จุมพิตนิทรา
"หากได้พบเธอแค่เพียงในฝัน ฉันก็ปรารถนาจะหลับใหลไปชั่วกาล"

นราภัทร วิศวกรคอมพิวเตอร์สาวมั่นที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
แต่หลังจากไปไหว้พระตรีมูรติ เธอก็ได้พบกับคนที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ
"เขา" ทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอหัวเราะ ทำให้เธอมีความสุขได้
แต่ "เขา" อยู่แต่ในความฝันของเธอเท่านั้น
นราภัทรแค่ฝันไป? หรือ เขาคือเนื้อคู่ที่สวรรค์ประทานลงในให้?

Tags: โรแมนติก,ดราม่า,ความฝัน,รักในฝัน

ตอน: บทที่ 5/1

5

เมื่อกลับมายังจังหวัดฉะเชิงเทราทีไร นราภัทรต้องแวะไหว้หลวงพ่อโสธรก่อนกลับกรุงเทพฯ ทุกที จนกลายเป็นธรรมเนียมไปแล้ว คราวนี้ก็เช่นกัน หลังจากล่ำลาบุพการีแล้ว นราภัทรก็พาเพื่อนสาวมายังวัดโสธรวรารามวรวิหารก่อน เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์คนจึงหนาตาเป็นพิเศษ ผู้คนแห่แหนกันมาจากทุกสารทิศเพื่อกราบไหว้หลวงพ่อโสธร ทั้งที่อุโบสถหลังใหม่ซึ่งงดงามวิจิตรตระการตาราวกับปราสาทวิมานในแดนสวรรค์และอุโบสถหลังเก่าซึ่งเนืองแน่นไปด้วยคลื่นมหาชน ที่มาสักการะและแก้บนหลวงพ่อโสธรด้วยการถวายไข่ไก่หรือละครรำ

นราภัทรเข้าไปกราบไหว้หลวงพ่อโสธรในทั้งสองอุโบสถ แม้ว่าเธอจะชื่นชอบอุโบสถหลังใหม่มาก แต่หญิงสาวก็ไม่ลืมที่จะไปไหว้พระในอุโบสถหลังเก่าด้วย ในใจลึกๆ นั้นเธอรู้สึกคุ้นเคยกับจังหวัดนี้มากจริงๆ เหมือนเคยนั่งมองแม่น้ำบางปะกงจากศาลาท่าน้ำที่ใดที่หนึ่งมาก่อน และราวกับเคยมาขอพรหลวงพ่อโสธรในอุโบสถหลังเก่ามาก่อน จนแอบคิดเล่นๆ ว่า อดีตชาติของเธออาจจะเป็นคนในจังหวัดฉะเชิงเทราก็เป็นได้

หากว่ามารดาของเธอไม่บังคับให้ทำงานในกระทรวงวิทยาศาสตร์ นราภัทรก็ไม่อยากอยู่ที่กรุงเทพฯ นักหรอก เธอชอบจังหวัดฉะเชิงเทรามากกว่า ชอบสายน้ำบางปะกง ชอบความเงียบสงบที่ยังไม่ถูกเสียงรถรารบกวน ไม่เหมือนเวลาที่เธอนอนอยู่ในคอนโดฯ แล้วยังได้ยินเสียงเด็กแว้นซิ่งรถมอเตอร์ไซค์แม้ยามดึกดื่น แต่ในเมื่อเป็นความต้องการของมารดาที่อยากมีลูกสาวทำงานในกระทรวงเพื่อเชิดหน้าชูตาวงศ์ตระกูล นราภัทรก็ขัดไม่ได้

หลังจากไหว้พระขอพรในอุโบสถหลังเก่าเสร็จแล้ว นราภัทรกับพชิรดาก็มาทำบุญปล่อยนกปล่อยปลา บริเวณนั้นมีหมอดูไพ่ยิปซีตั้งโต๊ะอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่คนหนึ่ง พชิรดาซึ่งเป็นพวกชอบดูดวงทำนายทายทักก็อดไม่ได้ต้องปรี่เข้าไปหาพร้อมทั้งลากให้นราภัทรตามไปด้วย นราภัทรไม่อยากขัดคอเพื่อนเลยปล่อยเลยตามเลย

หมอดูเป็นผู้หญิงวัยแค่ยี่สิบกว่าปีเท่านั้น เธอตัดผมหน้าม้าและสวมแว่นตากรอบหนาสีดำ มองไปคล้ายๆ เด็กคงแก่เรียนสักคนที่มาหารายได้พิเศษด้วยการรับดูดวงจากไพ่ยิปซี

