เมียเก็บ e-book
หล่อนคือหนามยอกยอกน้องสาวที่สมควรกำจัดให้พ้นทาง แต่กลับย้อนมาทิ่มแทงใจเขาให้ปวดร้าว แสนชิงชัง แต่กลับหลงใหลในวังวนเสน่หนา ใต้คำครหาหยามเหยียด...กืนน้ำใต้ศอกเพื่อนสนิท!

**หมายเหตุ**
งานเขียนนี้เคยตีพิมพ์ในนามปากกา ทิตภากร ปัจจุบันเนื้อหาได้รับการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเพื่อความสมบูร์ของเนือเรื่อง

(เปิดให้อ่านบางส่วนเท่านั้น!!)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 8


ช่วงเวลาเดียวกัน หลังเลิกงานเต็มเดือนบึ่งรถออกจากบริษัทจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสาร ลัดเลาะไปตามเส้นก่อนจะเลี้ยวเข้าจอดในลานจอดรถของโรงแรมหรู ร่างระหงในชุดทำงานทะมัดทะแมงตามแบบฉบับสาวออฟฟิศก้าวลงจากรถก็ฉวยโทรศัพท์ติดต่อกับพี่ชาย นัดแนะให้มาพบที่ห้องอาหาร

“มาหาพี่ถึงนี่ มีอะไรหรือเปล่ายัยเดือน”

ตะวัน หรืออีกนัยหนึ่งวิศวกรหนุ่มเดินฉีกยิ้มกว้างเข้ามาทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามน้องสาว แม้ใบหน้าเขาจะเปื้อนยิ้ม แต่ก็ยังมีร่องรอยความเหนื่อยล้าให้เห็น นั่นก็เป็นเพราะงานของเขาค่อนข้างยุ่ง ช่วงนี้ตะวันก็เลยไม่ค่อยได้กลับบ้าน หากแต่พักที่ไซค์งาน เพราะต้องออกแบบและควบคุมดูแลการก่อสร้างอาคารหลังใหม่ ซึ่งเจ้าของโรงแรมต้องการให้เชื่อมต่อกับตัวอาคารหลังเก่า

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เดือนแค่อยากมาทานข้าวกับพี่ตะวัน”

“งั้นเหรอ แล้วนี่พ่อกับแม่กลับจากเมืองจีนหรือยัง ไม่เห็นมีใครส่งข่าวบอกพี่สักคน”

“คงอีกนานค่ะ วันก่อนพ่อกับแม่เพิ่งโทรมาบอกว่าจะเลยไปเที่ยวมาเก๊า พี่ตะวันเตรียมตัวกระเป๋าฉีกได้เลย ตอนที่พ่อกับแม่เอาบิลมาเบิก” เต็มเดือนกระเซ้า หัวเราะคิกคัก พลางตักอาหารใส่จานให้พี่ชายแล้วก็นึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง

“อืม...จริงสิ เมื่อตอนสายๆ เดือนโทรไปชวนรสาให้มางานวันเกิดพี่ตะวันด้วยล่ะ”

“เหรอ แล้วรสาว่ายังไงบ้าง...จะมาหรือเปล่า”

“ก็ยังไม่ได้รับปากหรอกค่ะ พอดีว่าเราพูดกันไม่กี่คำก็ต้องวางสายแล้ว เดือนว่าพี่ตะวันน่าจะโทรไปชวนรสาด้วยตัวเองอีกครั้งนะคะ จะได้รู้คำตอบที่แน่นอน”

“พี่ก็อยากโทรไปนะ แต่เกรงใจเขา”

“พี่ตะวันก็เป็นอย่างนี้ทุกที แล้วเมื่อไหร่จะได้เรื่องละคะ ชักช้าอย่างนี้...ระวังเถอะ ถ้าหนุ่มกรุงเทพฯ โฉบไปกินแล้วจะกินแห้ว” เต็มเดือนกระเซ้า หล่อนทราบดีว่าตะวันมีใจให้รสา ก็อยากให้พี่ชายของตนมีความกระตือรือร้นมากกว่านี้ ไม่ใช่อมพะนำ ไม่กล้าพูด ไม่กล้าจีบ แล้วผู้หญิงคนไหนจะล่วงรู้ความรู้สึกที่อยู่ในใจเขา

