4 หล่อขอสืบ (ภาคนิยาย) สร้างเป็นละครช่อง 3
เมื่อ 4 หนุ่มนักสืบรูปหล่อซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
Tags: 4 หล่อขอสืบ,สืบสวน,ธรากร
ตอน: ตอนที่ 6 พาดหัวข่าว
จับโจรขโมยเพชรเสี่ย ‘4 หล่อขอสืบ’ โชว์ฝีมือ
4 นักสืบหล่อจับ โจรขโมยเพชรเสี่ยวรวิทย์
‘4 หล่อขอสืบ’ รวบโจรขโมยเพชร ที่แท้ลูกน้องเสี่ยชัย
หนังสือพิมพ์กรอบเช้าวันรุ่งขึ้นทุกฉบับพาดหัวข่าวแทบจะตรงกัน แต่ดูเหมือนว่าภาพสี่นักสืบหนุ่มที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์สปายนิวส์จะดูโดดเด่นกว่าหัวอื่น ปกติทางสำนักงานบอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์เจ้านี้เพียงเจ้าเดียวเพราะเจาะลึกข่าวด้านอาชญากรรมเป็นหลัก ส่วนของสำนักอื่นใช้อ่านจากอินเทอร์เน็ตเอาเสียมากกว่า พอตื่นเช้ามา ปาณัสม์ก็สั่งป้าจินตนาให้เหมาซื้อหนังสือพิมพ์ทุกหัวบนแผงที่มีข่าวของ ‘4 หล่อขอสืบ’ ครั้นได้มาจนครบ ชายหนุ่มก็เอามาวางแผ่เรียงบนโต๊ะ มองภาพตนและเพื่อน ๆ ที่หราอยู่บนหน้าหนึ่งด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“เป็นไงล่ะ สำนักงานของเรา ดังชั่วข้ามคืนเลย” ต้องชนะยกเวทพลางพูดไปพลาง “นี่ยังไม่รวมที่แชร์กันว่อนเน็ตตามเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์อีกนะ แถมขึ้นเป็นกระทู้แนะนำในเว็บไซต์เพ็ญทิพย์ด้วย”
“ไม่ต้องถ่ายทำโฆษณาลงยูทูปให้เปลืองงบเลย” อชิระที่กำลังซ้อมมายากลพอใจ “ดูสิ ลูกค้าเต็มร้านเลย”
“ใช่ พวกเราดังโดยไม่ต้องพึ่งคลิปโปรโมทของแกแล้ว อชิ” อินทร์ธัชซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงานเงยหน้าขึ้นจากจอสมาร์ทโฟนเพื่อเยาะเย้ยโดยเฉพาะ แล้วกลับไปก้มหน้าก้มตาแชทต่อ
“จะว่าไปก็ขำเป็นบ้าเลยว่ะ” ต้องชนะชอบใจ “อยู่ ๆ ก็ดังในชั่วข้ามคืน”
“อย่าเพิ่งดีใจไปเลย” ปาณัสม์ในฐานะพี่ใหญ่ฉุกคิดบางอย่าง “ไม่รู้โชคชะตาเล่นตลกหรือเปล่าให้โจรที่เราจับเมื่อวาน เป็นลูกน้องของเสี่ยชัย ซ้ำหัวหน้าตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจเมื่อคืนนี้ ยังเป็นผู้หมวดคนเดียวกับที่รับผิดชอบคดีเมื่อครึ่งปีก่อนอีก”
ปาณัสม์ส่งหนังสือพิมพ์สปายนิวส์หน้าในให้อีกสามหนุ่มดู มีภาพร้อยโทเรืองฤทธิ์ปรากฏเป็นกรอบเล็ก ๆ
“แล้วไงอ่ะพี่ ตอนบุกรังเสี่ยชัย พวกเราพรางหน้า” อินทรธัชแสยะปาก “กว่าตำรวจจะมา เราก็ปฏิบัติภารกิจกันเสร็จแล้ว แค่ตอนรถสวนกันตอนออกเท่านั้นเอง เขาจำเราไม่ได้หรอก”
“แต่อย่าลืมว่า กลุ่มชายนิรนามที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ให้ข่าว มีอยู่สี่คน” ต้องชนะเสริม “และพวกเราก็มีสี่คนพอดี”
