแขนที่รัดรึงนั้นได้ จึงได้แต่อิงแอบไปกับอกอุ่นแล้วสะอื้นไห้เบา ๆ

“ผมขอโทษที่ทำให้คุณรู้สึกแบบนั้น แต่ผมบอกได้จากหัวใจว่าคุณไม่ใช่ผู้หญิงไร้ค่า คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แต่ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่าคุณมีค่ามากสำหรับคุณพ่อคุณและ...สำหรับผม ผู้ชายธรรมดา ๆ คนนี้” นราภพกระซิบชิดกลุ่มผมนุ่มสลวยเพื่ออธิบายความในใจส่วนหนึ่งให้เธอรับฟัง

ณหทัยผละจากอกกว้างที่พักพิงอยู่เมื่อครู่ เงยหน้าขึ้นสบตากับดวงตาคู่คมที่กำลังทอดมองมายังเธอนิ่งนาน แล้วก็เป็นเธอที่เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ต่อสายตานั้นจนต้องหลบเมินไป แค่คำพูดไม่กี่คำทำไมเธอรู้สึกหัวใจพองโตขนาดนี้นะ คำหวานจากวัชพลบางครั้งยังไมได้ทำให้เธอรู้สึกซาบซึ้งเท่านี้เลย

‘คุณภพกำลังร่ายมนต์อะไรใส่เรากันแน่นะ’ ในภวังค์ความคิด ณหทัยเริ่มมีคำถาม แต่สามัญสำนึกในหัวใจฝ่ายที่เคยบอบช้ำบัดนี้คอยถือเข็มทิ่มแทงกระตุ้นเตือนให้ณหทัยระลึกถึงความเจ็บปวดที่ผ่านมา

‘ไม่ได้นะตรีเธอต้องมีสติ เธอพึ่งอกหักมานะ อย่าพึ่งไว้ใจผู้ชายง่าย ๆ สิ’ ณหทัยสะบัดศีรษะเบา ๆ ขยับตัวออกจากการเกาะกุมของนราภพ

“พาตรีกลับบ้านเถอะนะคะ”

นราภพโคลงศีรษะทั้งรอยยิ้มอยากจะหัวเราะและร้องไห้ไปในคราวเดียวกันเมื่อคนตรงหน้าเอ่ยตัดบทขึ้นมาดื้อ ๆ คนกำลังซึ้งเลยมาตัดบทกันซะเฉย ๆ แบบนี้ พ่ออยากจะจับจูบให้ขาดใจอีกสักยกเสียจริง แต่วันนี้คงต้องปล่อยเธอไปก่อน เธอยังไม่พร้อมสำหรับการเปิดใจในทันทีทันใด ยังสับสนอยู่มากเขาจำเป็นต้องให้เวลาเธออีกสักหน่อย แค่เขารุกคืบขนาดนี้เธอก็รวนไม่เป็นท่าแล้ว นราภพระบายยิ้มบาง ๆ ก่อนจะรีบปฏิบัติตามบัญชาคนข้าง ๆ อย่างเคร่งครัด

“น้อมรับคำสั่งครับคุณผู้หญิง เราจะกลับบ้านสวนกันเดี๋ยวนี้เลย” รอยยิ้มบาง ๆ ถูกส่งให้ณหทัย พร้อม ๆ กับการหันหัวรถกลับไปในทิศทางเดิม

‘น้ำมันไม่ได้เกิดได้ในวันเดียว ฉันใด ความรักของนายนราภพก็คง ฉันนั้น’ ชายหนุ่มได้แต่ย้ำเตือนกับตัวเองไปพลาง ๆ

-------------------------------------------

นราภพและณหทัยเดินทางถึงบ้านสวนโดยสวัสดิภาพ แต่เป็นในตอนบ่ายสามของอีกวัน หลังจากที่ทั้งสองจอดรถปรับความเข้าใจกันแล้ว(หรอ) นราภพก็พาหญิงสาวมาหาที่พักค้างคืนแถวชุมพร ก่อนจะตีรถยาวเข้ากรุงเทพในตอนสายของวันรุ่งขึ้น

