หลังม่านเมฆ

Tags: สืบสวน โรแมนติก

ตอน: ---- (5) ----


เสียงกรีดร้องพร้อมกับร่างที่นิ่งไปของจริยาสร้างความโกลาหลไปทั้งบ้าน จารีพรมีสติกว่าที่คิดไว้ แต่คนเป็นแม่อย่างจริยาไม่สามารถทนรับรู้ได้ หากจริยาได้เห็นสภาพของกวีวัธน์ ใจของคนเป็นแม่จะเจ็บช้ำเพียงไหนหนอ ปณาลีน้ำตารื้นขึ้นมาอีกรอบ

“เดี๋ยวน้ำจะให้แม่มาอยู่เป็นเพื่อนนะคะ น้ำอยากไปช่วยพี่วิน ป่านนี้แล้วยังไม่ยอมโทรมา” ผ่านไปร่วมสองชั่วโมงแล้ว หากปณาลียังไม่ได้รับข่าวคราวจากกวินภพเลย

“พี่สาวเรารู้หรือยัง?”

“ยังไม่ได้บอกเลยค่ะ” เสียงหวานสั่นเครือ

“บอกเขาหน่อย ยังไงก็ผัวเมียกัน อีกอย่างคือในเวลาแบบนี้ลูกคงต้องการแม่” จารีพรให้สติ ปณาลีจึงยกโทรศัพท์ขึ้นมาโทรบอกพี่สาว ฝ่ายนั้นช็อคไปกับข่าวที่ได้รู้จนเธอต้องเรียกซ้ำอยู่หลายครั้ง เธอบอกให้พี่สาวมาที่บ้านเพื่อดูแลลูก แต่ปวิตราอยากไปดูกวีวัธน์ก่อน “อย่าเลยค่ะพี่หนึ่ง มันเป็นภาพไม่น่าดูนักหรอก มาบ้านเราเถอะนะคะ” หลังจากนั้นปณาลีจึงพยายามติดต่อกวินภพอีกครั้ง

“พี่วินเป็นยังไงบ้างคะ?”

“แม่พี่ล่ะ?” เขาไม่ได้ตอบแต่กลับถามถึงมารดา

“เป็นลมค่ะ ป้าจ๋าคอยดูแลอยู่ เด็กๆ อยู่กับตายาย น้ำเพิ่งบอกให้พี่หนึ่งกลับมาอยู่กับลูก พี่วินอยู่ไหนคะ น้ำจะไปหา” ไม่รู้ทำไม ปณาลีอยากไปอยู่ข้างเขาและเป็นกำลังใจให้เขาในยามนี้เหลือเกิน แม้ตัวเองจะรู้สึกแย่ไม่ต่างกัน

“อยู่โรงพยาบาล กำลังจะเอาศพไปที่วัด สวดคืนนี้เลย” อยู่โรงพยาบาล...ขออย่าให้ปวิตราเห็นเลย

“เดี๋ยวน้ำไปค่ะ จะเอาเสื้อผ้าของพี่วัธน์ไปด้วย” หลังจากนั้นหญิงสาวจึงขอให้จารีพรหยิบเสื้อผ้าชุดโปรดของกวีวัธน์ให้ก่อนจะรีบมุ่งหน้าไปโรงพยาบาล พยาบาลจัดการเปลี่ยนให้กวีวัธน์ใส่ชุดที่นำมาก่อนจะเคลื่อนย้ายศพไปที่วัด ปณาลียัดเหรียญใส่มือกวินภพหนึ่งถุงใหญ่

“น้ำทุบกระปุกมาค่ะ ใช้ซื้อทางพาพี่วัธน์ไปวัด พี่วินต้องโยนเมื่อถึงทางแยก โยนทางที่เราไม่ได้เลี้ยวนะคะ แล้วพี่วินต้องบอกพี่วัธน์ด้วยว่าไปทางไหน ไม่อย่างนั้นวิญญาณของพี่วัธน์จะหลงทางนะคะ” กวินภพไม่รู้ว่าปณาลีรู้เรื่องพวกนี้มาจากไหน แต่เวลานี้คำเดียวที่เขาอยากบอกคือ

“ขอบคุณมากนะน้ำ” ร่างสูงดึงหญิงสาวเข้าไปกอดแน่นๆ อีกครั้งก่อนจะผละมองหน้าผู้หญิงที่อยู่เคียงข้างเขาในยามที่หัวใจแห้งแล้งที่สุด

“น้ำจะไปติดต่อเรื่องดอกไม้จัดหน้าศพนะคะ ส่วนธูปใหญ่ ตะเกียง แล้วก็ดอกไม้ น้ำวางไว้ที่เก้าอี้ตรงนั้น พี่วินต้องจุดนำพี่วัธน์ไปค่ะ พอไปถึงแล้วก็ไปคุยกับน้าแดงนะคะ แกทำงานพวกพิธีกรเวลามีงานแบบนี้ แกจะได้จัดการเรื่องนิมนต์พระ แล้วก็มานำพระ เรื่องพิธีการต่างๆ แกรู้หมดค่ะ” กวินภพพยักหน้ารับคำเบาๆ

“น้ำยังไม่อยากให้เด็กๆ มาคืนนี้ จะให้อยู่กับแม่ก่อน แล้วจะให้พ่อพาป้าจุ๋มกับป้าจ๋ามา พี่วินว่าไงคะ”

“พี่คิดเหมือนน้ำ แล้วพี่ต้องบอกพี่วุ้นด้วย” ปณาลีขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะคลายออก เกือบลืมว่ากวินภพมีพี่สาวคนโตอีกคน ทำงานเป็นนักวิจัยอยู่ที่บริษัทยาในสิงคโปร์ กัทลีไม่ค่อยกลับมาบ้านบ่อยนัก กอปรกับปณาลีก็ไม่ค่อยได้อยู่ที่นี่ เธอจึงลืมเลือนไปเลยว่าบ้านนี้ยังมีลูกสาวอีกคน

