จุมพิตนิทรา
"หากได้พบเธอแค่เพียงในฝัน ฉันก็ปรารถนาจะหลับใหลไปชั่วกาล"

นราภัทร วิศวกรคอมพิวเตอร์สาวมั่นที่ทั้งชีวิตนี้ไม่เคยเชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ
แต่หลังจากไปไหว้พระตรีมูรติ เธอก็ได้พบกับคนที่มาเปลี่ยนแปลงชีวิตเธอ
"เขา" ทำให้เธอยิ้ม ทำให้เธอหัวเราะ ทำให้เธอมีความสุขได้
แต่ "เขา" อยู่แต่ในความฝันของเธอเท่านั้น
นราภัทรแค่ฝันไป? หรือ เขาคือเนื้อคู่ที่สวรรค์ประทานลงในให้?

Tags: โรแมนติก,ดราม่า,ความฝัน,รักในฝัน

ตอน: บทที่ 7/2

.............................................

หลังจากที่เดินมาส่งเอมอรกลับที่พักเรียบร้อยตามหน้าที่รุ่นพี่ที่ดีแล้ว นราภัทรก็ออกมาหน้าโรงแรม ซึ่งจัดชุดโต๊ะเก้าอี้ไว้บริการแขก บริพัทธ์นั่งรออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว หญิงสาวจึงเดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามกับเขา รู้สึกถึงภาระหนักอึ้งบนบ่าที่จะต้องรั้งหัวหน้าทีมเซิร์ฟเวอร์ของฝ่ายพัฒนาระบบสารสนเทศไว้ให้ได้

บริพัทธ์มองหน้านราภัทรแล้วก็ไม่พูดอะไรออกมาเสียที จนคนที่ตั้งใจเฟ้นหาเหตุผลร้อยแปดมาล่วงหน้ารำคาญจึงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาเอง

“พี่คะ ตกลงจะคุยอะไรคะ”

“น้องน้ำริน พี่ก็อายุสามสิบห้าเข้าไปแล้ว...” ท่าทางของบริพัทธ์เต็มไปด้วยความขัดเขิน เขายกมือขึ้นเกาศีรษะเหมือนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

“อ่า...ค่ะ”

“พี่ก็เริ่มมองอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม”

“แล้วยังไงคะ” หัวสมองของนราภัทรหมุนเร็วจี๋เพื่อหาข้อดีของการทำงานกระทรวงนี้ต่อไป

“พี่อยากได้คนที่จะมาเดินเคียงข้างไปกับพี่ แล้วพี่อยากให้คนคนนั้นเป็นน้องน้ำริน”

“หือ” นราภัทรขมวดคิ้ว คิดว่าตัวเองหูฝาดไปแน่ๆ หน้าตาจึงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

“เป็นแฟนกับพี่นะครับ” ชายหนุ่มรวบมือทั้งสองของน้ำรินไว้ ทำเอาเธอตัวแข็งทื่อด้วยความรังเกียจสัมผัสของอีกฝ่าย จนต้องท่องคำว่าอดทนไว้เพื่อไม่ให้ขาดสติแล้วทุ่มอีกฝ่ายลงนอนแอ้งแม้ง

“เป็นครั้งแรกที่พี่ขอคบใครก่อน มันอาจไม่โรแมนติกนัก แต่พี่ก็พูดด้วยความจริงจากหัวใจทั้งหมดเลยนะ”

นราภัทรร้องเฮ้ยในใจติดๆ กันเป็นร้อยคำในเวลาหนึ่งนาที หญิงสาวกะพริบตาปริบๆ มองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อตอนกลางวันเขายังคุยกับผู้หญิงของเขาอยู่เลย...บอกว่ามาหัวหินคนเดียว ไม่มีใครมา ปล่อยให้เธอเป็นแมลงสาบในรถไป แล้วตกค่ำกลับมาขอคบเธอเป็นแฟนเนี่ยนะ คำว่าจริงใจมันอยู่ตรงไหนนะ เธอชักอยากเอาไม้บรรทัดมาวัดความหนาของใบหน้าบริพัทธ์แล้วว่าหนาเท่าไร ทำไมถึงได้ไม่มีความละอายเอาเสียเลย

“พี่คะ พี่ล้อเล่นอะไรคะเนี่ย” หญิงสาวตัดสินใจถาม ถ้าเขายอมกลับคำว่าเป็นการล้อเล่น เธอก็จะปล่อยให้เรื่องมันจบๆ ไป นึกเสียว่าอยู่ในรายการประเภทหลอกผู้ชมให้ตกใจแล้วกัน

