รักแท้...เคียงใจ
รักแท้...เคียงใจ

โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)

อารัมภบท

ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’

นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’

มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ

-------------------------------------------------------------

ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร

ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)

--------------------------------------------------

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)

Tags: หวานซึ้ง อบอุ่นใจ

ตอน: ตอนที่ 10 จุดเปลี่ยนของเรื่อง

สวัสดีปีใหม่ 2558 คุณผู้อ่านที่รักทุกท่านนะคะ
ก่อนอื่นต้องกราบขอโทษกันตั้งแต่ต้นปีเลย เพราะตอนนี้ก็เกิน 2 อาทิตย์อีกแล้ว
ยังไงก็อย่าโกรธกันเลยนะคะ ผู้เขียนยังไม่ได้หยุดเลยซักกะวัน
กลัวผู้อ่านที่รักจะรอนาน เพราะผู้เขียนยังคงมีงานตามมาอีกยาว
เลยเอาตอนที่ 10 มาลงเรียกน้ำย่อยกันก่อน 60-70 % แล้วเดี๋ยวที่เหลือตามมาหลังวันที่ 7 ม.ค. 58
อย่าพึ่งอึดอัดขัดใจกันเลยน้าาา

แล้วก็ สำหรับวาระดิถีอันดีงามนี้
ต้นเรื่องก็ขออำนาจจากคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก
ช่วยดลบันดาลให้คุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านประสบพบเจอแต่สิ่งดีงาม ให้การงานมั่นคง ให้ความรักหวานหยด
ให้ครอบครัวสุขสันต์ ให้ทุกวันเป็นวันแห่งความโชคดี ตลอดทั้งปีนี้และปีหน้านะคะ
:) :) :)

ปะ พบกับคุณภพและหนูตรีกันดีกว่า

รักแท้...เคียงใจ ตอนที่ 10 จุดเปลี่ยนของเรื่อง โดยต้นเรื่อง

ภายในห้องทำงานชั้นบนสุดตึกอัศวเดชา ภัคค์เดินถือกาแฟกลิ่นหอมกรุ่นผ่านประตูเข้ามา พลางส่งเสียงร้องถามคู่หูที่นั่งจดจ้องอยู่กับหน้าหนังสือพิมพ์

“สักแก้วไหม”

เพชรละสายตาจากหนังสือพิมพ์หันมาส่ายหน้าเล็กน้อยเป็นเชิงปฏิเสธให้กับคนที่เดินมานั่งข้าง ๆ

“ไม่ดีกว่า”

ภัคค์แย้มยิ้ม ลืมไปว่าเพื่อนไม่ชอบทานกาแฟ แต่ด้วยนิสัยชอบให้ความสนใจกับสิ่งรอบข้างคนรอบตัวจึงอดถามไถ่ไม่ได้ สองหนุ่มต่างนั่งอยู่ในมุมของตัวเองชั่วครู่ ก่อนที่เพชรจะเป็นฝ่ายถามขึ้นบ้างหลังจากตั้งแต่นั่งมายังไม่เห็นร่างสูงใหญ่ของผู้เป็นนาย

“เจ้านายไปไหน ตั้งแต่เข้ามายังไม่ได้เจอหน้าเลย” ว่าแล้วก็เหลือบมองซ้ายมองขวา

“ในนั้น ๆ” ภัคค์ชี้นิ้วไปทางห้องทำงานด้านในที่มีซ้อนขึ้นมาอีกห้องหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องทำงานส่วนตัวของคนที่เพื่อนถามถึง

“นี่มันกี่โมงกี่ยามกัน เจ้านายจะขยันอะไรขนาดนั้น นายออกมาเจอตอนกี่โมง”

“ตีสามโดยประมาณ” ภัคค์จิบกาแฟไปตอบไป

“หืม...”

เพชรมองไปทางห้องที่นราภพนั่งทำงานอยู่อย่างแปลกใจ ถ้าภัคค์ตื่นมาเจอตอนตีสาม ดูจากรูปการแล้วแสดงว่าอีกฝ่ายยังไม่ได้นอนเป็นแน่แท้

“กำลังสงสัยใช่ปะ ขยันเกินเหตุ” ภัคค์ถามขึ้นพลางยิ้มอย่างมีเลศนัยเมื่อเห็นสีหน้าครุ่นคิดระคนแปลกใจของเพื่อนสนิท

“ใช่” เพชรตอบกลับทันควัน

“ดู ๆ แล้ว น่าจะเป็นอาการของคนที่ตกไปอยู่ในห้วงแห่งรัก ที่กำลังอยากทำบางอย่างให้ตัวเองไม่ฟุ้งซ่านไง ท่าทางแล้วเจ้านายเราคิดไม่ตก เลยต้องเอางานมานั่งทำฆ่าเวลาไปเรื่อย ๆ เผื่องานเสร็จไวจะได้กลับบ้านสวนไง”

