^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: -เพลงรักในสายลม(5)-
...เราไม่ได้เพิ่งพบกัน แต่เราเคยพบกันมาหลายชาติแล้ว...
ใครบางคนเคยบอกกับฉันแบบนั้น และเวลานี้ ฉันก็เชื่อเช่นนั้นจริง ๆ
เราผ่านภพชาติแห่งการพบและพรากมาเนิ่นนาน ทั้งรักและชังมากมายจนยากจะแยกได้ ขอให้ครั้งนี้จะเป็นภพชาติสุดท้าย ฉันจะชดใช้ทุกหยาดน้ำตานั้นเอง
สายลมหนาวพัดพาเอาใบไม้ร่วงกราวเป็นสาย ร่างบอบบางห่อตัวกอดกระเป๋าสะพาย สะท้านเยือกไปทั้งกายจนต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะก้าวตรงสู่ตัวอาคารเบื้องหน้า หวังว่าผนังปูนจะช่วยลดแรงลมและความหนาวเย็นลงบ้าง
สองเท้าก้าวขึ้นบันไดเตี้ย ๆ เพราะมัวแต่กอดตัวเองแน่น ร่างเล็กจึงไม่ได้มองทางข้างหน้า กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อชนเข้ากับผนังมีชีวิตอุ่น ๆ ที่รีบคว้าร่างเธอไว้ทันก่อนที่เธอจะเซล้มไป
หญิงสาวเงยหน้ามองผู้ให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะรีบกระโดดออกห่างเหมือนทำไปตามสัญชาตญาณมากกว่าจะตั้งใจ แต่ก็ทำให้รอยขุ่นขวางจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนดวงตาของคนตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว
"ขอบคุณค่ะ" เธอเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะเลี่ยงเดินอ้อมเขาไป
คนตัวโตกลับไม่ยอมง่าย ๆ เขายกมือคว้าไหล่บางไว้ เอ่ยถามเสียงดุ "จะรีบไปไหน แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อคลุม วันนี้อากาศเย็น ไม่หนาวหรือ"
พรายเพ็งสูดลมหายใจยาว เผลอขบริมฝีปากเบา ๆ เพื่อตั้งสติ เธอค่อย ๆ หันไปมองหน้าเขา ครู่สั้น ๆ จึงเอ่ยคำตอบ
"หนาวค่ะ ลืมหยิบเสื้อคลุมมาด้วย เลยจะรีบเข้าตึกไปหลบลมค่ะ"
"ไปเอาเสื้อคลุมที่รถพี่ไหม"
หญิงสาวกระพริบตาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ "ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวสายหน่อยก็คงไม่เย็นอย่างนี้แล้วล่ะค่ะ"
ร่างบางฝืนพาตัวเองหมุนตัวกลับ เดินเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว
ความหนาวเย็นที่ผิวคล้ายจะผ่านเข้ามาแตะขั้วหัวใจ พร้อมความไม่เข้าใจที่หลั่งเข้ามาเป็นสาย
นานแล้วที่เธอและเขาไม่ได้พบ ไม่ได้พูดคุยราวคนไม่รู้จักกัน ข่าวคราวว่าเขาควงใครต่อใครยังผ่านมาเข้าหูอยู่เรื่อย ๆ ขณะที่เธอใช้ชีวิตของเธออย่างสาวน้อยไฮเปอร์ที่เต็มไปด้วยธุระนับล้านจนแทบไม่เหลือเวลาให้ฟุ้งซ่าน
แต่ทุกคราวที่นั่งนิ่ง ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ยังกรุ่นอยู่ในใจ เรื่องราวนับร้อยพันที่สร้างสรรค์ความงดงามอ่อนหวานจนหัวใจพองฟู แล้วก็แตกสลายราวลูกโป่งที่ถูกเข็มแทง
หลายคนที่รู้เรื่องล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาไม่ดีพอสำหรับเธอ ร้อยพันคำแนะนำและปลอบโยน แต่ราวจะไม่เคยผ่านเข้าไปถึงหัวใจ
พรายเพ็งถอนใจ เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากราวต้องคำสาป
แต่ชีวิตเป็นของเธอ ถ้าเขาไม่เห็นค่าความรักและหัวใจ เธอก็ต้องรักษาคุณค่านั้นด้วยตัวเอง
แล้ววันนี้...จะมาห่วงใย ใจดีกันเพื่ออะไร
It's the sound of sadness, repeat on my heart.
