4 หล่อขอสืบ (ภาคนิยาย) สร้างเป็นละครช่อง 3
เมื่อ 4 หนุ่มนักสืบรูปหล่อซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
Tags: 4 หล่อขอสืบ,สืบสวน,ธรากร

ตอน: ตอนที่ 4 สปายนิวส์

สืบเนื่องจากลืมรหัสผ่าน สัปดาห์นี้จึงนำมาลงช้าครับ ขออภัยด้วย
การเฉลยเกม และรายชื่อคะแนนสะสม เพื่อให้สะดวกแก่การอ่าน ขอยกไปตอบตรงความคิดเห็นที่ 1 นะครับ

---------------------------------------------------------------------

‘ยิงกลางกรุง กลุ่มชายนิรนาม ส่งเสี่ยชัยนอนตาราง’

‘อนันตาลัยเดือด ชายนิรนาม กระชากหน้ากากเสี่ยชัย’

‘กลุ่มชายลึกลับ บุกอนันตาลัย ส่งเจ้าพ่อเข้าคุก’

หน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ดังทุกฉบับพาดหัวข่าวเป็นเรื่องเดียวกัน ผู้คนต่างสะใจที่คนชั่วอย่างอนันตชัยถูกส่งเข้าไปนอนในคุกหลังจากลอยหน้าลอยตาอยู่ในสังคมมานาน ทำความผิดอะไรไว้บ้างทุกคนก็รู้แต่ไม่มีใครเอาผิดได้ มือเรียวบางจับเม้าส์เลื่อนหน้าจอเว็บไซต์สังคมออนไลน์ชื่อดังอย่างเพ็ญทิพย์ดอทคอม เห็นกระทู้เรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นจนลานตาไปหมด ในเฟซบุ๊คเองก็มีการพูดถึงและแชร์เรื่องนี้ต่อกันในวงกว้าง

“ไงยะ” นักข่าวร่วมออฟฟิศของวารินมายืนเท้าเอวอยู่ข้างเธอ ที่ปากมีไฝเม็ดใหญ่ซึ่งไม่รู้ว่าสัมพันธ์กับนิสัยช่างพูดช่างเจรจาของหล่อนหรือเปล่า “เมื่อคืนเธอไปร่วมงานมานี่ ไหนเม้าท์ให้ฟังหน่อย ฉันอยากรู้เรื่องราวจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์ มันเรียลดี”

“ก็ไม่มีอะไร แค่เกือบตาย”

“เกือบตาย!” นพพล ฝ่ายพิสูจน์อักษรหนุ่มซึ่งตามจีบวารินมานานถามด้วยความเป็นห่วง

“ตกลงมันเป็นยังไง” สาวใหญ่ผู้มีไฝกระหายใคร่รู้ขึ้นมาทันที “เขากราดยิงกันไม่เลือกหน้าเลยเหรอ แล้วแกเห็นหน้าพวกชายนิรนามมั้ย หล่อมั้ย”

วารินทำหน้าเซ็ง ผู้หญิงสมัยนี้ไม่รู้เป็นอะไร ผู้ชายจะดีจะเลวยังไงไม่สน ขอให้หล่อ ล่ำ มีซิกแพ็คก็คลั่งไคล้ไม่เลือก

“หล่อสิ” เพลินตาเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา

แม้เพลินตาจะเป็นเพื่อนสนิทที่ทำงานร่วมกับวาริน แต่เธอไม่ได้เป็นนักข่าวเช่นเดียวกับเพื่อนรัก สาวมั่นรูปร่างสูงโปร่งเป็นช่างภาพอิสระ ขณะที่วารินจะแต่งตัวทะมัดทแมงออกแนวทอมบอยหน่อย ๆ แต่แท้จริงเธอเป็นผู้หญิงจ๋า ชอบแต่งตัวกลบความสวยตัวเอง เพราะกลัวผู้ชายมาจีบ

