ภรรยาเพียงนาม
ภรรยาเพียงนาม โดย...ธัญปัณณ์
เป็นเรื่องสุดท้ายของหนุ่มๆ ตระกูลเศรษฐินาธรนะคะ
นำแสดงโดย คุณใหญ่ โคแก่มาดขรึม และ ใบบัว สาวน้อยจอมดื้อ!
‘พิชาภพ เศรษฐินาธร’ มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อ เจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ จำต้องรับ ‘ณัฐชาดา’ สาวน้อยหน้าหวานเข้ามาใช้นามสกุลเดียวกันด้วยบุญคุณที่พ่อของเธอเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แรกนั้นจะให้อยู่ในสถานะ ‘ภรรยาเพียงนาม’ แต่ความดื้อดึงปนน่ารักในการเอาตัวรอดของเธอ ทำให้หนุ่มใหญ่นึกอยากเอาชนะ แม่กวางน้อยไร้เดียงสาน่ะหรือ...จะรอดพ้นราชสีห์หนุ่มเจ้าป่าอย่างเขา
และสิ่งที่เขาสังหรณ์ใจแต่แรก จึงจดทะเบียนสมรสกับเธอเสียก็เกิดขึ้นจริง เมื่อหญิงสาวถูกหลอกขาย แต่เขานี่แหละที่จะซื้อเธอด้วยความรักอย่างเต็มใจ!
ตัวอย่างจ้าาาาาา
“คุณใหญ่ปล่อยนะ!”
สาวน้อยร้องลั่นเมื่อเขาตวัดคว้าเอวบางเข้าหาตัวก่อนจะกดเธอลงกับเตียงนอนแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาหาเสียใกล้ ท่าทางล่อแหลมมากเหลือเกิน
“เด็กโกหก!”
“คุณใหญ่ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่ไหนก็ต้องกลัวเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น”
“เรื่องแบบไหน”
“ก็เรื่องเซ็กซ์”
“ใครบอกเธอว่าฉันจะทำแบบนั้น”
“ก็คนนอนเตียงเดียวกันก็ต้องคิดเรื่องนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“คราวหน้าอย่ามาทำอะไรไม่เข้าเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหม” พิชาภพเลี่ยงที่จะตอบว่าเขาคิดเรื่องพวกนั้นกับเธอหรือเปล่าเพราะยังไม่แน่ใจตัวเองนัก จะว่าคิดก็ใช่ จะว่าไมได้คิดก็ใช่
“ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว
“ไม่งั้นจะถูกลงโทษ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาพราวระยับเมื่อจับจ้องที่ริมฝีปากซึ่งเผยอน้อยๆ ในขณะนี้
“ลงโทษ?”
“ถ้าใบบัวดื้อ ฉันจะจูบ!”
“จะ...จูบ!” สาวน้อยเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน
“ใช่! ดังนั้นอย่าดื้อหรือทำให้ฉันไม่พอใจอีก”
“ค่ะ ใบบัวจะไม่ดื้อแล้ว” สาวน้อยรีบรนตอบจนลิ้นแทบพันกัน “คุณใหญ่คะ ครั้งนี้ยกเว้นใช่ไหม”
“ถ้ายกเว้น ใบบัวจะเข็ดหลาบไหม”
“ใบบัวยังไม่แปรงฟันด้วยนะ”
***********
เป็นเรื่องสุดท้ายของหนุ่มๆ ตระกูลเศรษฐินาธรนะคะ
นำแสดงโดย คุณใหญ่ โคแก่มาดขรึม และ ใบบัว สาวน้อยจอมดื้อ!
‘พิชาภพ เศรษฐินาธร’ มหาเศรษฐีหนุ่มหล่อ เจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทที่ร่ำรวยอันดับต้นๆ ของประเทศ จำต้องรับ ‘ณัฐชาดา’ สาวน้อยหน้าหวานเข้ามาใช้นามสกุลเดียวกันด้วยบุญคุณที่พ่อของเธอเคยช่วยชีวิตเขาเอาไว้ แรกนั้นจะให้อยู่ในสถานะ ‘ภรรยาเพียงนาม’ แต่ความดื้อดึงปนน่ารักในการเอาตัวรอดของเธอ ทำให้หนุ่มใหญ่นึกอยากเอาชนะ แม่กวางน้อยไร้เดียงสาน่ะหรือ...จะรอดพ้นราชสีห์หนุ่มเจ้าป่าอย่างเขา
และสิ่งที่เขาสังหรณ์ใจแต่แรก จึงจดทะเบียนสมรสกับเธอเสียก็เกิดขึ้นจริง เมื่อหญิงสาวถูกหลอกขาย แต่เขานี่แหละที่จะซื้อเธอด้วยความรักอย่างเต็มใจ!
ตัวอย่างจ้าาาาาา
“คุณใหญ่ปล่อยนะ!”
สาวน้อยร้องลั่นเมื่อเขาตวัดคว้าเอวบางเข้าหาตัวก่อนจะกดเธอลงกับเตียงนอนแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาหาเสียใกล้ ท่าทางล่อแหลมมากเหลือเกิน
“เด็กโกหก!”
“คุณใหญ่ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่ไหนก็ต้องกลัวเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น”
“เรื่องแบบไหน”
“ก็เรื่องเซ็กซ์”
“ใครบอกเธอว่าฉันจะทำแบบนั้น”
“ก็คนนอนเตียงเดียวกันก็ต้องคิดเรื่องนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“คราวหน้าอย่ามาทำอะไรไม่เข้าเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหม” พิชาภพเลี่ยงที่จะตอบว่าเขาคิดเรื่องพวกนั้นกับเธอหรือเปล่าเพราะยังไม่แน่ใจตัวเองนัก จะว่าคิดก็ใช่ จะว่าไมได้คิดก็ใช่
“ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว
“ไม่งั้นจะถูกลงโทษ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาพราวระยับเมื่อจับจ้องที่ริมฝีปากซึ่งเผยอน้อยๆ ในขณะนี้
“ลงโทษ?”
