จุมพิตนิทรา
"หากได้พบเธอแค่เพียงในฝัน ฉันก็ปรารถนาจะหลับใหลไปชั่วกาล"

นราภัทร วิศวกรคอมพิวเตอร์สาวมั่นที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
แต่หลังจากไปไหว้พระตรีมูรติ เธอก็ได้พบกับคนที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ
"เขา" ทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอหัวเราะ ทำให้เธอมีความสุขได้
แต่ "เขา" อยู่แต่ในความฝันของเธอเท่านั้น
นราภัทรแค่ฝันไป? หรือ เขาคือเนื้อคู่ที่สวรรค์ประทานลงในให้?

Tags: โรแมนติก,ดราม่า,ความฝัน,รักในฝัน

ตอน: บทที่ 7/1

7

กว่าจะฝ่าการจราจรติดขัดมาถึงหัวหินได้ก็บ่ายสี่โมงเย็นแล้ว นับว่ามาถึงช้ากว่าที่คาดไว้มาก แต่เพราะนราภัทรไม่มีโปรแกรมจะเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษ หญิงสาวจึงไม่ถึงกับออกอาการหงุดหงิด คนที่ขลุกอยู่กับคอมพิวเตอร์ทุกวันอย่างเธอแค่ได้มาเที่ยวทะเลก็เปรียบเหมือนกับได้ขึ้นสวรรค์แล้ว แม้จะเป็นเวลาแค่ช่วงสั้นๆ แต่ก็นับว่ายังดีที่ได้มา

นราภัทรไม่แน่ใจว่าครั้งล่าสุดที่เธอมาเที่ยวทะเลนั้นผ่านมากี่ปีแล้ว ช่วงปีหลังๆ งานในฝ่ายเทมาที่เธอค่อนข้างมากเพราะพนักงานที่เข้ามาใหม่นั้นมักจะอยู่ทำงานได้ไม่กี่เดือน งานที่ค้างไว้ก็ต้องอาศัยเธอนี่ละที่เป็นคนสะสางให้ แต่พอฝ่ายแบ่งทีมใหม่ งานถูกแยกออกไปตามประเภทอย่างชัดเจน งานของเธอจึงลดน้อยลง

สาเหตุแท้จริงที่หญิงสาวไม่บ่นเลยนั้น น่าจะมาจากการนั่งอยู่ในรถนานๆ และต้องทนคุยกับบริพัทธ์มาตลอดทางทำให้เธอมึนหัว เพลีย อยากจะพักผ่อน จนหมดแรงจะทำอะไรทั้งสิ้น

เมื่อมาถึงที่พักซึ่งอยู่ติดกับหาดหัวหิน บริพัทธ์ซึ่งวิญญาณสุภาพบุรุษเข้าสิงก็แย่งเป้ใบโตจากนราภัทรไปสะพายเสียเอง หญิงสาวมองเขาแล้วก็นึกขำ เธอเป็นผู้หญิงแท้ๆ มีเป้ใส่สัมภาระเพียงใบเดียว ส่วนเขาซึ่งเป็นผู้ชายกลับใช้กระเป๋าล้อลากใบเล็กซึ่งจุสัมภาระได้มากกว่า ดูกลับตาลปัตรกันชอบกล

ที่พักของพวกเขาเป็นโรงแรมที่ตกแต่งภายในด้วยสไตล์โคโลเนียล อดีตเคยเป็นบ้านพักตากอากาศของเจ้าขุนมูลนายมาก่อน
เอมอรนั่งชะเง้อชะแง้รออยู่ในล็อบบีโรงแรม พอเห็นหัวหน้าทีมของตนปุ๊บ เธอก็ปราดเข้ามาหาบริพัทธ์ปั๊บ นราภัทรซึ่งเดินตามหลังชายหนุ่มมาหลายก้าวเห็นชัดว่าเอมอรจ้องดูสัมภาระที่เขาถืออยู่