พชิรดาเห็นหน้าอ่อนๆ ของอีกฝ่ายแล้วไม่ค่อยเชื่อถือนัก แต่ค่าดูหมอแค่ 39 บาทเท่านั้น เธอจึงไม่ลังเลใจที่จะจ่ายเงิน หลังจากวางเงินในพานเสร็จ หญิงสาวก็ทำตามที่หมอดูไพ่ยิปซีบอก โดยสับไพ่ตามอายุ และหยิบไพ่ตามคำบอก

นราภัทรมองแล้วก็แอบเบื่อหน่อยๆ เธอไม่ค่อยสนใจศาสตร์แขนงนี้นัก จึงไม่ค่อยได้ไปดูดวง ต่อให้กลุ้มแค่ไหน เธอก็คิดว่าคนที่จะแก้กลุ้มได้มีแต่ตัวเราเท่านั้น จะมีใครรู้ดีไปกว่าตัวเราเองได้อีก จ่ายเงินให้หมอดูก็เหมือนจ่ายเงินให้คนที่รับฟังปัญหาให้เรา จากนั้นก็หมอดูแค่ไล่เราไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ตามวัดต่างๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็จ่ายเงินให้วัดไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ

เธอเคยถกเถียงกับเพื่อนสนิทในประเด็นนี้อยู่หลายหน แต่พชิรดาก็ไม่เคยลดละความชอบดูดวงเลยสักที หมอดูที่ไหนว่าดัง เธอก็ไปหาหมด เมื่อเพื่อนไม่เชื่อและเงินที่จ่ายก็เป็นเงินในกระเป๋าของเพื่อน นราภัทรจึงไม่ขัดอีกต่อไป ครั้นเห็นว่าน่าจะนาน หญิงสาวจึงสะกิดเพื่อนแล้วขอตัวไปเดินเล่น ตอนนี้แดดร่มลมตก เหมาะกับการเดินดูโน่นดูนี่เป็นอย่างมาก

ระหว่างเดินชมนกชมไม้อยู่แถวศาลารายนั้นเอง วิศวกรสาวก็เห็นนภดลพยุงหญิงชราร่างท้วมคนหนึ่งเดินมาตรงที่เธอ นราภัทรคิดว่าถ้าไม่ทักคงจะน่าเกลียด จึงเข้าไปยกมือไหว้ตามมารยาท

“สวัสดีค่ะพี่ฟ้า สวัสดีค่ะคุณยาย” เพราะไม่รู้ว่าหญิงชราเป็นใคร หญิงสาวจึงเรียกไปตามวัย

นภดลเงยหน้าขึ้นตามเสียงเรียก ครั้นเห็นว่าเป็นนราภัทรก็ส่งยิ้มอบอุ่นให้ “สวัสดีครับน้องน้ำริน เจอกันอีกแล้วนะครับ”

วิศวกรสาวชอบเสียงของนภดลมาก แต่ไม่รู้ทำไมคำว่า ‘เจอกันแล้ว’ ของเขาทำให้เธอพานคิดถึงผู้ชายอีกคนเสียได้...

คนที่บอกว่าเพราะเขาคิดถึงเธอ เลยฝันถึงเธอ

“ตะ...เตือนใจ...” เสียงของหญิงชราที่นภดลพยุงแขนอยู่ดังแทรกเข้ามาในห้วงคิด

‘หือ’ นราภัทรมองอย่างงุนงง

ญาติผู้ใหญ่ของนภดลมีสีหน้าตกตะลึง นัยน์ตาเบิกค้างขณะพูดเสียงสั่นเบาๆ มือเหี่ยวย่นจับเข้าที่แขนของหญิงสาวแล้วออกแรงบีบจนนราภัทรหน้านิ่ว

“เตือนใจ”

“ไม่ใช่ค่ะคุณยาย หนูชื่อน้ำรินค่ะ” นราภัทรรีบปฏิเสธ

นภดลรีบแนะนำหญิงสาว “คุณย่าครับ นี่น้องน้ำริน ลูกสาวน้ารัตน์ที่มาบ้านเราเมื่อวานไงครับ”

พอได้ยินเสียงหลานชาย หญิงชราก็ดูเหมือนจะได้สติขึ้นมา มือเหี่ยวย่นคลายแรงบีบ แต่ยังจับแขนนราภัทรเอาไว้หลวมๆ พลางมองนราภัทรตั้งแต่หัวจดเท้าอยู่หลายรอบ