“ถ้าใบบัวดื้อ ฉันจะจูบ!”
“จะ...จูบ!” สาวน้อยเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน
“ใช่! ดังนั้นอย่าดื้อหรือทำให้ฉันไม่พอใจอีก”
“ค่ะ ใบบัวจะไม่ดื้อแล้ว” สาวน้อยรีบรนตอบจนลิ้นแทบพันกัน “คุณใหญ่คะ ครั้งนี้ยกเว้นใช่ไหม”
“ถ้ายกเว้น ใบบัวจะเข็ดหลาบไหม”
“ใบบัวยังไม่แปรงฟันด้วยนะ”
***********
Tags: โคแก่หญ้าอ่อน
ตอน: บทที่ 3 หนูบิ๊กลูกพ่อใหญ่ 2
สาวน้อยรินนมใส่แก้วใบใสด้วยใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ แต่ก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกเพื่อเรียกความมั่นใจ ก่อนจะเดินขึ้นมายังห้องนอน เห็นพิชาภพกำลังนั่งอ่านหนังสือที่เตียงก็ค่อยๆ สืบเท้าเข้าไปหา
“ดื่มนมก่อนนอนด้วยหรือใบบัว” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงเอ็นดู
“เปล่าค่ะ ใบบัวเอามาให้คุณใหญ่” เธอว่าก่อนจะยื่นแก้วนมให้เขาสุดมือ นัยน์ตาคาดหวังสุดๆ
“เอ่อ...ฉันไม่ดื่มนมนะใบบัว” พิชาภพจำต้องปฏิเสธ แม้หญิงสาวจะส่งสายตาแห่งความหวังมาให้ ก็เขาอายุป่านนี้แล้วจะให้มาดื่มนมก่อนนอนมันก็ไม่ใช่
“น่าเสียดายจัง ใบบัวไม่ทราบว่าคุณใหญ่ไม่ดื่มนม” สาวน้อยทำเสียงผิดหวัง มองแก้วนมเศร้าๆ
“ฉันว่าใบบัวควรดื่มมากกว่านะ” ชายหนุ่มเสนอ หลังทำให้เธอต้องเก้อ
“เอ่อ...ไม่ค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงร้อนรน อีกคนจึงเลิกคิ้วสูง
“ทำไมล่ะ”
“ใบบัวดื่มมาแล้วแก้วหนึ่งค่ะ ขืนดื่มอีกท้องแตกพอดี”
“อืม...อย่างนั้นหรือ” พิชาภพคิดไม่ตก เขาหรี่ตาประเมินท่าทีของหญิงสาว เธอยืนนิ่งพลางส่งสายตาคาดหวังมาให้
“คุณใหญ่ดื่มหน่อยเถอะนะคะ เขาว่าดื่มนมก่อนนอนจะนอนหลับสบายนะคะ” ณัฐชาดารีบอวดอ้างสรพพคุณ
“เอ่อ...ก็ได้ครับ”
ชายหนุ่มรับแก้วนมมาแล้วพยายามกล้ำกลืนดื่มประมาณครึ่งแก้ว คนไม่เคยดื่มมันดื่มยากเสียยิ่งกว่าน้ำบอระเพ็ดเสียอีก ดื่มแล้วก็พาลจะมวนท้องยังไงก็ไม่รู้
เมื่อเขาดื่มเสร็จ หญิงสาวก็ก้าวขึ้นมาบนเตียง นั่งอิงหัวเตียงในท่าเดียวกับเขา ณัฐชาดาแสร้งหยิบกล่องใส่แหวนที่เขาซื้อให้เมื่อวานนี้มาดู
“ชอบไหม” เขาถามอย่างสนใจ
“ชอบค่ะ คุณใหญ่รู้ได้ยังไงคะว่าใบบัวชอบใส่แหวนแฟชั่นพวกนี้” ณัฐชาดาเอ่ยถาม แต่สายตายังจับจ้องแหวนแฟชั่นหลากหลายสีสันและลวดลายที่บรรจุอยู่ในกล่องประมาณสิบวง
“ฉันให้รดาช่วยเลือก รดาว่าสไตล์สดใสน่ารักอย่างใบบัวน่าจะเหมาะ”
“สวยมากจริงๆ ค่ะ”
“คืนนี้ใบบัวไม่กลัวฉันแล้วหรือ” พิชาภพตัดสินใจเอ่ยถามตามความข้องใจ
“ไม่กลัวหรอกค่ะ” เธอยิ้มแปลกๆ “เพราะเดี๋ยวคุณใหญ่ก็หลับแล้ว”
“ว่าไงนะ...”
แล้วเขาก็หาวสุดกลั้น ก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนและเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อย่างรวดเร็ว
“เห็นไหมว่าเดี๋ยวคุณใหญ่ก็หลับ”
ณัฐชาดาหัวเราะสะใจ แผนการมอมยาสำเร็จแล้ว รอดไปอีกหนึ่งคืนนะเรา กระนั้นหญิงสาวก็ยังใจดีเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายให้เขา รู้ดีว่าพิชาภพคงหลับสนิทตลอดคืนไม่ตื่นขึ้นมาเลยแน่นอน
“เมี้ยว เมี้ยว...”
