เมียเก็บ e-book
หล่อนคือหนามยอกยอกน้องสาวที่สมควรกำจัดให้พ้นทาง แต่กลับย้อนมาทิ่มแทงใจเขาให้ปวดร้าว แสนชิงชัง แต่กลับหลงใหลในวังวนเสน่หนา ใต้คำครหาหยามเหยียด...กืนน้ำใต้ศอกเพื่อนสนิท!
**หมายเหตุ**
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกา ทิตภากร ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูร์ของเนือเรื่อง
(เปิดให้อ่านบางส่วนเท่านั้น!!)
**หมายเหตุ**
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกา ทิตภากร ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูร์ของเนือเรื่อง
(เปิดให้อ่านบางส่วนเท่านั้น!!)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ 4
หลายวันต่อมา ระรินโทรไปรบเร้าตฤณให้เช็กเอ้าท์ออกจากโรงแรมที่พัก หล่อนต้องการให้เขาจับตาดูพฤติกรรมของกวีกับรสา จึงใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือเปิดเพนท์เฮ้าส์ชั้นบนสุดของโรงแรมให้เข้าพักในฐานะแขกวีไอพี ตลอดจนเจ้ากี้เจ้าการออกคำสั่งกับนภดลผู้จัดการแผนกต้อนรับให้ย้ายรสาจากแผนกรีเซฟชั่นมาทำหน้าที่บัตเลอร์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับพี่ชาย ด้วยหมายใจจะให้ตฤณกลั่นแกล้งรสา กดดันทุกวิถีทาง ผู้หญิงที่หล่อนชังน้ำหน้าจะได้ลาออกไป นั่นคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดที่หล่อนคิดได้ในตอนนี้
แม้รสาจะแปลกใจอยู่บ้างที่จู่ๆ ก็ถูกย้ายแผนก แต่ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก เพราะหัวหน้าเร่งให้ไปพบแขกวีไอพีเพื่อศึกษานิสัยใจคอและจดจำรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงความต้องการของผู้เข้าพัก ซึ่งปกติแล้วแขกจะต้องแจ้งข้อมูลดังกล่าวกับทางโรงแรมล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อจัดหาบัตเลอร์ที่เหมาะสม แต่ในกรณีนี้เป็นการเข้าพักอย่างปัจจุบันทันด่วน รสาก็เลยต้องไปรับทราบข้อมูลดังกล่าวด้วยตนเอง
“คุณตฤณครับ นี่รสา...บัตเลอร์ของคุณครับ”
เสียงที่ดังขึ้นทำลายภวังค์ทำให้ตฤณที่ยืนมองท้องฟ้ากว้างผ่านกระจกบานใสต้องหันมอง ครั้นเห็นนภดลผู้จัดการแผนกต้อนรับซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีผายมือไปทางพนักงานสาวที่ยืนสำรวมอยู่เบื้องหลังก็ยิ้มหยัน เขาจำหล่อนได้...ผู้หญิงคนนี้คือมารหัวใจน้องสาวเขา!
