4 หล่อขอสืบ (ภาคนิยาย) สร้างเป็นละครช่อง 3
เมื่อ 4 หนุ่มนักสืบรูปหล่อซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
Tags: 4 หล่อขอสืบ,สืบสวน,ธรากร
ตอน: ตอนที่ 3 สำนักงานนักสืบ
สวัสดีครับ
นำตอนที่ 3 มาลงแล้วนะครับ แต่ก่อนไปอ่านเรื่อง เรามาสรุปคะแนนสะสมกันก่อน
คำตอบสำหรับคำถามจากตอนที่ 2
รหัสผ่านเข้าห้องทำงานของเสี่ยอนันตชัย คือ "4 3 2 1"
ผู้ที่ตอบถูกและได้รับคะแนนสะสม ได้แก่ ...
คุณแว่นใส คุณ Kohnhin และคุณ Sunflower
มีผู้ที่มีคะแนนสะสม ดังนี้ (เฉพาะในเว็บเลิฟ)
คุณแว่นใส 10 คะแนน
คุณKohnhin 10 คะแนน
คุณ Sunflower 10 คะแนน
คุณ Dragon 5 คะแนน
สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวงานเขียนของผมได้ที่ www.KornWriter.com
นิยาย 4 หล่อขอสืบ ตอน ศิลานิรมิต
จะลงให้อ่านทุกวันอังคาร และศุกร์ เวลา 20.00 น.
ทาง www.KornWriter.com (ลงก่อน 1 คิว)
และทาง www.love-stories.net , my.dek-d.com/rtkorn
ไปอ่านเนื้อเรื่องตอนที่ 3 กันเลยครับ
------------------------------------------------------------------
“ปากดีนัก เชิญไปต่อล้อต่อเถียงกับยมบาลในนรกเถอะ” อนันตชัยเตรียมที่จะเหนี่ยวไกปืน หากปาณัสม์กลับแสยะยิ้มและหัวเราะหึอย่างไม่กลัวความตาย
“มึงขำอะไร!!!” เสี่ยใหญ่ตวาดเสียงดัง
“ก้มดูข้างล่างสิ”
เจ้าพ่อคนดังละความสนใจจากการสังหารศัตรูไปที่พื้น ทันใด ไพ่นับสิบใบร่อนลอดช่องใต้ประตูกระจกเข้ามา ชายในชุดมายากลสวมหน้ากากขนนกยืนเท้าแขนแล้วจ้องมองผ่านบานกระจกบานนั้น
“หน็อย ... แกนั่นเอง”
ทันทีที่อชิระดีดนิ้ว ไพ่ทั้งสิบใบกลายเป็นฝูงพิราบ พวกมันบินเข้ารุมอนันตชัยจนหงายหลัง จังหวะนั้นเสี่ยใหญ่ทำปืนหลุดออกจากมือ กว่าจะตั้งหลักได้อีกที ปาณัสม์ก็ถลาตัวไปกดปุ่มเปิดระบบกระจกบานเลื่อนจากด้านใน และก้าวออกจากห้องนี้ไปพร้อมกับเอกสารหลักฐานการฉ้อโกงของเสี่ยใหญ่ที่พร้อมจะนำไปเปิดเผยให้บุคคลภายนอกได้รับรู้
“แกเป็นพวกเดียวกันใช่มั้ย”
“ยังต้องถามอีกเหรอ” อชิระย้อนน้ำเสียงทะเล้น
“ไอ้คนที่มือขวาของนายตามล่าตัวอยู่ก็ด้วย” ปาณัสม์บอกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก รอจนคนปลายทางซึ่งก็คืออินทร์ธัชรับสาย จึงกรอกเสียงบอกให้ทำตามแผนต่อโดยเร็ว “สั่งปิดระบบได้ ให้มันถูกจับในห้องปิดตายแบบนี้แหละ”
พอสิ้นเสียงสั่ง ประตูบานใสก็ค่อย ๆ เลื่อนปิด อนันตชัยคว้าปืนขึ้นมาแล้วยิงใส่แต่กลับทำอะไรไม่ได้เพราะบานประตูเป็นกระจกชนิดกันกระสุน สถานบันเทิงที่ได้รับการออกแบบไม่ให้ใครเข้าถึงตัว บัดนี้ได้กลายเป็นสถานคุมขังเจ้าพ่อใหญ่ให้ออกไปไหนไม่ได้เสียเอง
“เฮ้ … พวก” ต้องชนะตะโกนเรียกขณะที่ยืนกดลิฟท์รอ เขายังไม่ตาย ทั้งหมดเป็นกลอุบายที่อชิระช่วยคิดแผนไว้ล่วงหน้า เพราะตอนเขาหนีพวกเทิดศักดิ์เข้าไปในห้องเก็บของ เขาใช้เก้าอี้ทุบกระจก แล้วโยนหุ่นซึ่งสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับเขาลงไปทางหน้าต่าง ส่วนตัวเองแอบอยู่ตรงผนังข้างบานประตู พอเทิดศักดิ์กับลูกน้องกรูกันไปที่หน้าต่าง บานประตูที่เปิดอ้าได้ช่วยบังไม่ให้ใครเห็นเขา เขาใช้จังหวะนั้นแอบออกมาจากห้องแล้ววิ่งไปซ่อนตัวตรงบันไดหนีไฟซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดี
“ตำรวจกำลังมาแล้ว” หนุ่มนักบู๊บอกน้ำเสียงร้อนรุ่ม “รีบหนีกันเถอะ ก่อนที่ไอ้มือขวาและพวกจะกลับมา”
สามหนุ่มวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ซึ่งมาถึงชั้นที่พวกเขาอยู่พอดี ทั้งสามถลาเข้าไปพร้อมกดปุ่มรัว ๆ เพื่อให้ประตูปิด ตัวเลขบอกชั้นซึ่งอยู่ข้างประตูบอกให้รู้ว่าลิฟท์กำลังเคลื่อนลงไปยังชั้นสี่ แต่ระหว่างถึงชั้นสาม ปาณัสม์หลับตาลงแล้วเห็นภาพนิมิตบางอย่าง เขาเห็นพวกเทิดศักดิ์ยืนถือปืนเล็งรออยู่หน้าลิฟต์ชั้นล่าง พร้อมสาดกระสุนใส่ทันทีที่พวกเขาลงไปถึง ปาณัสม์จึงรีบตะโกนบอกให้อชิระซึ่งยืนอยู่ใกล้แผงกดเลือกชั้นให้กดลิฟต์ไปยังชั้นอื่น
