...คาสบลังก้า...ดารัลฟาเดล...(จบแล้วค่ะ)
สืบเนื่องมาจากเรื่อง "อะรูซะตี...เจ้าสาวของผม"
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องราวของลูกสาวสุดหวงของหมอดานีส
กับนาดา โดยเรื่องราวของคุณพ่อเมื่ิอครั้งก่อนนั้น
จะเป็นแนา "แต่งก่อนจีบ"
แต่สำหรับรุ่นลูกแล้ว จะเป็นแนว "จีบก่อนแต่ง"

ต้องมาคอยดูกันค่ะว่า จะจีบกันอย่างไร แล้วคุณหมอดานีส
ที่ต้องมารับบทบาทเป็นพ่อของลูกทั้งเจ็ดจะตกอยู่ในสภาพเช่นไร..
แล้วนาดาจะเป็นแม่แบบไหน...



เรื่องราวความรักที่เกิดขึ้นท่ามกลางบรรยากาศของเมือง
"คาสบลังก้า" หรือ "อัดดารัลบัยฎออ์"
ซึ่งแปลว่า..."บ้านสีขาว"
ดินแดนในฝันดั่งต้องมนต์เสน่หาแห่งโมร็อกโก...
กับดินแดนอันแสนอบอุ่นด้วยไอรักแห่งแดนอาทิตย์อุทัย...

พบกับเขาและเธอ...

...ดารัล...ฟาเดล...

หญิงสาวที่หัวใจเปี่ยมล้นไปด้วยความรักความอบอุ่น
จากครอบครัวอันแสนสุขและน่ารัก...
ชีวิตที่มีพร้อมทุกอย่าง ไม่เคยต้องการสิ่งใดอีกแล้ว
เพราะเธอพอใจทุกอย่างที่มีมาตลอด

จนเมื่อเจอกับเขา...ที่นั่น "คาสบลังก้า"
เขาทำให้เธอไม่อาจลบลืมมนต์เสน่หาของที่นั่นได้เลย
ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น...

กับ

ชายหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยรูปเปลือกที่สวยงามสมบูรณ์
หากภายในใจนั้นยังคงโหยหาไออุ่นแห่งรักจากใครสักคน
มาเติมเต็มหัวใจกำพร้าของเขา...

แล้วเธอคือผู้ที่เขาค้นพบว่ามีทุกอย่างที่เขากำลังต้องการอยู่
ดังนั้น...ไม่ว่าจะต้องทำอย่างไร เขาก็จะปล่อยเธอ
ไปไม่ได้โดยเด็ดขาด!




Tags: หวานซึ้งโรแมนติก ดราม่า โมร็อกโก คาสบลังก้า ทะเลทรายซาฮาร่า ดารัล ฟาเดล โสภณพสุธ

ตอน: บทที่ 29 บทสรุปทุกความรู้สึก (ตอนจบ)




หลังจากการสูญเสียผู้เป็นปู่…นั่นเท่ากับเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับนายิกา…
หญิงสาวรอดพ้นจากทุกคดีความเพราะได้รับการช่วยเหลือ
จากศพของปู่ผู้ล่วงลับไปในครั้งนั้น…

นั่นอาจจะเป็นการซัดทอดให้กับคนตายเพื่อความอยู่รอดของคนเป็น…

และดูเหมือนคู่กรณีจะปิดปากเงียบ ไม่เรียกร้อง ไม่อาฆาต ไม่เคียดแค้น
ไม่เอาความตามกฎหมาย…เรื่องทุกอย่างจึงปิดฉากลงอย่างง่ายดาย
ราวกับมันไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน…ราวกับเธอไม่เคยมีตัวตน…
ไม่มีค่าพอให้พวกเขาจดจำพอจะอยากข้องเกี่ยวหรือคิดเอาความใด…
พวกเขากีดกันเธอออกจากชีวิตได้อย่างง่ายดายด้วยความนิ่งเฉย…

วันนี้เธอจึงกลายเป็นผู้บริสุทธิ์ มิใช่นักโทษหรือจำเลย…

หากลึกลงไป…นายิกากลับไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองพ้นบ่วงกรรมที่ได้ก่อเอาไว้เลยแม้แต่น้อย…
เธอยังคงเป็นนักโทษที่ถูกลงทัณฑ์…

ความอ้างว้างเข้าปกคลุมหัวใจและอาณาจักรที่ผู้เป็นปู่และเธอพยายามสร้างมาด้วยกัน…
อาณาจักรอันกว้างใหญ่ไพศาลจากการล่าที่มีเธอเป็นผู้กุมบังเหียนแต่เพียงผู้เดียว…
การงานมั่นคง การเงินมั่งคั่ง ทุกผู้ทุกนามในปฐพีต่างขับขานถึงความสามารถของเธอ
และต่างแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่ผู้หญิงที่แสนเพียบพร้อมอย่างเธอประสบมา

…ทรัพย์สิน อำนาจ ลาภยศสรรเสริญ การยอมรับนับถือจากผู้คนทุกอย่างยังคงอยู่กับเธอ…
และมีอีกหลายพันชีวิตท่ีอยู่ภายใต้การควบคุมของเธอ
ทุกคนต่างยอมจำนนก้มหัวสิโรราบแก่เธอ…

วันนี้เธอควรจะภูมิใจ…มีความสุขกับสิ่งที่มีกับสิ่งที่เป็น…

แต่น่าใจหายที่เธอกลับสำเหนียกถึงชีวิตที่พ่ายพัง…

“คุณนายิกาคะ…วันนี้ตอนเที่ยงมีนัดทานข้าวกับมิสเตอร์โรเจอร์
ส่วนตอนบ่ายสองมีประชุมบอร์ดผู้บริหาร ห้าโมงเย็นนัดกับคุณทนายประภาส…
ตอนหกโมงมีสัมภาษณ์กับนิตยสารสตรีหมายเลขหนึ่ง
และเสร็จจากสัมภาษณ์มีนัดคุยกับคุณทานากะ เรื่องโปรเจ็กใหม่ที่ร่วมทุน
กับทางญี่ปุ่นในช่วงอาหารค่ำที่โรงแรม…หลังจากนั้น…”

เสียงเลขาสาวเรียกร่างที่ยืนเหม่ออยู่ตรงหน้าต่างของห้องรับแขกให้หันมายกมือ
เป็นเชิงห้ามก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่พยายามไม่ให้แสดงออกถึงความเหนื่อยหน่าย
และอ่อนล้า…

เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เธอแทบไม่มีเวลาเป็นส่วนตัว
ลมหายใจเข้าออกก็มีแต่เรื่องงานและปัญหาต่างๆที่ประเดประดังเข้ามา
อย่างไม่หยุดหย่อนให้ต้องคิดต้องแก้ไข

…และแน่นอน…ไม่มีใครสักคนตะหนักรู้ว่าเธอเหนื่อยแค่ไหน…
ไม่มีถ้อยคำแสดงออกถึงความห่วงใยใดๆจากใคร…ไม่มีแม้แต่คนเดียว…

ทุกคนล้วนทำทุกอย่างตามหน้าที่ กินข้าวด้วยกันพูดคุยกันเพื่อหน้าที่…
ยิ้มแย้มหัวเราะให้กันเพื่อหน้าที่…และทุ่มเททุกอย่างเพื่อหน้าที่และผลประโยชน์…
ราวกับเครื่องจักรกลผลิตสินค้าที่ไร้หัวใจ…

หรือแท้จริงแล้วเป็นเพราะเธอที่หล่อหลอมให้ผู้คนเหล่านี้ต้องกลายเป็นเช่นนั้นกัน!

