หลังม่านเมฆ

Tags: สืบสวน โรแมนติก

ตอน: ---- (7) ----

กวินภพเริ่มดำเนินการโดยการมารับตัวอัณณ์กับอิชย์ไปอยู่ที่บ้านของเขา ภาม ปรียาและปณาลีเห็นพ้องกันว่าหากฝั่งนั้นต้องการเช่นนั้น พวกเธอจะไม่ค้าน เธอไม่ต้องการให้มีการฟ้องร้องด้วยเรื่องเช่นนี้ สงสารเด็ก หากปวิตรากลับแทบขาดใจ

“ลูกพี่ตั้งสองคนนะ” คนเป็นแม่ยืนน้ำตาปริ่ม

“ทางนั้นบอกว่ามีหลักฐาน ถ้าเราไม่ให้เขา เขาจะฟ้อง คราวนี้จะยุ่งกว่าเดิม เราให้เขาไปก่อนเถอะค่ะ จากนี้ไปเขาคงตั้งหน้าจะเอาผิดพี่หนึ่งให้ได้ แต่ถือว่าพี่หนึ่งเอาเวลาไปพิสูจน์ตัวเองดีกว่า ถ้าพี่หนึ่งชนะ พี่จะมีสิทธิ์ในตัวลูกอย่างสมบูรณ์ ตอนนั้นใครก็มาอ้างอะไรไม่ได้ทั้งนั้น”

“อาติดต่อทนายให้เราแล้วนะ พรุ่งนี้เข้าไปคุยกัน” พีรัชเดินโครมๆ เข้ามาในบ้าน

“เจอยายกัทลีนั่นที่ปากซอย มองอาอย่างกับเป็นฆาตรกร ถ้าคิดจะเป็นจริงๆ ขึ้นมาจะฆ่ายายนี่เป็นคนแรก” บรรยากาศตึงเครียดดูเหมือนจะผ่อนคลาย เมื่อทุกคนอมยิ้มและมองไปยังพีรัชที่กระแทกตัวนั่งลงที่โซฟาด้วยท่าทางฉุนเฉียว

“ยิ้มอะไรกัน” หน้ำซ้ำยังหันมาเสียงดังใส่ เมื่อพบว่าทุกคนกำลังเห็นเขาเป็นตัวตลก

“อายุปูนนี้แล้ว หัดใจเย็นบ้าง ไปทะเลาะอะไรกับเด็ก” ภามว่าพร้อมตบไหล่น้องชายเบาๆ

“เด็ก? ใครเด็กพี่ ยายนั่นสามสิบค่อนไปทางปลายแล้ว ไม่เด็กแล้ว สงสัยจะนิสัยแย่ เลยยังหาผัวไม่ได้” พีรัชจะรู้ไหมว่ายิ่งพูดยิ่งเข้าตัวเอง

“เออ คนแถวนี้สี่สิบกว่าแล้วยังไม่มีเมียเหมือนกัน” แม้ปวิตราที่กำลังเศร้ายังเกือบหลุดหัวเราะออกมา

“หรือจะไปเค้นถามยายนั่นดีว่าทางนั้นเขากำลังคิดทำอะไรอยู่”

“เขาคงบอกอาอู๋หรอก เขาตั้งท่าจะเอาเราให้ตายขนาดนี้ พี่วุ้นบอกน้ำเองว่าเดี๋ยวจะเสียรูปคดี เขาพูดอะไรไม่ได้”

“เหอะ อาไม่ใช่ปัญญาชนแบบเรา อาไม่มานั่งจับเข่าคุยกับเขาหรอก มีวิธีที่โหดกว่านั้นอีกเยอะ” ภามถอนใจมองน้องชาย

“พอเถอะอู๋ ตอนนี้เขาก็เพ่งเล็งทั้งแกทั้งหนึ่ง แกอย่าเพิ่งสร้างคดีเพิ่ม งดใช้วิธีเจ้าพ่อของแกก่อน รอดูว่าทางนั้นเขามีไม้เด็ดอะไร ยังไงเราบริสุทธิ์เสียอย่าง”

“ผมเห็นคนบริสุทธิ์ไปนั่งร้องแบ๊ะ แบ๊ะ ในคุกมาเยอะแล้วพี่”

“แต่พี่เชื่อว่าถ้าไม่มีใครพยายามใส่ร้ายเรา วินจะหาตัวคนผิดจริงๆ มาจนได้ วินเขาต้องการตัวคนผิดจริงๆ อย่าลืมว่ามุมมองของตำรวจกับเจ้าทุกข์จริงๆ มันต่างกัน”

“ถ้าเขาคิดอย่างนั้น ทำไมเขาปรักปรำหนึ่งละคะพ่อ” ปวิตราสงสัย

“พ่อเชื่อว่ามันมีหลักฐานบางอย่าง หรือใครบางคนพยายามให้มันเป็นอย่างนั้น ถึงบอกว่าเราทำได้เพียงเตรียมตัว และแก้ต่างสิ่งที่เขาใช้เป็นหลักฐาน และหากเราสามารถเปลี่ยนความคิดของวินได้ เท่ากับเราชนะไปแล้วนะ พ่อเองอยากรู้เหมือนกันว่าใครทำอย่างนั้นกับวัธน์”

“หนึ่งก็อยากรู้ แต่ภาวะของผู้ต้องสงสัยตอนนี้ทำให้หนึ่งทำอะไรไม่ได้เลย ที่โรงพยาบาลเขากำลังจะพักงานหนึ่งด้วยค่ะ เขาเป็นห่วงภาพลักษณ์ของเขา” ปณาลีกุมมือพี่สาวไว้ พี่สาวของเธอเป็นพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังของจังหวัด เรื่องแบบนี้คงโทษโรงพยาบาลไม่ได้เหมือนกัน

“เอออู๋ ตอนไปคุยกับทนาย ให้เคลียร์นะว่าเราต้องการแก้ต่างให้หนึ่งเท่านั้น แต่ไม่มีการตีกลับทางโน้นนะ” ภามรีบกำชับ เพราะท่าทางของพีรัชทำให้เขาไม่ไว้ใจ