ณหทัยเอ่ยขอตัวทันทีที่มาถึงบ้าน คุณดนัยรอจนบุตรสาวหายลับเข้าไปในบ้านจึงได้เอ่ยถามหนุ่มรุ่นลูกขึ้น

“เป็นไงบ้างภพ ไหนมาอัพเดทให้พ่อฟังหน่อยมีอะไรคืบหน้าบ้าง”

“ก็...” ผู้สูงวัยกว่านั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ

“เฮ้ย ไม่ได้ปรับความเข้าใจกันได้หรอกเรอะ” ดนัยทำท่าเสียดายเมื่อฟังจากปากนราภพแล้วปรากฏว่าการเดินทางกลับครั้งนี้ไม่ได้หวานแหววอย่างที่คิด

“ครับ”

“ไม่เป็นไร ๆ ตอนพ่อจีบแม่ยายตรีก็แบบนี้เหมือนกัน กว่าจะลงเอยได้ก็เอาการอยู่ เกือบจะตีหัวลากเข้าถ้ำแล้วตอนนั้น” คุณดนัยเล่าประสบการณ์ตัวเองให้นราภพฟังขำ ๆ นราภพเองก็อดหัวเราะตามไม่ได้กับอารมณ์ขันของผู้สูงวัย พลางนึกในใจถ้าตนทำแบบนั้นบ้างท่านจะเอาปืนยิงกบาลเขามั้ยนะ

“เอ่อ คุณพ่อครับ ผมคงไม่ได้อยู่หลายวัน”

“อ่าว ไปไหนล่ะพ่อ”

“ผมต้องไปต่างประเทศครับ มีนัดเซ็นสัญญากับคู่ค้าแล้วก็ตรวจงานสาขาในต่างประเทศทุกสาขา อาจจะต้องหายไปเกือบเดือนเลยครับ”

“สองหนุ่มนั่นไปหรือเปล่า”

“ไปครับ”

“ไม่บอกยายตรีหน่อยรึ” นราภพนิ่งไปครู่ก่อนจะเอ่ยออกมา

“ไม่ดีกว่าครับ ผมคงยังไม่สำคัญขนาดนั้น”

“เหย ผู้ชายอกสามศอก มาน้อยใจง่าย ๆ อย่างนี้ได้ไง ไม่เอาน่า”

คุณดนัยกอดคอหนุ่มรุ่นลูกอย่างเป็นกันเอง พลางตบไหล่หนัก ๆ อย่างให้กำลังใจ

“ผมตัดสินใจแล้วครับ อยากให้เวลากับณหทัยด้วยให้เค้าได้อยู่กับตัวเอง เค้าพึ่งจะอกหักมาอาจจะยังไม่พร้อมในเรื่องของความรู้สึกหลายอย่าง ดังนั้นผมขอให้เวลาเค้าหน่อยละกันครับ”

“ใช่ ดี พ่อเห็นด้วยเลยกับเหตุผลนี้ ยังไงก็ขอให้การงานราบรื่นนะจะได้กลับไทยไว ๆ”

“ขอบคุณครับ...ผมขอตัวนะครับ”

“เอ้อ ๆ โชคดีเจ้าภพ”

นราภพประนมมือไหว้ทำความเคารพผู้สูงวัย ก่อนจะแบกเป้หายลับไปทางประตูรั้ว ดนัยเดินตามไปทันได้เห็นชายหนุ่มก้าวขึ้นรถยุโรปคันหรูจากไป ดนัยอดยิ้มไม่ได้ ไม่น่าเชื่อว่าตนจะได้มีโอกาสพานพบกับเศรษฐีจริง ๆ ที่ไม่ใช่แค่ผู้ดีตีนแดงตะแคงตีนเดินที่เอาแต่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อไปวัน ๆ บุรุษผมสีดอกเลาชะเง้อชะแง้อยู่ชั่วครู่ก็เดินกลับเข้าบ้าน

“พ่อไปไหนมาจ๊ะ” ณหทัยที่อาบน้ำอาบท่าเสร็จเรียบร้อยกำลังนั่งเตรียมวัตถุดิบเพื่อทำอาหารเย็นอยู่ตรงชานเรือน อดถามไถ่ผู้เป็นบิดาไม่ได้เมื่อเห็นท่านเดินกลับมาจากทางรั้วบ้าน