“ยกเลิกนัดทั้งหมด…แล้วจองตั๋วเครื่องบินไปคาสบลังก้าให้ฉันด้วย…”

เลขาสาวอ้าปากค้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น…หากก็มิอาจทำเช่นไรได้
นอกเสียจากก้มหน้ารับชะตากรรมที่จะตามมา…

การยกเลิกทุกอย่างนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลย…

และเธอรู้ดีว่าเธอถูกจ้างมาด้วยค่าตอบแทนมากมายในแต่ละเดือนเพื่อการนี้…
หนังหน้าไฟดูจะเหมาะกับชื่อตำแหน่งของเธอเสียมากกว่า

…เจ้านายผู้เย็นชาตรงหน้าหรือจะคิดถึงจิตใจของเธอ…
มีหรือจะถามไถ่ด้วยความห่วงใยและกังวลต่อชะตากรรมนี้
ที่เจ้าหล่อนโยนลงมาให้…ไม่มี!

…สวยสดงดงามแต่ไร้ชีวิตชีวาแบบนี้…ก็ไม่ต่างจากดอกไม้พลาสติก
ต่อให้ประดิษฐ์ประดอยมาอย่างดีและปราณีตแค่ไหน…ก็ไร้ชีวิต...






ณ กรุงโตเกียว ประเทศญ่ีปุ่น

“กลับมาก็ดีแล้ว…ฉันดีใจนะที่เธอไม่ถลำลึกไปมากกว่าน้ี…”
นาตาชามองเพื่อนสาวที่สนิทที่สุดแล้วพ่นลมหายใจออกมา…

“แค่เห็นชะตากรรมของผู้หญิงคนนั้นแล้ว…ฉันก็ขยาดแทน…
บอกตามตรงว่าฉันเองก็เหนื่อยกับความพยายามที่ไร้ค่่า…
เขาไม่เคยชายตามองฉันหรือใครเลยจริงๆ…ฉันไม่รู้จะรอ
หรือจะพยายามไขว่คว้าไปเพื่ออะไร…”คนเป็นเพื่อนยกมุมปากยิ้มเยื้อน
เมื่อได้ยินเช่นนั้นจากปากของคนที่เคยตั้งปนิธานอันแรงกล้าที่จะคว้าหัวใจของฟาเดล
มาครอบครองให้สำเร็จ…แม้จะห้ามจะเตือนเช่นไรก็ไร้ความหมาย

บัดนี้ดูเหมือนว่า…เพื่อนของเธอจะล้มเลิกความตั้งใจนั้นลงได้แล้ว

“ฉันไม่อยากคาดหวัง ไม่อยากรอ…ถ้าเขาไม่รัก…ก็คงต้องปล่อยเขาไป…
ถือเป็นการปลดปล่อยตัวเองจากการจองจำของอารมณ์ปรารถนา…ที่ไม่ถูกไม่ควรเสียที…
พอกันทีกับเกมไล่ล่า”

หญิงสาวคว้าบ่าของเพื่อนเข้าสวมกอดด้วยสีหน้าอ่อนล้าโรยแรง
เพราะนับแต่วันที่ดารัลหายตัวไป…และฟาเดลก็เข้าพิธีแต่งงานกับผู้หญิง
ซึ่งเป็นม้ามืดมาคว้าตัวเขาปาดหน้าเธอไปอย่างหวุดหวิดนั้น

ทำเอาเธอแทบล้มหายตึงอย่างไม่คาดคิด…หากแล้วเธอก็ได้พบว่า

…คนไม่รักก็คือไม่รัก ไม่มีวันเปลี่ยนมารัก…ไม่ว่าจะทุ่มเทหรือทุ่มทุนสูงแค่ไหน
ก็ไม่มีผลใดๆต่อหัวใจของเขาเลย…

นายิกาทำให้เธอเห็นภาพที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้เมื่อเธอสามารถกำจัดดารัล
ไปจากชีวิตเขาได้สำเร็จแล้วได้ชัดเจนขึ้นโดยที่เธอไม่ต้องลงมือทำมัน…

นายิกาคือผู้ทำให้เธอเข้าใจว่าตัวเธอเองหมดหวังที่จะคว้าหัวใจหนุ่มผู้นั้น
เพราะขนาดผู้หญิงที่เพียบพร้อมอย่างนายิกา ผู้ซึ่งไร้ตำหนิเช่นเธอ
ซึ่งเป็นแม่ม่ายยังไม่อาจทำอะไรหัวใจฟาเดลได้

แล้วเธอเล่า…เธอจะทำได้อย่างไร…แม้ไม่มีดารัลก็ใช่ว่าเขาจะรักนายิกา
และแน่นอน…เขาย่อมจะไม่มีวันรักเธอ…

ไขว่คว้าไปก็ไม่ได้อะไรนอกจากความว่างเปล่าและความเจ็บปวด…

“ดีแล้วที่เธอรู้จักปล่อยวาง…เพราะอย่างไรก็ไม่มีทางที่เธอจะเข้าไป
แทรกตรงกลางระหว่างเขาสองคนได้หรอก…

ขนาดคุณนายิกาอะไรนั่นลงทุนถึงขั้นมัดมือชก…แถมยังบีบบังคับสารพัด
จัดการสลัดก้างทุกชิ้นที่ขวางทางออกไปได้ ทั้งเล่ห์กล ทั้งยั่วยวน
คุณฟาเดลท่านก็ไม่สนใจด้วย…แถมยังรักภักดี ซื่อสัตย์ต่อคุณดารัล
จนฉันเองยังอดนับถือหัวใจของเขาไม่ได้…

ฉันว่าเธอเลิกฝันแล้วกลับมาอยู่กับความเป็นจริงนั่นแหล่ะดีแล้วล่ะนาตาชา…
อย่าไปมัวเสียเวลากับคนที่เขาไม่มีทางมีใจให้จะดีกว่า”

นาตาชาพยักหน้า…หากก็อดลอบถอนใจและมีสีหน้ากังวลไม่ได้

“เธอคิดว่าฉันควรเข้าไปสารภาพและขอโทษเขาทั้งสองดีมั้ย…”

แววตาสับสนเหมือนเด็กหลงทางทำเอาผู้เป็นเพื่อนสนิทตบบ่า

“กล้าทำก็ต้องกล้ารับผิด…ฉันเชื่อว่าเขาสองคนต้องให้อภัยเธอได้แน่...เชื่อฉันเถอะ…”

“มันดูไม่ง่ายเกินไปหรือซู…”

คนเป็นเพื่อนจึงหันมากุมมือทั้งสองของนาตาชาไว้แล้วยิ้มกว้าง

“ขนาดคนที่ทำมากกว่าเธอยังไม่ถูกเอาความ แล้วทำไมกับเธอ เขาจะไม่อภัยให้…”
นาตาชาส่ายหน้า

“เขาไม่เอาความคุณนายิกาอะไรนั่นก็จริงอยู่…แต่เธอก็รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงทำเช่นนั้น…
ไม่ใช่เพราะไม่อยากข้องแวะด้วยหรอกหรือ…ฉันกลัวว่่าถ้าเขารู้
เขาจะไม่มองหน้าฉันอีกต่อไป…ฉันคงทนไม่ได้แน่ๆซู…”
สีหน้าหวาดหวั่นของเพื่อนทำเอาคนปลอบถึงกับลอบถอนใจ

“กล้าๆหน่อย…ทีทำยังกล้า…พอตอนนี้ป๊อด…”
คนเป็นเพื่อนเงยหน้าขึ้นมองเพื่อนแล้วคอนขวับ

“แล้วฉันจะไปเป็นเพื่อน…” เท่่านั้นเองที่ทำให้คนเป็นเพื่อน
ถึงกับเปิดรอยยิ้มกว้างอย่างโล่งใจ…