“ไม่ใช่เตือนใจหรอกเหรอ” นางปรารภกับตัวเองเบาๆ

“ไม่ใช่ครับ เอ่อ น้องน้ำริน นี่คุณย่าผมเอง”

หลังจากหญิงชราพิจารณาอยู่นานสองนาน คิ้วที่ขมวดแน่นก็คลายออก เพราะแน่แก่ใจว่าหญิงสาวไม่ใช่คนที่คิดเอาไว้ ก่อนถอนหายใจยาว สุดท้ายก็ปล่อยมือจากแขนของนราภัทร

“ขอโทษด้วยนะหนู ยายแก่แล้ว จำคนผิด” แม้จะหายตกตะลึงแล้ว แต่สีหน้าของหญิงชรายังคงหมองเศร้าอยู่ดี

“ไม่เป็นไรค่ะคุณยาย หนูหน้าโหล มีคนทักผิดประจำ” นราภัทรพูดให้ผู้สูงวัยรู้สึกดีขึ้น

“แล้วนี่มาคนเดียวเหรอครับ น้ารัตน์กับน้าสินไม่ได้มาด้วยเหรอ” นภดลถามขึ้น

“ไม่ได้มาค่ะ วันนี้น้ำจะกลับกรุงเทพฯ แล้ว ก็เลยแวะพาเพื่อนมาไหว้ขอพรหลวงพ่อโสธรก่อนจะกลับน่ะค่ะ”

“แล้วนี่เพื่อนไปไหนแล้วล่ะครับ” ชายหนุ่มมองซ้ายมองขวาหาเพื่อนของหญิงสาว

“นู่น ดูหมออยู่ตรงนู้นค่ะ” นราภัทรหันไปชี้ที่แผงหมอดูซึ่งอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แต่พอเห็นเพื่อนสาวลุกขึ้นยืนพอดีก็คิดว่าคงจะฟังคำทำนายเสร็จแล้ว จึงเอ่ยขอตัวกับทั้งคู่และเดินจากไป

“ตาฟ้า หนูคนนี้เป็นลูกเต้าเหล่าใครน่ะ” ญาติผู้ใหญ่ของนภดลเอ่ยขึ้นเมื่อเข้ามานั่งอยู่ในศาลาเรียบร้อยแล้ว

ชายหนุ่มตอบซ้ำอีกครั้ง “เป็นลูกน้ารัตน์ไงครับ เมื่อวานก็มาบ้านเรา คุณย่ายังคุยกับน้ารัตน์อยู่เลย”

“ลูกสาวอมรรัตน์งั้นเหรอ...” หญิงชรามองตามแผ่นหลังนราภัทรไม่วางตา

.........................................

“นี่ลับหลังฉันแอบนอกใจไปเจอกับว่าที่สามีมาเหรอยะ” พชิรดาซึ่งยืนอยู่หน้าแผงหมอดูแซวขึ้นทันทีที่นราภัทรเข้ามาอยู่ในระยะได้ยินเสียงชัด

“ว่าที่สามีอะไร” นราภัทรไม่เข้าใจความหมายของเพื่อน

“ก็พี่ฟ้าคนนั้นไง ก้าวหน้านะยะ มีการไปฝากเนื้อฝากตัวกับญาติผู้ใหญ่ฝ่ายสามีแล้ว นี่แกจะทิ้งฉันไปแต่งงานแล้วเหรอเนี่ย โห คนโกหก ไหนว่าจะอยู่บนคานเป็นเพื่อนกันไง” พชิรดาคาดเดาและแกล้งโวยวาย ออกอาการโอเวอร์แอกติงจนเพื่อนเห็นแล้วทั้งมันเขี้ยวและขบขัน

“มโนไปไกลแล้วนะยะ เอามะเหงกไปสลายมโนสักทีไหม” เมื่อเข้าใจแล้ว นราภัทรก็กำมือทำท่าจะเขกสักโป๊กให้เพื่อนเลิกฟุ้งซ่าน

“แกนี่มันเอะอะๆ ก็ใช้กำลังอยู่เรื่อยเลย พวกซาดิสม์” พชิรดายกมือป้องศีรษะพลางทำแก้มป่อง

