จุมพิตนิทรา
"หากได้พบเธอแค่เพียงในฝัน ฉันก็ปรารถนาจะหลับใหลไปชั่วกาล"

นราภัทร วิศวกรคอมพิวเตอร์สาวมั่นที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
แต่หลังจากไปไหว้พระตรีมูรติ เธอก็ได้พบกับคนที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ
"เขา" ทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอหัวเราะ ทำให้เธอมีความสุขได้
แต่ "เขา" อยู่แต่ในความฝันของเธอเท่านั้น
นราภัทรแค่ฝันไป? หรือ เขาคือเนื้อคู่ที่สวรรค์ประทานลงในให้?

Tags: โรแมนติก,ดราม่า,ความฝัน,รักในฝัน

ตอน: บทที่ 6 /2

..........................................

“พี่น้ำ พี่น้ำ!” รุ่นน้องชื่อพลของนราภัทรตะโกนเรียกเสียงดัง

“หา!” หญิงสาวหลุดจากภวังค์กลับมายังห้วงเวลาปัจจุบันอีกครั้ง หลังจากที่เธอลงมากินข้าวที่โรงอาหารพร้อมกับเพื่อนร่วมงานในฝ่าย เธอก็ใจลอยคิดถึงเรื่องเมื่อคืนอย่างอดไม่ได้ ทั้งแค้นเคืองผู้ชายฉวยโอกาส ทั้งโมโหตัวเองที่ไม่สู้เอาเสียเลย พ่ายแพ้ทุกอย่าง ทั้งยังสับสนปั่นป่วนในใจ อยากรู้ว่าชายคนนั้นจะเป็นคนที่อยู่ในฝันของเธอตลอดมาหรือเปล่า

“ใจลอยอะไรอยู่ ที่พวกผมพูดกันไปได้ฟังหรือเปล่าเนี่ย”

“พูดอะไรกันล่ะ” เพราะไม่ได้ฟัง หญิงสาวจึงต้องถามไปตรงๆ

“เฮ้อ ก็พวกเราคุยเรื่องไปเลี้ยงส่งไอ้ก้องอยู่ไง พี่น้ำ ผมน่ะจะเอารถตู้ไป แต่มันใส่คนไปได้ไม่หมดหรอก ก็จะเหลือพี่กับพี่บีน่ะ ผมเลยถามพี่บีว่าให้เขาไปรับพี่ที่คอนโดฯ จากนั้นก็ไปหัวหินเลยได้ไหม พี่เขาก็บอกว่าโอเค แต่ว่ามีธุระช่วงเช้า อาจจะไปรับพี่ช้าหน่อย”

“หือ” หญิงสาวเผลอนิ่วหน้าเพราะเห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวายมาแต่ไกล “แล้วเอล่ะ”

“เอก็ไปรถตู้ผมไง” พลตอบ

“มีปัญหาอะไรเหรอ น้องน้ำริน” บริพัทธ์ซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามแต่เยื้องไปทางขวาเอ่ยขึ้น

“เปล่าค่ะพี่บี ไม่มีอะไรค่ะ แค่เกรงใจพี่เท่านั้นแหละค่ะแล้วนี่เอไม่มานั่งรถพี่บีด้วยกันล่ะ”

“เอก็ต้องไปคอนโดฯ พี่น้ำน่ะสิ นั่งรถตั้งหลายต่อ ไม่เอาด้วยหรอก ไกลจากบ้านเอจะตาย” เอมอรซึ่งนั่งหน้าตูมอยู่ข้างๆ บริพัทธ์ไขข้อข้องใจให้

นราภัทรมองรุ่นน้องสาวอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก เอมอรไม่ชอบให้เธออยู่ใกล้กับบริพัทธ์ แต่กลับยอมปล่อยให้เธอไปหัวหินกับบริพัทธ์สองต่อสองเพราะไม่อยากจ่ายค่ารถ...ประหลาดดี

“แล้วหูพี่เป็นอะไร ผมเห็นจับหูอยู่นานแล้ว เป็นอะไรไปพี่” พลถามขึ้น

“เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” เมื่อถูกทักขึ้นมา ดวงหน้าขาวเนียนก็ขึ้นสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัด เธอรีบปล่อยมือจากใบหู นึกแช่งชักตัวการที่ทำให้เธอใจลอยแบบนี้ เพราะหลังจากที่เขาบอกชื่อตัวเอง เขาก็งับเข้าที่ติ่งหูของเธอแล้วขบเบาๆ เล่นเอาเธอช็อกและทำอะไรไม่ถูกเลย แล้วก็ตื่นขึ้นมา...

