^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา

ตอน: เมื่อเราได้พบกัน

เมื่อเราได้พบกัน[When I Meet You]

ให้ตายเถอะ ฉันไม่แน่ใจว่าตอนนี้ฉันกำลังทำอะไรอยู่ การยุติความสัมพันธ์ออนไลน์ที่กำลังจะจบลงด้วยความต้องการของทั้งสองฝ่ายกำลังทำให้ฉันเครียดจนประสาทเสีย เมื่อเวลาของการพบหน้าย่างกรายเข้ามาถึง ความคิดที่วิ่งวนอยู่ในหัวเหมือนจงใจจะแกล้งให้ยิ่งสับสน กลัวนักว่าคนที่ฉันรู้จักด้วยการพูดคุยผ่านตัวอักษรมากว่าสี่ปีจะเป็นแค่เงาที่หลอกลวงกันเท่านั้น

“ ถ้าเขาหลอกแกไปทำอะไรไม่ดีขึ้นมาล่ะ ” เพื่อนสุดที่รักท้วงทันทีที่รู้ว่าฉันจะไปพบคนที่รู้จักกันแค่เพียงตัวอักษร

ไม่รู้ว่าคุณเธอจงใจจะแกล้งให้ฉันกลัวมากขึ้นหรือเป็นห่วงจริง ๆ กันแน่ แต่ดูจากน้ำเสียงและหน้าตาเดาว่าประการแรก และด้วยนิสัยอันกล้าหาญชาญชัยก็ทำให้ฉันเชิดหน้าบอกอย่างไม่สะทกสะท้าน “ ไม่หรอก คุยกันมาตั้งนาน ”

เรื่องอะไรจะยอมสารภาพความจริงล่ะว่าฉันแล่นไปยืมสเปรย์พริกไทยพร้อมมีดสปาตาร์จากคุณพี่สองเพศที่รู้จักกันมาไว้เรียบร้อย เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน

ว่าแล้วฉันก็คว้ากระเป๋าสะพายมาคล้องแขนเดินปร๋อออกไปจากโต๊ะที่เต็มไปด้วยฝูงเพื่อนซึ่งพร้อมใจกันโห่ไล่

“ ถ้ามีอะไรโทรด่วนเลยนะเว่ยไอ้ซิน...” เสียงร้องจากเพื่อนอีกคนหนึ่งทำให้ฉันเริ่มยิ้มออก หันไปพยักหน้ารับ

หัวใจที่เต้นผิดจังหวะเริ่มกลับมาเป็นปกติ ฉันสูดลมหายใจเข้าจนลึกใช้สองมือแตะหน้าตัวเองเบา ๆ

“ เอาน่า...ถ้าเขาเลวเราก็แค่เลิกยุ่ง delete contact ซะ ง่ายจะตาย ” เสียงปลุกปลอบใจตัวเองไม่ได้รอดเข้าไปในหัวสักเท่าไร เมื่อความกังวลปนตื่นเต้นยังวิ่งเล่นไล่จับกันอยู่ภายใน

ความมั่นใจในตัวเองของฉันวิ่งหายไปหลบอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

ถึงจะคิดอย่างนั้น แต่ในที่สุดฉันก็เดินมาจนถึงร้านอาหารเล็ก ๆ ในมหาวิทยาลัยที่ฉันเรียนอยู่ มือที่แตะลงตรงประตูกระจกใสเย็นเฉียบขณะที่ดวงตาพยายามกวาดมองไปรอบ ๆ สังเกตหาชายหนุ่มผู้มานั่งอยู่เพียงลำพัง

จะว่าโชคดีหรือโชคร้ายก็ไม่รู้ที่วันนี้ร้านที่ฉันเลือกเป็นที่นัดหมายกลับเต็มไปด้วยนักศึกษาทั้งชายและหญิง

มองในแง่ดีคือถ้าเขาเป็นคนไม่ดีฉันก็มีทางเผ่น หาคนช่วยได้ง่าย

แต่มองในแง่ร้าย ฉันเกลียดที่ที่คนเยอะ ๆ เกลียดเสียงอึกทึกและความวุ่นวาย
จนกระทั่งฉันเดินเข้ามาในร้านแล้ว ก็ยังมองไม่เห็นผู้ชายในชุดปกติแม้แต่คนเดียว เท้าที่ก้าวมาแล้วก็เลยต้องก้าวต่อไปหาที่นั่งริมหน้าต่างที่พอว่างให้ตัวเองแล้วหันไปสั่งกาแฟดำรสขมจัดกับพนักงาน