“คนนี้น่ะเหรอ...จะไหวเหร๊อ หน้าตาท่าทางเหมือนคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”
รสาช้อนตาขึ้นมองคนเอ่ยปรามาส แม้จะนึกโกรธ แต่ก็จำต้องระงับอารมณ์ หล่อนไม่อยากมีปัญหากับแขกที่มาพัก เพราะทราบดีว่าในแง่ธุรกิจลูกค้าคือพระเจ้า
“ดิฉันจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ”
“ไม่ใช่แค่พยายาม แต่ต้องไม่มีข้อผิดพลาดต่างหาก” ตฤณท้วงแล้วยิ้มหยัน สายตาเขาบ่งบอกความเป็นปรปักษ์อย่างเห็นได้ชัดจนนภดลต้องช่วยชี้แจง
“เรื่องนั้นวางใจเถอะครับ รสาเป็นพนักงานที่ผ่านการอบรมมาแล้ว และผมมั่นใจว่าเธอจะปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม”
“ก็ดี...จะได้ไม่มีข้อผิดพลาด”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” นภดลเห็นสบโอกาสเหมาะก็รีบปลีกตัวจากบรรยากาศอึดอัด ถึงกระนั้นก็ไม่วายหันไปสั่งรสา
“ตั้งใจทำงานนะ นี่เป็นโอกาสของคุณแล้ว”
“ค่ะ” คนรับคำได้แต่มองตามหลังหัวหน้าที่ก้าวออกจากห้องไป ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นหมูที่เขาส่งมาให้เชือด ครั้นละสายตามาหยุดที่แขกวีไอพีก็พบว่าเขากำลังมองหล่อนอยู่
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
“ค...ค่ะ” รสาคลี่ยิ้มบาง รีบฉวยกระดาษกับปากกาออกจากกระเป๋าตั้งท่าเตรียมจด ตฤณเห็นดังนั้นก็ร่ายยาวทีเดียว
“เจ็ดโมงเช้าคือเวลาที่ผมตื่น คุณต้องเตรียมน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะแล้วอย่าลืมบีบยาสีฟันเตรียมไว้ให้พร้อม ตอนเช้าผมไม่ชอบทานอาหารหนัก ขอเป็นกาแฟขมๆ กับขนมปังโฮลวีทสักสองแผ่นก็พอ เนยก็ขอเป็นอย่างเค็มนะ ชนิดหวานเลี่ยนๆ ไม่ต้องเอามาตั้งโต๊ะ ผมไม่ชอบ อ้อ...ขนมปังก็ไม่ต้องเกรียมมากนัก...”
รสาลอบถอนหายใจพลางชำเลืองมองคนพูดรัวไม่หยุด ผู้ชายอะไรหน้าตาดีเสียเปล่า แต่กลับจู้จี้จุกจิกอย่างกับผู้หญิง ซึ่งแตกต่างจากบุคลิกภายนอกเสียจริงๆ
เอ...หรือว่าเขาจะเป็นเกย์!
“คุณมองหน้าผมทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ?”
รสาสะดุ้งเล็กน้อย ระดับเสียงที่ดังกว่าปกติทำให้หลุดจากภวังค์ ครั้นเห็นคนร้องถามมองมาตาขุ่น หล่อนก็ยิ้มปูเลี่ยนๆ แก้เก้อ
“อ๋อ ป...เปล่าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต่อเลยนะ ทุกเช้าบนโต๊ะอาหารต้องมีหนังสือพิมพ์ธุรกิจหนึ่งฉบับ จะเป็นของเทศหรือไทยก็ได้ พวกแจกันดอกไม้ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนต้องให้แม่บ้านเปลี่ยนใหม่ทุกวัน ผมเป็นคนแพ้ฝุ่น เสื้อผ้าก็เหมือนกัน เวลาส่งซักรีดต้องตรวจดูทุกครั้งว่ามีอะไรที่ผมลืมทิ้งไว้ในนั้นไหม บางทีอาจจะมีเอกสารหรือข้าวของสำคัญ คุณต้องระวังให้มาก ถ้าเกิดความเสียหาย ผมจะถือว่าคุณบกพร่องในหน้าที่ แล้วก็...”
“เอ่อ...ขอประทานโทษค่ะ”
“มีอะไร?”