“อ้าว ทำไมพี่ ข่าวแว่วๆ มาว่านายวัธน์มีปัญหาเรื่องยาเสพติดด้วยไม่ใช่เหรอ น่าจะโดนตอกกลับเสียหน่อย”

“ไม่มีใครรู้ความจริง จุ๋มบอกว่ารู้มาจากเพื่อนของวัธน์ ยังไม่มีการพิสูจน์ และคนตายพูดไม่ได้นะอย่าลืม คนอยู่ยังมีโอกาสแก้ตัว แต่คนตายไม่มีโอกาสแล้ว อย่าไปสร้างมลทินให้เขาเลย” พีรัชได้แต่จุปากอย่างเสียดาย เห็นด้วยกับภามก็ส่วนหนึ่ง แต่หมั่นไส้คนบ้านนั้นก็อีกส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะกัทลี
--------------------------------------------------------------------------------

เพียงแค่วันถัดมาก็มีผู้ชายสามคนมาที่บ้านของปณาลี ขอพบปวิตราและพูดคุยเป็นการส่วนตัว ปณาลีได้เพียงแต่ยืนมองจากด้านนอกและไม่สามารถได้ยินอะไรเลย หญิงสาวจึงพาเจ้าปีโป้ สุนัขพันธุ์โกลเด้นรีทีฟเวอร์ออกมานั่งเล่นที่สนามเล็กๆ หน้าบ้าน อย่างน้อยอาจพอคลายเครียดได้บ้าง

“แขนเป็นยังไงบ้าง?” อาการสะดุ้งเฮือกของปณาลีจากเสียงทักของเขา ทำให้กวินภพรู้ว่าหญิงสาวใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย เขาพอรู้ว่าวันนี้จะมีตำรวจนอกเครื่องแบบมาคุยกับปวิตรา และนี่คงเป็นสาเหตุให้หญิงสาวมานั่งใจลอยอยู่ตรงนี้

ปณาลีเหลือบตามองคนถามพร้อมกับถามใจตัวเองว่าเธอหายโกรธเขาหรือยัง พร้อมจะพูดดีๆ หรือเข้าใจเขาหรือยัง แต่คำตอบดูเหมือนจะยังเหมือนเดิม กวินภพพาฝาแฝดไปอยู่ด้วยหลายวันแล้ว เธอเจอเด็กๆ ที่โรงเรียน แต่ชีวิตประจำวันที่คุ้นเคยกับการเป็นพี่เลี้ยงเด็กนั้นหายไป มันเหงาอย่างประหลาด

“อาทิตย์หน้าไปเอ็กซเรย์ค่ะ” แค่นั้นคือคำตอบ และเธอไม่มองหน้าเขาด้วย คนตัวโตที่ยืนใกล้เธอเพียงแค่ก้าวเดียวอารมณ์กรุ่นขึ้นมาในทันที จะหมางเมินกับเขาไปถึงไหนกัน ชายหนุ่มทิ้งตัวลงนั่งบนพื้นหญ้าใกล้กับหญิงสาวจนต้นขาสัมผัสกัน ปณาลีขยับตัวทันทีแต่ไม่ทันเมื่อกวินภพคว้าเอวบางไว้แล้วดึงให้หญิงสาวกลับมานั่งอีกครั้ง แต่มันแย่ตรงที่ตอนนี้เธอกำลังนั่งในตักของเขา

“พี่วินปล่อยนะ” ฮึดฮัดดิ้นรน แต่มีหรือที่คนแขนเดียวจะสู้คนสองแขนได้ นอกจากกวินภพจะไม่ปล่อยแล้ว เขายังใช้ทั้งสองแขนกอดเอวของเธอแน่นกว่าเดิม ปณาลีอยากจะร้องไห้ นี่มันหน้าบ้าน ถ้าใครมาเห็นเข้าคงไม่ดีแน่นอน

“ปล่อยสิ อย่ามาทำนิสัยเสีย ระรานคนอื่นแบบนี้นะ” แหวออกไปเสียงดัง

“น้ำนั่นแหละระรานพี่ก่อน พี่ถามดีๆ แท้ๆ” เสียงทุ้มต่อว่าอยู่ที่ข้างหู

“แล้วน้ำตอบไม่ดียังไง” อารมณ์โมโหทำให้หันไปมองหน้าเขาในทันที แต่เพราะเธออยู่บนตักของเขา และเขาก็ยื่นหน้ามาชิดอยู่แล้ว ทำให้แก้มนิ่มๆ ถูกกวินภพหอมไปเต็มรัก หนำซ้ำเขายังทำแบบนั้นถึงสองครั้งซ้อน

“ตอบสั้น ห้วน เหมือนคนไม่เต็มใจ พี่ว่ามันไม่ดี” ปณาลีหน้าแดงก่ำ ไม่รู้ว่าโกรธหรืออาย แต่หญิงสาวโถมตัวใส่เขาเต็มแรง ในเมื่อแขนเธอใช้การไม่ได้ เธอก็ต้องใช้วิธีนี้ แต่ดูเหมือนวันนี้จะไม่ใช่วันของเธอ เมื่อกวินภพหงายหลังไปกับพื้นหญ้าแต่เขากลับรั้งเธอลงไปนอนหงายอยู่บนตัวเขาด้วย แขนแข็งแรงยังกอดเธอไว้ไม่ยอมปล่อย

“ปีโป้ออกไป” หญิงสาวร้องบอกเมื่อสุนัขของปณาลีเข้าใจว่าเจ้าของชวนเล่นด้วยกัน มันจึงกระโจนมาคร่อมอยู่บนร่างของปณาลีที่กำลังนอนทับกวินภพอยู่อีกที ชายหนุ่มกอดปณาลีไว้แน่นและยิ้มกว้างอยู่คนเดียว

ตั้งแต่เกิดเรื่อง วันนี้เป็นวันแรกที่เขายิ้มออก ไม่รู้จะต้องขอบคุณหมาหรือเปล่าที่ทำให้เขารู้สึกเช่นนี้ เมื่อเจ้าปีโป้เห็นว่าทั้งสองเอาแต่นอนเฉย มันจึงย้ายตัวโตๆ ของมันลงไป กวินภพพลิกตัวให้ปณาลีลงมานอนด้านล่างพร้อมผ่อนน้ำหนักไม่ให้ทับแขนของเธอ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องไปโรงพยาบาลเป็นครั้งที่สาม