“เฮ้อ! ดีนะที่ร้องถูกจังหวะ” ณัฐชาดาถอนหายใจพรืด ขืนร้องก่อนหน้านี้เธอตายแน่เพราะยังไม่ได้ขออนุญาตเขาเลยว่าจะพาหนูบิ๊กมานอนด้วย เกิดพิชาภพไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วขย้ำเธอจะทำยังไงล่ะ
มือบางเอื้อมไปคว้าตะกร้าสีน้ำตาลบุด้วยผ้าผืนหนาอุ่นๆ ที่มีเจ้าแมวน้อยนอนท่าทางออดอ้อนอยู่ หนูบิ๊กร้องเมี้ยวๆ เหมือนง่วงนอนแล้ว
“หนูบิ๊กง่วงหรือคะ งั้นมานอนกันนะ เดี๋ยวแม่ใบบัวจะกล่อมเอง”
สาวน้อยไถลตัวลงนอนโดยมีหนูบิ๊กนอนอยู่ข้างๆ นึกสยองเมื่อคิดจินตนาการไกลไปว่าเป็น ‘พ่อ แม่และลูก’
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ ยังไม่ทันได้ปรับโฟกัสภาพชัดเจนดีก็ต้องจามออกมาเสียงดัง เรียกให้สาวน้อยขี้เซาที่นอนอยู่ข้างๆ ปรือตาขึ้นมามองแต่ยังไม่มีสติพอ ร่างสูงโปร่งหยัดกายลุกขึ้น สมองคิดทบทวนความทรงจำเมื่อคืนนี้ เขาสงสัยในท่าทางแปลกๆ ของเธออยู่แล้วเชียวจึงบ่ายเบี่ยงหลายรอบ แต่สุดท้ายก็แพ้มารยาตาปริบๆ ของเธอ
เสียงกัดฟันดังกรอด ก่อนเจ้าตัวจะตวัดสายตาเอาเรื่องไปมองสาวน้อยข้างกาย ณัฐชาดากระถดตัวจะหนีลงจากเตียงด้วยท่าทางตื่นตกใจ
“ใบบัว!”
“คุณใหญ่ปล่อยนะ!”
สาวน้อยร้องลั่นเมื่อเขาตวัดคว้าเอวบางเข้าหาตัวก่อนจะกดเธอลงกับเตียงนอนแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาหาเสียใกล้ ท่าทางล่อแหลมมากเหลือเกิน
“ทำอะไรฉัน” พิชาภพกดเสียงต่ำ นัยน์ตาฉายฉานเอาเรื่อง ความโกรธปะทุในอกปุดๆ เขาอายุเท่าไร แล้วเธออายุเท่าไร กล้าดีอย่างไรมาใช้มารยาหลอกให้ตายใจแบบนี้ ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้าอย่างมากที่ถูกเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหลอกมอมยานอนหลับเพื่อเอาตัวรอด
คิดหรือว่าจะรอด!
แค่นี้เธอยังไม่มีปัญญาหนีเลย มือหนากดมือบางที่กางข้างศีรษะแน่นขึ้นอีก ใบหน้าตื่นตระหนกเอียงหนีเมื่อเขาแกล้งโน้มเข้าไปใกล้กว่าเดิม
“ใบบัวไม่ได้ตั้งใจ ใบบัวขอโทษ”
“ทำไม...ฉันน่ากลัวนักหรือไง” เขาถามด้วยความโมโห เมื่อคืนวานคิดว่าสาวน้อยเข้าใจดีแล้ว แต่นี่อะไรกลับยังกลัวไม่เข้าเรื่องเข้าราว
“ปะ...เปล่า”
“เด็กโกหก!”
“คุณใหญ่ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่ไหนก็ต้องกลัวเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น” ณัฐชาดายังหาญกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขา หน้าตาส่อแววดื้อรั้น
“เรื่องแบบไหน” เขาแกล้งถามไปอย่างนั้น ความโกรธเริ่มมลายลงเมื่อเห็นแก้มใสแดงเรื่อขึ้นด้วยความเขินอาย ณัฐชาดาโตพอที่จะอายต่อหน้าผู้ชายแล้วหรือนี่
“ก็เรื่องเซ็กซ์”
“ใครบอกเธอว่าฉันจะทำแบบนั้น”
“ก็คนนอนเตียงเดียวกันก็ต้องคิดเรื่องนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“คราวหน้าอย่ามาทำอะไรไม่เข้าเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหม” พิชาภพเลี่ยงที่จะตอบว่าเขาคิดเรื่องพวกนั้นกับเธอหรือเปล่าเพราะยังไม่แน่ใจตัวเองนัก จะว่าคิดก็ใช่ จะว่าไมได้คิดก็ใช่
“ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว
“ไม่งั้นจะถูกลงโทษ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาพราวระยับเมื่อจับจ้องที่ริมฝีปากซึ่งเผยอน้อยๆ ในขณะนี้
“ลงโทษ?”
“ถ้าใบบัวดื้อ ฉันจะจูบ!”
“จะ...จูบ!” สาวน้อยเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน
“ใช่! ดังนั้นอย่าดื้อหรือทำให้ฉันไม่พอใจอีก”
“ค่ะ ใบบัวจะไม่ดื้อแล้ว” สาวน้อยรีบรนตอบจนลิ้นแทบพันกัน “คุณใหญ่คะ ครั้งนี้ยกเว้นใช่ไหม”
“ถ้ายกเว้น ใบบัวจะเข็ดหลาบไหม”
“ใบบัวไม่ทำอีกแล้ว จริงๆ นะ” ณัฐชาดารีบส่งสายตาขอความเห็นใจ ก่อนว่าเร็วๆ “ใบบัวไม่เคยจูบ...”
หารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่ใจเต้นรัวแรง พิชาภพพินิจใบหน้าสาวน้อยอีกครั้งแล้วเผยยิ้มบางเบา
“ใบบัวยังไม่แปรงฟันด้วยนะ”
พิชาภพแทบกลั้นยิ้มไม่ไหวกับความไร้เดียงสา หากเขาอยากจูบจริงๆ จะแปรงฟันหรือไม่ได้แปรงก็จูบได้ ไม่มีข้อยกเว้น
“งั้นคราวนี้ฉันจะยังไม่ลงโทษ” เขาแกล้งใจดี เฮ้อ! หากได้จุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มสวยนั้นจริงๆ ความรู้สึกจะเป็นยังไงนะ แต่พิชาภพก็อดใจไว้ เขาอยากให้ณัฐชาดาไว้ใจในตัวเองเพราะยังมีเรื่องอื่นที่ไม่แน่ใจนักว่าจะทำให้สาวน้อยลำบากในอนาคตหรือเปล่า หากเธอไม่ไว้ใจเขา เขาจะเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ แม้จะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เขาก็อยากช่วยเหลือสาวน้อยที่น่าสงสารคนนี้ด้วยความเต็มใจ
“ขอบคุณค่ะ” ณัฐชาดารีบขอบคุณ พลางว่า “ปล่อยใบบัวได้หรือยัง”
“เมี้ยว!”
“เอ๊ะ! เสียงอะไร” พิชาภพขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะจามเสียงลั่น ณัฐชาดาหลับตาปี๋เตรียมพร้อม แต่โชคดีที่ชายหนุ่มหันไปจามทางอื่น ไม่งั้นรับมาเต็มๆ แน่
“เสียง เอ่อ...เสียง...” ตายละงานนี้
“เมี้ยว เมี้ยว...”
คราวนี้ไม่มาแต่เสียง ทว่าเจ้าหนูบิ๊กยังกระโดดเข้ามานอนคลอเคลียข้างๆ เธออีกด้วย โธ่! มาไม่ถูกจังหวะเอาเสียเลย เขากำลังโมโหเธออยู่ด้วย เดี๋ยวก็ถูกหักคอตายหรอก
“หนูบิ๊กลงไปก่อน เร็วๆ” ณัฐชาดารีบไล่
พิชาภพทำท่าจะจามอีกรอบ จึงปล่อยมือหญิงสาวแล้วหยิบเจ้าแมวน้อยโยนลงโซฟาข้างๆ ก่อนที่จะแพ้จนได้เรื่อง
“ตายแล้ว! หนูบิ๊ก” หญิงสาวตกใจยกใหญ่ ตาเบิกโตก่อนจะพยายามดิ้นออกจากพันธนาการ แต่ก็ไม่เป็นผล มือเขาแข็งแรงปานคีมเหล็กที่คีบเธอเอาไว้ชัดๆ
“ว่าอะไรนะ”
“คุณใหญ่ปล่อยก่อนสิคะ แล้วใบบัวจะบอก”
สาวน้อยยื่นข้อเสนอ เล่นเอาคนเพลี่ยงพล้ำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เด็กดื้อรั้นยังไงก็ไม่สิ้นลาย พิชาภพจึงจำใจต้องปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ ณัฐชาดารีบกระโดดลงจากเตียงไปคว้าหนูบิ๊กขึ้นมาอุ้มราวกับลูก
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะหนูบิ๊ก ไม่เจ็บนะคะ” หญิงสาวปลุกปลอบเจ้าแมวน้อยก่อนจะมองค้อนคนใจร้าย โยนลูกแมวตัวเล็กๆ ได้ลงคอ ดีนะโยนลงโซฟา ถ้าโยนลงพื้นป่านนี้คงขาเดี้ยงไปแล้วแน่นอน ถ้าเอามาเลี้ยงแล้วไม่รักจะเอามาเลี้ยงทำไมกัน นึกแล้วเธอเองก็ชะตากรรมไม่ต่างจากหนูบิ๊กเท่าไรหรอก ดังนั้นเราคงเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมแน่
“หนูบิ๊ก? คืออะไร”
“ใบบัวตั้งชื่อมันเองค่ะ ชื่อหนูบิ๊กนะคะ”
“ทำไม...ชื่อเหมือนฉัน” พิชาภพไม่พอใจใหญ่ มองเจ้า ‘หนูบิ๊ก’อะไรนั่นอย่างนึกเคือง
“ก็พี่รดาบอกว่าคุณใหญ่เป็นคนเก็บมันมาเลี้ยง มันเป็นเหมือนลูกคุณใหญ่เลยนะคะ ใบบัวเลยตั้งชื่อให้เหมือนพ่อ” หญิงสาวพูดเป็นจริงเป็นจัง ทำเอา ‘พ่อ’ กุมขมับ
“เปลี่ยนชื่อได้ไหมใบบัว”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวหนูบิ๊กสับสนแย่” สาวน้อยส่ายหน้าดิก
“ตกลงมันต้องชื่อนี้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”
“ใช่ค่ะ และใบบัวขอเอาหนูบิ๊กมาเลี้ยงเองนะคะ พี่รดาก็วุ่นอยู่กับการทำขนมทั้งวัน เดี๋ยวใบบัวเลี้ยงเองค่ะ” ณัฐชาดายิ้มหวาน นัยน์ตาเปล่งประกายอย่างมีความสุข
สามีในนามเห็นท่าทางก็พูดอะไรไม่ออก เขาอยากให้เธอมีความสุข ถ้าแค่เรื่องแมวยังให้ไม่ได้ แล้วเรื่องอื่นจะให้ได้หรือ แต่ถ้าเธอเลี้ยงเขาต้องตายแน่นอน เขากับเจ้าแมวอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ใครๆ ก็รู้
“แต่ฉันแพ้ขนแมว...”