“หนึ่งในชายนิรนามผลักยายรินหลบกระสุน จุ๊บปากกันด้วย” ช่างภาพสาวพูดต่อ

“หา! จุ๊บปาก” นพพลตกใจ มีอากรหึงหวงระคนน้อยใจขึ้นมาทันที เพราะเขาคิดเสมอว่า คนที่จะได้จูบแรกของวาริน ควรจะเป็นเขา

“นี่เป็นจูบแรกของเธอหรือเปล่า” สาวไฝถามอย่างละลาบละล้วง

วารินหันมามอง หน้าตาไม่สบอารมณ์นัก

“โห ... เจ๊ไม่รู้อะไร” เพลินตาเย้าแหย่ “ล้มทับกัน ปากประกบกัน ยังกะในละคร”

“เหมือนละครอะไรกันล่ะ ฟันกระแทกปาก เจ็บจะตาย”

“อ๊าย ... ฟันกระแทกปาก” ยายไฝยืนบิดม้วน “ฉันอยากเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นจัง”

“แล้วอยากเห็นหน้าฉันมั้ย” เสียงเล็กแต่เฉียบคมที่ฟังดูคุ้นหูดังขึ้น สามสาวหนึ่งหนุ่มหน้าซีดเผือด พร้อมใจกันหันไปมองร่างระหงในชุดแดงเพลิง เธอเป็นลูกครึ่งฝรั่งเศส ดูเหมือนเพิ่งอายุสามสิบต้น ๆ ทั้งที่จริงปาเข้าไปสี่สิบแล้ว เจนจิราเป็นบรรณาการข่าวที่ดูยังสาวยังสวยจนคนที่มาติดต่องานมักเข้าใจผิด คิดว่าหล่อนเป็นบรรณาธิการนิตยสารแฟชั่นเสียมากกว่า

“สวัสดีค่ะ คุณเจนนี่”

นพพลกับหญิงผู้มีไฝที่ปากยิ้มแห้งแล้วถอยกรูดกลับไปยังที่นั่งของตนเองทันที

“เมื่อวานเธอสองคนใช่มั้ยที่ไปทำข่าวงานเปิดตัวอนันตาลัย” บรรณาธิการใหญ่ถาม

“เอ่อ...” วารินหันไปมองหน้าเพลินตาแล้วตอบ “ชะ...ใช่ค่ะ”

“ดี” บรรณาธิการข่าวยิ้ม “งั้นเธอสองคนตามฉันเข้ามาในห้องที”

ห้องของบรรณาธิการเจนจิราได้รับสมญานามว่า ‘ห้องดับจิต’ เมื่อใครเข้าไป ความรู้สึกเหน็บหนาวจนจับขั้นหัวใจจะบังเกิดขึ้นทั้งที่อุณหภูมิของเครื่องปรับอากาศก็ตั้งค่าไว้ที่ยี่สิบห้าองศา ยิ่งในจังหวะที่บรรณาธิการสาวชอบทำเป็นยืนกอดอกเหม่อมองไปยังหน้าต่างแล้วค่อยหันหลังกลับมา เหมือนอุณหภูมิห้องจะลดฮวบลงไปอีกหลายองศาในบัดดล

“ฉันได้ข่าวว่าเธออยู่ในเหตุการณ์ และเกือบเฉียดตายด้วย” เจนจิราส่งสายตาคมดุแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้สำนักงาน

“เอ่อ...” วารินอ้ำอึ้ง หันไปสบตาเพลินตาก่อนจะหันมามองผู้เป็นเจ้านาย “ไม่ทราบว่าคุณเจนนี่ทราบได้ยังไงค่ะ”

“ฉันรู้แล้วกัน” เธอตอบสวนฉับ “และฉันก็รู้ด้วยว่า เธอเห็นหน้าชายนิรนามนั่น”