“คิดมากน่าพี่ มันไม่ได้สรุปตายตัวสักหน่อยว่ากลุ่มชายนิรนามมีสี่คน” อชิระบอก “บางสำนักบอกว่าเป็นสิบ บางสำนักบอกสาม ไม่งั้นเขาบุกมาหาเรา ตั้งแต่รู้ว่ามีการเปิดสำนักงานชื่อ ‘4 หล่อขอสืบ’ แล้วล่ะ”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะเชียร์ลีดเดอร์ หนึ่ง สอง / หนึ่ง สอง สาม / หนึ่ง สอง / หนึ่ง สอง / หนึ่ง ของพุชรีย์ก็ดังขึ้น ลูกบิดขยับและบานประตูไม้ก็เปิดเข้ามา พุชรีย์ยื่นหน้าออกมาแล้วยิ้มหวานให้กับสี่หนุ่ม
“ฮัลโหล”
“ว่าไงเจ๊” อินทร์ธัชถาม
“มีข่าวดีมากบอกค่ะ ทุกคน” คำพูดของพนักงานสาวทำให้ทุกคนตาลุกวาว “มีบุคคลสำคัญในแวดวงนักสืบ มารอพบพวกคุณอยู่ในห้องรองรับแขกข้างล่างค่ะ”
นักสืบหนุ่มทั้งสี่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเหมาะสมแต่การต้อนรับแขกผู้มาเยือน อชิระเดินนำไปคนแรก พอเปิดประตูห้องรับรอง เขาถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าชายคนนี้ คือ บุคคลสำคัญในแวดวงที่ถามเท่าไหร่พุชรีย์ก็ไม่ยอมเฉลยว่าเป็นใคร ต้องชนะกับอินทร์ธัชที่เดินตามมาดันอชิระเข้าไปในห้องแล้วตกตะลึงไปตามกัน ปาณัสม์ที่มาเป็นคนสุดท้าย ยังไม่ทราบว่าเป็นใครจึงบ่นขึ้น
“ยืนขวางประตูกันทำไมวะ เข้าไปสิ”
พอพี่ใหญ่สุดของทีมดันอีกสามชีวิตเข้าไปในห้อง เขาถึงกับชะงักงัน เพราะชายที่ยืนขึ้นจากโซฟาแล้วยิ้มทักทายเขา ไม่ใช่ใครที่ไหน ร้อยโทเรืองฤทธิ์นั่นเอง
“สวัสดีครับ ‘4 หล่อขอสืบ’” ผู้มาเยือนทัก “หล่อสมชื่อกันจริง ๆ นะครับนี่ ว่าแต่ยืนอึ้งกันทำไมเหรอครับ ที่หน้าผมมีอะไรติดยังงั้นเหรอ”
ห้าชีวิตนั่งลงบนชุดโซฟาระหว่างที่ป้าจินตนาเสิร์ฟแก้วน้ำเย็นเจี๊ยบให้ ปาณัสม์ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แม้ยามปฏิบัติภารกิจ พวกเขาจะเป็นนักสืบที่เก่งกล้ามากความสามารถแค่ไหน แต่ในยามปกติ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดาสามัญ
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณนะครับ ที่พวกคุณได้ช่วยเหลือทางกรมสืบสวนคดีเฉพาะกิจของพวกเราถึงสองครั้งสองครา” หมวดเรืองฤทธิ์เอ่ย สีหน้าแย้มยิ้มเหมือนคนปกติที่ทักทายกันทั่วไป
“ยินดีมากเช่นกัน...” อินทร์ธัชยิ้มตอบโดยไม่ได้คิดอะไร น้องเล็กของทีมยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ปาณัสม์ก็ชิงพูดขึ้นมา
“ครั้งเดียวครับ สองครั้งอะไรกัน” ถึงจะไม่ได้จบเอกการละครมาแบบอชิระ แต่ปาณัสม์ก็พยายามยิ้มกลับให้ดูเหมือนไม่มีอะไรซ่อนเร้น แม้จริง ๆ จะสัมผัสได้ว่า ตำรวจหนุ่มตรงหน้ามาเพื่อหลอกถาม ให้พวกเขาเผลอคายความลับออกมา เรื่องที่เป็นกลุ่มชายนิรนามจึงบุกสถานบันเทิงอนันตาลัย แล้วส่งเสี่ยอนันตชัยเข้าคุกเมื่อครึ่งปีก่อน
