ทัณฑ์ดอกรัก
เนิ่นนานกว่าร้อยปี โชคชะตาจึงชักพาเธอมาพบเจอกับเขาอีกครั้ง เธอถูกหว่านล้อมลวงหลอกด้วยเล่ห์กะเท่ห์มารยาของหนุ่มนักเลงกลอนอายุร่วมร้อยปีที่แสนน่ารัก โรคใจอ่อนกำเริบจนอ่อนใจ น่ากลัวว่า เธอจะเผลอตัวเผลอใจยอมตกห้วงรักอันแสนเย้ายวนไปร่วมกับเขาเข้าสักวัน

เพียงแต่คนบางคน หรือจะยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น!

“ผมไม่สนใจว่าเขาจะเป็นวิญญาณบรรพบุรุษสายไหนของผม ผมรู้แต่ว่าเขาควรอยู่ส่วนเขา ส่วนคุณ...คุณต้องอยู่กับผม!”

(วิญญาณน่าเจี๊ยะ เจ้านายน่าแซะค่ะ ^^ เชิญเลือกหม่ำตามสบาย)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: สายน้ำที่ไหลกลับ (1/2)

หยาดน้ำกระเซ็นตกต้องผิว แม้ไม่เย็นนักด้วยถูกแสงแดดแผดเผาให้ความอุ่นร้อนมาตลอดวันแต่ยังปลุกให้เร้าให้ตื่นตัวลืมตาขึ้น ภาพเบื้องหน้าคือเงาหลังท้วมอวบของสตรีร่างใหญ่ผู้หนึ่ง เธอนั่งตัวเกร็งไหล่ห่องุ้มมือเกาะกาบเรือแน่นทั้งสองข้าง ช่วงไหล่หนากระดำกระด่างด้านขวามีรอยแดงจางอยู่หลายริ้วโผล่พ้นออกจากผืนผ้าสีซีดที่พันไว้รอบอก

เสียงจ้วงของฝีพายดังจากด้านหลังเป็นจังหวะจะโคนสม่ำเสมอ บังคับพาให้เรือลำเล็กแล่นลิ่วไปตามกระแสน้ำ

ปัญญ์ปรียาพายเรือไม่เป็น และไม่เคยลงเรือพายมาก่อน ประสบการณ์เฉียดใกล้แม่น้ำลำคลองที่มีคือการนั่งเรือข้ามฟาก แต่เธอก็ไม่เคยคิดกลัวการขึ้นเรือไม่ว่าลำเล็กลำใหญ่

ยกเว้นครั้งนี้...

เธอกำลังนั่งก้มหน้าตัวสั่นเทา ภาพที่เห็นพร่ามัวด้วยความชุ่มโชกของหยาดน้ำที่คลอเอ่อ ระลอกแห่งความหวั่นไหวแผ่ขยายครอบคลุมไปทั้งใจ มือทั้งสองกำประสานที่หน้าขาคล้ายหดเล็กกว่าปกติ มือถือที่กำไว้แน่นก็ไม่รู้หายไปไหน กางเกงสีดำแนบเนื้อที่ใส่ก็กลายเป็นผ้านุ่งสีเลือดนกหม่นซีด

น่าประหลาดที่ฉับพลันความว้าเหว่หวาดกลัวหลากล้อมเข้าโจมตีหัวใจ ปัญญ์ปรียาไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ที่นี่คือที่ไหน มันคลับคล้ายจะเป็นภวังค์หรือนิมิตที่ใครบันดาลชักพา แต่ขณะเดียวกัน สัมผัสของสายลมที่ต้องผิว ไอแดดที่แผดร้อนลามเลีย กลิ่นต้นไม้กลิ่นลำน้ำ ทุกอย่างเหมือนจริงอย่างน่าตระหนก

มิหนำซ้ำ เธอยังรู้สึก...รู้สึกจากข้างใน

ความสับสน ความน้อยใจ ความหวาดหวั่นปนเปคละเคล้าโดยไม่รู้ที่มา อารมณ์เหล่านั้นกดอัดจนน้ำตารินหลั่ง แม้เม้มกัดริมฝีปากจนห้อเลือดแต่เสียงสะอื้นยังหลุดมาเบาๆ เธอยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่นองลงมาอาบแก้ม

ทำไมเธอจึงเป็นอย่างนี้ เหตุใดจึงเดียวดายว้าเหว่เสียจนต้องห่อร่างลงใช้สองมือโอบกอดตัวเอง

ปัญญ์ปรียาตอบไม่ได้เลย รู้เพียงว่า ฉับพลันที่ได้รับสัมผัสอันอบอุ่นนุ่มนิ่มลูบอย่างแผ่วเบาที่ต้นแขนแทนคำปลอบ ความอุ่นวาบจึงค่อยเต็มตื้นขึ้นในใจ

