ภิรมย์รัก
กุลสตรี!

รุจิรดาแอบเบ้ปากด้วยความเบื่อหน่ายปนขุ่นเคือง
หากนับว่าการที่เธอยื่นมือออกไปช่วยเหลือน้องสาวของ หม่อมเจ้าอดุลย์วิทย์ นั้นไม่เป็นกุลสตรี
หญิงสาวก็ยอมรับตามความจริง
แต่เมื่อคนที่ชี้ความจริงข้อนี้ให้เธอรู้เป็นพี่ชายของคนที่เธอช่วยเอาไว้
หญิงสาวจึงรู้สึกเหมือนตนกำลังทำคุณบูชาโทษ
ต่อแต่นี้ไปก็อย่าได้มาเจอะมาเจอกันอีกเลยเป็นดีที่สุด!

หากภาวนาไปไม่พ้นสามวัน
คนที่เธอไม่อยากพบเจออีกในชาตินี้ กลับมาเป็นอาจารย์ของเธอเอง
คราวนี้คงต้องฟังแลกเชอร์ว่าด้วย “ความเป็นกุลสตรี” เสียจนหูชาแน่ๆ
เธอต้องหาทางหนีสถานเดียว!

แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร...
ยิ่งพยายามหนีให้ไกลจากดวงตาสีดำคูคมนั้นเท่าไหร่
กลับยิ่งเหมือนอีกฝ่ายจะไล่ตามมาไม่ปล่อยเสียอย่างนั้น!

Tags: ย้อนยุค,ศิษย์,อาจารย์,ท่านชาย,ท่านหญิง,ความรัก,พีเรียด

ตอน: บทที่ 12 [30%]



รถทรงซีดานคันงามแล่นผ่านรั้วเหล็กดัดโปร่งที่เปิดกว้าง ตัดผ่านสวนสวยสองข้างทางที่ถูกตัดแต่งเป็นระเบียบเรียบงาม ดอกไม้ที่เจ้าของบ้านฝ่ายหญิงชมชอบนำมาปลูกประดับไว้ยามนี้ผลิกลีบบานสวยแต่มิอาจดึงดูดสายตาของผู้มาใหม่ให้เหลียวกลับไปดูได้เลย

นิลน้ำงามทั้งคู่กวาดมองไปทั่วบริเวณ แลเลยมาถึงอาคารทรงขนมปังขิงหลังไม่ใหญ่มากที่ซ่อนแฝงอยู่ในความเขียวชอุ่มของมวลพฤกษา ก่อนที่ความขุ่นข้องจะปรากฎชัดบนดวงตาสวยรางเลือน

ได้ชื่อว่าวังเสียทั้งที จะทำให้ใหญ่โตโอ่อ่ามากกว่านี้หน่อยก็ไม่ได้!

แม้จะหงุดหงิดเพียงไหน แต่เมื่อรถยนต์แล่นมาเทียบหน้าประตูบ้านที่เปิดออกกว้าง ใบหน้าหวานที่แต่งไว้งดงามก็แตะแต้มรอยยิ้มไว้บนริมฝีปากอย่างรวดเร็ว ดังนั้นเมื่อแม่สาลี่ เด็กรับใช้ประจำวังวิ่งออกมารับ จึงได้เห็นดวงหน้าแฉล้มที่ส่งยิ้มให้อย่างอารี

“ฉันมาหาชายอดุลย์ ตอนนี้ท่านประทับอยู่ไหนหรือ?”

“ห้องทรงงานเจ้าค่ะ เอ่อ...จะให้อิฉันทูลท่านว่าใครมาหาหรือเจ้าคะ?”

ริมฝีปากระเรื่อยกยิ้มอีกครั้งพร้อมกับเอ่ย

“ไม่เป็นไร ฉันไปหาท่านเอง”

“แต่...แต่...คุณเจ้าคะ! คุณเจ้าคะ!...โธ่...”