“พี่ไม่ได้ล้อเล่นนะ น้องน้ำริน” บริพัทธ์เอ่ยเสียงเข้มขึ้น

“คือพี่ก็มีแฟนอยู่แล้ว มาพูดกับน้ำแบบนี้ มันไม่ดีต่อแฟนของพี่นะคะ” หญิงสาวเตือนเขาอ้อมๆ

“แฟนอะไร พี่ไม่มีแฟน พี่ก็เคยบอกน้ำแล้วนี่ว่าพี่ไม่มีแฟน” บริพัทธ์รีบปฏิเสธออกมาจนลิ้นแทบจะพันกัน

นราภัทรเผลอทำหน้าเหนื่อยใจออกมาวูบหนึ่ง แล้วถามไปชัดๆ “แล้วคนที่โทร. มาเมื่อตอนบ่ายนั่นล่ะคะ”

“นั่นเพื่อนสนิท ไม่ใช่แฟน”

‘เอ้อ...นะ เพื่อนสนิท’ หญิงสาวไม่คิดจะเชื่อคำโกหกของเขา

การกระทำแบบนี้ถ้าเป็นสมัยที่นราภัทรยังเป็นวัยรุ่นอยู่ หญิงสาวเชื่อแน่ว่าตัวเองจะเอาน้ำสาดใส่หน้าบริพัทธ์ให้เขาได้สติ จากนั้นก็ตามด้วยการยกเก้าอี้ทุ่มใส่หัวเขาเพื่อเอาเลือดชั่วๆ ออกจากตัวเขา เป็นการช่วยให้เขาไม่ทำตัวเป็นผู้ชายสารเลวที่คบผู้หญิงซ้อนอีกต่อไป ตอนนี้นราภัทรก็รู้สึกว่าการทำเช่นนั้นน่าจะเป็นผลดีต่อบริพัทธ์มาก แต่น่าเสียดายที่เธอไม่อยากให้ความสัมพันธ์ในที่ทำงานเลวร้ายลงไปกว่านี้ และการเอาเขาเข้าโรงพยาบาลในช่วงนี้จะลำบากเธอและคนอื่นๆ ในฝ่ายให้ต้องดูแลเขาด้วย
พอไตร่ตรองแล้วว่านี่ไม่ใช่หนทางที่ควรกระทำ นราภัทรก็ฉีกยิ้ม พยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของเขา ทว่าบริพัทธ์ไม่ยอมปล่อย

หญิงสาวสวมหน้ากากสาวแสนดีพลางพูดอย่างนางเอกในละครหลังข่าวว่า

“น้ำขอบคุณในความรู้สึกที่พี่บีมีให้น้ำมากนะคะ” หญิงสาวเว้นวรรคไปชั่วครู่ พอให้อีกฝ่ายมีสีหน้าแช่มชื่นขึ้นเพราะคิดว่าจะสมหวัง แล้วจึงพูดดับความหวังลงไป “แต่น่าเสียดายที่น้ำไม่สามารถตอบตกลงคบหากับพี่บีได้”

“ทำไมล่ะ พี่เองก็ไม่มีแฟน น้องน้ำรินก็ยังไม่มีใคร หรือน้องน้ำรินไม่เชื่อเรื่องที่พี่พูด พี่โทร. กลับไปให้เพื่อนพี่ยืนยันกับน้องก็ได้นะครับ”

“คือ...เรื่องแฟนพี่ไม่ใช่ปัญหาค่ะ ประเด็นคือน้ำเพิ่งตอบตกลงคบหาเป็นแฟนกับผู้ชายคนหนึ่งไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้เองค่ะ” หญิงสาวยิ้มหวานหยดย้อย

“ไม่จริงน่ะ” บริพัทธ์หลุดคำนี้ออกมา

“เป็นเรื่องจริงที่สุดค่ะ ตอนแรกน้ำก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันว่าเขาจะขอคบ เจอหน้ากันทีไรมีเรื่องให้ทะเลาะกันตลอด เพราะเขาชอบยั่วให้น้ำโมโหบ่อยๆ น้ำก็เลยไม่เคยคิดกับเขาในแง่นี้มาก่อน พอเขามาขอคบก็ตกใจ แต่ในที่สุดก็ตอบรับเขาไปแล้วละค่ะ” นราภัทรเอ่ยยาวๆ ออกมา ออกอาการเหมือนผู้หญิงที่มีความรักแบบที่เคยเห็นในละครหรือซีรีส์ต่างๆ แม้ภายนอกจะยิ้ม แต่ภายในนั้นกรุ่นๆ ด้วยบริพัทธ์จับมือเธอไว้ไม่ปล่อยเสียที

“พี่บีคะ ปล่อยมือน้ำเถอะค่ะ”