Again, and again, it resounds
พรายเพ็งมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสายตาแปลกใจ ข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาบอกชื่อคนที่เธอเคยคุ้น
'วันก่อนมาขอรีวิวเคสไหนนะ'
เธอคิดถึงวันที่รุ่นพี่ขอให้ไปรีวิวภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เขาเป็นคนอ่านผล เธอแจ้งชื่อไว้กับเจ้าหน้าที่หน้าห้องแพทย์ แต่บังเอิญอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านมาพบและสอบถาม เธอจึงขอรีวิวกับอาจารย์อีกท่านแทน และแจ้งยกเลิกกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องไปแล้ว
'เคสลิเวอร์ฮีแมงจิโอม่า(เนื้องอกเส้นเลือดในตับ)ค่ะ พอดีเจออาจารย์ไกรวัลย์ อาจารย์เลยช่วยรีวิวให้แล้วค่ะ' เธอพิมพ์ตอบกลับไป
'หนูแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ให้ยกเลิกคิวรีวิวแล้วนะคะ'
เขาเงียบหายไปครู่ใหญ่ ราวหมดเรื่องเจรจา พรายเพ็งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ แล้วเสียงเตือนเบา ๆ ก็ดังเรียกความสนใจอีกครั้ง
'วันนี้เข้าเวรเหรอ'
'ค่ะ' เธอพิมพ์ตอบสั้น ๆ
'อยู่ไหน'
'ไอซียูค่ะ'
'ทำอะไร' คราวนี้หญิงสาวเริ่มขบริมฝีปากอย่างขัดใจ เธอจะอยู่ไหน ทำอะไร คนเลิกกันแล้วก็ไม่ใช่ธุระที่เขาจะต้องมาใส่ใจ
ทั้งที่ใจกำลังหงุดหงิด แต่ปลายนิ้วก็พิมพ์ตอบ 'อ่านหนังสือค่ะ'
ครู่ใหญ่ กว่าจะมีข้อความถามกลับมา
'อยู่กับใคร'
พรายเพ็งกระพริบตาปริบ ๆ มองรอบห้องประชุมที่เธอยึดเป็นห้องหนังสืออย่างสำรวจแล้วแค่นหัวเราะเบา ๆ
เขาจะให้เธออ่านหนังสือกับใคร ในวันหยุดที่ต้องเข้าเวรเช่นนี้
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน ก่อนจะจรดปลายนิ้วพิมพ์ตอบ 'คนเดียวค่ะ'
ความหวังอุ่น ๆ จุดประกายขึ้นในใจ ปนกับความเศร้าที่ยังอวลไม่จางหาย หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เมื่อก้มลงอ่านหนังสือต่อ แต่โทรศัพท์ยังร้องเตือนว่ามีข้อความเข้าให้เธอหยิบมาอ่าน
'พี่อยู่ที่เดิม มากินกาแฟไหม'
พรายเพ็งขบริมฝีปากตัวเองราวจะเรียกสติ เผลอหลับตาคิดถึงร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่เขาชอบพาเธอไปนั่ง กลิ่นอวลของกาแฟคั่วบดปนกับกลิ่นหอมจาง ๆ ของขนมปัง เสียงพูดคุยเบา ๆ ของผู้คนเจือกับคำทักทายจากพนักงานในร้าน ทุกอย่างชัดเจนอยู่ในห้วงความคิด
กระทั่งสายตาว่างเปล่าเย็นชาที่มองเธอในวันที่อาว่านจูงมือเธอออกมาจากร้าน ก็ยังชัดเจนอยู่ในหัว
แล้ววันนี้...มาใจดีเพื่ออะไร
แปลกที่ความรัก ความดีใจกลับแปลเป็นความหวาดกลัว ไม่มั่นใจ
แต่ถึงอย่างนั้น พรายเพ็งก็ยังงมงายพอที่จะพิมพ์ข้อความตอบสั้น ๆ
'ค่ะ'
เธอนั่งเล่น อ่านหนังสือต่ออยู่นาน เพราะรู้ดีว่านิสัยเขาชอบนั่งเล่น ทำงานที่ร้านกาแฟเป็นหลักชั่วโมง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนวิ่งไปหามีดกรีดหัวใจ
แล้วเสียงเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้นอีก
'พี่คงนั่งอีกนาน ว่างแล้วค่อยเข้ามาก็ได้'
คำง่าย ๆ คล้ายให้เธอตัดสินใจนั้นกลับเหมือนคำเร่งเร้าในความคิดของพรายเพ็ง หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เก็บของใส่กระเป๋า แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
เพียงก้าวเข้าไปในร้าน พรายเพ็งก็เผลอชะงักฝีเท้า เกือบลืมหายใจเมื่อมองดูร่างหนาที่นั่งอยู่ไม่ไกล
เขาอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงหน้าโต๊ะไม้ที่วางคอมพิวเตอร์โนตบุ๊คไว้ ข้างตัวมีเอกสารกองใหญ่จากกระดาษพิเศษที่พรายเพ็งรู้ทันทีที่เห็นว่าเป็นใบเขียนประวัติเพื่อขอเอ็กซเรย์ เธอเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าโต๊ะอีกฝั่ง รอจนเขาเงยหน้าขึ้นมองจึงยกมือไหว้
