4 หล่อขอสืบ (ภาคนิยาย) สร้างเป็นละครช่อง 3
เมื่อ 4 หนุ่มนักสืบรูปหล่อซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
Tags: 4 หล่อขอสืบ,สืบสวน,ธรากร

ตอน: ตอนที่ 2 รังโจร

สวัสดีครับ
ก่อนจะมาพบ 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 2 รังโจร
ผมขอเฉลยคำถามคราวที่แล้วกันก่อน

"1 ใน 4 หล่อขอสืบ ที่มีความสามารถด้านมายากล มีชื่อจริงว่าอะไร"
คำตอบ อชิระ

ผู้ที่ตอบถูกมีดังนี้

คุณ แว่นใส
คุณ sunflower
คุณ kohnhin
คุณ dragon

ได้รับคะแนนสะสมคนละ 5 คะแนนครับ

สามารถติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหวอื่น ๆ ของผมได้ที่ www.KornWriter.com

นิยาย 4 หล่อขอสืบ จะลงให้อ่านทุกวันอังคาร และศุกร์ เวลา 20.00 น.
อ่านก่อนใคร ทาง www.KornWriter.com (ลงก่อนเว็บอีก 1 คิว)
อ่านพร้อมกัน ทาง www.love-stories.net และ my.dek-d.com/rtkorn

----------------------------------------------------------------------------

อินทร์ธัชขับรถสปอร์ตคันสีแดงโฉบเฉี่ยวสะดุดทุกสายตาจอดลงหน้าคอนโดหรูซึ่งอยู่คนละเส้นกับทางที่จะไปอนันตาลัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรีบวิ่งมาต้อนรับ พอชายหนุ่มบอกให้ช่วยประคองสาวร่างบางซึ่งนอนสลบไสลอยู่เบาะด้านข้าง พี่ยามก็ตกลงทันที หนุ่มเจ้าสำราญพาสาวน้อยขึ้นไปส่งถึงห้องของหล่อนตามสัญญาที่ให้ไว้ จนตอนที่เดินกลับมายังรถสปอร์ตคันหรูซึ่งเช่ามาจัดฉากหลอกหญิงสาวโดยเฉพาะ อินทร์ธัชเพิ่งนึกได้ว่า เขาลืมปฏิบัติภารกิจสำคัญ ชายหนุ่มรีบตรงไปที่รถ คว้ากระเป๋าสำนักงานที่วางอยู่ด้านหลัง เปิดแล้วหยิบแล็บท็อปออกมา

นอกจากจะเป็นหนุ่มเจ้าเสน่ห์แล้ว อินทร์ธัชยังมีความสามารถด้านคอมพิวเตอร์ในระดับที่แอบเจาะระบบข้อมูลของบริษัทในชาติมหาอำนาจอย่างอเมริกาโดยที่ทางโน้นเองก็ยังจับตัวเขาไม่ได้ พอเครื่องพร้อมทำงาน หนุ่มหล่อพรมนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว เพียงครู่เดียวเขาก็เข้าถึงฐานข้อมูลของอนันตาลัย และสามารถควบคุมกล้องวงจรปิดได้ทุกตัว

“ทันไหม ทันไหม” เขาพูดกับตัวเอง เพราะตามแผน เขาต้องเจาะระบบปิดกล้องวงจรปิดตอนที่ต้องชนะส่งข้อความมาว่า ‘ได้รับนกแล้ว’ ซึ่งดูจากเวลาที่ได้รับข้อความก็ปาเข้าไปกว่าสิบห้านาที

ภาพจากกล้องวงจรปิดทุกตัวในอนันตาลัยปรากฏขึ้นในหน้าจอของอินทร์ธัช เขาดูที่กล้องหมายเลขยี่สิบเก้า เห็นต้องชนะเดินไปตามทางเดิน และที่กล้องอีกตัว เหล่าลูกน้องของอนันตชัยกำลังขึ้นลิฟท์มาหาหนุ่มร่างกำยำ

“ว้า ... ไม่ทันซะแล้ว” เด็กหนุ่มหน้าเจื่อนลงทันที ที่เหลือคงทำได้แค่สวดภาวนา แล้วเฝ้ามองรุ่นพี่ร่วมปฏิบัติการผ่านทางหน้าจอแล็บท็อปของตัวเอง

“โชคดีนะ พี่ต้อง!”