กาแฟถูกยกมาวางแล้ว เวลาก็ผ่านไปกว่าสิบนาทีแล้ว แต่คนที่นัดไว้ก็ยังไม่มา ฉันได้แต่นั่งเท้าคางมองออกไปด้านนอก ปล่อยสายตาให้เป็นอิสระจากการจดจ้องมองหาสิ่งต่าง ๆ ปล่อยหัวใจให้ล่องลอยไปแสนไกล ไม่สนใจแม้เสียงที่ดังอยู่รอบตัว

ฉันรออยู่นาน นานมากจนไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างฉันจะนั่งรอใครได้นานมากขนาดนี้ กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าแผดร้องลั่นร้านจนคนหันมามองนั่นล่ะฉันจึงได้สติคุ้ยเอาเจ้าตัวแผดเสียงออกมากดรับสายด้วยใบหน้าแดงก่ำที่คงบอกคนที่นั่งรอบ ๆ ได้ว่าฉันอายแค่ไหนกับความเปิ่นของตัวเอง

“ สวัสดีค่ะ ” ฉันรับสายด้วยเสียงห้วน ๆ เพราะอารมณ์ที่บูดจนใกล้จะเน่าเต็มที

“ สวัสดีครับ...คุณอยู่ที่ร้านหรือเปล่า ? ผมขอโทษ...พอดีรถติดมาก ผมไม่คิดเลยว่ารถในกรุงเทพจะติดขนาดนี้ ” เสียงที่ปลายสายไม่คุ้นหูเท่าตัวอักษรที่ปรากฏบนหน้าจอที่ฉันเคยได้อ่าน แต่ความรู้สึกผิดที่บอกมากับน้ำเสียงนั้นทำให้ฉันยิ้มออก
เขายังเป็นคุณชายผู้น่ารักคนเดิมที่แสนอ่อนโยนเป็นที่สุด

“ ยังอยู่ค่ะ แต่อีกครึ่งชั่วโมงเราต้องเข้าเรียนภาษาอังกฤษ ถ้าคุณยังไม่ถึงเลี้ยวรถกลับไปเลยก็ได้นะเราคงไม่ได้คุยกันนานนักแน่ ๆ ” ฉันบอกด้วยความเกรงใจที่หากคนอื่นฟังอาจว่าฉันเล่นตัว แต่เขารู้จักฉันดีพอและคงไม่คิดอะไรมากไปกว่าจะว่าฉันไม่มั่นใจในการนัดครั้งนี้สักเท่าไร

เสียงหัวเราะที่ดังมาตามสายบอกว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ฉันต้องการสื่อจริง ๆ “ ผมเพิ่งเลี้ยวเข้ามาในมหาวิทยาลัยคุณ ออกมารอผมหน้าร้านไหมครับเดี๋ยวจะได้ออกไปหาอะไรกินกัน ”

“ ก็ได้ค่ะ ” ฉันตอบรับอย่างว่าง่าย แต่ในใจอยากจะตบหัวคนชวนสักสามรอบ เดี๋ยวเจอหน้าเมื่อไรมีฉะกันแน่ๆ เลย ตาบ้าเอ๋ยไม่รู้เลยหรือไงว่าคนอย่างหนูซินไม่มีวันยอมออกไปนอกมหาวิทยาลัยกับเขาแน่ ๆ

ทันทีที่วางสายฉันก็หยิบบิลที่พนักงานวางไว้ที่โต๊ะไปจ่ายหน้าเคาท์เตอร์แล้วเดินออกไปรอหน้าร้าน สายตาจึงหันไปเห็นรถสปอร์ตสีดำแล่นตรงมาจอดข้างหน้า กระจกถูกลดลงทำให้เห็นคนขับที่นั่งอยู่ตรงพวงมาลัยด้านซ้ายเหมือนจะแปะป้าย import เอาไว้ให้เห็น