ชั้นที่อชิระเลือกกดคือชั้นสอง จังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก สามหนุ่มวิ่งตรงไปยังบันไดหนีไฟ แต่พอไปถึงกลับพบลูกน้องของอนันตชัยอีกส่วนกำลังวิ่งขึ้นมา ทางรอดเหลือน้อยลงทุกที สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น หรือว่าภารกิจที่อีกเพียงนิดก็เสร็จสมบูรณ์ จะมาตกม้าตายเอาตอนวินาทีสุดท้าย
ทั้งสามต่างสมองทางซ้ายทางขวา เค้นเซลล์สีเทาในสมองกันอย่างสุดความสามารถ ต้องชนะหันไปมองกระจกหน้าต่างซึ่งยังดูใหม่เอี่ยม แล้วบางประกายความคิดก็ผุดขึ้น
“พวกเรา … ไอ้แผนหลอกทำเป็นกระโดดออกจากหน้าต่างที่ใช้กันเมื่อครู่นี้ เห็นทีต้องใช้อีกครั้งแล้วล่ะ” หนุ่มนักสู้บอก “แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นกระโดดจริงนะ”
อชิระยิ้มหวาด ๆ เพราะคิดว่ารุ่นพี่ผู้ร่วมปฏิบัติการลับคงพูดเล่น แต่ปาณัสม์กลับพยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปด้วย
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
ต้องชนะหยิบเอาเก้าอี้ตรงมุมนั่งรอเล็ก ๆ ฟาดใส่กระจกเต็มแรงจนแตกละเอียด เบื้องล่างคือระเบียงหน้างาน โชคดีที่พอรู้ว่ามีผู้บุกรุก อนันตชัยจึงประกาศยกเลิกงานและรีบบอกให้แขกออกจากสถานบันเทิงของตน พื้นที่ระเบียงด้านหน้าจึงเหลือแขกบางตา ปาณัสม์มองตรงไป เห็นชุดโซฟารับแขกวีไอพีตั้งอยู่ตรงลานดังกล่าวชุดหนึ่ง ซึ่งต้องออกแรงกระโดดไปไกลหน่อยจึงจะลงไปยังตำแหน่งที่มีโซฟาวางอยู่พอดี
“งานนี้เจ็บเป็นเจ็บ ไอ้ชิ โดดก่อนเลย” ต้องชนะบอกเพราะเห็นรุ่นน้องร่วมภารกิจหน้าซีดกว่าเพื่อน
“ไม่ พี่โดดก่อนสิ เดี๋ยวผมตาม” เด็กหนุ่มตอบ ถึงเขาจะเป็นมายากร แต่ทั้งหมดเป็นเพียงการแสดงตบตา เขาไม่ได้มีเวทมนตร์จริง ไม่สามารถเสกเบาะมารองข้างล่างได้
เสียงกริ่งลิฟต์ดังขึ้น เป็นสัญญาณแจ้งว่ามีคนขึ้นมาถึงแล้ว ประตูลิฟต์เลื่อนเปิด เทิดศักดิ์และลูกน้องอนันตชัยคนอื่น ๆ รวมเจ็ดชีวิตอัดกันอยู่ในนั้น
“เออดี เถียงกันอยู่นั่นแหละ ฉันไปก่อนล่ะ” ปาณัสม์ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมตัดสินใจกระโดดนำ ถ้าเป็นกัปตันสละเรือถือว่าทำผิดวินัยอย่างแรง แต่พอดีการรวมตัวเฉพาะกิจครั้งนี้ ไม่มีกฎห้ามผู้นำเอาตัวรอดก่อนลูกทีมแต่อย่างใด
เทิดศักดิ์วิ่งนำลูกน้องวิ่งเข้ามา แล้วยิงปืนใส่ต้องชนะกับอชิระไม่ยั้ง ความลังเลใจเมื่อครู่พลันมีแรงกระตุ้นส่งให้นักมายากลหนุ่มชิงกระโดดลงไปเป็นคนที่สอง ต้องชนะกระโดดตามแต่โชคร้ายที่กระสุนเฉี่ยวหัวไหล่ไปเล็กน้อย
พอร่างร่วงลงบนโซฟา สามหนุ่มรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อ แม้จะมีแขกบางคนส่วนเตลิดเสียงกระสุนวิ่งแตกตี่นกันไปมาตรงบริเวณดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้รับรองว่า ถ้ามีบุคคลอื่นอยู่ข้างล่าง เทิดศักดิ์และพรรคพวกจะไม่ยิงกระสุนต่อ แม้จะมีแขกคนสำคัญของเสี่ยโดนลูกหลงไปด้วยก็ตาม อีกอย่าง...คนดังอย่างพวกดารารวมทั้งคุณหนูมิตาหนีกลับไปก่อนแล้ว ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักข่าวที่รอดูสถานการณ์ หวังจะได้ข่าวที่เหนือสำนักอื่นมากกว่า
แล้วก็เป็นเช่นที่คิด ระหว่างที่ทั้งสามหนีหัวซุกหัวซุน ห่ากระสุนไล่หลังพวกเขาและโดนแขกบางคนล้มลงเลือดกระฉูดกระจายไปทั่ว
สามหนุ่มวิ่งกระจายกันไปคนละทิศทาง ปาณัสม์รู้สึกไม่ต่างอะไรจากการอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ ทันใดเขาก็เห็นร่างหนึ่งยืนขวางอยู่ นักข่าววารินกำลังตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่เพลินตาและแขกส่วนใหญ่ก้มหลบอยู่หลังโซฟา ปาณัสม์สังเกตเห็นกระสุนกราดยิงไล่เรียงถูกเก้าอี้ โต๊ะ แก้วไวน์ และเดาได้ว่า ต่อไปวิถีกระสุนจะถูกตัวของผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน
“คุณ หลบ!!!” ชายหนุ่มกระโจนตัวใหญ่นักข่าวสาว กระสุนเฉียดต้นแขนของเขาไปเพียงนิด จังหวะที่แผ่นหลังของหญิงสาวหงายกระแทกลงกับพื้น ริมฝีปากของชายหนุ่มประทับเข้ากับปากของหญิงสาวโดยบังเอิญ เหยี่ยวข่าวสาวถลึงตาโต อ้ำอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ชายผู้บุกรุกอนันตาลัยกำลังจูบปากกับเธออยู่ และเธอก็เป็นคนเดียวที่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
“โอ๊ย” ปาณัสม์เจ็บริมฝีปาก ทำไมมันไม่เห็นดูโรแมนติกเหมือนในละครหลังข่าวก็ไม่รู้
“อ๊ายย … ไอ้โรคจิต” หญิงสาวกรีดร้อง วารินทุบตัวปาณัสม์ ภาพนิมิตแวบเข้ามาในหัวว่ามีกระสุนอีกนัดกำลังยิงตรงมาทางเขาและเธอในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ปาณัสม์จับวารินพลิกกลิ้งหลบกระสุน แล้วผลักเธอให้ไปอยู่ด้านหลังเก้าอี้ตัวใกล้ ๆ
“แอบดี ๆ ล่ะ ผมไปแล้วนะ”
เสียงหวอรถตำรวจดังขึ้นไกล ๆ แต่รถคันหนึ่งที่แล่นปาดเข้ามาในงานไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นรถสปอร์ตคันสีแดงที่อินทร์ธัชเช่ามานั่นเองพื้น
“พี่ ๆ ขึ้นรถ!” น้องเล็กของทีมปฏิบัติการลับเลื่อนหน้าต่างลงแล้วกวักมือ
“ดีมาก ไอ้น้องชาย” ปาณัสม์อมยิ้ม เขา ต้องชนะและอชิระวิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว แม้เสียงรถตำรวจจะเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่เทิดศักดิ์ก็ไม่ยอมหยุดยิง กระสุนบางส่วนปะทะรถจนเป็นรอยฝัง อินทร์ธัชถึงกับสะดุ้งโหยง
“เวร ... แบบนี้ร้านเช่ามันฆ่าผมตาย”
“ก็ให้ร้านเช่ามันฆ่า ดีกว่ามาตายตรงนี้” ปาณัสม์ท่าทางร้อนรน “ออกรถเร็ว!”
รถสปอร์ตสุดหรูกลับลำแล่นเลี้ยวออกจากซอยมุ่งสู่ถนนใหญ่ ในจังหวะที่รถตำรวจแล่นสวนมาพอดี ปาณัสม์นึกบางอย่างขึ้นได้ หันไปสบตากับอชิระ
“มีกลไหนของนายที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้บ้าง”
“เสกคีย์การ์ดเป็นนกผมยังทำได้” หนุ่มหน้าทะเล้นยักคิ้ว “กะอีแค่เสกหลักฐานให้เป็นนกอีก ทำไมผมจะทำไม่ได้”
รถตำรวจสามสี่คันแล่นจอดเรียงกันที่หน้าอนันตาลัย เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุร้ายแต่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทีแรกเทิดศักดิ์อมยิ้มเพราะรู้ดีว่าคนในเครื่องแบบเหล่านี้สามารถเจรจากันได้ แต่เมื่อเห็นว่าตราที่ปรากฏข้างรถว่าเป็นกรมสืบสวนคดีเฉพาะกิจเขาถึงกับหน้าซีด ยิ่งได้เห็นหัวหน้าตำรวจที่ใช้โทรโข่งตะโกนสั่งให้หยุดยิง คือ ร้อยโทเรืองฤทธิ์ เขายิ่งหวาดหวั่นเข้าไปใหญ่ เพราะผู้หมวดคนนี้เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และยึดมั่นกับการยืนหยัดเพื่อความถูกต้องเหนือสิ่งอื่นใด
อยู่ ๆ เสียงร้องเล็กแหลมของนกน้อยก็บินมาเกาะที่ปืนของผู้หมวดเรืองฤทธิ์ มันระเบิดตัวเองกลายเป็นกลุ่มควันจนผู้หมวดหนุ่มสะดุ้งตกใจ พอไอควันจางหาย เขาก็พบว่ามีซองกระดาษสีน้ำตาล จ่าหน้าตัวโตถึงเขา
เรียน ผู้หมวดเรืองฤทธิ์
หลักฐานความผิดของอนันตชัยอยู่ในซองนี้ทั้งหมดแล้ว
กลุ่มชายคนที่คุณไม่ต้องรู้ว่าใคร
ร้อยโทหนุ่มหยิบซองดังกล่าวขึ้นมาเปิดดู ภายในบรรจุภาพต่าง ๆ ที่พวกปาณัสม์รวบรวมมาไว้สักระยะ รวมทั้งแผ่นดีวีดีที่เขียนว่า ‘คลิปลับเปิดโปงคนหนักแผ่นดิน’ ผู้หมวดรูปหล่อผิวกร้านผู้ผ่านคดีต่าง ๆ มาอย่างโชกโชนถึงกับตะลึงในหลักฐานสำคัญที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
