^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: บนเส้นทางของความรัก
...อย่าถามหาเหตุผลกับคนที่มีความรัก...
ใครสักคนเคยบอกเธอไว้ ก่อนที่ความรักจะก้าวเข้ามาเยือน และตอกย้ำให้เธอรู้จักความจริงของโลก
ศศิกานต์ยืนนิ่งอยู่ริมทะเล เบื้องหน้าคือหาดทรายขาวที่ถูกคลื่นซัดสาดเข้ามาเป็นระลอก ๆ หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนใจ...หัวเราะออกมาจนตัวงอ
โชคดีที่พื้นที่บริเวณนี้เป็นชายหาดส่วนตัว ไม่มีใครผ่านมามองและกล่าวหาว่าเธอบ้า
แต่ความจริง ศศิกานต์อยากจะกล่าวหาตัวเองว่าเธอบ้า บ้ามาก...ตั้งแต่ที่เธอไปหลงรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างล้ำลึก และโง่มาก...ที่ไม่คิดจะถอนตัวทั้งที่เห็นทางตันอยู่ชัดเจน
หญิงสาวเดินตรงเข้าไปในฟองคลื่นที่ซัดสาดเข้ามา พื้นทรายที่เดินอยู่ค่อย ๆ ลาดต่ำลง จนในที่สุดระดับน้ำก็สูงถึงเอว เมื่อคลื่นซัดมายิ่งสูงจนเกือบมิดคอ
“เค็มชิบ...” เธอร้องเบา ๆ เมื่อคลื่นระลอกหนึ่งสาดน้ำทะเลมาเข้าปาก กลิ่นไอเค็ม ๆ ชวนแสบคอทำให้ใบหน้าของหญิงสาวบูดบึ้งอย่างไม่ค่อยจะชอบใจนัก
ท่าทางจะเดินมาลึกไปเสียแล้ว ศศิกานต์หยุดยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้น้ำทะเลซัดมาพาตัวลอยไปลอยมาอยู่ชั่วครู่ เธอก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างอยู่ไม่ไกล
หญิงสาวหันไปมองด้านหลัง ผู้ชายคนหนึ่งกำลังฝ่าคลื่นก้าวตรงมาหาเธอด้วยสีหน้าท่าทางหงุดหงิดโมโห หญิงสาวเลิกคิ้วมอง แล้วส่งยิ้มให้เขาอย่างร่าเริง “ตื่นแล้วเหรอคะ...พี่กาย”
เขาก้าวเร็ว ๆ มาหยุดตรงหน้าเธอ เสื้อยืดสีขาวเปียกน้ำทะเลจนแนบไปกับเนื้อทำให้เห็นมัดกล้ามอย่างคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วจิตอกุศลก็ทำให้ใบหน้าขาวนั้นขึ้นสีเรื่อขึ้นมาจาง ๆ
...เป็นเพคตัสที่สวยโคตร ๆ...
สมองเธอจินตนาการภาพกล้ามเนื้อหน้าอกที่สวยงามยิ่งกว่ารูปปั้นของเดวิดที่อิตาลี แม้จะมีเสื้อขาวคลุมอยู่ แต่เธอก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ดูดีเสมอ
“มาทำบ้าอะไรที่นี่” เขาแทบตะคอกใส่เธอ แถมยังดึงจับแขนเธอไว้แน่น ศศิกานต์ขมวดคิ้วมอ พยายามสะบัดแขนให้หลุด
“เจ็บนะ...จะจับทำไมเนี่ย”
“จับไว้ไม่ให้เธอหนีลงไปน่ะสิ คิดว่าตัวเองเป็นนางพรายหรือไงถึงเดินลงมาอย่างนี้”
“ตลกแล้วพี่กาย เพิร์ลแค่อยากมาเล่นน้ำ” หญิงสาวเถียงคอเป็นเอ็น “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ อุตส่าห์ได้มาทะเลทั้งทีก็ต้องเล่นให้เต็มที่สิ”
ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนดุต่อ “กำลังวุ่นวายอย่างนี้เธอยังจะมีแก่ใจมาเล่นอะไรอีก ขึ้นบ้านไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”
ศศิกานต์ทำหน้าตูมอย่างไม่พอใจนัก เธอแกล้งถอนใจหนัก ๆ กำลังจะเดินขึ้นฝั่งไปตามคำสั่ง แต่แล้วอารมณ์พยศก็พาดผ่านเข้ามาในใจ เธอเปลี่ยนใจพุ่งตัวลงน้ำ ว่ายหนีห่างไปอย่างรวดเร็วเท่าที่ร่างอวบ ๆ จะพาตัวเองไปได้ แต่นั่นละ...ผู้หญิงที่ไม่ค่อยออกกำลังกายจะไปสู้ผู้ชายที่ถูกึกมาอย่างดีได้อย่างไร
ภาวิศตามไปคว้าตัวเธอได้ในระยะไม่กี่เมตร เขากระชากขาเธอเต็มแรงจนร่างอวบ ๆ ถูกเหวี่ยงลอยเข้ามาใกล้ตัว แล้วมือที่ว่างก็ผลักตัวเธอให้ลอยคอขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าเขา
“ทำบ้าอะไร” เขาตะคอกใส่...อีกแล้ว