ไม่สนใจเสียงท้วงติง ร่างบอบบางในชุดสีชมพูอ่อน กระโปรงบานพลิ้วก็ก้าวเดินฉับๆ มุ่งหน้าไปที่ชั้นสองอย่างผู้ที่คุ้นเคยกับที่ทางต่างๆ ได้เป็นอย่างดี ทิ้งให้เด็กสาวยืนตะลึงแกมร้อนรน แล้วรีบวิ่งเข้าไปในครัวด้วยท่าทางแตกตื่น

“น้าแผ้ว น้าแผ้ว ช่วยฉันด้วย!”

“อะไร? เอ็งไปทำอะไรมาอีก นังสาลี่ ทำข้าวของตกแตก หรือทำให้ท่านไหนกริ้วมาล่ะ?”

สาลี่เอ่ยเสียงอ่อยๆ “ยังไม่กริ้ว แต่เดี๋ยวอาจจะกริ้ว”

แม่แผ้วเงื้อตะหลิวในมือขึ้นสูง เด็กสาวหลบวูบ เผ่นแผลวไปอยู่ข้างประตูอย่างรวดเร็ว “แหม...สำคัญจริงนะเอ็ง เดี๋ยวนี้เล่นสำบัดสำนวน บอกมาเดี๋ยวนี้นะ ว่าเอ็งไปทำอะไรมากันแน่!”

“ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยจริงๆ น้าแผ้ว เมื่อกี้มีคุณผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรถเข้ามา เธอซ้วย...สวยนะน้า ถามฉันว่าท่านชายอยู่ไหน แล้วก็เดินขึ้นไปหาท่านฉับๆ เลย ฉันตกใจแทบตาย จะห้ามเธอก็ไม่ทันซะแล้ว เลยต้องวิ่งมาหาน้านี่แหละ”

“ตายจริง นังสาลี่!” แม่บ้านประจำวังทิ้งตะหลิวในมือลงบนโต๊ะ หันขวับมาหาลูกมือที่ยังตัวสั่นงันงก “นังนี่ โอ้ย ฉันละปวดหัวกับหล่อนเสียจริง รู้ทั้งรู้ว่าท่านชายไม่ชอบให้มีใครไปรบกวนเวลาท่านทรงงาน ถ้าท่านชายกริ้ว ฉันจะส่งหล่อนไปให้ท่านด่าเสียให้เข็ด!”

คนฟังหน้าซีด หันรีหันขวางแล้ววิ่งออกไปโดยเร็ว ตะโกนเสียงลั่น “ฉันจะไปหาท่านหญิงอร ไปบอกท่านเอาไว้ก่อนดีกว่า”

เด็กสาวครึ่งวิ่งครึ่งเดินออกมาจนถึงศาลากลางสวน วรองค์เล็กบางประทับนั่งนิ่งคล้ายรูปปั้น สาลี่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นย่องเงียบกริบ จนเมื่อเข้าไปในระยะใกล้พอสมควรแล้วจึงค่อยเอ่ยเสียงเบา

“ท่านหญิงเพคะ หม่อมฉันมีเรื่องมาทูลเพคะ”

เนตรกลมสวยยังคงทอดเหม่อออกไปยังที่อันไกลแสนไกล ไร้วี่แววว่าจะทรงรับทราบในถ้อยคำที่อีกฝ่ายเอ่ย สาลี่กระพริบตาปริบๆ ปลุกปลอบใจให้กล้าแล้วใช้เสียงดังขึ้น “ท่านหญิงเล็กเพคะ!”

“หือ! อะไร อะไรกันสาลี่ เสียงดังจัง หญิงตกใจหมด”

“หม่อมฉันมีเรื่องมาทูลเพคะ ไม่ได้ตั้งใจทำให้ฝ่าบาทตกพระทัยเลย” คนพูดหน้าม่อย ท่านหญิงอรกัญญาเห็นแล้วจึงแย้มสรวลอย่างพระทัยดีพลางถามด้วยสุรเสียงนุ่มนวล

“เรื่องอะไรจ๊ะ?”