แม้ชุดที่สวมจะเป็นชุดพนักงานของสถานบันเทิง แต่เพราะเป็นกิจการของผู้ทรงอิทธิพลและเจาะกลุ่มตลาดคนมีระดับ เครื่องแบบของอนันตาลัยจึงดูเท่ เป็นกั๊กสีดำทับลงบนเชิ้ตขาว ภาพรวมเห็นจะด้อยไปกว่าชุดของเหล่าบอดี้การ์ดผู้พิทักษ์อนันตชัยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งคนรูปร่างกำยำอย่างต้องชนะมาสวม ก็ยิ่งดูดีเหมือนนายแบบที่หลุดออกมาจากหน้าปกนิตยสารแฟชั่นสักฉบับ

ต้องชนะเดินออกมาจากห้องเก็บของไปตามทางเดิน สวนกับพนักงานสาวสวยสองนาง ทั้งคู่เหลือบมองหน้าเขาแล้วรีบหลบตา แก้มขาวใสกลายเป็นแดงระเรื่อ เงาสะท้อนที่บานประตูกระจกตรงหน้าฟ้องว่าพวกเธอเหลียวหลังมองตามเขา ชายหนุ่มทำวางท่าซ่อนความภูมิใจไว้ภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยแต่ก็แอบเผยยิ้มนิด ๆ

ทันใดสายตาประหนึ่งพญาเหยี่ยวของต้องชนะหันขวับไปเห็นกล้องวงจรปิดกำลังหมุนมาหาตน

“เสร็จกัน ไอ้ทัชปิดกล้องไม่สำเร็จเหรอเนี่ย” เจ้าของร่างกำยำหลับตาแล้วเงี่ยหูฟัง เขาได้ยินเสียงลิฟต์เปิด และเสียงฝีเท้าของคนนับสิบตรงมาจากแยกข้างหน้าทางขวา “เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”

เพียงเสี้ยววินาที เหล่าลูกน้องของอนันตชัยก็มายืนเรียงแผงกันตรงหน้าต้องชนะ

“แกเป็นใคร” อาเปียวคนสนิทของอนันตชัยถาม

“ผมเป็นพนักงานไงครับ วันนี้กิจการเปิดวันแรก” เขาแถ “พนักงานใหม่ตั้งหลายนาย พี่จำหน้าผมไม่ได้หรอก”

“พนักงานทุกคนฉันเป็นคนเลือกมาเอง” คู่สนทนาชักปืนออกมา “แล้วฉันไม่เคยเห็นหน้าแกมาก่อน”

ต้องชนะยิ้ม และกระโดดเตะมือชายตรงหน้า ปืนกระเด็นลอยคว้าง ต้องชนะคว้าอาวุธกระบอกนั้นไว้แล้วเล็งกลับมายังผู้เป็นเจ้าของเมื่อครู่

“วางปืน!!!” หนุ่มล่ำตะคอกเสียงทุ้มเข้ม “แกยิง ฉันยิง”

แม้จะเป็นถึงมือซ้ายของอนันตชัย แต่พอโดนปืนจ่อตรงหน้าแบบนี้ เขาก็เก็บสัญชาตญาณแห่งการรักตัวกลัวตายเอาไว้ไม่อยู่

“เฮ้ย ... ไม่ได้ยินหรือไงวะ วางปืนสิ” ลูกพี่ที่ตำแหน่งใหญ่ที่สุดในตอนนี้ยอมวางอาวุธลง ลูกน้องที่เหลือทำตามโดยไม่มีบิดพริ้ว

“เตะมา” ต้องชนะตะคอกให้ทุกคนเตะปืนมาตรงเท้าของเขา เผื่อว่าตอนที่เขาหันหลังหนี จะได้ไม่มีใครก้มเก็บปืนขึ้นมายิงไล่หลังเขาได้ทัน