“ ซิน...” ผู้ชายที่ซ่อนใบหน้าตัวเองไว้ใต้แว่นกันแดดสีดำเรียกชื่อฉันอย่างไม่แน่ใจนัก ขณะที่ฉันขมวดคิ้วมองอย่างไม่ชอบใจ

“ ตอนนี้ไม่ใช่แล้วค่ะ...เราเพิ่งเปลี่ยนชื่อตัวเองตอนเห็นหน้าคุณนี่ล่ะ ” ฉันบอกเสียงเรียบแล้วหันหลังกลับทันที ไม่รู้ทำไมแต่ฉันออกจะผิดหวังอยู่มากถึงมากที่สุดกับการที่เห็นเขาอยู่ในรูปลักษณ์เหมือนหนุ่มเจ้าสำอางภายใต้เสื้อคอเต่าตัวยาวเหมือนว่าอากาศเมืองไทยมันหนาวเสียเต็มประดากับกางเกงยีนส์ที่แม้จะดูเรียบร้อยแต่ออกเก่าตามสมัยนิยมที่คงราคาไม่ต่ำกว่าเลขสามหลัก

“ ซิน...คุณไม่พอใจอะไรหรือฮะ ? ” เขารีบกระวีกระวาดกระโดดลงจากรถในทันทีที่ฉันหันหลังกลับ เสียบกุญแจและสตาร์ตเครื่องค้างไว้จนฉันนึกกลัวแทนว่าใครผ่านไปมาจะกระโดดขึ้นไปแทนแล้วโฉบเอาเจ้ารถคันหรูไปง่าย ๆ เลยหยุดเดินก่อนที่เขาจะก้าวมาไกลนักแล้วหันกลับมา

“ โอเค...คุณชาย เราไม่ได้ไม่พอใจอะไรมากไปกว่าความผิดหวังที่คุณเอาไอ้แว่นตาโต ๆ นั่นมาปิดหน้าปิดตาแล้วก็ขับรถหรู ๆ คันนั้นมาที่นี่ด้วยเครื่องแต่งกายแบบคุณช้าย คุณชายขนาดนี้ ” ฉันกวาดตามองเขาอีกครั้งตั้งแต่ศรีษะจรดปลายเท้าอย่างไม่เกรงใจ

“ คุณไม่ชอบหรือ ? ” คุณชายของฉันถอดแว่นกันแดดออกทันที

ใบหน้าที่อยู่ภายใต้แว่นนั่นไม่ได้หล่อเหลาโดดเด่นอะไรในสายตาที่เพื่อน ๆ บอกว่ามีมาตรฐานสูงผิดมนุษย์มนาอย่างฉัน แต่ก็พอจะเรียกได้ว่าคมคายอย่างที่สาว ๆ ทั่วไปคงชอบกัน ยิ่งเมื่ออยู่กับเจ้าของร่างสูงหนาแข็งแรงอย่างผู้ชายแท้ ๆ แล้วก็ทำให้ฉันได้เข้าใจว่าทำไมเขาถึงเคยมีเกย์มาจีบ

คิดมาถึงตรงนี้ฉันก็เริ่มหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตาย กว่าจะนึกได้ก็ตอนที่เขาเลิกคิ้วมองอย่างงุนงงนั่นล่ะ ฉันถึงต้องรีบกลั้นหัวเราะแล้วอธิบาย “ ขอโทษที...กำลังนึกถึงที่คุณเล่าว่ามีเกย์มาจีบ ก็หุ่นอย่างนี้ หน้าตาอย่างนี้ แต่งตัวอย่างนี้ก็สมควรหรอก ”

ฉันว่าฉันเห็นหูสุนัขอยู่บนหัวเขาล่ะ คล้าย ๆ เจ้าตูบที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัยเลย เพียงแต่เจ้าตูบหน้าแดงได้ด้วยล่ะ

“ คุณ...ยังอุตส่าห์จำเรื่องน่าอายแบบนั้นอีกนะ ” เขาพยายามเค้นเสียงให้ดูหนักแน่นเหมือนคนโกรธ แต่อยากบอกจังว่าหน้าเขาไม่ให้เอาเสียเลยจริง ๆ