แต่พอตื่นขึ้นมานราภัทรกลับจำชื่อ ‘แฟน’ ของตัวเองไม่ได้

“หน้าก็แดงๆ นะ ไม่สบายหรือเปล่า” บริพัทธ์ตั้งข้อสังเกต

“เปล่าค่ะ สบายดีค่ะ ไม่ได้ป่วยอะไร” หญิงสาวปฏิเสธ

“แต่ผมว่าวันนี้พี่ดูใจลอยพิกล” พลแย้งขึ้น

“คิดไปเองน่ะสิ”

“ถ้ารู้สึกไม่สบาย ไปนอนห้องพยาบาลหน่อยไหม น้องน้ำริน เดี๋ยวพี่บอกพี่ตาให้เอง” บริพัทธ์ถามอย่างเป็นห่วงพร้อมอาสารับหน้าภวิตาให้เสร็จสรรพ

“แหม พี่น้ำเขาบอกว่าไม่เป็นอะไรก็คงไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ พี่เขาถึกจะตายไป” เอมอรแทรกขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ที่คนในฝ่าย โดยเฉพาะหัวหน้าของเธอเป็นห่วงเป็นใยนราภัทรเหลือเกิน

“อย่างที่เอว่าแหละ น้ำถึกจะตายไป ไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ นี่ก็ใกล้จะบ่ายแล้วด้วย เดี๋ยวน้ำไปหาซื้ออะไรตรงตลาดนัดด้านหน้าก่อนนะคะ” แม้จะไม่ชอบใจคำพูดของเอมอร แต่นราภัทรก็มองข้ามไปพร้อมตัดบทเพื่อไม่ให้โดนเพื่อนร่วมงานซักไซ้ จนเธอเผลอหลุดอะไรไปอีก...หญิงสาวเก็บจานและแก้วน้ำทั้งของตัวเองและเพื่อนร่วมงานใส่ลงในถาดพลาสติก ก่อนจะยกไปเก็บตรงที่วางภาชนะใช้แล้ว โดยมีคนสองคนมองตาม บริพัทธ์มองด้วยความชื่นชมในความมีน้ำใจ ส่วนเอมอรมองบริพัทธ์แล้วมองรุ่นพี่สาวด้วยความขุ่นเคือง
..............................................

“พี่บี พี่กร พี่จิ๊บ อ้าว! พี่จิ๊บไม่อยู่เหรอ” พลซึ่งเพิ่งออกมาจากห้องผู้อำนวยการส่งเสียงดังมาแต่ไกล เมื่อเดินมายังคอกพนักงานแล้วจึงเห็นว่าโต๊ะของจิรายุ หัวหน้าทีมซีเคียวริตีว่างเปล่า ไร้เงาเจ้าของ

“อื้อ พี่จิ๊บแกออกไปข้างนอกน่ะ มีอะไรเหรอพล” นราภัทร ลูกน้องคนเก่งเพียงหนึ่งเดียวของจิรายุถามขึ้น

“พี่ตาเขาเรียกพวกหัวหน้าทีมกับพี่น้ำไปคุยในห้องน่ะ”

“เรียกพี่ด้วยเหรอ” นราภัทรทำหน้างง
“ใช่ พี่ตาพูดชื่อพี่ชื่อแรกเลย” พลพยักหน้ารับ

“เรื่องอะไรรู้ไหม”

“ไม่รู้อ้ะ พี่ตาไม่ได้บอก แกว่าให้เรียกพี่น้ำกับหัวหน้าทีมทั้งสามเข้าไปคุยในห้องด้วย แค่นี้เอง”

“ตอนนี้เลยเหรอ” หญิงสาวมองโต๊ะหัวหน้าที่ว่างเปล่าแล้วดูนาฬิกา จำได้ว่าจิรายุบอกว่าจะกลับมาตอนสามโมงเย็น ตอนนี้บ่ายสองโมงเท่านั้น ถ้าไม่รีบร้อนนัก รออีกสักชั่วโมงให้ครบทีมแล้วค่อยไปหาภวิตาน่าจะดีกว่า

“ครับ ตอนนี้เลย”