ศศิกานต์เชิดหน้ามองแล้วตวัดน้ำทะเลใส่หน้าเขา ชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความแสบตา แล้วเธอก็อาศัยจังหวะนั้นสะบัดตัวหนีไป แต่ใครจะนึก ภาวิศตวัดมือแค่ครั้งเดียวก็คว้าแขนเธอไว้ได้อย่างแน่นเหนียว ก่อนจะตวัดเอาร่างอวบ ๆ นั้นมาชิดตัว ใช้แขนข้างที่ว่างล็อกคอไว้แน่น
“หยุดบ้าเสียที”
“ไม่หยุด...เพิร์ลบอกแล้ว่าจะเล่นน้ำ”
“ได้...อยากเล่นนักใช่ไหม” เขาเหยียดริมฝีปากเจ้าเล่ห์ ดวงตาเป็นประกายวาวจนหญิงสาวนึกกลัว แล้วแขนที่ล็อกคอเธออยู่ก็กดลง ดันร่างอวบ ๆ ของหญิงสาวให้จมลงไปใต้น้ำ
ศศิกานต์ดิ้นรนอย่างยากลำบาก เพิ่งรู้ว่าตัวเองออกจากฝั่งมาไกลจนขาไม่แตะพื้นทราย
ผู้ชายแรงเยอะกดตัวเธอลงไปเรื่อย ๆ จนหญิงสาวแทบขาดอากาศหายใจ สองแขนยกชูขึ้นไขว่คว้าหาหลักยึด ก่อนจะคว้าได้หลังคอของชายหนุ่ม เธอกดมือดึงตัวเขาลงมาด้วยกัน แล้วแรงแขนที่กดตัวเธออยู่ก็ผ่อนลง
หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอผวาเข้าไปเกาะคนที่ถูกดึงลงมาใต้น้ำด้วยกัน มือไม้เปะปะแตะไปทั่วร่างแข็งแกร่งได้ส่วน ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะถูกทาบทับด้วยเนื้อนุ่ม ๆ ตามด้วยอากาศที่ส่งผ่านเข้ามา แถมด้วยเรียวลิ้นที่รุกรานเข้ามาอย่างหักโหม ไม่อาจต้านทาน
เรี่ยวแรงของหญิงสาวคล้ายถูกสูบหายไปกับรสจูบ น้ำทะเลที่ควรจะเค็มกลับไม่รู้สึกได้ เพราะเวลานี้มีเพียงรสหวานล้ำเท่านั้นที่สัมผัสแตะลิ้นของเธอ
ไม่ต้องหายใจก็ไม่เป็นไร ถ้าเขาจะต่อลมหายใจให้เธออย่างนี้ตลอดไป
ไม่ทันได้รู้ตัว ศศิกานต์คิดว่ามีสายน้ำเล็ก ๆ ไหลรินจากดวงตาของเธอ พร้อมกับที่เขากระชากตัวเธอขึ้นมา ดึงตัวออกห่างไม่มากนักแต่ให้คามรู้สึกราวพรากหัวใจเธอไปทั้งดวง
หญิงสาวหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ขณะที่เขาลอยตัวมองนิ่ง ๆ
“พี่ทำบ้าอะไร”
“ก็เธอว่าอยากเล่นน้ำไม่ใช่หรือ” เขาตอบหน้าตาเฉย “ฝึกไว้สิ...พวกพี่เล่นน้ำกันอย่างนี้ละ”
ศศิกานต์นิ่งงัน ดวงตามองเหม่อที่ใบหน้าคมคายได้ส่วนราวรูปปั้นของเทพเจ้ากรีกอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ไม่ว่าเมื่อไร ความเย็นชาของเขาก็ทำร้ายเธออยู่เสมอ
หญิงสาวฝืนยิ้มอย่างใจเย็น แต่เธอทำไม่ได้ เธอค่อย ๆ แค่นหัวเราะออกมาแทนที่เสียงสะอื้นขอตัวเอง เงยหน้าให้น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาย้อนกลับคืนไป
“เล่นกับพี่นีส...ก็อย่างนี้หรือคะ”
พระเจ้าคงสาปแช่งที่เธอกล้าอิจฉาป้ารหัสของตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไร...ผู้หญิงคนนั้นก็ยังได้รับความรักอย่างลึกล้ำจากผู้ชายตรงหน้าเธอเสมอ
ศศิกานต์ไม่ได้เกลียดชนิสรา ตรงกันข้าม เธอทั้งรักและเคารพรุ่นพี่ผู้แสนดี เธอรู้ว่าผู้หญิงอย่างชนิสราคู่ควรแก่การเป็นที่รักมากแค่ไหน ป้ารหัสคนสวยไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนด้วยกันมากับภาวิศ แต่ชนิสราแทบจะเป็นเพื่อนร่วมชีวิตที่เขาอยากให้เดินไปข้าง ๆ เลยทีเดียว ถึงจะน่าขัน...แต่นั่นก็เป็นความจริง ผู้ชายร้ายกาจตรงหน้าเธอเลือกไปแล้วว่าจะวางหัวใจทั้งหมดไว้ที่ใคร เลือกตั้งแต่ก่อนพบเธอ และคนอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงอะไรได้
“นีสไม่ชอบเล่นน้ำอย่างดื้อรั้นแบบเธอ”
“ใช่...แล้วพี่นีสก็ไม่ได้ชอบพี่แบบที่เพิร์ลชอบด้วย” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าเขาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มรินลงมาเป็นสาย