“มาทำไม กลับไปเลย ถ้าจะให้ดี ปิดรั้วนั่นไปด้วย” กวินภพอมยิ้มจนคนใต้ร่างชักโมโหกว่าเดิม ชายหนุ่มชอบที่ปณาลีกลับมาเป็นปณาลีจอมอารมณ์ร้อนเหมือนเก่า ไม่ทำตัวเป็นภูเขาไฟรอระเบิดเหมือนที่ผ่านมา

“ไม่ปิด เปิดไว้อย่างนี้ไว้เดินเข้าเดินออกเหมือนเดิม” ทำไมเขาชอบย้ำว่าเหมือนเดิมนัก เขาน่าจะรู้ว่าอะไรๆ ไม่มีวันกลับไปเหมือนเดิม ตั้งแต่วันที่กวีวัธน์นอนจมกองเลือดและกวินภพปักใจว่าปวิตราคือผู้ต้องสงสัย

“คิดถึงเด็กๆ ไหม คืนนี้ไปนอนบ้านโน้นไหม ไปนอนกับเด็กๆ” ดูเขาทำสิ แค่จะให้เด็กๆ กลับมานอนกับเธอยังไม่ได้ ต้องให้เธอถ่อไปนอนบ้านโน้น หญิงสาวส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่เป็นไร ขอบคุณที่เอื้อเฟื้อค่ะ เด็กๆ เขาคงมีความสุขดีที่นั่น”

“ไม่หรอก พวกเขาคิดถึงน้ำ อยากนอนกับน้าน้ำ” รู้อย่างนั้นเขายังจะพรากเด็กๆ ไป

“พี่วินรู้อย่างนั้น พี่วินยังเอาเขาไป เมื่อพี่วินเอาไปแล้วก็ต้องดูแลรับผิดชอบเขาสิคะ น้ำทำอะไรไม่ได้หรอกค่ะ” เอาอีกแล้ว กลับมาเป็นน้ำแข็งอีกแล้ว เขาจะต้องทำอย่างไรเธอถึงจะเปิดใจสักที คิดว่าเขาอยากทำแบบนี้หรือไร แต่ในเมื่อปวิตราคือผู้ต้องสงสัยที่สุดในเวลานี้ เขาก็จำเป็นต้องทำ

“น้ำ...พี่สาวเราเป็นแค่ผู้ต้องสงสัย ไม่ใช่ผู้ต้องหา” กวินภพยันตัวลุกขึ้นก่อนช้อนร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งด้วย

“บางทีน้ำต้องคิดไตร่ตรองเอาเองบ้าง มีเหตุผลให้มากๆ พี่ต้องทำหน้าที่พี่ชาย สืบหาคนร้ายจนถึงที่สุด อะไรที่ทำให้สงสัย พี่มีสิทธิ์สงสัยทั้งนั้น แต่ถ้าใครบริสุทธิ์ก็ป้องกันตัวเองสิ พี่ไม่ได้ห้าม แต่น้ำจะห้ามให้พี่ไม่แตะคนนั้นคนนี้ พี่คงทำให้ไม่ได้”

ร่างสูงลุกขึ้นอย่างรวดเร็วก่อนหายเข้าไปทางประตูเชื่อมระหว่างสองบ้าน ปณาลีพยายามจะคิดตามในสิ่งที่เขาพูดแต่แขกทั้งสามคนของปวิตราเปิดประตูแง้มออกมาเสียก่อน หญิงสาวจึงลุกขึ้นยืนและส่งแขกที่ตรงนั้นก่อนจะย้อนกลับเข้าไปในบ้านพร้อมปวิตรา
-------------------------------------------------------------------------------

“อะไรนะคะ สามคนนั้นเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบ” ปณาลีย้อนถามอีกครั้งอย่างไม่แน่ใจ

“ใช่ พี่เป็นผู้ต้องสงสัย เพราะมีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าพี่เป็นคนให้พี่วัธน์ไปตรงนั้นในวันที่เกิดเหตุ”

“ก็ใช่สิคะ เพราะว่าพี่หนึ่งบอกให้พี่วัธน์ไปรับลูก” ปณาลีจำได้ว่ากวีวัธน์รับปากปวิตราว่าจะไปรับลูกและไปเจอกันที่ร้านอาหารของเขา

“หลักฐานแค่นั้นเหรอคะที่เขาเอามาปรักปรำว่าพี่คือผู้ต้องสงสัยอันดับต้นๆ”

“ความจริงคือวันนั้นพี่ออกเวรแล้วและควรไปรับลูกและพาไปหาพี่วัธน์ แต่พี่ติดเคสฉุกเฉิน พี่เลยบอกให้พี่วัธน์มารับแทน ทั้งหมดนี้พี่ติดต่อกับพี่วัธน์ผ่านการส่งข้อความ และตอนที่ตำรวจเข้าไปที่เกิดเหตุ เขาเจอโทรศัพท์ของพี่วัธน์คาอยู่ในมือ และเมื่อเขาเห็นข้อความและได้คุยกับบ้านพี่วิน เขาเลยสงสัยว่าพี่ต้องการฆ่าพี่วัธน์โดยพี่เป็นคนชี้เป้าให้มือปืน”

“เฮ้ย!” ปณาลีอุทานอย่างไม่อยากเชื่อกับข้อสันนิษฐานนั้น

“จำได้ไหมที่พี่เคยเล่าว่าพี่วัธน์ทำร้ายร่างกายพี่ หรือแม้แต่ที่พี่บอกว่าพี่จะไม่ได้อะไรเลยหากพี่หย่าจากพี่วัธน์หรือเขามีอันเป็นไป ทางบ้านนั้นและทางตำรวจเขาคิดว่า นี่คือเหตุจูงใจให้พี่ฆ่าพี่วัธน์เพราะความแค้น” ปวิตราเล่าพร้อมน้ำตาคลอ

“ซึ่งมันไม่ใช่เลย พี่ยังรักเขา พี่จะทำแบบนั้นทำไม ไหนจะลูกอีกตั้งสองคน” น้ำตาเม็ดโตร่วงเผาะไหลลงมาตามแก้ม

“อาอู๋บอกว่าตอนนี้ทางตำรวจล่าตัวมือปืนจ้าละหวั่นเลย ได้ตัวเมื่อไรคงจะมีข้อมูลเพิ่มขึ้นว่าผู้บงการคือใคร แต่ดูเหมือนจะมีคนที่มีอิทธิพลพอสมควรให้การปกป้อง”

“แต่พี่วัธน์ทำร้ายร่างกายพี่หนึ่งจริงไม่ใช่เหรอคะ?”