คราวนี้ฉันเริ่มยิ้มได้ เมื่อเห็นว่าแม้เขาจะอยู่ในรูปลักษณ์แบบไหนก็ยังคงเป็นคุณชายคนเดิมที่ฉันเคยรู้จัก ความไม่พอใจที่ต้องนั่งรอมานานกับความผิดหวังในตอนแรกจึงหายไป ฉันเริ่มกล้าพอที่จะเดินไปเปิดประตูรถอีกด้านเข้าไปนั่งอย่างมั่นใจมากขึ้นว่าเขาไม่ใช่คนเจ้าสำอางอย่างที่กลัวในตอนแรก

“ ไปโรงอาหารใหญ่แล้วกันค่ะ เราจะควงหนุ่มไปอวดพวกสาว ๆ ที่คณะเสียหน่อย อยากเห็นหน้าพวกที่เขม่นเราจังคงซีดจ๋อยเป็นไก่ต้มแน่ ๆ เลย ” ฉันเริ่มนึกภาพเพื่อนคู่ปรับในคณะที่ชอบหาเรื่องมาแข่งขันวุ่นวายกับฉันเสียเหลือเกินทั้งที่ฉันก็อยู่ของฉันดี ๆ อยากรู้นักเชียวถ้าเห็นฉันควงตาคุณชายนี่ไปจะกรี๊ดกันสักแค่ไหน



แล้วสิ่งที่ฉันคิดก็เกิดขึ้นจริง ๆ เมื่อรถสีดำสวยถูกขับมาจอดข้างโรงอาหารซึ่งฉันเลือกมุมที่จำได้ว่าเป็นมุมประจำของกลุ่มศัตรูคู่อาฆาตของฉัน แน่นอนว่ายายพวกนั้นหันขวับมามองทันทีที่เห็นรถคันหรูมาจอด

ฉันค่อย ๆ เปิดประตูแล้วก้าวเท้าลงไปยืนด้วยท่วงท่าของเจ้าหญิงผู้ทรงศักดิ์ที่เลียนแบบมาจากละครเกาหลีเรื่องโปรด

“ กลุ่มคู่ปรับคุณล่ะสิ ” เขาเดาได้ทันทีจากปากคำที่ฉันเคยบอกเล่าผ่านตัวอักษรทาง MSN

ฉันแค่พยักหน้าด้วยรอยยิ้มอ่อนหวานที่เต็มไปด้วยมารยาของลูกผู้หญิงแล้วเดินไปหยุดข้าง ๆ เขา

“ ไหน ๆ คุณก็มาแล้ว...ขอเราใช้ประโยชน์นิดหน่อยละกัน ” ฉันพูดหน้าตาเฉย ไม่ได้คิดแม้แต่น้อยว่าเขาจะยื่นแขนมาวางฉากตรงหน้าให้ฉันสอดแขนเข้าไปควง

“ เร็วสิครับ...คุณจะแกล้งพวกนั้นไม่ใช่หรือ เดี๋ยวเขาก็สงสัยหรอก ” เขาขู่เมื่อฉันไม่ยอมควงแขน คราวนี้ฉันได้แต่ส่งค้อนตาคว่ำไปให้ก่อนจะยกมือขึ้นควงแขนเขาเดินเข้าไปในโรงอาหาร

เสียงซุบซิบนินทาที่ฉันขี้เกียจเดาว่าออกไปในแง่ไหนดังออกมาจากโต๊ะของสาวสวยสุดไฮโซประจำคณะที่ฉันไม่ค่อยจะถูกโรคด้วยดังขึ้นขณะที่ฉันเดินเชิดหน้าผ่านไปยังโต๊ะยาวอีกตัวซึ่งเพื่อน ๆ ฉันยังจับจองอยู่เหมือนก่อนที่ฉันจะไปนั่งรอคุณชายที่ร้านอาหาร

“ เฮ้ย...ไอ้ซิน ไปตกหนุ่มหล่อมาจากไหนวะ ? ” คุณเพื่อนปากปีจอปล่อยตัวปุกปุยออกมาทักทายกันอย่างไม่ไว้หน้า