“เพราะแกมันพวกชอบมโนไงล่ะ พี่ฟ้าเขาเป็นลูกชายเพื่อนแม่ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับฉัน แกพูดแบบนี้ เดี๋ยวใครมาได้ยินเข้า พี่เขาจะเสียหายได้นะยะ”

“แกนี่มันบื้อจริงๆ นี่มันสเตปเทพเลยนะยะ ลูกชายเพื่อนนี่แหละตัวดี พอแนะนำตัวกันปุ๊บ ผู้ใหญ่ก็จับคลุมถุงชนกันปั๊บ อย่าให้เพื่อนเซดเลย เห็นมานักต่อนักละ คู่รักจากผู้ใหญ่แนะนำเนี่ย” ด้วยความที่ญาติตัวเองแต่งงานกันไปเพราะถูกคลุมถุงชนหลายคู่ พชิรดาจึงเห็นเค้าลางเรื่องคลุมถุงชนมากกว่านราภัทรที่มีญาติน้อยกว่า และแต่ละคนก็แต่งงานตามความชอบพอของตัวเอง ไม่ได้มีผู้ใหญ่เป็นแม่สื่อแม่ชักแต่อย่างใด

“แหม พี่เขาจะเสียหาย เจอหน้ากันแค่สองครั้งก็ปกป้องกันแล้ว ถ้ากลัวพี่เขาเสียหายนัก แกก็รับผิดชอบแต่งกับเขาไปเลยสิ” คุณหนูสาวประชด

“เลิกล้อได้แล้ว ถ้ายังแซวอีก ได้กินฝ่ามือดับมโนแน่” นราภัทรทำหน้าเหี้ยมขณะยกมือขึ้นตั้งแล้วทำท่าจะสับลงไป

“ไม่ล้อแล้วก็ได้” พชิรดาไม่อยากลองของ จึงสะบัดหน้าไปอีกทาง แต่แล้วก็รีบหันมาควงแขนเพื่อนสาว “เอ๊ะ นานๆ ทีจะเห็นคนมีสิทธิ์เป็นสามีแกโผล่เข้ามาในวงโคจร มาดูหมอกันเถอะ ฉันอยากรู้ว่าอีตาพี่ฟ้านั่นเนื้อคู่แกหรือเปล่า”

“เฮ้อ ไร้สาระใหญ่แล้ว ยายแพรว”

“เหอะ ดูเหอะน่า เดี๋ยวค่าดูฉันออกให้ก็ได้” คุณหนูแพรวยังโน้มน้าวต่อไป

“ไม่เอา ฉันจะไปตลาดคลองสวนต่อ ป่านนี้ไม่รู้มีอะไรเหลือให้กินบ้างเนี่ย”

“น่า ดูแป๊บเดียวเอง มันจะเสียเวลาแค่ไหนกันยะ อีกอย่างน้องหมอดูคนนี้แม่นมากนะ แม่นสุดๆ เลย เห็นหน้าฉันปุ๊บก็บอกได้เลยว่าฉันเพิ่งเลิกกับแฟนมา ยังไม่ทันพูดอะไรสักคำเลย” ว่าแล้วพชิรดาก็ดันตัวเพื่อนสาวลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติก พร้อมควักธนบัตรใบละ 20 บาทสองใบใส่ลงในพานทองเหลืองเสร็จสรรพ

นราภัทรแอบเบ้ปากนิดๆ เพราะเชื่อว่า คนที่มาดูหมอต้องมีเรื่องกลุ้มใจกันทั้งนั้น แล้วเรื่องกลุ้มใจมันก็มีแค่ เรื่องความรัก เรื่องเงิน เรื่องงาน เรื่องสุขภาพ แค่นี้ก็ครอบจักรวาลแล้ว ดูจากเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายของพชิรดาที่แม้จะไม่ได้ประโคมใส่เพชรพลอยมา แต่ก็สวมเสื้อผ้าเนื้อดี ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาเรื่องเงินและเรื่องงาน ประกอบกับด้วยวัยแล้วยังเป็นสาวเป็นแส้อยู่ ถ้าเธอเป็นหมอดูก็จะฟันธงเรื่องความรักเป็นอันดับแรก