“หึ...แค่ผลักไหล่เหมือนที่เขาบอกน้ำนั่นแหละ แต่ตอนนั้นพี่น้อยใจ พี่เลยบอกเรากับพ่อว่าเขาตบตีพี่ ไม่คิดเลยนะว่าการพูดแค่อารมณ์ชั่ววูบจะนำปัญหามาขนาดนี้”

เสียงรถแล่นมาจอดหน้าบ้าน ทำให้สองพี่น้องที่ต่างกำลังขบคิดบางสิ่งอยู่ในใจหลุดออกมาจากภวังค์

“ใครกัน อาอู๋บอกว่าจะมาตอนเย็นนี่นา” ปวิตราก้าวยาวๆ ออกไปหน้าบ้าน โดยมีปณาลีเดินตามออกไปด้วย ชายหนุ่มผิวขาว ร่างสูงคนนี้ไม่คุ้นตาปณาลีเอาเสียเลย ใครกัน

“สวัสดีค่ะคุณหมอ” ปวิตราทักทายก่อน นั่นทำให้รู้ว่าผู้ชายคนนี้คงทำงานอยู่ที่เดียวกับพี่สาวของเธอ

“ไม่เห็นที่ทำงานหลายวันแล้ว ถามคนอื่นๆ เขาบอกว่าคุณโดนพักงาน ผมเลยถามหาบ้านคุณ แวะมาเยี่ยม เป็นไงบ้าง”

“เอ่อ ก็ไม่เจ็บไม่ป่วยอะไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะ เอ่อ นี่น้องสาวฉันค่ะ น้ำเป็นครูสอนที่โรงเรียนอนุบาลจันทนา” ปวิตราแตะแขนน้องสาวเพื่อแนะนำให้รู้จักกับแขกผู้มาเยือน

“นี่คุณหมอวสุ เพิ่งมาประจำที่โรงพยาบาลเมื่อต้นปี” ปณาลีมองแล้วว่าคุณหมอหน้าตี๋คนนี้ไม่น่าอายุมากกว่าเธอ หญิงสาวจึงยิ้มทักทาย

“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

“เช่นกันครับ เรียกผมว่าเล็กก็ได้ครับ เราน่าจะอายุใกล้ๆ กัน” ปณาลีอ้อมแอ้มบอกปีเกิดเมื่อวสุเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม จึงรู้ว่าเขาอายุน้อยกว่าเธอเพียงแค่ปีเดียว ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาต้องอ่อนกว่าปวิตราเกือบสามปี แต่วสุกลับเรียกพี่สาวของเธอด้วยชื่อเล่นเฉยๆ ไม่มีคำว่าพี่นำหน้า

“เอาเป็นว่าหนึ่งไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ผมมีเคสตอนบ่าย ขอตัวก่อนนะครับ วันหลังจะแวะมาเยี่ยมใหม่” เมื่อวสุออกรถไปแล้ว ปวิตราค่อยๆ เดินกลับมานั่งที่เก้าม้ายาว โดยมีปณาลีตามมานั่งข้างๆ

“พี่วัธน์เขาเคยหึงพี่กับหมอเล็กด้วย” ปณาลีถอนหายใจยาว ดูเหมือนมีอีกหลายเรื่องของปวิตราที่เธอไม่รู้

“หมอเล็กเขาย้ายมาเมื่อต้นปี แล้วมีพวกพยาบาลที่ไปทานอาหารร้านพี่วัธน์ไปคุยกันว่าหมอเล็กแอบมองพี่ พี่วัธน์เขาไม่พอใจ เขามาถาม แต่พี่เห็นว่ามันไม่มีสาระอะไร เลยไม่ได้ตอบเขา แต่พี่วัธน์กลับคิดว่าพี่เลี่ยง มันน่าจะมีอะไร เขาเลยโกรธ ประกอบกับเขายุ่งงานที่ร้านมาก ยุ่งกับเพื่อนกับหุ้นส่วน พี่เลยเหมือนโดนกันออกมา เราเลยห่างๆ กันไป

ช่วงนั้นพี่ไปคุยกับอาอู๋ ไม่รู้จะจัดการปัญหายังไง อาอู๋เลยไปรับไปส่ง ดูแล แต่ดูเหมือนมันจะบานปลาย เพราะบางคนคิดลึกเรื่องพี่กับอาอู๋”

ปณาลีส่ายศีรษะเบาๆ แน่นอนละ หนึ่งในนั้นคือกวินภพ และเธอมีปากเสียงกับเขาอยู่หลายครั้งด้วยเรื่องนี้ บางครั้งการประพฤติตัวไม่ระมัดระวังของปวิตรา กำลังนำพาปัญหามาให้เธอ ที่สำคัญเมื่อมีปัญหา ปวิตรามักไม่ค่อยแก้ หญิงสาวคอยเลี่ยง จนวันหนึ่งปัญหาทุกอย่างก็ประเดประดังมาในเวลาเดียวกัน
--------------------------------------------------------------------------------

ปณาลีมีโอกาสเจอวสุอีกครั้งหลังจากวันที่เขาแวะมาที่บ้านเพียงสองวัน คราวนี้เขามารอเธอที่หน้าโรงเรียนอนุบาล หลังจากเธอเลิกงานตอนเย็น

“สวัสดีค่ะ มาธุระแถวนี้เหรอคะ?”