ชนิสราเคยบอกเธอว่า...ความรักนั้นหอมหวาน แต่เป็นความหวานที่เจือรสขมมาด้วยเสมอ
ศศิกานต์อยากเถียง เธอไม่เคยรู้จักความหวานหอม ความรักที่เธอพบเจอมีแต่รสขมจนขื่นคอเท่านั้นเอง
ภาวิศนิ่งไปชั่วครู่ ขณะที่ศศิกานต์อาศัยจังหวะนั้นมุดตัวลงไปใต้น้ำ โผว่ายกับเข้าฝั่ง
คงเพราะเกร็งตัวมากไป และน้ำทะเลก็เย็นจนหนาวเหน็บ อยู่ดี ๆ ที่น่องก็ปวดหนึบ ขาทั้งขาร้าวไปทั่ว พาร่างให้ร่วงลงอย่างช้า ๆ เธอตะกายอยู่เพียงอึดใจมือสองข้างก็ถูกรวบเอาไว้ ร่างอวบถูกดึงเข้าไปสู่อ้อมอกกว้าง เขากอดเธอไว้จากด้านหลัง
ศศิกานต์หยุดดิ้นรน ปล่อยให้เขาลากเธอขึ้นฝั่งอย่างง่ายดาย
“ทำไม...เป็นเพิร์ลไม่ได้หรือคะ” เธอกระซิบคำถามเบา ๆ กับผู้ชายที่กำลังกอดเธอไว้แนบอก
พระเจ้าช่างเล่นตลก มอบโอกาสให้เธอได้ร่วมทุกข์กับเขาด้วยการฝ่าดงลูกปืนหนีตายมากบดานอยู่เป็นอาทิตย์ แต่ไม่เคยมอบโอกาสจะร่วมสุข
เพื่อนกี่คนนะที่เตือนเธอว่าอย่าได้ข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ แม้เขาจะเป็นรุ่นพี่แพทย์ที่เก่งกาจและมีฝีมือแค่ไหน แต่ความจริงของสายเลือดผู้มีอิทธิพลก็ทำให้เขาเป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เธอก็ยังไม่เชื่อ อวดดีและมั่นใจในตัวเองมากไป สุดท้ายจึงถูกลูกหลงให้ต้องหนีตายอย่างสิ้นท่า แถมยังหนีหัวใจตัวเองไม่พ้น ทนทรมานไม่จบสิ้น
ศศิกานต์เหยียดริมฝีปากยิ้มหยันเยาะตัวเอง แล้วเสียงหัวเราะก็หลุดมาเบา ๆ ให้ผู้ชายที่เพิ่งลากเธอขึ้นฝั่งสำเร็จได้ยิน
เขาขมวดคิ้วมอง “หัวเราะอะไร”
“เพิร์ลขำตัวเองค่ะ เพิร์ลโง่จริง ๆ ด้วยที่รักพี่มากขนาดนี้”
ภาวิศถอนใจเบา ๆ เมื่อมองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยของความเจ็บปวดของสาวน้อยตรงหน้า ชนิสราเคยขอร้องให้เขารักเด็กคนนี้ แต่ภาวิศก็ถามเธอกลับง่าย ๆ
‘ถ้าความรักต้องใช้ความพยายามขนาดนั้น...ทำไมต้องลำบากด้วย’
ผู้หญิงที่เขามอบหัวใจให้กลับคลี่ยิ้มตอบอย่างมั่นใจ ‘ถ้าเธอรักแล้ว...จะรู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ลำบากเลย’
เวลานี้...ดวงตาของผู้หญิงตรงหน้า ทำให้เขาอยากพยายามรักเธอดูบ้างเหมือนกัน
ชายหนุ่มอยากหัวเราะให้ลั่น กับโชคชะตาที่เล่นตลกให้เขารักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้รักตอบจากเธอ
และโชคชะตาก็เล่นตลกกับผู้หญิงอีกคน นำเธอมารักเขาด้วยทั้งหมดของหัวใจ พาเธอมาฝ่าอันตรายอยู่เคียงข้างเขา แต่เขา...ไม่กล้าพอจะรักเธอ
ภาวิศไม่คิดว่าตัวเองเกิดมาเพื่อรักใคร จนชนิสราสอนให้เขารู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะรัก
รัก...แม้ไม่มีวันได้รับความรับตอบ
เพราะอย่างนี้ ชายหนุ่มจึงเข้าใจความรู้สึกของรุ่นน้องสาว
รัก...ทั้งที่รู้ว่ามันจะทำให้เจ็บ
“อย่ารอพี่เลย...” เขาทอดเสียงนุ่ม อ่อนโยนอย่างที่ศศิกานต์ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงที่เขาใช้กับเธอ
หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพร่าเลือนไปเพราะหยาดน้ำตาที่คลออยู่ในตาเธอ “เพิร์ลไม่เคยคิดจะรอ...แต่เพิร์ลไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหยุดความรู้สึกตัวเองได้”
คำปฏิเสธชัดเจนนั้นทำให้ภาวิศอดจะเลิกคิ้วขึ้นเล็น้อยไม่ได้ แล้วเขาก็ถอนใจเบา ๆ อีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น...ก็เก็บมันเอาไว้ก่อน”
“คะ...”