เธอเอนแผ่นหลังลงหาเจ้าของมือ ขยับอย่างระมัดระวังบนเรือแคบเพื่อซุกตัวในอ้อมกอดคลายความโหยหาที่แสนทรมาน

“ทำไมแม่ต้องทิ้งนวลไปจ๊ะ” ใครคนหนึ่งปรารภขึ้น สุ้มเสียงเล็กแผ่วเบานั้นสั่นเครือเล็กน้อย ชั่วแวบเดียวถัดจากนั้น เธอก็ถูกตะปบปากไว้แน่น มือนุ่มที่ทาบทับอยู่บนปากใหญ่โตจนปิดคลุมกรามด้านหนึ่งจรดไปยังอีกด้านหนึ่งเสียมิด

“น้าบอกว่ายังไงฮึ”

เสียงกระซิบแฝงความเด็ดขาดขมขู่ ผู้หญิงที่แทนตัวเองว่าน้ากำลังคุยกับเธอไม่ผิดแน่ ปัญญ์ปรียายิ่งสับสนในเรื่องราว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เธอมองเห็นช่างผิดแผกจากที่ทางอันคุ้นเคย ชั่วครู่หนึ่งก่อนนี้เธอนั่งอยู่ในเปรมบุราณ แล้วพริบตาถัดมา เธอถูกส่งมาที่ไหน เธอกลายเป็นใคร หรืออะไรกันแน่

ถ้านี่คือความฝัน มันก็ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

“แม่...แม่ตายแล้วจ้ะ” เสียงเล็กๆกล่าวตอบ ท้ายเสียงสูงขึ้นเล็กน้อยด้วยความไม่เข้าใจ เพราะคนพูดรู้ดีว่าแม่ยังไม่ตาย

ปัญญ์ปรียาแน่ใจแล้วว่า เธอนั่นเองที่กำลังพูดออกไป

“ใช่ แม่ตายแล้ว กลับมาหานวลไม่ได้ อย่าพูดถึงอีก” เสียงนุ่มที่เอ่ยเอื้อนทำให้ถ้อยความคล้ายคำปลอบประโลม แต่แรงที่บีบกระชับที่ต้นแขนบ่งบอกว่ามันคือคำสั่งที่ควรเชื่อฟังอย่างยิ่ง

ปัญญ์ปรียาเข้าใจสัญญาณที่ส่งมาดีเท่าใด เจ้าของร่างเล็กก็เข้าใจดีเท่านั้น จึงตอบรับโดยง่าย

“จ้ะ น้าอ่อน”

“พ้นหัวโค้งนี่ก็จะถึงแล้ว จำให้มั่นเชียว” น้ำเสียงที่เอ่ยกำชับไม่เข้มงวด แต่กรงนิ้วบีบแน่นอีกรอบ

“จ้ะ น้าอ่อน” เธอกล่าวรับคำอีกครั้ง ท้ายเสียงสั่นพร่า ในอกปั่นป่วนด้วยความประหวั่นใจในอนาคตที่ไม่รู้แน่ว่ามีอะไรรออยู่

ปัญญ์ปรียาพลอยตื่นกลัวปนสงสัย แม้ตระหนักแล้วว่า เจ้าของร่างที่เธอแนบสนิทราวเป็นบุคคลเดียวกันคือคนที่พูด คนที่คิด คนที่กระทำ

แต่ทำไมเธอจึงมาอยู่ในร่างนี้ได้ เหตุใดเธอจึงเป็นประหนึ่งกาฝาก ทำได้แต่รับรู้ความรู้สึกนึกคิดของนวล พิศดูทุกทิศทางสุดแต่นวลจะกวาดตามอง จะสัมผัสจับต้อง กระทำการอย่างไรก็ตามแต่นวลทำ เหมือนเธอได้มานั่งในใจนวล รู้เห็นเรื่องราวทุกอย่างผ่านสายตาของนวล

หญิงสาวนึกย้อนถึงถ้อยคำของวิญญาณหนุ่มปริศนา ก่อนเขาจะเป่าปี่จนเธอมาตื่นขึ้นมาในลักษณะแปลกประหลาดนี้ เขาพูดให้เธอนึกย้อนเรื่องราวไม่ใช่หรือ พูดราวกับเธอกับเขาเคยรู้จักกันเมื่อกาลก่อน