นราภัทรแพ้คนคะยั้นคะยอ สุดท้ายเลยยอมทำตามใจเพื่อน และทำตามคำสั่งของหมอดูอย่างว่าง่าย ทั้งสับไพ่และตัดไพ่ออก ตอนที่หยิบไพ่นี่เอง มือของหมอดูสาวแตะลงที่หลังมือของนราภัทร นราภัทรไม่รู้สึกอะไร แต่คนพยากรณ์กลับมีอาการเหมือนถูกไฟฟ้าชอร์ต เธอนิ่งค้างพลางกะพริบตาปริบๆ เพียงชั่วพริบตาใบหน้าของหมอดูสาวก็มีน้ำตาไหลอาบแก้ม ทำเอาคนแก่กว่าอย่างนราภัทรอ้าปากค้างด้วยความตกใจ

“เป็นอะไรไปน้อง”

หมอดูสาวโบกไม้โบกมือพลางส่ายหน้า ใช้มือที่เป็นอิสระมือหนึ่งถอดแว่นออกแล้วปาดน้ำตาออก จนเมื่อสงบสติอารมณ์ได้ หมอดูอ่อนวัยกว่าคนนี้ก็เริ่มการทำนายทายทัก โดยให้นราภัทรตั้งจิตอธิษฐานว่าจะถามเรื่องอะไร แต่ปรากฏว่านราภัทรไม่ได้อยากถามอะไร เลยไม่รู้จะตั้งคำถามอย่างไร ร้อนถึงเพื่อนสาวที่อยู่ข้างๆ ต้องมาช่วยบอกคำถามให้

“เนื้อคู่ของนางมาหรือยังคะ คุณหมอ” แม้ว่าอีกฝ่ายจะอายุน้อยกว่า แต่ด้วยความแม่นยำ พชิรดาจึงเรียกอย่างยกย่อง นราภัทรฟังแล้วแอบขำอยู่ในใจและคิดตามที่เพื่อนบอก อันที่จริงเธอไม่เคยมีสเปกของคนที่ชอบจริงจัง แต่คำว่าเนื้อคู่กลับสะกิดให้เธอคิดถึงผู้ชายที่มีรอยยิ้มอันงดงามขึ้นมา

เมื่อนราภัทรหยิบไพ่สามใบยื่นให้เสร็จ แม่หมอสาวก็เปิดไพ่ดูแล้วยิ้มออกมา “มาแล้วค่ะ”

“ว้าว! มาแล้วด้วย แสดงว่าเจอกันแล้วสินะ พี่ฟ้าแน่เลย” พชิรดาตื่นเต้นกว่านราภัทรเสียอีก

“เฮ้ยๆ ยังไม่รู้ว่าเป็นพี่เขาหรือเปล่า อย่ามาฟันธงได้ไหม” วิศวกรสาวทำหน้านิ่วใส่คนข้างตัวพลางคิดว่า นี่มันดวงใครกันแน่ กระตือรือร้นกว่าเจ้าของดวงอย่างเธอเสียอีก

“งั้นถามไพ่ต่อเลยว่าคนนี้เจอกันนานหรือยัง” พชิรดากระทุ้งศอกใส่เพื่อนเบาๆ นราภัทรก็หยิบไพ่ตาม

“เพิ่งเจอกันค่ะ” หมอดูสาวตอบ

“อั้ยย่ะ! งานนี้มีลุ้น เพิ่งเจอกันด้วย” พชิรดาหันมาเหล่เพื่อนที่มีท่าทีนิ่งเฉย ไร้วี่แววความสนอกสนใจ

“รูปร่างหน้าตาเป็นยังไงคะ” บอกแล้วก็สะกิดเพื่อนอีกหน

นราภัทรอดคิดไม่ได้ว่าถ้าพชิรดาหยิบไพ่แทนเธอได้คงหยิบไปแล้ว

“ผู้ชายหน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว”

“ฐานะดีไหมคะ”

“ฐานะดีมากเชียวละ ครอบครัวเขาก็รวยอยู่แล้วนะ มีบริษัทเป็นของตัวเองด้วย”

“กรี๊ด! พี่ฟ้าชัดๆ ตามที่แม่แกบอกเลย ครอบครัวพี่เขาเป็นเจ้าของที่ดินนี่นะ แต่ตัวพี่เขามาเปิดบริษัทเป็นของตัวเอง งานนี้แกได้เป็นคุณนายแน่ๆ” ที่พชิรดารู้ประวัติของนภดลเพราะเมื่อวานตอนกินอาหารมื้อเย็น นางอมรรัตน์ร่ายความเป็นมาของชายหนุ่มให้ฟัง และเน้นย้ำว่านภดล วัชระประภาส เป็นคนหนุ่มที่มีการศึกษาดี ฐานะเพียบพร้อม เป็นคนดีชอบช่วยเหลือคนอื่น และที่สำคัญยังโสด