นักข่าวสาวมุ่นคิ้ว สงสัยว่าการที่เธอเห็นหน้าชายนิรนามมันน่าสนใจตรงไหน เพราะเขาถือเป็นวีรบุรุษ ไม่ใช่คนร้าย เจนจิรารู้ว่าคนใต้บังคับบัญชาไม่เข้าใจในสิ่งที่เธอจะสื่อ จึงเลื่อนหยิบหนังสือพิมพ์กรอบเช้าสามสำนักดังมาวางเรียงกัน และหนึ่งในนั้นคือสปายนิวส์

“ฉันได้อ่านเนื้อข่าวด้านในแล้ว” บรรณาธิการสาวหันไปมองเพลินตา “ฉันต้องชมเลยว่าเธอเก็บภาพเหตุการณ์ไว้ได้ดีมาก ละเอียด และได้ภาพที่ต่างไปจากหนังสือพิมพ์หัวอื่น ๆ”

“ขอบคุณค่ะ” เพลินตาโน้มศีรษะเล็กน้อย แอบดีใจแต่ไม่กล้าเผยยิ้มออกมามาก

“ส่วนเธอ...” เจนจิราหันกลับมาจับจ้องที่วาริน “เขียนข่าวได้จืดชืด ซ้ำซาก ไม่มีอะไรแปลกใหม่เหมือนเคย ไม่รู้ตอนเขียนข่าวสมัยเรียนที่ได้เกรด เอ มา เป็นเพราะให้เพื่อนทำแล้วตัวเองใส่ชื่อพ่วงไปด้วยหรือเปล่า”

วารินกำมือแน่น ด่ากันขนาดนี้ ควักปืนออกมายิงเธอเลยดีกว่า

“ทำไมเธอไม่เล่าข่าวทั่วไปแบบกระชับกว่านี้ แล้วลองแทรกเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นจากประสบการณ์ของเธอโดยตรงลงไปล่ะ มันจะได้มุมมองที่สด ใหม่ เพราะมันเข้าถึงคนอ่านได้ดีกว่า”

“ค่ะ แล้วดิฉันจะปรับปรุงในคราวหน้า”

“คราวหน้าเหรอ” บรรณาธิการคนสวยแสยะปากหัวเราะ “เธอคิดว่าเธอจะเฉียดตายโดนยิงแบบนี้ได้อีกสักกี่ครั้ง”

นักข่าวสาวหน้าสลดลงไปอีก หดหู่เกินบรรยาย

“ฉันให้หนึ่งย่อหน้าใหญ่ ๆ เพราะยังไงวันนี้ก็ต้องมีข่าวความคืบหน้าเพิ่มเติม” เจนจิราครุ่นคิด “เขียนตรงหน้าในที่ถูกโยงจากหน้าหนึ่งไป ขึ้นชื่อหัวข้อย่อยประมาณว่า อนันตาลัยเลือด นักข่าวสาวสปายนิวส์ เผยนาทีชีวิต”

“ได้ค่ะ คุณเจนนี่”

“ส่งก่อนเที่ยงนะ” คนเป็นหัวหน้างานกำชับ “แล้วอีกอย่าง สืบหาข้อมูลชายนิรนามที่ออกปฏิบัติการเมื่อคืนด้วย โดยเฉพาะผู้ชายคนที่เธอเห็นหน้า ไปให้ใครก็ได้ช่วยเสก็ตภาพออกมา ถ้าเราสืบรู้ก่อนสำนักข่าวอื่น ได้สัมภาษณ์ก่อนใคร รับรองหนังสือพิมพ์เราขายดีแน่”

“ค่ะ” วารินรับคำ ทั้งที่รู้ว่า สิ่งที่เจนจิราสืบมา ยากพอ ๆ กับการหาตู้คอนเทนเนอร์ในอ่าวไทย

“ส่วนเธอ เพลินตา ถ้าหาตัวพวกนั้นเจอแล้ว จัดแจงนัด ขอถ่ายรูปมาให้ฉันด้วย”

“ได้ค่ะ” เพลินตาตอบ ในขณะที่วารินยังทำหน้าเหวออยู่ เพราะไม่คิดว่าจะได้รับมอบหมายงานที่พิลึกพิลั่นเช่นนี้