"มีคนนั่งไหมคะ" เธอเอ่ยถามเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มจางกึ่งล้อเลียน ท่าทีราวคนคุ้นเคยที่ไม่เคยมีเรื่องคาใจต่อกัน
เขาอมยิ้ม "ไม่มีครับ...เชิญ"
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"ทำไมต้องไหว้ด้วย ไม่ต้องไหว้ก็ได้นะ"
พรายเพ็งเงยหน้ามองชายหนุ่ม อมยิ้มบาง ๆ เมื่อเอ่ยคำตอบ "หนูแค่อยากทำน่ะค่ะ"
เขาเคยว่าเธอจองหอง อวดดี เพราะท่าทีอหังการ์อย่างไร้ขอบเขต พรายเพ็งแค่อยากให้เขารู้ โดยเนื้อแท้เธอถูกสอนให้เป็นต้นข้าว โน้มตัวโอนอ่อนเพื่อยังประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ เธออยากให้เขาเห็น ตัวตนอันงดงามที่ทำให้เธอศรัทธาและอหังการ์
คำต่อว่าจากเขาในวันก่อนยังย้ำเตือนอยู่เสมอ พรายเพ็งเก็บทุกเรื่องราวไปคิด ไปควานหาความจริงจนตกตะกอน หลายคำของเขาทำให้เธอรู้สึกตัวเองร้ายกาจเหลือประมาณ แต่เมื่อพิจารณาตนเองให้ดีแล้ว เธอมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่พบกับเขา
หญิงสาวค้นเอาตัวตนดั้งเดิมที่เธอรักกลับคืนมา กวาดเอาความร้ายกาจ โอหังโยนทิ้งไป
ทุกวินาที เธอเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และงดงาม จนบางคราวเธอนึกขอบคุณผู้ชายตรงหน้า
หลายคำพูดโหดร้ายของเขา ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ดีขึ้น
ไม่ใช่เพื่อใคร...พรายเพ็งรู้ดีที่สุด เธอทำเพื่อตัวเธอเอง
ผู้หญิง...ถ้ารักตัวเองไม่เป็น ก็อย่าหวังหาความรักจากใครเลย
พรายเพ็งหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา ก่อนเดินไปซื้อกาแฟที่เคาท์เตอร์ แล้วกลับมานั่งที่เดิม เขาเหลือบตามองแก้วกาแฟเย็นที่เธอถือมา ก่อนถาม "หิวไหมครับ"
"ไม่ค่ะ"
"ถ้าหิวแล้วบอกนะครับ"
"ค่ะ"
ตอบแล้วเธอก็ก้มหน้าอ่านหนังสือในไอแพดต่อ เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนเก่าที่งี่เง่านั่งมองเขาทำงาน งอแงออกไปหาของกินตามใจตัวเองอีกแล้ว
เธอมีงาน มีเรื่องราวของเธอที่ต้องใส่ใจมากกว่าจะวิ่งตามหรือคอยมองหาใคร
"คิดอะไรอยู่ครับ" คำถามเบา ๆ ทำให้พรายเพ็งละสายตาจากภาพวาดที่ผนังมามองคนถามที่กำลังเลิกคิ้วมองหน้าเธอ
"เปล่าค่ะ"
"แล้วทำไมเงียบไปล่ะครับ"
"ไม่รู้จะพูดอะไรน่ะค่ะ"
เขานิ่งไปครู่ ก่อนจะพยักหน้ากึ่งยอมรับ แล้วก้มลงมองจอโทรศัพท์ในมือต่อ
พรายเพ็งเหยียดมุมปากกึ่งหยันตัวเอง จะให้เธอพูดอะไร เมื่อเขานั่งจ้องตากับโทรศัพท์เช่นนี้
หญิงสาวทอดสายตามองเขาอยู่นาน ตั้งแต่ไรผมหนา รูปหน้าคมคาย ดวงตากลมดำจัดใต้เลนส์แว่นนั้นบางคราวฉายแววเศร้าและเหงาจนเธอนึกอยากจะอ้าแขนเข้าโอบกอด หากบางคราวกลิ้งกลอกจนชวนหวาดหวั่น ปลายจมูกโด่งรั้นบอกความเป็นคนดื้อดึง เอาแต่ใจตัว ริมฝีปากหนาหยักได้ส่วนใต้ไรหนวดจาง ๆ เสริมเสน่ห์ของความเป็นบุรุษเพศ
เธอไม่เคยนึกชอบผู้ชายเจ้าชู้ ไม่เคยใส่ใจต่อใครก็ตามที่หลายคนสนใจ แต่ผู้ชายที่รักการอยู่ท่ามกลางความสนใจคนนี้ เธอกลับไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย
บางที...เธออาจต้องมนต์ ตั้งแต่วันที่เธอเอ่ยคำลา แล้วเขาเงยหน้ามองเธอจากโต๊ะทำงาน
วันนั้น ทั้งที่รู้ว่าวันต่อมาก็ย่อมได้พบ แต่แววเหงาปนวิงวอนทำให้เธอสะท้านไปถึงหัวใจ
วันนั้น เธอหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของเขา พร้อมหัวใจที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
หลายคนคลางแคลงในความสัมพันธ์ หน้าฉากของผลประโยชน์และเรื่องราวมากมายทำให้เธอและเขาไม่อาจก้าวไปบนเส้นทางที่จะประคองกันไปได้ แล้วจบลงที่ความขัดแย้งอันชวนเจ็บปวด
แต่จนถึงวันนี้ เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น คำสัญญาที่เธอให้ไว้กับตัวเองเมื่อวันก่อนก็ทวนขึ้นในหัวอยู่เสมอ
...หนู...จะลบรอยเศร้าในตานั้นเอง!