ชายหนุ่มรู้สึกตัวจึงค่อยๆ ปล่อยมือบางออกอย่างไม่เต็มใจนัก

“แฟนน้ำขี้หึงมากน่ะค่ะ เขาบอกกับน้ำว่าคุณต้องมีผมแค่คนเดียวเท่านั้นทั้งยามหลับและยามตื่น ดูสิคะ ยามหลับยังไม่ยอมให้น้ำฝันถึงผู้ชายคนอื่นเลย”

“ทำไมเขายอมปล่อยให้น้องน้ำรินมาเที่ยวหัวหินกับผู้ชายทั้งฝูงได้ล่ะ เป็นพี่ พี่จะไม่ปล่อยให้แฟนมาหัวหินคนเดียวหรอก” น้ำเสียงของบริพัทธ์กระด้างและบอกชัดว่าไม่เชื่อถือ แถมยังใส่ไฟไปในตัว

“แฟนน้ำเขาเชื่อใจน้ำค่ะ เขารู้ดีว่าน้ำไม่ใช่ผู้หญิงเหลวไหล และน้ำดูแลตัวเองได้ค่ะ น้ำคบใครก็คบทีละคน ไม่สร้างปัญหามีกิ๊กให้เขาแน่ๆ” นราภัทรพูดเอาตัวรอดไปก่อน แต่ไม่ลืมแขวะคนตรงหน้า เพราะรู้สึกว่าเขาช่างน่ารังเกียจและน่าขยะแขยงมาก
“แฟนน้ำคงเป็นคนดีมากสินะ” บริพัทธ์ประชด

“เป็นเหมือนชายในฝันของน้ำเลยค่ะ นี่ก็ดึกแล้ว น้ำขอตัวก่อนนะคะ พี่บี” หญิงสาวรีบลุกเดินออกมาจากโต๊ะ เพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศมาคุ หากได้ต่อปากต่อคำกันเพิ่มละก็ เธอกับบริพัทธ์อาจจะบาดหมางกันครั้งใหญ่ แล้วลุกลามบานปลายจากเรื่องส่วนตัวกลายเป็นเรื่องงานก็ได้ หญิงสาวจึงหลีกเลี่ยงการปะทะด้วยการเดินจากมา นราภัทรคิดในใจว่า โชคดีที่สัปดาห์หน้าเธอมีอบรม ไม่ต้องเห็นหน้าบริพัทธ์ไปอีกเจ็ดวัน ถึงตอนนั้นบริพัทธ์คงจะทำใจได้แล้ว และไม่มาวอแวให้เธอรำคาญอีก

เมื่อกลับมาถึงห้องพักในเวลาสี่ทุ่มครึ่ง เอมอรซึ่งบอกกับเธอว่าสี่ทุ่มจะต้องนอนเพื่อรักษาสุขภาพและความงามยังเปิดโทรทัศน์อยู่ ทำให้นราภัทรประหลาดใจนิดๆ แต่แล้วก็ถึงบางอ้อเมื่อเอมอรถามขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว

“พี่บีเขาคุยอะไรเหรอคะ”

“ก็ไม่มีอะไร แค่เรื่องงานเอกสารน่ะ” หญิงสาวบอกปัดไป หากให้รู้ว่าบริพัทธ์มาขอคบเธอเป็นแฟน สงสัยเอมอรได้ก่อเรื่องให้เธอปรอทแตกหนักกว่าเก่า

“เหรอคะ...” เอมอรดูจะเชื่อ แถมยังทำท่าโล่งอกเสียด้วย

นราภัทรรู้สึกว่าจะดีชั่วอย่างไร เอมอรก็เป็นรุ่นน้อง เธอจึงเอ่ยเรื่องที่วันนี้บริพัทธ์รับสายโทรศัพท์และโกหกว่าไปหัวหินคนเดียวให้เอมอรฟัง ก่อนจะตบท้ายว่า “พี่บีเขามีแฟนอยู่แล้วนะเอ”

“พี่บีเคยบอกเอว่าพี่เขาไม่มีแฟน อย่ามาตู่น่ะพี่น้ำ” เอมอรเถียงคอเป็นเอ็น แม้ว่าใบหน้าจะซีดลงก็ตาม

“คนไม่มีแฟน ทำไมต้องพูดกับในสายว่ามาคนเดียว ไม่มีคนอื่นอยู่ด้วยล่ะ” หญิงสาวหรี่ตาลง นึกสมเพชเวทนาเอมอรที่ชอบฝ่ายชายไม่ลืมหูลืมตาเอาเสียเลย

“เอ่อ เขาอาจจะตัดรำคาญก็ได้”

“ตัดรำคาญใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายตามหึงหวงน่ะ” นราภัทรไล่จี้อีก ทำเอาเอมอรอึกอักคิดคำแก้ตัวไม่ออก ได้แต่เอ่ออ่าอยู่นานแล้วก็เงียบไป หญิงสาวถอนหายใจ บอกก็ได้บอกไปแล้ว จะเชื่อไม่เชื่อก็ตามใจแล้วกัน

“เฮ้อ! อยากคิดแบบนั้นก็ตามใจ ขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่าพี่ไม่ได้ชอบพี่บี ไม่-แม้-แต่-จะ-คิด”

“แล้วมาบอกเอทำไมคะ” เอมอรถามอย่างระแวง

“เผื่อเอชอบพี่บี จะได้ไม่ต้องมาหึงหวงพี่ไง”

“บ้า! เอไม่ได้ชอบพี่บีสักหน่อย” รุ่นน้องสาวหน้าแดงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

‘เอ่อ ไอ้ที่รอสอบสวนฉันอยู่นี่ ไม่ได้แปลว่าชอบสินะ’

“จ้ะ ไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบจ้ะ” นราภัทรไม่ได้เอ็นดูขนาดมองว่าเอมอรน่ารัก จึงตัดบทแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป

.............................................
นราภัทรนอนลืมตาอยู่บนเตียง เธอตื่นมาสักพักแล้ว แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้อีก จะพลิกตัวก็กลัวคนที่นอนอยู่ข้างๆ จะตื่น เอมอรต้องนอนปิดไฟ ไม่งั้นจะหลับไม่ลง นราภัทรคิดจะเอานวนิยายแปลมาอ่านฆ่าเวลาก็ทำไม่ได้เพราะแสงไฟแค่นิดเดียวอาจทำเพื่อนร่วมเตียงตื่น เธอจึงหยิบโทรศัพท์ซึ่งปิดเสียงไว้มาเปิดดู ตอนนี้ตีห้าพอดี อีกไม่นานฟ้าก็จะสางแล้ว น่าจะดีกว่าถ้าเธอจะไปยืนดูพระอาทิตย์ขึ้นจากตรงไหนสักแห่งในชายหาดหัวหิน นราภัทรจึงค่อยๆ ลุกจากเตียง ย่องไปที่ประตูแล้ว เปิดแล้วปิดเบาๆ ให้เกิดเสียงน้อยที่สุด

หญิงสาวยืนบิดตัวไปมาอยู่หน้าระเบียง การต้องนอนตัวตรงโดยที่ขยับไม่ได้ทำให้เธอเมื่อยพอสมควร หลังจากยืดเส้นยืดสายแล้ว เสียงคลื่นที่สาดซัดเข้าฝั่งเป็นระยะๆ ก็ดึงดูดให้เธอมองไปยังชายหาด รู้สึกอยากไปเดินเล่นขึ้นมาทันที เมื่อมองดูรอบๆ เห็นว่าบริเวณนี้มีแสงไฟส่องสว่าง ไม่น่าจะมีอันตรายซ่อนอยู่ ระยะห่างระหว่างที่พักกับชายหาดก็ไม่ไกลกันนัก ถ้าเกิดอะไรขึ้น ขอแค่มีเวลาตะโกนให้สุดเสียงก็น่าจะโอเคแล้ว หรือถ้าเกิดเหตุสุดวิสัยจริงๆ นราภัทรก็เชื่อมั่นว่าตัวเองจะผ่านมันไปได้

ท้องฟ้ายังมืดมิด มีเพียงแสงสีส้มจากเสาไฟในสวนให้ความสว่างเป็นระยะๆ หญิงสาวเดินผ่านพื้นลายตารางหมากรุกที่เป็นแผ่นกระเบื้องสลับกับหญ้าไปยังด้านหน้าของโรงแรม ซึ่งมีชุดโต๊ะและเก้าอี้ตั้งกระจายอยู่ เมื่อพ้นจากแนวเขตของโรงแรมจึงเป็นชายหาด แทนที่จะเดินลงบันได หญิงสาวกลับกระโดดจากขอบปูนซึ่งสูงราวหนึ่งเมตรครึ่งลงสู่พื้นเพื่อประหยัดเวลา เมื่อลงสู่พื้นอย่างปลอดภัยแล้ว หญิงสาวก็ยืดตัวและยกสองมือขึ้นเหมือนนักกีฬาที่ทำผลงานได้อย่างดีเยี่ยม

นราภัทรหันไปโปรยยิ้มทางซ้ายที แล้วหันมาทางขวาอย่างนึกสนุก ก่อนที่ยิ้มจะค้างเหมือนถูกแช่แข็ง เพราะผู้ชายคนหนึ่งยืนพิงแนวกำแพงปูนห่างจากเธอไปประมาณสามเมตร เขาหันมาทางเธอพอดี แสงไฟสีส้มส่องให้เห็นว่าดวงหน้าหล่อเหลานั้นกำลังอมยิ้ม นัยน์ตาเขาวิบวับสะท้อนกับแสงไฟขณะยกมือขวาขึ้นทำเป็นไมค์แล้วเริ่มพูด

“นักกีฬาสาวม้ากระโดดจากทีมชาติไทยลงสู่พื้นได้อย่างงดงามเลยครับ ตอนนี้ก็รอคะแนนจากกรรมการอยู่ว่าจะได้คะแนนเท่าไร ความสมบูรณ์ของท่าเมื่อกี้อาจจะทำให้เธอได้คะแนนเป็นอันดับต้นๆ...”