หญิงสาวทำหน้ายุ่ง เวลาที่เรียกหัวหน้าทีมทั้งสามทีไร ภวิตามักจะเรียกเธอเข้าไปรับรู้ด้วย ซึ่งเธอมองว่าไม่ค่อยเหมาะนัก ตำแหน่งเธอเป็นแค่วิศวกรคอมพิวเตอร์ในฝ่าย ไม่ได้เป็นหัวหน้าทีม การจะเข้าไปรับทราบเรื่องที่เกินหน้าที่นั้นดูจะยังไงอยู่ อย่างเช่นเรื่องงบประมาณฝ่ายซึ่งคนที่ควรรู้ควรจะเป็นระดับผู้อำนวยการกับหัวหน้าทีมเท่านั้น แต่ภวิตาก็ไม่เข้าใจความกระอักกระอ่วนของเธอ เรียกให้เข้าไปรับรู้แล้วก็ให้ช่วยตามงานดังกล่าวจากหัวหน้าทั้งสามด้วย

บางทีนราภัทรก็รู้สึกว่าตัวเองต้องทำงานหนักกว่าเดิม เงินเดือนแค่ระดับวิศวกรธรรมดา แต่ต้องทำหน้าที่ระดับคุมหัวหน้าทีมทั้งสามในฝ่าย

“เอาไงดีวะ หัวหน้าทีมดันไม่อยู่ซะด้วย ใครไปแทนดีเนี่ย” นราภัทรยืนขึ้นขณะเก็บเอกสารบนโต๊ะให้เรียบร้อย แล้วเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมา

“แหม ในทีมมีกันแค่สองคน พี่จิ๊บก็ไม่อยู่ ถ้าพี่ไม่ไปแล้วจะให้ผีที่ไหนไปคะ พี่น้ำ”

นราภัทรชะงักไปเล็กน้อย เธอรู้สึกเหมือนถูกประชดใส่ แต่พอมองเอมอรที่ทำหน้าเฉยๆ เหมือนไม่ได้พูดอะไรผิดไปก็นึกสงสัยว่าเธอคงจะคิดไปเอง หรือเอมอรไม่มีสามัญสำนึกกันแน่นะว่า สิ่งที่พูดออกมานั้นไม่เหมาะสมที่จะพูดกับรุ่นพี่ที่สอนงานให้ อายุของเอมอรก็ปาเข้าไป 27 ปีแล้ว แต่ดูเหมือนวุฒิภาวะจะยังไม่ถึง 20 ปีด้วยซ้ำ

“พี่จิ๊บแกไม่ว่าอะไรหรอก ปกติน้ำก็เป็นเจ้านายพี่จิ๊บอยู่แล้วนี่นา” อลงกรณ์ หัวหน้าทีมเน็ตเวิร์กช่วยคลี่คลายบรรยากาศให้ได้อย่างเหมาะเหม็ง เรียกเสียงฮาครืนจากเหล่าชายหนุ่มในห้องทำงาน รวมถึงนราภัทรก็ยิ้มไปด้วย แต่ไม่สบายใจเท่าไรนัก เธอแอบสังเกตว่าเอมอรมองบริพัทธ์แล้วมองมาที่เธอด้วยสายตาขัดใจ คาดว่าคงจะไม่ชอบให้เธอทำงานใกล้ชิดกับบริพัทธ์นัก
ไปหัวหินชักจะไม่สนุกแล้วสิ...
..........................................
เช้าวันเสาร์ นราภัทรรีบตื่นมาทำความสะอาดห้องและซักเสื้อผ้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี เพราะตอนแรกบริพัทธ์บอกว่าจะมารับช่วงแปดโมง แต่ตอนเจ็ดโมงครึ่งเขาโทร. มาบอกว่าจะมารับตอนเก้าโมงเช้า นราภัทรก็ไม่ได้ว่าอะไร เธอลงมารอเขาที่ล็อบบีตอนเก้าโมงพอดีเป๊ะ แต่เอาจริงกว่าบริพัทธ์จะมาถึงคอนโดฯ ของเธอก็ปาเข้าไปสิบโมงกว่าแล้ว เล่นเอาหญิงสาวเกือบจะหลับ

“ขอโทษด้วยนะน้องน้ำริน พี่ไปส่งญาติที่สนามบินมาน่ะ ไม่คิดว่ามันจะสายขนาดนี้” ชายหนุ่มเอ่ยขอโทษซ้ำสองเมื่อหญิงสาวเข้ามานั่งในรถเรียบร้อยแล้ว

“ไม่เป็นไรค่ะ” นอกจากคำว่าไม่เป็นไรแล้ว เธอจะพูดคำไหนได้อีก แม้จะหงุดหงิดมากแต่นราภัทรก็ไม่อยากทำให้บรรยากาศมาคุ จึงส่งยิ้มฝืนๆ ให้ไปด้วย เพราะตื่นเช้ากว่าปกติ แล้วเมื่อกี้ระหว่างรอเขาเธอก็สัปหงกไปหลายหน หญิงสาวจึงตั้งใจเต็มที่ว่าจะหลับ แล้วปล่อยให้บริพัทธ์ขับรถไปหัวหินคนเดียว แถมเขายังเปิดเพลงช้าในรถเสียด้วย นับว่าเป็นการขับกล่อมอย่างดี นราภัทรจึงคาดว่าเธอจะหลับสนิทและหลับยาว พอลืมตาตื่นมาอีกทีก็คงถึงโรงแรมที่พักแล้ว