นราภัทรสะดุดหูตรงนามสกุลของเขาเท่านั้น เหมือนเคยได้ยินมาก่อน แต่ก็ไม่แปลกใจนักเมื่อคิดว่าคนในตระกูลนี้เคยเล่นการเมืองท้องถิ่นอยู่พักหนึ่ง แม้ปัจจุบันจะไม่มีใครเป็น ส.ส. แล้ว แต่ก็ยังได้ยินนามสกุลนี้อยู่บ่อยๆ เพราะคนตระกูลนี้มักจะเป็นเจ้าภาพงานบุญของวัดต่างๆ ที่นางอมรรัตน์ไปสนิทกับคุณนายยุวดีได้เป็นเพราะได้เจอกันในงานบุญนี่ละ และคุยกันถูกคอ จึงได้เป็นมิตรสหายทางธรรมกัน

“พอเหอะ” นราภัทรรู้สึกว่าเพื่อนฟุ้งซ่านไปไกลถึงนอกโลกเลยทีเดียว และเริ่มรู้สึกว่านี่จะไม่ใช่การดูดวงของเธอไปเสียแล้ว นราภัทรจึงตั้งคำถามเองบ้าง

“ที่ฉันอยากถามคือมีวิญญาณมาตามฉันไหมคะ”

นราภัทรถามคำถามนี้ไปเพราะอยากรู้มากว่าผู้ชายในฝันนั้นเป็น ‘อะไร’ กันแน่ ถึงจะไม่ค่อยเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณเท่าไรนัก แต่ตัวเลือกที่ว่าเขาอาจจะเป็นผีเร่ร่อนสักตนที่มาเกาะติดเธอนั้นก็ไม่อาจตัดไปได้ง่ายๆ

หมอดูอ่านไพ่แล้วตอบ “ไม่มีค่ะ”

“เหรอคะ” นราภัทรรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างพองฟูขึ้นในอก...ตานั่นไม่ใช่ผีเหรอ

“เฮ้ย! ทำไมถามแบบนี้ล่ะ แกไปเจออะไรมางั้นเหรอ” คนกลัวผีขึ้นสมองจ้องเพื่อนสาวตาโต

“เปล่า ก็ไม่ได้เจออะไร แค่รู้สึกว่าหมู่นี้ฝันถึงผู้ชายคนนึงมาสามครั้งแล้ว ก็เลยอดคิดไม่ได้ว่าเป็นผีหรือเปล่า” นราภัทรไม่ได้เล่าละเอียดนัก

“ผีแน่นอนเลยแก มาขอส่วนบุญแหงๆ เมื่อกี้ทำบุญให้เขาหรือยังล่ะ” พชิรดายืนยันความคิดของตัวเอง

นราภัทรส่ายหน้า “ยัง”

“อ้าว! ฮึ้ย ทำไมเป็นคนแบบนี้นะ เดี๋ยวกลับไปทำบุญเลยนะแก ปล่อยไว้เดี๋ยวเกิดเรื่องหรอก”

“หมอดูเขาก็บอกเมื่อกี้ว่าไม่ใช่ผี ไม่ได้ฟังหรือไง”

พชิรดาหุบปากฉับ แต่ก็ยังอุบอิบเบาๆ ว่า “กันไว้ก่อนดีกว่าไปตามแก้ทีหลัง”

“โอเค ไม่ใช่ผี อื้ม พี่หมดคำถามแล้วค่ะ” นราภัทรไม่มีอะไรอยากถามอีกจึงตัดบท และทำท่าจะลุกจากไป แต่หมอดูสาวแว่นเรียกไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวค่ะ”

“มีอะไรคะ”

หมอดูอ่อนเยาว์อึกอัก ลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มเปิดปากพูด “เอ่อ...คือ...อย่ายึดติดกับความเจ็บปวดในอดีตเลยค่ะ ที่ยังคงรู้สึกอยู่นั้นเป็นเพราะเราไปจดจำมัน ไปยึดมันเอาไว้ว่าเราต้องเจ็บ เราเสียใจ...เท่าที่หนูดูมา พี่เป็นคนดีนะคะ ถึงเจ็บปวดยังไงก็ไม่โทษใคร ถ้าไม่อยากให้ชีวิตในปัจจุบันวุ่นวายก็ต้องปล่อยวางนะคะ มันผ่านไปแล้ว แก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เราต้องอยู่กับปัจจุบัน แล้วพี่เองก็ชอบช่วยเหลือคนอื่น ไม่อยากทำให้ครอบครัวเสียใจ แต่บางทีพี่ก็ควรฟังเสียงหัวใจตัวเองบ้างนะคะ อย่าคิดถึงแต่ความสุขของคนอื่นจนละเลยความสุขของตัวเอง”