“เมื่อครู่นี้มีคนมาเฝ้าท่านชายเพคะ เธอไม่รอให้หม่อมฉันไปกราบทูลท่านชายก่อนก็เดินขึ้นไปที่ห้องทรงงานเลย หม่อมฉันไม่รู้จะทำอย่างไร กลัวท่านชายกริ้วก็กลัวเพคะ เลยมาหาฝ่าบาทก่อน”

แววสงสัยรางเลือนผุดขึ้นในนิลเนตรงาม ทว่าริมโอษฐ์ยังแย้มน้อยๆ คล้ายปลอบประโลมอีกฝ่าย “ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวเราบอกพี่ชายเองว่าสาลี่พยายามทำหน้าที่อย่างสุดฝีมือแล้ว พี่ชายไม่กริ้วหรอก สบายใจได้ สาลี่ไปช่วยแม่แผ้วทำงานในครัวต่อเถอะจ้ะ”

เด็กสาวลดความตื่นตระหนกในดวงตาลงเล็กน้อย ร่างผอมบางค้อมต่ำพลางถอยหลัง แต่สุรเสียงอ่อนหวานกลับเรียกขานทำให้เธอต้องชะงัก

“สาลี่ แขกที่มานี่สาลี่ไม่รู้จักหรือจ๊ะ?”

“ไม่เพคะ” เด็กก้นครัวตอบชัดถ้อยชัดคำ “เป็นคุณผู้หญิงท่าทางผู้ดี๊...ผู้ดีเชียวล่ะเพคะ รูปร่างหน้าตาเธองามอย่างกับนางสวรรค์ แต่งตัวโก้หรู แถมยังเรียกท่านชายว่า ‘ชายอดุลย์’ ด้วยเพคะ”

ร่างน้อยชะงักนิ่ง เนตรงามเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนกเมื่อรำลึกถึงบางคนขึ้นมาได้

“สาลี่ไปทำงานได้แล้วจ้ะ” ท่านหญิงอรกัญญาผุดลุกขึ้นประทับยืนก่อนจะออกดำเนินเข้าไปในวังอย่างรวดเร็ว “ฉันจะเข้าไปดูแขกของพี่ชายเอง”

วรองค์อรชรดำเนินอย่างรีบร้อนพอๆ กับความร้อนรนที่คุระอุขึ้นมาในอุระขององค์เอง พร้อมกับความรู้สึกบางอย่าง...คล้ายเป็นลางสังหรณ์ที่ทำให้ท่านหญิงองค์น้อยต้องขมวดขนงแน่นด้วยความวิตกกังวล

และเมื่อทรงมองเข้าไปในห้องทรงงานที่เปิดประตูกว้าง หม่อมเจ้าหญิงอรกัญญาก็รับสั่งออกมาแผ่วเบาอย่างไม่รู้องค์ “พี่หญิงปัท...”

วงพักตร์งดงามที่แต่งแต้มอย่างประณีตที่เบือนมาสบเนตรกับองค์เองนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากหม่อมเจ้าหญิงปทมวรรณ ผู้ซึ่งขณะนี้แย้มสรวลออกมาอย่างยินดีพลางรับสั่งอย่างอ่อนหวาน “น้องอร ยินดีที่ได้พบจ้ะ”

หม่อมเจ้าหญิงองค์น้อยกระพริบเนตรปริบๆ ก่อนจะเหลียวมองหาเชษฐาที่ยามนี้ประทับนั่งอยู่หลังโต๊ะทรงงาน พักตร์คมสันมีรอยแย้มสรวลแต้มเพียงเล็กน้อยไม่ผิดไปจากปกติ

ทว่าผู้เป็นขนิษฐารู้ดี...พี่ชายขององค์เองไม่ได้ ‘ปกติ’ เลยจนนิดเดียว

บาดแผลที่สตรีตรงหน้านำพามาให้หม่อมเจ้าอดุลย์วิทย์นั้นเรียกว่า ‘สาหัส’ เสียยิ่งกว่าบาดแผลใดที่จะทรงได้ประสบมาในพระชนม์ชีพของพระองค์