วิศวกรสาวถอนหายใจเล็กน้อย แต่เดิมก็ไม่คิดว่ามาหัวหินจะสนุกอยู่แล้ว ทั้งต้องนั่งรถบริพัทธ์มา แล้วนี่ยังอาจจะต้องมาถูกเอมอรคอยจิกกัดอีก...นอนอยู่คอนโดฯ น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุดสำหรับการพักผ่อนในวันหยุดสุดสัปดาห์

“ทำไมมาช้าจังล่ะคะพี่บี นี่รอพี่น้ำอยู่เหรอคะเลยมาช้าขนาดนี้ พี่น้ำก็...ใช้หัวหน้าของเอลากกระเป๋ามาได้ยังไงคะเนี่ย”
เอมอรถามเสียงสูงเรียกร้องความสนใจ ทำให้นราภัทรปวดหัวหนักขึ้น แต่ไม่เท่ากับคำพูดของเอมอรที่บอกว่าเธอเป็นสาเหตุทำให้มาช้า และยังต่อว่าเธอที่ให้บริพัทธ์ถือกระเป๋าให้อีก หญิงสาวรู้สึกได้ว่าความโกรธพุ่งขึ้นสูง และอ้าปากเตรียมจะฉะใส่เอมอรสักรอบ แต่บริพัทธ์ชิงพูดขึ้นก่อน

“อย่าโทษใครทั้งที่ยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุสิเอ พี่ติดธุระเลยทำให้ไปรับเขาช้ามากน่ะ แล้วที่มาสายขนาดนี้เพราะว่ามีรถชนกันหลายที่ ส่วนน้องน้ำรินเขาก็ไม่ได้ใช้พี่ พี่ถือให้น้องเขาเอง เป็นผู้หญิงจะปล่อยให้ถือของหนักได้ยังไง”

นราภัทรอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่ไม่ใช่เพราะบริพัทธ์แก้ตัวแทนให้ ทว่าเป็นเพราะเอมอรหน้าเสียไปขณะหนึ่งที่ถูกตำหนิ

“ขอโทษค่ะ เอไม่ได้ตั้งใจ แค่เห็นว่าสายขนาดนี้แล้วยังมาไม่ถึง ไม่รู้เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นหรือเปล่า” แทนที่เอมอรจะขอโทษกับนราภัทร เธอกลับไปทำหน้าจ๋อยสำนึกผิดกับหัวหน้าทีมของตัวเอง

แล้วนราภัทรก็แอบสะใจเพิ่มเมื่อบริพัทธ์กล่าวว่า “ไปขอโทษน้องน้ำรินเถอะ พี่ไม่อะไรหรอก”

เอมอรหันมาทางนราภัทรอย่างเสียไม่ได้ “ขอโทษค่ะพี่น้ำ เอใจร้อนไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร” หญิงสาวรู้สึกว่าช่วงนี้พูดคำนี้บ่อยเหลือเกิน แต่ดูจากอัตราส่วนความถี่ที่เอมอรลามปามเธอแล้ว นราภัทรคาดว่าใกล้จะถึงวันที่เธอ ‘เป็นอะไร’ ในไม่ช้านี้แน่ๆ

“มาค่ะ เอช่วยหิ้ว” อาจเพราะเห็นสีหน้าของนราภัทรสวนทางกับคำพูด เอมอรจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นกุลีกุจอช่วยเหลือ

“ไม่ๆ กระเป๋าลากนี่ของพี่ ส่วนของน้องน้ำรินใบนี้” คนที่พยายามเป็นสุภาพบุรุษส่งเป้ให้สาวรุ่นน้องอย่างไม่ขัดศรัทธา

เอมอรทำหน้าแปลกใจที่สัมภาระของรุ่นพี่สาวมีเพียงเป้ใบเดียว ขณะที่ของบริพัทธ์เป็นกระเป๋าลาก

“ไม่ต้องหิ้วให้หรอก ของพี่เบาๆ” นราภัทรดึงเป้มาถือไว้เองพลางมองหาคนอื่นๆ ในฝ่าย

“แล้วนี่คนอื่นไปไหนกันหมดล่ะ”