“ค่ะ น่าจะพร้อมแล้วนะคะ พี่วินพาพี่วัธน์ไปเถอะค่ะ” เขาพยักหน้าพร้อมสบตาเธอ ในความเศร้าสร้อยนั้นปณาลีเห็นแววบางอย่างจากแววตาของเขา แววที่เธอเดาไม่ออกว่าคืออะไร แม้จะรบกวนจิตใจบ้างแต่เธอกลับไม่มีเวลาคิดมากนักเนื่องจากมีหลายเรื่องที่ต้องจัดการ

นอกจากจัดการสั่งจัดดอกไม้หน้าหีบศพแล้ว หญิงสาวยังสั่งพวงหรีดอีกสองพวงในนามของครอบครัวของทั้งสองและทางร้านยังจัดเพิ่มในนามของร้าน หวังว่าคืนแรกของการสวดพระอภิธรรมคงจะไม่เงียบเหงาเกินไปนัก เมื่อได้นั่งคุยกับทางร้านแล้ว ปณาลีจึงพบว่ายังมีอีกหลายอย่างมากที่ต้องเตรียม ทั้งของชำร่วยแจกแขกในงาน อาหารว่างเสิร์ฟหลังพระสวดจบ หญิงสาวจัดการสั่งของทุกอย่างที่คิดว่าจำเป็นสำหรับคืนแรกและคืนที่สอง เมื่อครอบครัวของกวีวัธน์ตั้งหลักได้แล้ว เธอเข้าใจว่าพวกเขาคงอยากจัดการเรื่องเหล่านี้เอง เพราะเป็นการทำให้กวีวัธน์ครั้งสุดท้าย

ค่ำแล้วตอนที่ปณาลีกลับเข้ามาที่วัด หญิงสาวอยู่ในชุดเดิมตั้งแต่กลับมาจากที่ทำงาน หน้าตาผมเผ้าดูเหนื่อยล้า ยังดีที่ชุดของเธอวันนี้เป็นสีน้ำเงินเข้ม จึงคิดว่าพอหยวนๆ อยู่จนสวดศพเสร็จ

ภาพของกวินภพที่กำลังประจันหน้ากับพีรัชทำให้เท้าของเธอชะงักอยู่กับที่ ดูเหมือนไม่ใช่การเผชิญหน้ากันธรรมดา แต่เป็นการเผชิญหน้าแบบคู่อริ แววตากรุ่นโกรธ เกลียดชังแสดงออกมาจากฝั่งกวินภพ ผู้ที่หันหน้ามาทางที่เธอเดินมาพอดิบพอดี มันเรื่องอะไรกัน?

“อาอู๋” ปณาลีเรียกเบาๆ หวังทำลายบรรยากาศอึมครึมตรงหน้า ผู้เป็นอาหันหลังมาตามเสียงเรียก

“มางานศพ แต่เจ้าภาพมันไล่” พีรัชอธิบายเสียงสะบัด พร้อมทั้งปรายตามองไปทาง ‘เจ้าภาพ’ ที่ยังจ้องเขาอยู่ไม่ไกล ปณาลีเหลือบตามองตามเช่นกัน ท่าทางของกวินภพบ่งบอกตามที่พีรัชอ้าง เพียงแต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำเช่นนั้น พอรู้อยู่บ้างว่าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกันนักเรื่องธุรกิจ แต่ไม่คิดว่าจะถึงขั้นนี้ เพราะต่างก็เป็นผู้ใหญ่และเป็นนักธุรกิจที่คร่ำหวอดในวงการมานาน

กวินภพเหลือบมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แม้จะรู้ว่าเขาเสียใจเรื่องน้องชาย แต่ปณาลีกลับยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่ามันเกี่ยวอะไรกับพีรัช ยิ่งไปกว่านั้น เธอรู้สึกเจ็บในใจอย่างประหลาดที่เขาเหมือนไม่เห็นแก่เธอเลย เขาไล่พีรัชที่เป็นอาของเธอ และแม้เมื่อเธอมายืนอยู่ตรงนี้ เขายังไม่มีทีท่าจะอ่อนข้อลง จนกระทั่งผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินมาด้านหลังเขา ก่อนกระซิบเบาๆ กวินภพดูเหมือนพยายามควบคุมอารมณ์หลังจากชายผู้นั้นเดินจากไปและหันมาทางพีรัชอีกครั้ง

“เชิญ!” คำกล่าวห้วนๆ พร้อมกับที่ตัวเขาเดินเลี่ยงไปอีกทาง ปณาลียืนนิ่งอยู่ตรงนั้น สังหรณ์ในใจอย่างประหลาดว่าการตายของกวีวัธน์กำลังนำความร้าวฉานมาให้ทั้งสองครอบครัว

เมื่อพีรัชได้รับคำอนุญาต เขาทำสีหน้าไม่พอใจนิดหน่อย ก่อนเดินไปเคารพศพของกวีวัธน์ ปณาลีข่มกลั้นความรู้สึกบางอย่างไว้ก่อนก้าวยาวๆ ไปที่กวินภพ เขากำลังยืนนิ่งอยู่คนเดียวทางด้านข้างของศาลา

“น้ำสั่งของสำหรับคืนนี้และคืนพรุ่งนี้ให้แล้วนะคะ แต่คืนต่อไปคาดว่าครอบครัวพี่วินคงอยากจัดการเอง” บอกทั้งๆ ที่เขายังยืนหันหลังให้ แล้วจึงรีบผละออกมา