“แน่นะซู…เธอจะไปกับฉันแน่นะ…” ซูซาน่าพยักหน้าหงึกหงัก

“ถ้าไม่ใช่เพื่อนกัน…ฉันไม่ยุ่งด้วยหรอก…”
แล้วสองสาวเพื่อนซี้ก็หันมายิ้มให้กันกับมิตรภาพ…

แม้ว่าทั้งสองจะมีนิสัยแตกต่างกันคนละขั้ว…หากความจริงใจและความหวังดี
ได้หล่อหลอมให้มิตรภาพแน่นแฟ้น…

ยามเพื่อนหลงผิดย่อมตักเตือน
ยามเพื่อนพลาดเฝ้าคอยฉุด…
ยามหกล้มซมซานกลับมาก็คอยปลอบคอยให้คำปรึกษาที่ดี…

“ขอบใจนะซูที่ไม่เคยทิ้งกัน…” หญิงสาวเอ่ยพร้อมน้ำตาคลอเบ้าด้วยความซาบซึ้งใจ…

แม้คนอื่นจะมองเธออย่างไร หากซูซาน่าเพื่อนรัก
รู้จักเธอและพร้อมจะเข้าใจเธอเสมอมา…แม้จะเคยทะเลาะกัน
เคยโกรธกันเพราะขัดแย้งกันทางความคิดและการกระทำในหลายต่อหลายครั้ง…

แต่สุดท้ายก็ไม่เคยมีสักครั้งที่เพื่อนจะทิ้งเธอ…

“ปัญหามีไว้ให้พุ่งชน…เรียนผูกไว้ก็ต้องเรียนแก้…เธอน่ะดีแต่ผูกเก่ง…”

นาตาชายิ้มให้เพื่อนก่อนจะเอ่ยตัดถ้อยคำดังกล่าวว่า

“แต่ฉันโชคดีที่มีเพื่อนช่วยแก้ให้…เธอเป็นนักแก้ปัญญาที่เป็นเลิศที่สุดรู้มั้ยซู…”
ซูซาน่าส่ายหน้าก่อนจะตวัดแขนกอดคอเพื่อน…

“งั้นถือซะว่าฉันเกิดมาซวยเองที่ดันมีเพื่อนเป็นนักผูกปมปัญหาเป็นเลิศที่สุดอย่างเธอ
ก็แล้วกันนาตาชา…ฮ่าๆๆ…”







หนึ่งปีผ่านไป…

นายิกาย่างเข้าสู่คฤหาสถ์หลังงามที่เคยเป็นของฟาเดล
หลังจากเข้ารับรางวัลผู้บริหารยอดเยี่ยมแห่งปี…
รางวัลแห่งเกียรติยศที่กว่าจะได้มาครอบครองเธอแสนจะเหน็ดเหนื่อย
และทุ่มเทแรงกายแรงใจอย่างมากมาย…

มิใช่เพื่อให้ได้มันมา เพียงแค่ต้องการสร้างคุณค่าให้ใครบางคนหันมามอง…

เขาจะต้องเจ็บปวดและเสียใจที่ทิ้งผู้หญิงเช่นเธอกลับไปหาผู้หญิงอย่างดารัล…
เขาจะต้องเจ็บปวดที่ปล่อยให้คฤหาสถ์หลังนี้หลุดลอยไปอย่างง่ายดาย
เพียงเพื่อแลกกับผู้หญิงคนนั้น แล้วหันหลังให้ผู้หญิงที่มีทุกอย่างพร้อมเช่นเธอ…

วันนึงเขาจะต้องสำนึกว่าได้สูญเสียสิ่งมีค่าไปเพราะความโง่เขลา
เบาปัญญาของตัวเขาเอง

…ผู้ชายคนนั้นช่างโง่เขลาเหลือเกิน!

หญิงสาวมองไปรอบๆคฤหาสถ์หลังงามด้วยแววตาภาคภูมิใจ

ผู้หญิงคนนั้นได้เขาไปก็แต่ตัวกับหัวใจ
เพราะชื่อของเขายังคงถูกตราว่าเป็นสามีของเธออยู่วันยังค่ำ
แล้วตราบเท่าที่เธอไม่เซ็นใบหย่าให้ ชาวโลกก็ย่อมต้องรู้ว่า
ฟาเดลคือสามีตามกฎหมายสากลของเธออยู่ดี

ต่อให้เขาประกาศกร้าวว่าเธอไม่เคยเป็นภรรยาเขาไม่ว่าจะด้วยทางใด
และดารัลก็ไม่เคยสิ้นสภาพจากการเป็นภรรยาเขา…
ใบหย่่านั้นแค่กระดาษ ส่วนใบทะเบียนสมรสที่เธอกอดอยู่นั่น
ก็แค่กระดาษที่ไม่เคยมีอิทธิพลใดๆต่อเขาแม้แต่น้อย…

เขายินดีให้เธอป่าวประกาศไปทั่วโลกว่าเขาเป็นสามีของเธอตามแต่เธอจะต้องการ…

เขาบอกว่าเขาศรัทธาในพระเจ้ามากกว่ากระดาษแผ่นนั้น
ที่เธอบังคับให้เขาต้องยินยอมเซ็นรับ…

เขาบอกว่าเขาเชื่อในบทบัญญัติของพระเจ้า
เชื่อในคำสาบานตนที่มอบให้ดารัลในพิธีกรรมทางศาสนา…

และเพราะศรัทธาในพระเจ้าหมดหัวใจ…ชาวโลกจะมองเช่นไรเขาไม่ใส่ใจ…
เพราะสิ่งที่เขาแคร์คือพระเจ้า มิใช่ชาวโลกที่ตัดสินอะไรเพียงแค่ฉาบฉวย…

ซึ่งนายิกาเองก็ไม่แคร์ต่อศรัทธาของเขา เธอก็มีศรัทธาของเธอ

ความยิ่งใหญ่และอำนาจเท่านั้นที่สามารถบันดาลได้ทุกสิ่ง…

แต่เมื่อยิ่งป่่าวประกาศออกไปก็เหมือนจะยิ่งเข้าตัว…
ในเมื่อทุกก้าวที่เธอเดินออกไปไม่เคยมีเขาหรือแม้แต่เงาของเขาเคียงข้างไปด้วย…

เขาหายไปจากหน้าหนังสือ หายไปจากโลกออนไลน์ หายไปเลยจากสารบบ

…นี่หรือสามีของเธอ…เขาคือสามีของเธอ..ใช่แน่หรือ

…ที่ผ่านมา…ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาใช่ความรักแน่หรือ…

ความรักคืออะไร? นายิกาเริ่มใคร่ครวญอีกครั้ง…หากก็ยังกังขา…

ในเมื่อบัดนี้…เธอแทบไม่เหลือใครอยู่เคียงข้าง คุณปู่ที่คอยกอด
คอยให้กำลังใจก็จากไปแล้ว…ทิ้งเธอเอาไว้ในอาณาจักรแห่งนี้เพียงลำพัง

…นี่หรือคือชะตาที่เป็นเธอ…

ตระหง่านยิ่งใหญ่เพียงผู้เดียว...เพิ่งรู้ว่าเหนื่อยแค่ไหนที่ต้องใช้ชีวิตลำพัง...
สิ่งที่คว้ามาได้ก็ไร้คนร่วมชื่นชม...