นราภัทรรับฟังอย่างงงงวย ไม่เข้าใจคำพูดของหมอดูสาวสักนิด แต่คิดว่าเป็นเทคนิคการพูดให้คลุมเครือของหมอดูที่ทำให้ลูกค้าให้สนใจและสะเดาะเคราะห์ละมั้ง น่าเสียดายที่เธอไม่มีความคิดจะทำแบบนั้นเลย

“เอ่อ...ค่ะ ขอบคุณค่ะ”

พชิรดาฟังแล้วงุนงงไม่ต่างกัน พอเข้ามาในรถได้ จึงถามเพื่อนสาวทันที “น้องเขาพูดอะไรวะ”

“ไม่รู้สิ” นราภัทรตอบตามตรงก่อนจะออกรถ

....................................................

“ว่าไง ได้เรื่องอะไรบ้างจ๊ะ” นราภัทรถามขณะวางถุงขนมปังและกาแฟเย็นหนึ่งแก้วลงบนเคาน์เตอร์ตรงหน้าพนักงานร้านต้นอักษรในช่วงค่ำวันจันทร์

“ได้ทุกเรื่องเลยครับพี่” เด็กหนุ่มยิ้มกว้างจนแทบเห็นเหงือก

“ไหนเอามาให้ดูซิ” วิศวกรสาวตื่นเต้นมาก รู้สึกเลยว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นเหมือนจะทะลุออกมาจากอก

พอได้ ‘เครื่องเซ่น’ แล้ว บอยจึงส่งโทรศัพท์มือถือของตัวเองซึ่งมีรูปที่หญิงสาวต้องการกับเศษกระดาษที่จดชื่อและเบอร์โทร. ให้ พร้อมเล่าถึงความเหนื่อยยากว่า

“เนี่ยนะกว่าจะได้มาผมต้องคิดหาทางสารพัด เพื่อไม่ให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าผมเป็นเกย์สนใจเขาแล้วก็มาขอเบอร์โทรไป โชคดีที่ผมเป็นคนฉลาด เลยเอากล่องเปล่ามาตั้งไว้ เจาะรูเล็กๆ แล้วก็บอกกับคนนั้นคนนี้ว่าทางร้านกำลังจะมีจับฉลากชิงโชคสำหรับลูกค้าที่มาซื้อหนังสือไป พร้อมกับขอถ่ายรูปเขาเพื่อนำไปทำสกู๊ปแนะนำร้านต้นอักษรในเว็บไซต์ เป็นไงล่ะได้ทั้งชื่อและเบอร์โทร. รูปถ่าย ตามที่พี่ต้องการเป๊ะ ผมเก่งไหมล่ะ แหม...แต่ดูอายุแล้ว พี่น้ำริจะกินเด็กเหรอเนี่ย”บอยพล่ามยาว แล้วก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นอากัปกิริยาของนราภัทรซึ่งดูไม่ดีใจเลยที่ได้สิ่งที่ต้องการ

หญิงสาวยืนนิ่งดูรูปในโทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นรูปนักศึกษาชายคนหนึ่งยืนถือหนังสือปกสีฟ้า เขาน่าจะมีเชื้อสายทางใต้เพราะใบหน้าและสีผิวค่อนข้างคมเข้ม

“พี่น้ำเป็นอะไร”

“คนนี้เหรอบอย” หญิงสาวต้องการคำยืนยันอีกครั้ง ทั้งที่ในรูปถ่ายก็เห็นหนังสือเล่มที่เธอสอดกระดาษไว้

บอยพยักหน้า “อื้อ คนนี้แหละ ทำไมล่ะ ผิดคนเหรอ”

“เปล่า ไม่มีอะไร ขอบใจมาก แล้วเดี๋ยววันหลังจะเลี้ยงกาแฟอีกสองแก้วที่ติดไว้นะ” นราภัทรปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แต่ก็ทำได้ยากมาก ตอนนี้สีหน้าของเธอจึงดูแย่ๆ เซ็งๆ