“ ปากเหรอแก...นี่คุณชาย...” ฉันนิ่งไปนิดหนึ่งเมื่อนึกได้ว่า ‘คุณชาย’ เป็นคำที่ฉันใช้เรียกเขาจนเคยชิน ไม่ใช่ชื่อหรือกระทั่งบรรดาศักดิ์อะไรในตระกูล “ เร...เพื่อนเราเองที่บอกว่านัดมาเจอไง ”

“ นึกว่าคุณจะจำชื่อผมไม่ได้ ” เขากระซิบล้อ ๆ ก่อนหันไปโปรยยิ้มละลายใจเพื่อนสาวทั้งสาวเทียมและสาวแท้ในกลุ่มฉัน

“ ต๊าย...น่ากินนะแก ” ฉันล่ะสยองแทนคุณชายของฉันจริง ๆ ตอนที่นังเพื่อนสาวสองเพศของฉันอ้าปากพูดประโยคนี้ขึ้นมา

“ หุบปากของแกไปเลยนังดุ๊กดิ๊ก...อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ” นอกจากจะเปลี่ยนชื่อ she จากกุ๊กกิ๊กเป็นดุ๊กดิ๊กแล้ว การเปลี่ยนสรรพนามแทนตัวฉันก็เป็นเรื่องที่เพื่อนในกลุ่มควรเตือนตัวเองว่าพึงระวัง และนั่นก็ทำให้นังดุ๊กดิ๊กต้องรีบหุบปากทันที แต่ที่แย่คือคนข้าง ๆ ตัวฉันดันอ้าปากพูดแทน

“ คุณนี่โหดกว่าในเอ็มอีกนะครับ เดี๋ยวก็ไม่มีหนุ่มที่ไหนกล้าจีบหรอก ”

เท่านั้นล่ะเสียงโห่ฮาก็ดังจากกลุ่มเพื่อนนับสิบคนที่นั่งอยู่ชนิดไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องจนฉันต้องหันไปค้อนใส่คนที่ยืนข้าง ๆ เริ่มปวดตานิด ๆ เพราะรู้สึกจะค้อนไปหลายรอบแล้ว

“ ถ้าคุณกล้าจีบสักคนเราก็คงไม่ต้องกลัวแล้วล่ะ ” ดูเถอะ หลุดปากไปแล้วเพิ่งนึกได้ ปากพาจนอีกแล้วฉัน

น่าแปลกที่คราวนี้ไม่มีเสียงโห่ฮา มีก็แต่รอยยิ้มกว้างบนหน้าของหนุ่มหน้าตาเกือบหล่อที่ฉันได้รู้จักผ่านทาง MSN มาเกือบสี่ปี

“ ถ้าอย่างนั้นคุณก็ไม่ต้องกลัวแล้วล่ะ ” คำพูดของเขาทำให้ฉันหน้าแดง ไม่รู้ว่าทำไมแต่คิดไปคิดมา...มันตีความได้หลายแบบนะประโยคนี้ แต่ที่แน่ ๆ ที่ฉันกลัวคือ...

“ เพราะผมคิดว่าจะจีบคุณ ” นี่ล่ะ...ประโยคนี้ล่ะที่ฉันไม่อยากได้ยิน แต่เขากลับพูดออกมา

เหมือนว่าทั้งโรงอาหารเงียบกริบ ไม่มีเสียงอะไรรอดมาเข้าหูฉันได้แม้แต่น้อย แม้แต่ภาพเพื่อน ๆ ที่ทำตาโตมองมาไม่รู้ว่าแปลกใจหรือดีใจที่เพื่อนมันขายออกเสียทีก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกอะไรมากไปกว่าความงุนงง

“ ล้อเล่นใช่ไหมคะ ? ” ฉันหลุดปากถามด้วยความเคยชิน พลางส่งยิ้มเย็นเยียบไปให้เป็นเชิงขู่ แต่เขาไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรนัก แถมยังกล้าพูดหน้าตาเฉย

“ อย่าดุนักสิครับ...ผมน่ะไม่ถอยง่าย ๆ หรอกนะ ”

เสียงโห่ฮาดังลั่นจากเพื่อนในกลุ่มฉัน ดูเหมือนพวกมันจะลืมไปแล้วว่าที่นี่เป็นโรงอาหาร และเสียงที่ดังจากคนกลุ่มเดียวก็สามารถเรียกสายตานับร้อยคู่ให้พุ่งมาได้อย่างง่ายดาย