“น้ำ!” กวินภพเรียกไว้เมื่อเธอเพิ่งก้าวได้เพียงสองก้าว

“ขอบคุณ” หญิงสาวหันกลับมามองหน้าเขา เมื่อเขาพูดจบ เธอรู้ว่าเขามีอะไรในใจ และรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนนอกขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นท่าทีของเขา เมื่อไม่กี่วันก่อนเขายังไปที่บ้านเธอ และทำให้เธอใจเต้นไม่เป็นส่ำ เธอเกือบรู้สึกไปแล้วว่าระหว่างเธอกับเขานั้นมันมากกว่าเพื่อนบ้าน หรือคนรู้จักกันธรรมดา แต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันคงหายไปจากเขาหมดสิ้นแล้วหลังจากการตายของกวีวัธน์และอะไรบางอย่างในใจที่เขาไม่ได้พูดมันออกมา

“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำทำในฐานะน้องของพี่วัธน์” ความรู้สึกบางอย่างสั่งให้เธอพูดออกไปอย่างนั้น

“ไม่ได้ทำเพราะพี่สินะ”

“พี่วินถามตัวเองดีกว่าว่าอยากให้น้ำทำเพื่อพี่ไหม” เธอมองหน้าเขาอย่างจะวัดใจ ไม่ว่าอะไรที่เขากำลังคิด เธอไม่อาจบังคับให้เขาพูดมันออกมาได้ แต่อย่างน้อยเธอต้องการให้เขาแยกแยะอย่างมีสติ

“น้ำไม่รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่วัธน์ และเมื่อมันเกิด น้ำก็อยากทำให้ดีที่สุดเพื่อพี่วัธน์เป็นครั้งสุดท้ายก็เท่านั้นเอง” ดวงตาสวยยังคงมองหน้าเขา กวินภพยังคงนิ่งไม่เปลี่ยนแปลง

“และน้ำเชื่อว่าครอบครัวของน้ำก็เช่นกัน” คราวนี้กวินภพไม่สามารถนิ่งได้อีกต่อไป แววตาโกรธแค้นของเขาแทบจะเผาเธอให้แหลกอยู่ตรงนี้

“ไปซะเถอะ อย่าพูดแทนคนอื่นเลย” ปณาลีควันแทบออกหู ท่าทีของเขาทำให้เธอคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย เขาปรักปรำว่าครอบครัวของเธอมีส่วนรู้เห็นกับเหตุการณ์ครั้งนี้ และนั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจเขา ที่ทำให้เขามองเธอแปลกๆ รวมทั้งท่าทางเป็นปรปักษ์กับพีรัชเมื่อครู่

“น้ำไม่เคยคิดว่าครอบครัวของน้ำเป็นคนอื่น ความจริงแล้วพี่วินกับครอบครัวนั่นแหละที่เป็นคนอื่นสำหรับน้ำ” ปณาลีหันหลังเดินลิ่วออกมาจากตรงนั้น เธอเห็นพีรัชยืนอยู่ที่รถของเขา

“อาไม่อยู่ฟังสวดนะ มีธุระ พรุ่งนี้ค่อยมาฟัง เราจะอยู่เหรอ?”

“ค่ะ ทางบ้านเราไม่มีใครเลย เดี๋ยวน่าเกลียด พอดีพี่หนึ่งจะเข้ามา น้ำอยากอยู่เป็นเพื่อนพี่หนึ่งก่อน ดูท่าทางจะเรื่องใหญ่” พีรัชซุกมือลงในกระเป๋ากางเกงทำหน้าเครียด

“คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน มีคนมากระซิบว่าเราโดนสงสัย” ปณาลีหันกลับมามองหน้าพีรัช เป็นจริงอย่างที่เธอคิดเสียด้วย

“หลักฐานอะไรที่ทำให้เขาคิดกันแบบนั้นคะ?”

“ไม่รู้ ยังไม่เปิดเผย แต่ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่บ่งชี้”

“ไม่ใช่อาอู๋ใช่ไหมคะ?” ปณาลีถามเสียงแผ่ว ขออย่าให้เป็นอย่างนั้นเลย

“จะบ้าหรือไง ผัวหลาน ใครจะไปทำวะ” ได้ยินแล้วปณาลีเชื่อหมดใจ ไม่ใช่เข้าข้างเพราะเป็นอาหรือคนในครอบครัว แต่เพราะพีรัชเป็นนักเลงเต็มตัวที่ทำอะไรตรงไปตรงมาเสมอ มีเพียงเรื่องเดียวที่อาของเธอเสีย คือการตามใจปวิตราจนเสียเด็กและเสียผู้ใหญ่

“อาไปละ ดูแลพี่เราด้วยถ้าเขามา” หลังจากพีรัชกลับไป ปณาลีเลี่ยงการอยู่ใกล้กวินภพ ตอนนี้พนักงานที่รีสอร์ทของเขาถูกเกณฑ์มาช่วยงานแล้ว ความจริงเธอไม่มีหน้าที่อะไรที่นี่เลย คิดเพียงว่าหากปวิตราเข้ามา อาจดีกว่าถ้าเธออยู่เป็นเพื่อน หญิงสาวถอนหายใจยาวก่อนเดินออกมาเตร็ดเตร่ด้านหน้าศาลา ที่ไม่มีคนพลุกพล่านนัก

“ทำไมอาคุณไม่อยู่ฟังสวดก่อนเล่า” ปณาลีระงับจิตระงับใจก่อนจะหันไปประจันหน้า เพียงแค่ไม่นานกวินภพมีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เมื่อตอนเจอกันที่หน้าโรงเรียนหรือที่โรงพยาบาลเขายังไม่เป็นเช่นนี้เลย

“อาอู๋มีธุระ จะมาฟังวันพรุ่งนี้ค่ะ” เสียงฮึในลำคอพร้อมอาการเบ้ปากเรียกอารมณ์โกรธจากปณาลีได้ดีเหลือเกิน