“เอ่อ...คุณช่วยพูดช้ากว่านี้สักนิดจะได้ไหมคะ คือดิฉันจดไม่ทันน่ะค่ะ” รสาอ้อมแอ้มบอกออกไปไม่เต็มเสียงนัก เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาดุๆ ที่บ่งบอกอารมณ์หงุดหงิด
“จดไม่ทันก็ใช้จำเอาสิ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ต้องให้สอน ให้ตายสิ! ถ้ารู้ตัวว่าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปซะก็สิ้นเรื่อง จะมาทนทำงานให้โรงแรมเขาเสียชื่ออยู่ทำไม” ตฤณทำท่าทางขึงขัง ทั้งที่ลึกๆ แล้วนั้นอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียให้ได้ แน่ล่ะ...ก็เขาพูดเองยังจำไม่ได้ แล้วก็พูดรัวพูดเร็วซะขนาดนี้ ถ้าแม่นี่จดทันก็เก่งเกินคน
“ถ้าดิฉันทำอะไรไม่ถูกใจก็ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ” รสาหน้าจ๋อยทีเดียว
“เฮ้อ...น่าเบื่อจริงๆ นี่แหละหนา...เขาถึงว่าพวกที่ใช้เต้าไต่ไม่ได้ไต่เต้าขึ้นมาจากความสามารถก็เป็นอย่างนี้แหละ จะไปสู้พวกมืออาชีพได้ยังไง ไป...จะไปไหนก็ไป น่ารำคาญเสียจริง” ตฤณไล่ตะเพิดแล้วทิ้งตัวลงนอนฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์บนโซฟายาว ปล่อยให้บัตเลอร์สาวยืนกัดฟันกรอดจ้องเขาเขม็ง
โชคดีที่ในบริเวณนั้นไม่มีอาวุธแหลมคม ไม่อย่างนั้น...รสาคงฉวยมาปักอกผู้ชายปากร้ายคนนี้เป็นแน่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่วูบหนึ่งของความคิด ในความเป็นจริง...สิ่งที่ทำได้ก็คือขมุบขมิบปากก่นด่าเขาในใจ
“ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้...ปากร้ายชะมัด อย่างนี้ต้องหาตะกร้อมาครอบปาก”
รสาตวัดสายตาค้อนแล้วก้าวออกจากห้อง ตั้งใจจะลงไปสอบถามนภดลว่าแขกวีไอพีปากร้ายคนนี้เป็นใคร เขามีความสำคัญยังไง ทำไมถึงเข้าพักได้โดยไม่ต้องโทรจองล่วงหน้า ทว่าระหว่างที่ยืนรอลิฟต์อยู่นั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของหล่อนก็ดังขึ้น
“มีอะไรยัยเดือน”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก พอดีฉันว่างก็เลยลองโทรหาเธอดู อยากรู้ว่าคนที่เก็บโทรศัพท์ได้เขาเอามาคืนเธอหรือยัง พอได้ยินเสียงเธอก็สบายใจ โชคดีที่ของไม่หาย”
“อืม...เขาเอามาคืนให้เมื่อเช้า”
“งั้นเหรอ แล้วคนที่เอาโทรศัพท์มาคืนหน้าตาเป็นยังไง...หล่อไหม?”
“ถามทำไม นี่อย่าบอกนะว่าหลงเสียงหนุ่ม”
“แหม...ก็โทนเสียงเขาทุ้มนุ่มน่าฟัง ฉันก็เลยโมโนไปว่าเขาต้องหน้าตาดี”
“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าคนเสียงดีอาจจะหน้าตาไม่เอาไหนก็ได้ หรือไม่ก็แก่รุ่นคุณปู่”
“แต่รายนี้ฉันมั่นใจนะ เล่ามาเลยดีกว่าว่าหนุ่มคนนี้หน้าตาเป็นยังไง”
“ถ้าจะให้เล่าก็บอกได้คำเดียวว่าใสมาก”
“นั่นปะไร ขาวใสเนี่ยสเป็คฉันเลย แสดงว่าเขาต้องเป็นผู้ชายที่ดูดีและรักความสะอาดเอามากๆ เลยใช่ไหม แล้วสูงไหม ใส่แว่นหรือเปล่า หน้าตาล่ะเป็นยังไง...หล่อไหม?” น้ำเสียงของเต็มเดือนตื่นเต้นเต็มไปด้วยจินตนาการจนรสาอดนึกขำไม่ได้