“บางคนก็นอนอยู่ บางคนก็ไปเดินเที่ยวที่ชายหาดกับเพลินวานค่ะ” เอมอรรายงาน

นราภัทรพยักหน้ารับรู้พลางคิดว่าจะทำอะไรต่อไปดี จะเดินเที่ยวหรือนอนพัก

ไม่นานบริพัทธ์ก็แจ้งกับทางโรงแรมว่าคนที่จองห้องไว้มาครบเรียบร้อยแล้ว นราภัทรจึงสะพายเป้ไปยังห้องพักโดยมีเอมอรนำทางไปให้ เธอพักกับเอมอรหนึ่งห้อง ส่วนกลุ่มผู้ชายที่เหลืออีก 11 คนพักในห้องใหญ่ที่นอนได้สี่คนจำนวนสองห้อง กับห้องพักห้องเล็กอีกสองห้อง โดยที่บริพัทธ์ได้นอนคนเดียว ห้องที่นราภัทรพักเป็นวิลลาในสวน มีเตียงใหญ่เตียงเดียว ตกแต่งโทนสีฟ้าอ่อนและสีขาวดูสบายตา ผนังห้องด้านหนึ่งสกรีนรูปชายหาดเต็มพื้นที่ และแขวนเปลญวนไว้อย่างน่ารัก สร้างบรรยากาศให้เหมือนกำลังนอนอยู่ริมทะเลจริงๆ มองแล้วสบายตาเป็นอย่างมาก

ท้ายที่สุดหญิงสาวก็พ่ายแพ้แก่แรงดึงดูดจากเตียงนอนนุ่มๆ กับแอร์เย็นฉ่ำ ขอนอนก่อนทำอะไรทั้งสิ้น โดยสั่งให้เอมอรปลุกเธอด้วย แม้ว่าเอมอรทำท่าเหมือนจะถามอะไรสักอย่าง แต่ก็อ้ำอึ้งไม่พูดอะไรออกมาเสียที


ตอนหกโมงครึ่งเย็น เอมอรก็เข้ามาปลุกนราภัทรตามที่หญิงสาวสั่งเอาไว้ นราภัทรจึงลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวใหม่ จนสดชื่นขึ้นมาก ระหว่างทางเดินไปยังร้านอาหารซึ่งอยู่ริมชายหาด นราภัทรยังฮัมเพลงเบาๆ ยามแหงนมองผืนฟ้าที่ค่อยๆ มืดลง

“แหม หายไปไหนกันมาสองต่อสองกับพี่บีครับพี่ มาซะตั้งสี่โมงเย็น” ทันทีที่เจอกันหน้าร้านอาหาร พลก็ทักแซวนราภัทร ทำเอาคนที่ได้นอนพักแล้วอารมณ์ดีขึ้นรู้สึกแย่ขึ้นมาอีกครั้ง

“ไปเชียงใหม่มามั้ง” หญิงสาวตอบส่งๆ ไป ไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วย

“ไปยังไงครับพี่ เครื่องบินเหรอ ได้เที่ยวที่ไหนบ้างเนี่ย” พลยังพูดไม่เลิก

“พอเหอะพล พี่หิวข้าว” นราภัทรตัดบทเอาดื้อๆ มื้อเที่ยงได้กินเอาตอนบ่ายกว่า ตอนนี้เธอหิวจนหน้ามืดตาลายไปหมดแล้ว