หรือนี่คืออดีตชาติของเขาและเธอ

แต่มันจะเป็นไปได้จริงหรือ

เมื่อพ้นหัวโค้งของลำน้ำ เรือนไทยหมู่หนึ่งค่อยเผยชัดท่ามกลางมวลไม้ร่มรื่น เรือพายลำน้อยถูกพายพาไปใกล้ท่าเทียบ หญิงผิวคล้ำที่นั่งอยู่หัวเรือจัดแจงโยนบ่วงเชือกคล้องกับเสา ก่อนสาวดึงเรือเข้าไปเทียบท่าแล้วผุดลุกขึ้น ก้าวยาวๆเพียงคราเดียวก็ขึ้นไปยืนบนท่าไม้ได้อย่างสะดวกดาย แต่ความเคลื่อนไหวปุบปับทำให้ตัวเรือโคลงเคลงไม่เบา นวลจึงได้แต่ยืนแข้งขาสั่นไม่กล้าก้าวกระโดดตามเพราะช่วงขาสั้นกว่าอีกฝ่าย

“ขึ้นได้มั้ยนวล เอ้า ผันรับหลานข้าขึ้นไปก่อน”

นวลเหลือบมองบ่าวผู้หญิงผิวคล้ำรอจนเธอสาละวนกับการคล้องผูกเรือยึดไว้กับเสาชั่วครู่ ก็ยื่นส่งมือไปจับยึดมืออีกฝ่ายไว้แล้วโหนตัวขึ้นท่า
ความสูงเมื่อยืนตรงเต็มที่ของนวลเลยชายพกของผันมาสักเล็กน้อย แม้ยังเด็กนักแต่นวลมีผิวเนียนละเอียดผ่องอำพันสมชื่อ นวลยืนรั้งรอผู้เป็นน้าขึ้นจากเรือตามมา ก่อนปล่อยให้ผันจับจูงออกเดินเนิบนาบตามจังหวะอีกฝ่าย แต่เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องชะงัก เพราะน้าอ่อนเดินหลบแอบไปด้านข้าง กิริยาท่าทางแม้ไม่ถึงกับนบน้อมแต่แฝงความเกรงใจอยู่ไม่น้อย ผันก็จูงพานวลหลบตามด้วย

เจ้าของร่างเล็กตัวแทบปลิวตามแรงยุด ผันให้นั่งหมอบเธอก็หมอบอย่างว่าง่าย แต่สายตายังลอบมองต้นเหตุที่ทำให้ต้องหลบหลีกด้วยความใคร่รู้

ขบวนคนราวสี่ห้าคนที่เดินตามกันมานำด้วยชายวัยราวยี่สิบ อ่อนแก่กว่านั้นคงไม่มาก เขาสวมเสื้อแขนกระบอกสีขาว ท่อนล่างนุ่งโจงสีออกน้ำเงิน ร่างสูงค่อนข้างผอม ผมตัดสั้นคล้ายรองทรงของทหารทั้งยังใส่น้ำมันดูเรียบร้อย สีผิวเขาขาวราวหยวก ตัดเน้นให้เห็นตาคมดุเข้มชัดเจน ไม่ว่าจะเพราะเขาเป็นคนใจร้อนเดินเร็วหรือรักสันโดษ เขาเดินทิ้งช่วงจากกลุ่มคนที่เดินตามหลังอยู่หลายก้าว

นวลเผลอสะดุ้งวาบ ก้มลงมองพื้นทันควันเมื่อรู้สึกว่าสบเข้ากับสายตาเขาพอดิบพอดี

“นี่รึหลานแม่อ่อนที่ว่าจะรับมาอยู่ด้วย” เสียงที่ถามดังขึ้นห่างจากเธอไปไม่กี่ก้าว

“ใช่จ้ะ เพิ่งรับมา มันอาภัพนัก” น้าอ่อนตอบเสียงสั่น ราวสงสารนวลเสียเต็มประดา น้ำเสียงที่พูดผิดจากตอนอยู่บนเรืออย่างกับพลิกหน้ามือและหลังมือ

“ไหนเงยหน้าให้ดูหน่อยสิ”

นวลได้ยินคำสั่งของเขาเต็มสองหู แต่เธอตัวสั่น ใจเต้นไม่เป็นส่ำ แม้เสียงของผู้ชายตัวโตๆไม่ยักดุเหมือนหน้า แต่เธอก็ยังขลาดเกินจะเงยมองเขาอยู่ดี

“ไฮ้ นวลนี่ เงยหน้ามาสิ”

โดนน้าเอ็ดไปที นวลจึงค่อยๆเงยมอง จากที่หวาดหวั่นกลายเป็นแปลกใจเมื่อเห็นว่าในกลุ่มชายวัยไล่เลี่ยกันสามคนที่กำลังจับจ้องตนอย่างสนอกสนใจ ไม่มีผู้ชายตัวสูงหน้าดุคนนั้น

