หลังม่านเมฆ

Tags: สืบสวน โรแมนติก

ตอน: ---- (8) ----


พีรัชหัวเสียเดินลงส้นโครมๆ เข้ามาในบ้านหลังจากชี้นิ้วสั่นระริกตามหลังกวินภพไป ไอ้เด็กเมื่อวานซืน จ้องจะจับปวิตรายัดตะรางยังไม่พอ ยังขู่จะฉุดปณาลีอีกต่างหาก

“ทำไมมันมาขู่ว่าจะฉุดแก แกเป็นแฟนมันหรือไง?” ทิ้งตัวลงนั่งได้ก็ยิงคำถามใส่คนที่เดินตามมาทันที

“โธ่! ถ้าเป็นแฟนกันก็หนีตามกันไปแล้ว จะฉุดทำไมละคะ” แสร้งตอบรวนๆ ทั้งที่ตัวเองก็สับสนไม่น้อยกับคำพูดของกวินภพเมื่อครู่

“อย่ารวนอานะ ถ้ามันไม่คิดอะไรกับเรา มันจะพูดแบบนั้นทำไม ปกติไอ้วินมันพูดจากับมนุษย์เขาซะที่ไหน แต่ดูมันมองแกสิ ตาพราวเชียว หนำซ้ำยังขู่จะฉุด แหม...มันน่ายิงทิ้งนัก”

“อะแฮ่ม!” ภามวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะก่อนส่งสายตาปรามไปยังน้องชาย

“บอกกี่ครั้งแล้วอู๋ อย่ามานักเลงพูดเรื่องยิงฟันที่นี่ พี่ไม่ชอบ ไม่ใช่เพราะปากพล่อยแบบนี้เหรอ เขาถึงหมายหัว ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำ ขาก้าวเข้าไปอยู่ในคุกข้างหนึ่งแล้วมั้งเพราะปากนี่แหละ” พีรัชแสร้งเมินหน้าไปทางอื่น เกรงอยู่หรอกกับภาม แต่ให้เชื่อหมดคงไม่ใช่เขา กวินภพจะมาลูบคมเขาได้อย่างไร

“น้ำ...เรื่องเป็นยังไง เมื่อคืนวินก็มาพาเราไปใช่ไหม?” ปณาลีนั่งลงก่อนเล่าเรื่องราวตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเมื่อเช้าให้บิดาฟังจนหมด จะข้ามบ้างก็เรื่องถึงเนื้อถึงตัวที่กวินภพทำต่อเธอ

“พี่ดูมันทำสิ จู่ๆ มาอุ้มยายน้ำไป แล้วก็อุ้มมา มันใช้ได้ที่ไหน” คนที่เงียบไปได้ครู่เดียว สวนขึ้นมาอีกครั้งทันที่ที่ปณาลีเล่าจบ

“มันทำอะไรมากกว่านี้หรือเปล่า?” พีรัชกระเด้งตัวจากโซฟา ยิงคำถามสีหน้าจริงจัง ปณาลีตั้งตัวไม่ทันจนเกือบส่อพิรุธออกมา

“เปล่าค่ะ เปล่าเลย เขาไม่ได้ทำ” ปฏิเสธเสียงรัว แต่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนอย่างภามกลับส่ายหน้าช้าๆ กระนั้นเขาก็ไม่เซ้าซี้ถาม ปณาลีโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว บางครั้งเขามองว่าหญิงสาวมีวุฒิภาวะมากกว่าปวิตราที่เป็นพี่ด้วยซ้ำ

“จำได้ไหมที่อาเคยบอกว่าอย่าให้เด็กไปสุงสิงกับบ้านนั้น เดี๋ยวเขาก็เอาไป ไงล่ะตอนนี้เขาเอาไปจริงๆ แล้วไง”

“มันคนละเรื่องกันนะคะอาอู๋ ตอนนั้นเราไม่ได้มีปัญหาอะไรกัน เด็กจะไปอยู่กับพ่อกับย่ามันแปลกตรงไหน และตอนนี้ที่เขาเอาแฝดไปเพราะเขาสงสัยพี่หนึ่งกับอาอู๋ เขาอาจกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลานเขาก็ได้”

“แหม แก้ตัวแทน ไปนอนกับมันมาคืนเดียว”

“อาอู๋!” ปณาลีเรียกเสียงเขียว รู้อยู่หรอกว่าพีรัชไม่ได้หมายความอย่างนั้น เพราะเป็นคนโผงผางจึงพูดอะไรไม่ค่อยคิด แต่เธอก็ไม่ชอบอยู่ดี

“เออ หมอวสุเขามาที่บ้านเราเหรอ?” ภามถามขึ้นด้วยความสงสัย เขาได้ยินมาจากเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้าม

“ค่ะ เห็นพี่หนึ่งไม่ไปทำงานเลยมาเยี่ยม”

“หนึ่งไม่เห็นเคยบอกว่าสนิทกับหมอวสุ” พีรัชตั้งข้อสังเกต

“ไม่ทราบว่าสนิทหรือเปล่า เขาคุยไม่กี่ค่ำก็กลับค่ะ แต่ว่าหลังจากนั้นสองวันเขาไปดักรอน้ำที่หน้าโรงเรียน บอกว่าอยากช่วยพี่หนึ่ง พ่อเขามีอิทธิพลสามารถปิดคดีได้” ภามนิ่วหน้า

“ใครกันพ่อเขา?”