“เปล่าครับ มารอเจอน้ำ” คราวนี้ปณาลีทำสีหน้าให้รู้ว่าแปลกใจ วสุบอกว่ามีธุระขอคุยเป็นการส่วนตัว ชายหนุ่มเชิญเธอไปยังร้านเค้กเล็กๆ ตรงข้ามกับทางเข้าโรงเรียน

“ผมพอจะทราบว่าหนึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยฆ่าสามีของเขา ผมอยากจะช่วย” ปณาลีขมวดคิ้วจนแทบจะชนกัน

“พ่อผมมีอิทธิพลพอที่จะปิดคดีนี้ได้ หรือถ้าต้องการทนายเก่งๆ ผมจัดการให้ได้เหมือนกัน”

“คุณเล็กคะ พี่หนึ่งเป็นเพียงผู้ต้องสงสัย ไม่ใช่ผู้ต้องหานะคะ ทางเจ้าหน้าที่ต้องสืบสวนอีกมากมายกว่าจะออกหมายจับได้ และนั่นหมายถึงพี่หนึ่งผิดจริง แต่ตอนนี้ทางเจ้าหน้าที่ทำได้เพียงสืบสวน ติดตามพฤติกรรม เพื่อหาหลักฐานตามที่เจ้าทุกข์ได้แจ้งมา เราไม่ต้องการคนปิดคดีหรอกค่ะ เพราะเราเองอยากรู้เหมือนกันว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนี้”

“แต่หนึ่งถูกพักงาน เสียประวัตินะครับ สุขภาพจิตของเขาก็ย่ำแย่ แล้วถ้าเจ้าหน้าที่ทำงานพลาด กลายเป็นพี่สาวของคุณถูกจับขึ้นมา คุณจะทำยังไง”

“กว่าจะถึงขั้นนั้น เรายังมีเวลาค่ะ และน้ำเชื่อว่าพี่หนึ่งจะไม่ถูกจับ เพราะพี่หนึ่งไม่ได้ทำ” วสุถอนหายใจเบาๆ

“ก็ตามใจน้ำนะครับ ผมแค่เป็นห่วงหนึ่ง”

“ขอบคุณนะคะ แต่พวกเราจะไม่ยอมให้พี่หนึ่งเป็นอะไรค่ะ”

ปณาลีกลับมาบ้านด้วยอาการใจลอยเล็กน้อย ทำไมวสุจึงเป็นห่วงเป็นใยปวิตราถึงเพียงนี้ วันที่มาเยี่ยมถึงที่บ้านนั้น เธอแปลกใจมากพอแล้ว แต่วันนี้เขาทำเธอแปลกใจมากขึ้นกว่าเดิม ในฐานะผู้ร่วมงานอย่างนั้นหรือ ก็ออกจะมากไป เพราะเขาเองเพิ่งย้ายเข้ามา และหมอกับพยาบาลก็ไม่น่าจะมาสนิทสนมกันได้ แม้จะทำงานโรงพยาบาลเดียวกันก็ตาม

ยามค่ำคืนตั้งแต่อัณณ์กับอิชย์ย้ายออกไป ปณาลีดูเหมือนจะกลายเป็นคนว่างงาน บางครั้งเธอฆ่าเวลาโดยการนั่งดูโทรทัศน์กับมารดา บางครั้งหญิงสาวกลับนังเล่นอยู่หน้าบ้านกับเจ้าปีโป้ คืนนี้เป็นอีกคืนที่เธอเลือกออกมานั่งกับเจ้าปีโป้ ปรียากำลังปลอบใจปวิตราเรื่องลูกๆ ฝาแฝด ที่ปวิตรามีโอกาสเจอแค่ช่วงกลางวัน ที่เธอขอให้ปณาลีพาเธอเข้าไปหาลูกที่โรงเรียน

“อุ้ย!” เสียงร้องอุทานของปณาลีหายลงไปในคอเมื่อมือใหญ่เอื้อมมาปิดปากของเธอเอาไว้ หญิงสาวเริ่มต่อสู้ดิ้นรน เพราะนอกจากมือที่ปิดปากแล้ว แขนแข็งแรงยังช้อนโอบตัวเธอไว้จากด้านหลัง จนหลังของเธอแนบชิดไปกับแผ่นอกของไอ้โจรห้าร้อยที่ลอบเข้ามาในบ้านของเธอตอนค่ำมืด แต่เจ้าปีโป้กลับยืนมองทำตาปริบๆ

แผ่นกระดาษเล็กๆ ถูกยื่นมาที่ปากของสุนัขตัวโปรด ก่อนที่มันจะคาบไว้ และคนที่ยื่นให้มันก็โบกมือให้มันคาบกระดาษแผ่นนั้นไปให้คนที่อยู่ข้างในบ้าน ทันทีที่เจ้าปีโป้หันหลัง ร่างของปณาลีก็ถูกอุ้มพาดบ่าทันที คนอุ้มก้าวยาวๆ ไปทางประตูเชื่อม ขณะที่คนถูกอุ้มกลับทุบตีเป็นพัลวัน ขาเล็กๆ สะบัดวุ่นจนกระโปรงชุดนอนร่นขึ้นมาจนน่าหวาดเสียว

“ขอยืมตัวลูกสาวคุณน้าไปนอนกับเด็กๆ หนึ่งคืน พรุ่งนี้จะเอามาคืนครับ...วิน” ปรียาอ่านกระดาษที่เปียกไปด้วยน้ำลายของเจ้าปีโป้แล้วหันมามองหน้าปวิตราเหมือนจะขอความเห็น

“แม่ลองโทรไปถามบ้านนู้นสิคะ ว่าน้ำอยู่ที่นั่นจริงหรือเปล่า” ปรียากระวีกระวาดโทรทันที จริยาเป็นคนรับสาย และบอกว่าปณาลีไม่ได้มาที่นี่ แต่ยังไม่ทันขาดคำ ภาพลูกชายของเธอที่มีปณาลีห้อยหัวอยู่บนบ่าทำให้เธอต้องรีบกลับคำ

“อ่ะ เอ่อ จ้ะ น้ำมาที่นี่จ้ะ วินพามา ไม่มีอะไรนะ ประเดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าก็กลับจ้ะ” รีบวางสายก่อนหันไปตวาดลูกชาย

“ไอ้วิน ทำอะไร ปล่อยน้องลงเดี๋ยวนี้” กวินภพปล่อยปณาลีลงจริง แต่กลับกดศีรษะหญิงสาวแนบไว้กับอกของเขา และแขนอีกข้างก็รัดเอวปณาลีไว้แน่น