“ครับๆ ไม่ขัดคนหิวแล้ว เดี๋ยวจะโดนกัดเอาแผลเหวอะ” พลเดินนำไปยังโต๊ะที่นำมาต่อเรียงกันสามโต๊ะ คนอื่นๆ ในฝ่ายมานั่งรอกันหมดแล้ว แต่ละคนดูท่าจะหิวโซไม่ต่างจากนราภัทร คาดว่าคงจะหิ้วท้องไว้รอกินเต็มที่ในงานนี้รวดเดียว เพราะเป็นกลุ่มที่มาถึงช้าที่สุด เหลือที่นั่งอยู่สามที่ ฝั่งซ้ายเหลือที่เดียว ฝั่งขวาเหลือสองที่ นราภัทรจึงเดินไปท้ายโต๊ะ คิดจะนั่งฝั่งขวา แต่ปรากฏว่าบริพัทธ์ที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายกลับลุกขึ้นยืนเรียกเธอแถมยังเลื่อนเก้าอี้ให้ หญิงสาวจำใจต้องนั่งลงตรงนั้น ส่วนเอมอรที่ช้าไปก้าวหนึ่งต้องไปนั่งตรงข้ามกับนราภัทรแทนอย่างฮึดฮัดเล็กน้อย

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ละคนต่างสั่งอาหารและกินกันอย่างเต็มที่ แต่นราภัทรอึดอัดเอามากๆ เพราะบริพัทธ์คอยเอาใจเธอไม่ห่าง เดี๋ยวรินน้ำให้ เดี๋ยวตักอาหารให้ ในขณะที่เอมอรซึ่งนั่งตรงข้ามเธอจ้องมาเขม็ง

“พอแล้วค่ะพี่บี เดี๋ยวน้ำอ้วน” หญิงสาวยกมือห้ามปรามเมื่อเขาทำท่าจะตักเนื้อปลาเปรี้ยวหวานให้เพิ่ม “โน่น ไปตักให้ลูกน้องทานบ้างเถอะค่ะ เอน้อยใจใหญ่แล้วนะ หัวหน้าทีมไม่ดูแลลูกน้องเลย”

“เอนั่งอยู่ตรงข้ามน่ะ พี่เอื้อมลำบาก ให้พลตักให้เอดีกว่า” ชายหนุ่มปฏิเสธทันควัน
นราภัทรกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่ายใจไม่น้อย คิดเสียว่าเดี๋ยวก็ผ่านไป

พลเหล่มองอาหารในจานของนราภัทรกับบริพัทธ์แล้วเอ่ยแซว “แหม กินเหมือนกันเชียวนะครับ ชอบอะไรๆ เหมือนกันเหรอครับเนี่ย เนื้อคู่กันหรือเปล่านะ”

‘เฮ้ยๆ ไม่ใช่นะ ฉันกินเพราะจานมันอยู่ตรงหน้าต่างหาก เน้นหยิบง่าย แล้วไอ้อาหารที่อยู่ไกลๆ นั่นตาพี่บีก็ตักมาให้เอง ไม่ได้ขอเลยย่ะ’ นราภัทรแย้งอยู่ในใจพลางมองพลด้วยสายตาพินิจพิจารณา แอบรู้สึกว่าวันนี้พลปากเปราะเป็นพิเศษ

“พี่พลก็พูดไปได้ กับข้าวในจานพวกเราทั้งหมดก็คล้ายกันทั้งนั้นแหละ ดูจานเอกับจานพี่บีสิเหมือนกันเลย”

นี่เป็นครั้งแรกเลยที่นราภัทรชอบคำพูดของเอมอร

“จะเป็นเนื้อคู่กันหรือไม่ไม่ได้ดูจากอาหารในจานแน่ๆ ไม่งั้นแกกับพี่บีอาจจะเป็นเนื้อคู่กันก็ได้ อาหารเหมือนกันเป๊ะเลยนี่...นั่งตรงข้ามกันด้วย…หรือแกชอบพี่บีวะพล” หญิงสาวใช้วิธีแซวกลับเพื่อให้เรื่องห่างตัว

“เฮ้ย! เดี๋ยวฟ้าผ่านะพี่น้ำ พูดอะไร ผมชอบผู้หญิง พี่บีก็ชอบผู้หญิงเนอะ” พลหันไปพยักพเยิดกับคนที่นั่งอยู่ตรงข้าม

“ใช่ พี่ชอบผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงเก่งๆ” บริพัทธ์เน้นคำท้ายเป็นพิเศษ มิวายปรายตามาทางผู้หญิงข้างตัว

นราภัทรแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ “เอ๊ะ! หรือว่าพี่บีชอบพี่ตาคะ พี่ตาเป็นผู้หญิงเก่ง ตำแหน่งผู้อำนวยการเชียวนะ ตรงสเปกพี่บีพอดีเลย...ไม่ได้นะ รายนั้นเขามีลูกมีสามีแล้ว จะไปเป็นชู้มันไม่ดีนะคะ” จบประโยคของเธอ คนในฝ่ายก็ฮาครืนกันไป ส่วนบริพัทธ์เลิกคิ้วมองคนพูดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่พูดอะไร แล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อไป

งานเลี้ยงดำเนินไปอย่างราบรื่น ก้อง หรือจักรพันธ์ซึ่งกำลังจะเป็นเจ้าบ่าวกล่าวคำขอบคุณที่ทุกคนในฝ่ายร่วมกันจัดงานนี้ให้ แต่ละคนต่างอวยพรให้จักรพันธ์พบกับความสุขและความสำเร็จในชีวิต บางรายที่สนิทหน่อยก็นำของขวัญมาให้รวมทั้งนราภัทรที่ให้ของขวัญเขาเป็นกรอบรูปเก๋ไก๋ ซึ่งใส่รูปของเพื่อนๆ ทุกคนในฝ่ายไว้ ในนั้นมีภวิตาอยู่ด้วย จึงได้เสียงฮากันอีกครั้งเมื่อมีเพื่อนคนหนึ่งตะโกนว่า “อย่าลืมพี่ตานะ” ทำเอาทุกคนหัวเราะครืน เพราะเจ้านายอย่างภวิตานี่ละ ที่พนักงานอยากจะลืมๆ ไปมากกว่าจะจดจำไว้

“น้องน้ำริน เดี๋ยวพองานเลี้ยงจบแล้ว พี่ขอเวลาหน่อยได้ไหมครับ” บริพัทธ์เอียงหน้ามากระซิบบอกหญิงสาว

นราภัทรงง แต่เพราะไม่ได้ติดธุระจึงพยักหน้าตกลง คิดไปว่าบริพัทธ์อาจจะปรึกษาเรื่องงานเหมือนอย่างทุกที แต่ก็ดูเหมือนไม่มีงานที่จะต้องส่งช่วงนี้

แล้วหญิงสาวก็เกิดวิตกจริตขึ้นมา บริพัทธ์ยังไม่คุ้นเคยกับงานที่นี่เลย แม้ว่าจะทำงานมาได้หลายเดือนแล้ว ถ้าเขาเกิดลาออกขึ้นมา งานที่เธอต้องทำก็จะหนักขึ้น... แล้วถ้าบริพัทธ์ลาออกหลังจากที่มาปรึกษากับเธอละก็ ภวิตาอาจจะหาว่าเธอโน้มน้าวให้หัวหน้าทีมเซิร์ฟเวอร์ลาออกก็ได้ เพราะก่อนหน้านี้พนักงานทั้งหมดที่ออกไปมักจะมาปรึกษาเธอก่อน แล้วก็ไปขอลาออกกับภวิตา จนภวิตาเอาปูนหมายหัวเธอว่ายุยงให้พนักงานลาออก ซึ่งเหตุผลที่ทุกคนลาออกกันก็เพราะงานหนัก ได้เงินเดือนไม่คุ้มกับหน้าที่ที่ต้องทำ นราภัทรเองถ้าไม่ติดว่ามารดาอยากให้ลูกสาวทำงานในกระทรวงนักหนา ก็อยากจะไปเหมือนกันละ ไม่มีใครลาออกเพราะเธอยุยงแม้แต่น้อย