นั่นอาจเป็นคำสาป หรือสัญญาที่ผ่านภพชาติอย่างที่เขาเคยบอก
'เราไม่ได้เพิ่งพบกันนะครับ...เราเคยพบันมาหลายชาติแล้ว'
"คิดอะไรอยู่" คำถามที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้พรายเพ็งสะดุ้งเบา ๆ
เสียงแผ่วเบาเผลอรอดออกจากริมฝีปาก "มีสักชาติไหมคะ..."
"อะไรนะครับ"
เธอสูดลมหายใจยาว คลี่ยิ้มบาง ๆ "พี่เคยบอกหนูว่า เราไม่ได้เพิ่งพบกัน แต่เราเคยพบกันมาหลายชาติแล้ว หนูสงสัยว่า...มีสักชาติไหมคะ...ที่เรารักกัน"
ดวงตาเขาที่มองสบตาเธอแปรไปวูบหนึ่ง หญิงสาวคร้านจะค้นหาหรือตีความความหมาย เธอแค่นิ่ง รอฟังไม่ว่าความจริงหรือคำลวง
----
ต่อจากเรื่องราวของพรายเพ็งกับอาว่าน ลองมาดูผู้ชายสีเขียวที่เดินกลับมาดูบ้างนะคะ มีใคร...เดาเจตนาของเขาได้ไหมคะ
...จะรัก หรือแค่ยื้อ...???
คุณคิมหันตุ์ : ไอซ์เองก็ไม่รู้จะพมิพืยังไง สงสารอาว่านจับใจค่ะ
คุณ omelate : เช่นกันค่ะ
คุณ โอชิน : เช่นกันค่ะ
คุณ sai : หัวใจเป็นเรื่องซับซ้อนนะคะ
คุณ goldensun : มีคนบอกว่าความรักคือคำสาป ไอซ์ว่าพรายเพ็งต้องคำสาปที่ยากจะถอนล่ะค่ะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ : เมื่อปัจจุบันเปลี่ยนไป เราจะทำยังไงกันดีคะ
คุณ grazioso : ลองมาดูเวลาผู้ชายสีเขียวน่ารักดูบ้าง เป็นความอุ่นใจที่น่าหวาดระแวงเนอะ ใจพี่เองก็ยังคิดถึงอาว่านนะ
----
พามาดู อีกแง่ของผู้ชายสีเขียว ไอซ์ไม่รู้ว่าคุณจะตกหลุมรักเขาเหมือนที่หนูเพลงตกไปแล้วหรือเปล่า
แต่อย่างที่เพลงเคยบอกกับอาว่าน
'...อาว่านจะไม่สงสารคนที่ถูกย้อมสีเชียวหรือคะ เราต่างถูกย้อมด้วยสีที่ต่างกัน จะโกรธเกลียดเขาทำไม เมื่อเราต่างเป็นเหยื่อของโลกและกิเลสไม่ต่างกัน...'
น่ากลัวที่...ความสงสาร ก่อให้เกิดความปรารถนาดี ตามมาด้วยความห่วงใย และก้าวใกล้เส้นของความรัก จนบางคราว เราก็แยกไม่ออกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่
ใครบางคนเคยบอกกับฉันแบบนั้น และเวลานี้ ฉันก็เชื่อเช่นนั้นจริง ๆ
เราผ่านภพชาติแห่งการพบและพรากมาเนิ่นนาน ทั้งรักและชังมากมายจนยากจะแยกได้ ขอให้ครั้งนี้จะเป็นภพชาติสุดท้าย ฉันจะชดใช้ทุกหยาดน้ำตานั้นเอง
สายลมหนาวพัดพาเอาใบไม้ร่วงกราวเป็นสาย ร่างบอบบางห่อตัวกอดกระเป๋าสะพาย สะท้านเยือกไปทั้งกายจนต้องเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อจะก้าวตรงสู่ตัวอาคารเบื้องหน้า หวังว่าผนังปูนจะช่วยลดแรงลมและความหนาวเย็นลงบ้าง
สองเท้าก้าวขึ้นบันไดเตี้ย ๆ เพราะมัวแต่กอดตัวเองแน่น ร่างเล็กจึงไม่ได้มองทางข้างหน้า กว่าจะรู้ตัวก็เมื่อชนเข้ากับผนังมีชีวิตอุ่น ๆ ที่รีบคว้าร่างเธอไว้ทันก่อนที่เธอจะเซล้มไป
หญิงสาวเงยหน้ามองผู้ให้ความช่วยเหลือ ก่อนจะรีบกระโดดออกห่างเหมือนทำไปตามสัญชาตญาณมากกว่าจะตั้งใจ แต่ก็ทำให้รอยขุ่นขวางจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนดวงตาของคนตรงหน้าได้อย่างรวดเร็ว
"ขอบคุณค่ะ" เธอเอ่ยเบา ๆ ก่อนจะเลี่ยงเดินอ้อมเขาไป
คนตัวโตกลับไม่ยอมง่าย ๆ เขายกมือคว้าไหล่บางไว้ เอ่ยถามเสียงดุ "จะรีบไปไหน แล้วทำไมไม่ใส่เสื้อคลุม วันนี้อากาศเย็น ไม่หนาวหรือ"
