เทหน้าตักรักนางมารร้าย (ฉบับรีไรท์ ทำ e-book)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 11/2

“ปุ่นยอมรับความจริงได้ค่ะพี่ปุ้น” ปุณยวีร์พูดขัดขึ้นมาโดยไม่รอให้อีกฝ่ายพูดพล่ามจนจบประโยค “ถึงแม้มันจะเจ็บปวด ไม่ได้ดั่งใจ ไม่ใช่อะไรอย่างที่หวัง แต่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง ปุ่นสามารถทำใจให้ยอมรับได้ บอกปุ่นมาตรงๆ เถอะค่ะ ว่าพี่กับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน พี่ปุ้นกับคุณอ้อน... ไม่ใช่แค่เพื่อนเก่าแก่สมัยมัธยมเท่านั้นใช่ไหมคะ”

ปกติหญิงสาวเป็นคนชัดเจน รู้สึกอย่างไรเธอก็พูดก็แสดงออกมาแบบนั้น การทนเก็บงำมาได้เกือบสองอาทิตย์โดยไม่เอ่ยปากถามทั้งที่ในใจกังวลร้อนรนสารพัดจึงค่อนข้างเหลือเชื่อ หากตอนนี้เธอทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ถึงจะมีความเชื่อมั่นในตัวเองเต็มเปี่ยมอย่างที่เคยเชิดหน้าตะโกนบอกกับวิศวกรมาดนิ่งในวันนั้น... หาก เรื่องราวของความรักมันบังคับกันไม่ได้ ถึงจะเชื่อมั่นว่าตัวเองมีดีไม่ได้ด้อยไปกว่าใครๆ แต่ถ้าเขาไม่รักแล้ว หรือความจริงอาจจะไม่เคยมีความรู้สึกนั้นอยู่เลย ความมั่นใจจนล้นคอหอยมันก็ไม่ช่วยอะไร




“คุณต้องการอะไร หลอกฉันทำไม!” ความที่เป็นคนอีโก้จัดไม่ยอมลงให้ใครง่ายๆ เมื่อถูกยัยป้าสุดเอ็กซ์พูดจาเย้ยหยันต่อหน้าทั้งที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่เท่าไหร่ และเธอเองยังหลงมอบไมตรีให้จึงอดโมโหคนที่เป็นต้นเหตุทำให้ตัวเองดูเหมือนคนโง่ไม่ได้

“ผมแค่ไม่อยากให้คุณรู้สึกไม่ดี ไม่ได้หลอกอะไร แล้วคุณเองก็ได้กลิ่นเหม็นเน่านั่นไม่ใช่เหรอ” ชินพัตต์ตอบกลับเสียงเรียบก่อนจะไหวไหล่ “แต่ต่อให้ผมหลอกจริงๆ แล้วผมได้เอาปืนมาจ่อให้คุณเชื่อไหม คุณเชื่อผมเอง”

ฟังพูดเข้าสิ ปากเหรอยะ! “นะ นี่นาย! อ๊ายยย…” ถึงแม้ตอนนั้นจะรู้สึกหมั่นไส้คนตรงหน้าจนเกินจะทน หากเธอก็ทำได้แค่บันทึกแค้นลงบัญชีหนังหมาเอาไว้เท่านั้นเพราะยังมีภาระเร่งด่วนที่ต้องรีบจัดการ เธอต้องไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเองว่าที่ยัยป้านั่นพูดมันเป็นยังไงกันแน่ พี่ปุ้นกับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน!

“มีแต่คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองเท่านั้นแหละที่จะเต้นไปตามคำยั่วยุของคนอื่น” น้ำเสียงเรียบเรื่อยดังขึ้นมาพาให้สองเท้าที่กำลังก้าวเร็วๆ ของเธอเพื่อที่จะตามยัยป้าสุดเอ็กซ์ให้ทันสะดุดลงก่อนจะหยุดชะงักและต้องหันกลับไปถลึงตามองหน้าคนพูดจาในเชิงปรามาสกันในที่สุด

“ถ้าแน่ใจว่าตัวเองมีดีไม่ได้ด้อยไปกว่าใครๆ คุณจะกลัวอะไร”

“ฉันไม่ได้กลัว!”