“เก็บมันเอาไว้...แม้อาจจะฟังเห็นแก่ตัว แต่อย่าเพิ่งหยุดเลย” ภาวิศมองสบตาหญิงสาวนิ่ง “พี่ไม่สัญญา...ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน แต่น้องจะรอพี่ได้ไหม”
เสียงนั้นไม่ได้เว้าวอนอย่างคนที่ขอความรัก แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่มองเธออย่างอ่อนโยน หลอกล่อให้หญิงสาวเริ่มมีความหวัง
ด้วยดวงตาคู่นั้น ศศิกานต์เชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงที่ไหนกล้าปฏิเสธ แม้แต่เธอ
น่าเสียดายที่เสี้ยวหนึ่งของสติที่ยังเหลืออยู่ยังย้ำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่รู้ตัวว่าหลงรักเขา เธอหาความสุขได้ยากขึ้นทุกวัน
ความรักทำให้คนตาบอด เสพติดและหลงอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์
ศศิกานต์ไม่อยากเป็นอย่างนั้น
หญิงสาวจึงส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ค่ะ...เพิร์ลจะไม่รออีกแล้ว”
ภาวิศเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แววตาเขาบอกความคาดไม่ถึง ศศิกานต์เองก็รู้ เขาคงไม่เคยถูกผู้หญิงที่ไหนปฏิเสธมาก่อน
ไม่สิ...อาจจะมีเพียงชนิสรานั่นละ ที่กล้าปฏิเสธความรักของเขาอย่างง่ายดาย
ศศิกานต์ขอเป็นอีกคน ที่จะไม่ยอมงมงายอยู่ในรักอีกต่อไป
ภาวิศยิ้มอย่างคนตัดใจได้ เขาร้ายกับเธอเสียมากก็ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เห็นแก่ตัวอีกต่อไป “ดีแล้ว...”
ศศิกานต์เหยียดยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก “เพิร์ลจะไม่รอ...แต่เพิร์ลจะเดินไปตามทางของเพิร์ล ถ้าพี่กายยังอยากจะรักเพิร์ล...ลองเดินมาทางนี้บ้าง จะได้ไหมคะ”
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวจะเอ่ยขอร้องเขา
ภาวิศนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ “พี่จะ...ลองดู”
--------------
ใช้เวลาเขียนเรื่องนี้นานมาก
ตอนแรกตั้งใจจะห้เป็นรักน่ารัก ๆ แต่กลับออกมาเป็น...อะไรก็ไม่รู้
คำถาม : สงสารเพิร์ลหรือกายมากกว่ากันคะ ???
ใครสักคนเคยบอกเธอไว้ ก่อนที่ความรักจะก้าวเข้ามาเยือน และตอกย้ำให้เธอรู้จักความจริงของโลก
ศศิกานต์ยืนนิ่งอยู่ริมทะเล เบื้องหน้าคือหาดทรายขาวที่ถูกคลื่นซัดสาดเข้ามาเป็นระลอก ๆ หญิงสาวคลี่ยิ้มกว้าง ก่อนจะเปลี่ยนใจ...หัวเราะออกมาจนตัวงอ
โชคดีที่พื้นที่บริเวณนี้เป็นชายหาดส่วนตัว ไม่มีใครผ่านมามองและกล่าวหาว่าเธอบ้า
แต่ความจริง ศศิกานต์อยากจะกล่าวหาตัวเองว่าเธอบ้า บ้ามาก...ตั้งแต่ที่เธอไปหลงรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างล้ำลึก และโง่มาก...ที่ไม่คิดจะถอนตัวทั้งที่เห็นทางตันอยู่ชัดเจน
หญิงสาวเดินตรงเข้าไปในฟองคลื่นที่ซัดสาดเข้ามา พื้นทรายที่เดินอยู่ค่อย ๆ ลาดต่ำลง จนในที่สุดระดับน้ำก็สูงถึงเอว เมื่อคลื่นซัดมายิ่งสูงจนเกือบมิดคอ
“เค็มชิบ...” เธอร้องเบา ๆ เมื่อคลื่นระลอกหนึ่งสาดน้ำทะเลมาเข้าปาก กลิ่นไอเค็ม ๆ ชวนแสบคอทำให้ใบหน้าของหญิงสาวบูดบึ้งอย่างไม่ค่อยจะชอบใจนัก
ท่าทางจะเดินมาลึกไปเสียแล้ว ศศิกานต์หยุดยืนนิ่ง ๆ ปล่อยให้น้ำทะเลซัดมาพาตัวลอยไปลอยมาอยู่ชั่วครู่ เธอก็ต้องสะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินเสียงบางอย่างอยู่ไม่ไกล
หญิงสาวหันไปมองด้านหลัง ผู้ชายคนหนึ่งกำลังฝ่าคลื่นก้าวตรงมาหาเธอด้วยสีหน้าท่าทางหงุดหงิดโมโห หญิงสาวเลิกคิ้วมอง แล้วส่งยิ้มให้เขาอย่างร่าเริง “ตื่นแล้วเหรอคะ...พี่กาย”
เขาก้าวเร็ว ๆ มาหยุดตรงหน้าเธอ เสื้อยืดสีขาวเปียกน้ำทะเลจนแนบไปกับเนื้อทำให้เห็นมัดกล้ามอย่างคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ แล้วจิตอกุศลก็ทำให้ใบหน้าขาวนั้นขึ้นสีเรื่อขึ้นมาจาง ๆ
...เป็นเพคตัสที่สวยโคตร ๆ...