“คุยอะไรกันอยู่คะ” เอมอรถามขึ้นมาอย่างไม่คิดจะเก็บความสงสัย

“พี่บีเขาจะปรึกษาเรื่องงานน่ะ” นราภัทรตอบตามความเข้าใจ

บริพัทธ์ขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไร

“โห พี่บีครับ มาถึงนี่แล้วพักๆ บ้างเถอะ งานน่ะเอาไว้ทีหลังดีกว่า” พลทำหน้าเบ้

“เรื่องมันสำคัญน่ะ” บริพัทธ์ตอบสั้นๆ

‘โอ ไม่นะ...ไม่ใช่เรื่องลาออกใช่ไหม’ นราภัทรตาลุก เกิดอาการกระต่ายตื่นตูม ระดมทุกเหตุผลที่มีอยู่ในหัวเอาไว้หว่านล้อมไม่ให้บริพัทธ์ลาออก เพราะไม่อยากทำงานเพิ่มขึ้นเมื่อหัวหน้าทีมขาดไปหนึ่งคน

“แหม นี่มันนอกเวลางานนะครับ จะปรึกษาอะไรเกรงใจพี่น้ำแกนิดนึงเถอะ เอ๊ะ หรือว่าไม่ต้องเกรงใจกันเพราะว่าเป็นแฟนกันแล้ว” พลหรี่ตามองทั้งคู่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์

“ทะลึ่งละ ฉันไม่ใช่แฟนพี่บี พล เมาแล้วกลับไปนอนไป” นราภัทรเอ่ยด้วยท่าทางขึงขังเด็ดขาด

“แอ๊ เขินอยู่หรือเปล่าพี่” หนุ่มรุ่นน้องยกนิ้วชี้ ทำหน้าทำตาที่หญิงสาวเห็นแล้วอยากจะซัดสักป้าบ

“ไม่ได้เขิน แต่ฉันไม่ใช่แฟนพี่บี เข้าใจไหม หรือ...อยากลงไปดื่มน้ำทะเลให้หายเมา” อดีตพี่ว้ากคณะวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ยิ้มหวานซ่อนพิษร้ายใส่

พลเสียวสันหลังวูบแต่ก็ยังไม่วายแซวต่อ “อ๋า โหดจัง พี่บี ดูแลแฟนพี่หน่อยดิ๊”

บริพัทธ์ไม่พูดอะไร เอาแต่หัวเราะในลำคอ

“เอ๊ะ! พี่พลนี่พูดไม่รู้เรื่อง พี่น้ำบอกว่าไม่ใช่แฟนๆ ไม่ได้ยินหรือไง” เอมอรซึ่งทนฟังอยู่นานสองนานถึงกับทุบโต๊ะดังตึง จนคนปากพล่อยสะดุ้งโหยง ตกใจเหมือนขวัญหาย พูดออกมาได้แค่คำว่า...

“ครับ”

และเพราะเอมอรทุบโต๊ะ ทำให้ทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อย อย่างน้อยนราภัทรก็ไม่ได้ยินเสียงแซวจากพลอีก

......................
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ / เจอกันวันจันทร์หน้าค่ะ ใครติดตาม ฟ้า เดี๋ยวจะมีเกมง่ายๆ แจก สคส. สวยๆ ด้วยน้า ^^
..........................

ตอบเมนท์

คุณ ใบบัวน่ารัก - นางเอกฝันไปค่ะ ส่วนพระเอกมีตัวตนจริงไหม๊ รออ่านต่อไปนะคะ หุๆๆๆๆ

คุณ ปรางขวัญ - ตัวเก๊าก็อยากเจอเจ้าชายในฝันเหมือนกานนนนนน




ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2558, 04:13:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2558, 04:13:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1113





<< บทที่ 6 /2   บทที่ 7/2 >>
ใบบัวน่ารัก 9 ม.ค. 2558, 07:26:40 น.
บีแอบเปนเก
มีซัมติงบางอย่างแน่ๆ
แฟนคนในฝันน้ำ มาซะที น้ำจะถูกสารภาพรักแล้วนะ


ปรางขวัญ 9 ม.ค. 2558, 11:52:36 น.
คนในฝันออกมาได้แล้วววค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account