“ทำไม มีปัญหาอะไรเหรอ”

“เปล่าค่ะ ไม่มี” นักข่าวสาวตอบ “เดี๋ยวฉันจะรีบจัดการให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเลยค่ะ”

“โอเค” คนเป็นบรรณาธิการยิ้มนิด ๆ แล้วเลื่อนเอกสารกองใหญ่มาเปิดแล้วเซ็น ปล่อยให้สองสาวมองหน้ากันเองอีกครั้ง

“คุณเจนนี่มีอะไรอีกมั้ยคะ” ช่างภาพสาวพูดขึ้นบ้าง

“ไม่มีงานทำกันเหรอ” หล่อนมองลอดแว่นขึ้นมา “นั่นประตู ... เชิญ”

วารินกับเพลินตาทำตัวสงบเสงี่ยมเดินออกจากห้องไป ราวกับไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก แต่พอประตูปิดลง วารินแทบจะระเบิดเสียงกรี๊ดออกมา จนเพลินตาต้องรีบจับมือเดินดึงหล่อนตรงเข้าไปในห้องน้ำ ท่ามกลางความอยากรู้อยากเห็นของเพื่อนร่วมออฟฟิศทุกคน

“อ๊ายยย ...” วารินแหกปากร้องหน้าอ่างล้างมือ “ให้ตายเถอะ เธอเห็นเขาพูดมั้ย ทำตัวเหมือนเจ้านายที่เราเห็นบ่อย ๆ ในหนังฝรั่ง”

“โอ๊ย เธอเพิ่งทำงานประจำที่แรก จะไปรู้อะไร” เพลินตายืนกอดเอว ผิงประตู กันไม่ให้ใครเข้ามา “เจ้านายที่ไหน ๆ ก็เป็นยังงี้ทั้งนั้นแหละ คนเราพอมีอำนาจในมือ ก็ทำอะไรได้ทุกอย่าง”

“ไอ้ที่ว่าฉันเขียนคอลัมน์ห่วยแล้วดูถูกเรื่องเกรดสมัยเรียนของฉันเนี่ย ก็ถือว่าแย่แล้วนะ” เหยี่ยวข่าวสาวโวย “ไอ้ที่ให้พาชายนิรนามก็พอทนไหว แต่สิ่งที่ฉันรับไม่ได้ คือ ต้องให้ฉันไปตามหาอีตาบ้านั่น”

“อ้าว ...” เพลินตาเองประหลาดใจยิ่งกว่า “แล้วเธอจะซีเรียสทำไม เธอยังไม่รู้เลยนี่ว่าเขาเป็นใคร”

“ก็จะไม่ให้หงุดหงิดได้ยังไงล่ะ ก็ไอ้หมอนั่นมันขโมยจูบแรก...” วารินชะงักเมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกมา “หมอนั่นมันทำฉันแขนขาถลอก แถมมาโดนหน้าอกฉันอีก”

“ถ้าเขาไม่ทำยังงั้น เธอก็โดนยิงตายไง” คำตอบของเพลินตา เหมือนทำให้วารินฉุกคิดความจริงในข้อนี้ขึ้นได้บ้าง

“ไม่ต้องเลย” พอรู้ว่าตนผิด นักข่าวสาวก็เปลี่ยนประเด็น “ฉันรู้นะว่าที่เธอไม่เดือดเนื้อร้อนใจในเรื่องนี้ เพราะเธออยากสืบเรื่องพวกชายนิรนามนั่น เพราะเธออยากรู้จักอีตาคนที่สวมแว่นดำขับรถสปอร์ตสีแดง”

“แล้วไง ก็ฉันไม่เห็นว่าเขาจะเสียหายตรงไหน” ช่างภาพสาวตอบตามที่รู้สึก “คนที่กล้าปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย กระชากหน้ากากคนชั่ว ส่งเดนมนุษย์เข้าคุก น่าชื่นชมออก เธอจะไปว่าเขาทำไม”