ปัญญ์ปรียาเห็นหน้าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้าถนัดตา เครื่องแต่งตัวของเขาคล้ายกับชายร่างสูงผอม ดูจะเป็นนายของอีกชายอีกสองคนที่ยืนเยื้องไปด้านหลัง

ดวงตาที่ฉายแววขี้เล่นใจดีของเขาดึงดูดความสนใจของเธอได้เป็นอันดับแรก แม้เขาจะไม่เหมือนกับเธอที่เคยเห็นดุจพิมพ์เดียว เพราะยังเด็กอยู่มาก ดูรูปร่างหน้าตาแล้วน่าจะราวสิบแปดสิบเก้าปี แต่หากไม่ใช่วิญญาณหนุ่มในเปรมบุราณจะเป็นใครไปได้

“กระมอมกระแมมอย่างแมวคราว ไหนว่าชื่อนวลไงเล่า แม่อ่อน” เขาว่า พลางหัวเราะ มือเอื้อมมาเหมือนจะยีหัวแมวตัวเล็กเล่นสักที แต่นวลผลุบตัวต่ำ

“คุณเกื้อไปล้อเด็กมัน มันร้องไห้จะเป็นจะตาย กว่าอิฉันจะปลอบให้มันหยุดได้” น้าอ่อนว่าแต่ก็หัวเราะตามไปด้วยเบาๆ ก่อนสั่ง “กราบท่านเสียสิ มาพึ่งใบบุญท่าน”

“ใบบุญฉันเสียที่ไหน ต้องบอกว่าใบบุญแม่ฉันสิถึงถูก ฉันก็พึ่งแม่อยู่เหมือนกัน อย่างนี้เถอะนะเจ้าแมวคราวตัวน้อย ไม่ต้องกลัวไม่ต้องร้องไห้แล้ว มาเบียดอยู่ใต้ใบบุญใหญ่ๆของคุณหญิงละเมียดด้วยกันเถอะ”

ขณะที่ผู้ใหญ่คุยกันหัวเราะเสียงขรม นวลที่ก้มลงกราบคุณเกื้อตามคำสั่ง ลอบเหลียวมองหาด้วยความสงสัย จนกระทั่งเห็นร่างสูงหยุดยืนอยู่ตรงท่าน้ำ ตัวหยัดตรง สองมือไพล่หลัง เงยหน้ามองชมนกชมไม้คล้ายไม่ใส่ใจ

...แต่เหมือนจะแอบยิ้ม...

ภาพเขาคุ้นตาคล้ายใครสักคนที่เธอรู้จัก ปัญญ์ปรียาพยายามนึก แต่แล้วเสียงปี่ก็ดังแผ่วก่อนจะค่อยๆกังวานขึ้น ภาพทั้งมวลคล้ายน้ำใสที่ถูกกวนตะกอนขึ้นมาจนขุ่นคลั่กและดำมืดสนิทไปในที่สุด หญิงสาวลืมตาโพลง ปากหอบหายใจหนักๆราวกับเพิ่งวิ่งระยะไกล วิงเวียนมวนท้องจนอยากจะอาเจียน

“เป็นอย่างไรบ้าง” วิญญาณหนุ่มมีท่าตกใจไม่น้อย เขาผุดลุกจากตั่งละล้าละลังเหมือนจะเข้ามาโอบลูบหน้าลูบหลัง

“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไม่เป็นไร” ปัญญ์ปรียารีบโบกมือปฏิเสธ พลางใช้สายตาปรามเขาให้หยุดอยู่ห่างๆ เธอยังกลัวเขาเกินกว่าจะให้เขาเข้าใกล้ ทั้งสิ่งที่เขาเป็น และสิ่งที่เขาเพิ่งทำกับเธอ มันล้วนไม่น่าไว้ใจ “ฉันแค่มวนท้องนิดหน่อย คุณทำอะไรกับฉันคะนี่ ฉัน...เหมือนกับฉัน...เหมือนว่าวิญญาณฉันมันหลุดออกจากร่างไปอยู่ในร่างใครก็ไม่รู้”

“หล่อนได้เห็นความทรงจำของหล่อนอย่างไรเล่า หล่อนได้พบฉันแล้วใช่มั้ย” เขาค้อมตัวลงต่ำ ตาที่เฝ้าสังเกตเธอ เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงส่วนหนึ่ง ความใคร่รู้อีกส่วนหนึ่งคละเคล้าปนกัน

“คุณต้องถามด้วยหรือคะ ไม่รู้หรือคะว่าฉันจะเห็นอะไร”