“เรื่องนั้นก็แล้วแต่พรหมลิขิต แต่พี่ก็ยังเชื่อมั่นในตัวรสา ที่ผ่านมา...เธอไม่ใช่คนใจเร็วด่วนได้ แต่เป็นคนที่มีความมุ่งมั่นในการทำงาน เดือนเองก็เห็นไม่ใช่เหรอ รสาไม่เคยมองผู้ชายคนไหนเสียด้วยซ้ำ”

“มันก็จริงค่ะ แต่ที่เดือนเตือนเนี่ยก็เพราะหวังดี ไม่อยากให้พี่ตะวันเสียใจ เพราะเรื่องของความรักไม่เข้าใครออกใคร เดือนเห็นมาหลายรายแล้ว โสดอยู่แป๊บๆ เผลอแป๊บเดียว อ้าว...แต่งงานซะแล้ว”

“พี่รู้...เดือนเป็นห่วงพี่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราจะมาคุยเรื่องนี้ เดือนหยิบเมนูมาเปิดดูดีกว่า ถ้าอยากทานอะไรเป็นพิเศษก็สั่งได้นะ มื้อนี้พี่เลี้ยงเต็มที่”

แม้ตะวันจะเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉยเหมือนไม่ใส่ใจ แต่ลึกๆ ก็อดที่จะนึกถึงรสาขึ้นมาไม่ได้ มโนภาพนักศึกษาสาวรุ่นน้องที่มักจะมานั่งรอเขาหน้าตึกวิศวะผุดเข้ามาในความคิด แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในทุกๆ เย็น แต่ก็ทำให้เขามีความสุขที่สุด

ตะวันไม่เคยลืมรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือแม้แต่หยาดน้ำตาของรสา ยามที่หล่อนสูญเสียมารดาและโผเข้ามาสะอื้นไห้กับอกเขา แต่ไม่ว่าดวงหน้าที่ปราศจากเครื่องสำอางนั้นจะอยู่ในอารมณ์ใด หล่อนก็ยังคงเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ในใจเขาตลอดมา

ตะวันไม่อยากโทษโชคชะตาที่นำพารสาให้เดินทางไปทำงานที่กรุงเทพฯ ระยะทางที่ไกลห่างทำให้ยิ่งห่างไกล แม้จะหวั่นใจ แต่เขาก็ไม่เคยพูดให้ใครฟัง จนกระทั่งวันนี้...คำเตือนของเต็มเดือนทำให้เขาอดหวาดหวั่นขึ้นมาไม่ได้

บางที...เขาจะโทรหารสาตามคำแนะนำของน้องสาว...





สองชั่วโมงมาแล้วที่รสานั่งหง่าวในผับหรูใจกลางกรุงฯ หล่อนไม่เปิดปากพูด ซ้ำยังต้องเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่อยากเห็นภาพระคายเคืองสายตา อันเกิดจากการกระทำของคนที่นั่งร่วมโต๊ะ

หน้าด้านเสียจริง ไม่รู้จักอายผีสางเทวดาเสียบ้างเลย...

รสานึกค่อนในใจพลางตวัดสายตาค้อน เมินหน้ามองไปทางอื่น รู้สึกอายแทน เมื่อเห็นตฤณกับวิยะดากอดจูบกันนัวเนียไม่แคร์สายตาใคร ราวกับเห็นหล่อนเป็นแค่วัตถุธาตุ

“พอเถอะค่ะ วิช้ำไปหมดทั้งตัวแล้ว” วิยะดาปราม แต่ก็ไม่ได้ปัดป้อง หากแต่หัวเราะคิกชอบอกชอบใจ เมื่อคนที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะจับให้อยู่หมัดยังกอดรัดไม่ยอมปล่อย

“ก็วิหอมไปทั้งตัว...ใครจะไปอดใจไหว”