ภัคค์ตั้งหน้าตั้งตาอธิบายอย่างเต็มที่ เพชรก็เป็นผู้ฟังที่ดี

“วันนั้นที่ไปรับเจ้านายขึ้นรถจำได้ปะ สีหน้าเจ้านายไม่ค่อยดีเลย”

“อืม เห็นเหมือนกัน”

“ถ้าคุยกับคุณตรีรู้เรื่อง สีหน้าคงไม่เป็นแบบนั้น” เพชรพยักหน้ารับ
ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังว่าด้วยเรื่องเจ้านายกันอยู่นั้น ฝ่ายที่ถูกกล่าวถึงก็เปิดประตูห้องทำงานออกมาพอดี นราภพเพ่งมองมาทางสองหนุ่มราวกับรู้ตัวว่ากำลังถูกนินทา

“สีหน้าแบบนั้นนะ...” ภัคค์ที่กำลังจะร่ายต่อชะงักไปนิด ก่อนจะกล่าวต่อไปอย่างไหลลื่น “...มันไม่ดีเลยนะเพชร จะไปตามประกบวัชพืชอยู่แล้วนายควรทำหน้าให้มันดี ๆ หน่อย”

“อะ อะ เออ ๆ เดี๋ยวจะทำหน้าให้ดีกว่านี้” เพชรรับมุขอย่างทันท่วงทีเช่นกัน

นราภพหรี่ตามองคู่หูนรกแตกอยู่ชั่วอึดใจ ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองกลายเป็นหัวข้อสนทนาไปแล้ว แต่ปล่อยไปก่อน ไว้ถึงคราวสองแสบนี่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบเขาบ้างเถอะ จะแกล้งให้หัวหมุนเลย นราภพคาดโทษสองหนุ่มไว้ในใจ

“อ้าวเจ้านาย มานานแล้วหรอครับ”

“หึหึหึ” นราภพหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแกล้งทัก

“พึ่งมา ยังไม่ทันได้ยินอะไรเหมือนกัน” เพชรและภัคค์หันมามองหน้ากันโดยอัตโนมัติ สองหนุ่มลงความเห็นในใจว่า เจ้านายมาแปลก ไม่ทันที่สองหนุ่มจะได้สงสัยอะไรมากกว่านั้น นราภพก็โยงทุกคนเข้าเรื่องงาน

“ว่าไงเพชร วัชพลอาการเป็นไง”

“ลางานสามวัน อาการกำลังดี มีคนคอยป้อนน้ำป้อนข้าวครับ”

รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมอย่างยินดี ข่าวที่ได้รับทำให้นราภพอารมณ์ดีขึ้นมาทันตาเห็น เขาไม่ได้คลั่งความรุนแรงที่เห็นความเจ็บปวดของคนอื่นเป็นเรื่องน่ายินดี แต่กับคนบางคนมันก็ต้องโดนซะบ้าง ถึงจะสาสมกับบางสิ่งบางอย่างที่มันเคยทำลงไป

“แล้ววันนี้เราต้องไปไหนกันบ้าง”

ภัคค์ร่ายกำหนดการต่าง ๆ ให้ผู้เป็นนายฟัง รวมถึงระบุชัดเจนว่ารอบนี้เพชรจะบินเดี่ยวไปเฝ้าวัชพลไม่ได้ ต้องติดสอยห้อยตามนราภพไปพร้อม ๆ กับตนเพื่อไปปฏิบัติงานร่วมกัน

“ถ้าอย่างนั้นก็งดภารกิจตามประกบวัชพลไปก่อน จนกว่าจะเคลียร์งานชุดนี้เสร็จ”

“รับทราบครับเจ้านาย”

สองหนุ่มแยกย้ายกันไปเตรียมเอกสารแล้ว ทั่วทั้งห้องเหลือเพียงนราภพที่ยืนพิงประตู สายตามองไปไกลอย่างครุ่นคิดถึงบางสิ่งบางอย่าง

‘หวังว่าระหว่างนี้วัชพลคงจะไม่ก่อเรื่องอะไรให้เขาหนักใจ’

-----------------------------------------------------

“สวัสดีค่ะคุณลุง”

“อ้าวหนูนิน กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่”

ดนัยละมือจากการรดน้ำต้นไม้มารับไหว้สาวน้อยนินตราที่ยิ้มฟันขาวมาแต่ไกล เด็กสาวที่มีรั้วบ้านติดกัน เพื่อนสนิทของบุตรสาวที่ตนเองก็เห็นอีกฝ่ายเป็นลูกเป็นหลานเหมือนกัน