พรายเพ็งสูดลมหายใจยาว เผลอขบริมฝีปากเบา ๆ เพื่อตั้งสติ เธอค่อย ๆ หันไปมองหน้าเขา ครู่สั้น ๆ จึงเอ่ยคำตอบ
"หนาวค่ะ ลืมหยิบเสื้อคลุมมาด้วย เลยจะรีบเข้าตึกไปหลบลมค่ะ"
"ไปเอาเสื้อคลุมที่รถพี่ไหม"
หญิงสาวกระพริบตาเบา ๆ อย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ "ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวสายหน่อยก็คงไม่เย็นอย่างนี้แล้วล่ะค่ะ"
ร่างบางฝืนพาตัวเองหมุนตัวกลับ เดินเข้าไปในอาคารอย่างรวดเร็ว
ความหนาวเย็นที่ผิวคล้ายจะผ่านเข้ามาแตะขั้วหัวใจ พร้อมความไม่เข้าใจที่หลั่งเข้ามาเป็นสาย
นานแล้วที่เธอและเขาไม่ได้พบ ไม่ได้พูดคุยราวคนไม่รู้จักกัน ข่าวคราวว่าเขาควงใครต่อใครยังผ่านมาเข้าหูอยู่เรื่อย ๆ ขณะที่เธอใช้ชีวิตของเธออย่างสาวน้อยไฮเปอร์ที่เต็มไปด้วยธุระนับล้านจนแทบไม่เหลือเวลาให้ฟุ้งซ่าน
แต่ทุกคราวที่นั่งนิ่ง ๆ ความรู้สึกบางอย่างก็ยังกรุ่นอยู่ในใจ เรื่องราวนับร้อยพันที่สร้างสรรค์ความงดงามอ่อนหวานจนหัวใจพองฟู แล้วก็แตกสลายราวลูกโป่งที่ถูกเข็มแทง
หลายคนที่รู้เรื่องล้วนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเขาไม่ดีพอสำหรับเธอ ร้อยพันคำแนะนำและปลอบโยน แต่ราวจะไม่เคยผ่านเข้าไปถึงหัวใจ
พรายเพ็งถอนใจ เธอยอมรับว่ายังรักเขา รักมากราวต้องคำสาป
แต่ชีวิตเป็นของเธอ ถ้าเขาไม่เห็นค่าความรักและหัวใจ เธอก็ต้องรักษาคุณค่านั้นด้วยตัวเอง
แล้ววันนี้...จะมาห่วงใย ใจดีกันเพื่ออะไร
It's the sound of sadness, repeat on my heart.
Again, and again, it resounds
พรายเพ็งมองหน้าจอโทรศัพท์ด้วยสายตาแปลกใจ ข้อความที่เพิ่งถูกส่งมาบอกชื่อคนที่เธอเคยคุ้น
'วันก่อนมาขอรีวิวเคสไหนนะ'
เธอคิดถึงวันที่รุ่นพี่ขอให้ไปรีวิวภาพเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ที่เขาเป็นคนอ่านผล เธอแจ้งชื่อไว้กับเจ้าหน้าที่หน้าห้องแพทย์ แต่บังเอิญอาจารย์ท่านหนึ่งผ่านมาพบและสอบถาม เธอจึงขอรีวิวกับอาจารย์อีกท่านแทน และแจ้งยกเลิกกับเจ้าหน้าที่หน้าห้องไปแล้ว
'เคสลิเวอร์ฮีแมงจิโอม่า(เนื้องอกเส้นเลือดในตับ)ค่ะ พอดีเจออาจารย์ไกรวัลย์ อาจารย์เลยช่วยรีวิวให้แล้วค่ะ' เธอพิมพ์ตอบกลับไป
'หนูแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ให้ยกเลิกคิวรีวิวแล้วนะคะ'
เขาเงียบหายไปครู่ใหญ่ ราวหมดเรื่องเจรจา พรายเพ็งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อ แล้วเสียงเตือนเบา ๆ ก็ดังเรียกความสนใจอีกครั้ง
'วันนี้เข้าเวรเหรอ'
'ค่ะ' เธอพิมพ์ตอบสั้น ๆ
'อยู่ไหน'
'ไอซียูค่ะ'
'ทำอะไร' คราวนี้หญิงสาวเริ่มขบริมฝีปากอย่างขัดใจ เธอจะอยู่ไหน ทำอะไร คนเลิกกันแล้วก็ไม่ใช่ธุระที่เขาจะต้องมาใส่ใจ
ทั้งที่ใจกำลังหงุดหงิด แต่ปลายนิ้วก็พิมพ์ตอบ 'อ่านหนังสือค่ะ'
ครู่ใหญ่ กว่าจะมีข้อความถามกลับมา
'อยู่กับใคร'
พรายเพ็งกระพริบตาปริบ ๆ มองรอบห้องประชุมที่เธอยึดเป็นห้องหนังสืออย่างสำรวจแล้วแค่นหัวเราะเบา ๆ
เขาจะให้เธออ่านหนังสือกับใคร ในวันหยุดที่ต้องเข้าเวรเช่นนี้
เธอมองหน้าจอโทรศัพท์อยู่นาน ก่อนจะจรดปลายนิ้วพิมพ์ตอบ 'คนเดียวค่ะ'