“มันก็เรื่องของเธอล่ะ” วารินตอบอย่างไม่ยี่หระ “แต่สำหรับฉัน ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน ก็ขออย่าได้เจอไอ้หมอนั่นอีกเลย”



“ฮัดเช้ย!” ปาณัสม์จามจมูกแทบจะหลุด ระหว่างดูผังออฟฟิศใหม่ในฝันซึ่งวาดขึ้นเองพอให้เข้าใจคนเดียวเขาเดินนำต้องชนะ อชิระและอินทร์ธัชสำรวจออฟฟิศเก่าที่ตนซื้อต่อเพื่อนมาในราคาไม่แพงนัก

“มีคนพูดถึงแน่เลย” อินทร์ธัชแซว “สงสัยจะเป็นสาวคนที่พี่กอดรัดฟัดเหวี่ยงด้วยเมื่อวาน ระหว่างหลบกระสุน”

“กอดรัดบ้าอะไรล่ะ” ปาณัสม์โวย “เกลือกกลิ้งซะมากกว่า”

“ถ้าผมมีสัมผัสพิเศษแบบพี่นะ ผมจะเพ่งกสิณไปดูแล้วว่าหล่อนกำลังทำอะไรอยู่” ได้ทีอชิระก็เอาบ้าง

“หยุดเลย ไอ้พวกนี้” ต้องชนะห้ามแล้วกอดคอปาณัสม์อย่างสนิทสนม “น็อตมันเป็นพี่พวกแกนะโว้ย คนที่ล้อมันได้ มีแต่ฉันนี่แหละ ที่เรียนมา โตมาด้วยกัน ถึงอายุจริงฉันจะอ่อนกว่ามันปีนึงก็เถอะ”

“พอเลย ๆ” ปาณัสม์ยกท่อนแขนล่ำ ๆ ของต้องชนะที่กอดคอเขาอยู่ออก “มาช่วยกันออกไอเดียดีกว่า ว่าอยากให้ออฟฟิศมีอะไรบ้าง”

“จะไหวเหรอพี่ ขอเงินพ่อแม่มาตั้งแสนสี่ เพื่อจะมาทำออฟฟิศ” อินทร์ธัชบ่นเล็กน้อย เพราะพ่อแม่ของปาณัสม์ ก็คือพ่อแม่ของเขาเหมือนกัน

“เรามีเงินจากไอ้ต้องกับอชิอีกคนละเจ็ดแปดหมื่นไง ต้องเอาเงินเก็บจากที่เคยรับจ็อบเป็นบอดี้การ์ด ส่วนอชิมันก็มีเงินจากงานอีเว้นท์หมาแมวของมัน” พี่ใหญ่ของทีมแจง ”งบสองแสนแปด ไม่ขาดไม่เกิน เพื่อนพี่เอง มันให้ราคาพิเศษ”

“จะไปจ้างให้เปลืองเงินทำไมวะ” ต้องชนะตั้งใจจะพูดติดตลก “ไอ้อชิมันเป็นนักมายากล ให้มันเนรมิตบ้านให้สิ”

“นักมายากลพี่ ไม่ใช่พ่อมด” หนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มส่ายหัว

“เอาไงก็เอา ตามใจ ยังไงบ้านพวกเราก็อยู่คนละทิศทาง คนนึงนนท์ คนนึงปทุมฯ คนนึงพระรามสอง อีกคนบางนา สร้างออฟฟิศกลางเป็นของตัวเอง ไว้เปิดเป็นสำนักงานแบบนี้ก็ดีแล้วแหละพี่”