“นี่! หยุดนะ” นราภัทรตะโกนพร้อมกับพุ่งเข้าใส่เขาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะล้อเลียนท่าทางของเธอต่อ

‘ก็นึกว่าไม่มีใครนี่นา!’

ชายหนุ่มเบี่ยงตัวหลบ ไม่ยอมให้ถูกจับง่ายๆ และพากย์ต่อไปอย่างสนุกสนาน “ดูจากความยืดหยุ่นของร่างกายแล้ว น่าจะได้คะแนนไม่สูงนัก โอ๊ะ! นักกีฬาคิดจะทำร้ายพิธีกรครับ แบบนี้ต่อให้คะแนนสูงก็อาจจะถูกตัดสิทธิ์แข่งในรอบต่อไปนะครับ”

“ตาบ้า! หยุดพูดได้แล้ว” นราภัทรอายเหลือเกิน จึงพยายามเต็มที่ที่จะหยุดเสียงพูดของเขาให้ได้ แม้จะตัวเตี้ยกว่า ขาก็สั้นกว่า แต่หญิงสาวก็เร่งฝีเท้าตามเขาไปก่อนจะยื่นมือไปคว้าชายเสื้อเชิ้ตของเขามาแล้วดึงสุดแรง

“นักกีฬาดึงเสื้อพิธีกร ฟาวล์ครับ ฟาวล์ ห้ามดึงเสื้อครับ” เมื่อเขาหันมาพูด หญิงสาวก็ปล่อยมือจากเสื้อก่อนจะโถมตัวเข้าใส่เขา สองมือยกขึ้นปิดปากช่างเจรจานั่น จนชายหนุ่มล้มลงบนพื้นทราย กลายเป็นเบาะให้นราภัทรไปโดยปริยาย

“หยุดพูดได้เสียทีนะ” คนอยู่ข้างบนพูดอย่างเป็นต่อ

“หมฮอบหู่ห้างฮนฮากห่าฮะ”

“พูดอะไร ฟังไม่เห็นรู้เรื่องเลย” นราภัทรลอยหน้าลอยตาเพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องการให้เธอปล่อยมือจากปากเขา

“หมฮอบหู่ห้างฮนฮากห่าฮะ”

เขาทำเสียงอู้อี้ หน้าตาเหยเก และยกมือขึ้นกุมศีรษะ ทำให้นราภัทรตกใจ คิดไปว่าหัวเขาอาจจะโขกกับก้อนหิน เธอจึงเอามือออกจากปากเขา และเตรียมจะลุกออกจากตัวเขาเพื่อตรวจดูว่าศีรษะเขาเป็นอะไร แต่แล้วโลกของเธอก็หมุนพลิกกลับอย่างรวดเร็ว

“ว้าย!” กลายเป็นว่านราภัทรถูกพลิกตัวลงนอนข้างล่าง และผู้ชายตรงหน้ากำลังทับตัวเธออยู่ แขนข้างหนึ่งของเขารองศีรษะของเธอไว้ แขนอีกข้างก็รัดเอวบางไว้แน่น

“เมื่อกี้ผมบอกว่าผมชอบอยู่ข้างบนมากกว่านะ” ชายหนุ่มเฉลยก่อนจะคลี่ยิ้มสดใส อาการเจ็บหัวหายไปเป็นปลิดทิ้ง นราภัทรจึงรู้ว่าตัวเองเสียรู้อีกแล้ว

“ปล่อย!” นราภัทรตวาดใส่

“ไม่ปล่อย มีอะไรไหม” คนที่กลับมาได้เปรียบอีกหนยังยั่วแหย่สาวเจ้าต่อ

นราภัทรโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง แต่จะขยับเคลื่อนไหวก็ลำบากไปหมด เพราะจากสภาพร่างกายแล้วแล้วเธอสู้เขาไม่ได้เลย คิดจะเอาตัวรอดในสถานการณ์แบบนี้...ก็มีแต่ต้องใช้มารยาหญิงเท่านั้น หญิงสาวจึงเปลี่ยนจากใช้กำลังมาเป็นการเจรจาแทน
“มี! ฉันจะโกรธคุณ เกลียดคุณ เลิกเป็นแฟนกับคุณซะ”