“ไม่ว่าพี่วินจะคิดอะไรอยู่นะคะ น้ำไม่อาจรู้ได้ แต่ที่น้ำรู้คือน้ำไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใคร น้ำมาที่นี่มาอยู่ตรงนี้เพื่อพี่วัธน์ เพื่อครอบครัวของพี่วัธน์ที่ดีกับน้ำเสมอมา เพื่อเป็นตัวแทนของครอบครัวน้ำด้วย ถ้ามันมีอะไรที่พี่วินไม่ชอบใจน้ำก็พูดออกมาตรงๆ แต่ถ้าเพราะพี่วินไม่พอใจคนอื่นแต่อยากใช้วิธีสื่อผ่านน้ำ ขอบอกว่ามันไม่ได้ผล เพราะน้ำไม่รับสาส์นของใคร อย่าใช้น้ำเป็นที่ระบาย น้ำไม่ชอบ” แววตาของกวินภพอ่อนลง เขาเริ่มกวาดตามองปณาลีอีกครั้ง

“น้ำก็เสียใจ เสียใจมาก แม้มันอาจไม่มากเท่าพี่วิน แต่ขอให้รู้ว่าน้ำเสียใจ เสียดายอย่างสุดซึ้ง อย่าเอาความเสียใจของพี่มาพาลคนอื่นเลยค่ะ น้ำรับไม่ไหว"”ปลายเสียงสั่นจนเขาอยากจะดึงเธอเข้ามากอดเหลือเกิน แต่เขากลับต้องบังคับตัวเองไม่ให้ทำอย่างนั้น

“กินข้าวหรือยัง?” เมื่อคิดตามก็เห็นจริง ว่าเขาไม่ควรเลยที่จะนำเรื่องที่เขากังวลใจมาลงที่เธอ เมื่อมองสำรวจอีกครั้งจึงเห็นว่าปณาลียังอยู่ในชุดเดิม ชุดทำงานของวันนี้ ผมเผ้าดูยุ่งไปบ้าง หน้าตาดูเหนื่อยอ่อน

“ขอตัวก่อนนะคะ”

“ถามว่ากินข้าวหรือยัง เขาตั้งโรงครัวด้านหลัง ไปกินสิ”

“ไม่ค่ะ ขอตัวค่ะ” ปฏิเสธอีกครั้งก่อนจะเดินผ่านรั้ววัดออกไป เธอคงกินไม่ลงหรอก ตอนนี้อยากจะอาเจียนเสียมากกว่า
เมื่อเดินพ้นออกมาแล้ว เธอกลับไม่ได้ไปไหนไกล ปณาลีทรุดตัวลงนั่งที่ม้านั่งเก่าๆ ข้างทาง รอปวิตราที่คงจะมาถึงในไม่ช้านี้ ถอนหายใจยาวก่อนยกมือขึ้นลูบหน้า กวินภพสงสัยครอบครัวของเธอ เขาบ้าไปแล้วหรือไร ใครจะทำเช่นนั้นได้ และหลักฐานที่พีรัชพูดถึงนั้นมันอะไรกัน อะไรที่มีน้ำหนักถึงขั้นให้กวินภพเชื่อเช่นนั้น ถึงขั้นที่เขาหมางเมินกับเธอ

ยอมรับว่าเจ็บทั้งที่เพิ่งรู้สึกหวั่นไหวเมื่อไม่นานมานี้ ความสุขของคนเรามันสั้นจริงหนอ หากเขาสงสัยและปักใจเชื่อเช่นนั้นจริง หลังจากนี้สถานการณ์จะเป็นอย่างไร ก่อนจะได้ถอนหายใจอีกรอบ รถยนต์คันเล็กของปวิตราก็แล่นผ่านประตูวัดไปอย่างรวดเร็ว ปณาลีรีบลุกขึ้นยืนก่อนสาวเท้าตามอย่างรวดเร็ว กลัวเหลือเกินว่าปวิตราจะทนรับพายุอารมณ์ของกวินภพไม่ได้

ทันทีที่วิ่งมาถึงภาพการประจันหน้าของปวิตรากับกวินภพ เหมือนหนังฉายซ้ำไม่มีผิด ผิดกันตรงที่ดูเหมือนกวินภพดูจะโกรธพี่สาวของเธอมากกว่าพีรัชด้วยซ้ำ ปณาลียกมือขึ้นปิดปาก อย่าบอกนะว่าพี่สาวของเธอคือคนที่เขาอ้างว่ามีหลักฐานบ่งชี้

“ไปเคารพศพพี่วัธน์เถอะค่ะ แล้วกลับบ้านก่อนก็ได้ พรุ่งนี้ค่อยมา” หญิงสาวโอบหลังพี่สาวของตัวเองก่อนพาเลี่ยงไปอีกทาง ไม่อยากพูดคุยหรืออธิบายอะไรกับกวินภพทั้งนั้น หากคิดจะโกรธเคือง ไม่รับฟังเหตุผลใดๆ เธอก็คร้านจะพยายามเช่นกัน ชายร่างใหญ่คนนั้นมาดึงเขาไว้อีกเช่นเคย ปณาลีเริ่มสงสัยว่าชายคนนั้นดูเหมือนจะรู้อะไรพอๆ กับที่เขารู้ แต่สามารถควบคุมสติได้มากกว่า รวมทั้งพยายามควบคุมเขาด้วย

ปวิตรานั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นที่หน้าหีบศพของสามีอยู่นานสองนาน พลอยให้ปณาลีสงสาร ทั้งสองยังรักกันและกำลังจะกลับมาคืนดี แต่ทำไมโชคชะตาช่างโหดร้าย ไม่ว่าอย่างไรเธอไม่มีวันเชื่อว่าปวิตราจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะปวิตราคือพี่สาว แต่เพราะเธอเชื่อในความรักของทั้งสองคน รักที่เธอเคยนึกอิจฉา ทั้งรักทั้งผูกพัน คิดมาถึงตรงนี้ปณาลีอดเหลือบมองไปทางกวินภพไม่ได้ ผู้ชายเย็นชาอย่างนั้นจะไปเข้าใจอะไร