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าใสมาก...ใสจนมองไม่เห็นเลยล่ะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายความว่าฉันไม่เห็นตัวเขาน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะบอกว่าใสเหรอ”
“ยัยรสา...เธอนี่กวนประสาทชะมัด! ไม่เจอเขาก็น่าบอกกันตรงๆ มาหลอกให้ฉันจิ้นตามอยู่ได้ตั้งนาน” เต็มเดือนทำเสียงกระเง้ากระงอดเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก แต่รสากลับหัวเราะขบขัน
“แหม...ก็ฉันไม่อยากขัดจินตนาการอันเพริดแพร้วของเธอน่ะสิ ก็เห็นจิ้นซะหล่อเลิศขนาดนั้น”
“ย่ะ หมั่นไส้นัก อืม...จริงสิ อาทิตย์หน้าเธอว่างไหม”
“ถามทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดพี่ตะวันแล้ว เธอจะลงมาที่นี่หรือเปล่า” เต็มเดือนเปรย ทราบดีว่าตะวันมีใจให้รสา แต่ติดที่ว่าหนทางไกล เพราะเพื่อนของหล่อนย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก็เลยคิดจะเป็นแม่สื่อให้พี่ชาย
เต็มเดือนกับตะวันและรสาเรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถม ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันเสมอ นับตั้งแต่เอมอรมารดาของรสาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับมารดาของเต็มเดือนกับตะวันย้ายมาตั้งรกรากที่ปักษ์ใต้ ทั้งสามก็เลยสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปได้หรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ ถ้าเธอไม่มา...งานก็กร่อยแย่น่ะสิ”
“ไม่ใช่ไม่อยากไปนะ แต่ฉันเพิ่งถูกย้ายมาทำหน้าที่บัตเลอร์ ฉันก็เลยต้องคอยดูแลอีตาแขกปากร้ายนั่น” รสาพลั้งปากพูดออกไป ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเวลานี้มีใครบางคนยืนอยู่เบื้องหลัง จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คุณว่าใครปากร้าย!”
โหลดอ่านได้แล้วที่....
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjA4NDciO30
แม้รสาจะแปลกใจอยู่บ้างที่จู่ๆ ก็ถูกย้ายแผนก แต่ก็ไม่มีเวลาคิดอะไรมากนัก เพราะหัวหน้าเร่งให้ไปพบแขกวีไอพีเพื่อศึกษานิสัยใจคอและจดจำรายละเอียดต่างๆ รวมไปถึงความต้องการของผู้เข้าพัก ซึ่งปกติแล้วแขกจะต้องแจ้งข้อมูลดังกล่าวกับทางโรงแรมล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์เพื่อจัดหาบัตเลอร์ที่เหมาะสม แต่ในกรณีนี้เป็นการเข้าพักอย่างปัจจุบันทันด่วน รสาก็เลยต้องไปรับทราบข้อมูลดังกล่าวด้วยตนเอง
“คุณตฤณครับ นี่รสา...บัตเลอร์ของคุณครับ”
เสียงที่ดังขึ้นทำลายภวังค์ทำให้ตฤณที่ยืนมองท้องฟ้ากว้างผ่านกระจกบานใสต้องหันมอง ครั้นเห็นนภดลผู้จัดการแผนกต้อนรับซึ่งคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีผายมือไปทางพนักงานสาวที่ยืนสำรวมอยู่เบื้องหลังก็ยิ้มหยัน เขาจำหล่อนได้...ผู้หญิงคนนี้คือมารหัวใจน้องสาวเขา!