“หึ! คุณแน่ใจ? ฝ่ายนั้นเขาก็ไม่ธรรมดานะ เห็นแค่หน้าหนุ่มๆ ก็ฮือฮากันทั้งโรงงานแล้ว ไหนจะเรื่องนิสัยที่ใครๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเรียบร้อย อ่อนหวาน นิสัยดี ใจ…”

“พอได้แล้ว! ถึงฉันจะไม่เรียบร้อยอ่อนหวานนิสัยดี แต่ฉันก็ไม่ได้เอาปืนจ่อหัวบังคับขู่เข็ญให้พี่ปุ้นมาคบด้วย ถึงฉันจะหน้าด้านหน้าทนเข้าหาเขาก่อนแต่ถ้าเขาไม่เล่นด้วยฉันก็พร้อมจะยอมรับแล้วถอยออกมา และถึงจะตกลงคบกันแล้วแต่ถ้าเขาคิดจะเปลี่ยนใจกลับไปหาคนเก่าก็เชิญไสหัวไปได้เลยฉันไม่ได้มัดเอาไว้ ฉันอยู่ของฉันมาได้ตั้งนานโดยไม่มีเขา ถ้าจะต้องขาดเขาไปทำไมฉันจะอยู่ต่อไปไม่ได้!” เธอพ่นออกมาเป็นชุดทั้งยังตะโกนอย่างเหลืออดหวังให้ไอ้เด็กปากบอนรู้สำนึก

หากปฏิกิริยาที่เขาตอบมากลับเป็น… รอยยิ้ม! อะ ไอ้เด็กหน้านิ่งเนี่ยนะกำลังยิ้ม!

ชินพัตต์ยิ้มจริงๆ ใบหน้าคมคายของเขาคลี่ยิ้มกระจ่างราวกับเด็กเล็กๆ ได้ของเล่นถูกใจ “ใช่ไหมล่ะ คุณออกจะเก่งมั่นใจในตัวเองขนาดนี้แล้วจะสนคำพูดของผู้หญิงคนนั้นทำไม ลองเขายั่วคุณได้ครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งที่สองที่สามและครั้งต่อๆ ไปก็ต้องตามมา แทนที่จะเต้นตามให้ฝ่ายนั้นได้ใจ คุณนิ่งเข้าไว้ให้ป้าแกกระอักเพราะยั่วคุณไม่ขึ้นไม่ดีกว่าเหรอ” นอกจากจะสวมวิญญาณเด็กน้อยยิ้มง่ายแล้ว หมอนี่ยังยืมปากพี่ปืนกับพี่ต้อมาพูดด้วยใช่ไหม เอิ่ม ‘ป้าแก!’ ปากร้ายไม่เบานะนี่

“การตัดสินใจทำอะไรตามแรงอารมณ์น้อยนักที่ผลลัพธ์มันจะออกมาดี” เขาให้ข้อคิดเสียงเรียบก่อนจะหันหลังผละจากไปง่ายๆ ทิ้งให้เธอได้แต่มองตามแผ่นหลังกว้างนั้นอึ้งๆ

สุดท้าย… เธอก็ไม่ได้ตามโยษิตาไปเพื่อพิสูจน์ว่าใครกับใครกำลังรำลึกความหลังหรือทำอะไรกันอยู่ แต่กลับเดินตามหลังผู้ชายคนที่เคยมีเรื่องกันมาตั้งแต่แรกเจอ คนที่จู่ๆ ก็เดินช้ายิ่งกว่าหอยทาก ทั้งที่ล่วงหน้าไปก่อนตั้งนานแต่กลับเดินไปไม่ถึงไหน เธอจึงตามทันในที่สุด และคนที่จู่ๆ ก็เกิดเอร็ดอร่อยกับปูและกุ้งมากจนต้องยกหอยนางรมถาดใหญ่กลางโต๊ะไปขอแลกปูและกุ้งจากโต๊ะข้างๆ ปล่อยให้สาวกของอาหารที่ได้ชื่อว่าช่วยเพิ่มสมรรถนะความเป็นชายอย่างก้องภพได้แต่มองตามถาดที่ถูกยกออกไปต่อหน้าตาปริบๆ