ณ ฟาร์มสมุนไพรอัล-มาอิดะฮ์…ประเทศไทย

ยามค่ำคืนดึกสงัดเสียงเด็กน้อยร้องจ้าหาอ้อมกอดของมารดา…
ดารัลที่กำลังป่วยเป็นไข้เพราะติดมาจากบุตรชายรีบลุกขึ้นมาดูลูกน้อย
ฝืนกายอุ้มลูกน้อยขึ้นสู่อ้อมกอด…

ทว่ามือแกร่งกลับแย่งยื้อไปครองพร้อมเสียงทุ้มนุ่ม

“เดี๋ยวพี่กล่อมลูกเอง…น้องรัลพักผ่อนเถอะ…เดี๋ยวจะแย่เอานะ…”

ดารัลส่ายหน้าทั้งๆที่ใบหน้าแดงก่ำเพราะฤทธิ์ไข้…

“พี่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ทั้งทำงานในฟาร์ม ทั้งติดต่อลูกค้า
ไหนจะต้องคอยดูแลน้องรัลและลูกที่มาป่วยพร้อมกันอีก…
และดูลูกจะหิวนม…ให้น้องรัลให้นมลูกเถอะนะคะ…” ฟาเดลลอบถอนใจ

เขาอาจจะเหนื่อยอย่างเธอว่าก็จริง หากเขาก็เต็มใจ…
ในเมื่อทั้งเธอและลูกคือแก้วตาดวงใจของเขา…

“เอาเถอะ…น้องรัลกลับไปนอนบนเตียงก่อน เดี๋ยวพี่พาลูกไปหา…”

ดารัลเดินกลับไปยังเตียงนอนอย่างว่าง่ายเพราะสิ้นฤทธิ์เดช
ก่อนจะวางศีรษะอันหนักอึ้งลงบนหมอน…ฟาเดลอุ้มลูกน้อยลงนอนข้างๆดารัล
ที่ตะแคงหันมาหาลูกน้อย…ก่อนจะให้นมลูกชายทันทีเมื่อลูกน้อยร้องขอ
ด้วยการใช้มือตะกายควานหาอกอุ่นๆของมารดา
ที่เป็นแหล่งที่ทำให้อิ่มท้องและอุ่นใจได้เสมอ…

เสียงน้อยๆเงียบลงเมื่อค้นเจอน้ำนมจากอกแม่…

ฟาเดลทรุดกายลงนอนตะแคงข้างเอามือเท้าศีรษะมองดูบุตรชายดื่มกินน้ำนม
จากอกภรรยาตนด้วยแววตาเอ็นดูและเหมือนจะตราตรึงใจทุกครั้งเมื่อมองเห็น
ความรักของภรรยาที่ถ่ายทอดสู่หัวใจดวงน้อยๆผ่านทางสายตา
และผ่านทางน้ำนมทุกหยาดหยด แม้กระทั่งถูกฤทธิ์ไข้รุมเร้า
เธอก็ยังไม่คิดจะละเว้นหน้าที่ที่มีต่อบุตร…

มือใหญ่เอื้อมไปแตะหน้าผากดารัลด้วยแววตาห่วงใยเอื้ออาทร…
ดารัลที่ก้มมองดูลูกชายอยู่จึงช้อนตาขึ้นมองสามีคู่ชีวิตที่เลือกเธอหมดหัวใจ…
ยอมละทิ้งทุกอย่างที่เคยมีเพื่อจะได้ครองคู่กับเธอ…และเพื่อจะได้ทำหน้าที่พ่อให้ลูกน้อย…

“ยาสมุนไพรที่ฟาร์มใช้ได้ผลดีเยี่ยมจริง…” ชายหนุ่มเปรย
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไข้ลดลงจากเมื่อกลางวันขึ้นมากแล้ว แม้จะยังมีไข้อยู่ก็ตาม…

“สงสารก็แต่ลูกค่ะ…ยังไม่หายป่วยเลย…นี่คงงอแงเพราะไข้รุมเร้า
น้องรัลคงปล่อยแกให้กลับไปนอนในเปลไม่ได้แล้วล่ะค่ะ…
อยากกอดให้ความอบอุ่นแก…แกจะได้อุ่นใจว่าเราไม่ได้ทิ้งแกไปไหน…”

ฟาเดลพยักหน้าแล้ววาดแขนโอบแม่ของลูก
ก่อนจะก้มลงหอมแก้มลูกแล้วหอมแก้มแม่ของลูก…

“เหนื่อยมั้ยคะ…” น้ำเสียงที่แม้จะแหบแห้งหากก็เจือไปด้วยความห่วงใยอย่างเต็มเปี่ยมนั้น
ทำให้ฟาเดลถึงกับคลี่ยิ้ม

“หายเหนื่อยต้ังแต่กลับมาเห็นหน้าน้องรัลและลูกแล้วล่ะ…”

ว่าแล้วก็ยื่นแก้มสากๆของตัวเองให้ดารัล หญิงสาวยิ้มอย่างเข้าใจ
ก่อนจะฝังจมูกและปากอวบอิ่มของเธอลงบนแก้มสากนั้นอย่างเอาใจ…

“หอมมั้ย…” ฟาเดลถามด้วยน้ำเสียงเย้าแหย่

“ถ้าบอกว่าไม่หอม…จะโกรธน้องรัลมั้ย…”

“ไม่โกรธ…แต่จะทำโทษให้แก้มช้ำ…หรืออยากจะลองดี…”

เสียงข่มขู่นั้นหาได้ทำให้คนฟังสะท้านสะเทือนไม่
เพราะถือว่าตอนนี้มีลูกเป็นเกราะคุ้มกันภัยได้อย่างดี…

และไวเท่าความคิด ดารัลงุดหน้าลงซบตรงศีรษะของลูกน้อยทันที
ฟาเดลมองอย่างรู้ทัน หากก็ทำอะไรไม่ได้…

“เอาไว้ค่อยคิดค่าปรับวันหลัง…คราวนี้จะเสกน้องฟาดาเข้าท้องน้องรัล
มาให้พี่ราฟาเล่นด้วยสักคน…” ดารัลเผลอโผล่หน้าขึ้นมองคนที่ชิงตั้งชื่อลูกสาว
ตั้งแต่ยังไม่ถือกำเนิดด้วยแววตาหมั่นไส้

“รู้ได้ไงว่าคนต่อไปจะได้ลูกสาว…”

“พี่มีวิธีของพี่ก็แล้วกันน่ะ…เธอไม่ต้องห่วง หน้าที่เธอคืออุ้มท้องและคลอดลูก…
ส่วนหน้าที่เลือกเพศให้ลูกน่ะมันของพี่…พี่จัดการได้…เชื่อสิ…” ดารัลแบะปาก

“ถ้าอยากได้นักก็เตรียมซักผ้าอ้อมผ้าขี้ลูกแล้วกัน…แล้วคราวนี้ห้ามทำหน้าแหยนะ…
ห้ามใช้เท้าขยี้ผ้าอ้อมแทนมือด้วย…แล้วก็ต้องล้างก้นลูกเวลาลูกอึด้วยนะ…”

ฟาเดลหน้าแหย หากไม่วายเย้าแหย่อีกฝ่ายอย่างนึกสนุก

“ที่ว่าห้ามใช้เท้าแทนมือนั้น…รวมทั้งกางเกงในเมียด้วยใช่มั้ย…”

เรื่องซักกางเกงในให้ภรรยานั้นเคยเป็นข้อถกเถียงกันในหมู่ผู้ชายอย่างเขากับเพื่อนฝูง
ตั้งแต่สมัยเรียนตอนที่ยังไม่ได้แต่งงาน

และเขาก็โพล่งออกมาว่าให้ตายเขาก็ไม่มีวันซักกางเกงในให้เมียอย่างแน่นอน…
เมียนั่นแหล่ะที่ต้องซักกางเกงในให้เขา…