“จริงเหรอคะ” สาวน้อยหน้าเศร้าลงพลางก้มลงมองแมวน้อย หากพิชาภพช่างจินตนาการเท่าเธอคงจะเห็นน้ำตาหยดลงมาแล้ว
“ถ้าใบบัวไม่เลี้ยง...”
“แล้วใครจะเลี้ยงล่ะคะ ใบบัวอยากเลี้ยงมากเลย” สาวน้อยทำเสียงละห้อย ช้อนตาขึ้นมองอย่างขอความเห็นใจ แต่จริงๆ น่าจะใช้คำว่า ขอความเมตตามากกว่า
“ใบบัวรักหนูบิ๊กมากเลยหรือ”
สาวน้อยพยักหน้า กอดเจ้าแมวน้อยแน่น
“ฉันให้เลี้ยงก็ได้”
“จริงๆ นะคะ” น้ำเสียงแจ่มใสขึ้น ดวงตาก็โตเป็นประกายเชียว “แต่ว่าคุณใหญ่แพ้ขนแมวนี่นา”
“เลี้ยงได้ แต่ไม่เอามานอนด้วยได้ไหม”
“แต่ว่า...”
“เพราะใบบัวต้องนอนกับฉัน”
“ก็ได้ค่ะ ตอนกลางคืนใบบัวจะฝากหนูบิ๊กไว้กับป้านวล และตอนเย็นใบบัวจะทำความสะอาดห้องให้เอี่ยมเลยก่อนที่คุณใหญ่จะกลับมา” ณัฐชาดายิ้มออก เมื่อตกลงกันได้อย่างลงตัวเช่นนี้
“ดีครับ”
“ขอบคุณคุณใหญ่มากนะคะที่ให้ใบบัวเลี้ยงหนูบิ๊ก”
“แต่ถ้ามันไม่ชื่อบิ๊กฉันจะดีใจมากเลยนะ” มีอย่างที่ไหนเอาชื่อเขาไปตั้งชื่อแมว เด็กแสบจริงๆ
“แต่ว่าเปลี่ยนไม่ได้แล้วนะคะ เดี๋ยวหนูบิ๊กสับสน” น้ำเสียงเธอจริงจัง
“จ้ะๆ หนูบิ๊กก็หนูบิ๊ก”
“ดื่มนมก่อนนอนด้วยหรือใบบัว” ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาถามเสียงเอ็นดู
“เปล่าค่ะ ใบบัวเอามาให้คุณใหญ่” เธอว่าก่อนจะยื่นแก้วนมให้เขาสุดมือ นัยน์ตาคาดหวังสุดๆ
“เอ่อ...ฉันไม่ดื่มนมนะใบบัว” พิชาภพจำต้องปฏิเสธ แม้หญิงสาวจะส่งสายตาแห่งความหวังมาให้ ก็เขาอายุป่านนี้แล้วจะให้มาดื่มนมก่อนนอนมันก็ไม่ใช่
“น่าเสียดายจัง ใบบัวไม่ทราบว่าคุณใหญ่ไม่ดื่มนม” สาวน้อยทำเสียงผิดหวัง มองแก้วนมเศร้าๆ
“ฉันว่าใบบัวควรดื่มมากกว่านะ” ชายหนุ่มเสนอ หลังทำให้เธอต้องเก้อ
“เอ่อ...ไม่ค่ะ” หญิงสาวรีบปฏิเสธเสียงร้อนรน อีกคนจึงเลิกคิ้วสูง
“ทำไมล่ะ”
“ใบบัวดื่มมาแล้วแก้วหนึ่งค่ะ ขืนดื่มอีกท้องแตกพอดี”
“อืม...อย่างนั้นหรือ” พิชาภพคิดไม่ตก เขาหรี่ตาประเมินท่าทีของหญิงสาว เธอยืนนิ่งพลางส่งสายตาคาดหวังมาให้
“คุณใหญ่ดื่มหน่อยเถอะนะคะ เขาว่าดื่มนมก่อนนอนจะนอนหลับสบายนะคะ” ณัฐชาดารีบอวดอ้างสรพพคุณ
“เอ่อ...ก็ได้ครับ”
ชายหนุ่มรับแก้วนมมาแล้วพยายามกล้ำกลืนดื่มประมาณครึ่งแก้ว คนไม่เคยดื่มมันดื่มยากเสียยิ่งกว่าน้ำบอระเพ็ดเสียอีก ดื่มแล้วก็พาลจะมวนท้องยังไงก็ไม่รู้
เมื่อเขาดื่มเสร็จ หญิงสาวก็ก้าวขึ้นมาบนเตียง นั่งอิงหัวเตียงในท่าเดียวกับเขา ณัฐชาดาแสร้งหยิบกล่องใส่แหวนที่เขาซื้อให้เมื่อวานนี้มาดู
“ชอบไหม” เขาถามอย่างสนใจ
“ชอบค่ะ คุณใหญ่รู้ได้ยังไงคะว่าใบบัวชอบใส่แหวนแฟชั่นพวกนี้” ณัฐชาดาเอ่ยถาม แต่สายตายังจับจ้องแหวนแฟชั่นหลากหลายสีสันและลวดลายที่บรรจุอยู่ในกล่องประมาณสิบวง
“ฉันให้รดาช่วยเลือก รดาว่าสไตล์สดใสน่ารักอย่างใบบัวน่าจะเหมาะ”
“สวยมากจริงๆ ค่ะ”
“คืนนี้ใบบัวไม่กลัวฉันแล้วหรือ” พิชาภพตัดสินใจเอ่ยถามตามความข้องใจ
“ไม่กลัวหรอกค่ะ” เธอยิ้มแปลกๆ “เพราะเดี๋ยวคุณใหญ่ก็หลับแล้ว”
“ว่าไงนะ...”