ความหวังอุ่น ๆ จุดประกายขึ้นในใจ ปนกับความเศร้าที่ยังอวลไม่จางหาย หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เมื่อก้มลงอ่านหนังสือต่อ แต่โทรศัพท์ยังร้องเตือนว่ามีข้อความเข้าให้เธอหยิบมาอ่าน
'พี่อยู่ที่เดิม มากินกาแฟไหม'
พรายเพ็งขบริมฝีปากตัวเองราวจะเรียกสติ เผลอหลับตาคิดถึงร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่เขาชอบพาเธอไปนั่ง กลิ่นอวลของกาแฟคั่วบดปนกับกลิ่นหอมจาง ๆ ของขนมปัง เสียงพูดคุยเบา ๆ ของผู้คนเจือกับคำทักทายจากพนักงานในร้าน ทุกอย่างชัดเจนอยู่ในห้วงความคิด
กระทั่งสายตาว่างเปล่าเย็นชาที่มองเธอในวันที่อาว่านจูงมือเธอออกมาจากร้าน ก็ยังชัดเจนอยู่ในหัว
แล้ววันนี้...มาใจดีเพื่ออะไร
แปลกที่ความรัก ความดีใจกลับแปลเป็นความหวาดกลัว ไม่มั่นใจ
แต่ถึงอย่างนั้น พรายเพ็งก็ยังงมงายพอที่จะพิมพ์ข้อความตอบสั้น ๆ
'ค่ะ'
เธอนั่งเล่น อ่านหนังสือต่ออยู่นาน เพราะรู้ดีว่านิสัยเขาชอบนั่งเล่น ทำงานที่ร้านกาแฟเป็นหลักชั่วโมง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรีบร้อนวิ่งไปหามีดกรีดหัวใจ
แล้วเสียงเตือนข้อความเข้าก็ดังขึ้นอีก
'พี่คงนั่งอีกนาน ว่างแล้วค่อยเข้ามาก็ได้'
คำง่าย ๆ คล้ายให้เธอตัดสินใจนั้นกลับเหมือนคำเร่งเร้าในความคิดของพรายเพ็ง หญิงสาวถอนใจเบา ๆ เก็บของใส่กระเป๋า แล้วลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
เพียงก้าวเข้าไปในร้าน พรายเพ็งก็เผลอชะงักฝีเท้า เกือบลืมหายใจเมื่อมองดูร่างหนาที่นั่งอยู่ไม่ไกล
เขาอยู่บนเก้าอี้ตัวสูงหน้าโต๊ะไม้ที่วางคอมพิวเตอร์โนตบุ๊คไว้ ข้างตัวมีเอกสารกองใหญ่จากกระดาษพิเศษที่พรายเพ็งรู้ทันทีที่เห็นว่าเป็นใบเขียนประวัติเพื่อขอเอ็กซเรย์ เธอเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าโต๊ะอีกฝั่ง รอจนเขาเงยหน้าขึ้นมองจึงยกมือไหว้
"มีคนนั่งไหมคะ" เธอเอ่ยถามเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มจางกึ่งล้อเลียน ท่าทีราวคนคุ้นเคยที่ไม่เคยมีเรื่องคาใจต่อกัน
เขาอมยิ้ม "ไม่มีครับ...เชิญ"
เธอนั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
"ทำไมต้องไหว้ด้วย ไม่ต้องไหว้ก็ได้นะ"
พรายเพ็งเงยหน้ามองชายหนุ่ม อมยิ้มบาง ๆ เมื่อเอ่ยคำตอบ "หนูแค่อยากทำน่ะค่ะ"
เขาเคยว่าเธอจองหอง อวดดี เพราะท่าทีอหังการ์อย่างไร้ขอบเขต พรายเพ็งแค่อยากให้เขารู้ โดยเนื้อแท้เธอถูกสอนให้เป็นต้นข้าว โน้มตัวโอนอ่อนเพื่อยังประโยชน์แก่เพื่อนมนุษย์ เธออยากให้เขาเห็น ตัวตนอันงดงามที่ทำให้เธอศรัทธาและอหังการ์
คำต่อว่าจากเขาในวันก่อนยังย้ำเตือนอยู่เสมอ พรายเพ็งเก็บทุกเรื่องราวไปคิด ไปควานหาความจริงจนตกตะกอน หลายคำของเขาทำให้เธอรู้สึกตัวเองร้ายกาจเหลือประมาณ แต่เมื่อพิจารณาตนเองให้ดีแล้ว เธอมีหลายสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่พบกับเขา
หญิงสาวค้นเอาตัวตนดั้งเดิมที่เธอรักกลับคืนมา กวาดเอาความร้ายกาจ โอหังโยนทิ้งไป
ทุกวินาที เธอเรียนรู้ที่จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง และงดงาม จนบางคราวเธอนึกขอบคุณผู้ชายตรงหน้า
หลายคำพูดโหดร้ายของเขา ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงที่ดีขึ้น
ไม่ใช่เพื่อใคร...พรายเพ็งรู้ดีที่สุด เธอทำเพื่อตัวเธอเอง