“อดีตรัฐมนตรีวศิน กิจภิรมย์ไงพี่”

“จริงเหรอ นี่หมอเขาเป็นลูกชายคุณวศินเหรอ แล้วทำไมมาเป็นหมอบ้านนอกแบบนี้ล่ะ แม่เขาก็เป็นถึงลูกสาวเจ้าสัวใหญ่โตไม่ใช่เหรอ เคยอ่านในหนังสือที่ไหนสักแห่ง”

“หมอวสุเขาไม่ใช่ลูกกับเมียเอกนี่หรอก เป็นลูกเมียเก่าที่ไม่ได้แต่งออกหน้า พอคุณวศินเขาเข้าทางการเมือง ก็แต่งงานกับคนที่มันสมน้ำสมเนื้อกัน ก็ลูกสาวเจ้าสัวนี่แหละ แล้วมีลูกด้วยกันคนเดียวเป็นผู้หญิง ตอนนี้อยู่เมืองนอกมั้ง แต่คุณวศินเขาก็เลี้ยงดูส่งเสียหมอวสุเรื่อยมาก” พีรัชไขข้อข้องใจ

“แต่ก็ยังแปลกนะ ปกติลูกๆ คนระดับนี้เขาไม่น่าเรียนแพทย์มานั่งทำงานงกๆ แถมในโรงพยาบาลต่างจังหวัดแบบนี้”

“เขาอาจมีอุดมการณ์มั้งพี่”

“อ้อ แต่พี่สงสัยว่าทำไมเขาต้องมาช่วยเหลือยายหนึ่ง เสนอตัวปิดคดี”

“น้ำก็แปลกใจค่ะพ่อ แต่น้ำปฏิเสธนะคะ น้ำบอกไปว่าเราไม่อยากปิด เราอยากให้ตำรวจทำงาน เพราะเราอยากรู้เหมือนกันว่าใครคือคนร้าย”

“ทำไมไม่รับข้อเสนอเขาไป จะได้จบๆ เรื่อง” พีรัชโพล่งขึ้นมา ซึ่งทำให้ทั้งภามและปณาลีหันไปค้อนพร้อมกัน

“พวกเจ้าพ่อ ชอบใช้อำนาจอิทธิพลแบบเจ้าพ่อ ถ้าเขาทำให้ได้จริง นอกจากเราจะไม่ได้ตัวคนร้ายตัวจริงแล้ว ทางบ้านโน้นเขาคงคิดว่าเราร้อนตัวจนต้องหาคนมาล้มคดี ยิ่งไปกว่านั้นเขาจะมาทวงบุญคุณเราเมื่อไรก็ไม่รู้ ขนาดว่าวิ่งล้มคดีได้ คงไม่ใช่คนดีนักหรอก” เมื่อเถียงพี่ชายไม่ออก พีรัชจึงนั่งหงุดหงิดไปคนเดียว
--------------------------------------------------------------

“รถใครเหรอคะแม่ จอดที่หน้าบ้าน?” ปณาลีรู้สึกไม่คุ้นตารถคันนี้เลย กระบะสี่ประตูสีดำสนิท

“หมวดชยพนน่ะลูก มาหาหนึ่ง” คิ้วสวยขมวดมุ่น เธอเคยได้ยินชื่อนี้ผ่านปากปวิตราครั้งหนึ่ง ผู้ชายคนนี้เป็นอดีตตำรวจ เป็นเพื่อนกวีวัธน์และเป็นเพื่อนรุ่นน้องของพีรัช ดูท่าทางแล้วเป็นพวกทรงอิทธิพลอีกคน แล้วจะมาหาปวิตราทำไมกัน ช่วงนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวน พี่สาวของเธอถูกจับตามองพฤติกรรม แต่มีคนมาหาไม่ได้เว้นวัน คิดแล้วเหนื่อยใจ

“แล้วพี่หนึ่งก็ต้อนรับเขาเหรอคะ?”

“อ้าว ทำไมละลูก เขาเป็นเพื่อนอาอู๋ รู้จักวัธน์ด้วยนะ หนึ่งต้อนรับเขาก็ไม่เห็นแปลกเลย ช่วงนี้พี่เราโดนพักงาน คงเครียด มีคนมาเยี่ยมมาคุยก็ดีนะ”

“โดนพักงานแต่ก็โดนจับตาดูพฤติกรรมด้วยนะคะ...” ปรียาค่อนข้างตามใจและเอาใจปวิตรา โดยเฉพาะช่วงนี้ที่ลูกสาวกำลังมีปัญหาชีวิต ดูเหมือนคนเป็นแม่จะสนับสนุนไปทุกเรื่องจนลืมเลือนไปว่าอาจมีผลต่อคดี ปณาลีตระหนักว่าปวิตราไม่ค่อยระมัดระวังตัวต่อการคบหาคน หญิงสาวเลี่ยงเข้าบ้านอีกทางที่ไม่ต้องเผชิญหน้ากับหมวดชยพน แต่เธอก็แอบมองเพราะอยากรู้จักหน้าค่าตาของเขา