แน่นอนว่าคนถูกแปะป้าย import ย่อมดึงดูดที่สุด และรองลงมาก็คือฉันเองที่ดันมายืนอยู่ข้างคุณชาย

ไม่ต้องคิดอะไรต่อให้วุ่นวาย ฉันจัดการใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งคีบแขนเสื้อคอเต่าของคนข้างตัวแล้วลากเขาออกมาด้วยความรวดเร็วอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน

“ โอ๊ะโอ๋...ซิน แกอย่ารุนแรงสิ เดี๋ยวหนุ่มหล่อ ๆ จะช้ำหมด ” คุณหญิงดุ๊กดิ๊กร้องลั่นไล่หลังฉันมา แต่เสียใจที่ฉันไม่มีเวลาสนใจอีกแล้ว ตอนนี้ขอแค่ลากผู้ชายตัวโตไปนั่งเคลียร์กันที่ไหนสักแห่งให้เรียบร้อยเสียก่อน



เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองกำลังฉุดผู้ชาย มันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอกถ้าไม่ได้หันมาเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของหนุ่มที่ถูกฉุดมา ตอนนี้คุณชายเรผู้เคยเป็นหนุ่มน้อยแสนอ่อนโยนใน MSN กลับกลายเป็นผู้ชายที่ทำให้ฉันรู้สึกกลัวอย่างประหลาด

ฉันมองหน้าเขานิ่ง เหมือนที่เขากำลังจ้องหน้าฉัน เราสบตากันด้วยแววตาที่ต่างออกไป ฉันอ่านสายตาเขาไม่ออก แต่สายตาฉันบอกได้เลยว่าเรืองแสงสีเขียวได้แน่ ๆ

ความคิดฉันย้อนกลับไปเมื่อเกือบสี่ปีที่แล้ว ในวันที่ฉันเข้าไปอ่านนิยายทางอินเตอร์เน็ทและได้พบกับนิทานเรื่องหนึ่ง โครงเรื่องที่น่าสนใจ ภาษาที่บรรยายออกมาได้อย่างดีทำให้ฉันตัดสินใจติดต่อกับคนเขียน และได้รู้ว่าเขาเป็นเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับฉันที่ไปเรียนต่อไฮสคูลที่นิวซีแลนด์

เราคุยกันไปเรื่อย ๆ จากคนแปลกหน้าเปลี่ยนเป็นคนคุ้นเคย จนฉันที่ไม่เคยสนใจใยดีผู้ชายคนไหนทั้งนั้นกลับมานั่งรอเวลาที่เขาออนไลน์ เพื่อเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงให้เราได้คุยกันแลกเปลี่ยนทัศนคติแปลก ๆ ที่ออกจะฉีกแนวคนปกติสักเล็กน้อย

เขาอ่อนโยน ใจเย็น และที่สำคัญ...ฉลาด นี่คือสิ่งที่ทำให้ฉันชื่นชมและยินดีที่จะได้พูดคุยกับเขา

แต่ความสัมพันธ์ของเราอยู่ภายใต้ข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายกำหนดขึ้นเอง นั่นคือ...จะไม่มีฝ่ายใดก้าวล้ำเส้นของคำว่าเพื่อน

“ คุณ...” ฉันเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่พูดได้แค่นั้นแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจำพูดอะไรต่อจริง ๆ

ความเงียบกลับคืนมาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะตัดสินใจพูดขึ้น “ คุณคงไม่พอใจถ้าผมจะข้ามเส้น แต่ผมคิดว่าเรารู้จักกันดีพอในระดับหนึ่ง และผมก็ชอบคุณ ”

“ คุณจะบอกว่าชอบผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมงน่ะเหรอ ? ” ฉันร้องเสียงแหลม แต่เขาส่ายหน้าเร็ว ๆ

“ เปล่าครับ...ผมจะบอกว่าชอบผู้หญิงที่รู้จักกันมาสี่ปีแล้วต่างหาก ” เขาฉีกยิ้มกว้างก่อนเฉลยเมื่อเห็นสีหน้างุนงงของฉัน