รถสปอร์ตคันสีแดงที่มีรอยกระสุนหลายจุดแล่นอยู่บนทางด่วนซึ่งโล่งจนเหมือนทั้งสี่ปิดถนนฉลองความสำเร็จ อินทร์ธัชตัดสินใจกดปุ่มเปิดประทุนรถออก อชิระดีใจลุกขึ้นส่งเสียงดีใจ ต้องชนะกับปาณัสม์เองก็มีความสุขมากเช่นกัน รถคันดังกล่าวกำลังมุ่งสู่สำนักงานเล็ก ๆ ที่ทั้งสี่นักสืบใช้ประชุม วางแผน แล้วดำเนินการจับกุมเสี่ยอนันตชัย พวกเขามารวมตัวกันเพราะอดรนทนไม่ไหวกับการฉ้อฉลอย่างหน้าด้าน ๆ ของผู้ทรงอิทธิพลรายนี้ ทั้งสี่ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงซึ่งใฝ่ฝันอยากเป็นนักสืบ พอปาณัสม์ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์เพ็ญทิพย์ดอทคอมเกี่ยวกับข้อสังเกตเรื่องการเปิดสถาบันเทิงอนันตาลัย ต้องชนะเองก็หลังไมค์มาคุยจนเกิดความคิดเริ่มปฏิบัติการลับ ปาณัสม์ชักชวนอินทร์ธัช น้องชายแท้ ๆ มาร่วม และอินทร์ธัชก็ชวนอชิระเพื่อนสนิทมาร่วมภารกิจอีกที
ปาณัสม์หลับตาเพื่อพินิจภาพชุดเหตุการณ์ซึ่งคราวนี้ไม่ได้เกิดจากนิมิต หากเป็นภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการเมื่อครู่
ภาพตอนตนเองกดปิดประตูขังอนันตชัยไว้ในห้องทำงาน ภาพตอนวิ่งออกจากลิฟต์แล้วกระโดดลงจากหน้าต่าง ภาพตอนตนเองช่วยนักข่าวสาวปากจัดให้พ้นวิถีกระสุนจนล้มปากจูบกัน
“อ๊าย ... ไอ้โรคจิต”
ภาพตอนเจ้าหล่อนโวยวายทำให้ปาณัสม์ยิ้มกริ่ม เอาหัวแม่โป้งขึ้นมาลูบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นอะไรพี่ ประทับใจในจูบแรกเหรอ” อินทร์ธัชซึ่งเห็นอาการเหม่อลอยของพี่ชายผ่านกระจกมองหลังแซว
“เฮ้ย ... ไม่ใช่” พี่ใหญ่รีบปฏิเสธ ต้องชนะซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ หันมามองแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
“หน้าตาก็ดี ความสามารถก็ไม่ธรรมดา” น้องชายบังเกิดเกล้าพูดลอย ๆ “เสียแต่ตรงปากแข็งกับปากเสียนี่แหละ”
ผัว! ปาณัสม์เอื้มมือมาตบกะโหลกทีหนึ่ง จนอินทร์ธัชซึ่งอยู่ในตำแหน่งคนขับสมาธิหลุดจากการควบคุมพวงมาลัย ทำให้รถเป๋ออกไปจนเกือบจูบกับรถอีกเลนที่แล่นสวนมา
“เฮ้ยพี่ เล่นไรเนี่ย เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก”
“ไอ้พี่น้องคู่นี้นี่ กัดกันได้ตลอดจริง ๆ” ต้องชนะส่ายหัวแต่ก็แอบอมยิ้ม
“ไหน ๆ พวกเราก็ทำงานกันมาร่วมครึ่งปี เข้าขากันดี แถมคดียังปิดฉากลง อย่างดงาม” อชิระพูดขึ้น “เรามาลงขันกันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกันมั้ย”
“ความคิดดีนี่” ปาณัสม์ชม “ก็เอาออฟฟิศที่พี่ตั้งใจจะเปิดเป็นสำนักงานของตัวเองนั่นแหละ ใช้เป็นที่ทำการของพวกเรา”
“ตอนนี้ ฉันว่างงานอยู่ งั้นขอเข้าร่วมด้วยเลยโดยไม่มีข้อแม้” ต้องชนะตอบ
“แล้วเราจะตั้งชื่อสำนักงานของเราว่าอะไรดีล่ะ” อินทร์ธัชสงสัย
“4 อวตาร , 4 สหาย , 4นักสืบ” แม้จะไม่สันทัดเรื่องภาษา แต่นักมายากรหนุ่มก็พยายามช่วยคิดชื่อ
“ฉันคิดชื่อที่เหมาะกับพวกเราได้แล้วล่ะ” ปาณัสม์อมยิ้ม “‘4 หล่อขอสืบ’ เราตั้งชื่อสำนักงานของเราว่า ‘4 หล่อขอสืบ’ กันดีกว่า”
-------------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 3 สำนักงานนักสืบ
"ใครเป็นคนตั้งชื่อสำนักงานนักสืบว่า '4 หล่อขอสืบ' "
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม คนละ 5 คะแนน
นำตอนที่ 3 มาลงแล้วนะครับ แต่ก่อนไปอ่านเรื่อง เรามาสรุปคะแนนสะสมกันก่อน
คำตอบสำหรับคำถามจากตอนที่ 2
รหัสผ่านเข้าห้องทำงานของเสี่ยอนันตชัย คือ "4 3 2 1"
ผู้ที่ตอบถูกและได้รับคะแนนสะสม ได้แก่ ...
คุณแว่นใส คุณ Kohnhin และคุณ Sunflower
มีผู้ที่มีคะแนนสะสม ดังนี้ (เฉพาะในเว็บเลิฟ)
คุณแว่นใส 10 คะแนน
คุณKohnhin 10 คะแนน
คุณ Sunflower 10 คะแนน
คุณ Dragon 5 คะแนน
สามารถติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวงานเขียนของผมได้ที่ www.KornWriter.com
นิยาย 4 หล่อขอสืบ ตอน ศิลานิรมิต
จะลงให้อ่านทุกวันอังคาร และศุกร์ เวลา 20.00 น.