“ผมพามานอนกับแฝด แต่ว่าขอเจรจาแป็บหนึ่งและจะเอาไปส่งที่ห้องเด็กๆ นะครับ” จากนั้นเขาก็ลากหญิงสาวไปทางด้านหนึ่งของตัวบ้าน

“เฮ้ย นั่นมันทางไปห้องนอนเจ้าวิน เจ้านี่มันบ้าหรือเปล่า” จารีพรลุกขึ้นยืนบ่นเสียงดัง

ทันทีที่เข้ามาถึงในห้อง กวินภพจับปณาลีคว่ำลงบนเตียงก่อนที่เขาจะคว้าผ้ามาเพื่อมัดมือทั้งสองข้างของเธอไว้ แต่เมื่อเห็นว่ามือข้างหนึ่งของหญิงสาวยังมีเฝือกอ่อนอยู่ เขาจึงพลิกร่างหญิงสาวกลับมานอนหงายเหมือนเดิม ปณาลีหน้าแดงก่ำ ถ้าตาไม่ฝาดเหมือนจะมีน้ำตาคลออยู่ด้วย มาถึงตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มใจไม่ค่อยดี เขาอาจทำรุนแรงไป

ไม่มีถ้อยคำก่นด่าหลุดออกมาจากปากสักคำ มีเพียงสายตาที่เหมือนจะฆ่าเขาให้ได้ ท่าทางจะโกรธและมากมายเสียด้วย มาถึงตอนนี้กวินภพไม่รู้เหมือนกันว่าเขาควรทำอย่างไร อารมณ์ตอนที่เดินเข้าไปที่บ้านเธอและคว้าตัวออกมานั้น เป็นอารมณ์โมโห ไม่พอใจ และหวง

“จะให้มานอนเป็นเพื่อนเด็กๆ” เขาจึงพูดออกไปได้เพียงเท่านั้น จากที่ตั้งใจจะพูดรุนแรงกว่านั้น

“แล้วทำดีๆ ไม่ได้หรือไง นี่มันโจรชัดๆ”

“เคยชวนแล้วแต่เราไม่มา พี่ใช้วิธีนี้ก็ถูกแล้วนี่” หน้าตาของเขายียวนเป็นที่สุด ปณาลีเม้มปากข่มอารมณ์ แต่กระนั้นเธอก็ยังหายใจแรงจนกวินภพรู้สึกได้

“ไปทำอะไรมากับไอ้หมอตี๋นั่นเมื่อตอนเย็น” ในที่สุดกวินภพก็ไม่สามารถเก็บไว้ได้ ร่างสูงทาบทับไปยังคนที่นอนไม่มีทางสู้ก่อนจะถามคำถามนี้ขึ้นมา

“ถอยออกไปและพาน้ำไปหาเด็กๆ” ปณาลีไม่สนใจคำถามทั้งที่ไม่เข้าใจว่าเขายุ่งอะไรด้วย เธอสนใจว่าเขาควรจะถอยห่างจากเธอไม่ใช่นอนทับอยู่บนเตียงของเขาแบบนี้

“ไม่ถอย และไม่พาไปจนกว่าจะตอบ” คราวนี้เธอตาวาวทันที

“มันไม่ใช่เรื่องของพี่วิน เข้าใจนะคะ” กวินภพขยับตัวแนบชิดกว่าเดิม ก่อนแนบริมฝีปากของตัวเองลงไปบนกลีบปากบางๆ ที่ดีแต่พ่นคำพูดไม่น่าฟังออกมา ปณาลีนิ่งขึงก่อนจะเริ่มดิ้นขลุกขลัก แต่มันยากเหลือเกินเมื่อตอนนี้เธอนอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาทาบทับเกือบทั้งตัว

“อื้อ...” กวินภพถอนริมฝีปากออกมาเพียงวินาทีก่อนแนบสนิทลงไปอีกครั้ง คราวนี้มือของเขาโอบกอดเธอไว้แน่นไม่ใช่เพียงแค่คร่อมไว้หลวมๆ อีกต่อไป

ปณาลีหอบหายใจอย่างแรงเมื่อครั้งนี้เขาถอนริมฝีปากออกไปแต่ยังคงมองเธอนิ่งอยู่อย่างนั้น ความแนบชิดที่เกิดขึ้นทำให้หญิงสาวทำตัวไม่ถูก รู้ว่าครั้งนี้เขาตั้งใจและทำอย่างมีสติ ไม่ใช่เพราะโมโหหรือสถานการณ์พาไป ในหัวของเธอยังนึกถึงแต่วินาทีที่ริมฝีปากของเขาแนบชิด อ้อมแขนรัดแน่น

มือแกร่งค่อยๆ ลูบไรผมตามหน้าผากนูน ในขณะที่สายตายังไม่ละไปจากวงหน้าของเธอ

“คราวหน้าเจอเด็ดกว่านี้ถ้ายังดื้อ” แล้วเขาก็พลิกลงจากตัวของเธอก่อนช้อนแขนเข้าอุ้มเธอจนตัวลอย และพามายังห้องของอัณณ์กับอิชย์ที่ตอนนี้มีกัทลีนอนเล่นเป็นเพื่อน เด็กๆ ยังไม่หลับ เมื่อเห็นน้าน้ำในอ้อมแขนของคุณลุง สายตาล้อเลียนจากทั้งกัทลีและเด็กๆ ทำเอาปณาลีทำหน้าไม่ถูก

“น้าน้ำมานอนเป็นเพื่อนคืนนี้” กวินภพวางหญิงสาวลงบนเตียงก่อนหันไปบอกเด็กๆ ที่ตอนนี้มะรุมมะตุ้มน้าสาวกันใหญ่

“ป้าวุ้นคงไม่สำคัญแล้วสิ” กัทลีแกล้งเย้าเด็กๆ แต่ได้รับนัยน์ตาขี้เล่นส่งมาจากทั้งคู่