โยษิตากับอรพินท์มาถึงร้านอาหารตามหลังเธอกับชินพัตต์ไม่นาน แล้วจากนั้นก็เป็นภควัต ไม่มีความผิดปกติใดๆ ในสายตาของคนอื่น ยกเว้นก็แต่สายตาและความรู้สึกของเธอ ถึงแม้ตอนนั้นเธอจะไม่สามารถบังคับตัวเองให้ฉีกยิ้มอารมณ์ดี หากเธอก็ไม่ได้เหวี่ยงวีนหรือพูดจาไม่ดีกับใคร จะมีก็แค่เงียบไปกว่าปกติเท่านั้น

และเมื่อมาถึงตอนนี้มันก็เกินจะทนแล้ว เธอทนอยู่กับความรู้สึกเคลือบแคลงสงสัยนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว





“ว่ายังไงคะ” ปุณยวีร์ต้องกระตุ้นถามเมื่อคนตรงหน้าเกิดจะใบ้กินพูดไม่ออกขึ้นมาดื้อๆ

ใบหน้าขาวคมคายของชายหนุ่มรุ่นพี่ดูเผือดสีลงไปถนัดตา เขากลืนน้ำลาย “คือพี่…” อารัมภบทเสียงแห้งราวกับหลงอยู่กลางทะเลทรายมานานนับสัปดาห์

คนรอคำตอบต้องส่งยิ้มปลอบประโลมอีกครั้ง “พูดมาเถอะค่ะพี่ปุ้น”

“ใช่ พี่กับเขาเคยคบกันมาก่อน แต่มันก็แค่อดีตที่พี่ก้าวผ่านมาตั้งนานแล้ว และไม่คิดจะถอยหลังกลับไปอีก ปุ่นเชื่อพี่นะครับ พี่กับเขาไม่มีอะไรกันแล้วจริงๆ” ภควัตละล่ำละลักบอกน้ำเสียงร้อนรน และเมื่อไม่มีปฏิกิริยาจากคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามนอกจากดวงตาคู่กลมโตที่มองตอบนิ่งๆ เขาก็รีบผุดลุกขึ้นแล้วก้าวเร็วๆ ก่อนจะมาคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ

“พี่ปุ้น! อย่าทำแบบนี้ ลุกขึ้นมาค่ะ” ปุณยวีร์ร้องเสียงหลง

ภควัตส่ายศีรษะ “ไม่ จนกว่าปุ่นจะเชื่อพี่ ให้อภัยพี่ และให้โอกาสพี่ได้กลับไปอยู่ในโลกที่สวยงามสดใสร่วมกับปุ่น อีกครั้ง ปุ่นรู้ไหมว่าตั้งแต่ที่พี่มีปุ่นเข้ามาในชีวิตพี่มีความสุขมากแค่ไหน ปุ่นทำให้พี่ยิ้มได้ ทำให้พี่รู้สึกว่าตัวเองยังมีค่ามีตัวตนในสายตาใครต่อใคร หรือว่าตอนนี้สำหรับปุ่นแล้วพี่ไม่เหลือค่าอะไรเลย” ท้ายประโยคเขาเอ่ยตัดพ้อท่าทางน่าสงสาร

ปุณยวีร์หลับตา ถามว่าเชื่อไหม ไม่! เธอไม่เชื่อหรอก แต่จะให้เธอทำหมางเมินไม่ให้โอกาสเขาเลยเธอก็ทำไม่ได้เหมือนกัน เพราะเขาเองก็เคยให้โอกาสกันมาก่อน ในตอนที่เธอรู้สึกอ้างว้างเหมือนไม่มีใครก็มีเขานี่แหละที่คอยดูแลอยู่เคียงข้าง แล้วเธอจะทิ้งเขาลงได้อย่างไรกันยิ่งเมื่อเขาดูอ่อนแอน่าสงสารอย่างนี้