“แล้วนี่น้องน้ำรินกินข้าวเช้าหรือยังครับ” แม้หญิงสาวจะเงียบ แต่บริพัทธ์ไม่ปล่อยให้เธอทำตามอำเภอใจได้นาน
“กินแล้วค่ะ” วิศวกรสาวตอบสั้นๆ กระชับ

“กินอะไรมาครับ”

“โจ๊กหมูค่ะ”

“พี่เห็นที่คอนโดฯ น้องไม่มีร้านอะไรเลย ไปกินที่ไหนมาครับ”

“แถวใกล้ๆ คอนโดฯ มีรถเข็นขายโจ๊กตอนเช้าอยู่ค่ะ”

“อร่อยไหมครับ”

“ก็ดีค่ะ”
“พี่เองไม่ได้กินโจ๊กมานานแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้สั่งโจ๊กหมูมากินบ้างดีกว่า”

นราภัทรไม่พูดต่อ แต่หันไปสนใจทิวทัศน์ด้านนอกแทน คิดจะเงียบไปเฉยๆ เป็นการตัดบท ทว่าผ่านไปครู่หนึ่งบริพัทธ์ก็เริ่มต้นบทสนทนาอันแสนจะจืดชืดขึ้นมาใหม่ นราภัทรก็ตอบอย่างห้วนและสั้น พยายามสงวนคำเต็มที่ และก็เป็นแบบนี้ไปตลอดทาง หญิงสาวจึงไม่ได้นอนอย่างที่ตั้งใจ แถมวันนี้ยังเกิดอุบัติเหตุหลายจุดเสียด้วย ทำให้รถติดยาวเหยียด

นราภัทรมองถนนข้างหน้าที่เต็มไปด้วยแถวท้ายรถยนต์ที่จอดติดๆ กันและเคลื่อนไปข้างหน้าได้ทีละนิดๆ นี้เหมือนมองดูงานมอเตอร์โชว์สักงานที่เปลี่ยนมาจัดบนถนนออกนอกเมือง จะผิดแผกแตกต่างก็ตรงที่อากาศร้อนไม่ใช่แอร์เย็นฉ่ำ และไม่มีพริตตี้หน้าหวาน มีแต่คุณตำรวจหน้าเหี้ยมกับตัวแทนบริษัทประกันภัยจอมเขี้ยวเท่านั้น

เมื่อล่วงเข้าบ่ายกว่า บริพัทธ์ก็เอ่ยขึ้น “พี่หิวแล้ว เดี๋ยวแวะหาอะไรกินข้างทางก่อนไปหัวหินต่อแล้วกัน”

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสั้นๆ อีกเช่นเคย เธออยากลงจากรถไปยืดเส้นยืดสายบ้างแล้ว นั่งมาร่วมสองชั่วโมงครึ่ง เมื่อยก้นจะแย่
“น้องน้ำรินอยากกินอะไรครับ”

“อะไรก็ได้ค่ะ” นราภัทรพูดจากใจจริง เธอหิวจนตาลาย อยากรีบลงจากรถ และเอียนคำว่า ‘น้องน้ำริน’ มากถึงมากที่สุด
“งั้นไปห้างฯ แล้วกัน มีร้านให้เลือกเยอะหน่อย”
หญิงสาวขมวดคิ้ว มองดูจีพีเอสของเขาแล้วก็ไม่เห็นว่าจะมีห้างฯ อยู่ตรงไหนในบริเวณนี้

“ห้างฯ ตรงไหนคะ”

“อืม ถ้าพี่จำไม่ผิด เดี๋ยวแยกข้างหน้า เราเลี้ยวซ้ายเข้าไปในตัวเมืองกัน มีห้างสรรพสินค้าอยู่นะ”

“อย่าเลยค่ะพี่ นี่ก็สายแล้ว เดี๋ยวน้องๆ จะเป็นห่วงนะคะที่ไม่ถึงหัวหินเสียที เรากินก๋วยเตี๋ยวข้างทางนี่แหละค่ะ สะดวกดี” หญิงสาวรีบห้ามปราม ไม่อยากอยู่กับบริพัทธ์นานกว่าเดิม