“ คุณใช้คำว่าเกือบตลอดเลยที่เราคุยกันวันก่อน จำไม่ได้จริง ๆ หรือครับว่าวันนี้เป็นวันครบสี่ปีที่เราได้คุยกัน ”

คราวนี้ฉันได้แต่ยืนนิ่ง ไม่กล้าบอกว่าจำไม่ได้จริง ๆ เพราะฉันไม่เคยให้ความสำคัญกับการคบหารู้จักกับใครตั้งแต่เริ่มต้น จนกว่าความสัมพันธ์จะงอกเงยในระดับหนึ่งนั่นล่ะฉันจึงให้ความสนใจกับเรื่องต่าง ๆ

“ ผมดีใจมากรู้ไหม...ตอนที่คุณแอดเข้ามาคุยด้วย เหมือน...เพื่อนคนหนึ่งในต่างแดนน่ะ ยิ่งได้คุยกับคุณ จากความดีใจที่ได้เพื่อนก็เปลี่ยนเป็นความประทับใจ ผมชอบสมองคุณ...ชอบวิธีคิดของคุณ ทัศนคติที่คุณมองสิ่งรอบตัว ผมชอบ...และชอบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนทนไม่ได้ต้องรีบมาหาคุณที่นี่ไง ”

หัวใจฉันเต้นแรงกับทุกคำที่ออกจากปากเขา แต่สมองยังอดคิดไตร่ตรองสิ่งที่เขาพูดออกมาไม่ได้ ถ้าคิดดูดี ๆ เขาก็ไม่ได้พูดเกินจริงนักที่รีบมาหาฉัน เพราะเท่าที่ดูจากเวลาที่เครื่องลงจอดที่สุวรรณภูมิแล้ว เขาต้องรีบขึ้นรถมาที่นี่ในทันทีเลยจึงจะฝ่ารถติดในกรุงเทพมาถึงมหาวิทยาลัยของฉันได้

แต่ที่ฉันยังไม่แน่ใจ...คือความรู้สึกของเขาต่างหาก

“ อย่าจีบเราเลย...คุณชาย ” ฉันทอดเสียงยาว เรียกชื่อที่คุ้นเคยอย่างไม่แน่ใจนักว่านี่จะเป็นการให้ความพิเศษกับเขามากเกินไปหรือไม่

“ เรารู้สึกว่าการรู้จักกันผ่านตัวอักษรมันไม่เพียงพอเลยจริง ๆ ”

เขายิ้มให้ฉัน เป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนยิ้มให้ฉันอย่างนี้มาก่อน แล้วเสียงนุ่ม ๆ ที่แสนสุภาพก็ดังขึ้น

“ ผมคิดแล้วว่าคุณต้องพูดแบบนี้ ” เขาสูดลมหายใจยาวลึก แล้วมองหน้าฉันนิ่ง

“ ผมไม่ได้ขอให้คุณชอบผมในตอนนี้ เราอาจยังรู้จักกันไม่พอ แต่ผมแค่อยากขอ...เปิดใจรับผมบ้าง ไม่ใช่ในฐานะเพื่อน แต่เป็นฐานะของผู้ชายคนหนึ่งที่อยากเดินไปข้าง ๆ คุณ ”

คราวนี้เป็นฉันที่ได้แต่ยืนมองหน้าเขานิ่ง ดวงหน้าแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวด้วยความรู้สึกประหลาด พยายามบอกตัวเองให้ตั้งสติแต่ก็ทำได้ยากเสียเหลือเกิน อาจเป็นเพราะฉันชอบใจในความคิดของเขาเป็นทุนเดิม และทุกคำพูดของเขาก็ทำให้ฉันนึกไปถึงใครบางคนที่ฉันตามหามานาน

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ฉันเฝ้ารอ...ใครสักคนที่จะมายืนเคียงข้าง จับมือกันไว้และก้าวไปด้วยกัน

แล้ววันนี้เขาก็มาขอเป็นคนคนนั้นของฉัน มันออกจะยากที่จะยอมรับ แต่มันคงไม่เสียหายอะไรใช่ไหมหากฉันจะลองเปิดใจ