“คุณตำรวจเขาหมายถึงว่า ครั้งแรกที่พวกเราปล่อยควันแกล้งทำเป็นแก๊สรั่ว ครั้งที่สอง ตอนที่พี่ต้องกระโดดลงไปจัดการคนร้ายน่ะ พี่น็อต” อินทร์ธัชรีบแถ
“ควันนั่น เหมือนควันที่ใช้แสดงในมายากลเลยนะครับ” เรืองฤทธิ์ทำเป็นพูดไปเรื่อย ๆ “แปลกจัง เมื่อครึ่งปีก่อน กลุ่มคนที่บุกจับเสี่ยชัย ก็มีคนที่เป็นนักมายากล กับคนที่เป็นหนุ่มนักบู๊เหมือนกัน”
คำพูดของนายตำรวจ ทำเอาสี่หนุ่มหน้าซีดเผือดพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
“ไม่ใช่มายากลอะไรหรอกครับ” อชิระใช้วิชาการแสดงให้เป็นประโยชน์ “พอดีผมเตะกระป๋องในตึกร้างตก แล้วมันระเบิดออกมาเป็นควัน ไม่รู้กระป๋องอะไรเหมือนกัน อาจเป็นกระป๋องสีของพวกวัยรุ่นที่ชอบพ่นกำแพงตามตึกร้างที่หมดอายุก้ได้”
ปาณัสม์แสร้งยิ้มทั้งที่อยากเอามือกุมขมับ ไม่อยากให้อาจารย์ที่สอนการแสดงมาเห็นอชิระในนาทีนี้เลย ยิ่งแถยิ่งไม่เนียน
“ช่างเถอะครับ” พี่ใหญ่รีบเปลี่ยนเรื่อง “แต่ผมอ่านข่าวแล้วแปลกใจจัง ทั้งเรื่องที่นายคนนั้นเป็นลูกน้องเสี่ยอนันตชัย และเครื่องเพชรศิลานิรมิตที่ขโมยมาจากเสี่ยวรวิทย์ แล้วที่คนร้ายบอกว่า เสี่ยวรวิทย์ทรยศเสี่ยอนันตชัย ขโมยเครื่องเพชรมา คืออะไรกันครับ”
“คือยังงี้ครับ” หมวดเรืองฤทธิ์ติดกับตามแผน เลิกตั้งคำถามสงสัยในตัวสี่หล่อทันที “เครื่องเพชรดังกล่าว เป็นอัญมณีเลอค่าที่เป็นของรัฐสักการินทร์ทางตอนเหนือของพม่าซึ่งล่มสลายไปแล้ว มีชื่อว่า ‘ศิลานิรมิต’
“ศิลานิรมิต!!!” ปาณัสม์ตกตะลึงจนทุกคนในห้องรับรองแขกแปลกใจในท่าทีของเขา
“เป็นอะไรไปครับ” นายตำรวจสงสัย “คุณรู้จักศิลานิรมิตเหรอ”
“ปะ...เปล่าครับ” พี่ใหญ่ของทีมนักสืบตอบปดดื้อ ๆ เพราะแท้จริงแล้ว เขารู้จักศิลานิรมิตดี และเขาปิดเรื่องนี้ไว้เพียงลำพัง แม้แต่อินทร์ธัช น้องชายที่คลานตามกันมาก็ไม่รู้
เพราะในอดีตที่ขมขื่น มันเป็นอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับการที่เขามีสัมผัสพิเศษ มองเห็นอดีต ปัจจุบันและอนาคตของสิ่งต่าง ๆ ได้ จนมาถึงทุกวันนี้
“พี่น็อต เป็นอะไรหรือเปล่า” อชิระถามเมื่อเห็นสีหน้าของรุ่นพี่ดูไม่ค่อยดีนัก
“ไม่มีอะไร พี่แค่เวียนหัวนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย” ปาณัสม์ยังคงเลือกที่จะปิดบังความจริง