แต่ใครเล่าจะรู้ว่า…สุดท้ายแล้วเมื่อเห็นเมียนอนเจ็บหลังคลอดบุตร
ขยับเขยื้อนลำบากเพราะบาดแผลที่ถูกกรีดตรงช่องคลอด
เพื่อให้คลอดลูกง่ายขึ้นจะส่งผลให้เขาต้องกลืนน้ำลายตัวเอง

ครั้นจะให้คนอื่นมาซักให้ก็เห็นจะยอมไม่ได้…สุดท้ายเลยต้องลงมือซักเอง…
คราวนี้ทั้งผ้าอ้อมผ้าขี้และกางเกงในเมีย เขาก็ต้องลงมือซักด้วยมือตัวเอง…
เพราะเกรงใจแม่บ้านที่แก่มากแล้ว…จึงไม่อยากใช้แรงงานคนแก่

คนหนุ่มอย่างเขาเลยต้องทำหน้าที่ซักรีดผ้าอ้อมให้ลูกและเมีย…

แรกๆก็กระดากและรู้สึกขยะแขยงอึสีเหลืองๆอยู่ไม่น้อย…แต่เมื่อผ่านครั้งแรกไปได้…
ครั้งต่อมา หัวใจของเขาก็ดูจะชินชาขึ้น…เริ่มสัมผัสกับเจ้าสีเหลืองๆนั่น
ด้วยความเต็มใจได้มากขึ้นเหมือนว่าเราได้ทำความรู้จักกันแล้ว…
ไม่มีอะไรให้ต้องกระดากอายในการพบเจอกันอีก…

เปลี่ยนจากที่เคยใช้เท้้าขยี้ก็กล้าใช้มือขยุ้มแทนในที่สุด…

และไม่คิดเลยว่า…แค่การซักผ้าอ้อมให้ลูกกับการยอมซักกางเกงในให้เมียในครั้งนั้น
จะทำให้ความรู้สึกบางอย่างในหัวอกของผู้ชายอย่างเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล…

จะว่าพ่อตาของเขาแกล้งเขาเรื่องที่จ้างแม่บ้านแก่ชรามาให้ก็ว่าได้…
เพราะเขายังจำประโยคในวันที่พ่อตาของเขาพาแม่บ้านแก่ๆมาที่บ้านได้เป็นอย่างดี

‘ได้แม่บ้านอายุคราวย่านี่แหล่ะดีแล้ว…จะได้ไม่ตกหลุมรักคนหน้าตาดีอย่างแก
ให้ต้องมานั่งวุ่นวายใจกันอีก…ฉันล่ะเบื่อจะตามแก้ปัญหาที่เกิดจากหน้าตาของแกอีกแล้ว…

นี่เพราะไม่อยากเห็นลูกสาวต้องมาพลอยเดือดร้อนอย่างคราวก่อนหรอกนะ…
ถึงได้ยอมให้มีแม่บ้านมาช่วยแบ่งเบางานที่ควรจะเป็นของแก…

หวังว่าผู้บริหารโรงแรมอย่างแกจะบริหารงานบ้านได้ดีนะ ยังไงก็งานบริการเหมือนกัน…
เพราะไม่อย่างนั้นฉันคงไม่ยอมให้คนหน้าตาแบบแกมาอยู่ร่วมบ้าน
ให้ขัดหูขัดตาแบบนี้หรอก…’

ตอนนั้นเขาเพิ่งรู้ว่าโดนพ่อตาเล่นงานด้วยการให้ประธานบริหารโรงแรม
กับนักจัดสวนมือโปรอย่างเขามาบริหารงานบ้านและตกแต่งฟาร์มแห่งนี้ให้ดูดี…

แต่นั่นก็ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นใจ เพราะฟาร์มแห่งนี้สงบสุข บรรยากาศดี
เหมาะกับภรรยาที่กำลังตั้งครรภ์ และเหมาะกับผู้ชายไร้บ้าน สิ้นเนื้อประดาตัวเช่นเขา…

และแม้จะขู่เขาแค่ไหน หากในทางปฏิบัติ พ่อตาของเขากลับคอยช่วยเหลือ
และสนับสนุนเขาอย่างเงียบๆเสมอมา…

จนตอนนี้งานในฟาร์มที่เขารับมาบริหารดูจะราบรื่นไปได้ด้วยดี
แม้จะเหนื่อยเพราะต้องตรวจดูคุณภาพของผลผลิตอย่างสม่ำเสมอ
แต่ก็เป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข ยิ่งมีเวลาได้อยู่ดูแลภรรยากับลูกน้อยอย่างใกล้ชิดเช่นนี้
เขายิ่งพอใจเป็นอย่างยิ่ง…

‘คนขยันขันแข็งน่ะ…ไม่มีคำว่าล้มละลายหรอก…
ต่อให้สิ้นท่าสิ้นลายก็ลุกขึ้นมาใหม่ได้…ถ้าใจไม่ท้อ…’

ถ้อยคำของพ่อตาทำให้เขาต้องหันมามองคนพูดใหม่อย่างพิจารณาหลายๆครั้ง…

เพราะหากไม่ได้พ่อตาคนนี้คอยสนับสนุน
เขาก็ไม่แน่ใจว่าที่ผ่านมานั้นเขาจะผ่านมาได้ดีอย่างที่ทำมาหรือไม่…

เขายอมรับว่าหมอดานีสเป็นคนเก่งหาตัวจับยาก อีกทั้งน้ำใจก็กว้างขวาง…

ความเปลี่ยนแปลงในชีวิตมิได้ทำให้เขานึกย่อท้อ
เพราะเขายังมีภรรยาและลูกคอยเป็นกำลังใจสำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีคนในครอบครัวของเธอคอยสนับสนุน
ราวกับเขาคือครอบครัวเดียวกัน ไม่มีการสร้างความรู้สึกแปลกแยก

และเขารู้สึกว่าเขาคือส่วนหนึ่งของครอบครัวเธออย่างแท้จริง…

ฟาฮาน่ากับปู่และย่าของเขาย้ายไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วยความช่วยเหลือจากคุณย่าอะมานี…

เขาเองก็อยากเรียกร้องทุกอย่างที่นายิกาเอาไปกลับคืนมา
เพราะสมบัติเหล่านั้นคือสิ่งที่ปู่กับย่าและบรรพบุรุษของเขาร่วมกันก่อร่วมกันสร้างมา…

หากนายิกาไม่ยอมเซ็นใบหย่่าให้ เธอคงหวังให้เขากระอักเลือดตาย…
จึงเลือกที่จะนอนกอดทรัพย์สมบัติของเขากับใบทะเบีบนสมรสเอาไว้ราวกับจงอางหวงไข่…

ซึ่งปู่กับย่าของเขาก็แค่บอกว่า…ปล่อยให้มันเป็นไปเถิด…
ถ้านั่นจะทำให้คนๆนึงค้นเจออะไรบางอย่างได้…

หากสำหรับเขาไม่คิดเช่นนั้น…เพราะคนอย่างนายิกามิใช่คนประเภทที่จะคิดว่าตนนั้นทำผิด…
เธอหยิ่งทะนงเกินกว่าจะโทษตัวเอง และเชื่อว่าตัวเองนั้นเก่ง สมบูรณ์พร้อม
ใครที่ทิ้งเธอไปย่อมเป็นคนที่ตาบอด…หรือไม่ก็โง่เขลาเบาปัญญา…

หากคุณย่าอะมานีกลับบอกเขาว่า…การเข้าไปยุ่งกับผู้หญิงคนนั้น
ไม่ทางใดทางหนึ่งก็ตาม…นั่นเท่ากับการนำเชื้อไฟเข้าไปสุม
แล้วสุดท้าย…คนที่ต้องโดนเผาก็ไม่แคล้วต้องเป็นเขาและครอบครัวของเขาในที่สุด…