เขามองเธออยู่ก่อนแล้ว แม้จะเห็นว่าเธอกำลังมองแต่เขากลับไม่หลบ อีกครั้งที่เห็นแววตาประหลาดจากเขา ไม่อาจเดาได้ว่าเขากำลังคิดอะไร ไม่อยากรับรู้ หากเขาคิดว่าปวิตราคือตัวการ และต้องการตั้งตัวเป็นศัตรูกับครอบครัวของเธอ เธอเองคงไม่อาจเป็นมิตรกับเขาได้เช่นเดียวกัน คิดมาถึงตรงนี้หญิงสาวก็สะบัดหน้ากลับมามองไปที่พี่สาวของตัวเองอีกครั้ง ปวิตราค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นยืน และเดินมาที่เธอ

“พี่หนึ่งกลับบ้านก่อนก็ได้ค่ะ น้ำอยู่เอง ค่ำๆ พ่อคงมา” หน้าตาของพี่สาวช่างเศร้าหมองนัก

“พี่เห็นที่โรงพยาบาล ตอนเขาเอาศพออก ใครทำพี่วัธน์ ใจร้ายมาก” น้ำตาไหลเป็นทางมาจากผู้หญิงที่ได้ขึ้นชื่อว่าสูญเสียสามีอันเป็นที่รัก

“เรากำลังจะเจอกัน จะปรับความเข้าใจกัน จะกลับมาอยู่ด้วยกันเหมือนเดิมแล้ว” ปวิตราปล่อยโฮ จนคนเป็นน้องต้องรวบร่างเข้ามากอด อดน้ำตาซึมตามไม่ได้

“เข้มแข็งไว้ค่ะพี่หนึ่ง พี่วัธน์ไปสบายแล้ว คนที่ยังอยู่ต้องเข้มแข็งนะคะ ถ้ากฏหมายจัดการไม่ได้ กฏแห่งกรรมจะทำหน้าที่ของมันค่ะ เข้มแข็งไว้ค่ะ ลูกอีกสองคนต้องการพี่นะคะ” มือเล็กลูบไปตามหลังพี่สาวเบาๆ ก่อนจะชะงักเพราะรู้สึกถึงต้นแขนของตัวเองที่ถูกใครบางคนกระชาก

“อุ้ย!” ปณาลีเซไปปะทะกับอกแกร่งของคนที่กระชากเธอออกมา

“นอกจากจุดธูปเคารพศพแล้ว ขอขมาด้วยหรือเปล่าล่ะ” คำที่ออกมาจากปากของกวินภพทำให้ปณาลีหมดความอดทน สองมือผลักอกเขาเต็มแรง ชายหนุ่มเซไปเล็กน้อยจากแรงผลัก แต่เขากลับพุ่งกลับมาอย่างรวดเร็วโดยมองไปทางปวิตรา ปณาลีรีบใช้ตัวขวางไว้จนตัวเองต้องรับแรงปะทะนั้นเอง ทำให้ร่างเล็กๆ ถลาลงไปกองกับพื้น รู้สึกเจ็บแปลบแขนข้างซ้ายที่ใช้ยันตัวไว้ ก่อนจะได้ยินเสียงร้องอย่างตกใจของปวิตรา

“ตายแล้ว...น้ำ! ลุกไหวไหม แล้วแขนนั่น โอ้ย...ไปหาหมอนะ” เสียงปวิตราสั่นตอนที่คุกเข่าลงมาประคองเธอ ส่วนคนที่ทำให้เธอต้องเจ็บกลับยังยืนไม่ขยับ งานนี้เจ็บไปถึงใจเลยทีเดียว หญิงสาวก้มหน้าพยายามใช้แขนขวาพยุงตัวโดยมีปวิตราช่วย

“กอดคอพี่ไว้แล้วพยายามยืนขึ้น” เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาทำให้เธอต้องเหลียวมอง เขากำลังคุกเข่าอยู่คนละข้างกับปวิตรา ส่งแววตาแห่งความห่วงใยมาให้

“พี่หนึ่งมาด้านขวาได้ไหมคะ แขนซ้ายมันเจ็บ” ปณาลีละสายตาจากเขา พูดกับพี่สาวเบาๆ ถ้าเลือกจะเป็นศัตรูกับพี่สาวของเธอแล้ว เธอจะยังนับเขาเป็นมิตรได้อย่างไรกัน สองพี่น้องพยายามพยุงกันอย่างทุลักทุเล แต่ในที่สุดร่างของปณาลีกลับลอยหวือเข้าไปในอ้อมแขนของใครบางคน

“เจ็บแล้วยังไม่เจียม” เสียงทุ้มต่ำดังอยู่ข้างหูยามที่เขาพาเธอเดินตัวปลิวมายังรถของปวิตรา แขนข้างขวาที่ไม่ได้รับบาดเจ็บพยายามจะทุบเขาให้หายเจ็บใจ ผู้ชายคนนี้ทำเธอเจ็บบ่อยเกินไปแล้ว ทันทีที่วางเธอลงที่เบาะรถ เขาหยุดมองเธอเพียงครู่ก่อนจะหันหลังกลับและเดินตัวตรงไปยังศาลาสวดศพ ปวิตรากระวีกระวาดประจำที่นั่งคนขับก่อนพาเธอไปถึงโรงพยาบาลในที่สุด
--------------------------------------------------------------------------------

ด้วยเพราะอุบัติเหตุในวันนั้น ทำให้ปณาลีไม่ได้ย่างกรายมาที่งานศพของกวีวัธน์เลย จวบจนกระทั่งการสวดพระอภิธรรมคืนสุดท้าย หญิงสาวจึงได้พาร่างกายที่ยังไม่ปกติดีมาที่วัดแห่งนี้ เธอคงไม่รู้ว่ามีใครบางคนเฝ้ารอจะเห็นหน้าอยู่ทุกคืนแม้จะได้ยินจากปากของภามที่มาฟังพระทุกคืนว่าหญิงสาวกระดูกข้อมือแตกและขาแพลง เขาจึงไม่อยากให้มา แต่ถึงอย่างนั้นกวินภพก็ยังแอบหวังว่าจะเห็นเธอดื้อแพ่งมาเหมือนอย่างที่เคย