“เอางั้นเหรอ” ท่าทางของเขาไม่ค่อยชอบใจความเห็นนี้เท่าไร

“ค่ะ เอางี้ละค่ะ”

“โอเค”

ตกลงกันได้ไม่ทันไรก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ชายหนุ่มไม่ยอมรับสายสักที ปล่อยให้ดังอยู่อย่างนั้นจนนราภัทรนึกประหลาดใจว่าทำไมเขาไม่รับสาย แต่เหมือนคนจากปลายสายก็มีความอดทนเหมือนกัน เพียรโทร. ต่อ สุดท้ายบริพัทธ์ก็รับสายจนได้
“ขับรถอยู่ มีอะไร” น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังแล้วกระด้างกว่าตอนคุยกับเธอ

นราภัทรไม่ได้ยินเสียงจากปลายสาย และไม่สนใจฟัง เพราะไม่อยากรู้เรื่องส่วนตัวของบริพัทธ์เลย

“ไปหัวหิน ไปเลี้ยงส่งน้องในฝ่ายมัน”

“ก็ขับรถไปคนเดียวสิ จะให้ไปกับใคร” ชายหนุ่มใส่อารมณ์ไม่น้อย

นราภัทรได้ยินเข้าก็ขมวดคิ้ว แอบคิดในใจ ‘พี่ขับรถไปคนเดียว แล้วหนูเป็นแมลงสาบที่ติดรถพี่ไปรึไงคะ’

“รุ่นน้องในฝ่ายก็ผู้ชายทั้งนั้น เดี๋ยวไปถึงหัวหินเมื่อไหร่จะถ่ายรูปแล้วส่งไปให้ดู”

‘ฮ่าๆ นอกจากจะเป็นแมลงสาบแล้ว ยังเป็นแมลงสาบเพศผู้ด้วย แปลงเพศโดยไม่ต้องผ่านโรงพยาบาลยันฮีเลยนะเนี่ย’ หญิงสาวคิดให้ขำๆ เข้าไว้ ทั้งที่รู้สึกไม่พอใจ แล้วคะแนนของบริพัทธ์ในสายตาเธอก็ยิ่งติดลบไปกันใหญ่

คนที่โทร. มาคงจะเป็นแฟนของเขาซึ่งโทร. มาเช็กว่าบริพัทธ์อยู่ที่ไหน อยู่กับใคร กำลังทำอะไรอยู่ เพราะถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสถานะนี้ บริพัทธ์ก็ไม่จำเป็นต้องโกหกว่ามีเธอติดรถมาด้วย ช่วงที่อยู่มหาวิทยาลัย เธอเห็นเพื่อนผู้ชายพูดแบบนี้ประจำเพื่อไม่ให้แฟนสาวหึงหวงจนก่อเรื่องวุ่นวาย

ชายหนุ่มยังพูดอีกสองสามคำ จากนั้นก็วางสายไป บรรยากาศในรถจึงเงียบสนิท

“เอาเป็นกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดข้างหน้าแล้วกันนะ น้องน้ำริน” บริพัทธ์พูดด้วยสีหน้าเป็นปกติ ราวกับเมื่อกี้ไม่ได้โกหกคนปลายสายไป ทั้งที่นราภัทรก็ได้ยินเต็มสองหู

“ค่ะ” หญิงสาวตอบรับพลางมองเขาด้วยความแปลกใจ เพราะคิดว่าเขาน่าจะแก้ตัวเรื่องเมื่อครู่บ้าง

แต่...ไม่เลย บริพัทธ์ไม่ได้มีท่าทางผิดปกติอะไรเลย ทำเหมือนเหตุการณ์เมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นด้วยซ้ำ

นราภัทรไม่ถามว่าใครโทร. มาหรือขุดคุ้ยว่าเขาโกหกทำไม เธอเป็นแค่เพื่อนร่วมงานของเขาเท่านั้น และไม่คิดจะเปลี่ยนสถานะตัวเองด้วย

พี่บีก็เป็นผู้ชายประเภทบีสมชื่อนั่นแหละ...ประเภท บี ที่มาจากคำว่า บอริ่ง และคำว่า บูลชิตเตอร์ น่ะนะ
.........................................

ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่า



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ม.ค. 2558, 04:11:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ม.ค. 2558, 04:11:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1101





<< บทที่ 6/1   บทที่ 7/1 >>
ใบบัวน่ารัก 8 ม.ค. 2558, 06:56:19 น.
ห่วงกันน้ำ อะดิ ยังเด็กบ้า
น่าจะย้ายไปแผนกอื่นนะ นิสัยไม่ดีเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account