สมองเธอจินตนาการภาพกล้ามเนื้อหน้าอกที่สวยงามยิ่งกว่ารูปปั้นของเดวิดที่อิตาลี แม้จะมีเสื้อขาวคลุมอยู่ แต่เธอก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ดูดีเสมอ
“มาทำบ้าอะไรที่นี่” เขาแทบตะคอกใส่เธอ แถมยังดึงจับแขนเธอไว้แน่น ศศิกานต์ขมวดคิ้วมอ พยายามสะบัดแขนให้หลุด
“เจ็บนะ...จะจับทำไมเนี่ย”
“จับไว้ไม่ให้เธอหนีลงไปน่ะสิ คิดว่าตัวเองเป็นนางพรายหรือไงถึงเดินลงมาอย่างนี้”
“ตลกแล้วพี่กาย เพิร์ลแค่อยากมาเล่นน้ำ” หญิงสาวเถียงคอเป็นเอ็น “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ อุตส่าห์ได้มาทะเลทั้งทีก็ต้องเล่นให้เต็มที่สิ”
ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนดุต่อ “กำลังวุ่นวายอย่างนี้เธอยังจะมีแก่ใจมาเล่นอะไรอีก ขึ้นบ้านไปเปลี่ยนชุดได้แล้ว”
ศศิกานต์ทำหน้าตูมอย่างไม่พอใจนัก เธอแกล้งถอนใจหนัก ๆ กำลังจะเดินขึ้นฝั่งไปตามคำสั่ง แต่แล้วอารมณ์พยศก็พาดผ่านเข้ามาในใจ เธอเปลี่ยนใจพุ่งตัวลงน้ำ ว่ายหนีห่างไปอย่างรวดเร็วเท่าที่ร่างอวบ ๆ จะพาตัวเองไปได้ แต่นั่นละ...ผู้หญิงที่ไม่ค่อยออกกำลังกายจะไปสู้ผู้ชายที่ถูกึกมาอย่างดีได้อย่างไร
ภาวิศตามไปคว้าตัวเธอได้ในระยะไม่กี่เมตร เขากระชากขาเธอเต็มแรงจนร่างอวบ ๆ ถูกเหวี่ยงลอยเข้ามาใกล้ตัว แล้วมือที่ว่างก็ผลักตัวเธอให้ลอยคอขึ้นมาอยู่เบื้องหน้าเขา
“ทำบ้าอะไร” เขาตะคอกใส่...อีกแล้ว
ศศิกานต์เชิดหน้ามองแล้วตวัดน้ำทะเลใส่หน้าเขา ชายหนุ่มต้องยกมือขึ้นปิดหน้าด้วยความแสบตา แล้วเธอก็อาศัยจังหวะนั้นสะบัดตัวหนีไป แต่ใครจะนึก ภาวิศตวัดมือแค่ครั้งเดียวก็คว้าแขนเธอไว้ได้อย่างแน่นเหนียว ก่อนจะตวัดเอาร่างอวบ ๆ นั้นมาชิดตัว ใช้แขนข้างที่ว่างล็อกคอไว้แน่น
“หยุดบ้าเสียที”
“ไม่หยุด...เพิร์ลบอกแล้ว่าจะเล่นน้ำ”
“ได้...อยากเล่นนักใช่ไหม” เขาเหยียดริมฝีปากเจ้าเล่ห์ ดวงตาเป็นประกายวาวจนหญิงสาวนึกกลัว แล้วแขนที่ล็อกคอเธออยู่ก็กดลง ดันร่างอวบ ๆ ของหญิงสาวให้จมลงไปใต้น้ำ
ศศิกานต์ดิ้นรนอย่างยากลำบาก เพิ่งรู้ว่าตัวเองออกจากฝั่งมาไกลจนขาไม่แตะพื้นทราย
ผู้ชายแรงเยอะกดตัวเธอลงไปเรื่อย ๆ จนหญิงสาวแทบขาดอากาศหายใจ สองแขนยกชูขึ้นไขว่คว้าหาหลักยึด ก่อนจะคว้าได้หลังคอของชายหนุ่ม เธอกดมือดึงตัวเขาลงมาด้วยกัน แล้วแรงแขนที่กดตัวเธออยู่ก็ผ่อนลง
หญิงสาวไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเธอผวาเข้าไปเกาะคนที่ถูกดึงลงมาใต้น้ำด้วยกัน มือไม้เปะปะแตะไปทั่วร่างแข็งแกร่งได้ส่วน ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะถูกทาบทับด้วยเนื้อนุ่ม ๆ ตามด้วยอากาศที่ส่งผ่านเข้ามา แถมด้วยเรียวลิ้นที่รุกรานเข้ามาอย่างหักโหม ไม่อาจต้านทาน
เรี่ยวแรงของหญิงสาวคล้ายถูกสูบหายไปกับรสจูบ น้ำทะเลที่ควรจะเค็มกลับไม่รู้สึกได้ เพราะเวลานี้มีเพียงรสหวานล้ำเท่านั้นที่สัมผัสแตะลิ้นของเธอ
ไม่ต้องหายใจก็ไม่เป็นไร ถ้าเขาจะต่อลมหายใจให้เธออย่างนี้ตลอดไป
ไม่ทันได้รู้ตัว ศศิกานต์คิดว่ามีสายน้ำเล็ก ๆ ไหลรินจากดวงตาของเธอ พร้อมกับที่เขากระชากตัวเธอขึ้นมา ดึงตัวออกห่างไม่มากนักแต่ให้คามรู้สึกราวพรากหัวใจเธอไปทั้งดวง
หญิงสาวหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ขณะที่เขาลอยตัวมองนิ่ง ๆ
“พี่ทำบ้าอะไร”
“ก็เธอว่าอยากเล่นน้ำไม่ใช่หรือ” เขาตอบหน้าตาเฉย “ฝึกไว้สิ...พวกพี่เล่นน้ำกันอย่างนี้ละ”
ศศิกานต์นิ่งงัน ดวงตามองเหม่อที่ใบหน้าคมคายได้ส่วนราวรูปปั้นของเทพเจ้ากรีกอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ไม่ว่าเมื่อไร ความเย็นชาของเขาก็ทำร้ายเธออยู่เสมอ
หญิงสาวฝืนยิ้มอย่างใจเย็น แต่เธอทำไม่ได้ เธอค่อย ๆ แค่นหัวเราะออกมาแทนที่เสียงสะอื้นขอตัวเอง เงยหน้าให้น้ำตาที่กำลังจะไหลลงมาย้อนกลับคืนไป
“เล่นกับพี่นีส...ก็อย่างนี้หรือคะ”
พระเจ้าคงสาปแช่งที่เธอกล้าอิจฉาป้ารหัสของตัวเอง ไม่ว่าเมื่อไร...ผู้หญิงคนนั้นก็ยังได้รับความรักอย่างลึกล้ำจากผู้ชายตรงหน้าเธอเสมอ
ศศิกานต์ไม่ได้เกลียดชนิสรา ตรงกันข้าม เธอทั้งรักและเคารพรุ่นพี่ผู้แสนดี เธอรู้ว่าผู้หญิงอย่างชนิสราคู่ควรแก่การเป็นที่รักมากแค่ไหน ป้ารหัสคนสวยไม่ใช่แค่เพื่อนร่วมรุ่นที่เรียนด้วยกันมากับภาวิศ แต่ชนิสราแทบจะเป็นเพื่อนร่วมชีวิตที่เขาอยากให้เดินไปข้าง ๆ เลยทีเดียว ถึงจะน่าขัน...แต่นั่นก็เป็นความจริง ผู้ชายร้ายกาจตรงหน้าเธอเลือกไปแล้วว่าจะวางหัวใจทั้งหมดไว้ที่ใคร เลือกตั้งแต่ก่อนพบเธอ และคนอย่างเธอก็ไม่มีสิทธิ์เปลี่ยนแปลงอะไรได้
“นีสไม่ชอบเล่นน้ำอย่างดื้อรั้นแบบเธอ”
“ใช่...แล้วพี่นีสก็ไม่ได้ชอบพี่แบบที่เพิร์ลชอบด้วย” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าเขาอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับหยาดน้ำตาที่เริ่มรินลงมาเป็นสาย
ชนิสราเคยบอกเธอว่า...ความรักนั้นหอมหวาน แต่เป็นความหวานที่เจือรสขมมาด้วยเสมอ
ศศิกานต์อยากเถียง เธอไม่เคยรู้จักความหวานหอม ความรักที่เธอพบเจอมีแต่รสขมจนขื่นคอเท่านั้นเอง
ภาวิศนิ่งไปชั่วครู่ ขณะที่ศศิกานต์อาศัยจังหวะนั้นมุดตัวลงไปใต้น้ำ โผว่ายกับเข้าฝั่ง
คงเพราะเกร็งตัวมากไป และน้ำทะเลก็เย็นจนหนาวเหน็บ อยู่ดี ๆ ที่น่องก็ปวดหนึบ ขาทั้งขาร้าวไปทั่ว พาร่างให้ร่วงลงอย่างช้า ๆ เธอตะกายอยู่เพียงอึดใจมือสองข้างก็ถูกรวบเอาไว้ ร่างอวบถูกดึงเข้าไปสู่อ้อมอกกว้าง เขากอดเธอไว้จากด้านหลัง
ศศิกานต์หยุดดิ้นรน ปล่อยให้เขาลากเธอขึ้นฝั่งอย่างง่ายดาย
“ทำไม...เป็นเพิร์ลไม่ได้หรือคะ” เธอกระซิบคำถามเบา ๆ กับผู้ชายที่กำลังกอดเธอไว้แนบอก
พระเจ้าช่างเล่นตลก มอบโอกาสให้เธอได้ร่วมทุกข์กับเขาด้วยการฝ่าดงลูกปืนหนีตายมากบดานอยู่เป็นอาทิตย์ แต่ไม่เคยมอบโอกาสจะร่วมสุข
เพื่อนกี่คนนะที่เตือนเธอว่าอย่าได้ข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้ แม้เขาจะเป็นรุ่นพี่แพทย์ที่เก่งกาจและมีฝีมือแค่ไหน แต่ความจริงของสายเลือดผู้มีอิทธิพลก็ทำให้เขาเป็นบุคคลอันตรายที่ไม่ควรเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่เธอก็ยังไม่เชื่อ อวดดีและมั่นใจในตัวเองมากไป สุดท้ายจึงถูกลูกหลงให้ต้องหนีตายอย่างสิ้นท่า แถมยังหนีหัวใจตัวเองไม่พ้น ทนทรมานไม่จบสิ้น