แล้วเขาก็หาวสุดกลั้น ก่อนจะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนและเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์อย่างรวดเร็ว
“เห็นไหมว่าเดี๋ยวคุณใหญ่ก็หลับ”
ณัฐชาดาหัวเราะสะใจ แผนการมอมยาสำเร็จแล้ว รอดไปอีกหนึ่งคืนนะเรา กระนั้นหญิงสาวก็ยังใจดีเลื่อนผ้าห่มมาคลุมกายให้เขา รู้ดีว่าพิชาภพคงหลับสนิทตลอดคืนไม่ตื่นขึ้นมาเลยแน่นอน
“เมี้ยว เมี้ยว...”
“เฮ้อ! ดีนะที่ร้องถูกจังหวะ” ณัฐชาดาถอนหายใจพรืด ขืนร้องก่อนหน้านี้เธอตายแน่เพราะยังไม่ได้ขออนุญาตเขาเลยว่าจะพาหนูบิ๊กมานอนด้วย เกิดพิชาภพไม่ชอบใจขึ้นมาแล้วขย้ำเธอจะทำยังไงล่ะ
มือบางเอื้อมไปคว้าตะกร้าสีน้ำตาลบุด้วยผ้าผืนหนาอุ่นๆ ที่มีเจ้าแมวน้อยนอนท่าทางออดอ้อนอยู่ หนูบิ๊กร้องเมี้ยวๆ เหมือนง่วงนอนแล้ว
“หนูบิ๊กง่วงหรือคะ งั้นมานอนกันนะ เดี๋ยวแม่ใบบัวจะกล่อมเอง”
สาวน้อยไถลตัวลงนอนโดยมีหนูบิ๊กนอนอยู่ข้างๆ นึกสยองเมื่อคิดจินตนาการไกลไปว่าเป็น ‘พ่อ แม่และลูก’
ชายหนุ่มลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าตรู่ ยังไม่ทันได้ปรับโฟกัสภาพชัดเจนดีก็ต้องจามออกมาเสียงดัง เรียกให้สาวน้อยขี้เซาที่นอนอยู่ข้างๆ ปรือตาขึ้นมามองแต่ยังไม่มีสติพอ ร่างสูงโปร่งหยัดกายลุกขึ้น สมองคิดทบทวนความทรงจำเมื่อคืนนี้ เขาสงสัยในท่าทางแปลกๆ ของเธออยู่แล้วเชียวจึงบ่ายเบี่ยงหลายรอบ แต่สุดท้ายก็แพ้มารยาตาปริบๆ ของเธอ
เสียงกัดฟันดังกรอด ก่อนเจ้าตัวจะตวัดสายตาเอาเรื่องไปมองสาวน้อยข้างกาย ณัฐชาดากระถดตัวจะหนีลงจากเตียงด้วยท่าทางตื่นตกใจ
“ใบบัว!”
“คุณใหญ่ปล่อยนะ!”
สาวน้อยร้องลั่นเมื่อเขาตวัดคว้าเอวบางเข้าหาตัวก่อนจะกดเธอลงกับเตียงนอนแล้วโน้มใบหน้าเข้ามาหาเสียใกล้ ท่าทางล่อแหลมมากเหลือเกิน
“ทำอะไรฉัน” พิชาภพกดเสียงต่ำ นัยน์ตาฉายฉานเอาเรื่อง ความโกรธปะทุในอกปุดๆ เขาอายุเท่าไร แล้วเธออายุเท่าไร กล้าดีอย่างไรมาใช้มารยาหลอกให้ตายใจแบบนี้ ชายหนุ่มรู้สึกเสียหน้าอย่างมากที่ถูกเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมหลอกมอมยานอนหลับเพื่อเอาตัวรอด
คิดหรือว่าจะรอด!
แค่นี้เธอยังไม่มีปัญญาหนีเลย มือหนากดมือบางที่กางข้างศีรษะแน่นขึ้นอีก ใบหน้าตื่นตระหนกเอียงหนีเมื่อเขาแกล้งโน้มเข้าไปใกล้กว่าเดิม
“ใบบัวไม่ได้ตั้งใจ ใบบัวขอโทษ”
“ทำไม...ฉันน่ากลัวนักหรือไง” เขาถามด้วยความโมโห เมื่อคืนวานคิดว่าสาวน้อยเข้าใจดีแล้ว แต่นี่อะไรกลับยังกลัวไม่เข้าเรื่องเข้าราว
“ปะ...เปล่า”
“เด็กโกหก!”