“กลับมาได้สองสามวันแล้วค่ะคุณลุงแต่ยังช่วยพี่นนท์กับพ่อเคลียร์งานอยู่ เลยไม่ได้มาเที่ยวหาเลย คุณลุงสบายดีใช่ไหมคะ” นินตราตอบคำถามพลางถามไถ่ผู้สูงวัยกว่าตามประสาคนที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดี

“ลุงก็สบายดีตามอัตภาพแหละลูก คุณพ่อกับพี่ชายหนูล่ะเป็นยังไงบ้าง”

“สองคนนั้นหรอคะ” นินตราเอามือป้องปาก พลางส่งเสียงกระซิบกระซาบ “หายใจเข้าหายใจออกเป็นงานอย่างเดียวเลยค่ะตอนนี้”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า” คุณดนัยหัวเราะลั่นกับท่าทางแก่นเซี้ยวของหลานสาวตัวน้อยที่บัดนี้โตเป็นสาวสะพรั่ง ถ้าเปรียบผู้หญิงเป็นดอกไม้ ณหทัยลูกสาวตนก็คงจะเป็นดอกปีบที่ส่งกลิ่นหอมเย็นให้ใครต่อใครได้เย็นใจเย็นกายกับความเรียบร้อยอ่อนหวาน ส่วนนินตราคงจะเป็นดอกเบญจมาศสีสันสดใสที่ใครพบใครเห็นต่างก็ต้องกระชุ่มกระชวยหัวใจกับอากัปกิริยายิ้มเก่งพูดง่ายสไตล์คนอัธยาศัยดี

“ยังไงลุงฝากความคิดถึงไปถึงพ่อเราด้วยนะ พักหลังมานี่ลุงหาตัวไม่ค่อยเจอเลย”

“ได้ค่ะคุณลุง” นินตรารับฝากด้วยความยินดี

“แล้ววันนี้จะพากันออกไปไหนล่ะลูก”

“ว่าจะพากันไปหาอะไรทานแล้วก็ดูหนังซักเรื่องสองเรื่องน่ะค่ะคุณลุง หนังไทยสนุก ๆ น่าดูหลายเรื่องเลยตอนนี้”

“เอา ๆ เที่ยวให้สนุก ยายตรีมานั่นแล้ว”

ดนัยพยักพเยิดไปทางบันไดบ้าน ณหทัยก้าวลงบันไดบ้านมาด้วยความดีใจเมื่อเห็นเพื่อนสาวยืนคุยกับผู้เป็นพ่ออยู่ นินตราเองก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจไม่ต่างกัน สองสาวกอดกันกลม

คุณดนัยยิ้มด้วยความเอ็นดูกับอาการดีใจเหมือนเด็กของคนทั้งคู่ โตจนจะแต่งงานแต่งการกันได้อยู่แล้ว ยังทำตัวเป็นเด็กกันอีก

“พ่อจ๊ะ หนูไปเที่ยวกับนินก่อนนะจ๊ะ”

พอผู้เป็นพ่อพยักหน้าอนุญาตสองสาวก็พากันเดินออกไปด้วยความรวดเร็ว

“อย่าพากันกลับดึกนักนะลูก” ดนัยตะโกนไล่หลังไป

“จ๊ะ หนูรักพ่อที่สุดเลย”

“หนูก็รักคุณลุงนะคะ”

สองสาวตะโกนตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสดใส ดนัยอดยิ้มขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ อะไรจะมีความสุขเท่ากับการที่เราได้เห็นคนที่เรารักยิ้มได้กันล่ะ ดนัยลงมือรดน้ำต้นไม้ต่อไป

ต้นไม้ต้นสุดท้ายพร่างพราวไปด้วยสายน้ำพร้อม ๆ กับพระอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้า คุณดนัยเก็บสายยางเข้าที่ พลางเดินไปหยิบตอกไม้ไผ่ที่ตนทำเตรียมไว้ตั้งแต่บ่ายขึ้นบ้าน ตั้งใจจะไปสานอะไรเล่นฆ่าเวลาระหว่างรอลูกสาว

บ้านสวนยามนี้เงียบสงบ ด้วยตัวบ้านอยู่ลึกเข้ามาด้านใน ห่างจากถนนและเพื่อนบ้านพอสมควรด้วยอาณาเขตของสวนจำปีที่กว้างขวาง ประกอบกับวันนี้ไม่มีการเก็บจำปีในสวน จึงยิ่งทำให้สวนทั้งสวนเงียบสงัด ดนัยอดนึกถึงชายหนุ่มรุ่นลูกอย่างนราภพขึ้นมาไม่ได้ ซีอีโอหนุ่มกับการตามหารักแท้ รอยยิ้มบาง ๆ จุดขึ้นบนดวงหน้าคร้ามแดดคร้ามฝน ไม่เคยคิดด้วยซ้ำว่าเรื่องแบบนี้มันจะมีจริง ตนคงเชื่อว่ามันมีแค่ในนิยายถ้าไม่ได้ประสบพบกับตนเอง ไม่รู้ตอนนี้อีกฝ่ายเป็นยังไงบ้างหายไปร่วมสองอาทิตย์กว่าได้แล้ว ถ้าเจ้านั่นอยู่ที่นี่ตอนนี้ตนก็คงมีเพื่อนนั่งคุย หรือไม่ก็คงมีคนไปเป็นเพื่อนลูกสาวเพิ่มอีกคน