เขาชะงักไปวูบหนึ่งก่อนส่ายหน้าแล้วเดินกลับไปนั่ง สีหน้ายังแฝงความใคร่รู้ไม่คลาย แต่ปัญญ์ปรียายังไม่ตอบด้วยงุนงงกับ ‘การเดินทางไกล’ เสียจนเล่าเรื่องราวที่ไปพบเจอกันไม่ถูก เธอหลับตาพักอยู่ชั่วครู่ เมื่ออาการวิงเวียนหายไปแล้วจึงถามกลับ

“แต่คุณเป็นคนทำให้ฉันเห็น แล้วคุณจะไม่รู้ได้ยังไงคะ”

“หล่อนควรจะเห็นอดีตของเราเมื่อแรกที่พบกัน ฉันตั้งจิตภาวนากำชับมนตราบางบท เพื่อช่วยให้หล่อนระลึกมันได้”

“ค่ะ ที่ฉันเห็น ดูแล้วคงเป็นครั้งแรกที่คุณกับนวลได้พบกันอย่างคุณว่า แต่ไม่ว่านวลจะเคยทำอะไรกับคุณไว้ ฉันกับนวลเป็นคนละคนกันนะคะ ฉันหวังว่าคุณจะเข้าใจ” ปัญญ์ปรียากล่าวเพื่อความมั่นใจ ด้วยไม่รู้ว่าเรื่องราวบาปรักแต่ปางก่อนระหว่างเขากับนวลเป็นอย่างไร เขาอาจถูกนวลทิ้ง คาใจว่าสาวไม่รัก ตรอมใจตายคาตั่งนอน วิญญาณจึงไม่ยอมผุดยอมเกิด ถ้าเป็นอย่างนั้นแล้วเขาปักใจว่าเธอคือนวล อาจฆ่าเธอให้ตายตกไปตามกันก็ได้

วิญญาณหนุ่มยิ้มขัน ดวงตาระยิบระยับมองอย่างเท่าทัน คล้ายมีอำนาจจิตหยั่งรู้ความในใจเธอจนหมดเปลือก “หล่อนไม่เลิกมองฉันในแง่ร้าย กลัวฉันจะแหวกอกหักคอหล่อนหรือ หากต้องการเช่นนั้น ฉันไม่เก็บหล่อนไว้จนยามนี้”

“ฉันคงไม่เลิกระแวงคุณ จนกว่าจะรู้ว่าคุณต้องการอะไรกันแน่”

เขามีสีหน้าลำบากใจและเงียบงันไปครู่ใหญ่ ดวงตาพราวมองต่ำลงขณะถอนหายใจแล้ว แล้วกล่าวเบาๆคล้ายไม่มั่นใจในคำตอบตัวเองนัก

“ฉันคง...ต้องการรู้ว่านวลรักฉันหรือไม่ ถ้ารู้ฉันคงพ้นทุกข์นี้เสียที” เมื่อเขาตอบออกมาจริงๆ ปัญญ์ปรียาค่อยรู้ว่า เขาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่า เหตุใดเขาจึงยังติดค้างอยู่บนโลกใบนี้ เห็นสีหน้าท่าทางหมดกำลังใจของผีงมงายอย่างเขาแล้วเธอทำใจร้ายปล่อยให้เขาคาใจจนไม่ได้ผุดเกิดไม่ไหว หญิงสาวจึงตั้งใจมั่นแล้วว่าจะคอยช่วยเขาให้ถึงที่สุด

“ไม่ว่านวลกับฉันจะเป็นคนเดียวกันจริงหรือเปล่า แต่เราเป็นผู้หญิงด้วยกัน ฉันอาจจะพอบอกคุณได้ว่านวลคิดเห็นอย่างไรแน่ นวลมีท่าทีอย่างไรกับคุณบ้างล่ะคะ”

“ฉันจะค่อยๆเล่าให้หล่อนฟังอย่างวันนี้จะดีหรือไม่ ให้หล่อนได้เห็นกับตา ไม่ฟังความแต่เพียงจากปากฉัน...ถ้าไม่เป็นการรบกวนหล่อนเกินไปนัก” ประโยคหลังตามมาอย่างไม่แน่ใจ เมื่อนึกถึงอาการวิงเวียนที่เป็นผลข้างเคียงจากคำมนตร์โบราณของเขา แต่ความมุ่งมาดปรารถนาที่แผ่พุ่งผ่านสายตาของเขามันหนักแน่นรุนแรงเสียจนปัญญ์ปรียารับรู้ได้

เธออยากช่วยเขาให้พ้นทุกข์จึงพยายามทบทวนความทรงจำของนวลที่ติดค้างอยู่ในใจอย่างหนัก