เลี่ยงที่จะไม่พบเจอหรือเสวนาด้วยเป็นดีที่สุด

และการเข้าไปเรียกร้องอะไรพวกนั้นจากคนประเภทนั้น
ก็เท่ากับยิ่งทำให้เขายิ่งยื้อเอาไว้ไม่ยอมปล่อย…
เพราะคิดว่านั่นคือสิ่งที่จะเชื่อมเรากับเขาเอาไว้…

หากมีทางใดที่จะตัดขาดจากผู้หญิงคนนั้นได้ก็เห็นจะมีวิธีเดียวก็คือ…
ปล่อยให้เธอบ้าอยู่อย่างนั้นคนเดียวไป…

ถ้าสำนึกได้ก็ถือว่าเป็นโชคดีของเธอและคนรอบข้าง…
หากสำนึกไม่ได้…คงเป็นเราที่ต้องปลงตก…

และถ้อยคำเด็ดดวงที่คุณย่าอะมานีพูดให้เขากับดารัลฟังในตอนนั้นก็คือ…

‘เชื่อย่าเถอะว่าผู้หญิงอย่างนายิกาไม่มีใครเอาไปทำแม่ของลูกหรอก
และแน่นอน…ทรัพย์สมบัติที่เพียรเฝ้าหามาทั้งชีวิตก็ไร้ค่าเพราะไร้คนสืบทอด…

เพราะผู้หญิงที่หยิ่งทะนงและเอาแต่นอนกอดใบทะเบียนสมรสอยู่อย่างนั้นน่ะ
ดูจะท้องกับใครลำบากอยู่ไม่น้อยนา…’

และแปลกที่เขาเองก็รู้สึกเห็นด้วยกับประโยคดังกล่าว…

เนื่องจากคนมากมายในสังคมต่างเชื่อในสิ่งที่เธอประโคมข่าวออกไปว่า
เขาและเธอเป็นคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กันมากมาย…

และการที่ฟาเดลไม่ยอมเปิดเผยตัวเองนั้นเพราะว่าเขารักงานจัดสวนเป็นชีวิตจิตใจ
ชอบเข้าป่าเข้าเขา…หายไปทีก็เป็นเดือนๆ…กลับมาก็คอยเอาอกเอาใจภรรยา…

ซ้ำเธอยังประกาศว่าอีกไม่นานทุกคนจะได้ฟังข่าวดี…

แล้วอย่างนี้จะไม่ให้เขาเชื่ออย่างที่คุณย่าอะมานีพูดได้อย่างไร

เพราะไม่ว่าหนุ่มใดได้ยินและเชื่อไปตามนั้นย่อมไม่กล้าเข้าใกล้
หรือเชื่อมสัมพันธ์กับเธอเป็นแน่…แล้วคนอย่างเธอก็คงหยิ่งเกินกว่า
จะนอนกับใครเพื่อให้มีลูกเสียด้วย…

แต่ก็ไม่แน่…เพราะเห็นประกาศปาวๆว่าทุกคนจะได้ยินข่าวดีจากเธอ…

คิดมาถึงตรงนี้แล้วฟาเดลก็ได้แต่ส่ายหัวให้กับผู้หญิงเช่นนายิกา…

เขาแทบไม่เชื่อเลยว่าจะมีผู้หญิงแบบนี้อยู่จริงในโลกใบนี้…

“ทำหน้าเครียดๆแบบนี้แสดงว่าคิดถึงเรื่องผู้หญิงคนนั้นอยู่แน่ๆ…”

ดารัลไม่วายหันมาเย้าคนที่นอนก่ายหน้าผาก…

“เลิกคิดเถอะค่ะ…เธออยากจะทำอะไรก็ปล่อยเธอไปเถอะ…
น้องรัลไม่เห็นจะสนใจเลย…ความสุขของคนเราน่ะมันต่างกันค่ะ
นั่นคงเป็นความสุขของเธอ…ก็ปล่อยเธอไปเถอะ…

เราเองก็มีความสุขในแบบของเรานะคะ…น้องรัลเชืื่อว่า
สิ่งที่พี่สูญเสียไปโดยไม่คาดฝันว่าจะสูญเสียไป…
อีกไม่นานพระเจ้าจะมอบสิ่งที่พี่ไม่คาดฝันว่าจะได้แก่พี่…

น้องรัลเชื่ออย่างนั้นนะคะและก็ไม่อยากให้พี่ฟาเดลมัวแต่หมกมุ่น
กับเรื่องราวที่ผ่านมาอีก…น้องรัลพอใจกับการได้เป็นคู่ชีวิตกับพี่ฟาเดล
ต่อให้พี่ไม่เหลืออะไรหรือจะจนขนาดไหน น้องรัลก็ไม่คิดจะทิ้งพี่ไปหรอกค่ะ…

เพราะพี่ไม่ได้เป็นแค่สามีของน้องรัล แต่พ่ีคือพ่อของลูก…คือคนที่น้องรัลรัก…”

ฟาเดลเลิกเอามือก่ายหน้าผากตะแคงหันมากอดภรรยาและบุตร…

“น้องรัลไม่คิดจะมีลูกคนเดียวหรอกค่ะ…ยังไงพี่ฟาเดลก็ต้องช่วย
น้องรัลให้สมหวังด้วย…”

ว่าอย่างไม่กระดากอายเลยดารัล…ซ้ำยังยิ้มให้สามีอย่างเอาอกเอาใจอีก…

“แล้วก็ไอ้เรื่องผ้าอ้อมนั่นน่ะ ถ้ามันทำให้พี่ถึงกับต้องก่ายหน้าผาก
น้องรัลซักเองก็ได้นะ…แต่พี่ต้องให้นมลูกแทน…ลูกร้องหิวนมเมื่อไหร่
พี่ต้องโผล่มาให้ลูกกินนมทันทีทันใด…ไม่เอานมวัวนะ
เพราะลูกเราน่ะลูกคนไม่ใช่ลูกวัว…และต้องนมจากอกพี่เท่านั้นด้วย”

“อ้าว…แล้วพี่จะเอาน้ำนมจากอกที่ไหนให้ลูกกินล่ะน้องรัล…แล้วงานการพี่อีกล่ะ”

ฟาเดลพูดพลางก้มมองนมแบนๆของตัวเองทันที
เพราะปกติเขาชอบนอนเปลือยอกประจำ…เนื่องจากเมืองไทยเป็นเมืองร้อน…
ไม่ต่างจากคาสบลังก้าเท่าไหร่นัก แต่ที่นี่ร้อนตลอดปีตลอดชาติ…
ไม่เห็นจะมีฤดูหลากหลายอะไรอย่างที่เคยฟังมาเลย…ขนาดฝนตกยังร้อนเลย…

“ก็ไม่รู้สินะ…” ดารัลตอบแบบกวนๆ…ซึ่งได้ผลทำคนที่กำลังหมั่นไส้
ต้องก้มหน้าลงเอาหน้าผากชนกับหน้าผากเธอหนึ่งโป๊กให้หายคันยิกๆตรงหัวใจ…

“เจ็บนะ…เล่นอะไรก็ไม่รู้…เป่าด้วยจูบเดี๋ยวนี้เลย
ไม่งั้นจะปล่อยให้ลูกดูดนมพี่แทนเลยคอยดู…”

นมแห้งๆของเขานี่นะ…ยิ่งคิดแล้วขนยิ่งลุก

เพราะมีอยู่ครั้งหนึ่งเธอโกรธที่เขาแกล้งทำกางเกงในตัวโปรดของเธอขาด
เพราะเขาใช้เท้าขยี้ขณะซัก…แถมเจ้าตัวเข้ามาเห็นสภาพของกางเกงในตัวนั้น
ในขณะที่มันกำลังถูกประทุษร้ายจากเท้าทั้งสองเขาเข้าพอดิบพอดี…