ศศิกานต์เหยียดริมฝีปากยิ้มหยันเยาะตัวเอง แล้วเสียงหัวเราะก็หลุดมาเบา ๆ ให้ผู้ชายที่เพิ่งลากเธอขึ้นฝั่งสำเร็จได้ยิน
เขาขมวดคิ้วมอง “หัวเราะอะไร”
“เพิร์ลขำตัวเองค่ะ เพิร์ลโง่จริง ๆ ด้วยที่รักพี่มากขนาดนี้”
ภาวิศถอนใจเบา ๆ เมื่อมองดูดวงตาที่เต็มไปด้วยรอยของความเจ็บปวดของสาวน้อยตรงหน้า ชนิสราเคยขอร้องให้เขารักเด็กคนนี้ แต่ภาวิศก็ถามเธอกลับง่าย ๆ
‘ถ้าความรักต้องใช้ความพยายามขนาดนั้น...ทำไมต้องลำบากด้วย’
ผู้หญิงที่เขามอบหัวใจให้กลับคลี่ยิ้มตอบอย่างมั่นใจ ‘ถ้าเธอรักแล้ว...จะรู้ว่านั่นไม่ใช่เรื่องที่ลำบากเลย’
เวลานี้...ดวงตาของผู้หญิงตรงหน้า ทำให้เขาอยากพยายามรักเธอดูบ้างเหมือนกัน
ชายหนุ่มอยากหัวเราะให้ลั่น กับโชคชะตาที่เล่นตลกให้เขารักผู้หญิงคนหนึ่ง แต่กลับไม่ได้รักตอบจากเธอ
และโชคชะตาก็เล่นตลกกับผู้หญิงอีกคน นำเธอมารักเขาด้วยทั้งหมดของหัวใจ พาเธอมาฝ่าอันตรายอยู่เคียงข้างเขา แต่เขา...ไม่กล้าพอจะรักเธอ
ภาวิศไม่คิดว่าตัวเองเกิดมาเพื่อรักใคร จนชนิสราสอนให้เขารู้ว่าตัวเองมีสิทธิ์ที่จะรัก
รัก...แม้ไม่มีวันได้รับความรับตอบ
เพราะอย่างนี้ ชายหนุ่มจึงเข้าใจความรู้สึกของรุ่นน้องสาว
รัก...ทั้งที่รู้ว่ามันจะทำให้เจ็บ
“อย่ารอพี่เลย...” เขาทอดเสียงนุ่ม อ่อนโยนอย่างที่ศศิกานต์ไม่คิดว่าจะเป็นเสียงที่เขาใช้กับเธอ
หญิงสาวเงยหน้ามองชายหนุ่ม ใบหน้าหล่อเหลาของเขาพร่าเลือนไปเพราะหยาดน้ำตาที่คลออยู่ในตาเธอ “เพิร์ลไม่เคยคิดจะรอ...แต่เพิร์ลไม่รู้จริง ๆ ว่าต้องทำอย่างไรจึงจะหยุดความรู้สึกตัวเองได้”
คำปฏิเสธชัดเจนนั้นทำให้ภาวิศอดจะเลิกคิ้วขึ้นเล็น้อยไม่ได้ แล้วเขาก็ถอนใจเบา ๆ อีกครั้ง
“ถ้าอย่างนั้น...ก็เก็บมันเอาไว้ก่อน”
“คะ...”
“เก็บมันเอาไว้...แม้อาจจะฟังเห็นแก่ตัว แต่อย่าเพิ่งหยุดเลย” ภาวิศมองสบตาหญิงสาวนิ่ง “พี่ไม่สัญญา...ว่าจะต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน แต่น้องจะรอพี่ได้ไหม”
เสียงนั้นไม่ได้เว้าวอนอย่างคนที่ขอความรัก แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่มองเธออย่างอ่อนโยน หลอกล่อให้หญิงสาวเริ่มมีความหวัง
ด้วยดวงตาคู่นั้น ศศิกานต์เชื่อว่าคงไม่มีผู้หญิงที่ไหนกล้าปฏิเสธ แม้แต่เธอ
น่าเสียดายที่เสี้ยวหนึ่งของสติที่ยังเหลืออยู่ยังย้ำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดในช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่รู้ตัวว่าหลงรักเขา เธอหาความสุขได้ยากขึ้นทุกวัน
ความรักทำให้คนตาบอด เสพติดและหลงอยู่ในวังวนแห่งความทุกข์
ศศิกานต์ไม่อยากเป็นอย่างนั้น
หญิงสาวจึงส่ายหน้าช้า ๆ “ไม่ค่ะ...เพิร์ลจะไม่รออีกแล้ว”
ภาวิศเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ แววตาเขาบอกความคาดไม่ถึง ศศิกานต์เองก็รู้ เขาคงไม่เคยถูกผู้หญิงที่ไหนปฏิเสธมาก่อน
ไม่สิ...อาจจะมีเพียงชนิสรานั่นละ ที่กล้าปฏิเสธความรักของเขาอย่างง่ายดาย
ศศิกานต์ขอเป็นอีกคน ที่จะไม่ยอมงมงายอยู่ในรักอีกต่อไป
ภาวิศยิ้มอย่างคนตัดใจได้ เขาร้ายกับเธอเสียมากก็ต้องยอมรับว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์เห็นแก่ตัวอีกต่อไป “ดีแล้ว...”