“อ้อ ป่าว พ่อเดินดูรอบ ๆ สวน นี่แหละ” คุณดนัยแกล้งปดลูกสาว เพราะอยากสังเกตปฏิกิริยาอะไรบางอย่างจากผู้เป็นลูก

“จ้ะพ่อ...เอ่อ” ณหทัยตั้งท่าจะถามผู้เป็นบิดาอีกเรื่องแต่ก็อึกอักไม่รู้จะถามดีหรือไม่ คุณดนัยลอบยิ้มน้อย ๆ เนื่องจากคาดเดาไว้ในใจแล้วว่าเรื่องที่ลูกจะถามคงไม่พ้นเรื่องของเจ้าหนุ่มเมื่อครู่เป็นแน่ เพราะดวงตาคู่งามที่สอดส่ายหาใครบางคนใช่ว่าจะพ้นสายตาผู้ใหญ่ที่ผ่านโลกมามากกว่าอย่างเขา แต่ดนัยก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไหลตามน้ำไปเรื่อย

“ว่าไงลูก มีไรไหนว่ามา”

“เอ่อคือ...แล้วคุณภพไปไหนแล้วคะ”

“เจ้าภพเรอะ มาลาพ่ออยู่เมื่อกี้นี้ เห็นว่าจะไปช่วยที่บ้านเกี่ยวข้าว เกือบเดือนนั่นแหละม้างที่จะหายไป เห็นเขาว่าอยู่นะ” คุณดนัยพูดไปเหล่มองลูกสาวไป เห็นอีกฝ่ายหน้าง้ำหน้างอลงเรื่อย ๆ ก็แอบชอบใจ

‘ไหนว่าสำคัญ หายตัวไปเกือบเดือนยังไม่ยอมบอกกันเลย’ ณหทัยคิดในใจอย่างหมันไส้ น้อยใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ กะหล่ำดอกขนาดเหมาะมือที่เธอกำลังหั่นอยู่ ลอยหวือออกนอกชาญเรือนไปตามแรงอารมณ์คนน้อยใจ

“อ้าวยายหนู กะหล่ำดอกนั่นจะผัดให้พ่อกินเย็นนี้ไม่ใช่รึ”

ณหทัยสะดุ้งโหยงได้สติขึ้นมาทันที ลุกพรวดไปดูผลงานตนเองตรงขอบระเบียง เห็นกะหล่ำดอกผู้เคราะห์ร้ายหล่นแอ้งแม้งอยู่ใกล้ร่องสวนข้างบ้าน หญิงสาวหันมาส่งยิ้มแหย ๆ ให้ผู้เป็นบิดา

“เดี๋ยวหนูไปเอามาใหม่ก่อนนะคะ ในตู้เย็นยังมีอีกหัวนึง” ไม่ต้องรอให้พ่ออนุญาตณหทัยวิ่งปรื๋อไปเลยทันที
“แล้วอย่าเอาไปขว้างเล่นอีกนะลูก” น้ำเสียงกลั้วหัวเราะจากคุณดนัยดังไล่หลังบุตรสาวไป

--------------------------------------------

ตอนนี้มาล่าช้ามากเลย ขออภัยด้วยนะคะ
ตอนหน้าและต่อ ๆ ไป ผู้เขียนจะวางแผนให้ดีกว่านี้นะคะ
ยังไงไม่ให้เกิน 2 อาทิตย์แน่นอนค่ะ
ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ
แล้วพบกันตอนที่ 10 :)
ต้นเรื่อง.



ปีบเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ธ.ค. 2557, 00:45:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ธ.ค. 2557, 00:45:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1757





<< ตอนที่ 8 เหตุแห่งเรื่อง   ตอนที่ 10 จุดเปลี่ยนของเรื่อง >>
โอชิน 12 ธ.ค. 2557, 19:54:43 น.
คุณภพหวานชะ..น่ารักเเละเจ้าเล่ห์ตามเคย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account