ใบหน้าที่เห็นด้านข้างนั้นทำให้ไม่สามารถบอกได้ว่าเขามีรูปร่างหน้าตาอย่างไร เห็นเพียงทรงผมเกรียนเกือบสกินเฮด เขาเป็นคนผิวขาวจัด และน่าจะสูงพอสมควร สีหน้าของปวิตรายามพูดคุยกับเขานั้นดูสดใสและเป็นกันเอง ทั้งคู่สนิทสนมกันแค่ไหนนะ
ปณาลีรีบขึ้นไปผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อกลับลงมาอีกครั้ง น่าเสียดายที่หมวดชยพนคนนั้นกลับไปเสียแล้ว หญิงสาวจึงคว้ามอเตอร์ไซค์คันเล็กขับออกมาจากบ้าน รถคันนี้มารดาของเธอเป็นคนซื้อเมื่อไม่นานมานี้ เพราะเป็นมอเตอร์ไซค์แบบไม่มีเกียร์ที่ง่ายกับการขี่ระยะใกล้ และยังมีที่เก็บของหรือที่ยืนเล่นของอัณณ์กับอิชย์ หญิงสาวทอดถอนใจเมื่อคิดถึงหลาน อยากให้เรื่องราวเหล่านี้จบสิ้นและหลานๆ ได้กลับมาอยู่กับเธอเสียที

มอเตอร์ไซค์คันเล็กจอดหน้าร้านขายของชำในตลาด ปณาลีลังเลว่าหากจะแวะซื้อก๋วยเตี๋ยวเจ้าโปรดไปฝากเด็กๆ เธอจะได้รับอนุญาตให้เข้าบ้านนั้นไหม ระหว่างที่ยังคร่อมรถอยู่นั้นเองที่เธอรู้สึกว่ามีน้ำหนักกดลงมาที่เบาะรถด้านหลัง แต่ก่อนที่จะหันกลับไป เจ้าสิ่งนั้นหรือคนนั้นก็โอบแขนมาด้านหน้าและกำมือของเธอไว้ เท่ากับตอนนี้เธอกำลังตกอยู่ในวงแขนของใครสักคนที่หายใจรดต้นคอของเธออยู่

“ไม่ต้องร้อง” เมื่อปณาลีเตรียมอ้าปาก คำสั่งที่คุ้นเสียงก็เปล่งออกมา

“ออกไป” กัดฟันบอกออกไปเมื่อรู้ว่าใครที่ทำเช่นนี้

“นั่งเฉยๆ เดี๋ยวพี่ขี่เอง” ยังไม่ทันคัดค้าน เขาก็กดปุ่มสตาร์ทเครื่องและพารถออกไปจากจุดนั้นโดยมีเธออยู่ในอ้อมแขน

“ไอ้พี่วินบ้า!”

“อืม...” เขารับคำหน้าตาเฉยในขณะที่ยังเคลื่อนรถไปเรื่อยๆ กวินภพชักจะไม่เกรงใจเธอเข้าไปทุกที เขาทั้งอุ้ม ทั้งกอดและทั้งจูบ เธอจะไม่ทนแล้ว

“ปล่อยนะพี่วิน คนมองทั้งตลาด จะบ้าหรือไง”

“เดี๋ยวจะพ้นตลาดแล้ว จะได้ไม่มีใครมอง”

“นี่! น้ำไม่ไปไหนทั้งนั้น จอดแล้วลงไป”

“มีเรื่องจะคุยด้วย รอแป็บ เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” หญิงสาวเหลียวมองรอบตัว ครั้งนี้เขาไม่ได้พาเธอมายังบ้านหลังเล็กของเขา ชายหนุ่มนำมอเตอร์ไซค์คันเล็กมายังชายทะเล ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับฟ้า เมื่อจอดรถแล้ว เขาดับเครื่องแต่ไม่ยอมปล่อยเธอออกจากวงแขนแม้ปณาลีจะดิ้นรนอย่างไรก็ตาม

“เฉยๆ ได้ไหม...หมวดชยพนมาทำไม?” กวินภพยิงคำถามทันทีที่รวบปณาลีไว้แน่นหนา ใครจะปล่อยเธอเล่า

“...” อ้อมแขนแกร่งรัดแน่นมากขึ้นกว่าเดิม

“น้ำ...รู้หรือไม่รู้ ตอบมา ไม่รู้หรือไงว่าการที่หนึ่งติดต่อกับใครหลายคนช่วงนี้จะทำให้เป็นที่สงสัยมากกว่าเดิม พี่ไม่ปล่อยไว้หรอกนะใครที่มันทำกับวัธน์ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการสืบสวน ก่อนจะตั้งข้อหาและจับกุม ใครที่น่าสงสัยที่สุดและมีพยานหลักฐาน คนนั้นก็ตกเป็นผู้ต้องหา ถ้าคิดว่าพี่สาวบริสุทธิ์ เตือนพี่สาวเราด้วยว่าที่ทำอยู่ทุกวันนี้มันกำลังพาตัวเองจนมุม” เธอเห็นด้วยกับกวินภพ แต่ทำไมเขาต้องมาเตือน

“มาบอกน้ำทำไม ไหนอยากจับพี่หนึ่งนัก”

“พี่อยากจับคนที่มันฆ่าวัธน์ ใครก็ตามที่มันทำ พี่ไม่ได้เกลียดหนึ่งเป็นการส่วนตัว ถ้าเขาไม่ได้ทำ พี่ก็ไม่ยุ่ง เข้าใจนะ” ไม่เพียงพูดเฉยๆ แต่ใบหน้าที่รกไปด้วยหนวดเคราโน้มมาชิดแก้มของเธอจนหญิงสาวต้องเบี่ยงตัวหนี กวินภพไม่ละความพยายาม ในที่สุดแก้มนวลก็ถูกเขาหอมเสียเต็มรัก

“ไอ้พี่วิน!” ได้ยินจนชินหูเสียแล้ว กวินภพอมยิ้ม แต่คนที่แหกปากเรียกเขากลับไม่เห็น