ทาง www.KornWriter.com (ลงก่อน 1 คิว)
และทาง www.love-stories.net , my.dek-d.com/rtkorn
ไปอ่านเนื้อเรื่องตอนที่ 3 กันเลยครับ
------------------------------------------------------------------
“ปากดีนัก เชิญไปต่อล้อต่อเถียงกับยมบาลในนรกเถอะ” อนันตชัยเตรียมที่จะเหนี่ยวไกปืน หากปาณัสม์กลับแสยะยิ้มและหัวเราะหึอย่างไม่กลัวความตาย
“มึงขำอะไร!!!” เสี่ยใหญ่ตวาดเสียงดัง
“ก้มดูข้างล่างสิ”
เจ้าพ่อคนดังละความสนใจจากการสังหารศัตรูไปที่พื้น ทันใด ไพ่นับสิบใบร่อนลอดช่องใต้ประตูกระจกเข้ามา ชายในชุดมายากลสวมหน้ากากขนนกยืนเท้าแขนแล้วจ้องมองผ่านบานกระจกบานนั้น
“หน็อย ... แกนั่นเอง”
ทันทีที่อชิระดีดนิ้ว ไพ่ทั้งสิบใบกลายเป็นฝูงพิราบ พวกมันบินเข้ารุมอนันตชัยจนหงายหลัง จังหวะนั้นเสี่ยใหญ่ทำปืนหลุดออกจากมือ กว่าจะตั้งหลักได้อีกที ปาณัสม์ก็ถลาตัวไปกดปุ่มเปิดระบบกระจกบานเลื่อนจากด้านใน และก้าวออกจากห้องนี้ไปพร้อมกับเอกสารหลักฐานการฉ้อโกงของเสี่ยใหญ่ที่พร้อมจะนำไปเปิดเผยให้บุคคลภายนอกได้รับรู้
“แกเป็นพวกเดียวกันใช่มั้ย”
“ยังต้องถามอีกเหรอ” อชิระย้อนน้ำเสียงทะเล้น
“ไอ้คนที่มือขวาของนายตามล่าตัวอยู่ก็ด้วย” ปาณัสม์บอกแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก รอจนคนปลายทางซึ่งก็คืออินทร์ธัชรับสาย จึงกรอกเสียงบอกให้ทำตามแผนต่อโดยเร็ว “สั่งปิดระบบได้ ให้มันถูกจับในห้องปิดตายแบบนี้แหละ”
พอสิ้นเสียงสั่ง ประตูบานใสก็ค่อย ๆ เลื่อนปิด อนันตชัยคว้าปืนขึ้นมาแล้วยิงใส่แต่กลับทำอะไรไม่ได้เพราะบานประตูเป็นกระจกชนิดกันกระสุน สถานบันเทิงที่ได้รับการออกแบบไม่ให้ใครเข้าถึงตัว บัดนี้ได้กลายเป็นสถานคุมขังเจ้าพ่อใหญ่ให้ออกไปไหนไม่ได้เสียเอง
“เฮ้ … พวก” ต้องชนะตะโกนเรียกขณะที่ยืนกดลิฟท์รอ เขายังไม่ตาย ทั้งหมดเป็นกลอุบายที่อชิระช่วยคิดแผนไว้ล่วงหน้า เพราะตอนเขาหนีพวกเทิดศักดิ์เข้าไปในห้องเก็บของ เขาใช้เก้าอี้ทุบกระจก แล้วโยนหุ่นซึ่งสวมเสื้อผ้าชุดเดียวกับเขาลงไปทางหน้าต่าง ส่วนตัวเองแอบอยู่ตรงผนังข้างบานประตู พอเทิดศักดิ์กับลูกน้องกรูกันไปที่หน้าต่าง บานประตูที่เปิดอ้าได้ช่วยบังไม่ให้ใครเห็นเขา เขาใช้จังหวะนั้นแอบออกมาจากห้องแล้ววิ่งไปซ่อนตัวตรงบันไดหนีไฟซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกันพอดี
“ตำรวจกำลังมาแล้ว” หนุ่มนักบู๊บอกน้ำเสียงร้อนรุ่ม “รีบหนีกันเถอะ ก่อนที่ไอ้มือขวาและพวกจะกลับมา”
สามหนุ่มวิ่งตรงไปที่ลิฟต์ซึ่งมาถึงชั้นที่พวกเขาอยู่พอดี ทั้งสามถลาเข้าไปพร้อมกดปุ่มรัว ๆ เพื่อให้ประตูปิด ตัวเลขบอกชั้นซึ่งอยู่ข้างประตูบอกให้รู้ว่าลิฟท์กำลังเคลื่อนลงไปยังชั้นสี่ แต่ระหว่างถึงชั้นสาม ปาณัสม์หลับตาลงแล้วเห็นภาพนิมิตบางอย่าง เขาเห็นพวกเทิดศักดิ์ยืนถือปืนเล็งรออยู่หน้าลิฟต์ชั้นล่าง พร้อมสาดกระสุนใส่ทันทีที่พวกเขาลงไปถึง ปาณัสม์จึงรีบตะโกนบอกให้อชิระซึ่งยืนอยู่ใกล้แผงกดเลือกชั้นให้กดลิฟต์ไปยังชั้นอื่น
ชั้นที่อชิระเลือกกดคือชั้นสอง จังหวะที่ประตูลิฟต์เปิดออก สามหนุ่มวิ่งตรงไปยังบันไดหนีไฟ แต่พอไปถึงกลับพบลูกน้องของอนันตชัยอีกส่วนกำลังวิ่งขึ้นมา ทางรอดเหลือน้อยลงทุกที สถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้น หรือว่าภารกิจที่อีกเพียงนิดก็เสร็จสมบูรณ์ จะมาตกม้าตายเอาตอนวินาทีสุดท้าย
ทั้งสามต่างสมองทางซ้ายทางขวา เค้นเซลล์สีเทาในสมองกันอย่างสุดความสามารถ ต้องชนะหันไปมองกระจกหน้าต่างซึ่งยังดูใหม่เอี่ยม แล้วบางประกายความคิดก็ผุดขึ้น