คืนนี้คือคืนที่เจ็ด สวดเป็นคืนสุดท้าย ก่อนพรุ่งนี้เขาจะส่งน้องชายที่รักของเขาไปอยู่บ้านใหม่ บนสวรรค์ตรงไหนสักแห่ง ร่างบางในชุดเดรสสีดำสนิทที่ถูกประคองโดยภามกำลังเดินกะเผลกมายังศาลาสวดพระอภิธรรมศพ ที่ข้อเท้ายังมีผ้าพันไว้บางๆ แต่ที่ข้อมือซ้ายถูกดามไว้ด้วยเฝือกอ่อนและคล้องคอไว้กับอาร์มสลิงอีกที

ภามประคองปณาลีลงนั่งแถวหลังสุดก่อนจะเดินมาด้านหน้าเพื่อทักทายคนรู้จักรวมถึงกวินภพด้วย ตลอดเวลาพระสวดหญิงสาวทำเพียงนั่งสงบนิ่ง เพราะมือทั้งสองไม่สามารถประนมได้ จนกระทั่งเสร็จพิธี เธอจึงมองหาบิดาเพื่อเตรียมตัวกลับบ้าน ไม่อยากเผชิญหน้ากับกวินภพ เธอเห็นอยู่ว่าเขามองมาตลอดเวลา

ตลอดเวลาหกคืนที่เธอไม่ได้มาฟังพระสวด หญิงสาวได้ยินได้ฟังเสมอว่ามีเรื่องวุ่นวายอะไรเกิดขึ้นที่วัดแห่งนี้บ้าง พีรัชเกือบจะวางมวยกับกวินภพอยู่หลายครั้ง ติดที่ภามเข้าห้ามทัพและทั้งสองยังมีความเกรงใจบิดาของเธออยู่บ้าง กัทลีพี่สาวคนสวยของกวินภพที่เดินทางมาถึงในคืนที่สองของการสวดพระอภิธรรมก็ปะทะคารมเดือดกับพีรัชอยู่เกือบทุกครั้งที่เจอ จนถึงขั้นโดนพีรัชขู่จะจูบกลางงาน เรียกความโกรธแค้นให้ฝั่งบ้านกวินภพได้อีกมากโข

“ยังไม่หายเลย มาทำไม?” ปณาลีผงะจนเกือบหงายไปด้านหลังหากกวินภพไม่มือไวจับเก้าอี้ไว้เสียก่อน แล้วตัวเขาจึงลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งประจันหน้าในระยะประชิดที่ปณาลีต้องหน้าแดง เมื่อขาทั้งสองของเธอถูกกักไว้ด้วยขาทั้งสองข้างของเขา พร้อมทั้งมือของเขายังวางแหมะลงบนต้นขาเธอเสียด้วย

“นั่งดีๆ ค่ะ นี่มันวัด”

“ทำไม...แค่นั่งคุย ไม่ดียังไง” เห็นสีหน้าของเขาแล้วอยากจะต่อยหน้านัก

“มันไม่สุภาพค่ะ ขาคุณ...กรุณาถอยออกไปหน่อย”

“คุณ? ก่อนหน้านี้ขอร้องให้พี่แทนตัวเองว่าพี่อยู่เหยงๆ มาตอนนี้จะมาเรียกคุณ มันไม่กลับกลอกเกินไปหน่อยเหรอฮะแม่คุณ” ปณาลีอยากตบหน้าเขาจริงๆ ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านี้เธออยากผูกมิตรกับเขาได้อย่างไรกัน

“ในเมื่อคุณไม่อยากเป็นมิตรกับบ้านฉันนี่ เรียกคุณก็ถูกแล้ว พี่...เขาเอาไว้เรียกญาติสนิท มิตรสหาย เข้าใจไหม”

“ไม่เข้าใจ! และถ้ายังเรียกคุณ คืนนี้จบไม่สวยแน่” มือหนาบีบลงมาที่ท่อนขาจนหญิงสาวเหลียวมองเลิ่กลั่ก กลัวเหลือเกินว่าใครจะมองและติฉินนินทา

“ไอ้พี่วิน!”

“เออ นั่นแหละ จำใส่หัวไว้ด้วย” ปณาลีอยากร้องกรี๊ดดังๆ ให้ผู้ชายบ้าอำนาจตรงหน้านี้หูดับไปเสียเลย

“หลังจากวันเผา อัณณ์กับอิชย์จะย้ายมาอยู่บ้านพี่ กับแม่กับป้าของพี่และพี่วุ้น” คราวนี้คนที่หูดับกลับเป็นปณาลีเสียเอง

“ใช้สิทธิ์อะไร เด็กมีแม่นะคะ ในเมื่อพ่อไม่มีแล้ว เด็กก็ต้องอยู่กับแม่ ไม่มีใครสามารถพรากลูกพรากแม่ได้ทั้งนั้น” สวนกลับไปเสียงสั่น

“แม่อาจไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูลูกได้ จึงต้องหาคนที่เหมาะสมมาเลี้ยงดู”

“พี่หนึ่งเลี้ยงลูกมาตั้งแต่เกิด และทำมาได้ดีมาก ถึงแม้ไม่มีพี่วัธน์แล้ว แต่หน้าที่การงานของพี่หนึ่งสามารถเลี้ยงลูกได้ ไม่อดอยาก รวมทั้งสภาวะแวดล้อมความเป็นอยู่ก็ดี ไม่มีเหตุผลอะไรที่บ่งบอกว่าพี่หนึ่งไม่มีความสามารถในการเลี้ยงดูลูก” กวินภพมองหน้าคนที่เถียงเขาคอเป็นเอ็น