“แหม...ปากหวานจังนะคะ” วิยะดายิ้มเอียงอาย เบียดกายเข้าหาอย่างเชิญชวน แม้จะแปลกใจอยู่บ้างที่วันนี้ตฤณมีท่าทางแปลกไปจากที่เคย แต่น้ำเสียงอ้อแอ้ที่ส่งคำหวานมาเข้าหูก็ทำให้หล่อนก็ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่า...เขาคงเมา ถึงไม่ได้ระมัดระวังตัวเหมือนเช่นทุกครั้งที่ออกมาพบหล่อน

ฝ่ายรสาเห็นดังนั้นได้แต่เบ้ปาก หันไปฉวยกระเป๋าสะพายแล้วลุกขึ้น หล่อนไม่อยากขัดจังหวะทั้งสองและไม่อยากมองการกระทำนั้น ทว่าตฤณกลับคว้าข้อมือหล่อนไว้

“จะไปไหน!”

“จะไปห้องน้ำค่ะ” รสาไม่ได้พูดเปล่า หากแต่ดึงมือกลับอย่างคนต้องการอิสระ หล่อนเบื่อหน่ายที่ต้องทนดูตฤณเล่นบทเลิฟซีนกับแม่สาวอกโตเจ้าของบริษัททัวร์ในชุดเดรสสีแดงเพลิงคับติ้วเน้นส่วนสัด แต่เขาไม่ยอมปล่อยข้อมือหล่อน ซ้ำยังตั้งแง่

“ถ้าจะไปเข้าห้องน้ำก็วางกระเป๋าลง”

“แต่...”

“ไม่มีแต่ ผมสั่งอะไรก็ทำตามนั้น!”

รสาได้ยินดังนั้นก็กลอกตา พลางปลดกระเป๋าสะพายออกจากบ่าแล้ววางลงแต่โดยดี ไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด ด้วยคิดไปว่าตฤณอยู่ในอาการเมามาย แต่เขาก็ไม่วายกำชับ

“รีบไปแล้วก็รีบมา...อย่าเถลไถล ถ้าคิดจะอู้ละก็ คุณตายแน่!”

“ทราบแล้วค่ะคุณเจ้านาย” รสาทำหน้าเบื่อหน่ายแล้วก้าวออกจากโต๊ะ

วิยะดาเห็นสบโอกาสเหมาะก็หันไปหยิบขวดบรั่นดีมารินใส่แก้วตฤณแล้วคะยั้นคะยอให้ดื่ม ด้วยเห็นว่าก้างชิ้นโตอย่างรสาไม่อยู่ก็คิดจะมอมเหล้าเขา ถึงกระนั้นก็ไม่วายพูดออกมาราวกับเห็นใจรสาเสียเต็มประดา

“ทำไมคุณไปขู่เขาอย่างนั้นละคะ น่าสงสารออก”

“ที่วิพูดอย่างนี้ก็เพราะยังไม่รู้จักผู้หญิงคนนั้น แม่นั่นน่ะ...นางมารร้ายชัดๆ” น้ำเสียงและสีหน้าของตฤณเครียดขึ้นเล็กน้อย หากวิยะดาสังเกตสักนิดก็จะเห็นว่าเขาไม่ได้เมาอย่างที่คิด

“แหม...ปากร้ายจังนะคะ”

“ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่นา”

“แสดงว่าแม่บัตเลอร์นั่นต้องทำอะไรไม่ถูกใจตฤณแน่ๆ เลยใช่ไหมค่ะ ถ้าอย่างนั้น...วิจะจัดการให้” วิยะดาเสนอตัว พลางหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าทำให้ตฤณต้องปราม

“ไม่เป็นไรครับ ก็แค่เรื่องไม่เป็นเรื่องน่ะ”

“ถ้าอย่างนั้น...ตฤณก็อย่างทำหน้าเครียดสิคะ มาค่ะ...เราออกไปเต้นรำกันดีกว่า” วิยะดาไม่ได้พูดเปล่า หากแต่รั้งแขนตฤณเมื่อได้ยินอินโทรเพลงโปรดของหล่อน ทว่าทั้งสองยังไม่ทันจะก้าวออกจากโต๊ะ เสียงโทรศัพท์ของรสาก็ดังขึ้น