จากนั้นไม่นาน อาคารสำนักงานเก่า ๆ ซึ่งเป็นตึกเดี่ยวสองชั้น ก็เริ่มปรับปรุงให้ออกมาในรูปแบบโมเดิร์นซึ่งปาณัสม์เป็นเจ้าของความคิดทั้งหมดเพราะอีกสามหล่อขี้เกียจจะออกความเห็น ลักษณะภายนอกเน้นพื้นและผนังสีขาว อะไรที่เงาได้ก็ทำให้เงาวับ ส่วนเฟอร์นิเจอร์และข้าวของเครื่องใช้เน้นสีดำเป็นหลักจนโดนอินทร์ธัชแซวว่าได้แรงบันดาลใจมาจากอนันตาลัยหรือไง ชั้นล่างออกแบบให้เป็นส่วนรับรอง มีโซฟานั่งรอ โต๊ะกระจก ตรงผนังมีกระดานติดภาพแสดงผลงานที่ผ่านมา ส่วนด้านข้างมีห้องขนาดใหญ่สองห้อง คือ ห้องรับรองแขกและห้องประชุม มีห้องน้ำแยกหญิงชายอยู่ใต้บันได

ในขณะที่ชั้นสองออกแบบให้เป็นที่พักผ่อนส่วนตัวของสี่หนุ่ม ชุดโซฟา โทรทัศน์จอใหญ่ดูแผ่นบลูเรย์แบบสามมิติได้ มีมุมทำงาน คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะหนึ่งเครื่องที่อินทร์ธัชมักเป็นคนจับจอง มุมออกกำลังกายซึ่งมีแอดโดมิไนเซอร์ เครื่องวิ่ง และชั้นวางเวทหลายขนาด ริมไปทางระเบียงเป็นโต๊ะไม้ทานข้าวสำหรับสี่คนนั่ง มีเคาเตอร์ครัวเล็ก ๆ สำหรับต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับเตาอบไมโครเวฟ เพราะสี่หนุ่มทำอาหารเองไม่ค่อยเป็น กระจกบานเลื่อนเปิดออกไปสู่ระเบียงเหมาะสำหรับออกไปยืนสูดอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า ทางฝั่งซ้ายมือเป็นห้องนอนซึ่งมีเตียงอยู่สามหลัง สองหลังเป็นเตียงเดี่ยวของปาณัสม์กับต้องชนะ ส่วนอีกเตียงเป็นเตียงสองชั้น อชิระนอนชั้นบน ส่วนอินทร์ธัชนอนชั้นล่าง ห้องน้ำอยู่นอกห้องนอน มีขนาดใหญ่พอที่จะมีทั้งอ่างล้างหน้า ถี่ปัสสาวะชาย ชักโครก ฝักบัวอาบน้ำและอ่างจากุดซี่

เรื่องเจรจาจ้างช่างปาณัสม์เป็นคนรับผิดชอบ คุมงานเองเกือบตลอด ส่วนต้องชนะเป็นคนขนเครื่องเรือนตามแบบที่ปาณัสม์เลือก ทางด้านอชิระติดต่อพนักงานซึ่งได้พุชรีย์กับตติยะมาเป็นคนรับคดี โดยมีจินตนาเป็นคุณป้าแม่บ้าน เพราะสี่หล่อไม่คิดที่จะทำงานบ้านเองอยู่แล้ว อินทร์ธัชเคยบ่นว่า ถ้าหาเมียไม่ได้ ก็คงต้องจ้างแม่บ้านไปตลอดชีวิต ชายหนุ่มใช้คำว่า เขาไม่มีพรสวรรค์ในเรื่องงานบ้านเลยจริง ๆ

เวลาหกเดือนล่วงเลยไปไวเหมือนโกหก ป้ายสำนักงาน ‘4 หล่อขอสืบ’ ซึ่งสั่งทำเป็นพิเศษได้รับการติดตั้งที่ด้านหน้าสำนักงาน ตัวป้ายสามารถเปิดไฟได้ในยามค่ำคืน สี่หนุ่มออกมายืนดูสำนักงานนักสืบสองชั้นที่สร้างเสร็จสมบูรณ์อย่างภาคภูมิใจ เพราะเป็นสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นมากับมือตัวเอง แม้ปาณัสม์กับอินทร์ธัชจะยืมเงินพ่อแม่มาก่อนก็ตาม