“กฏหมายจะเป็นคนตัดสินเรื่องนี้ ความจริงพี่ไม่มีความจำเป็นต้องบอกน้ำด้วยซ้ำเพราะยังไงทุกอย่างจะถูกดำเนินการทันทีโดยไม่มีการลดหย่อน แต่พี่อยากให้น้ำเตรียมใจเท่านั้นเอง จะได้ไม่อ้างว่าไม่รู้เรื่อง” ปณาลีตัวสั่นเทา ไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออะไรกันแน่

“อยากรู้เหลือเกินว่าอะไรที่มันทำให้พี่วินเชื่อมั่นนักว่าพี่หนึ่งจะสั่งฆ่าสามีตัวเอง ไม่ว่ายังไง น้ำเชื่อว่าไม่มีวันที่พี่หนึ่งจะทำอย่างนั้น น้ำเชื่อในความรักที่พี่หนึ่งมีให้พี่วัธน์ ความรักที่พี่วินไม่เคยเห็น ความรักที่พี่วินไม่เคยมี และจะไม่มีมันตลอดไป เพราะคนใจดำอย่างพี่ไม่สมควรถูกรัก” กวินภพกัดกรามจนเป็นสัน จ้องมองคนตรงหน้านิ่งนาน เธอเองก็จ้องตอบเขาไม่ลดละ

“น้าภามครับ ผมจะพาน้ำไปส่งที่บ้านเอง ฝากบอกแม่กับป้าด้วยนะครับว่ากลับกับพี่วุ้นได้เลย” ทันทีที่กวินภพผละไปบอกภาม เขาก็หันกลับมาช้อนร่างของเธอและพาเดินตรงไปยังรถของเขาที่จอดอยู่คันแรกจากประตูวัด ร่างบางถูกวางอย่างกระแทกกระทั้น ก่อนตัวเขาจะรีบขึ้นประจำที่นั่งฝั่งคนขับแล้วนำรถออกไปอย่างรวดเร็ว ปณาลีใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อทางที่เขาขับมานั้นไม่ใช่ทางกลับบ้าน ในยามที่เขากำลังโกรธเธอ ยามที่เขากำลังเสียใจจากการตายของกวีวัธน์ มีอะไรรับประกันความปลอดภัยของเธอได้บ้าง

รถจอดสนิทที่หน้าบ้านหลังเล็กของเขานั่นเอง ไม่มีใครขยับลงจากรถทั้งนั้น ปณาลีเกร็งจนรู้สึกเมื่อยไปหมดทั้งตัว เอาเถอะเธอหนีเขาไม่ได้หรอกด้วยสภาวะขาแพลงและข้อมือหักเช่นนี้

“ทำไม? คนอย่างพี่มันไม่ควรถูกรักเหรอ” หญิงสาวสะดุ้งโหยง เมื่อกวินภพโพล่งออกมาเสียงดัง หนำซ้ำยังหันมามองเธอด้วยดวงตาแข็งกร้าว

“คนใจดำ ไม่ฟังเหตุผล สมควรจะถูกรักหรือเปล่าล่ะ” หญิงสาวตวาดกลับไปเสียงดังไม่แพ้กัน จากที่คิดว่ากลัวเขาในตอนแรก ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าเธอกล้ามากกว่า

“คงจะมีมั้งคนที่กล้ารักคนแบบนี้ แต่น้ำเกลียดคนใจดำที่สุด” ร่างบางถูกกระชากโครมจากคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัย จนต้องหลับตาข่มกลั้นความเจ็บ จึงไม่เห็นว่ากวินภพมีแววตาเจ็บปวดเมื่อเธอประกาศว่า...เกลียด

“แล้วคนที่มันทำกับวัธน์แบบนี้ มันใจไม่ดำหรือไง น้ำก็เห็นว่าวัธน์ตายยังไง อยู่ในสภาพไหน” แม้จะเห็นความเจ็บปวดจากการสูญเสียในดวงตาของเขา แม้จะเห็นใจสงสารและอีกหลายความรู้สึก แต่ปณาลีกลับจดจ่อเรื่องที่เขาจะพรากแฝดไปจากพวกเธอ และจะดำเนินคดีปวิตรา

“คนที่กำลังจะฆ่าพี่สาวน้ำให้ตายทั้งเป็นก็ใจดำเหมือนกัน ถ้าพี่วินคิดจะทำแบบนั้นแล้ว อย่ามาเหลือความเป็นมิตรให้น้ำเลย ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองเถอะค่ะ ถ้าคิดว่าการตายของพี่วัธน์คือจุดสิ้นสุดความสัมพันธ์ของสองครอบครัว ถ้าคิดแบบนั้น พี่วินก็เดินหน้าเลยค่ะ น้ำก็จะทำหน้าที่ของน้ำเหมือนกัน ความรู้สึกดีๆ ที่เคยมีมา น้ำลบมันทิ้งได้ ในเมื่อพี่วินยังทำมันได้ง่ายๆ เลย พี่วิน อื้อ!”

กวินภพไม่อยากทนฟังอีกต่อไป ร่างบางที่ถูกเขากระชากเข้ามาจนเกือบนั่งอยู่บนตักถูกกระชับด้วยวงแขนก่อนเขาจะบดริมฝีปากลงไปอย่างรุนแรง ยาวนานจนคนในอ้อมแขนแน่นิ่งเขาจึงผละตัวเองออกมา ดวงตาคู่สวยมองเขาอย่างโกรธเคือง เธอยังมีสติดีทุกประการ แต่หมดแรงที่จะดิ้นรนต่อสู้กับความโมโหโกรธาของเขา ปณาลีค่อยขยับตัวเองกลับไปนั่งที่เดิม มือขวาดึงกระโปรงให้ลงมาปิดท่อนขาอย่างที่ควรจะเป็น หันหน้าออกมองด้านนอกและไม่พูดอะไรออกมาอีกเลย
-----------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ เป็นยังไงกันบ้างคะตอนนี้