“ถ้าไม่มีอะไร งั้นเชิญคุณผู้หมวดเล่าต่อเลยครับ” ต้องชนะอมยิ้มและอยากฟังเรื่องต่อ ถึงเขาจะไม่มีพลังพิเศษแต่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่า อัญมณีดังกล่าวกำลังจะเข้ามาพัวพันกับชีวิตเขาและอีกสามหล่อที่เหลือ
“ได้ครับ งั้นผมขอเล่าต่อนะครับ” หมวดเรืองฤทธิ์ดึงความสนใจของทุกคนกลับมา “‘ศิลานิรมิต’ เดิมเป็นของเสี่ยชัยซึ่งว่ากันว่าเสี่ยไปซื้อต่อจากทายาทที่เป็นลูกครึ่งชาวไทย-สักการินทร์มา ต่อมาเสี่ยชัยต้องการเปิดสถานบันเทิง แต่ธุรกิจในส่วนอื่นที่ส่อแววทุจริตจนขึ้นโรงขึ้นศาล เสี่ยอนันตชัยเลยต้องไปพึ่งใบบุญเสี่ยวรวิทย์เพื่อนสนิท หยิบยืมเงินมาต่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่ชื่อ อนันตาลัย โดยเสี่ยวรวิทย์ให้เงินในระดับหมื่นล้านโดยไม่เอาคืน แต่ขอแลกกับเครื่องเพชรศิลานิรมิต ซึ่งเสี่ยชัยก็ยินยอมแต่โดยดี แต่ลูกน้องของเสี่ยชัยคนดังกล่าว ไม่พอใจ หาว่าเสี่ยวรวิทย์บังคับให้เสี่ยชัยขาย จึงบุกเข้าไปในคฤหาสน์ของเสี่ยวิทย์ แล้วขโมยมันออกมาน่ะครับ”
ทั้งสี่หนุ่มฟังเรื่องเล่าของนายตำรวจตาไม่กระพริบ
“ดูพวกคนจะสนใจเรื่องเสี่ยชัยจังนะครับ” สุดท้ายหมวดเรืองฤทธิ์ก็ไม่หวายยิ้มมุมปาก
“เรื่องเสี่ยชัย ใคร ๆ ก็สนใจทั้งนั้นแหละครับ” ต้องชนะย้อนกลับ “แล้วตกลงที่คุณผู้หมวดแวะมาหาพวกเรา มีธุระอะไรกันแน่”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ” ตำรวจหนุ่มเป็นฝ่ายแถบ้าง “แค่อยากสอบปากคำเพิ่มเติมเท่านั้น”
“ก็รีบสอบเลยครับ อย่ามัวแต่อ้อมค้อม” ถึงทีปาณัสม์ตอบกลับอย่างซ่อนความนัยบ้าง “ผมเกรงใจคุณผู้หมวดน่ะครับ เผื่ออยากรีบกลับไปทำการทำงาน”
วารินแตะนิ้วมือเพื่อตอกบัตรเข้างานตอนช่วงบ่าย เนื่องจากตลอดช่วงเช้าหล่อนไปทำข่าวแก๊งลักเด็กที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่วนเพลินตาไม่ได้ไปด้วย เพราะต้องแต่งภาพจำนวนมากที่จะใช้ในหนังสือรวมข่าวดังประจำปี ซึ่งจัดทำในโอกาสพิเศษที่สำนักข่าวสปายนิวส์จะก่อตั้งขึ้นมาครบรอบยี่สิบปี
“หวัดดี ยายเพลิน” นักข่าวสาวทักตามมารยาท แล้วเดินรีบร้อนไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ยังไม่ทันนั่งดีก็กดเปิดเครื่อง เพราะต้องรีบเขียนข่าวที่ไปทำมาส่งภายในเย็นวันนี้
พอวางของเสร็จเรียบร้อยแล้วทิ้งตัวลงนั่ง เพื่อนรักก็เดินมาหาตามระเบียบ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร วารินก็ดักคอเสียก่อน
“หยุดเลย ไม่ต้องมาชวนฉันเม้าท์ งานฉันเร่ง”
“เร่งแค่ไหนเธอก็ต้องหยุดเม้าท์กับฉันก่อน” ถ้าไม่ใช่คนสนิทกันแล้วมาพูดเช่นนี้ เพลินตาคงโดนวารินอาละวาดหนัก ช่างภาพสาวโยนหนังสือพิมพ์สปายนิวส์กรอบเช้าให้เพื่อนรัก
“ดูนี่!”