“คนนี้น่ะเหรอ...จะไหวเหร๊อ หน้าตาท่าทางเหมือนคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ”
รสาช้อนตาขึ้นมองคนเอ่ยปรามาส แม้จะนึกโกรธ แต่ก็จำต้องระงับอารมณ์ หล่อนไม่อยากมีปัญหากับแขกที่มาพัก เพราะทราบดีว่าในแง่ธุรกิจลูกค้าคือพระเจ้า
“ดิฉันจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุดค่ะ”
“ไม่ใช่แค่พยายาม แต่ต้องไม่มีข้อผิดพลาดต่างหาก” ตฤณท้วงแล้วยิ้มหยัน สายตาเขาบ่งบอกความเป็นปรปักษ์อย่างเห็นได้ชัดจนนภดลต้องช่วยชี้แจง
“เรื่องนั้นวางใจเถอะครับ รสาเป็นพนักงานที่ผ่านการอบรมมาแล้ว และผมมั่นใจว่าเธอจะปฏิบัติหน้าที่ได้เป็นอย่างดีเยี่ยม”
“ก็ดี...จะได้ไม่มีข้อผิดพลาด”
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ” นภดลเห็นสบโอกาสเหมาะก็รีบปลีกตัวจากบรรยากาศอึดอัด ถึงกระนั้นก็ไม่วายหันไปสั่งรสา
“ตั้งใจทำงานนะ นี่เป็นโอกาสของคุณแล้ว”
“ค่ะ” คนรับคำได้แต่มองตามหลังหัวหน้าที่ก้าวออกจากห้องไป ไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นหมูที่เขาส่งมาให้เชือด ครั้นละสายตามาหยุดที่แขกวีไอพีก็พบว่าเขากำลังมองหล่อนอยู่
“พร้อมแล้วใช่ไหม”
“ค...ค่ะ” รสาคลี่ยิ้มบาง รีบฉวยกระดาษกับปากกาออกจากกระเป๋าตั้งท่าเตรียมจด ตฤณเห็นดังนั้นก็ร่ายยาวทีเดียว
“เจ็ดโมงเช้าคือเวลาที่ผมตื่น คุณต้องเตรียมน้ำอุ่นอุณหภูมิพอเหมาะแล้วอย่าลืมบีบยาสีฟันเตรียมไว้ให้พร้อม ตอนเช้าผมไม่ชอบทานอาหารหนัก ขอเป็นกาแฟขมๆ กับขนมปังโฮลวีทสักสองแผ่นก็พอ เนยก็ขอเป็นอย่างเค็มนะ ชนิดหวานเลี่ยนๆ ไม่ต้องเอามาตั้งโต๊ะ ผมไม่ชอบ อ้อ...ขนมปังก็ไม่ต้องเกรียมมากนัก...”
รสาลอบถอนหายใจพลางชำเลืองมองคนพูดรัวไม่หยุด ผู้ชายอะไรหน้าตาดีเสียเปล่า แต่กลับจู้จี้จุกจิกอย่างกับผู้หญิง ซึ่งแตกต่างจากบุคลิกภายนอกเสียจริงๆ
เอ...หรือว่าเขาจะเป็นเกย์!
“คุณมองหน้าผมทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ?”
รสาสะดุ้งเล็กน้อย ระดับเสียงที่ดังกว่าปกติทำให้หลุดจากภวังค์ ครั้นเห็นคนร้องถามมองมาตาขุ่น หล่อนก็ยิ้มปูเลี่ยนๆ แก้เก้อ
“อ๋อ ป...เปล่าค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ต่อเลยนะ ทุกเช้าบนโต๊ะอาหารต้องมีหนังสือพิมพ์ธุรกิจหนึ่งฉบับ จะเป็นของเทศหรือไทยก็ได้ พวกแจกันดอกไม้ ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอนต้องให้แม่บ้านเปลี่ยนใหม่ทุกวัน ผมเป็นคนแพ้ฝุ่น เสื้อผ้าก็เหมือนกัน เวลาส่งซักรีดต้องตรวจดูทุกครั้งว่ามีอะไรที่ผมลืมทิ้งไว้ในนั้นไหม บางทีอาจจะมีเอกสารหรือข้าวของสำคัญ คุณต้องระวังให้มาก ถ้าเกิดความเสียหาย ผมจะถือว่าคุณบกพร่องในหน้าที่ แล้วก็...”