@ribbin --- เหมือนว่าจะใช่ ใช่ไหมคะ แต่อาจไม่ใช่
@konhin --- แหม ทายใกล้เคียงมาก
@Zephyr --- คือหนึ่งเป็นตัวอย่างของคนลังเล โลเล ไม่เข้มแข็ง คนแบบนี้ไม่ได้ทำร้ายใครโดยตรง แต่โดยอ้อมค่ะ เรื่องยิงหน้า รร นี่พยายามจะบอกว่ามันเป็นด้านนอกอะค่ะ เด็กจะไม่เห็น คือมันดูโหดร้ายเกินไปจริงๆ
@กาสะลองพลัดถิ่น --- ไม่ได้ตั้งใจให้ลูกเห็นหรอกค่ะ แต่บังเอิญมากกว่า
@Jiab --- ขอบคุณค่ะ เป็นความพยายามอยากเขียนนิยายสืบสวน แบบปนโรแมนติก ดีหรือไม่ดี บอกกันได้นะคะ
@Pat --- อ่านต่อไปอีกนิดนะคะ น่าจะเห็นอะไรบ้าง
@goldensun --- ขอบคุณค่ะ ไปแก้ในต้นฉบับแล้วค่ะ
@bom2528 --- อิอิ บอกไม่ได้ค่ะ แต่จากตอนนี้เหมือนจะตัดใครบางคนไปได้นะคะ
@NNK --- ขอบคุณค่ะ
@myfearless --- ขอบคุณนะคะที่อินร่วมไปกับนิยาย
@agentaja --- ใช่ค่ะ จริงๆ ไม่ชอบเขียนนิยายที่มีใครตาย มันโหดร้าย แต่เรื่องนี้จำเป็น เพราะเป็นปมของเรื่อง
@Monique --- ช่ายค่ะ เด็กไร้เดียงสาน่าสงสารที่สุด

---------------------------------------------------------------------------------------------



น้ำแอปเปิ้ล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ธ.ค. 2557, 18:52:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ธ.ค. 2557, 18:52:44 น.

จำนวนการเข้าชม : 2227





<< ---- (4) ----   ---- (6) ---- >>
ChaCha 13 ธ.ค. 2557, 19:43:52 น.
ชอบค่ะ สนุกมากเลย


ตามหาฝัน 13 ธ.ค. 2557, 20:27:49 น.
อยากรู้จังใครอยู่เบื้องหลัง


กาซะลองพลัดถิ่น 13 ธ.ค. 2557, 20:30:00 น.
อย่ารอช้ารีบมาต่อเร็วพลัน .......จะบอกว่าชอบว่ารักเขาก็บอกดี ๆ ก็ได้นี่ไอ้พี่วิน
เหมือนว่าจะมีเบื้องหลังเบื้องลึกของสองครอบครัวนี่โดยที่น้ำไม่รู้เรื่องแน่ๆ ระหว่าง
พี่สาวคนสวยของกวินและก็พีรัชด้วยรึปล่าวหนอ......
รออ่านว่าทำไมแม่ถึงไม่ได้ดูแลลูก


ribbin 13 ธ.ค. 2557, 20:49:25 น.
อยากรู้จัง อะไรทำให้พี่วินเชื่อว่าคนในครอบครัวน้ำเป็นคนทำหนอ


NNK 13 ธ.ค. 2557, 21:19:18 น.
สืบสวนปนโรแมนติก ยังดีว่ามีคำว่าโรแมนติกนะคะ
แต่จนถึงตอนนี้ เศร้าจริงๆค่ะ


Zephyr 14 ธ.ค. 2557, 00:02:57 น.
มันต้องมีเบื้องหลังของสองครอบครัวนี้ใช่มั้ยคะ
ด้านมืดสนิทที่น้ำไม่รู้ เพราะไม่ได้อยู่มานาน
พี่วุ้นกับอาพีรัช จะเป็นอีกคู่รึป่าวคะ ดูมีซัมธิงแปลกๆ
ขู่จะจูบในงานศพได้นี่ ไม่ธรรมดา.....
พี่วินก็ผีเข้าผีออก มีหลักฐานอะไร ที่ทำให้เชื่อปักใจว่าต้องเป็นอีกบ้านทำนะ มันต้องเป็นสิ่งที่ช็อคมากแน่ๆ
ทำไมแม่จะไม่ได้เลี้ยงลูกละ พี่วินจะเอาเหตุผลไหนไปพรากแฝดมาคะ
โอ้ยยย ปมเยอะ ลุ้นจัง


konhin 14 ธ.ค. 2557, 01:30:10 น.
ถ้าแม่โดนข้อหาสั่งฆ่าสามีก็มีสิทธ์ได้หลานไปดูแลในระหว่างนั้น


myfearless 14 ธ.ค. 2557, 08:07:33 น.
อ่อยย ลุ้นระทึกมาก ชอบที่สุดค้า
มาต่อเร็วๆนะค่ะ


sai 14 ธ.ค. 2557, 13:27:08 น.
ลุ้นคะ


bom2528 14 ธ.ค. 2557, 22:45:01 น.
โอ้ยย ลุ้นมาก ชอบพี่วินจัง แลดูเผด็จการ 5555


RdoubleC 15 ธ.ค. 2557, 10:47:29 น.
ข้อหาสั่งฆ่าสามี ..เอิ่ม จะโหดไปไหน!?

ถ้าหนึ่งโดนข้อหานี้ มันจะเหมือนข่าวที่ดังทั่วประเทศเมื่อตอนต้นปีเลยนะคะ
ที่หมอคลีนิคสั่งฆ่าสามีนักแม่นปืนนั้นน่ะ


ผักหวาน 15 ธ.ค. 2557, 21:48:13 น.
ปากหนักจริงๆ พีวินเนี่ย

ให้ตาย....


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account