วารินเหลือบมอง เห็นพาดหัวข่าวเรื่อง ‘4 หล่อขอสืบ’ จับโจรขโมยเครื่องเพชรราคาพันล้าน
“สี่หล่อ สี่หน่ออะไรกัน ใช่สำนักงานนักสืบที่เปิดใหม่ป่ะ เห็นโปรโมทอยู่ในเว็บข่าวอาชญกรรมแวบ ๆ”
“ใช่” เพลินตาพยักหน้า
“แล้วไง”
“เธอดูรูปพวกเขาในข่าวสิ คุ้นมั้ย” ช่างภาพสุดสวยชี้นิ้วไปที่รูปบนหน้าหนึ่ง ซึ่งถ่ายรูปสี่หนุ่มและทีมตำรวจระหว่างจับตัวคนร้าย เห็นหน้าของพวกเขาไม่ค่อยชัดเจนแต่ก็พอเห็นอยู่บ้าง
วารินหันมามอง แวบแรกยังไม่ได้สนใจอะไร แต่หันกลับไป ภาพใบหน้าของปาณัสม์ติดตาติดใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรีบหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูใกล้ ๆ
“ผู้ชายคนริม” เพลินตาเอานิ้วก้อยของตัวเองคาดตาภาพอินทร์ธัช “เหมือนผู้ชายคนนั้นเด๊ะเลยเธอ คนที่ฉันเก็บเอาไปฝันอยู่ตั้งหลานเดือน”
คนเป็นเพื่อนมองตาม เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ส่วนอีกคนที่อยู่ตรงกลาง...” เพลินตาพูดต่อ แต่พูดยังไม่ทันจบความ วารินก็ชิงพูดขึ้น
“ไอ้หมอนั่น!” ความเจ็บแค้นที่ดับไปนานนับครึ่งปีพวยพุ่งขึ้นมาในใจอีกครั้ง “ฉันจำได้ ใช่ไอ้หมอนั่นจริง ๆ ด้วย”
----------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 6 พาดหัวข่าว
"ทางสำนักงาน 4 หล่อขอสืบ บอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์เพียงหัวเดียว หนังสือพิมพ์หัวนั้นคือหนังสือพิมพ์อะไร"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม คนละ 5 คะแนน
4 นักสืบหล่อจับ โจรขโมยเพชรเสี่ยวรวิทย์
‘4 หล่อขอสืบ’ รวบโจรขโมยเพชร ที่แท้ลูกน้องเสี่ยชัย
หนังสือพิมพ์กรอบเช้าวันรุ่งขึ้นทุกฉบับพาดหัวข่าวแทบจะตรงกัน แต่ดูเหมือนว่าภาพสี่นักสืบหนุ่มที่ปรากฏในหนังสือพิมพ์สปายนิวส์จะดูโดดเด่นกว่าหัวอื่น ปกติทางสำนักงานบอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์เจ้านี้เพียงเจ้าเดียวเพราะเจาะลึกข่าวด้านอาชญากรรมเป็นหลัก ส่วนของสำนักอื่นใช้อ่านจากอินเทอร์เน็ตเอาเสียมากกว่า พอตื่นเช้ามา ปาณัสม์ก็สั่งป้าจินตนาให้เหมาซื้อหนังสือพิมพ์ทุกหัวบนแผงที่มีข่าวของ ‘4 หล่อขอสืบ’ ครั้นได้มาจนครบ ชายหนุ่มก็เอามาวางแผ่เรียงบนโต๊ะ มองภาพตนและเพื่อน ๆ ที่หราอยู่บนหน้าหนึ่งด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