นวลคิดกับเขาอย่างไรกันนะ...ตอนนั้นเธอยังเด็กมาก เธอคล้ายจะกังวลเกี่ยวกับเขาอยู่นิดหน่อย อาจเห็นเขาเป็นเจ้าบ้าน เป็นคนแปลกหน้าไม่มักคุ้น จึงเกรงเขาอยู่บ้าง แต่หลังจากเห็นว่าเขาอารมณ์ดีท่าทางใจดีก็ผ่อนคลายลง ความรู้สึกของนวลยามเจอเขาวันแรกมีเพียงเท่านั้น เหมือนนวลไม่ได้สนใจเขานัก เพราะใจพะวักพะวนอยู่ที่ผู้ชายหน้าดุๆจนหมดสิ้น จะว่าไป เธอเองก็มัวแต่สนใจชายคนนั้นจนไม่ค่อยจะสังเกตสังกาเขาเหมือนกัน

หญิงสาวไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ กลัวว่าความจริงจะทำให้เขาหงุดหงิดใจ จึงถาม “ตอนนั้นนวลยังเด็ก คุณเล่นส่งฉันไปตั้งแต่แม่นวลของคุณตัวกระเปี๊ยก คงไม่คาดหวังให้นวลรักชอบคุณใช่มั้ยคะ”

“ฉันย่อมไม่คาดหวังถึงเพียงนั้น” เขายิ้มขัน ก่อนอธิบาย “ฉันเลือกช่วงเวลาที่นวลยังเด็ก เพื่อให้หล่อนมีเวลาปรับตัว ความคิดของนวลตอนนั้นคงไม่ซับซ้อน หล่อนจะซึมซับเข้าใจโดยง่าย”

“ตอนนั้น นวลอายุสักเท่าไรคะ”

“ย่างสิบเอ็ดขวบ ไม่กี่เดือนถัดจากนั้น ที่บ้านจัดพิธีโกนจุกเลี้ยงพระกันใหญ่โต มีหล่อน” เขาเผยยิ้มบางๆ ก้มหน้าลงแทนการขอโทษ ก่อนกล่าวแก้ “ฉันหมายถึงแม่นวล...กับอีพริ้งลูกอีผันที่รุ่นราวคราวเดียวพลอยได้โกนจุกพร้อมหล่อน”

หญิงสาวทำหน้าปูเลี่ยนเมื่อฟัง แต่ก็เข้าใจดีว่าสรรพนามที่เขาใช้ ทั้งหล่อนทั้งอีอะไรนั่นมันคือคำธรรมดาในสมัยของเขา แต่ฟังแล้วช่างไม่รื่นหูเอาเสียเลย ตอนถูกเรียกว่าหล่อนก็สะดุ้งน้อยๆแล้ว ถ้าถูกเขาเรียกเป็นอีคงสยองหนักกว่าเก่า

“พิธีโกนจุกนี่ฉันก็เคยได้ยินมาบ้างหรอกนะคะ แต่สมัยนี้ไม่ค่อยมีแล้วละค่ะ เหมือนที่สมัยนี้เขาไม่เรียกกันว่าอีนั่นอีนี่กัน มันไม่ค่อยสุภาพน่ะค่ะ”

เขาหัวเราะเบาๆ พลางพยักหน้ารับรู้ แต่กลับปฏิเสธที่จะเปลี่ยน “ภาษาสมัยฉันเป็นอย่างนี้ ให้พูดอย่างหล่อน ไม่เข้าปากฉันนัก”

“คุณพูดไปเถอะค่ะ ถ้าจะทักฉันคงทักนานแล้ว ฉันเข้าใจว่าไม้แก่ดัดยาก คุณอยู่มานานตั้งเท่าไหร่แล้ว จะให้หัดพูดแบบฉันก็คงไม่ไหว”

“ฉันดูอายุมากนักหรือ” ไม้แก่ออกอาการหน้าตึงไปสักหน่อย ตาหรี่มองเขม่นเขี้ยวเคี้ยวฟันราวเตรียมขบแล้วใครเล่าจะกล้าว่าเขาแก่
ปัญญ์ปรียาพยายามกลั้นหัวเราะแต่ไม่สำเร็จ มันน่าตลกจริงที่ผีอายุร่วมร้อยปีอย่างเขาไม่ยอมรับว่าตัวเองแก่