ความคิดที่ไหลไปพร้อม ๆ กับการสานตะกร้าของคุณดนัยหยุดลงเมื่อได้ยินเสียงคนกำลังเดินเข้ามาในเขตบ้านมือหยาบกร้านวางอุปกรณ์จักสานลง พลางเดินไปต้อนรับผู้มาเยือนซึ่งตนเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเป็นใคร

‘เอ กลับกันเร็วจัง พึ่งจะสองทุ่ม’

ดนัยเพ่งมองจากระเบียงบ้าน เห็นชายร่างสูงโปร่งในเสื้อผ้ามาดผู้ดีเดินใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จึงสาวเท้าลงบันไดไปต้อนรับ แต่เท้าที่กำลังก้าวเดินอย่างหนักแน่นของคุณดนัยก็ต้องหยุดชะงัก ในตาวาวแสงหรี่ลง เมื่อพบว่าผู้มาเยือนในยามวิกาลนี้เป็นใคร

‘มันมาทำไม’ คำถามแรกที่ดังก้องในใจเจ้าของบ้าน

“สวัสดีครับคุณพ่อ”

วัชพลส่งเสียงทักทายและยกมือไหว้ผู้สูงวัยอย่างนอบน้อม โดยหวังจะได้รับความเอื้อเอ็นดูดังเดิม เพราะตอนนี้ไม่รู้ว่าณหทัยได้เล่าอะไรให้พ่อเธอฟังหรือยังถึงสถานะระหว่างเขากับเธอ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ยืนอยู่ตรงหน้าขนาดนี้ก็ขอวัดใจไว้ก่อน เพื่อผลประโยชน์บางประการ

“ใครพ่อเอ็ง”

วัชพลเหวอไปเหมือนกันเมื่อเจอคำถามย้อนกลับมาแบบนั้น แบบนี้ลูกสาวคงจะฟ้องพ่อหมดแล้ว แต่ชายหนุ่มก็ยังทำใจดีสู้เสือ

“โธ่ คุณพ่อครับ ถึงผมจะไม่ได้เป็นคนรักของน้องตรีแล้ว แต่ผมก็ยังเคารพคุณพ่อเหมือนเดิมนะครับ”

‘มันจะมาไม้ไหน’ คุณดนัยได้แต่คิดอยู่ในใจพลางยืนฟังถ้อยคำโอภาปราศรัยอย่างระแวดระวัง

“คุณมีธุระอะไร เท่าที่ทำให้ลูกสาวผมร้องไห้ ยังไม่พอใจหรือไง”

“โอ๊ะ ๆ อย่าคิดแบบนั้นครับ ผมไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นเลย คุณพ่อน่าจะเข้าใจว่าความรักมันบังคับกันไม่ได้ ในเมื่อที่สุดแล้วน้องตรียังไม่ใช่สำหรับผม ผมก็ต้องบอกน้องไป อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

‘ยังไม่ใช่’

“เหอะ ๆ” คุณดนัยส่งเสียงหัวเราะในลำคออย่างไม่อยากเชื่อเท่าไหร่นัก ก่อนจะตัดบทออกไปเพราะเบื่อจะฟังหนุ่มรุ่นลูกที่ไม่ถูกชะตานี่พล่ามเสียเต็มประดาแล้ว

“คุณมีธุระอะไรก็ว่ามา ว่าจบจะได้กลับไปเสียที”

วัชพลแสร้งยิ้มแย้มแจ่มใส ทั้งที่ในใจเริ่มไม่พอใจเหมือนกันที่ถูกไล่โต้ง ๆ แต่ด้วยความที่เดินทางมาอย่างคนมีวัตถุประสงค์เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงจำเป็นต้องปั้นหน้าเพื่อให้วัตถุประสงค์นั้นบรรลุให้จงได้

“คือแบบนี้ครับคุณพ่อ เพื่อนผมอยากจะได้ที่แปลงนี้ของคุณพ่อ โดยเสนอราคาให้ดีมาก ๆ ถ้าคุณพ่อยอมขายทั้งสวนนี้ให้เพื่อนผม คุณพ่อจะกลายเป็นเศรษฐีในชั่วข้ามคืน คุณพ่อตกลงขายที่แปลงนี้ให้เพื่อนผมเถอะนะครับ ผลประโยชน์ตามมาอีกมากมาย...”