จังหวะที่หนุ่มล่ำเผลอ อาเปียวใช้มืออีกข้างซ้ายชักปืนสำรองออกมาแล้วยิงใส่ทันที เนื่องจากเขาถนัดทั้งสองมือ โชคดีที่ทั้งสายตาและการเคลื่อนของต้องชนะว่องไวกว่า หนุ่มหล่อหลบกระสุนได้ทัน และอาศัยจังหวะเตะขาสูงอีกครั้งจนปืนในมือของศัตรูลอยคว้าง เขาใช้มือข้างซ้ายรับ แล้วยิงปืนที่อยู่ในมือซ้ายและขวาสลับกัน กระสุนพุ่งใส่ท้องน้อยบ้าง ต้นขาบ้าง จนอาเปียวแล้วลูกกระจ๊อกทั้งหมด ล้มลงราวใบไม้ร่วง

“โทษทีนะ พอดีฉันก็ถนัดทั้งสองมือเหมือนกัน” พูดจบต้องชนะก็เดินข้ามร่างเหล่านักเลงโตไปอย่างไม่แยแส หางตาสัมผัสได้ว่ามีลูกน้องบางคนพยายามคืบไปหยิบปืนที่พื้น เขาจึงหันกลับยิงใส่หลังมือเพื่อสั่งสอน แล้วเดินจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ลิฟต์ซึ่งมีอยู่เพียงตัวเดียวขยับขึ้นจากชั้นสามไปสู่ชั้นห้าซึ่งห้องพักของอนันตชัยอยู่ที่นั่น พอก้าวพ้นเส้นประตู ต้องชนะมองซ้ายขวา แล้วเลือกที่จะยกถังขยะอะลูมิเนียมซึ่งวางอยู่หน้าลิฟต์มาขวางประตูลิฟต์ไว้ไม่ให้ปิด จะได้ไม่มีใครใช้ลิฟต์ตามขึ้นมาได้อีก ต้องชนะมองหาอีกหนึ่งหนุ่มซึ่งตามแผนตกลงจะรับไม้ต่อจากเขา แต่จนมาถึงตรงนี้ ตอนนี้ ... กลับยังไม่เห็นหัว

หนุ่มล่ำหยิบสมาร์ทโฟนออกมาแล้วกดเปิดโปรแกรมสนทนายอดนิยม เขากดเปิดกลุ่มของผู้ร่วมปฏิบัติการลับครั้งนี้ขึ้นมาแล้วพิมพ์ข้อความลงไป

Tong : อยู่ไหนวะ ไอ้น็อต

Nott : เดินตรงมาเถอะน่า เดี๋ยวก็รู้เองแหละ

Tong : ไรวะ ตะกี้เกือบตาย ไอ้ทัช ทำไมไม่ปิดกล้องวงจรปิด

Touch : เรื่องมันยาวน่ะพี่ แต่ตอนนี้ปิดได้แล้ว

Achi : แล้วเรื่องหลักฐานล่ะ

Touch : หลักฐานคลิปที่อยู่กับน้องชาเย็นผมได้มาแล้ว ส่วนเอกสารอยู่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานของไอ้เสี่ย

Tong : ดีเลย งั้นฉันส่งไม้ต่อให้ไอ้น็อตแล้วกันนะ ฉันเหนื่อยโว้ยยย........

Nott : ใจเย็นเพื่อน หน้าที่ของแกยังไม่จบซะหน่อย หันไปมองทางขวาสิ

ต้องชนะเงยหน้าขึ้นจากจอสมาร์ทโฟน เขายืนอยู่ตรงทางแยกพอดี ที่สุดปลายทางเดินฝั่งขวามีประตูเหล็กและป้ายทางหนีไฟ ทันใดประตูนั้นเปิดออก เทิดศักดิ์วิ่งนำลูกน้องอีกนับชีวิตวิ่งกรูเข้ามา ในมือทุกคนมีอาวุธ

“เวรล่ะ” ถึงจะเป็นพวกบ้าพลัง แต่ถ้าจะให้เสี่ยงตายหลายรอบติดก็ไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเท่าไรนัก “เบื่อจริงเลย ไอ้พวกมีตามารแล้วไม่คิดจะบอกใครก่อนล่วงหน้านาน ๆ เนี่ย เผ่นล่ะ”

ต้องชนะวิ่งหน้าตื่นผ่านห้องของอนันตชัยไป เขาเห็นรูมเซอร์วิสรุ่นราวคราวเดียวกันสวมแว่นหนาก้มหน้าก้มตาเดินเข็นรถเข็นสำหรับเสิร์ฟอาหาร จึงรีบตะโกนบอก

“ไอ้หนุ่ม หลบ!!!”