“ถ้าไม่ใช่คนนี้ ผมก็ไม่รู้จะถ่ายรูปคนไหนแล้วนะ วันก่อนผมก็ลืมบอกพี่ไปว่าเรื่องนี้ขายดีมาก ที่ร้านนี้ก็หมดแล้ว เล่มที่พี่ผู้ชายคนนี้ถืออยู่น่ะเป็นเล่มสุดท้าย ทางร้านสั่งซื้อเพิ่มไปทางสำนักพิมพ์ สำนักพิมพ์ก็ตอบว่าหมดแล้ว และยังไม่รู้จะพิมพ์ใหม่เมื่อไร ถ้าไม่ใช่คนนี้ พี่คงต้องรอเรื่องนี้มีขายอีก เดี๋ยวผมถ่ายให้ใหม่ก็ได้ แต่ถ้าจะให้ดี ขอรายละเอียดมากกว่านี้หน่อยเถอะพี่ แค่บอกว่าหน้าหล่อๆ ผมก็ไม่รู้จะถ่ายถูกคนไหม สเปกพี่กับสเปกผมไม่เหมือนกันเสียหน่อย หน้าอย่างผมนี่ผมก็คิดว่าหล่อเหมือนกันนะ” เด็กหนุ่มพยายามทำให้พี่สาวผู้ใจดีอารมณ์ดีขึ้น

“หล่อร้อยเมตรละสิ” นราภัทรว่าเข้าให้

“โห พี่น้ำ ดูพูดเข้า ทำผมเสียเซลฟ์หมด แต่ร้อยเมตรหล่อก็ยังดีกว่าไม่หล่อสักเมตรละกันครับ”

“ไม่ต้องถ่ายให้ใหม่แล้วละ ขอบใจมากนะ พี่แค่มีเรื่องต้องพิสูจน์นิดหน่อย แล้วบอยก็ทำให้มันกระจ่างขึ้นแล้วละ ขอบใจจริงๆ นะ” นราภัทรไม่อยากให้น้องชายคนนี้ไปโกหกใครเพิ่มอีก จึงยุติเพียงเท่านี้

บอยก็คาดเดาเรื่อยเปื่อยไปตามความคิดของตน “เอ๊ะ! หรือว่าพี่คนในรูปนอกใจพี่น้ำ มาซื้อหนังสือไปเป็นของขวัญให้กิ๊ก แล้วพี่น้ำจับได้เลยมาให้ผมถ่ายรูปยืนยัน”

“หยุดเลย พี่ไม่รู้จักอะไรกับคนในรูปถ่ายนะ ไม่ต้องดึงเขามาเกี่ยวด้วย” นราภัทรรู้สึกว่าคนรอบตัวเธอนี่ช่างมโนกันเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นพชิรดาหรือบอย หวังว่าจะไม่เจอใครที่เป็นแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกนะ

“อ้าว แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันล่ะเนี่ย”

“เรื่องโง่ๆ ของคนงี่เง่าน่ะ อย่าใส่ใจเลย” หญิงสาวหัวเราะเยาะหยันตัวเองเบาๆ โดยไม่ขยายความให้บอยรู้อะไรเพิ่มขึ้น

‘เราคิดอะไรอยู่นะ ฝันลมๆ แล้งๆ ว่าคนคนนั้นจะมีตัวตนจริงอยู่ได้ บ้า! ยายบ้านราภัทร’ พอด่าตัวเองในใจแล้วเธอก็เหมือนจะรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
...........................................

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน และ มากดไลค์ให้ค่ะ

ตอนหน้า ห้ามพลาดน้า อิอิ

ตอบเมนท์

คุณ โอชิน

- นางเอกเราแมนมาก อิๆ เป็นที่พึ่งของเพื่อนได้เสมอ // ตอนนี้ฟ้าก็อยู่ในแก๊งเพื่อนสาวที่แมนมากเช่นกันและทำท่าจะขึ้นคานเป็นเพื่อนกัน 5555+ คนรอบตัวยังไม่มีใครมีวี่แววจะแต่งเลยค่ะ
ขอบคุณที่มาเมนท์ให้นะคะ



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ธ.ค. 2557, 04:25:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ธ.ค. 2557, 04:25:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1320





<< บทที่ 4/2   บทที่ 5/2 >>
napt 18 ธ.ค. 2557, 08:46:56 น.
เราก็รอลุ้นตาม นึกว่าจะได้เจอกันตัวเป็นๆแล้วซะอีก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account