หม่อมเจ้าหญิงอรกัญญาถอนปัสสาสะเล็กน้อย ก่อนยกหัตถ์ขึ้นไหว้วรองค์งามตรงเบื้องพักตร์แล้วหันมาทางเชษฐาทันที “น้องเข้ามาดูพี่ชายว่าต้องการอะไรรึเปล่าน่ะค่ะ ไม่นึกว่าพี่จะ...มีแขก”

“เดี๋ยวนี้พี่เป็นแค่แขกไปเสียแล้วหรือคะหญิงอร?” สุรเสียงหยอกเย้าดังมาจากอีกฝั่ง “ไม่ได้มาที่นี่เสียนาน พอมาอีกทีก็ได้รับเกียรติอันสูงส่งเสียแล้ว”

ความขุ่นข้องบางอย่างทำให้ตุ๊กตาแก้วเจียระไนรับสั่งสวนออกไปฉับพลัน “เกียรตินั้นก็เหมาะสมดีอยู่แล้วกับพี่หญิงนี่เพคะ จะถวายเกียรติให้ต่ำกว่านั้นก็...คงไม่เหมาะกับชายาเลขาฯ เอกประจำสถานทูตหรอกเพคะ”

เนตรสีน้ำตาลเข้มเบิกกว้างเล็กน้อย แววแห่งความไม่พอพระทัยฉายชัด แต่ก่อนที่หม่อมเจ้าหญิงปทมวรรณจะทันได้รับสั่งสิ่งใดต่อไป สุรเสียงทุ้มนุ่มอยู่เป็นนิจก็แทรกขึ้นอย่างรวดเร็ว

“อรกัญญา”

“ขอประทานอภัยเพคะ พี่หญิง” ท่านหญิงองค์น้อยค้อมเศียรลงเล็กน้อย แล้วจึงหันมาหาหม่อมเจ้าอดุลย์วิทย์ นิลเนตรน้ำงามเปล่งประกายประหลาด ไม่แลดูท่านหญิงอีกองค์ที่ดั่งจะศอแข็งไปแล้วโดยสิ้นเชิง “พี่ชาย ประเดี๋ยวรดาก็จะมาแล้ว จะให้เธอขึ้นมาที่นี้เลยรึเปล่าเพคะ?”

สุรเสียงอ่อนหวานเป็นปกตินั้นคล้ายมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ เรียกแววดุให้วาวขึ้นในนิลเนตรของอีกองค์หนึ่งขึ้นมาได้ “พี่จะบอกอีกทีหนึ่งก็แล้วกัน หญิงอร พี่อยากได้กาแฟอีกสักแก้ว ชงให้พี่หน่อยเถอะ”

วรองค์เล็กแย้มสรวลเล็กน้อย หันมาค้อมเศียรให้กับท่านหญิงปทมวรรณแล้วดำเนินออกไปทันที

“หญิงอร เดี๋ยวนี้เธอดูเก่งกล้าขึ้นนะคะ”

นิ่งไปสักพักหนึ่ง กว่าที่ท่านหญิงปทมวรรณจะรับสั่งออกมาได้ ริมโอษฐ์บางคล้ายจะแย้มสรวลแต่ก็จืดเจื่อนลงไปไม่น้อย “อย่างที่หญิงพูดนั่นแหละค่ะ หญิงบอกอดุลย์ไปแล้ว เลยอยากทราบว่าเธอจะตกลงใจอย่างไร?”