เธอก็เลยปล่อยให้ลูกอยู่กับเขา…พอลูกร้องหานมเธอก็บอกว่าให้ลูกดูดนมเขาแทน…
เขาก็บ้าจี้ให้ลูกลองดูดนมของเขาตามคำย่ัวยุของเธอ

ปรากฏว่าลูกชายตัวน้อยของเขาเชื่อสนิทเลยดูดนมเขาใหญ่…
และพอดูดแล้วไม่มีน้ำนมออกมาให้หายหิว
ลูกน้อยของเขาก็ยิ่งเพิ่มพลังทั้งดึงทั้งดูดเข้าไปอีก…
ดูดเอาๆไม่บันยะบันยังทำเอาเขาจั๊กจี้จนหัวเราะไม่หยุดราวกับคนบ้า…

เข็ดตั้งแต่บัดนั้นจนบัดนี้…

และเพิ่งได้ค้นพบว่า…การให้นมบุตรช่างเหมาะกับสตรีอย่างที่สุด…

ผู้หญิงช่างยิ่งใหญ่และเปี่ยมไปด้วยอำนาจเสียจริงในตอนนั้น…
เอาอะไรมาแลกแม่ของลูกไปเขาไม่ยอมแน่

และเขาเชื่อว่า นอกจากมดลูกแล้ว นี่ก็คงเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่กระเทย
ไม่อาจมีไว้ในครอบครองได้…

แม้จะมีหน้าอกนูนๆเหมือนผู้หญิงก็จริง แต่ถ้ามันไม่อาจผลิตน้ำนมเลี้ยงลูกได้…
หน้าอกนั้นก็คงไม่ต่างจากเคร่ื่องประดับกายชิ้นหนึ่งเท่าน้ันเอง…

“หรือพี่จะยอมให้เขาเสริมนมให้ดีน้องรัล…เอาขนาดเท่าของน้องรัลตอนนี้เลย…
น้องรัลคิดว่าเขาจะคิดเงินค่าทำนมให้พี่สักเท่าไหร่…
จะได้ไปเปิดบัญชีดูว่ามีเงินเหลือเก็บพอมั้ย…”ฟาเดลยังไม่วายเย้าแหย่…
เหมือนเขาจะเปล่ียนนิสัยนี้ไม่ได้จริงๆ

“แล้วมันมีบริการบรรจุน้ำนมให้พี่ด้วยรึเปล่าล่ะ…ถ้าไม่มีก็ซักผ้าอ้อมดีกว่านะคะ…
เชื่อน้องรัลสิ…พี่ฟาเดลซักผ้าอ้อมเก่งที่สุดในหล้า สะอาดหมดจดกว่าชายใดในปฐพี…
รับรองว่าลูกเราต้องภาคภูมิใจในความสามารถของพี่แน่ๆ…
ลูกเราเป็นหนี้บุญคุณที่ต้องตอบแทนพี่เมื่อเติบโตไป…

น้องรัลจะสอนเขาว่าผ้าอ้อมหนึ่งผืนที่พ่อเขาซัก
เทียบเท่าน้ำนมหนึ่งหยดจากอกแม่ที่หล่อเลี้ยงเขามา…”

“อืม…” ฟาเดลครางในลำคอ สีหน้าแววตาเหมือนจะคล้อยตาม

“จะจูบหรือไม่จูบ ถ้าไม่นะ…น้องรัลจะจัดการขั้นเด็ดขาดแล้วนะ…”

ดารัลยื่นหน้าผากที่เขาเพิ่งประทุษร้ายไปให้อีกฝ่ายปัดเป่าให้…

“เดี๋ยวก็โดนจัดหนักหรอก…”

“เค้าป่วยอยู่นะ…ห้ามจัดหนักเด็ดขาด…” ดารัลประท้วงเสียงอ่อย
ฟาเดลคลี่ยิ้มแล้วก้มลงฝังจมูกและปากลงตรงหน้าผากนั่นเนิ่นนาน
ก่อนจะผละออกมา…

“ทำไมถึงชอบให้พี่จูบหน้าผากนักนะ…”

“ก็มันให้ความรู้สึกดีนี่คะ…หรือพี่ฟาเดลไม่ชอบ…” เสียงนั้นฟังดูแง่งอนปนน้อยใจ

“ชอบสิ…แต่ที่ถามเพราะสงสัยว่าทำไมน้องรัลถึงชอบให้พี่จูบหน้าผากทุกครั้ง
ก่อนออกจากบ้าน…และในเวลาที่พี่กำลังเครียดๆ…”

“ก็เพราะว่าเวลาที่พี่เครียดพี่ไม่รู้ตัวน่ะสิว่าปากกับจมูกเกือบจะชนกันแล้ว
น้องรัลเลยอยากช่วยให้มันได้ทำงานอย่างพร้อมเพรียงกัน
ด้วยการแตะหน้าผากน้องรัลไง…มันจะได้เลิกใกล้ชิดกันแบบนั้นสักที…”

ฟาเดลถึงกับหัวเราะน้อยๆในลำคอทันทีที่ได้ฟังหตุผลดังกล่าว…
และก็คงจะจริงดังเธอพูด เพราะเขามักทำปากยื่นจมูกห้อยทุกทีเวลาเครียดๆ

“แล้วตอนออกจากบ้านไปทำงานล่ะ…”

“อันนั้นเพราะต้องการส่งกำลังใจให้…ต่อไปพอลูกรู้ความ
น้องรัลจะให้ลูกทำหน้าที่นั้นแทนดีมั้ยคะ…” ฟาเดลถึงกับส่ายหน้าทันที

“ได้ที่ไหน…น้องรัลต้องทำหน้าที่อย่างเดิมต่อไป แล้วเพิ่มลูกเข้ามา…
กำลังใจพี่จะได้เพิ่มพูนตามจำนวนลูก…” ดารัลคลี่ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
อาการไข้ขึ้นดูจะค่อยๆทุเลาลงไปมากหลังจากได้ปะทะฝีปากกับเขา

“แล้วเรื่องซักผ้าอ้อม ตกลงพี่จะเอายังไง…”

ดารัลวกกลับมายังประเด็นที่ยังถกค้างกันไว้…

ฟาเดลอยากจะตบหน้าผากตัวเอง…ขนาดว่าเขาพยายามพาเธอออกทะเล
ไปตั้งไกลเป็นพันไมล์ เธอก็ยังพยายามพาเขาวกกลับขึ้นฝั่งจนได้…

พอพูดเรื่องจำนวนลูกทีใดก็มักจะมีเรื่องผ้าอ้อมตามมาทุกทีสิน่า…

“ก็ไม่รู้สินะ…” คราวนี้ดารัลโดนย้อนคืนด้วยถ้อยคำ
ที่เธอเพิ่งตอกเขาไปเมื่อก่อนหน้านี้พร้อมด้วยน้ำเสียงที่ล้อเลียน
น้ำเสียงของเธอ ณ ตอนนั้น เสียด้วย…

และเหมือนโคลงของท่านศรีปราชญ์จะกึกก้องในหูขึ้นมา…

…เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนี้คืนสนอง…

“ห้ามแกล้งหลับนะพี่ฟาเดล…เรื่องผ้าอ้อมยังไม่เคลียร์เลยนะ…”