แต่เหมือนทุกอย่างจะไม่ทันการ ต้องชนะเบรกไม่อยู่ เขาเหวี่ยงรถเข็นมื้อพิเศษให้ล้มขวางทางเพื่อไม่ให้พวกของเทิดศักดิ์ตามเขามาทัน แล้วจับตัวรูมเซอร์วิสหนุ่มดึงตัวมาอีกทาง

“หมอบลง!!! ถ้าไม่อยากกินลูกตะกั่ว” ต้องชนะกดไหล่ทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มให้ก้มตัวลงต่ำ ในเสี้ยววินาทีนั้น ทั้งสองหันมาสบตากัน หนุ่มนักบู๊เข้าใจแจ่มแจ้งทันทีว่าอะไรเป็นอะไร

ต้องชนะผลักเด็กหนุ่มลงล้มราบกับพื้นแล้วยันตัวเองลุกขึ้น เขาวิ่งตรงไปยังห้องเก็บของตรงหน้าซึ่งประตูเปิดอ้าอยู่ เทิดศักดิ์และลูกน้องวิ่งกระโดดข้ามรถเข็น ตะคอกใส่หนุ่มรูมเซอร์วิสให้หลบ! แล้วตามเข้าไปในห้องนั้น

แต่จังหวะที่กำลังจะเปิดประตู เสียงกระจกหน้าต่างแตกดังสนั่นจนกระชากความสนใจของทุกคนให้หันไปมองยังต้นเสียง เทิดศักดิ์รีบวิ่งไปยังหน้าต่างที่แตกละเอียดซึ่งอยู่ในฝั่งด้านหลังสถานบันเทิงติดกับที่ดินรกร้างแล้วชะโงกหน้าลงไปดู เห็นร่างของต้องชนะร่วงลงไปสู่เบื้องล่าง แล้วในชั่วพริบตาก็เสียบเข้ากับรั้วเหล็กดัด คนเป็นมือขวาของอนันตชัยถึงกับสะอิดสะเอียน อยากจะอาเจียนออกมาแต่ต้องพยายามวางท่ารักษาภาพลักษณ์ต่อหน้าลูกน้องเอาไว้

“มีใครอยู่บริเวณด้านหลังคอมเพล็กซ์บ้าง” เขาหยิบวิทยุสื่อสารซึ่งเหน็บไว้ที่เอวขึ้นมา แล้วกรอกเสียงลงไป “คนร้ายกระโดดหนีทางด้านต่าง ตกลงไปเสียบกับรั้ว ไปดูสิว่ามันเป็นใคร!”



ปาณัสม์ในชุดเครื่องแบบของรูมเซอร์วิสเดินตรงไปยังห้องของอนันตชัย เขาคือชายหนุ่มที่ทำทีเป็นชนกับต้องชนะเมื่อครู่ หนุ่มหล่อไม่เกรงกลัวกล้องวงจรปิด เพราะรู้ว่า อินทร์ธัช น้องชายแท้ ๆ ของเขาซึ่งเป็นน้องเล็กของทีมปฏิบัติการลับได้เจาะข้อมูลและปิดระบบทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ปาณัสม์เป็นชายหนุ่มที่รูปร่างหน้าตาคมเข้ม ดูเหมือนลูกครึ่งทั้งที่เป็นคนไทยแท้ แว่นที่เขาสวมไม่ใช่แว่นสายตา แต่เป็นแว่นสำหรับปฏิบัติภารกิจจึงดูหนาเทอะทะ พอจะช่วยพรางใบหน้าที่แท้จริงไม่ให้ใครจำหน้าเขาได้ และที่เหนือไปกว่าคนทั่วไป คือ เขามีสัมผัสพิเศษ เมื่อตั้งจิตทำสมาธิที่แน่วแน่จะสามารถมองเห็นอดีต ปัจจุบันซึ่งต่างสถานที่ และอนาคตได้ เขานำคีย์การ์ดที่ฉกมาจากกระเป๋าเสื้อของต้องชนะเมื่อตอนที่ชนกัน แล้วเดินมาหยุดยังหน้าห้องของอนันตชัย ที่ห้องนั้นประตูทางเข้าเป็นบานกระจกเลื่อน ชายหนุ่มสอดคีย์การ์ด แล้วสวมนิ้วหัวแม่มือปลอมที่อชิระยอดนักมายากลทำจากซีลิโคลนไว้ให้ โดยมีลายนิ้วมือของเสี่ยใหญ่พิมพ์อยู่ที่นิ้วนั่น หนุ่มหน้าหยกหลับตาตั้งจิตให้แน่วแน่ จนเห็นภาพนิ้วของอนันตชัยตอนสอดคีย์การ์ดแล้วกดรหัสผ่านสี่ตัวเพื่อดูว่ารหัสดังกล่าวของเสี่ยชัยประกอบด้วยตัวเลขอะไรบ้าง