ผู้หญิง...ถ้ารักตัวเองไม่เป็น ก็อย่าหวังหาความรักจากใครเลย
พรายเพ็งหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา ก่อนเดินไปซื้อกาแฟที่เคาท์เตอร์ แล้วกลับมานั่งที่เดิม เขาเหลือบตามองแก้วกาแฟเย็นที่เธอถือมา ก่อนถาม "หิวไหมครับ"
"ไม่ค่ะ"
"ถ้าหิวแล้วบอกนะครับ"
"ค่ะ"
ตอบแล้วเธอก็ก้มหน้าอ่านหนังสือในไอแพดต่อ เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนเก่าที่งี่เง่านั่งมองเขาทำงาน งอแงออกไปหาของกินตามใจตัวเองอีกแล้ว
เธอมีงาน มีเรื่องราวของเธอที่ต้องใส่ใจมากกว่าจะวิ่งตามหรือคอยมองหาใคร
"คิดอะไรอยู่ครับ" คำถามเบา ๆ ทำให้พรายเพ็งละสายตาจากภาพวาดที่ผนังมามองคนถามที่กำลังเลิกคิ้วมองหน้าเธอ
"เปล่าค่ะ"
"แล้วทำไมเงียบไปล่ะครับ"
"ไม่รู้จะพูดอะไรน่ะค่ะ"
เขานิ่งไปครู่ ก่อนจะพยักหน้ากึ่งยอมรับ แล้วก้มลงมองจอโทรศัพท์ในมือต่อ
พรายเพ็งเหยียดมุมปากกึ่งหยันตัวเอง จะให้เธอพูดอะไร เมื่อเขานั่งจ้องตากับโทรศัพท์เช่นนี้
หญิงสาวทอดสายตามองเขาอยู่นาน ตั้งแต่ไรผมหนา รูปหน้าคมคาย ดวงตากลมดำจัดใต้เลนส์แว่นนั้นบางคราวฉายแววเศร้าและเหงาจนเธอนึกอยากจะอ้าแขนเข้าโอบกอด หากบางคราวกลิ้งกลอกจนชวนหวาดหวั่น ปลายจมูกโด่งรั้นบอกความเป็นคนดื้อดึง เอาแต่ใจตัว ริมฝีปากหนาหยักได้ส่วนใต้ไรหนวดจาง ๆ เสริมเสน่ห์ของความเป็นบุรุษเพศ
เธอไม่เคยนึกชอบผู้ชายเจ้าชู้ ไม่เคยใส่ใจต่อใครก็ตามที่หลายคนสนใจ แต่ผู้ชายที่รักการอยู่ท่ามกลางความสนใจคนนี้ เธอกลับไม่อาจละสายตาไปจากเขาได้เลย
บางที...เธออาจต้องมนต์ ตั้งแต่วันที่เธอเอ่ยคำลา แล้วเขาเงยหน้ามองเธอจากโต๊ะทำงาน
วันนั้น ทั้งที่รู้ว่าวันต่อมาก็ย่อมได้พบ แต่แววเหงาปนวิงวอนทำให้เธอสะท้านไปถึงหัวใจ
วันนั้น เธอหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของเขา พร้อมหัวใจที่ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป
หลายคนคลางแคลงในความสัมพันธ์ หน้าฉากของผลประโยชน์และเรื่องราวมากมายทำให้เธอและเขาไม่อาจก้าวไปบนเส้นทางที่จะประคองกันไปได้ แล้วจบลงที่ความขัดแย้งอันชวนเจ็บปวด
แต่จนถึงวันนี้ เมื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น คำสัญญาที่เธอให้ไว้กับตัวเองเมื่อวันก่อนก็ทวนขึ้นในหัวอยู่เสมอ
...หนู...จะลบรอยเศร้าในตานั้นเอง!
นั่นอาจเป็นคำสาป หรือสัญญาที่ผ่านภพชาติอย่างที่เขาเคยบอก
'เราไม่ได้เพิ่งพบกันนะครับ...เราเคยพบันมาหลายชาติแล้ว'
"คิดอะไรอยู่" คำถามที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้พรายเพ็งสะดุ้งเบา ๆ
เสียงแผ่วเบาเผลอรอดออกจากริมฝีปาก "มีสักชาติไหมคะ..."
"อะไรนะครับ"
เธอสูดลมหายใจยาว คลี่ยิ้มบาง ๆ "พี่เคยบอกหนูว่า เราไม่ได้เพิ่งพบกัน แต่เราเคยพบกันมาหลายชาติแล้ว หนูสงสัยว่า...มีสักชาติไหมคะ...ที่เรารักกัน"
ดวงตาเขาที่มองสบตาเธอแปรไปวูบหนึ่ง หญิงสาวคร้านจะค้นหาหรือตีความความหมาย เธอแค่นิ่ง รอฟังไม่ว่าความจริงหรือคำลวง
----
ต่อจากเรื่องราวของพรายเพ็งกับอาว่าน ลองมาดูผู้ชายสีเขียวที่เดินกลับมาดูบ้างนะคะ มีใคร...เดาเจตนาของเขาได้ไหมคะ
...จะรัก หรือแค่ยื้อ...???