“เป็นไงล่ะ สำนักงานของเรา ดังชั่วข้ามคืนเลย” ต้องชนะยกเวทพลางพูดไปพลาง “นี่ยังไม่รวมที่แชร์กันว่อนเน็ตตามเฟซบุ๊ค ทวิตเตอร์อีกนะ แถมขึ้นเป็นกระทู้แนะนำในเว็บไซต์เพ็ญทิพย์ด้วย”
“ไม่ต้องถ่ายทำโฆษณาลงยูทูปให้เปลืองงบเลย” อชิระที่กำลังซ้อมมายากลพอใจ “ดูสิ ลูกค้าเต็มร้านเลย”
“ใช่ พวกเราดังโดยไม่ต้องพึ่งคลิปโปรโมทของแกแล้ว อชิ” อินทร์ธัชซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สำนักงานเงยหน้าขึ้นจากจอสมาร์ทโฟนเพื่อเยาะเย้ยโดยเฉพาะ แล้วกลับไปก้มหน้าก้มตาแชทต่อ
“จะว่าไปก็ขำเป็นบ้าเลยว่ะ” ต้องชนะชอบใจ “อยู่ ๆ ก็ดังในชั่วข้ามคืน”
“อย่าเพิ่งดีใจไปเลย” ปาณัสม์ในฐานะพี่ใหญ่ฉุกคิดบางอย่าง “ไม่รู้โชคชะตาเล่นตลกหรือเปล่าให้โจรที่เราจับเมื่อวาน เป็นลูกน้องของเสี่ยชัย ซ้ำหัวหน้าตำรวจที่ปฏิบัติภารกิจเมื่อคืนนี้ ยังเป็นผู้หมวดคนเดียวกับที่รับผิดชอบคดีเมื่อครึ่งปีก่อนอีก”
ปาณัสม์ส่งหนังสือพิมพ์สปายนิวส์หน้าในให้อีกสามหนุ่มดู มีภาพร้อยโทเรืองฤทธิ์ปรากฏเป็นกรอบเล็ก ๆ
“แล้วไงอ่ะพี่ ตอนบุกรังเสี่ยชัย พวกเราพรางหน้า” อินทรธัชแสยะปาก “กว่าตำรวจจะมา เราก็ปฏิบัติภารกิจกันเสร็จแล้ว แค่ตอนรถสวนกันตอนออกเท่านั้นเอง เขาจำเราไม่ได้หรอก”
“แต่อย่าลืมว่า กลุ่มชายนิรนามที่ผู้อยู่ในเหตุการณ์ให้ข่าว มีอยู่สี่คน” ต้องชนะเสริม “และพวกเราก็มีสี่คนพอดี”
“คิดมากน่าพี่ มันไม่ได้สรุปตายตัวสักหน่อยว่ากลุ่มชายนิรนามมีสี่คน” อชิระบอก “บางสำนักบอกว่าเป็นสิบ บางสำนักบอกสาม ไม่งั้นเขาบุกมาหาเรา ตั้งแต่รู้ว่ามีการเปิดสำนักงานชื่อ ‘4 หล่อขอสืบ’ แล้วล่ะ”
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูเป็นจังหวะเชียร์ลีดเดอร์ หนึ่ง สอง / หนึ่ง สอง สาม / หนึ่ง สอง / หนึ่ง สอง / หนึ่ง ของพุชรีย์ก็ดังขึ้น ลูกบิดขยับและบานประตูไม้ก็เปิดเข้ามา พุชรีย์ยื่นหน้าออกมาแล้วยิ้มหวานให้กับสี่หนุ่ม
“ฮัลโหล”
“ว่าไงเจ๊” อินทร์ธัชถาม
“มีข่าวดีมากบอกค่ะ ทุกคน” คำพูดของพนักงานสาวทำให้ทุกคนตาลุกวาว “มีบุคคลสำคัญในแวดวงนักสืบ มารอพบพวกคุณอยู่ในห้องรองรับแขกข้างล่างค่ะ”