“พวกเรา … ไอ้แผนหลอกทำเป็นกระโดดออกจากหน้าต่างที่ใช้กันเมื่อครู่นี้ เห็นทีต้องใช้อีกครั้งแล้วล่ะ” หนุ่มนักสู้บอก “แต่คราวนี้เปลี่ยนเป็นกระโดดจริงนะ”
อชิระยิ้มหวาด ๆ เพราะคิดว่ารุ่นพี่ผู้ร่วมปฏิบัติการลับคงพูดเล่น แต่ปาณัสม์กลับพยักหน้าเห็นดีเห็นงามไปด้วย
“เอาวะ เป็นไงเป็นกัน”
ต้องชนะหยิบเอาเก้าอี้ตรงมุมนั่งรอเล็ก ๆ ฟาดใส่กระจกเต็มแรงจนแตกละเอียด เบื้องล่างคือระเบียงหน้างาน โชคดีที่พอรู้ว่ามีผู้บุกรุก อนันตชัยจึงประกาศยกเลิกงานและรีบบอกให้แขกออกจากสถานบันเทิงของตน พื้นที่ระเบียงด้านหน้าจึงเหลือแขกบางตา ปาณัสม์มองตรงไป เห็นชุดโซฟารับแขกวีไอพีตั้งอยู่ตรงลานดังกล่าวชุดหนึ่ง ซึ่งต้องออกแรงกระโดดไปไกลหน่อยจึงจะลงไปยังตำแหน่งที่มีโซฟาวางอยู่พอดี
“งานนี้เจ็บเป็นเจ็บ ไอ้ชิ โดดก่อนเลย” ต้องชนะบอกเพราะเห็นรุ่นน้องร่วมภารกิจหน้าซีดกว่าเพื่อน
“ไม่ พี่โดดก่อนสิ เดี๋ยวผมตาม” เด็กหนุ่มตอบ ถึงเขาจะเป็นมายากร แต่ทั้งหมดเป็นเพียงการแสดงตบตา เขาไม่ได้มีเวทมนตร์จริง ไม่สามารถเสกเบาะมารองข้างล่างได้
เสียงกริ่งลิฟต์ดังขึ้น เป็นสัญญาณแจ้งว่ามีคนขึ้นมาถึงแล้ว ประตูลิฟต์เลื่อนเปิด เทิดศักดิ์และลูกน้องอนันตชัยคนอื่น ๆ รวมเจ็ดชีวิตอัดกันอยู่ในนั้น
“เออดี เถียงกันอยู่นั่นแหละ ฉันไปก่อนล่ะ” ปาณัสม์ซึ่งดำรงตำแหน่งหัวหน้าทีมตัดสินใจกระโดดนำ ถ้าเป็นกัปตันสละเรือถือว่าทำผิดวินัยอย่างแรง แต่พอดีการรวมตัวเฉพาะกิจครั้งนี้ ไม่มีกฎห้ามผู้นำเอาตัวรอดก่อนลูกทีมแต่อย่างใด
เทิดศักดิ์วิ่งนำลูกน้องวิ่งเข้ามา แล้วยิงปืนใส่ต้องชนะกับอชิระไม่ยั้ง ความลังเลใจเมื่อครู่พลันมีแรงกระตุ้นส่งให้นักมายากลหนุ่มชิงกระโดดลงไปเป็นคนที่สอง ต้องชนะกระโดดตามแต่โชคร้ายที่กระสุนเฉี่ยวหัวไหล่ไปเล็กน้อย
พอร่างร่วงลงบนโซฟา สามหนุ่มรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งต่อ แม้จะมีแขกบางคนส่วนเตลิดเสียงกระสุนวิ่งแตกตี่นกันไปมาตรงบริเวณดังกล่าว แต่ก็ไม่ได้รับรองว่า ถ้ามีบุคคลอื่นอยู่ข้างล่าง เทิดศักดิ์และพรรคพวกจะไม่ยิงกระสุนต่อ แม้จะมีแขกคนสำคัญของเสี่ยโดนลูกหลงไปด้วยก็ตาม อีกอย่าง...คนดังอย่างพวกดารารวมทั้งคุณหนูมิตาหนีกลับไปก่อนแล้ว ที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่จะเป็นพวกนักข่าวที่รอดูสถานการณ์ หวังจะได้ข่าวที่เหนือสำนักอื่นมากกว่า
แล้วก็เป็นเช่นที่คิด ระหว่างที่ทั้งสามหนีหัวซุกหัวซุน ห่ากระสุนไล่หลังพวกเขาและโดนแขกบางคนล้มลงเลือดกระฉูดกระจายไปทั่ว
สามหนุ่มวิ่งกระจายกันไปคนละทิศทาง ปาณัสม์รู้สึกไม่ต่างอะไรจากการอยู่ท่ามกลางสมรภูมิรบ ทันใดเขาก็เห็นร่างหนึ่งยืนขวางอยู่ นักข่าววารินกำลังตกตะลึงกับภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่เพลินตาและแขกส่วนใหญ่ก้มหลบอยู่หลังโซฟา ปาณัสม์สังเกตเห็นกระสุนกราดยิงไล่เรียงถูกเก้าอี้ โต๊ะ แก้วไวน์ และเดาได้ว่า ต่อไปวิถีกระสุนจะถูกตัวของผู้หญิงคนนั้นอย่างแน่นอน
“คุณ หลบ!!!” ชายหนุ่มกระโจนตัวใหญ่นักข่าวสาว กระสุนเฉียดต้นแขนของเขาไปเพียงนิด จังหวะที่แผ่นหลังของหญิงสาวหงายกระแทกลงกับพื้น ริมฝีปากของชายหนุ่มประทับเข้ากับปากของหญิงสาวโดยบังเอิญ เหยี่ยวข่าวสาวถลึงตาโต อ้ำอึ้งจนทำอะไรไม่ถูก ชายผู้บุกรุกอนันตาลัยกำลังจูบปากกับเธออยู่ และเธอก็เป็นคนเดียวที่เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน
“โอ๊ย” ปาณัสม์เจ็บริมฝีปาก ทำไมมันไม่เห็นดูโรแมนติกเหมือนในละครหลังข่าวก็ไม่รู้