ศศิกานต์เหยียดยิ้มบาง ๆ ที่มุมปาก “เพิร์ลจะไม่รอ...แต่เพิร์ลจะเดินไปตามทางของเพิร์ล ถ้าพี่กายยังอยากจะรักเพิร์ล...ลองเดินมาทางนี้บ้าง จะได้ไหมคะ”
นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่หญิงสาวจะเอ่ยขอร้องเขา
ภาวิศนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้ารับ “พี่จะ...ลองดู”
--------------
ใช้เวลาเขียนเรื่องนี้นานมาก
ตอนแรกตั้งใจจะห้เป็นรักน่ารัก ๆ แต่กลับออกมาเป็น...อะไรก็ไม่รู้
คำถาม : สงสารเพิร์ลหรือกายมากกว่ากันคะ ???

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.ค. 2554, 15:47:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.ค. 2554, 15:47:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 2759
<< ไกล่เกลี่ยหัวใจ ให้เรามารักกัน | เมื่อเราได้พบกัน >> |

Auuuu 8 ก.ค. 2554, 16:08:05 น.
สงสารทั้งคู่เลยค่า :"( เศร้า
สงสารทั้งคู่เลยค่า :"( เศร้า

saralun 8 ก.ค. 2554, 16:31:59 น.
น่านสิ...ไม่รู้จะสงสารใครดี!!!
น่านสิ...ไม่รู้จะสงสารใครดี!!!

ปอรินทร์ 8 ก.ค. 2554, 17:03:47 น.
สงสารทั้งคู่อ่ะT^T
สงสารทั้งคู่อ่ะT^T

anOO 8 ก.ค. 2554, 17:21:30 น.
ไม่มีใครน่าสงสารสักคน
เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้จักความรัก แม้ไม่สมหวังก็ตาม
ไม่มีใครน่าสงสารสักคน
เพราะอย่างน้อยก็ได้รู้จักความรัก แม้ไม่สมหวังก็ตาม

น้องแสตมป์ 8 ก.ค. 2554, 18:09:47 น.
ใครๆ ก้ออยากเป็นคนที่ถูกรัก
ใครๆ ก้ออยากเป็นคนที่ถูกรัก


Setia 8 ก.ค. 2554, 20:52:47 น.
สงสารทั้งสองคนเลยอ่ะ ชอบแบบน่ารักๆมากกว่าอ่ะ
อันนี้อ่านแล้วมันหดหู่จริงๆเลย
สงสารทั้งสองคนเลยอ่ะ ชอบแบบน่ารักๆมากกว่าอ่ะ
อันนี้อ่านแล้วมันหดหู่จริงๆเลย

yayee62 8 ก.ค. 2554, 22:41:23 น.
บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ แต่ที่รู้ๆ สงสารตัวเองที่ต้องคอยคุณลิขิตราน่ะค่ะ"_"
บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ แต่ที่รู้ๆ สงสารตัวเองที่ต้องคอยคุณลิขิตราน่ะค่ะ"_"

yayee62 8 ก.ค. 2554, 22:41:30 น.
บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ แต่ที่รู้ๆ สงสารตัวเองที่ต้องคอยคุณลิขิตราน่ะค่ะ"_"
บอกไม่ถูกอ่ะค่ะ แต่ที่รู้ๆ สงสารตัวเองที่ต้องคอยคุณลิขิตราน่ะค่ะ"_"

asakuragirl 9 ก.ค. 2554, 17:49:20 น.
น่าสงสารทั้งคู่เลย ถ้าสักวันนึงได้รักกันจริงๆ คงเป็นรักแท้ที่น่ายินดีมากๆเลยสำหรับคู่นี้ ไม่ว่าใครก้ออยากถูกรักตอบจากคนที่รักน่ะนะ
น่าสงสารทั้งคู่เลย ถ้าสักวันนึงได้รักกันจริงๆ คงเป็นรักแท้ที่น่ายินดีมากๆเลยสำหรับคู่นี้ ไม่ว่าใครก้ออยากถูกรักตอบจากคนที่รักน่ะนะ

grazioso 9 ก.ค. 2554, 19:39:28 น.
งืมมมม สงสารใครกว่ากันนี่ตอบยากจริงๆค่ะ เอาเป็นว่าเอาใจช่วยทั้งคู่ละกัน :)
งืมมมม สงสารใครกว่ากันนี่ตอบยากจริงๆค่ะ เอาเป็นว่าเอาใจช่วยทั้งคู่ละกัน :)

แพม 24 ก.ค. 2554, 12:25:25 น.
เฮ้อ อยากรู้ที่มาที่ไป
เฮ้อ อยากรู้ที่มาที่ไป