“สี่ สาม สอง หนึ่ง” เขาเอ่ยตามภาพที่เห็น “เสียแรงเป็นเจ้าพ่อใหญ่ ตั้งรหัสผ่านสิ้นคิดจริง ๆ”

บานประตูเลื่อนเปิดออกโดยอัตโนมัติ ปาณัสม์เดินเข้าไป ภาพที่ปรากฏตรงหน้าชายหนุ่มคือโต๊ะทำงานไม้สักทองขัดเงาตั้งอยู่กลางห้องทรงกลมผนังโค้ง มีประตูเชื่อมไปยังห้องนอนซึ่งพอจะเดาได้ว่า นอกจากมีไว้นอนหลับพักผ่อนในวันที่ไม่ได้เดินทางกลับที่พักอาศัยแล้ว ยังมีเอาไว้ทำอะไรอีก

ปาณัสม์หลับตาลง เขาเห็นภาพเสี่ยอนันตชัยกำลังคุยธุรกิจอยู่กับเทิดศักดิ์ ประตูห้องนอนแง้มอยู่ และเห็นน้องชาเย็นซึ่งมีผ้าขนหนูเพียงผืนเดียวเป็นอาภรณ์กำลังแอบถ่ายคลิปวิดีโออยู่

“ในที่สุดก็มีวันนี้ วันที่ฉันจะตั้งภาคีวังมังกรขึ้น” อนันตชัยหัวเราะอย่างมีความสุข “กลายเป็นว่าพอยก ‘ศิลานิรมิตา’ ให้เสี่ยวิทย์ไป อะไร ๆ กลับดีขึ้นโดยไม่ต้องอาศัยอัญมณีนำโชคนั่น”

“ดีครับท่าน ตอนนี้ ท่านได้นักการเมืองมาเป็นพรรคพวกอีกตั้งหลายคน โครงการต่าง ๆ ผ่านการอนุมัติโดยง่าย”

“พวกนี้มันเห็นแก่เงินทั้งนั้น มีเงินมาล่อเมื่อไหร่ ก็ตาลุกวาว เสี่ยใหญ่ยิ้มเย้ยหยัน ยอมยัดเงินใต้โต๊ะไม่กี่ล้าน และกับการได้สถานบันเทิงใจกลางเมือง มันคุ้มเสียยิ่งกว่าคุ้ม ไหนจะทางเข้ากาสิโนลับที่เราซ่อนไว้ชั้นใต้ดิน ไม่ต้องกลัวว่าใครจะกล้าแหยม เพราะคนในเครื่องแบบประจำท้องที่นี้ก็อยู่ใต้อำนาจเงินของฉันหมด”

พอพูดจบ อนันตชัยก็ระเบิดหัวเราะออกมา ปาณัสม์หลุดจากภวังค์กลับมาปัจจุบัน กำมือแน่นเพราะความคับแค้นที่พวยพุ่งขึ้น ทั้งเรื่องการทุจริตฉ้อฉล การใช้อิทธพลในทางที่ผิด และเรื่อง ‘ศิลานิรมิต’ ที่ภาพนิมิตฟ้องว่า อนันตชัยเกี่ยวข้องกับการครอบครองอัญมณีชุดนี้