“ตอนนั้นพ.ศ.อะไรกัน มาถึงปีนี้คุณอายุเกินร้อยแน่เลย จะไม่แก่ได้ยังไงคะ” เธอเตือน

“ฉันเพิ่งยี่สิบสี่ หล่อนอย่ารวมเอาเวลาที่ผ่านมาทั้งหมดนับเป็นอายุฉันสิ” วิญญาณหนุ่มบ่น มือลูบหน้าตัวเองอย่างหวั่นใจ ก่อนหันไปส่องบานกระจกหน้าต่าง เสียแต่ว่ากระจกใสทะลุมองไปเห็นแต่ต้นไม้เบื้องนอก ไม่มีแม้เงาจางๆของตัวเขา ความกังวลสนเท่ห์ทำให้เขาผุดลุกมาหาต้นเหตุ

ปัญญ์ปรียาอยากเขกหัวตัวเองที่หาเรื่องหัวใจวาย เมื่อเขามาหยุดยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าเธอ ก่อนจะลดหน้าลงมาใกล้ จมูกแทบเฉียดจมูก

“ฉันดูแก่เกินแกงนักหรือ” เขาถามเสียงต่ำอย่างขุ่นใจ

“ฉันแค่บอกว่าไม้แก่ดัดยากเฉยๆ หมายถึงคุณอยู่มานานแล้ว ก็สมัยนั้นน่าจะสักร.๕ หรือเปล่านะคะ” เธอเฉไฉถามหวังให้เขาเลิกคิดมาก ขณะหดหัวลงไปติดพนักเก้าอี้

“ฉันแก่สำหรับหล่อนรึ” เขาเพิกเฉยไม่ตอบ แถมยังยื่นหน้าตามมา ส่งคำถามย้ำคิดย้ำทำอยู่เรื่องเดิม

“ไม่แก่หรอกก็ยี่สิบสี่เองไม่ใช่หรือคะ แก่กว่าฉันแค่ปีสองปีเอง” เธอรีบกล่าวเอาใจ มือยกขึ้นละล้าละลังครั้นจะยื่นไปผลักเขาออกก็ไม่แน่ใจว่าจะ ‘สัมผัส’ โดนตัวเขาได้หรือไม่ จึงกลายเป็นเหมือนตั้งการ์ดรอท่า

“แล้วคุณกับนวลไปสนิทสนมกันตอนไหนคะ” หญิงสาวลนลานเปลี่ยนเรื่องหวังเอาตัวรอด ไม่ทันคิดและไม่ตั้งใจจะใช้คำของเขา พอหลุดพูดไปก็รู้ว่าพลาด เพราะวิญญาณหนุ่มได้ทีจับคำหล่อนมาแปลงสารปู้ยี่ปู้ยำไม่เหลือเค้าเดิม

“อ้อ ที่แท้ หล่อนอยากไปร่วมรับรู้วันเวลาที่เราได้สนิทสนมกันเร็วๆ นั่นจะพิสูจน์ได้สินะว่าฉันไม่แก่เกินแกง” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ไม่พอ ยังแกล้งยื่นหน้าเข้ามาอีก คราวนี้จมูกเฉี่ยวจมูกไปแวบหนึ่งตอนเธอเบี่ยงหน้าหลบ

หญิงสาวหน้าร้อนวูบ ใช้สองมือปิดหน้าปิดตา อายจนแทบจะแทรกลงไปเป็นเนื้อเดียวกับเก้าอี้ กลัวว่าจู่ๆ เขาจะเป่าพาไปเจอะฉากอล่างฉ่างอะไรเข้า

“ฉันเปล่าเสียหน่อย คุณกลับไปนั่งได้แล้ว คุณไม่แก่ ไม่แก่สักนิดเดียว พอใจหรือยัง”

“พอใจดีหรือไม่นะ” เขารำพึงเบาๆ ที่ข้างหูเธอ เสียงของเขามันชิดจนเธอไม่กล้าเปิดตาดูไม่กล้าขยับสักองศาเดียวเพราะกลัวจะเฉี่ยวถูกปากถูกจมูกของเขาอีก

นั่นจะทำให้เธอหัวใจวายตายอยู่เป็นเพื่อนเขาแน่ๆ!

“ว่าแต่...ทำไมคุณรีบเป่าเรียกฉันกลับมาไวนักคะ ยังไม่ทันรู้เรื่องรู้ราวไรก็กลับมาโผล่ที่นี่เสียแล้ว”

ความพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของปัญญ์ปรียาไม่สำเร็จ เพียงแต่วิญญาณหนุ่มผ่อนปรนการแกล้ง เพราะรู้สึกถึงใครคนหนึ่งที่กำลังล่วงล้ำเข้ามาในอาณาเขตเปรมบุราณ

เวลาส่วนตัวของเธอกับเขากำลังจะหมดลง

เขาใช้เวลาที่เหลือในการมองเธอนิ่งนานไปอีกครู่หนึ่ง นานเสียจนเธอต้องลดมือลงมองหาเพราะคิดว่าเขาจากไปแล้ว ทว่า เขายังอยู่ แม้ร่างกายจะอ่อนจางลงไปจนคล้ายโปร่งแสง แต่เขายังอยู่ห่างจากเธอไม่เกินคืบ

วิญญาณหนุ่มปล่อยเสียงหัวเราะเบาๆเยาะกระตุ้นให้คนถามฉุกใจ ปัญญ์ปรียาก้มมองเวลาจากโทรศัพท์มือถือแล้วจึงสะดุ้งโหยง เพราะไวที่เธอว่าคือชั่วโมงครึ่ง!