“เอ๋...คุณยอมรับว่าเป็นแฟนผมด้วยเหรอเนี่ย” สีหน้าของเขาบ่งบอกชัดว่าไม่อยากจะเชื่อหูเลย คราวที่แล้วยังต้องต้อนให้จนมุมกว่าจะยอมรับปาก เขาจึงไม่คิดว่านราภัทรจะรู้สึกว่าเป็นแฟนกับเขาจริงๆ

นราภัทรมองค้อนเล็กน้อยก่อนตอบตะกุกตะกัก “ก็...ฉันรับปากไปแล้ว...ฉันก็ทำตามที่คุณบอกทุกอย่าง แต่ถ้าคุณไม่ปล่อยฉันตอนนี้ ฉันจะเลิกเป็นแฟนกับคุณ!” หญิงสาวใช้โอกาสนี้ทำให้ตัวเองถือไพ่เหนือกว่า ไม่รู้ทำไมถึงได้คิดว่า คนตรงหน้าน่าจะยอมตามใจเธอ

“เล่นแบบนี้แล้วผมจะมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ ก็ผมไม่อยากให้คุณเกลียดผมนี่นา” ชายหนุ่มเปลี่ยนท่ามานั่งกอดเข่าแทน
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวหวั่นไหวไม่น้อย แต่ดีใจมากกว่าที่เดาความคิดของเขาถูก

เมื่อนราภัทรพอลุกขึ้นนั่งได้ก็ขยับห่างเขาไปประมาณวาเศษราว เพราะกลัวเกิดเหตุแบบเมื่อกี้ซ้ำสอง

“นี่ขนาดกลัวฉันเกลียดยังยั่วโมโหฉันได้ตลอด”

คนหน้าจ๋อยแก้ตัวเสียงอ่อย “ก็คุณมันน่ารักนี่นา ผมก็ต้องอยากแกล้งเป็นธรรมดา”

“คุณนี่มันโรคจิตที่สุด!” ฟังแล้วนราภัทรก็นิ่วหน้าพลางประณามก่อนจะลุกเดินหนีไป
มีหรือที่ชายหนุ่มจะสะทกสะท้าน เขารีบลุกขึ้นเดินตาม “ขอบคุณที่ชมครับ”

“ฉันไม่ได้ชมคุณนะ” หญิงสาวหันกลับมาบอกอย่างฉุนเฉียวไม่น้อย

“ผมถือว่าชมก็พอแล้ว”

“หน้าด้าน!”

“อันนี้ไม่จริงนะ คุณโกหก คุณเคยจับหน้าผมแล้วก็รู้ดีนี่นาว่าหน้าผมน่ารักนุ่มนิ่มแค่ไหน ไม่เชื่อก็ลองจับดูอีกสิ”

เขาวิ่งมาดักหน้า ก่อนจะยกสองมือขึ้นจับแก้มป่องๆ ของตัวเองแล้วยื่นหน้าไปใกล้เธอ

นราภัทรแพ้ลูกไม้แบบนี้ของเขาจนต้องกลั้นขำเอาไว้ แล้วเอื้อมมือไปหยิกแก้มเขาตามคำเชิญชวน

ชายหนุ่มเหล่มองหญิงสาวเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้เธอประทุษร้ายใบหน้าได้ตามใจชอบ
“เจ็บนะ” ชายหนุ่มทำหน้าตาน่าสงสาร

นราภัทรไม่เห็นใจสักนิด ยังคงบีบแก้มเขาเล่นไปมา เดี๋ยวดึงขึ้น เดี๋ยวดึงลง เดี๋ยวนวด เดี๋ยวขยำ บีบหน้าให้ปากเขาจู๋บ้างละ ดึงแก้มเขายืดออกจนหน้าตาบิดเบี้ยวบ้างละ เธอยังนึกเสียดายที่ไม่มีปากกาสักด้าม ไม่งั้นจะละเลงหน้าเขาให้หมดหล่อเลย โดยไม่รู้ตัวเลยว่าระหว่างกลั่นแกล้งเขา เธอมีความสุขขนาดไหน

“สนุกเชียวนะ” คนที่ตกเป็นเหยื่อรองรับอารมณ์ค้อนเข้าให้

“บอกให้จับเอง” พออารมณ์ดีขึ้นแล้ว หญิงสาวก็ตบแก้มเขาเบาๆ ส่งท้ายไปสองสามที

ฟ้าเริ่มสว่างขึ้นทีละนิดแล้ว นราภัทรไขว้มือไว้ด้านหลังแล้วเดินอ้อมเขาไป อากาศกำลังดี ลมพัดพาความสดชื่นมาเอื่อยๆ หญิงสาวสูดกลิ่นไอทะเลเข้าเต็มปอด