“เอ่อ...ขอประทานโทษค่ะ”
“มีอะไร?”
“เอ่อ...คุณช่วยพูดช้ากว่านี้สักนิดจะได้ไหมคะ คือดิฉันจดไม่ทันน่ะค่ะ” รสาอ้อมแอ้มบอกออกไปไม่เต็มเสียงนัก เมื่อสบเข้ากับนัยน์ตาดุๆ ที่บ่งบอกอารมณ์หงุดหงิด
“จดไม่ทันก็ใช้จำเอาสิ เรื่องง่ายๆ แค่นี้ก็ต้องให้สอน ให้ตายสิ! ถ้ารู้ตัวว่าไม่มีความสามารถก็ลาออกไปซะก็สิ้นเรื่อง จะมาทนทำงานให้โรงแรมเขาเสียชื่ออยู่ทำไม” ตฤณทำท่าทางขึงขัง ทั้งที่ลึกๆ แล้วนั้นอยากจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาเสียให้ได้ แน่ล่ะ...ก็เขาพูดเองยังจำไม่ได้ แล้วก็พูดรัวพูดเร็วซะขนาดนี้ ถ้าแม่นี่จดทันก็เก่งเกินคน
“ถ้าดิฉันทำอะไรไม่ถูกใจก็ต้องขอประทานโทษด้วยค่ะ” รสาหน้าจ๋อยทีเดียว
“เฮ้อ...น่าเบื่อจริงๆ นี่แหละหนา...เขาถึงว่าพวกที่ใช้เต้าไต่ไม่ได้ไต่เต้าขึ้นมาจากความสามารถก็เป็นอย่างนี้แหละ จะไปสู้พวกมืออาชีพได้ยังไง ไป...จะไปไหนก็ไป น่ารำคาญเสียจริง” ตฤณไล่ตะเพิดแล้วทิ้งตัวลงนอนฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์บนโซฟายาว ปล่อยให้บัตเลอร์สาวยืนกัดฟันกรอดจ้องเขาเขม็ง
โชคดีที่ในบริเวณนั้นไม่มีอาวุธแหลมคม ไม่อย่างนั้น...รสาคงฉวยมาปักอกผู้ชายปากร้ายคนนี้เป็นแน่ แต่นั่นก็เป็นเพียงแค่วูบหนึ่งของความคิด ในความเป็นจริง...สิ่งที่ทำได้ก็คือขมุบขมิบปากก่นด่าเขาในใจ
“ผู้ชายบ้าอะไรก็ไม่รู้...ปากร้ายชะมัด อย่างนี้ต้องหาตะกร้อมาครอบปาก”
รสาตวัดสายตาค้อนแล้วก้าวออกจากห้อง ตั้งใจจะลงไปสอบถามนภดลว่าแขกวีไอพีปากร้ายคนนี้เป็นใคร เขามีความสำคัญยังไง ทำไมถึงเข้าพักได้โดยไม่ต้องโทรจองล่วงหน้า ทว่าระหว่างที่ยืนรอลิฟต์อยู่นั้นเอง เสียงโทรศัพท์มือถือของหล่อนก็ดังขึ้น
“มีอะไรยัยเดือน”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก พอดีฉันว่างก็เลยลองโทรหาเธอดู อยากรู้ว่าคนที่เก็บโทรศัพท์ได้เขาเอามาคืนเธอหรือยัง พอได้ยินเสียงเธอก็สบายใจ โชคดีที่ของไม่หาย”
“อืม...เขาเอามาคืนให้เมื่อเช้า”
“งั้นเหรอ แล้วคนที่เอาโทรศัพท์มาคืนหน้าตาเป็นยังไง...หล่อไหม?”