“ทำไมถึงบอกเรื่องนี้กับผม?” อีกฝ่ายย้อนรับสั่งสุรเสียงเรียบ

“หญิงเป็นห่วงเธอนะคะ แล้วก็สำนึกแล้วว่าตัวเองนั้นผิดมากเพียงใด ทำให้เธอเสียใจเพียงใด ที่หญิงตัดสินใจในตอนนั้น” เนตรงามคล้ายจะคลอไปด้วยหยาดอัสสุชลขึ้นมาทันควัน “ตลอดเวลาที่ผ่านมา หญิงก็เป็นทุกข์มาโดยตลอด กลัวเหลือเกินว่าเธอจะเกลียดโกรธหญิงจนไม่มีวันให้อภัยหญิงแล้วเสียอีก ที่มาหาวันนี้ก็ทุ่มลงไปหมดหน้าตักแล้ว อดุลย์คะ หญิงขอโทษจริงๆ ที่ถอนหมั้นกับเธอ”

“เรื่องมันผ่านมาแล้ว” ท่านชายรับสั่งเสียงเบา

วูบหนึ่ง...สุรเสียงอ่อนหวานที่เคยดังอยู่ในห้วงคำนึงขององค์เองทุกทิวาราตรีเรียกเอาความรวดร้าวครั้งเก่าให้กลับคืนมา คล้ายกับว่าวันคืนที่วรองค์โปร่งบางงดงามตรงหน้ารับสั่งตัดเยื่อใย ตัดความรักที่เคยเอื้อนเอ่ยอ่อนหวานยามพร่ำพรอดให้กลายเป็นเพียงฝุ่นควันไร้ความหมาย แล้วใช้บาทงามราวดอกบัวคู่นั้นเหยียบย้ำหทัยของผู้ชายคนหนึ่งให้สลายเป็นภัสมธุลีไปเสียสิ้น ทิ้งเอาไว้เพียงร่างที่ปราศจากวิญญาณ

สามปีก่อนชนกชนนีทั้งคู่ของหม่อมเจ้าชายอดุลย์วิทย์สิ้นพระชนม์พร้อมกันด้วยอุบัติเหตุ เหลือเพียงท่านหญิงอรกัญญาที่อ่อนแอบอบบางเสียเหลือเกิน ท่านชายที่ดำรงตำแหน่งเป็นเลขานุการทูตเอกมีเพียงสองทางเลือกเท่านั้นที่ทรงทำได้

หนึ่ง...รับตัวขนิษฐาองค์น้อยที่พระพลานมัยไม่แข็งแรงนักมาอยู่กับพระองค์ ทิ้งการเรียนที่เพิ่งสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ไปเสีย แล้วมาอยู่ในบ้านเมืองที่ทั้งอากาศหรือบรรยากาศไม่เอื้ออำนวยให้คนอ่อนแอบอบบางสามารถประคององค์เองโดยปราศจากคนช่วยได้เลย

หรือสอง...ย้ายกลับเข้าประจำกระทรวงฯ ที่กรุงเทพฯ เสีย

แม้ทางเลือกที่สองจะเด่นชัด และทรงเตรียมองค์พร้อมเพื่อทางเลือกนั้น ทว่าท่านหญิงปทมวรรณที่ยังคงเป็นพระคู่หมั้นในยามนั้นคัดค้านเสียงแข็ง

‘เธอกำลังจะก้าวหน้า หากอยู่ที่นี่เธอสามารถทำประโยชน์ได้หลายประการ เธอจะกลับไปทำไมกัน?’

มิไยที่จะทรงอธิบายถึงเหตุผลทั้งหมดเท่าใด ท่านหญิงปทมวรรณก็ยังยืนกรานดำริขององค์เอง ผ่านการโต้แย้งกันครั้งแล้วครั้งเล่า จนวันหนึ่ง...หม่อมเจ้าพิชญวรรธก็ก้าวเข้ามา

และหม่อมเจ้าหญิงปทมวรรณก็ก้าวจากไป...

หม่อมเจ้าชายอดุลย์วิทย์ทรงทำในสิ่งที่หลายๆ คนทั้งแปลกใจระคนเสียดาย เมื่อทรงยื่นใบลาออกจากตำแหน่ง และนิวัติเมืองไทยทันที บางคนเดาถึงสาเหตุที่ทำให้ทรงตัดสินพระทัยเช่นนั้น และบางคนที่ได้แต่เก็บงำความลับบางอย่างเอาไว้อย่างมิดเม้น...