“เกิดแก้มผมหย่อนยานขึ้นมา คุณจะรับผิดชอบยังไงฮะ” ซาตานร้ายในคราบทูตสวรรค์ร้องทุกข์

“ออกเงินให้คุณไปดึงหน้าให้ตึงเปรี๊ยะแล้วกัน” นราภัทรตอบทันควัน

“เอ๊ะ! มือคุณเป็นอะไรหรือเปล่า ขอผมดูหน่อยซิ” ชายหนุ่มส่งเสียงดังก่อนคว้ามือซ้ายเธอไปดู

หญิงสาวมองตามด้วยความฉงน เห็นเขาจับมือเธอพลิกซ้ายพลิกขวาตรวจดูอย่างละเอียด ก่อนจะบอกว่า “ก็ไม่เป็นอะไรนี่เนอะ โชคดีจัง”

“ไม่เป็นอะไรก็ปล่อยสิ” หญิงสาวสั่ง

“ม่ายยย” ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วลากเสียงยาว พลอยทำให้นราภัทรรู้ทันว่าเมื่อกี้คือมุกหลอกจับมือสาวของเขา

“เจ้าเล่ห์นักนะ” หญิงสาวขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้สะบัดมือเขาออก

“เจ้าเล่ห์กับแฟนผมคนเดียวเท่านั้นแหละ”

เห็นเขาพูดคำว่า ‘แฟน’ ออกมาได้เต็มปากเต็มคำ หญิงสาวจึงยื่นคำท้า “กล้าสาบานไหมล่ะ”

“หือ”

นราภัทรหรี่ตาลงเล็กน้อย “คุณกล้าสาบานไหมว่า ตอนนี้คุณมีฉันเป็นแฟนคนเดียวทั้งยามหลับและยามตื่น คุณไม่ได้มีเมีย มีแฟน หรือผู้หญิงอื่นที่คบหากันฉันชู้สาวอยู่ที่อื่นอีก”

“โอ๊ะโอ! นี่หึงหวงผมอยู่เหรอเนี่ย” เขาทำตาโต

“ไม่ใช่! ฉันแค่ไม่ชอบคบกับผู้ชายคบซ้อน ต่อให้อยู่ในความฝัน ฉันก็จะไม่เป็นตัวเลือกของใคร ไม่ทำผิดศีลข้อที่สามเด็ดขาด” หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็งพร้อมจ้องเขาเขม็ง กะว่าถ้ามีพิรุธนิดเดียว เธอจะหาทางล้มเลิกการเป็นแฟนกับเขาให้ได้

“สบายใจได้เลย นอกจากคุณแล้ว ผมไม่เคยมีแฟนมาก่อนในชีวิตนี้ ดังนั้นคุณยังรักษาศีลข้อสามได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์”
“คุณโกหกสินะ” นราภัทรคิดว่าหน้าตาอย่างเขาแล้ว ถ้าไม่เคยมีแฟนมาก่อนก็แปลก

“เอะอะก็ว่าโกหกตลอดเลย แฟนเก่าคุณเป็นคนขี้โกหกงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแสร้งถามทั้งที่มั่นใจว่านราภัทรน่าจะไม่เคยมีแฟนมาก่อน เดาจากการที่เธอบอกว่า ไม่เคย ‘ลวนลาม’ ใครมาก่อน

“ฉันไม่เคยมีแฟนมาก่อนย่ะ คุณเป็นแฟนคนแรกของฉัน” นราภัทรแทบจะแยกเขี้ยวใส่เขาเมื่อถูกถามเช่นนั้น
ชายหนุ่มห่อไหล่ แกล้งทำท่าเขินอาย “เราเป็นคนแรกของกันละกันนี่เอง”

หญิงสาวส่งสายตาดุๆ ให้ทันควันที่เขาพูดสองแง่สองง่าม

“ทะลึ่ง! ถ้าคุณไม่ได้โกหกฉัน แปลว่าคุณมีปัญหาอะไรสักอย่างใช่ไหม ถึงไม่เคยมีแฟนน่ะ”

“ปัญหาที่ว่าผมหล่อเกินคนธรรมดางั้นเหรอ อันนี้ผมก็ไม่รู้จะแก้ยังไงน่ะนะ หรือว่าต้องไปศัลยกรรมให้หล่อน้อยกว่านี้ดี” สีหน้าของเขาดูกังวล