“ลงมานั่งข้างหลัง เดี๋ยวพากลับไปส่ง” เมื่อได้พูดและทำอย่างที่ต้องการแล้วก็รู้สึกคลายความกังวลและคิดถึง คนถูกบังคับพามาค้อนเข้าให้ก่อนลงมานั่งด้านหลัง กวินภพจึงพามอเตอร์ไซค์กลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง

“พี่วิน” กวินภพชะงักเท้าที่กำลังเดินกลับไปที่รถ หลังจากพาปณาลีกลับมาส่งที่เดิม นานตั้งแต่เกิดเรื่องที่เธอไม่เคยเรียกเขาด้วยน้ำเสียงเช่นนี้อีกเลย เขาเดินกลับมาหยุดตรงหน้าเธออีกครั้ง

“มีอะไร”

“คือ...น้ำจะซื้อก๋วยเตี๋ยวให้เด็กๆ จะฝากพี่วินเอาไปให้ด้วย”

“ทำไม? ก็เอาเข้าไปเองสิ” เขาพูดพร้อมทั้งมองหน้าสวยอย่างตั้งใจ

“พี่เคยบอกแล้วว่าสำหรับน้ำ ทุกอย่างเหมือนเดิม” น้ำเสียงอ่อนโยนกับแววตาแน่วแน่นั้น เรียกความอายได้ดีทีเดียว

“เอ่อ...ค่ะ” ก้มหน้างุดก่อนจะรีบเดินเข้าร้านอย่างรวดเร็ว บางอย่างในใจยังคงอยู่ แต่การกระทำและคำพูดของเขาก่ออาการเขินอายให้เธอได้มากมายเหลือเกิน
------------------------------------------------------------------

กัทลีอยากจะกลั้นใจตายนักเมื่อเห็นว่าใครกำลังยืนกอดอกมองเธอด้วยสายตากวนอวัยวะเบื้องล่างเหลือเกิน มือหนาดีดบุหรี่ทิ้งก่อนจะก้าวยาวๆ มาที่เธอ หญิงสาวตัดสินใจหันหลังเดินออกไปจากจุดนั้น โลกมันจะแคบอะไรขนาดนี้นะ เธอจึงบังเอิญเจอเขาอยู่เรื่อย

“เอ้า! หนี...คนบ้านนี้มันขี้ขลาด” เท่านั้นคนที่กำลังจ้ำอ้าวก็หยุดกึกก่อนหันมามองคนก่อกวนด้วยสายตาเอาเรื่อง

“ไปให้พ้นเลย เบื่ออันธพาล” พีรัชเลิกคิ้วเบ้ปากเล็กน้อย

“วันก่อนเป็นฆาตรกร วันนี้เป็นอันธพาล จ้ะ...แม่คนดี แม่คนประเสริฐ” กัทลีตาลุกวาบ

“ทั้งสองอย่างนั่นเหมาะกับคุณดีออกนะ มาเฟีย อันธพาล และฉันเป็นคนดีไม่ข้องเกี่ยวกับคนพวกนี้ ฉะนั้นเจอกันทีหลังไม่ต้องทัก ไม่ได้อยากพูดคุยด้วย หวังว่าจะเข้าใจ” พีรัชก้าวเข้ามาประชิดตัวจนกัทลีเผลอถอยหลัง

“ว้า มนุษยสัมพันธ์แย่ คนรู้จักกันแต่ไม่ให้ทัก นี่เอาอะไรคิด เสียแรงเรียนมาเยอะ ทำงานดี แต่สมองฝ่อ” ไม่พูดเปล่า หนุ่มใหญ่ยังใช้นิ้วเคาะที่ศีรษะเบาๆ

“เออ ถ้าการที่ฉันเลือกไม่คบอันธพาลแล้วถือว่าฉันสมองฝ่อ ฉันยอม มีอะไรอีกไหม ถ้าไม่มีก็หลีก จะไปทำมาหากิน และเหม็นบุหรี่มาก” ร่างบางผลักเขาเบาๆ แล้วเดินกลับไปทางเก่า พีรัชหน้าคว่ำก่อนยกแขนเสื้อตนเองขึ้นดม เจอคราวหน้าจะกอดเสียให้เข็ด ดูซิว่าจะยังเหม็นอีกไหม

พีรัชหมุนตัวเพื่อเดินกลับไปที่รถซึ่งมีบอดี้การ์ดของเขารออยู่ แต่กระบะสี่ประตูสีดำที่วิ่งสวนมาทำให้เขาหยุดมอง รถคันนี้เป็นของหมวดชยพน เขาจำได้ ช่วงนี้เขาไม่ค่อยได้เจอเพื่อนคนนี้บ่อยนัก แม้เรื่องที่เพื่อนเขาแวะไปหาปวิตราที่บ้านเขาก็เพิ่งรู้จากปณาลีเมื่อวาน

รถกระบะคันนั้นจอดลงที่หน้ามินิมาร์ทก่อนชยพนจะเปิดประตูรถลงมา แต่ที่ทำให้พีรัชแปลกใจคือปวิตราที่ลงมาจากอีกฝั่งประตู สองคนนี้มาด้วยกันได้อย่างไร สนิมสนมกันขนาดไหน ปวิตราไม่รู้หรือไรว่าตัวเองกำลังเป็นที่จับตามองของคนทั้งเมือง ในงานศพของกวีวัธน์ ใครๆ ต่างพูดว่าเขาถูกภรรยาสั่งฆ่าเพราะสมบัติ แต่ดูปวิตราทำ มากับผู้ชายคนอื่นทั้งที่ตัวเองกำลังตกเป็นเป้าความสนใจ