“อ๊ายย … ไอ้โรคจิต” หญิงสาวกรีดร้อง วารินทุบตัวปาณัสม์ ภาพนิมิตแวบเข้ามาในหัวว่ามีกระสุนอีกนัดกำลังยิงตรงมาทางเขาและเธอในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า ปาณัสม์จับวารินพลิกกลิ้งหลบกระสุน แล้วผลักเธอให้ไปอยู่ด้านหลังเก้าอี้ตัวใกล้ ๆ
“แอบดี ๆ ล่ะ ผมไปแล้วนะ”
เสียงหวอรถตำรวจดังขึ้นไกล ๆ แต่รถคันหนึ่งที่แล่นปาดเข้ามาในงานไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นรถสปอร์ตคันสีแดงที่อินทร์ธัชเช่ามานั่นเองพื้น
“พี่ ๆ ขึ้นรถ!” น้องเล็กของทีมปฏิบัติการลับเลื่อนหน้าต่างลงแล้วกวักมือ
“ดีมาก ไอ้น้องชาย” ปาณัสม์อมยิ้ม เขา ต้องชนะและอชิระวิ่งไปที่รถอย่างรวดเร็ว แม้เสียงรถตำรวจจะเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ แต่เทิดศักดิ์ก็ไม่ยอมหยุดยิง กระสุนบางส่วนปะทะรถจนเป็นรอยฝัง อินทร์ธัชถึงกับสะดุ้งโหยง
“เวร ... แบบนี้ร้านเช่ามันฆ่าผมตาย”
“ก็ให้ร้านเช่ามันฆ่า ดีกว่ามาตายตรงนี้” ปาณัสม์ท่าทางร้อนรน “ออกรถเร็ว!”
รถสปอร์ตสุดหรูกลับลำแล่นเลี้ยวออกจากซอยมุ่งสู่ถนนใหญ่ ในจังหวะที่รถตำรวจแล่นสวนมาพอดี ปาณัสม์นึกบางอย่างขึ้นได้ หันไปสบตากับอชิระ
“มีกลไหนของนายที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้บ้าง”
“เสกคีย์การ์ดเป็นนกผมยังทำได้” หนุ่มหน้าทะเล้นยักคิ้ว “กะอีแค่เสกหลักฐานให้เป็นนกอีก ทำไมผมจะทำไม่ได้”
รถตำรวจสามสี่คันแล่นจอดเรียงกันที่หน้าอนันตาลัย เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุร้ายแต่ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ทีแรกเทิดศักดิ์อมยิ้มเพราะรู้ดีว่าคนในเครื่องแบบเหล่านี้สามารถเจรจากันได้ แต่เมื่อเห็นว่าตราที่ปรากฏข้างรถว่าเป็นกรมสืบสวนคดีเฉพาะกิจเขาถึงกับหน้าซีด ยิ่งได้เห็นหัวหน้าตำรวจที่ใช้โทรโข่งตะโกนสั่งให้หยุดยิง คือ ร้อยโทเรืองฤทธิ์ เขายิ่งหวาดหวั่นเข้าไปใหญ่ เพราะผู้หมวดคนนี้เป็นคนกล้าได้กล้าเสีย และยึดมั่นกับการยืนหยัดเพื่อความถูกต้องเหนือสิ่งอื่นใด
อยู่ ๆ เสียงร้องเล็กแหลมของนกน้อยก็บินมาเกาะที่ปืนของผู้หมวดเรืองฤทธิ์ มันระเบิดตัวเองกลายเป็นกลุ่มควันจนผู้หมวดหนุ่มสะดุ้งตกใจ พอไอควันจางหาย เขาก็พบว่ามีซองกระดาษสีน้ำตาล จ่าหน้าตัวโตถึงเขา
เรียน ผู้หมวดเรืองฤทธิ์
หลักฐานความผิดของอนันตชัยอยู่ในซองนี้ทั้งหมดแล้ว
กลุ่มชายคนที่คุณไม่ต้องรู้ว่าใคร
ร้อยโทหนุ่มหยิบซองดังกล่าวขึ้นมาเปิดดู ภายในบรรจุภาพต่าง ๆ ที่พวกปาณัสม์รวบรวมมาไว้สักระยะ รวมทั้งแผ่นดีวีดีที่เขียนว่า ‘คลิปลับเปิดโปงคนหนักแผ่นดิน’ ผู้หมวดรูปหล่อผิวกร้านผู้ผ่านคดีต่าง ๆ มาอย่างโชกโชนถึงกับตะลึงในหลักฐานสำคัญที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
รถสปอร์ตคันสีแดงที่มีรอยกระสุนหลายจุดแล่นอยู่บนทางด่วนซึ่งโล่งจนเหมือนทั้งสี่ปิดถนนฉลองความสำเร็จ อินทร์ธัชตัดสินใจกดปุ่มเปิดประทุนรถออก อชิระดีใจลุกขึ้นส่งเสียงดีใจ ต้องชนะกับปาณัสม์เองก็มีความสุขมากเช่นกัน รถคันดังกล่าวกำลังมุ่งสู่สำนักงานเล็ก ๆ ที่ทั้งสี่นักสืบใช้ประชุม วางแผน แล้วดำเนินการจับกุมเสี่ยอนันตชัย พวกเขามารวมตัวกันเพราะอดรนทนไม่ไหวกับการฉ้อฉลอย่างหน้าด้าน ๆ ของผู้ทรงอิทธิพลรายนี้ ทั้งสี่ล้วนเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรงซึ่งใฝ่ฝันอยากเป็นนักสืบ พอปาณัสม์ตั้งกระทู้ในเว็บไซต์เพ็ญทิพย์ดอทคอมเกี่ยวกับข้อสังเกตเรื่องการเปิดสถาบันเทิงอนันตาลัย ต้องชนะเองก็หลังไมค์มาคุยจนเกิดความคิดเริ่มปฏิบัติการลับ ปาณัสม์ชักชวนอินทร์ธัช น้องชายแท้ ๆ มาร่วม และอินทร์ธัชก็ชวนอชิระเพื่อนสนิทมาร่วมภารกิจอีกที