“คุณใหญ่ไม่รู้หรอกว่าผู้หญิงที่ไหนก็ต้องกลัวเรื่องแบบนี้ทั้งนั้น” ณัฐชาดายังหาญกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเขา หน้าตาส่อแววดื้อรั้น
“เรื่องแบบไหน” เขาแกล้งถามไปอย่างนั้น ความโกรธเริ่มมลายลงเมื่อเห็นแก้มใสแดงเรื่อขึ้นด้วยความเขินอาย ณัฐชาดาโตพอที่จะอายต่อหน้าผู้ชายแล้วหรือนี่
“ก็เรื่องเซ็กซ์”
“ใครบอกเธอว่าฉันจะทำแบบนั้น”
“ก็คนนอนเตียงเดียวกันก็ต้องคิดเรื่องนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ”
“คราวหน้าอย่ามาทำอะไรไม่เข้าเรื่องแบบนี้อีก เข้าใจไหม” พิชาภพเลี่ยงที่จะตอบว่าเขาคิดเรื่องพวกนั้นกับเธอหรือเปล่าเพราะยังไม่แน่ใจตัวเองนัก จะว่าคิดก็ใช่ จะว่าไมได้คิดก็ใช่
“ค่ะ” เธอตอบเสียงแผ่ว
“ไม่งั้นจะถูกลงโทษ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาพราวระยับเมื่อจับจ้องที่ริมฝีปากซึ่งเผยอน้อยๆ ในขณะนี้
“ลงโทษ?”
“ถ้าใบบัวดื้อ ฉันจะจูบ!”
“จะ...จูบ!” สาวน้อยเบิกตาโตเท่าไข่ห่าน
“ใช่! ดังนั้นอย่าดื้อหรือทำให้ฉันไม่พอใจอีก”
“ค่ะ ใบบัวจะไม่ดื้อแล้ว” สาวน้อยรีบรนตอบจนลิ้นแทบพันกัน “คุณใหญ่คะ ครั้งนี้ยกเว้นใช่ไหม”
“ถ้ายกเว้น ใบบัวจะเข็ดหลาบไหม”
“ใบบัวไม่ทำอีกแล้ว จริงๆ นะ” ณัฐชาดารีบส่งสายตาขอความเห็นใจ ก่อนว่าเร็วๆ “ใบบัวไม่เคยจูบ...”
หารู้ไม่ว่าคำพูดนั้นยิ่งทำให้หนุ่มใหญ่ใจเต้นรัวแรง พิชาภพพินิจใบหน้าสาวน้อยอีกครั้งแล้วเผยยิ้มบางเบา
“ใบบัวยังไม่แปรงฟันด้วยนะ”
พิชาภพแทบกลั้นยิ้มไม่ไหวกับความไร้เดียงสา หากเขาอยากจูบจริงๆ จะแปรงฟันหรือไม่ได้แปรงก็จูบได้ ไม่มีข้อยกเว้น
“งั้นคราวนี้ฉันจะยังไม่ลงโทษ” เขาแกล้งใจดี เฮ้อ! หากได้จุมพิตที่ริมฝีปากอิ่มสวยนั้นจริงๆ ความรู้สึกจะเป็นยังไงนะ แต่พิชาภพก็อดใจไว้ เขาอยากให้ณัฐชาดาไว้ใจในตัวเองเพราะยังมีเรื่องอื่นที่ไม่แน่ใจนักว่าจะทำให้สาวน้อยลำบากในอนาคตหรือเปล่า หากเธอไม่ไว้ใจเขา เขาจะเข้าไปช่วยเหลือไม่ได้ แม้จะไม่ได้เป็นอะไรกัน แต่เขาก็อยากช่วยเหลือสาวน้อยที่น่าสงสารคนนี้ด้วยความเต็มใจ
“ขอบคุณค่ะ” ณัฐชาดารีบขอบคุณ พลางว่า “ปล่อยใบบัวได้หรือยัง”
“เมี้ยว!”
“เอ๊ะ! เสียงอะไร” พิชาภพขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะจามเสียงลั่น ณัฐชาดาหลับตาปี๋เตรียมพร้อม แต่โชคดีที่ชายหนุ่มหันไปจามทางอื่น ไม่งั้นรับมาเต็มๆ แน่
“เสียง เอ่อ...เสียง...” ตายละงานนี้
“เมี้ยว เมี้ยว...”
คราวนี้ไม่มาแต่เสียง ทว่าเจ้าหนูบิ๊กยังกระโดดเข้ามานอนคลอเคลียข้างๆ เธออีกด้วย โธ่! มาไม่ถูกจังหวะเอาเสียเลย เขากำลังโมโหเธออยู่ด้วย เดี๋ยวก็ถูกหักคอตายหรอก
“หนูบิ๊กลงไปก่อน เร็วๆ” ณัฐชาดารีบไล่
พิชาภพทำท่าจะจามอีกรอบ จึงปล่อยมือหญิงสาวแล้วหยิบเจ้าแมวน้อยโยนลงโซฟาข้างๆ ก่อนที่จะแพ้จนได้เรื่อง
“ตายแล้ว! หนูบิ๊ก” หญิงสาวตกใจยกใหญ่ ตาเบิกโตก่อนจะพยายามดิ้นออกจากพันธนาการ แต่ก็ไม่เป็นผล มือเขาแข็งแรงปานคีมเหล็กที่คีบเธอเอาไว้ชัดๆ
“ว่าอะไรนะ”
“คุณใหญ่ปล่อยก่อนสิคะ แล้วใบบัวจะบอก”
สาวน้อยยื่นข้อเสนอ เล่นเอาคนเพลี่ยงพล้ำเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน เด็กดื้อรั้นยังไงก็ไม่สิ้นลาย พิชาภพจึงจำใจต้องปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระ ณัฐชาดารีบกระโดดลงจากเตียงไปคว้าหนูบิ๊กขึ้นมาอุ้มราวกับลูก