“พรุ่งนี้ค่อยมานะครับ” อัณณ์รีบบอกเรียกเสียงหัวเราะได้จากทุกคน

“ลุงนอนด้วยได้ไหม?” ปากถามเด็กแต่ตาแอบมองน้าสาวของเด็ก เขาเห็นปณาลีทำหน้าตกใจ

“ไม่ได้ครับ น้าน้ำนอนดิ้น เดี๋ยวกระโปรงชุดนอนเปิด” คราวนี้หน้าดุๆ กลายเป็นแดงแจ๋ หลานเธอจะทำให้อายไปถึงไหน ชายหนุ่มอมยิ้ม

“เอาละ กู๊ดไนท์ครับเด็กๆ” อัณณ์กับอิชย์เรียงหน้าเข้าไปจูบราตรีสวัสดิ์กวินภพทีละคน นี่แค่ไม่กี่วันเขาสามารถทำให้เด็กๆ ติดเขาขนาดนี้เชียวหรือ

“ฝากราตรีสวัสดิ์น้าน้ำด้วย” ยังไม่ทันตั้งตัวอัณณ์ก็ปรี่เข้ามาใช้สองมือเล็กๆ ประคองแก้มของเธอไว้และจุ๊บเธอเหมือนที่ทำกับกวินภพเมื่อครู่ จุ๊บปาก... ปณาลีหน้าแดงเป็นรอบที่เท่าไรของวันนี้ไม่รู้ แววตาวิบวับของเขาทำให้เธออยากขว้างด้วยหมอนนัก ยิ่งเห็นกัทลีอมยิ้มตลอดเวลา ปณาลียิ่งโมโหกวินภพ

“พี่ไปนะน้ำ พรุ่งนี้เช้าเด็กๆ ไม่ต้องไปโรงเรียน น้ำก็ไม่ต้องทำงาน จะตื่นสายๆ หน่อยก็ได้จ้ะ” ปณาลียิ้มให้กัทลีก่อนเมินหน้าไปทางอื่นเมื่อเจ้าของบ้านอีกคนมองมา
------------------------------------------------------------------------------

ปณาลีลงมาจากห้องเด็กตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า ไม่อยากใส่ชุดนอนเดินโทงๆ ตอนสายโด่ง อีกอย่างคือดูเหมือนเธอจะหลับไม่ค่อยดีนักเมื่อคืน หญิงสาวค่อยๆ เดินออกมาจากบ้านของกวินภพเมื่อมองไม่เห็นใครที่ชั้นล่าง ปลายเท้าที่แตะลงพื้นหญ้าโดนน้ำค้างตอนเช้าๆ ทำให้รู้สึกหนาวได้เหมือนกัน

“ทำไมไม่ใส่รองเท้า” เสียงดุๆ จากข้างบ้านทำให้เธอรีบชักเท้ากลับแล้วหันไปมอง

“แล้วพี่วินให้โอกาสน้ำเอารองเท้ามาด้วยเหรอคะเมื่อคืน” กวินภพในเครื่องแต่งกายที่ดูรู้ว่าเขาอาบน้ำเรียบร้อยแล้วกำลังยืนมองคนเถียงฉอดๆ คงจะลุกจากที่นอนแล้วรีบลงมา ผมยาวสยายเต็มหลัง ยุ่งเล็กน้อย กับชุดนอนแบบกระโปรงยาวเกือบถึงเข่า น่ารักดีถ้าจะไม่ดื้อวายร้าย

“รองเท้าพี่วุ้น ใส่ไปก่อนก็ได้ เดินเท้าเปล่าเกิดโดนอะไรบาดขึ้นมาจะทำยังไง”

“ไม่เป็นไรค่ะ ขี้เกียจเอามาคืน” กวินภพกัดกรามก่อนจะสาวเท้าเข้ามาอย่างรวดเร็วและรวบหญิงสาวพาดบ่าเหมือนตอนขามา

“เออดี งั้นก็กลับแบบเมื่อคืนแล้วกัน” ร่างสูงเดินดุ่มไปทางประตูเชื่อม ไม่สนร่างบางบนบ่าที่ทุบเขาแบบเอาเป็นเอาตาย นานๆ ทีเขาจึงฟาดก้นเอาบ้าง เมื่อโดนเข้าบ้างก็เจ็บเหมือนกัน เธอจึงได้แต่กัดฟันข่มความเจ็บและโกรธเอาไว้ เจ้าปีโป้วิ่งมาส่ายหางดุ๊กดิ๊กต้อนรับ กวินภพวางร่างบางที่พื้นหน้าบ้านก่อนจะกอดอกมองคนดื้อ

“ดื้อกว่าเด็ก” ว่าอย่างเดียวไม่พอ เขายังแสดงสีหน้าเหนื่อยหน่ายประกอบด้วย ปณาลีเลยโถมตัวเข้าทุบเขาไปอีกทีค่าที่เขาฟาดก้นเธอ แต่กวินภพไวเหลือเชื่อ เขารวบเธอเข้ามากอดไว้เต็มรัก คราวนี้คนตั้งใจทำร้ายจึงได้แต่ฮึดฮัดอยู่ในอ้อมกอดคนตัวโตแทน

“เฮ้ย ทำอะไรวะ” อ้อมกอดของกวินภพคลายออกแต่ยังไม่ปล่อยเสียทีเดียว พีรัชกำลังมองตาเขียวก่อนจะสาวเท้ามาที่ทั้งคู่อย่างว่องไว

“ทำอะไรหลานผม อย่ามายุ่งกับน้ำนะ” พีรัชกระชากปณาลีมาไว้ในอ้อมแขนของตน พร้อมชี้หน้ากวินภพซึ่งเลิกคิ้วทำหน้ายียวน

“นี่น้ำนะครับ ไม่ใช่หนึ่ง ไม่ต้องหวงขนาดนั้น”

“ไอ้นี่ ปากวอนซะแล้ว อยากมีปัญหาหรือไง”

“คุณนั่นแหละกำลังมีปัญหา ไม่ใช่ผม ถ้าไม่อยากยุ่งมากกว่าเดิม อย่ามายุ่งกับผม และเลิกขู่ทำตัวนักเลงซะที”