“หญิงดีใจ ที่อดุลย์ไม่โกรธที่หญิงถอนหมั้นกับเธอ...และตอนนี้หญิงรู้แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่โง่ที่สุดเท่าที่หญิงเคยทำมา” วรองค์โปร่งระหงผุดลุกขึ้น พริบตาเดียวก็โผถลาเข้ามาเกาะกรเจ้าของห้องทรงงานอย่างออดอ้อนอ่อนหวาน “ขอบใจเธอมากจริงๆ ที่ให้อภัยหญิง...ให้โอกาสหญิงอีกครั้งหนึ่ง”

รับสั่งแฝงนัยทำให้เนตรสีเดียวกับรัตติกาลวาววับขึ้นมาทันควัน ทว่าแววเนตรนั้นผุดขึ้นมาเพียงพริบตาเดียวแล้วก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็วโดยที่ท่านหญิงปทมวรรณไม่ทันได้สังเกตเลยแม้แต่น้อย

“ผมไม่โกรธปัทหรอกนะ” รับสั่งอบอุ่นก่อให้เกิดแววหวานระยับขึ้นในเนตรงามที่ช้อนสบอย่างมีความหมาย ท่านชายอดุลย์วิทย์แย้มริมโอษฐ์ออกกว้าง ก่อนจะเน้นย้ำช้า...ชัด “ตอนนี้ปัทเป็นเหมือนเพื่อนผม ยิ่งดำรงสถานะพระคู่หมั้นของท่านชายพิชญวรรธแล้วผมก็ไม่มีสิ่งใดให้โกรธเคืองอีก”

พักตร์หวานแอร่มเผือดซีดลงไปในทันที ทว่าก่อนหม่อมเจ้าหญิงคนงามจะได้รับสั่งสิ่งใด สุรเสียงทุ้มกังวานก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ส่วนข้ออื่นๆ ที่ปัทนำมาเล่าสู่ให้ผมฟังในครั้งนี้ ขอบคุณมากครับ แต่...ผมคงไม่รับ”

ความผิดหวัง หรืออาจจะเป็นเพียงการเสียพักตร์ ที่ผลักดันให้สุรเสียงของท่านหญิงแหลมสูงเกินที่ตั้งพระทัยเอาไว้

“เพราะอดุลย์เป็นอย่างนี้นี่เง่า ถึงทำให้ตนเองเสียโอกาศตั้งมากมาย หญิงผิดหวังจริงๆ เธอยังคงหัวแข็งเหมือนครั้งเก่า” รับสั่งฉุนเฉียว พร้อมกับวรองค์แบบบางผุดลุกขึ้นทันที ทิ้งประโยคท้ายเอาไว้ก่อนจะเสด็จกลับ
“หญิงถามอดุลย์เพียงเท่านี้ล่ะค่ะ การเป็นอาจารย์เล็กๆ ในมหาวิทยาลัยอย่างนี้ กับเลขานุการทูตเอกโอ่อ่าเพียบพร้อมทั้งเกียรติยศชื่อเสียง อดุลย์คงชั่งน้ำหนักแล้วเลือกได้นะคะ ว่าอะไรคือสิ่งที่เธอควรจะเลือกมากที่สุด!”





ปณัชญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ม.ค. 2558, 03:07:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ม.ค. 2558, 03:07:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1663





<< บทที่ 11 [100%]   บทที่ 12 [100% >>
RdoubleC 6 ม.ค. 2558, 12:51:17 น.
ตามมาอ่านค่ะ


ปณัชญา 6 ม.ค. 2558, 13:02:17 น.
ขอบคุณมากค่า ^_^


sumitt 7 ม.ค. 2558, 06:51:37 น.
thanks ka


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account