“โอ๋ๆ ไม่เป็นไรนะหนูบิ๊ก ไม่เจ็บนะคะ” หญิงสาวปลุกปลอบเจ้าแมวน้อยก่อนจะมองค้อนคนใจร้าย โยนลูกแมวตัวเล็กๆ ได้ลงคอ ดีนะโยนลงโซฟา ถ้าโยนลงพื้นป่านนี้คงขาเดี้ยงไปแล้วแน่นอน ถ้าเอามาเลี้ยงแล้วไม่รักจะเอามาเลี้ยงทำไมกัน นึกแล้วเธอเองก็ชะตากรรมไม่ต่างจากหนูบิ๊กเท่าไรหรอก ดังนั้นเราคงเกิดมาเพื่อเป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมแน่
“หนูบิ๊ก? คืออะไร”
“ใบบัวตั้งชื่อมันเองค่ะ ชื่อหนูบิ๊กนะคะ”
“ทำไม...ชื่อเหมือนฉัน” พิชาภพไม่พอใจใหญ่ มองเจ้า ‘หนูบิ๊ก’อะไรนั่นอย่างนึกเคือง
“ก็พี่รดาบอกว่าคุณใหญ่เป็นคนเก็บมันมาเลี้ยง มันเป็นเหมือนลูกคุณใหญ่เลยนะคะ ใบบัวเลยตั้งชื่อให้เหมือนพ่อ” หญิงสาวพูดเป็นจริงเป็นจัง ทำเอา ‘พ่อ’ กุมขมับ
“เปลี่ยนชื่อได้ไหมใบบัว”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เดี๋ยวหนูบิ๊กสับสนแย่” สาวน้อยส่ายหน้าดิก
“ตกลงมันต้องชื่อนี้จริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”
“ใช่ค่ะ และใบบัวขอเอาหนูบิ๊กมาเลี้ยงเองนะคะ พี่รดาก็วุ่นอยู่กับการทำขนมทั้งวัน เดี๋ยวใบบัวเลี้ยงเองค่ะ” ณัฐชาดายิ้มหวาน นัยน์ตาเปล่งประกายอย่างมีความสุข
สามีในนามเห็นท่าทางก็พูดอะไรไม่ออก เขาอยากให้เธอมีความสุข ถ้าแค่เรื่องแมวยังให้ไม่ได้ แล้วเรื่องอื่นจะให้ได้หรือ แต่ถ้าเธอเลี้ยงเขาต้องตายแน่นอน เขากับเจ้าแมวอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ใครๆ ก็รู้
“แต่ฉันแพ้ขนแมว...”
“จริงเหรอคะ” สาวน้อยหน้าเศร้าลงพลางก้มลงมองแมวน้อย หากพิชาภพช่างจินตนาการเท่าเธอคงจะเห็นน้ำตาหยดลงมาแล้ว
“ถ้าใบบัวไม่เลี้ยง...”
“แล้วใครจะเลี้ยงล่ะคะ ใบบัวอยากเลี้ยงมากเลย” สาวน้อยทำเสียงละห้อย ช้อนตาขึ้นมองอย่างขอความเห็นใจ แต่จริงๆ น่าจะใช้คำว่า ขอความเมตตามากกว่า
“ใบบัวรักหนูบิ๊กมากเลยหรือ”
สาวน้อยพยักหน้า กอดเจ้าแมวน้อยแน่น
“ฉันให้เลี้ยงก็ได้”
“จริงๆ นะคะ” น้ำเสียงแจ่มใสขึ้น ดวงตาก็โตเป็นประกายเชียว “แต่ว่าคุณใหญ่แพ้ขนแมวนี่นา”
“เลี้ยงได้ แต่ไม่เอามานอนด้วยได้ไหม”
“แต่ว่า...”
“เพราะใบบัวต้องนอนกับฉัน”
“ก็ได้ค่ะ ตอนกลางคืนใบบัวจะฝากหนูบิ๊กไว้กับป้านวล และตอนเย็นใบบัวจะทำความสะอาดห้องให้เอี่ยมเลยก่อนที่คุณใหญ่จะกลับมา” ณัฐชาดายิ้มออก เมื่อตกลงกันได้อย่างลงตัวเช่นนี้
“ดีครับ”
“ขอบคุณคุณใหญ่มากนะคะที่ให้ใบบัวเลี้ยงหนูบิ๊ก”
“แต่ถ้ามันไม่ชื่อบิ๊กฉันจะดีใจมากเลยนะ” มีอย่างที่ไหนเอาชื่อเขาไปตั้งชื่อแมว เด็กแสบจริงๆ
“แต่ว่าเปลี่ยนไม่ได้แล้วนะคะ เดี๋ยวหนูบิ๊กสับสน” น้ำเสียงเธอจริงจัง
“จ้ะๆ หนูบิ๊กก็หนูบิ๊ก”
จรดปลายรุ้ง
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ธ.ค. 2557, 19:57:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ธ.ค. 2557, 19:57:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 2495
<< บทที่ 3 หนูบิ๊กลูกพ่อใหญ่ 1 | บทที่ 4 หน้าที่ภรรยา 1 >> |
ปรางขวัญ 20 ธ.ค. 2557, 20:15:20 น.
น่ารักจัง “หนูบิ๊ก“
น่ารักจัง “หนูบิ๊ก“
konhin 21 ธ.ค. 2557, 00:39:24 น.
กล้ามากค่ะ คุณใหญ่โดนเด็กใส่ยาาาาาาาา
กล้ามากค่ะ คุณใหญ่โดนเด็กใส่ยาาาาาาาา
แว่นใส 21 ธ.ค. 2557, 08:38:19 น.
แพ้เด็กจริง ๆ
แพ้เด็กจริง ๆ
ใบบัวน่ารัก 21 ธ.ค. 2557, 18:21:23 น.
จ้า
จ้า