“พี่วิน อย่ามาขู่อาอู๋นะ” ปณาลีแหว

“อาคุณขู่ผมก่อน ผมแค่เตือนว่าอย่ามาขู่ผม ผมไม่ใช่วัธน์” หญิงสาวโกรธจนตัวสั่น เดี๋ยวก็มาทำดี แต่พอโมโหขึ้นมาก็ไม่เคยเห็นหัวเธอ กวินภพละสายตามาที่หญิงสาวอีกครั้ง คราวนี้เขาใจแป้วเมื่อเห็นสีหน้าและแววตาของเธอ

“พี่ไม่ได้อยากขู่ใครนะน้ำ พี่ไม่ชอบระรานใคร อยากให้น้ำเข้าใจไว้ด้วย” ปณาลีพยายามสงบสติลงมากกว่าเดิม ความจริงเป็นอาของเธอนั่นแหละที่ข่มขู่กวินภพก่อน

“ผมพาน้ำมาส่งแค่นั้น และไม่เคยคิดจะทำอะไรที่เป็นอันตรายกับเขา ไม่ต้องกังวล ผมนักเลงพอ อย่างมากก็แค่...ฉุด!” กวินภพทิ้งคำพูดที่ทั้งปณาลีและพีรัชต่างตกตะลึง กว่าจะอ้าปากขึ้นเขาก็เดินหายเข้าไปในเขตบ้านของเขาแล้ว
-------------------------------------------------------------------------

มาแล้วค่ะ กลับมาจากปีใหม่ เพิ่งตั้งตัวติด เจอ comment สายโหดเข้าไป มึน อยากให้ลองอ่านกันดูค่ะ จะเขียนเป็นแนวสืบสวน ถ้าอธิบายมากก็รู้กันหมด เลยใช้วิธีเปิดตัวละครมาเรื่อยๆ ให้คนอ่านเดาไปเรื่อยๆ อาจมีหลอกบ้าง หรืออธิบายคลุมเครือแต่เป็นความตั้งใจที่จะทำอย่างนั้นค่ะ

แต่รับฟังทุกความคิดเห็นนะคะ และจะเอาไปปรับปรุงค่ะ

ขอบคุณผู้อ่านทุกคนนะคะ
-------------------------------------------------------------------------



น้ำแอปเปิ้ล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ม.ค. 2558, 21:00:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ม.ค. 2558, 21:03:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 2372





<< ---- (6) ----   ---- (8) ---- >>
ผักหวาน 20 ม.ค. 2558, 21:28:07 น.
อิหมอเล็ก เป็นคนฆ่าวัธน์เพื่ออยากให้หนูหนึ่งเป็นโสด แล้วจะได้มาขอหนูหนึ่งแต่งงานหรือเปล่าคะเนี่ย

โหย...หมอโหดป่าว


agentaja 20 ม.ค. 2558, 21:53:11 น.
อีตาพี่วินนี่มาแบบเถื่อนๆ เลยนะนี่


beau 20 ม.ค. 2558, 23:49:18 น.
พี่วินแกหึงโหดนะเนี่ย อุ้มพาดบ่าเข้าบ้านเลย 555+


ribbin 21 ม.ค. 2558, 00:12:58 น.
พี่วินแสดงออกชัดขึ้นทุกที แต่ไมไม่บอกหนูน้ำตรงๆ ล่ะ ที่บ้านก็รู้กันหมดแล้ว


kaelek 21 ม.ค. 2558, 00:15:28 น.
แหม่!! พี่วิน ทะนุทะนอมหนูน้ำหน่อยเถอะ หอมนิดจูบหน่อยตลอดเลยน้า


โอชิน 21 ม.ค. 2558, 00:27:43 น.
รออยู่เลย..ได้อ่านต่อเสียที..แหะๆ


konhin 21 ม.ค. 2558, 00:33:08 น.
ไม่เอาไม่เดา เดี๋ยวตัวหลอกพาหลง แต่บ้านหนูน้ำน่าจะเลิกให้วินเข้าบ้านนะ กล้าไปในจังหวะที่ไม่เหมาะสมอ่ะ


ChaCha 21 ม.ค. 2558, 06:49:52 น.
อ๊ายยยย ชอบพี่วินอ่ะ


กาซะลองพลัดถิ่น 21 ม.ค. 2558, 07:41:16 น.
วินซาดิสม์ได้ใจดีจัง หลาน ๆ ก็ดูจะเชียร์และเข้าข้างลุงซะด้วย สงสัยลุงไปติดสินบนหลานไว้เแน่ ๆเลย ..... แต่พี่สาวของน้ำก็ทำไม่ถูกเหมือนกันเช่นถูกผลักไหล่ ดันไปบอกถูกตบตี
เรื่องราวเลยเข้าทางคนร้ายพอดี ... หมอโผล่มาจากไหนเนี่ยะ แหม อวดเบ่งซะเหลือเกิน


sai 21 ม.ค. 2558, 15:53:14 น.
คิดถึงไรท์เตอร์มากๆๆๆ


goldensun 21 ม.ค. 2558, 18:35:19 น.
พี่วินจีบสาว แต่ดูจะไม่ทำคะแนนเลย เป็นตัวของตัวเองเต็มเปี่ยม เจ้าอารมณ์ด้วย แถมน้ำเองก็ออกจะมั่นใจในตัวเองสูง เหมือนกันเกินไป เลยตีกันมากกว่ารักกันซะแล้ว
จะหมอเล็กหรือเพื่อนวัธน์นะ ที่เป็นคนร้าย


Zephyr 22 ม.ค. 2558, 00:17:00 น.
หุยยยย พี่วินมาแบบโหดๆ ไม่รู้จะเข้าหาสาวยังไงรึไงนะ กลายเป็นยั่วอารมณ์ตลอดเลย
ตาหมอวสุนี่ก้อแปลกๆนะคะ ประหลาดใช้ได้ ไม่รู้สิ อ่านแล้ว กลิ่นแหม่งๆนะ


น้ำค้าง 24 ม.ค. 2558, 18:30:47 น.
ชอบมากเลยคะ รอติดตามทุกวันนนน น่าติดตามสุดๆๆๆ มาต่อเร็วๆๆนะคะ


bom2528 25 ม.ค. 2558, 01:44:38 น.
ตอนนี้ พี่วินโหดดดดด อะไรจะหวงขนาดนั้น ฮ่าา


myfearless 27 ม.ค. 2558, 21:19:18 น.
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกก รอตอนต่อไปอยู่ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account