“ตายละ ดึกขนาดนี้คุณก็ไม่บอกฉัน ฉันไปก่อนนะคะ” หญิงสาวตะลีตะลานผุดลุก คว้ากระเป๋าที่วางรอไว้ข้างเก้าอี้ ระหว่างนั้น เขาก็เดินกลับไปนั่งที่ประจำ

“ฉันจะรอ ภาวนาให้ถึงวันพรุ่งที่จะได้พบหล่อนอีกครั้ง” เขากล่าว ก่อนจรดปากเป่าครวญเพลงคำหวาน คล้ายว่ามันเป็นเพลงแห่งความคิดถึงและการรอคอยอันไม่มีที่สิ้นสุด

หญิงสาวชะงักงันดั่งตกใต้มนตร์สะกดของเสียงเพลงอยู่ชั่วครู่ เห็นเขามองส่งตามดวงตาฉายความเหงาเศร้าแล้วใจหาย แต่ถ้าอยู่เป็นเพื่อนคุยกับเขาต่อ เธอก็จะกลับดึกมากเกินไปสักหน่อย จึงได้แต่ตัดใจจากลา

หากเป็นยามปกติและคนปกติเธอคงโบกมือลาเขา หรืออย่างดีก็ก้มหน้าลงสักน้อยแทนการลา แต่หลังจากเพิ่งได้เห็นอดีตช่วงสั้นๆที่เคยเจอเขา ปัญญ์ปรียาไม่รู้สึกผิดแปลกแต่อย่างใดที่ตนเองยกมือกระพุ่มก้มลงไหว้งดงามอ่อนช้อย เพราะครั้งหนึ่ง เธอคงไหว้เขาอย่างนี้จนชินเสียแล้ว

พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งตัวเขาก็หายไป เหลือเพียงเสียงเพลงคำหวานบรรเลงขับกล่อมความเดียวดายในเปรมบุราณ


xxxx จะหมดสต็อกแล้ว แย่แล้ววววววว 5555 ครึ่งตอนหลังคุณวรทถึงได้ออกโรงค่ะ ตอนนี้ เอาผีพี่เกื้อไปดูเล่นก่อนนะ เจอกันใหม่ตอนหน้านะคะ xxxxx



นณกร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ธ.ค. 2557, 21:38:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ธ.ค. 2557, 21:40:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 1294





<< การรอคอยที่สิ้นสุด   สายน้ำที่ไหลกลับ (2/2) >>
ดังปัณณ์ 14 ธ.ค. 2557, 22:02:04 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด คุณผีเกื้อเจ้าขาาาาาาาาาาาา ไม่แก่เจ้าค้า ไม่แก่ หู้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยย กรุบกริบ แล้วคนหน้าดุคือครายยยยยยยยยยยยยยย คุณเกื้อเป็นครายยยยยยยยย แล้วปัญน้อยเป็นครายยยยยยยยย ใช่นวลหรือไม่ แล้วนวลรักครายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
555+ คำถามทั้งนั้น

โอ๊ยยยยยยยยยยยยยย คุณผีขามาถามหนอนก็ได้นะเจ้าคะ ชอบอ่ะเจ้าค่ะ ชอบตอบปัญหาเจ้าค่ะ หัวใจอิป้าจิวาย คุณผีน่าร้ากกกกกกกกกกกกก กรี๊ดๆๆๆๆ


พันธุ์แตงกวา 15 ธ.ค. 2557, 02:20:13 น.
ฉันรู้นามของท่านแล้วคุณผี อย่าคิดว่าจะหนีฉันพ้นนะเจ้าคะ บอกเลย อิเจ้เฮี้ยนกว่าผี ฮู้ฮ่าๆๆๆๆๆ
ช่างสำบัดสำนวนเหลือเกินพ่อคุณ แต่บอกตรงเจ้แพ้ดวงตาคู่นี้ของท่านนัก มันช่างระยิบระยับ แลเหงาเศร้า คืนต่อไปมาพบกันใหม่น้า เจ้จะรออออออ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account