พีรัชตัดสินใจไม่เข้าไปทักทายทั้งคู่ แต่ใช้วิธีเลี่ยงเข้าไปนั่งสังเกตการณ์ในรถติดฟิล์มทึบของเขาแทน เพราะเขาใช่หรือไม่ที่ถือหางตามใจปวิตรามากไป จนหญิงสาวคิดวิเคราะห์ไม่เป็นว่าอะไรควรหรือไม่ควร เพราะมีเขาคอยให้ท้ายและแก้ปัญหาให้อยู่เสมอ หญิงสาวจึงไม่ระมัดระวังตัว

หางตาของพีรัชเหลือบไปเห็นว่ายังมีคนอีกคนที่กำลังลอบมองคนทั้งคู่อยู่เหมือนกัน กัทลีคงเสร็จธุระแล้ว และกำลังกลับมาที่รถซึ่งจอดไม่ห่างจากรถของเขานัก หนุ่มใหญ่ส่ายหน้าด้วยความหนักใจ เรื่องคงบานปลายไปกันใหญ่คราวนี้
-------------------------------------------------------------------

ตอนที่พีรัชกลับเข้ามาที่บ้านของภามอีกครั้งในตอนค่ำนั้น เขาพบว่าปณาลีกำลังนั่งอยู่กับปวิตราแล้ว ดูเหมือนสีหน้าของทั้งสองคนนั้นไม่ค่อยดีนัก หนุ่มใหญ่ทิ้งตัวลงนั่นบนโซฟาไม่ห่างจากปณาลี พยายามมองปวิตราที่เอาแต่ก้มหน้า แต่จนแล้วจนรอดหลานสาวของเขาก็ไม่เงยหน้าขึ้นมาเขาจึงถอนหายใจออกไปดังๆ

“ไม่รู้ว่าคุยเรื่องอะไรกันอยู่หรอกนะ แต่อาจะมาเตือนหนึ่ง อย่าทำอะไรแบบเมื่อตอนบ่ายอีก เพราะมันกำลังทำให้สถานการณ์ของเราแย่ลง” ปวิตราเงยหน้าขวับเหมือนจะถามเขาด้วยสายตาว่าเขาเห็นอย่างนั้นหรือ

“อาเห็น และพี่สาวนายวินก็เห็น...” พีรัชย้ำให้รู้ว่าที่กำลังสงสัยกันนั้นเป็นเรื่องจริง

“แต่หนึ่งแค่ออกไปซื้อของ...” ปวิตราเถียงเสียงอ่อย

“ขับรถเองไม่เป็นแล้วหรือไง ถึงต้องอาศัยคนอื่น และที่สำคัญในยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้” พีรัชเริ่มเสียงดัง คนที่เคยถูกตามใจมาตลอดเริ่มน้อยใจและพาล

“เพราะหน้าสิ่วหน้าขวานที่แหละค่ะ หมวดชยพนเขาเลยเสนอตัวมาช่วย เขาไม่อยากให้หนึ่งไปลำพัง เพราะอาจมีใครลอบทำร้ายได้” พีรัชทึ้งผมตัวเองก่อนยืดตัวตรงมือเท้าสะเอว

“อาไม่เคยสอนให้เราโง่นะหนึ่ง แกถูกชาวบ้านนินทาตั้งแต่ผัวแกตายว่าฆ่าผัวเอาสมบัติ แล้วนี่ยังไม่ได้ทำร้อยวันเลย แกก็ไปนั่งรถกับผู้ชายคนอื่น แกอย่ามาโลกสวยว่าบริสุทธิ์ใจต่อกัน คนอื่นเขาไม่โลกสวยเหมือนแก คิดซะหน่อยนะ อย่าโง่ซ้ำซาก” พีรัชจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้ปวิตรานั่งน้ำตาคลอ ปณาลีไม่รู้จะปลอบโยนพี่สาวเช่นไร พีรัชพูดถูกทั้งหมด แม้ถ้อยคำอาจรุนแรงไปบ้าง

“ไม่มีใครเข้าใจพี่บ้างเลย แค่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็เครียดจะตายอยู่แล้ว ลูกก็ถูกเอาไป แล้วพี่ยังต้องทำตัวเหมือนนักโทษทั้งที่ยังไม่ถูกจับด้วยเหรอ”

“น้ำคิดว่าเราพูดกันเข้าใจแล้วเสียอีกว่าการที่เด็กๆ ไปอยู่บ้านโน้นก็เหมือนเป็นการเปิดโอกาสให้พี่หนึ่งสู้เพื่อตัวเอง จะได้ไม่มีห่วง เมื่อเราพิสูจน์ได้ว่าเราบริสุทธิ์ ยังไงเด็กก็ต้องมาอยู่กับแม่ เขาเอาไปตลอดไม่ได้หรอก ถ้าเขาจะเอาจริงๆ เราต้องฟ้องกลับมา พวกเราก็จะทำ เพียงแค่ตอนนี้พี่หนึ่งอยู่เฉยๆ นิ่งๆ รอให้ตำรวจเขาสืบสวนไปก่อน ถ้าไม่มีหลักฐานอะไร พี่หนึ่งก็พ้นจากการเป็นผู้ต้องสงสัย แต่ถ้าพี่หนึ่งวุ่นวายอยู่แบบนี้เรื่องมันจะจบยากขึ้น” ปวิตราชักสีหน้า