ดนัยขบกรามแน่น โทสะแล่นขึ้นเป็นริ้ว ๆ สวนนี้เขารักของเขามาก สร้างมาเองกับมือ ร่วมกันทำมากับภรรยาสุดที่รัก ตั้งใจจะมอบให้เป็นของขวัญวันแต่งงานกับลูกสาว ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร ไม่ศึกษานิสัยใจคอ จู่ ๆ ก็มายื่นข้อเสนอบ้าบอนี่ให้ มันเห็นเขาเป็นคนยังไง

วัชพลไม่ทันได้สาธยายจนจบ คุณดนัยก็ตวาดขึ้นมาเสียงดังลั่นจนวัชพลหน้าเสีย

“ออกไปจากบ้านของผมเดี๋ยวนี้ !!!”

“เดี๋ยวสิครับคุณพ่อ ฟังข้อเสนอที่เหลือของผมก่อน....”

“มาทางไหน กลับไปทางนั้นเลย ก่อนที่ผมจะโมโหมากไปกว่านี้”

วัชพลเห็นท่าไม่ดี จึงรีบประนีประนอมไว้ก่อน

“โอเคครับ ๆ วันนี้ผมกลับก่อน คุณพ่ออย่าพึ่งรีบปฏิเสธเลยนะครับ เก็บไว้พิจารณาก่อน ผมรอได้เสมอ”

“ไม่ต้องรอ เพราะยังไงที่แปลงนี้ก็ไม่มีทางหลุดไปเป็นของคนอื่นเด็ดขาด แล้วคิดว่าคนอย่างนายดนัย จะยอมขายที่ให้มนุษย์น้ำหน้าขี้โกงอย่างคุณเรอะ ฝันไปเถอะ”

วัชพลเริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับคำพูดของผู้สูงวัยกว่า แต่ก็ยังยิ้มแย้มแจ่มใส แสดงท่าทีเป็นมิตรจริงใจให้
“คุณพ่อพูดอะไรครับ ผมไม่เข้าใจ”

“ไม่ต้องมาทำหน้าตาใสซื่อ อะไรที่เคยทำไว้อย่าคิดว่าคนอื่นเค้าจะรู้ไม่เท่าทัน”

“คุณพ่อรู้อะไร” ดวงตารีเล็กเริ่มส่อประกายหวาดระแวง

ดนัยยิ้มเยาะเมื่อเห็นอีกฝ่ายหน้าตึง

“อย่าคิดว่าจะมาปลอมแปลงเอกสารสวมรอยอ้างสิทธิ์อย่างที่เคยทำได้ง่าย ๆ บอกไว้ก่อนว่าครั้งนี้หรือครั้งต่อ ๆ ไปมันจะไม่มีทางสำเร็จ”

“คุณพ่อรู้...” วัชพลพึมพำออกมาราวกับคนละเมอ

“ใช่ รู้ ดังนั้นกลับไปซะเถอะครับ อย่ามาที่นี่อีก รวมถึงอย่ามายุ่งกับลูกสาวผมด้วย”

เสียงที่เปล่งจากริมฝีปากของคุณดนัยราวกับเป็นประโยคบอกเล่าที่ลอยเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกหูขวา โดยไม่ได้กระทบโสตประสาทของวัชพลสักกระผีกเดียว วัชพลยังคงนิ่งอึ้ง ตกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ว่าความลับที่ตนพยายามปกปิดไว้นั้น บัดนี้มีผู้ล่วงรู้แล้ว และคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ คนใกล้ตัวคู่กรณีเขาแบบที่สุดเสียด้วย คนที่จะทำให้อันตรายเกิดกับตนได้ง่ายที่สุด

เมื่อความคิดที่หมุนเวียนในสมองมาไหลวนอยู่กับคำว่า ‘อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตัวเอง’ สติสัมปชัญญะที่หลุดลอยไปของวัชพลก็เริ่มกลับมา ‘ทุกสิ่งทุกอย่างที่สร้างมากับมือ จะไม่มีทางมันมลายหายไปเพียงเพราะถูกจับได้เรื่องทุจริตเด็ดขาด’ วัชพลบอกกับตัวเอง สายตาที่เหม่อลอยอยู่เมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว

ดนัยเห็นอีกฝ่ายนิ่งไปนานก็คิดว่าจบเรื่อง พูดขนาดนั้นน่าจะเข้าใจกัน แล้วตนเองก็ไม่คิดที่จะไปสืบสาวราวเรื่องอะไรให้มันมากความ เพียงแค่อีกฝ่ายไม่มายุ่งหรือมาทำร้ายอะไรลูกสาวตนอีกก็พอ คิดได้ดังนั้นผู้สูงวัยกว่าก็หมุนตัวหันหลังตั้งใจจะเดินกลับขึ้นเรือนไป แต่ยังไปไม่ทันถึงไหนร่างสันทัดของคุณดนัยก็ต้องเซถลาล้มลงกับพื้น เมื่อวัชพลฉวยเอาเสียมอันใหญ่ที่วางพาดอยู่กับเสาบ้านฟาดลงไปบนต้นคอของคุณดนัยเต็มแรง

ด้วยความที่เป็นคนแข็งแรงจากการออกกำลังทำไร่ทำสวนอยู่ทุกวัน ทำให้ดนัยยังไม่หมดสติในทันที ร่างที่ล่วงลงพื้นของดนัยพยายามหยัดตัวลุกขึ้นอย่างลำบากยากเย็น แต่ดนัยขยับตัวขึ้นมาได้เพียงนิดเดียววัชพลก็กระหน่ำฟาดลงไปอีกชุดใหญ่ในตำแหน่งเดิม

“ฝันไปเถอะว่ากูจะปล่อยให้มึงกลายเป็นหอกข้างแคร่” วัชพลเปล่งเสียงลอดไรฟันทั้งน้ำเสียงเหนื่อยหอบ มือหนากำเสียมแน่นโทสะร้ายคุกรุ่นไปรอบตัว

คุณดนัยนอนแน่นิ่งไป ในความพร่าเลือนจากหยาดโลหิตที่ไหลทะลักออกปากออกจมูก ชายสูงวัยยังทันได้รับรู้ถึงถ้อยคำมาดร้ายของอีกฝ่าย ดวงตาที่เคยฉายแววเปี่ยมรักให้บุตรสาวและภรรยาอยู่เป็นนิจบัดนี้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา สำนึกสุดท้ายจำต้องยอมรับว่าตนไม่อาจอยู่ดูแลบุตรสาวอันเป็นที่รักได้อีกแล้ว และก่อนที่สติจะหลุดลอยไปคุณดนัยก็ได้แต่ตั้งจิตอธิษฐานขอให้นราภพกลับมาปกป้องดูแลลูกสาวของตนได้ทันเวลา สิ้นความรู้สึกนึกคิดดวงตาอ่อนแสงก็หลับลง น้ำตาหยดสุดท้ายหยดลงกระทบพื้นดินพร้อม ๆ กับลมหายใจสุดท้ายที่หลุดลอยไป

ฝ่ายวัชพลหลังจากที่ยืนหอบอยู่ครู่ใหญ่พอลมหายใจกลับมาเข้าที่เข้าทางเป็นปกติ ก็ขยับไปสำรวจร่างที่ตนกระหน่ำตีไปด้วยความโมโหโทโส พอเห็นคุณดนัยเหลือแต่ร่างไร้วิญญาณดวงตาที่แดงกล่ำราวปีศาจร้ายเมื่อครู่ก็เหลียวซ้ายแลขวา เมื่อพบว่าไม่มีใครเห็น ไม่มีใครอยู่ในเหตุการณ์ มีเพียงความมืดมิดและความเงียบสงัดที่รายล้อมอยู่รอบตัว วัชพลจึงรีบจัดการกับบางสิ่งบางอย่างอย่างชำนิชำนาญและพาตัวเองหายออกไปจากจุดที่เกิดเหตุอย่างไร้ร่องรอย

---------------------------------------------

ร้านอาหารบรรยากาศสบาย ๆ น่ารักเป็นกันเองได้ต้อนรับการมาเยือนของณหทัยและนินตรา ทั้งสองพึ่งจะเดินทางมาถึงร้านแห่งนี้ได้ไม่นานนัก พนักงานต้อนรับยิ้มทักทายสองสาวอย่างคุ้นเคยกันดี

“หายไปนานเลยนะคะ”

สองสาวหันมายิ้มแย้มตอบพนักงานสาวที่ทักทายมาด้วยความเป็นกันเองเช่นกัน ก่อนที่นินตราจะเป็นฝ่ายตอบกลับไปว่าติดงานเลยไม่ค่อยได้มา พนักงานสาวก็ยิ้มรับแล้วรีบกุลีกุจอหาโต๊ะให้สองสาวนั่ง

ร้านนี้เป็นร้านประจำที่เมื่อเจอกันเมื่อไหร่ ทั้งคู่จะต้องพากันมานั่งทานอาหารด้วยกันเสมอ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงกระทั่งตอนนี้