ปาณัสม์หลับตาเพื่อพินิจภาพชุดเหตุการณ์ซึ่งคราวนี้ไม่ได้เกิดจากนิมิต หากเป็นภาพความทรงจำที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติการเมื่อครู่
ภาพตอนตนเองกดปิดประตูขังอนันตชัยไว้ในห้องทำงาน ภาพตอนวิ่งออกจากลิฟต์แล้วกระโดดลงจากหน้าต่าง ภาพตอนตนเองช่วยนักข่าวสาวปากจัดให้พ้นวิถีกระสุนจนล้มปากจูบกัน
“อ๊าย ... ไอ้โรคจิต”
ภาพตอนเจ้าหล่อนโวยวายทำให้ปาณัสม์ยิ้มกริ่ม เอาหัวแม่โป้งขึ้นมาลูบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว
“เป็นอะไรพี่ ประทับใจในจูบแรกเหรอ” อินทร์ธัชซึ่งเห็นอาการเหม่อลอยของพี่ชายผ่านกระจกมองหลังแซว
“เฮ้ย ... ไม่ใช่” พี่ใหญ่รีบปฏิเสธ ต้องชนะซึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ หันมามองแล้วอดยิ้มตามไม่ได้
“หน้าตาก็ดี ความสามารถก็ไม่ธรรมดา” น้องชายบังเกิดเกล้าพูดลอย ๆ “เสียแต่ตรงปากแข็งกับปากเสียนี่แหละ”
ผัว! ปาณัสม์เอื้มมือมาตบกะโหลกทีหนึ่ง จนอินทร์ธัชซึ่งอยู่ในตำแหน่งคนขับสมาธิหลุดจากการควบคุมพวงมาลัย ทำให้รถเป๋ออกไปจนเกือบจูบกับรถอีกเลนที่แล่นสวนมา
“เฮ้ยพี่ เล่นไรเนี่ย เดี๋ยวก็ตายกันหมดหรอก”
“ไอ้พี่น้องคู่นี้นี่ กัดกันได้ตลอดจริง ๆ” ต้องชนะส่ายหัวแต่ก็แอบอมยิ้ม
“ไหน ๆ พวกเราก็ทำงานกันมาร่วมครึ่งปี เข้าขากันดี แถมคดียังปิดฉากลง อย่างดงาม” อชิระพูดขึ้น “เรามาลงขันกันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกันมั้ย”
“ความคิดดีนี่” ปาณัสม์ชม “ก็เอาออฟฟิศที่พี่ตั้งใจจะเปิดเป็นสำนักงานของตัวเองนั่นแหละ ใช้เป็นที่ทำการของพวกเรา”
“ตอนนี้ ฉันว่างงานอยู่ งั้นขอเข้าร่วมด้วยเลยโดยไม่มีข้อแม้” ต้องชนะตอบ
“แล้วเราจะตั้งชื่อสำนักงานของเราว่าอะไรดีล่ะ” อินทร์ธัชสงสัย
“4 อวตาร , 4 สหาย , 4นักสืบ” แม้จะไม่สันทัดเรื่องภาษา แต่นักมายากรหนุ่มก็พยายามช่วยคิดชื่อ
“ฉันคิดชื่อที่เหมาะกับพวกเราได้แล้วล่ะ” ปาณัสม์อมยิ้ม “‘4 หล่อขอสืบ’ เราตั้งชื่อสำนักงานของเราว่า ‘4 หล่อขอสืบ’ กันดีกว่า”
-------------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 3 สำนักงานนักสืบ
"ใครเป็นคนตั้งชื่อสำนักงานนักสืบว่า '4 หล่อขอสืบ' "
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม คนละ 5 คะแนน
ธรากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ม.ค. 2558, 16:05:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ม.ค. 2558, 16:05:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 1891
<< ตอนที่ 2 รังโจร | ตอนที่ 4 สปายนิวส์ >> |
แว่นใส 14 ม.ค. 2558, 20:21:29 น.
ปาณัสม์ จ้า
ปาณัสม์ จ้า
กาซะลองพลัดถิ่น 14 ม.ค. 2558, 22:48:24 น.
ปาณัสม์ คะ ขอเล่นด้วยคน อ่านแล้วนึกภาพตามไปมีตั้ง 4หล่อ และคิดว่า
น่าจะแถมด้วยผู้หมวดมาดเท่ห์อีกคน แค่นี้ก็สนุกล่ะ เนื้อเรื่องไม่ต้องพูดถึง มันโดนอ่ะ
ปาณัสม์ คะ ขอเล่นด้วยคน อ่านแล้วนึกภาพตามไปมีตั้ง 4หล่อ และคิดว่า
น่าจะแถมด้วยผู้หมวดมาดเท่ห์อีกคน แค่นี้ก็สนุกล่ะ เนื้อเรื่องไม่ต้องพูดถึง มันโดนอ่ะ
konhin 15 ม.ค. 2558, 09:08:37 น.
ปาณัส กล้ามาอ่ะตั้งชื่อแบบไม่กลัวว่าหลงตัวเองเล้ยยยย
ปาณัส กล้ามาอ่ะตั้งชื่อแบบไม่กลัวว่าหลงตัวเองเล้ยยยย
dragon 17 ม.ค. 2558, 23:56:50 น.
ปาณัสม์ ค่ะ
ปาณัสม์ ค่ะ