ช่วงหัวค่ำวันนั้น มีสาวน้อยหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง จอดจักรยานแล้วมองเข้ามาในภายในตัวอาคาร เพราะสะดุดตาสะดุดใจกับป้ายชื่ออย่างบอกไม่ถูก

“‘4 หล่อขอสืบ’ เหรอ” จารุวีในชุดเอี้ยมดูแก่นเสี้ยวพึมพำ “เพิ่งเปิดใหม่สินะ ใกล้ร้านเรานิดเดียวเอง ต้องผูกมิตรไว้ซะแล้ว เผื่อจะได้ลูกค้าประจำรายใหม่”

เจ้าหล่อนล้วงหยิบใบโบชัวร์ ‘ร้านกาแฟโกสน’ ของตนออกมาจากกระเป๋า แล้วหย่อนลงไปในตู้ไปรษณีย์

“อยากเห็นหน้าจัง” เธอยิ้มนิด ๆ “ถ้าไม่หล่อจริง คงไม่กล้าตั้งชื่อสำนักงานแบบนี้นะเนี่ย”

--------------------------------------------------------

คำถามร่วมสนุกท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ : ตอนที่ 4 สปายนิวส์

"บรรณาธิการใหญ่ของสำนักข่าวสปายนิวส์ มีชื่อว่าอะไร"

ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก รับคะแนนสะสม คนละ 5 คะแนน



ธรากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ม.ค. 2558, 20:05:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ม.ค. 2558, 20:05:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1615





<< ตอนที่ 3 สำนักงานนักสืบ   ตอนที่ 5 ศิลานิรมิต >>
ธรากร 18 ม.ค. 2558, 20:15:35 น.
เฉลยคำถามท้ายตอนที่ 3
ผู้ที่ตั้งชื่อสำนักงานนักสืบว่า 4 หล่อขอสืบ คือ "ปาณัสม์"

ผู้ที่ตอบถูกได้แก่ ...
คุณแว่นใส คุณกาชะลองพลัดถิ่น คุณ konhin และคุณ dragon
ได้รับคะแนนสะสมคนละ 5 คะแนนนะครับ

สรุปคะแนนสะสมตลอด 3 ตอนที่ผ่านมา

คุณแว่นใส 15 คะแนน
คุณ konhin 15 คะแนน
คุณ Sunflower 10 คะแนน
คุณ dragon 10 คะแนน
และคุณ กาชะลองพลัดถิ่น 5 คะแนน

ผู้ที่ทำคะแนนสะสมได้สูงสุด อันดับที่ 1 เมื่อลงนิยายจนจบ จะได้รับหนังสือนิยายของ ธรากร 1 รางวัล
ส่วนผู้ที่ทำคะแนนสะสมได้ อันดับที่ 2 - 5 จะได้รับโปสการ์ดพิเศษของธรากร เป็นรางวัลนะครับ

ขอบคุณที่ติดตามและร่วมสนุกกันนะครับ


dragon 18 ม.ค. 2558, 21:12:39 น.
เจนจิรา ค่ะ ตอบคนแรกเลย ^_^!


กาซะลองพลัดถิ่น 18 ม.ค. 2558, 21:36:44 น.
อ่านแล้สนึกถึงซีรีย์ฝรั่งที่มีเจ้านายเป็นหญิงสาวสวย แต่เย็นชา โหดกับลูกน้อง
ขอตอบนะคะ " ชื่อ เจนจิรา คะ " แต่พนักงานมักจะเรียก คุณเจนนี่


แว่นใส 19 ม.ค. 2558, 08:51:41 น.
คุณเจนนี่ เจนจิราค่ะ


konhin 20 ม.ค. 2558, 05:03:45 น.
เจนนี่ค่ะ (ชื่อนี้ทำให้นึกถึง กลางวันครับ กลางคืนขา )

มีสี่หนุ่ม ก็ต้องมีสี่สาวป่ะ ตอนนี้เห็นแค่สามเอง เจนนี่ วาริน เพลินตา หรือว่ารวมสาวน้อยคนสุดท้าย จารุวีด้วยคะ?


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account