ด้วยบรรยากาศของร้านที่เป็นไปอย่างสบาย ๆ ไม่อึกทึกครึกโครม สายลมยามค่ำคืนที่พัดเอื่อย ๆ สลับกับเสียงดนตรีที่ทางร้านเปิดคลอเบา ๆ ช่วยให้สาว ๆ ผ่อนคลายและรู้สึกสบายใจทุกครั้งที่มาที่นี่ วันนี้ก็เหมือนกัน สองสาวผลัดกันยิ้มผลัดกันหัวเราะอย่างสนุกสนาน เรื่องราวต่าง ๆ ที่ได้ประสบพบเจอมาตลอดหลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันถูกถ่ายทอดผ่านริมฝีปากชมพูระเรื่อให้เพื่อนได้รับรู้

แต่แล้วความสดชื่นก็ขาดหายไปเมื่อจู่ ๆ ณหทัยก็รู้สึกวูบโหวงในอก พอเอมหยิบแก้วน้ำ แก้วน้ำก็พลันหยุดมือหล่นลงพื้นแตกกระจาย

“ตรีเป็นไร” นินตราทักขึ้นอย่างตกใจ

“นิน ตรีว่าเรากลับกันเถอะตรีรู้สึกไม่ดีเลย”

“อะไรกันตรี เมื่อครู่อยู่ในโรงหนังยังหัวเราะร่าอยู่เลย ตอนนี้อยากกลับแล้วหรอ”

นินตรายิ้มล้อเลียนเพื่อนสาว เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วอีกฝ่ายยังหัวเราะท้องคัดท้องแข็งอยู่เลย พอออกจากโรงหนังพวกเธอสองคนก็ดิ่งมาที่ร้านนี้กันเลย ห้านาทีที่แล้วก็ยังสนุกสนานอยู่เลย แล้วตอนนี้เพื่อนเธอดันบอกว่ารู้สึกไม่ดีซะแล้ว ใครจะไปเชื่อ

“ไม่รู้สินิน อยู่ ๆ เราก็รู้สึกโหวงเหวงในอกยังไงก็ไม่รู้ เรากลับกันเถอะนะ”

นินตราเห็นเพื่อนสีหน้าไม่ดีจริง ๆ ก็อดใจอ่อนขึ้นมาไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ใจจริงอยากจะนั่งทานอาหารแล้วคุยเล่นกันพักใหญ่ ๆ ก่อนค่อยกลับ แล้วอีกอย่างอาหารก็พึ่งสั่งไปเสียด้วย

“โอเค ๆ กลับก็กลับ ”

ยังไม่ทันที่สองสาวจะขยับตัวลุกจากโต๊ะอาหาร เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องน้อยของณหทัยก็ดังขึ้น นินตราปล่อยให้เพื่อนรับโทรศัพท์ไป ส่วนตนเองไปเคลียร์ค่าใช้จ่ายและรายการอาหารที่ได้สั่งไปก่อนหน้านี้

พอกลับมาถึงโต๊ะนินตราก็ต้องแปลกใจเมื่อเพื่อนสาวเอาแต่ยืนกำโทรศัพท์แน่น ดวงหน้าเนียนที่เคยขาวใสบัดนี้กลับซีดเผือดไร้สีเลือด

“ยายตรีเป็นอะไร”

นินตราเขย่าตัวเพื่อนเบา ๆ ณหทัยหันมาหาเพื่อนมือไม้สั่นเทาไร้เรี่ยวแรงจนต้องปล่อยโทรศัพท์มือถือให้ร่วงหล่นพื้น
“นินพาตรีกลับบ้านที พาตรีกลับบ้านที”

นินตรารู้โดยทันทีว่าอาจจะเกิดเรื่องไม่ดีบางอย่างขึ้น จึงรีบพยุงเพื่อนที่เอาแต่พูดจาด้วยประโยคเดิม ๆ ซ้ำ ๆ ราวกับคนละเมอสติสตางค์ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวให้ไปที่รถ แล้วสตาร์ทรถออกไปอย่างรวดเร็ว จุดหมายปลายทางคือบ้านสวนจำปีของณหทัย

-----------------------------------------------

มินิคูเปอร์คันน้อยของนินตรามาถึงบ้านสวนในครึ่งชม.ถัดมา ระหว่างทางเพื่อนเธอไม่เอ่ยอะไรออกมาเลย เอาแต่นั่งนิ่งมาตลอด เธอถามอะไรก็ไม่ตอบ แต่ตอนนี้นินตราคงไม่ต้องถามหาคำตอบอะไรจากเพื่อนแล้ว เพราะสถานการณ์ตรงหน้าตั้งแต่รถของเธอมาจอดเทียบหน้าประตูบ้านสวนมันบอกทุกอย่างได้หมดจริง ๆ