ปาณัสม์นึกทบทวน ในห้องสนทนาล่าสุด อินทรธัชได้บอกไว้ว่าเอกสารหลักฐานอยู่ที่ไหน เขารี่ตรงไปที่โต๊ะทำงานซึ่งมีลิ้นชักอยู่สามอันด้วยกัน หนุ่มหล่อขยับแว่นแล้วใช้พลังพิเศษอีกครั้ง จนมองเห็นหลักฐานซ่อนอยู่ในลิ้นชักอันกลาง ชายหนุ่มหยิบลวดหงิกงอที่อชิระดัดไว้ให้ เป็นลวดมายากลที่สามารถสะเดาะกลอนได้ทุกล็อค เพียงเสียบแล้วหมุนบิดไปมาสองสามทีก็สำเร็จ เขาดึงลิ้นชักและหยิบเอกสารออกมา พลิกดูหน้าสองหน้าสามแล้วอมยิ้ม เพราะนี่แหละ คือกระดาษไม่กี่แผ่นที่สามารถส่งเสี่ยใหญ่เข้าไปกินข้าวแดงในตารางได้

“หยุด! แล้วยกมือขึ้น” เสียงทุ้มกังวานเอ่ยจากข้างหลัง ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าเป็นอนันตชัย ปากกระบอกปืนสัมผัสลงตรงท้ายทอยของปาณัสม์

นักสืบหนุ่มหน้าซีดชะงักยอมยกมือแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน ทำตามคำสั่งของอนันตชัยแต่โดยดี

“หันมา!” อนันตชัยตะคอกใส่ การให้ศัตรูเห็นหน้าถือเป็นสิ่งต้องห้ามในการปฏิบัติภารกิจลับ เพราะอาจถูกจดจำใบหน้าแล้วจะส่งผลต่อการทำงานในครั้งต่อ ๆ ไปได้ เว้นแต่จะจัดการทุกอย่างให้เสร็จภายในคราวนี้

ปาณัสม์ตัดสินใจหันมาเผชิญหน้า อย่างน้อย แว่นหนา ๆ ก็อาจช่วยบดบังไม่ให้อนันตชัยจดจำใบหน้าเขาได้ถนัดนัก

“คิดว่าฉันโง่ ไม่ทันแผนพวกแกหรือไง” ผู้ทรงอิทธิพลโมโหเลือดขึ้นหน้า “พวกแกเป็นใคร บอกมา”

“ขอโทษที พอดีเป็นการรวมตัวกันเฉพาะกิจ” ปาณัสม์ยิ้มอย่างท้าทาย “ยังไม่ได้ตั้งชื่อกลุ่มเลยว่าจะใช้ชื่ออะไร ก่อนเข้าคุกตอนให้สัมภาษณ์นักข่าว เสี่ยช่วยตั้งชื่อให้พวกเราทีสิครับ”

---------------------------------------------------

คำถามร่วมสนุกท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ : ตอนที่ 2 รังโจร

"รหัสผ่านเข้าห้องทำงานของอนันตชัย คือ อะไร"

พิมพ์คำตอบลงในกล่องแสดงความคิดเห็นด้านล่าง ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก รับคะแนนสะสม 5 คะแนนทันที

----------------------------------------------------



ธรากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ม.ค. 2558, 15:41:43 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ม.ค. 2558, 15:41:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1411





<< ตอนที่ 1 ปฏิบัติการลับ   ตอนที่ 3 สำนักงานนักสืบ >>
แว่นใส 10 ม.ค. 2558, 21:01:59 น.
4 3 2 1 จ้า


konhin 11 ม.ค. 2558, 00:17:41 น.
เอาจริงอ่ะ 4321

แต่ละคนดูมีพลังแปลกๆดี คนหลังสุดเนี่ย เท่ห์ไปไหน


sunflower 11 ม.ค. 2558, 19:25:56 น.
4321 ค่ะ
ชอบพลังของน็อดอ่ะ ^_^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account