“ ก็ได้ค่ะ...ถ้าคุณอยากลองดู ” ฉันตอบรับอย่างไม่แน่ใจนัก แต่เขากลับยิ้มกว้าง

“ ผมไม่ได้ลอง แต่ผมจะจีบคุณจริง ๆ ต่อให้กลับไปที่นิวซีแลนด์เราก็ยังคุยกันทางเอ็มได้ และผมจะทำให้คุณชอบผมแบบที่ผมชอบคุณ ”

ดูเขามั่นใจในตัวเอง แต่นั่นล่ะ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าหัวใจกลวง ๆ ที่มีแต่เลือดเข้าไปเลี้ยงดวงนี้จะสามารถเปิดรับความชุ่มฉ่ำจากความรู้สึกที่อ่อนหวานอย่างความรักได้ไหม

จากวันนี้ความสัมพันธ์ของเราคงนิยามยากขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าเขาและฉันจะใจตรงกันล่ะมั้งจึงจะเปลี่ยนคำนิยามให้ชัดถ้อยชัดคำมากขึ้นได้

-------------------------
เรื่องสั้นเก่าเก็บ เอามาให้อ่านเล่นค่ะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 ก.ค. 2554, 18:48:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 ก.ค. 2554, 18:48:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 2549





<< บนเส้นทางของความรัก   กุหลาบต้นแรก >>
Setia 22 ก.ค. 2554, 22:12:10 น.
เม้นท์คนแรกกกกกกกกกกกก
ตอนนี้ก็น่ารักอีกแล้ว


เนยแข็ง 22 ก.ค. 2554, 22:25:26 น.
น่ารักดี >__< อยากได้หนุ่ม import บ้างจัง 55


ลิขิตรา 22 ก.ค. 2554, 22:25:54 น.
กระโดดหอมแก้มคุณ setia 10 ที
แบบว่า...แอบrefresh รอเมนท์หลายครั้งมาก (เอ่อ...ไอซ์เปนเด็กขาดความอบอุ่น อยากเห็นมุมมองของหลายๆคนอ่ะค่ะ)
ขอบคุณนะคะ ดีใจจัง


หนอนฮับ 22 ก.ค. 2554, 22:26:02 น.
กรี๊ดดดดดดดด..อีกแล้ว
น่ารักอ่ะ..มาบ่อยๆ นะคะ หนอนจะได้
กระชุ่มกระชวยหัวใจ อิอิ


ธารณ์ 23 ก.ค. 2554, 00:51:23 น.
กรี๊ดดด "ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากเดินไปข้าง ๆ คุณ"
เมื่อไรจะมีคนมาพูดแบบนี้ให้ฟังบ้างน้อออ ^0^


ลูกกวาดสีส้ม 23 ก.ค. 2554, 01:00:40 น.
โห...ท่าจะชอบมากนะเนี่ย ลงทุนมาจากต่างประเทศเลยอ่ะ


ปอรินทร์ 23 ก.ค. 2554, 13:58:42 น.
คุณชายลงทุนมาจากนิวซีแลนด์ เพื่อมาจากซินเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก่อนซินไปเรียนเนี่ยนะ สุดยอดมาค่ะ คุณชาย

ปล.พี่ไอซ์ค่ะ ปลายอยากได้แบบนี้สักคนช่วยส่งมาให้ทีสิคะ ^^


เรือใบ 23 ก.ค. 2554, 18:00:07 น.
อ่าของคุณไอซ์ทีไร นั่งยิ้มแก้มตุ่ยอยู่เรื่อยเลย o^___^o


bow 23 ก.ค. 2554, 18:04:40 น.
หวานมากๆ เลยค่ะ :)


sai 24 ก.ค. 2554, 00:05:32 น.
อมยิ้มจนแก้มที่ปริอยู่แล้วแตกเลยอ่ะ พระเอกของไรเตอร์ น่ารักทุกคนเลยยยย


แพม 24 ก.ค. 2554, 12:51:38 น.
ไม่เคยเจออ่ะ เจอแต่พวกหื่นทั้งนั้น


ก้อนแก้ว 24 ก.ค. 2554, 20:52:23 น.
ชอบอ้ะคนเนี๊ยะ!!


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account