หญิงสาวถอนหายใจแล้วเอื้อมมือออกไปจับมือใหญ่ “ลุกขึ้นนะคะพี่ปุ้น” เธอบอกเขาแทนคำว่า ‘ให้โอกาส’ พลางออกแรงดึงให้คนที่กำลังคุกเข่าอยู่ลุกขึ้นพร้อมกัน

ภควัตยอมลุกขึ้นในที่สุดหากเขาก็ไม่ลืมถามเพื่อความมั่นใจว่า “เราจะยังเป็นเหมือนเดิมใช่ไหม ปุ่นจะไม่ทิ้งพี่ไปใช่ไหมครับ”
ปุณยวีร์พยักหน้า “ถ้าพี่ปุ้นแน่ใจว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแค่อดีตที่พี่ก้าวผ่านมาแล้ว และแน่ใจว่าต้องการจะสร้างอนาคตร่วมกับปุ่นจริงๆ ปุ่นก็พร้อมจะให้โอกาสค่ะ ไม่ใช่แค่พี่ปุ้นแต่เป็นตัวปุ่นเองด้วย”

ใบหน้าคมคายคลี่ยิ้มขณะที่มือใหญ่ก็บีบกระชับมือเล็ก “ขอบคุณนะครับปุ่น ขอบคุณจริงๆ” บอกน้ำเสียงยินดี

ปุณยวีร์ยิ้มตอบ “ปุ่นก็ต้องขอบคุณพี่ปุ้นด้วยเหมือนกันค่ะ แต่ว่าพี่ปุ้นคะ ปุ่นขออะไรสักอย่างได้ไหม” ดวงตาคู่กลมโตมองสบดวงตาคู่เรียวรีนิ่ง มีไม่บ่อยครั้งนักหรอกที่เธอจะมีท่าทีจริงจังแบบนี้ และเมื่อเขาพยักหน้าตอบกลับมาเธอจึงเอยต่อ “ถ้าหากมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้ บอกปุ่นนะคะ ก็อย่างที่บอกว่าปุ่นยอมรับความจริงได้ถึงมันจะน่าผิดหวังมากแค่ไหนก็ตาม แต่ปุ่นคงทนไม่ได้จริงๆ ถ้าต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนโง่”

“พี่สัญญา” ชายหนุ่มรุ่นพี่ให้คำมั่น “แต่พี่แน่ใจว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากนี้แน่นอน” เขาบอกก่อนจะรวบกอดร่างชองเธอเข้าไปแนบอกอีกครั้ง “ปุ่นเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดในชีวิตพี่” ว่าแล้วก็แนบริมฝีปากลงข้างขมับอย่างถือสิทธิ์

ปุณยวีร์ตัวแข็งทื่อ ดวงตาคู่กลมโตกะพริบปริบมองเจ้าของใบหน้าใจดีที่มีท่าทีแปลกไปจนเธอรับมือไม่ค่อยจะถูกอึ้งๆ และเพียงเสี้ยวนาทีก่อนที่ริมฝีปากหยักได้รูปนั้นจะฉกวูบลงมากระทำการให้ช็อกหนักยิ่งขึ้นเธอก็เบนหน้าหลบแล้วขืนตัวออกจากอ้อมแขนของเขา “เอ่อ… ขอโทษค่ะ” ยิ้มแหยๆ อย่างไม่รู้ทำอย่างไรดี

ภควัตส่ายศีรษะพลางยิ้มคล้ายเอ็นดู “ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวพี่ไปส่งปุ่นเลยดีไหม ดึกแล้ว”

“ค่ะ”






“อ้าว! ชินกลับมานานแล้วเหรอ ทานข้าวหรือยัง แล้วนั่นจะออกไปไหนอีก!”