“ถามทำไม นี่อย่าบอกนะว่าหลงเสียงหนุ่ม”
“แหม...ก็โทนเสียงเขาทุ้มนุ่มน่าฟัง ฉันก็เลยโมโนไปว่าเขาต้องหน้าตาดี”
“แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าคนเสียงดีอาจจะหน้าตาไม่เอาไหนก็ได้ หรือไม่ก็แก่รุ่นคุณปู่”
“แต่รายนี้ฉันมั่นใจนะ เล่ามาเลยดีกว่าว่าหนุ่มคนนี้หน้าตาเป็นยังไง”
“ถ้าจะให้เล่าก็บอกได้คำเดียวว่าใสมาก”
“นั่นปะไร ขาวใสเนี่ยสเป็คฉันเลย แสดงว่าเขาต้องเป็นผู้ชายที่ดูดีและรักความสะอาดเอามากๆ เลยใช่ไหม แล้วสูงไหม ใส่แว่นหรือเปล่า หน้าตาล่ะเป็นยังไง...หล่อไหม?” น้ำเสียงของเต็มเดือนตื่นเต้นเต็มไปด้วยจินตนาการจนรสาอดนึกขำไม่ได้
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าใสมาก...ใสจนมองไม่เห็นเลยล่ะ”
“หมายความว่ายังไง?”
“ก็หมายความว่าฉันไม่เห็นตัวเขาน่ะสิ ไม่อย่างนั้นจะบอกว่าใสเหรอ”
“ยัยรสา...เธอนี่กวนประสาทชะมัด! ไม่เจอเขาก็น่าบอกกันตรงๆ มาหลอกให้ฉันจิ้นตามอยู่ได้ตั้งนาน” เต็มเดือนทำเสียงกระเง้ากระงอดเมื่อรู้ตัวว่าถูกหลอก แต่รสากลับหัวเราะขบขัน
“แหม...ก็ฉันไม่อยากขัดจินตนาการอันเพริดแพร้วของเธอน่ะสิ ก็เห็นจิ้นซะหล่อเลิศขนาดนั้น”
“ย่ะ หมั่นไส้นัก อืม...จริงสิ อาทิตย์หน้าเธอว่างไหม”
“ถามทำไมเหรอ มีอะไรหรือเปล่า”
“ก็อีกไม่กี่วันจะถึงวันเกิดพี่ตะวันแล้ว เธอจะลงมาที่นี่หรือเปล่า” เต็มเดือนเปรย ทราบดีว่าตะวันมีใจให้รสา แต่ติดที่ว่าหนทางไกล เพราะเพื่อนของหล่อนย้ายไปทำงานที่กรุงเทพฯ ก็เลยคิดจะเป็นแม่สื่อให้พี่ชาย
เต็มเดือนกับตะวันและรสาเรียนหนังสือมาด้วยกันตั้งแต่ชั้นประถม ทั้งสองครอบครัวไปมาหาสู่กันเสมอ นับตั้งแต่เอมอรมารดาของรสาซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับมารดาของเต็มเดือนกับตะวันย้ายมาตั้งรกรากที่ปักษ์ใต้ ทั้งสามก็เลยสนิทสนมคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี
“ฉันยังไม่รู้เลยว่าจะไปได้หรือเปล่า”
“ทำไมล่ะ ถ้าเธอไม่มา...งานก็กร่อยแย่น่ะสิ”
“ไม่ใช่ไม่อยากไปนะ แต่ฉันเพิ่งถูกย้ายมาทำหน้าที่บัตเลอร์ ฉันก็เลยต้องคอยดูแลอีตาแขกปากร้ายนั่น” รสาพลั้งปากพูดออกไป ไม่รู้ตัวสักนิดว่าเวลานี้มีใครบางคนยืนอยู่เบื้องหลัง จนกระทั่งเสียงหนึ่งดังขึ้น
“คุณว่าใครปากร้าย!”
โหลดอ่านได้แล้วที่....
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjA4NDciO30

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ม.ค. 2558, 11:00:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ม.ค. 2558, 11:00:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 1268
<< ตอนที่ 3 | ตอนที่ 5 >> |