นราภัทรค้อนคนหลงตัวเองปะหลับปะเหลือก “ฉันว่ามันต้องมาจากที่คุณเป็นคนโรคจิต และกลัวคนจับได้ก็เลยไม่ยอมมีแฟนใช่ไหม”
“แหม ช่างจินตนาการจริงๆ เลย แฟนผม” คนโรคจิตยกมือขึ้นบีบปลายจมูกแฟนสาวอย่างมันเขี้ยว

“ยินดีด้วยนะครับ แฟนคนแรกในชีวิตของคุณเป็นคนโรคจิตครับ ผมขอสัมภาษณ์คุณนักกีฬาม้ากระโดดหน่อยว่า การมีแฟนโรคจิตให้ความรู้สึกยังไงบ้างครับ”

“อื๊อ...น่าโมโห อยากจะฆ่าให้ตายวันละหลายๆ หน” นราภัทรส่ายหน้าหนีมือซุกซนของเขา

“อา คำตอบของคุณทำให้ผมคาดว่าคุณก็มีปัญหาทางจิตไม่ต่างกับผมเลยครับ งั้นเดตคราวหน้าเราไปโรงพยาบาลโรคประสาทดีไหม ผมว่ามันน่าจะเหมาะกับเราทั้งคู่”

“เหมาะกับคุณคนเดียวน่ะสิ ตาบ้า” นราภัทรขึ้นเสียงจนเกือบจะเป็นตะคอก แต่คนตรงหน้ายังคงไม่รู้สึกรู้สาอยู่ดี

“เขาบอกว่าคนประเภทเดียวกันถึงจะคบกันได้นะครับ คุณผู้หญิง ถ้าผมบ้า คุณก็คงบ้าด้วย เราเลยคบกันได้”

“ฉัน-ถูก-คุณ-บังคับ-ให้-คบ-ด้วย-ต่างหาก” หญิงสาวเน้นคำพูดเตือนเขาว่าเธอไม่ได้เต็มใจ

“ก็ผมถูกคุณลวนลามนี่นา...คุณก็ต้องรับผิดชอบสิ เอ๊ะ! หรือจริงๆ แล้วที่คุณไม่มีแฟนมาก่อนเป็นเพราะว่าคุณชอบลวนลามหนุ่มๆ แล้วกลัวคนรู้ ก็เลยไม่ยอมคบกับใครเป็นแฟน” เหยื่อหนุ่มผู้ถูกลวนลามตั้งข้อสันนิษฐาน

“ตาบ้าๆๆ” นราภัทรหมดความอดทน รัวหมัดใส่ไหล่เขาไม่ยั้ง

“นอกจากจะชอบลวนลามแล้วยังมีพฤติกรรมซาดิสม์อีก” ชายหนุ่มหลบซ้ายหลบขวา แต่ก็ขยับได้ไม่มากเพราะมือข้างหนึ่งจับมือหญิงสาวไว้ “มือหนักด้วย โอ๊ย!”

“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ” หญิงสาวเอามือปิดปากเขาเสียเลย แต่กลายเป็นว่าเขาจูบฝ่ามือเธอเสียอย่างนั้น

นราภัทรหน้าเหลอ จะชักมือหนี แต่ถูกยึดมือเอาไว้

ชายหนุ่มหยุดนิ่ง เลิกล้อเล่น เอ่ยอย่างจริงจังว่า

“ที่ผมไม่มีแฟน ก็แค่ผมไม่คิดจะคบกับคนที่ผมไม่รู้สึกชอบก็เท่านั้น” นัยน์ตาชวนฝันคู่นั้นมองสบนัยน์ตาของนราภัทรอย่างมีความหมาย และแทบจะทำให้เธอละลายกลายเป็นน้ำ

เขาย้ำอย่างชัดเจนและหนักแน่นว่า “ผมชอบคุณคนเดียว ‘ชอบ’ ตั้งแต่แรกเห็น แล้วคุณล่ะคิดยังไงกับผม”

......................................................

อิๆ เก๊าชอบบทนี้มากเลย พระเอกน่ารัก..แต่บทต่อไปชอบยิ่งกว่า หุๆ

ขอบคุณทุกคอมเมนต์ค่า



ท้องฟ้า
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ม.ค. 2558, 04:20:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ม.ค. 2558, 04:20:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1475





<< บทที่ 7/1   บทที่ 8/1 >>
ใบบัวน่ารัก 12 ม.ค. 2558, 07:13:48 น.
นางฝันไปอีกแล้วอะดิ
เฮ้อ น่าจะเจอะกันตัวเป็นๆๆได้แล้ว


แว่นใส 12 ม.ค. 2558, 08:53:25 น.
น่ารักจริงเชียว


ปรางขวัญ 12 ม.ค. 2558, 10:11:03 น.
ทำยังไงถึงจะเจอคนในฝันแบบนี้นะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account