“…”

เมื่อมีเพียงความเงียบที่ตอบกลับมากีรฎาเลยขว้างค้อนใส่แผ่นหลังกว้างใหญ่ของคนที่ก้าวเร็วๆ ออกจากบ้านสวนทางเธอกับก้องภพที่เพิ่งกลับมาจากซื้อของที่ร้านค้าหน้าปากซอยพอดี

“เป็นอะไรของเขาเนี่ย ถามก็ไม่ตอบ ทำท่าอย่างกับโกรธใครมาอย่างนั้นแหละ แล้วดูทำ จะรีบอะไรนักหนา!” บ่นหัวเสียเมื่อได้ยินเสียงเหยียบคันเร่งแล้วรถคันหรูก็พุ่งออกไปจากประตูรั้วราวกับพายุ

ก้องภพไหวไหล่พลางส่ายศีรษะเพราะเขาเองก็ไม่รู้จะตอบเช่นไร หากเพียงไม่กี่นาทีหลังจากนั้นที่เขาเห็นว่ามีใครกำลังเดินเคียงข้างกันออกมาจากห้องครัวดวงตาคู่คมก็ฉายแววเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมารางๆ





ชินพัตต์เหยียบเบรกจนเสียงลั่นเอี๊ยด! หลังจากเขาเหยียบคันเร่งบังคับให้รถวิ่งไปตามถนนด้วยความเร็วสูงนานนับชั่วโมงแล้วแรงอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงจนถึงขีดสุดก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะลดระดับลงมา ชายหนุ่มกระแทกกำปั้นหนักๆ ลงกับพวงมาลัยรถยนต์บ้าง ‘หวังอะไร! คาดหวังอะไรอยู่! ในเมื่อเป็นเขาเองนั่นแหละที่โง่เง่าทำตัวเป็นพระรองที่แสนดีห้ามไม่ให้เธอเผชิญกับความจริงในวันนั้น! เพราะกลัวว่าดวงหน้าสดใสจะเศร้าหมองด้วยเรื่องราวที่ไม่เป็นไปดังใจหวัง จนวันนี้เธอกับชายหนุ่มรุ่นพี่ได้ปรับความเข้าใจกันอีกครั้ง ซึ่งมันก็สมควรอยู่แล้ว และเขาจะคิดหวังอะไรได้อีก ในเมื่อมันไม่เคยมีหวังสำหรับเขาเลย’


TBC...

คุณ mhengjhy แล้วใจอ่อนแบบตอนนี้น่าเลิฟมั้ยเอ่ย

คุณ Pat ขนาดยิงตรงขนาดนี้พี่ปุ้นยังไม่ตายอีก นายแน่มาก ติดตามต่อไปนะคะ

คุณ Zephyr คงต้องเชอะๆ หมั่นไส้ไอ้คุณพี่ปุ้นต่อไป

คุณ konhin ยิงตรงขั้วแล้วยังไม่ตาย เลยต้องใจอ่อนต่อปาย

คุณ ตามหาฝัน จุก แต่ยังแถเอาตัวรอดได้ค่ะ

ขอบคุณนะคะ สำหรับทุกคอมเมนท์ที่ฝากไว้ให้ ถูกใจไม่ถูกใจยังไงก็บอกนะคะ คนเขียนจะได้นำไปปรับปรุงในการเขียนครั้งต่อๆ ไป ช่วยติดตามกันต่อนะคะ อย่างน้อยก็เข้ามาอ่าน ไม่ต้องฝากเมนท์ก็ได้ แต่ถ้าใครฝากเมนท์ทิ้งไว้ก็จะดีใจมั่กๆๆๆ
^________^



พนาศิลป์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ธ.ค. 2557, 11:03:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ธ.ค. 2557, 11:03:10 น.

จำนวนการเข้าชม : 1360





<< ตอนที่ 11/1   ตอนที่ 12 >>
konhin 15 ธ.ค. 2557, 23:42:08 น.
ก็รักคนมีอดีตในใจ มันอยู่ที่ว่าเค้าลืมได้แล้วหรือแค่แกล้งลืม


ตามหาฝัน 16 ธ.ค. 2557, 10:27:15 น.
เริ่มต้นใหม่แต่ยังไม่ลืมคนเก่าได้จริงเหรอ


Zephyr 17 ธ.ค. 2557, 20:24:36 น.
โหย อิพี่ปุ้น เค้าเคยชอบชื่อภควัตมากกกกกก
พอเป็นชื่อพี่ตอนนี้ คิดจะเริ่มไม่ชอบละนะ
อ้ากกกกกกก ขัดใจๆๆๆๆๆ
ปุ่น ชิน ปุ่น ชิน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account