หน้าบ้านสวนเวลานี้เต็มไปด้วยไทยมุงกลุ่มใหญ่ กับชาวบ้านอีกกลุ่มหนึ่งที่ถือถังน้ำกันอยู่คนละใบ เยื้องไปหน่อยมีรถดับเพลิงที่พึ่งวิ่งเข้ามาจอด ส่วนเบื้องหน้าของเธอเป็นกลุ่มควันที่ลอยคละคลุ้งมาจากด้านในตรงตำแหน่งของบ้านไม้หลังงามที่ณหทัยและลุงดนัยเป็นเจ้าของ

เสียงเจ้าหน้าที่ที่เข้ามาควบคุมสถานการณ์ดังเข้ามากระทบโสตประสาทที่ตายไปชั่วขณะหนึ่งของณหทัยให้กลับมาทำงานอีกครั้ง หญิงสาวเปิดประตูก้าวลงไปโดยไม่รอให้รถจอดสนิท นินตราต้องรีบเหยียบเบรกแทบไม่ทัน กลัวเพื่อนจะก้าวผิดก้าวพลาดเป็นอันตรายไป แต่เหมือนอีกฝ่ายจะไม่รับรู้ถึงความห่วงใยตรงนั้นเสียแล้ว ณหทัยวิ่งฝ่าฝูงชนเข้าไปถึงหน้าประตูรั้วพยายามจะแหวกวงล้อมของเจ้าหน้าที่เข้าไป พลางหวีดร้องเสียงดังลั่น

“หลีกไป ๆ นี่บ้านตรี ตรีจะเข้าไปหาคุณพ่อ หลีกไป ฮือๆๆ”

“ตรีอย่าเข้าไปมันอันตราย”

นินตราวิ่งตามมารั้งเพื่อนสาวเอาไว้

“นินพ่ออยู่ในนั้น ตรีต้องเข้าไป นิน ตรีต้องเข้าไป” ณหทัยสะอื้นไห้พยายามจะวิ่งเข้าไปด้านในด้วยความเป็นห่วงเป็นใยในตัวบิดาเหลือคณานับ

“อย่าเข้าไปครับ เพลิงลุกไหม้รุนแรงมาก เรื่องช่วยชีวิตคนด้านในปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นะครับ” เสียงเจ้าหน้าที่ตำรวจท่านหนึ่งที่กำลังดูแลความเรียบร้อยอยู่โดยรอบ ร้องทัดทานณหทัยไว้อีกคนเมื่อเห็นอีกว่าฝ่ายยังไม่หยุดพยายามที่จะฝ่าวงล้อมเข้าไปด้านใน ทั้งเจ้าหน้าที่และนินตราต่างก็ช่วยกันจับตัวณหทัยไว้จ้าละหวั่น

ณหทัยร้องไห้ดิ้นรนจนหมดแรง สุดท้ายจึงได้แต่ทรุดตัวลงหน้าประตูรั้วแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลรินมองดูเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทำงานกันอย่างขมีขมัน นินตรานั่งลงข้าง ๆ กอดเพื่อนไว้ทั้งน้ำตา สงสารเพื่อนแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงให้ดีไปกว่านั้น เพราะสถานการณ์ตรงหน้ามันลุกลามรุนแรงเกินกว่าที่จะประชาชนทั่วไปอย่างเรา ๆ จะควบคุมได้

ชาวบ้านร้านช่องที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างก็ยืนมองสองสาวที่นั่งร้องกอดกันร้องไห้อย่างเศร้าสลดใจ โบราณว่าโจรปล้นสิบครั้งยังไม่เท่ากับเจอไฟไหม้ครั้งเดียว หลายคนยังโล่งใจที่ไฟไหม้ครั้งนี้ไม่ลุกลามออกไปหาเพื่อนบ้านเพราะตัวบ้านที่เกิดไฟไหม้ตั้งอยู่ตรงกลางมีสวนจำปีล้อมรอบอีกที ถึงตอนนี้ทุกคนได้แต่หวังว่าเจ้าของบ้านหลังนี้ที่ติดอยู่ข้างในจะยังคงปลอดภัยและอยู่เป็นเพื่อนบ้านกันต่อไปนาน ๆ

----------------------------------------------
แล้วพบกันใหม่ตอนที่ 11 จ้า

ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ :)
ชอบไม่ชอบยังไงติชมได้นะคะ



ปีบเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ม.ค. 2558, 14:19:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ม.ค. 2558, 20:29:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1939





<< ตอนที่ 9 ไม่มีอะไร ก็แค่น้อยใจ   ตอนที่ 11 ผมห่วงคุณมากนะ >>
โอชิน 2 ม.ค. 2558, 22:57:17 น.
รอตามสามหนุ่ม ภพ เพชร ภัค โอ้คล้องจอง มีหนูนินเพิ่มมาคู่กะใครดีหว่า


ยัยตัวนุ่มนิ่ม 5 ม.ค. 2558, 09:21:10 น.
ค้างคา!!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account