“ผมขอตัวสักครู่นะครับวิ”

ตฤณไม่ลังเลที่จะปลดมือของวิยะดาออก ด้วยคิดไปว่าคนที่โทรหารสาคือกวี เวลานี้เรื่องของน้องสาวเขาต้องสำคัญกว่า ทันทีที่หันไปหยิบโทรศัพท์ของรสาออกจากกระเป๋าก็ก้าวออกมายืนหน้าผับ ทว่า...ชื่อคนโทรเข้าที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์กลับไม่ใช่อย่างที่คิด

ตะวัน...

“คงไม่ใช่หรอกน่า โลกคงไม่กลมขนาดนั้นหรอก” ตฤณพึมพำ ชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอทำให้เขานึกถึงวิศวกรหนุ่มผู้ออกแบบและควบคุมการก่อสร้างโรงแรมของเขา ถึงกระนั้นก็กดรับสาย เพราะอยากทราบว่าคนที่โทรมามีความสัมพันธ์กับเจ้าของโทรศัพท์อย่างไร

“รสา...นี่พี่ตะวันนะ พอดีว่าอาทิตย์หน้านี้จะถึงวันเกิดพี่แล้ว พี่ก็เลยโทรมาชวน ถ้ารสาว่างก็แวะมานะ พี่อยากพบ...อยากเห็นหน้า อยากให้รสา...”

“ไม่ว่างโว้ย แล้วก็อย่าโทรมาอีก รำคาญ!”

ตฤณตะคอกกลับโดยไม่รอให้ตะวันพูดจบแล้วกดตัดสัญญาณทิ้ง ตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงทำเช่นนั้น ทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วว่าจะฟังอย่างเดียว แต่กลับหัวเสีย อยากด่าคนที่โทรเข้ามาออดอ้อน ซ้ำยังพาลพาโลไปถึงเจ้าของโทรศัพท์เครื่องนี้ด้วย

“สับรางเก่งจริงนะแม่คุณ ไอ้กวีก็โง่ซะไม่มี มันจะรู้หรือเปล่าว่าโดนสวมเขา ป่านนี้งอกมากี่อันแล้วก็ไม่รู้” ตฤณเบ้หน้า ทำท่าจะเดินกลับเข้าไปในผับ แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง ครั้นเห็นว่าเป็นคนเดิมก็กดรับสายกะจะปะฉะดะอีกรอบ

“พูดไม่รู้เรื่องหรือไงวะ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ต้องโทรมา!”

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ พอดีผมจะโทรหาเพื่อน แต่มาติดเบอร์คุณ ไม่ทราบว่านั่นหมายเลขอะไรเหรอครับ” ตะวันเลียบๆ เคียงๆ ถามอย่างสุภาพ ด้วยเกรงว่าอีกฝ่ายจะวางสายไปเสียก่อน ทั้งที่เขามั่นใจว่าโทรไม่ผิด แต่ทำไมคนรับสายกลับไม่ใช่รสา

“ก็โทรมาเบอร์อะไรก็เบอร์นั้นแหละ”

“แล้วคุณใช้เบอร์นี้มานานหรือยังครับ”

“ก็เพิ่งใช้วันนี้แหละ ถามเซ้าซี้อยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด แล้วก็ไม่ต้องโทรมาอีกล่ะ” ตฤณพูดจบก็กดตัดสัญญาณ จัดการลบข้อมูลการโทรเข้าเสร็จสรรพก็ปิดโทรศัพท์หน้าตาเฉยแล้วเดินเข้าไปในผับ โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่าเขาไม่ได้ทำไปเพราะหึงหวงหรือนึกพิศวาสรสา ก็แค่สงสารเมียคนที่โทรมา!


สามารถโหลดอ่านได้แล้วที่...
http://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiNTE5MzI4IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiMjA4NDciO30



กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ม.ค. 2558, 00:40:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ม.ค. 2558, 00:40:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 1228





<< ตอนที่ 7   ตอนที่ 9 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account