คุณคิมหันตุ์ : ไอซ์เองก็ไม่รู้จะพมิพืยังไง สงสารอาว่านจับใจค่ะ
คุณ omelate : เช่นกันค่ะ
คุณ โอชิน : เช่นกันค่ะ
คุณ sai : หัวใจเป็นเรื่องซับซ้อนนะคะ
คุณ goldensun : มีคนบอกว่าความรักคือคำสาป ไอซ์ว่าพรายเพ็งต้องคำสาปที่ยากจะถอนล่ะค่ะ
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ : เมื่อปัจจุบันเปลี่ยนไป เราจะทำยังไงกันดีคะ
คุณ grazioso : ลองมาดูเวลาผู้ชายสีเขียวน่ารักดูบ้าง เป็นความอุ่นใจที่น่าหวาดระแวงเนอะ ใจพี่เองก็ยังคิดถึงอาว่านนะ
----
พามาดู อีกแง่ของผู้ชายสีเขียว ไอซ์ไม่รู้ว่าคุณจะตกหลุมรักเขาเหมือนที่หนูเพลงตกไปแล้วหรือเปล่า
แต่อย่างที่เพลงเคยบอกกับอาว่าน
'...อาว่านจะไม่สงสารคนที่ถูกย้อมสีเชียวหรือคะ เราต่างถูกย้อมด้วยสีที่ต่างกัน จะโกรธเกลียดเขาทำไม เมื่อเราต่างเป็นเหยื่อของโลกและกิเลสไม่ต่างกัน...'
น่ากลัวที่...ความสงสาร ก่อให้เกิดความปรารถนาดี ตามมาด้วยความห่วงใย และก้าวใกล้เส้นของความรัก จนบางคราว เราก็แยกไม่ออกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันแน่
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2558, 17:02:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2558, 17:02:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1732
<< -เพลงรักในสายลม(4)- | -เพลงรักในสายลม(6)- >> |
คิมหันตุ์ 25 ม.ค. 2558, 19:47:05 น.
Fc.อาว่านค่ะ. รอว่าจะกลับมาทำคะแนนเมื่อไร?
Fc.อาว่านค่ะ. รอว่าจะกลับมาทำคะแนนเมื่อไร?
sai 25 ม.ค. 2558, 20:23:35 น.
อึมครึม เจ็บแต่ก้อยังรัก หรือเป็นความผูกพัน
อึมครึม เจ็บแต่ก้อยังรัก หรือเป็นความผูกพัน
ใบบัวน่ารัก 25 ม.ค. 2558, 20:42:38 น.
คงต้องรอ รอ ต่อไป สักชาติ
หรือเอาหัวไปโขลกกำแพงหรือดักตีหัวแล้ว หนูก็
ลากเข้าถ้ำน่ะนะ
คงต้องรอ รอ ต่อไป สักชาติ
หรือเอาหัวไปโขลกกำแพงหรือดักตีหัวแล้ว หนูก็
ลากเข้าถ้ำน่ะนะ
โอชิน 25 ม.ค. 2558, 23:47:20 น.
เค้าก็ยังเชียรอาว่าน..ไม่ชอบความอึมครึมเลยให้ตาย..ขอผู้ชายที่ชัดเจนกับความรู้สึกของตนเองดีกว่า..!
เค้าก็ยังเชียรอาว่าน..ไม่ชอบความอึมครึมเลยให้ตาย..ขอผู้ชายที่ชัดเจนกับความรู้สึกของตนเองดีกว่า..!
kraten 26 ม.ค. 2558, 00:26:34 น.
สีเขัยว ไม่ใช่ความสดชื่นเสมอไป สีเขียวลึกลับอำพรางก็บ่อยไป...
สีเขัยว ไม่ใช่ความสดชื่นเสมอไป สีเขียวลึกลับอำพรางก็บ่อยไป...
goldensun 26 ม.ค. 2558, 20:45:47 น.
แค่ความเหงา เศร้าในดวงตา ทำเอาพรายเพ็งติดคำสาปแบบถอนไม่ออกไปซะแล้ว จะสงสารใครดีนี่
อยากจะคิดว่า ผู้ชายสีเขียวไม่อยากเห็นเพลงมีความสุขรึเปล่า พอมีคนสนใจ ถึงได้ย้อนความสัมพันธ์ด้วย
รออาว่านด้วยคนค่ะ ว่าจะช่วยเพลงได้แค่ไหน
แค่ความเหงา เศร้าในดวงตา ทำเอาพรายเพ็งติดคำสาปแบบถอนไม่ออกไปซะแล้ว จะสงสารใครดีนี่
อยากจะคิดว่า ผู้ชายสีเขียวไม่อยากเห็นเพลงมีความสุขรึเปล่า พอมีคนสนใจ ถึงได้ย้อนความสัมพันธ์ด้วย
รออาว่านด้วยคนค่ะ ว่าจะช่วยเพลงได้แค่ไหน
นักอ่านเหนียวหนึบ 28 ม.ค. 2558, 00:29:43 น.
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนฉลาดๆ มักไม่อยากมีความรัก เพราะความรักมักพาเราให้ทำสิ่งที่ใครๆ บอกว่าโง่ ><
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า คนฉลาดๆ มักไม่อยากมีความรัก เพราะความรักมักพาเราให้ทำสิ่งที่ใครๆ บอกว่าโง่ ><