ดารัลร้องเรียกฟาเดลเมื่อเห็นเขาทำท่าจะหลับ…

“เอาไว้ค่อยเคลียร์ตอนคลอดลูกคนที่สองได้มั้ยอ่ะ…
ตอนนี้น้องราฟาก็เลิกใช้ผ้าอ้อมไปแล้วนี่นา…นะน้องรัลนะ…
แค่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเองมิใช่หรือ…”

ถ้อยคำนั้นของเขาทำเอาดารัลถึงกับอ้าปากหวอ…

“พี่รู้ได้ไง…”

“ทำไมจะไม่รู้…ก็พี่บอกแล้วไง…ว่าน้องรัลมีหน้าที่อุ้มท้องกับคลอดลูก
ส่วนหน้าที่อื่นน่ะพี่จัดการเองได้…แล้วดูเหมือนพี่จะยิงประตูเข้าแล้วใช่มั้ยน้องรัล…
หัวปีท้ายปีแบบนี้…พ่อตาจะอิจฉาแค่ไหนไม่อยากจะจินตนาการเลย…

ดาวซัลโวประจำฤดูกาลนี้ต้องตกเป็นของพี่อย่างไม่ต้องสงสัย…ฮึๆ”

มันจึงไม่แปลกเลยที่เธอจะชวนเขาคุยเรื่องซักผ้าอ้อม…
เพราะแน่ๆว่างานนี้เขาคงหนีไม่พ้นอีกตามเคย…

แต่เอาเถิด…ถ้าผ้าอ้อมหนึ่งผืนจะเทียบเท่ากับน้ำนมหนึ่งหยดที่เขาไม่มีปัญญาให้ลูกน้อยได้…
เขาก็ยินดีจะซักผ้าอ้อมให้ลูกไปจนหมดฤดูกาลด้วยความเต็มใจ…









...จบแล้วนะคะ...

มารออ่านบทส่งท้ายกันค่ะ...เป็นตอนพิเศษจริงๆ...^^


...คุยกับนักอ่านจากตอนที่แล้วค่ะ...





1.คุณแว่นใส...พ่อตาไม่ดุอย่างที่คิดว่ามั้ยคะ...อิอิ

2.คุณomelate...ตอนนี้ยิ่งค่อยโล่งใจเพิ่มอีกใช่มั้ยคะ
ที่ฟาเดลจะได้เป็นดาวซัลโว นักเตะเท้าทองประจำฤดูกาล...ฮ่าๆๆ

3.คุณsaralun...จบแล้วค่ะ...แต่มีตอนพิเศษมาให้ด้วย
ต้องมาดูกันค่ะว่าพิเศษอย่างไร

4.คุณnapt...ตอนนี้ยิ่งซึ้งกว่าว่ามั้ยคะ...
เพราะท้ายที่สุดแล้ว คนไม่ดีก็ยังคงลอยนวลอยู่ในสังคมอยู่ดี...
ซึ่งมันมีให้เห็นอยู่เต็มท้องถนนเลย...ที่จุดจบคนไม่ดีก็ไม่ได้อยู่ที่ตายกับในคุก
ยิ่งคนผิดที่มีบารมีสักหน่อยก็ลอยตัวไป...แต่ว่าตอนพิเศษยังมีน้า...

5.คุณตุ๊งแช่...ลูกเขยอ่วมเพราะได้รับหน้าที่เป็นแม่บ้านนี่แหล่ะค่ะ
บริหารจัดการงานบ้านแทนงานโรงแรม...แหม...ไม่เห็นว่ามันจะเหมือนกันตรงหนาย
หมอดานีสแกล้งลูกเขยเห็นๆเลย...ฮ่าๆๆ

6.คุณPat...บทสรุปของทั้งสองดูจืดไปนิดใช่มั้ยคะ...นี่แหล่ะค่ะสไตล์ใหม่ของโย
คือไม่ค่อยอยากฆ่าตัวละครอย่างเรื่องราวที่ผ่านๆมาสักเท่าไหร่แล้ว
กลัวนักอ่านจะเปลืองทิชชู...อิอิอิ...อยากจำลองให้เหมือนของจริงในชีวิต
คือคนผิดไม่ตายไม่วายชีวาวอดไปทั้งหมด ยังคงอยู่รกโลกต่อไปอีกนานๆ
ซ้ำยังร่ำรวยมีหน้ามีตาในสังคมต่อไป...
แต่ลึกๆแล้วนั้น...หาความสุขที่แท้จริงไม่เจอ...อย่างนายิกา...

(เพราะนายิกาคือตัวจำลองของสิ่งมีชีวิตที่มีอยู่จริงในชีวิตประจำวัน
ที่โยนำมาดัดแปลงเล็กน้อยค่ะ)อิอิ...


สุดท้ายไม่ท้ายสุด...ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่คลิกเข้ามาอ่าน
ขอบคุณทุกไลค์ ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่มีให้เสมอมา...


อย่าลืมแวะเข้ามาอ่าน "ตอนพิเศษ" กันนะคะ...

...รักษาสุขภาพค่ะ...

"เต่าโย"





yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ธ.ค. 2557, 03:15:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ธ.ค. 2557, 03:17:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 3963





<< บทที่ 28 เธอผู้จุดประกายฝัน   บทที่ 30 ตอนพิเศษ Chapter 1 >>
napt 24 ธ.ค. 2557, 06:59:37 น.
คู่นี้ทันกันตลอด ขนาดเรื่องลูกยังต่อรองได้เลย น่ารักมาก ส่วนนายิกา อ่านแล้วเข้าใจถึงสังคมจอมปลอม อยู่แบบไม่มีความสุขแบบนี้ หวังว่าคงมีวันที่จะสำนึก
จบซะแล้ว คงคิดถึงน้องรัลพี่ฟาเดลไม่น้อยเลย รอตอนพิเศษนะคะ


ตุ๊งแช่ 24 ธ.ค. 2557, 08:21:02 น.
จบแล้ว 29 ตอนเองน๊า 555 แซวคนเขียนซะหน่อย เอิ่ม สงสัย ดารัลกลับมางามเหมือนเดิมยังนี่ ที่โดนทารุณไปนะ
รอตอนพิเศษ เอาหว๊าน หวานนะ


konhin 24 ธ.ค. 2557, 08:26:32 น.
แหะๆๆ ไม่เคยได้อ่านเลย แวะมาตอนจบ กดไลค์ย้อนหลังตอนที่อ่าน ไม่ว่ากันนะคะ
เรื่องนี้ศาสนาเยอะมาก
จริงๆการปล่อยให้เธอนอนกอดสมบัติกับใบสมรสไปก็เป็นวิธีที่ดี แต่ไม่สะใจ
การถูกบังคับให้หย่ากับจดทะเบียน กับโอนสมบัติ โดยไม่เต็มใจแบบนี้ จริงๆก็คือ ทำให้เป็นโมฆะได้
ไม่ต้องไปต่อสู้ แค่ประกาศให้โลกรู้ก็พอ บางครั้ง การตัดสินจากคนรอบข้าง เด็ดกว่าศาลอีก


แว่นใส 24 ธ.ค. 2557, 10:02:28 น.
จะมีเจ้าตัวเล็กกี่คนดีนะ


คิมหันตุ์ 24 ธ.ค. 2557, 10:54:47 น.
กรี้ดดร้าดดดดตามมาทันตอนสุดท้ายพอดี รุ้สึกว่าคุ่นี้จะสนุก แบบแกมยิกแกมหยอกนะคะ หวานเฟ่อสงสัยจะต้องรอ. ลูกปาดดดดชิมิ อิิิ
ปล.ได้ของขวัญแล้วนะคะ. เซอร์ไพรซ์มวกๆ


omelate 24 ธ.ค. 2557, 19:48:35 น.
น่ารักมากๆๆค่ะ คิดได้ไง เป็นดาวซัลโว 555++


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account