“เรากำลังช่วยพี่ค่ะ ไม่มีใครทุกข์น้อยไปกว่าพี่หนึ่ง อย่าดูถูกความรักของพวกเราแบบนั้น” คราวนี้ปวิตราหน้าถอดสี เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นน้องสาวจริงจังขนาดนี้ เธอรู้ด้วยว่าภายใต้ใบหน้านิ่งๆ นั้น ปณาลีกำลังโกรธมาก เพียงแต่น้องสาวของเธอไม่ใช่ประเภทด่าตรงเหมือนพีรัชเท่านั้นเอง ไม่เช่นนั้นวันนี้เธอคงไม่มีหูจะเหลือไว้ฟังอะไรอีก
---------------------------------------------------------------------

เวลาผ่านไปจนใกล้ทำบุญร้อยวันกวีวัธน์เข้าไปทุกทีแล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าทางการจะจับตัวมือปืนมาได้ ทั้งที่กล้องวงจรปิดตรงที่เกิดเหตุสามารถจับภาพคนร้ายไว้ได้ หรือใครคนนั้นจะมีอิทธิพลจริงๆ แล้วอย่างนี้เมื่อไรเรื่องราวจะคลี่คลาย ปณาลีคิดอย่างหงุดหงิดใจ

วันนี้ปณาลีนั่งแช่อยู่ที่ทำงานจนเกือบหกโมงเย็น นักเรียนคนสุดท้ายกลับไปตอนห้าโมง เพราะผู้ปกครองติดธุระ จึงโทรมาเพื่อขอฝากลูกชายไว้อีกครึ่งชั่วโมง ซึ่งตามปกติโรงเรียนจะดูแลนักเรียนให้จนถึงสี่โมงครึ่งเท่านั้น สถานการณ์อึมครึมตั้งแต่วันที่พีรัชด่าฟ้าผ่าไว้นั้น ทำให้ปณาลีไม่ค่อยอยากอยู่บ้านเท่าไร เพราะปวิตราก็ยังหน้าเง้าหน้างอ ไม่เข้าใจอะไรง่ายดายนัก

หญิงสาวจอดรถยนต์คันเล็กเลียบข้างถนนเล็กๆ ในตลาด เพื่อหาน้ำเต้าหูกับขนมปังไอน้ำไปฝากฝาแฝด ‘สำหรับน้ำ ทุกอย่างเหมือนเดิม’ คำพูดของกวินภพก้องอยู่ในหัวเสมือนเป็นใบเบิกทางชั้นเยี่ยมให้ปณาลียังคงกล้าแวะเข้าไปที่บ้านนั้นเพื่อพบหน้าหลาน

หลังจากสั่งของที่ต้องการที่แม่ค้าแล้ว หญิงสาวจึงเตร่ไปที่ร้านข้าวเหนียวหมูย่าง คิดจะเอาไปฝากกัทลีด้วย เมื่อเสร็จเรียบร้อยจึงเดินย้อนกลับมาที่ร้านน้ำเต้าหู้อีกครั้ง ลูกค้าผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าร้านทำให้ปณาลีต้องมองซ้ำอีกครั้ง สุกัญญาภรรยาของฐิตินั่นเอง ไม่ได้พบเจอสองคนนี้เลยหลังจากงานศพของกวีวัธน์

“นั่นของใครคะ ขอก่อนได้หรือเปล่า” เสียงของสุกัญญาดังมากระทบหูปณาลีที่ยืนเยื้องอยู่ด้านหลัง

“ของครูน้ำค่ะ มาสั่งไปให้หลาน” ปณาลีไม่รู้ว่าสุกัญญาทำหน้าเช่นไร แต่เสียงที่ตอบกลับแม่ค้าทำให้เธอต้องขมวดคิ้ว

“โดนหลอกหรือเปล่า เอาไปกินเองเสียมากกว่า ใครเขาจะยอมให้เข้าบ้านอีก ไปฆ่าลูกชายเขา” แววตาของคนแอบฟังวาววับ ก่อนที่จะตัดสินใจหลบไปทางด้านข้างอีกเล็กน้อยเพื่อกำบังตัวเอง

“แหม ไม่รู้สิคะ ครูเขาบอกแบบนั้น อีกอย่างก็ยังไม่มีการจับกุมใคร ยังสรุปไม่ได้มั้งคะว่าพี่สาวเขาทำเหมือนที่ลือกัน” แม่ค้าวัยกลางคนที่ค่อนข้างคุ้นเคยกับปณาลีตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้

“เขารู้กันทั้งนั้นแหละค่ะ ไม่อย่างนั้นจะลือกันถูกได้ยังไง แค่ตำรวจยังหาหลักฐานมัดตัวแบบโต้งๆ ไม่ได้ก็เท่านั้น” สุกัญญาคว้าถุงน้ำเต้าหู้ของปณาลีก่อนยัดเงินให้แม่ค้า

“ขอก่อนนะคะ รีบ” ร่างระหงของสุกัญญาหมุนตัวออกมาอย่างรวดเร็วก่อนจะชะงักเมื่อเจอกับปณาลีที่เดินมาประชิดตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ มือของเจ้าของน้ำเต้าหู้ตัวจริงเอื้อมไปดึงของที่สั่งมาจากมือของสุกัญญา พร้อมทั้งยัดเงินใส่มือให้

“นี่ค่าน้ำเต้าหู้ค่ะ อ้อ...เผื่อว่าจะเอาไปลือกันผิดๆ อีก น้ำยังเข้าออกบ้านนั้นได้ โดยการอนุญาตของพี่วิน” ดวงตาของปณาลีที่ดูเป็นมิตรอยู่เป็นนิจ ยามนี้กลับมองสุกัญญาด้วยความแข็งกร้าว นี่หรือเพื่อนกวีวัธน์และเพื่อนของปวิตรา แม้การพูดจะดูเหมือนเข้าข้างกวีวัธน์ แต่ลักษณะการพูดกลับไม่ให้เกียรติกันสักนิด

“ก็ดีแล้วนะ แต่จะอีกนานแค่ไหนล่ะ”

“อีกนานแค่ไหนก็ไม่ทราบค่ะ คงจะรู้เมื่อวันนั้นมาถึง และน้ำคงจัดการกับชีวิตของน้ำได้ เพราะเรื่องนี้มันไม่เกี่ยวกับคนอื่น”

“หึ...คนอื่นอย่างนั้นเหรอ ฉันเป็นเพื่อนวัธน์ ฉันเสียใจแค่ไหนเธอรู้ไหม”

“แต่ได้ข่าวว่าเป็นเพื่อนพี่หนึ่งเหมือนกันนี่คะ คนเป็นเพื่อนกันแต่กลับไม่รู้จักกันเลยหรือคะ เชื่อง่ายขนาดนั้นเลยเหรอว่าพี่หนึ่งเป็นคนผิดจริงๆ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องดูเหมือนคุณก็ไม่ได้ติดต่อกับพี่หนึ่งเลย แต่คุณกลับเชื่อเป็นตุเป็นตะ แถมยังมาพ่นข่าวลือกลางตลาดอีก คนเป็นเพื่อนกันมันต้องช่วยเหลือกัน หากพี่หนึ่งผิดจริง มันก็ไม่แปลกที่คุณจะเจ็บแค้นเพราะพี่วัธน์ก็เป็นเพื่อนคุณ แต่ในขณะที่คุณยังไม่รู้เลยว่าเรื่องมันเป็นมายังไง คุณกลับปรักปรำเพื่อนอีกคนหนึ่งของคุณ”

“พวกเด็กโลกสวย” สุกัญญาเบ้ปากจนปณาลีเขม้นตามองอีกครั้ง คราวนี้เหมือนฝ่ายตรงข้ามจะรู้ตัว จึงพยายามทำตัวปกติอีกครั้ง

“เอาละนะ ฉันจะอยู่เฉยๆ อย่างนี้แหละ รอดูคนบริสุทธิ์ที่ว่า...”

“อยู่ให้มันเฉยจริงๆ เถอะค่ะ แก่แล้ว อย่าเสียคำพูดแล้วกัน” ตอกหน้าเสร็จปณาลีหันหลังก้าวตรงไปยังรถของเธอทันที ปล่อยให้คนโดนด่าว่าแก่ยืนเข่นเขี้ยวอยู่คนเดียว เชิดพอกันทั้งพี่ทั้งน้อง แล้วจะคอยดู

ปณาลีจอดรถพรืดที่หน้าบ้านด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว ไอ้พวกเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด ได้ที่เพื่อนเพลี่ยงพล้ำก็พร้อมจะกระโจนเข้าซ้ำทันที หญิงสาวเดินเข้าบ้านที่มีภามและพีรัชนั่งคุยกันอยู่ในห้องรับแขกแล้ว เสียงพูดคุยที่ดังแว่วๆ ทำให้เธอต้องหยุดฟัง

“มันต้องมีใครให้การช่วยเหลือ ไม่อย่างนั้นคงไม่เงียบกริบหาตัวไม่เจอแบบนี้” แม้แต่พีรัชยังจนปัญญา

“ทางโน้นเขาไม่เอะใจบ้างหรือไงว่าถ้าเป็นยายหนึ่งจริงๆ มันจะมีอิทธิพลที่ไหนมาซ่อนตัวมือปืนได้เงียบขนาดนี้” พีรัชยังวิเคราะห์สถานการณ์ไปเรื่อย

“ก็แกไง มาเฟียท้องถิ่น” ภามแขวะเข้าให้

“ไหนจะไอ้หมวดชยพนที่มันเป็นเพื่อนแก และมันยังชอบมาป้วนเปี้ยนกับยายหนึ่ง ของแบบนี้เวลาเขาตั้งข้อสงสัย เขาไม่มองที่คนเดียวหรอก เขามองผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย”

“พี่ แทนที่เราจะตั้งรับฝ่ายเดียว เรามาสืบตัวคนร้ายไปพร้อมๆ กับตำรวจไม่ดีกว่าหรือไง”

“น้ำเห็นด้วยค่ะ” ปณาลีก้าวเข้ามาในห้องนั้น ในมือยังกำถุงน้ำเต้าหู้ไว้ หมดอารมณ์จะแวะไปบ้านโน้น

“น้ำเห็นด้วยว่าทำไมเราไม่ลองสืบกันเองบ้าง ดูเหมือนมันจะมีคนที่น่าสงสัยอยู่หลายคนนะคะ ถ้ามัวแต่นั่งรอแบบนี้ ภัยต้องมาถึงตัวเราสักวัน อีกอย่าง พี่หนึ่งก็ไม่ได้ทำตัวเป็นประโยชน์เลย รังแต่จะทำให้ตัวเองเข้าตาจนเข้าไปทุกที” พีรัชที่เคยปกป้องปวิตราเสมอมา แต่งานนี้เขาเถียงไม่ออก จริงอย่างที่ปณาลีพูดที่สุด

“เอาละ งั้นเรามาเริ่มกัน” ภามเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นงานเป็นการ
--------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ เอาตอนล่าสุดมาส่งแล้ว ขอบคุณสำหรับ comment นะคะ ฮาาา ไม่มีใครเดาเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ อยากหัดเขียนนิยายสืบสวนดู หวังว่าคงสนุกกันนะคะ ตอนนี้เรื่องอาจจะยังเดินช้าไปบ้าง แต่จะพยายามดีงเรื่องให้ไปไวขึ้นค่ะ

เจอกันตอนหน้านะคะ

ขอบคุณค่ะ
--------------------------------------------------------------------



น้ำแอปเปิ้ล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ม.ค. 2558, 01:18:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ม.ค. 2558, 01:18:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2299





<< ---- (7) ----   ---- (9) ---- >>
sugar 30 ม.ค. 2558, 01:44:35 น.
สนุกมากกกเลยค่ะเรื่องนี้ จนถึงตอนนี้ยังเดาทางไม่ถูกเลย


ribbin 30 ม.ค. 2558, 06:19:09 น.
รอลุ้นค่ะ ว่าใครจะแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาก่อนกัน คนเราจะเห็นธาตุแท้ตอนลำบากนี่แล


กาซะลองพลัดถิ่น 30 ม.ค. 2558, 06:37:24 น.
เดายากจัง แต่ชอบคู่พระนางอ่ะ


ใบบัวน่ารัก 30 ม.ค. 2558, 06:49:45 น.
น่านจิใครคือคนส่ั่งฆ่า
ใครคือมือปืน
อากู๋จะพบรักข้างบ้านไหม
หนูน้ำจะแต่งงาน หรือจะถูกอุ้มจากคนข้างบ้านไหม
หลานแฝดหายเงียบ
พี่หนนึ่ง กะหมวดนี่ก็น่าสงสัย
เพื่อนหนึ่งที่แย่งน้ำเต้าหู้อีก
อืมๆๆ น่าสงสัย


konhin 30 ม.ค. 2558, 07:35:48 น.
แหมม ก็มันเดายากอ่ะ เรื่องมันเล่าในมุมมองของน้ำกับวิน แล้วสองคนนี้ก็ไม่ค่อยได้สนิทกับคู่แต่งงานมากไง
คือมือปืนหน่ะ รับจ้างมา เป็นใครก็ได้มั้ง
แต่คนสั่งเนี่ยดิ ต้องเดาให้ออกว่าใครได้ผลประโยชน์ตอนวัธน์ตาย แล้วก็มีอิทธิพลมากพอจะซ่อนมือปืน หรือโหดพอจะปิดปากมือปืนอีกต่อ


pseudolife 30 ม.ค. 2558, 14:49:22 น.
แอบอ่านมาหลายตอน คนน่าสงสัยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัวน้ำ-หนึ่ง จะเป็นฝ่ายรุกบ้างแล้ว เลยออกมาให้กำลังใจทั้งตัวละครและคนเขียนค่ะ


goldensun 30 ม.ค. 2558, 19:14:19 น.
อ่านแล้ว ไม่ยักรู้สึกว่าหนึ่งน่าสงสารเลย ไม่มีวุฒิภาวะสมวัยซะจริง พาลให้คิดว่า คนที่มาติดพันหนึ่งนั่นแหละ ที่เป็นตัวการ ทั้งพวกมีสี มีอิทธิพลทั้งนั้น
น้ำอยากเป็นฝ่ายรุกบ้าง แต่จะเอาใครไปรุก คนของพีรัชหรือคะ ไม่รู้ว่าทางวินคืบหน้าบ้างรึยัง เห็นมือปืนจะๆ แต่จับไม่ได้ ต้องออกข่าวทีวีกระตุ้นแล้วมังคะ


นางสาวปลาดาว 31 ม.ค. 2558, 19:12:49 น.
ติดแล้วล่ะค่ะกลับมาคาวนี้ติดอีกแล้วหลังจากห่างหายไปนานกลับมาต่อเร็วๆนะคะรอลุ้นอยู่ค่ะ


ผักหวาน 2 ก.พ. 2558, 11:19:51 น.
หนึ่งกับน้ำ ความคิดคนละอย่างเลย


Zephyr 2 ก.พ. 2558, 23:18:13 น.
อ่านตอนนี้ยิ่งเกลียดหนึ่งเลย อยู่เฉยๆเป็มั้ย
รังแต่สี้างเรื่องปวดหัวให้คนอื่น
แอบคิดว่าวัธน์ตายไปกะดี ไม่ต้องทนกะภรรยาแบบนี้
แรกๆไม่เห็นจะรู้สึกว่านางนิสัยน่าตบขนาดนี้เลย
คนติดพันนางอีก เฮ่อออ แต่ละคน จะสั่งเก็บใครลับหลังก็ได้ทั้งนั้น
อยากเห็นอาพีรัชกะเจ้กัทลีคู่กันจริ้งงงงง ท่าจะสีสันน่าดูเลย
พี่วินตอนนี้ออกจึ๋งเดียวเองอ่า


นางสาวปลาดาว 4 ก.พ. 2558, 10:59:57 น.
มาต่อเถอะค่ะรอคอยรอคอย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account