นักสืบหนุ่มทั้งสี่เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ดูเหมาะสมแต่การต้อนรับแขกผู้มาเยือน อชิระเดินนำไปคนแรก พอเปิดประตูห้องรับรอง เขาถึงกับตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าชายคนนี้ คือ บุคคลสำคัญในแวดวงที่ถามเท่าไหร่พุชรีย์ก็ไม่ยอมเฉลยว่าเป็นใคร ต้องชนะกับอินทร์ธัชที่เดินตามมาดันอชิระเข้าไปในห้องแล้วตกตะลึงไปตามกัน ปาณัสม์ที่มาเป็นคนสุดท้าย ยังไม่ทราบว่าเป็นใครจึงบ่นขึ้น
“ยืนขวางประตูกันทำไมวะ เข้าไปสิ”
พอพี่ใหญ่สุดของทีมดันอีกสามชีวิตเข้าไปในห้อง เขาถึงกับชะงักงัน เพราะชายที่ยืนขึ้นจากโซฟาแล้วยิ้มทักทายเขา ไม่ใช่ใครที่ไหน ร้อยโทเรืองฤทธิ์นั่นเอง
“สวัสดีครับ ‘4 หล่อขอสืบ’” ผู้มาเยือนทัก “หล่อสมชื่อกันจริง ๆ นะครับนี่ ว่าแต่ยืนอึ้งกันทำไมเหรอครับ ที่หน้าผมมีอะไรติดยังงั้นเหรอ”
ห้าชีวิตนั่งลงบนชุดโซฟาระหว่างที่ป้าจินตนาเสิร์ฟแก้วน้ำเย็นเจี๊ยบให้ ปาณัสม์ตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก แม้ยามปฏิบัติภารกิจ พวกเขาจะเป็นนักสืบที่เก่งกล้ามากความสามารถแค่ไหน แต่ในยามปกติ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากคนธรรมดาสามัญ
“ก่อนอื่นผมต้องขอขอบคุณนะครับ ที่พวกคุณได้ช่วยเหลือทางกรมสืบสวนคดีเฉพาะกิจของพวกเราถึงสองครั้งสองครา” หมวดเรืองฤทธิ์เอ่ย สีหน้าแย้มยิ้มเหมือนคนปกติที่ทักทายกันทั่วไป
“ยินดีมากเช่นกัน...” อินทร์ธัชยิ้มตอบโดยไม่ได้คิดอะไร น้องเล็กของทีมยังพูดไม่ทันจบประโยคดี ปาณัสม์ก็ชิงพูดขึ้นมา
“ครั้งเดียวครับ สองครั้งอะไรกัน” ถึงจะไม่ได้จบเอกการละครมาแบบอชิระ แต่ปาณัสม์ก็พยายามยิ้มกลับให้ดูเหมือนไม่มีอะไรซ่อนเร้น แม้จริง ๆ จะสัมผัสได้ว่า ตำรวจหนุ่มตรงหน้ามาเพื่อหลอกถาม ให้พวกเขาเผลอคายความลับออกมา เรื่องที่เป็นกลุ่มชายนิรนามจึงบุกสถานบันเทิงอนันตาลัย แล้วส่งเสี่ยอนันตชัยเข้าคุกเมื่อครึ่งปีก่อน
“คุณตำรวจเขาหมายถึงว่า ครั้งแรกที่พวกเราปล่อยควันแกล้งทำเป็นแก๊สรั่ว ครั้งที่สอง ตอนที่พี่ต้องกระโดดลงไปจัดการคนร้ายน่ะ พี่น็อต” อินทร์ธัชรีบแถ
“ควันนั่น เหมือนควันที่ใช้แสดงในมายากลเลยนะครับ” เรืองฤทธิ์ทำเป็นพูดไปเรื่อย ๆ “แปลกจัง เมื่อครึ่งปีก่อน กลุ่มคนที่บุกจับเสี่ยชัย ก็มีคนที่เป็นนักมายากล กับคนที่เป็นหนุ่มนักบู๊เหมือนกัน”
คำพูดของนายตำรวจ ทำเอาสี่หนุ่มหน้าซีดเผือดพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย
“ไม่ใช่มายากลอะไรหรอกครับ” อชิระใช้วิชาการแสดงให้เป็นประโยชน์ “พอดีผมเตะกระป๋องในตึกร้างตก แล้วมันระเบิดออกมาเป็นควัน ไม่รู้กระป๋องอะไรเหมือนกัน อาจเป็นกระป๋องสีของพวกวัยรุ่นที่ชอบพ่นกำแพงตามตึกร้างที่หมดอายุก้ได้”
ปาณัสม์แสร้งยิ้มทั้งที่อยากเอามือกุมขมับ ไม่อยากให้อาจารย์ที่สอนการแสดงมาเห็นอชิระในนาทีนี้เลย ยิ่งแถยิ่งไม่เนียน
“ช่างเถอะครับ” พี่ใหญ่รีบเปลี่ยนเรื่อง “แต่ผมอ่านข่าวแล้วแปลกใจจัง ทั้งเรื่องที่นายคนนั้นเป็นลูกน้องเสี่ยอนันตชัย และเครื่องเพชรศิลานิรมิตที่ขโมยมาจากเสี่ยวรวิทย์ แล้วที่คนร้ายบอกว่า เสี่ยวรวิทย์ทรยศเสี่ยอนันตชัย ขโมยเครื่องเพชรมา คืออะไรกันครับ”
“คือยังงี้ครับ” หมวดเรืองฤทธิ์ติดกับตามแผน เลิกตั้งคำถามสงสัยในตัวสี่หล่อทันที “เครื่องเพชรดังกล่าว เป็นอัญมณีเลอค่าที่เป็นของรัฐสักการินทร์ทางตอนเหนือของพม่าซึ่งล่มสลายไปแล้ว มีชื่อว่า ‘ศิลานิรมิต’
“ศิลานิรมิต!!!” ปาณัสม์ตกตะลึงจนทุกคนในห้องรับรองแขกแปลกใจในท่าทีของเขา
“เป็นอะไรไปครับ” นายตำรวจสงสัย “คุณรู้จักศิลานิรมิตเหรอ”
“ปะ...เปล่าครับ” พี่ใหญ่ของทีมนักสืบตอบปดดื้อ ๆ เพราะแท้จริงแล้ว เขารู้จักศิลานิรมิตดี และเขาปิดเรื่องนี้ไว้เพียงลำพัง แม้แต่อินทร์ธัช น้องชายที่คลานตามกันมาก็ไม่รู้
เพราะในอดีตที่ขมขื่น มันเป็นอัญมณีที่เกี่ยวข้องกับการที่เขามีสัมผัสพิเศษ มองเห็นอดีต ปัจจุบันและอนาคตของสิ่งต่าง ๆ ได้ จนมาถึงทุกวันนี้
“พี่น็อต เป็นอะไรหรือเปล่า” อชิระถามเมื่อเห็นสีหน้าของรุ่นพี่ดูไม่ค่อยดีนัก
“ไม่มีอะไร พี่แค่เวียนหัวนิดหน่อย เดี๋ยวก็หาย” ปาณัสม์ยังคงเลือกที่จะปิดบังความจริง
“ถ้าไม่มีอะไร งั้นเชิญคุณผู้หมวดเล่าต่อเลยครับ” ต้องชนะอมยิ้มและอยากฟังเรื่องต่อ ถึงเขาจะไม่มีพลังพิเศษแต่ก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่า อัญมณีดังกล่าวกำลังจะเข้ามาพัวพันกับชีวิตเขาและอีกสามหล่อที่เหลือ
“ได้ครับ งั้นผมขอเล่าต่อนะครับ” หมวดเรืองฤทธิ์ดึงความสนใจของทุกคนกลับมา “‘ศิลานิรมิต’ เดิมเป็นของเสี่ยชัยซึ่งว่ากันว่าเสี่ยไปซื้อต่อจากทายาทที่เป็นลูกครึ่งชาวไทย-สักการินทร์มา ต่อมาเสี่ยชัยต้องการเปิดสถานบันเทิง แต่ธุรกิจในส่วนอื่นที่ส่อแววทุจริตจนขึ้นโรงขึ้นศาล เสี่ยอนันตชัยเลยต้องไปพึ่งใบบุญเสี่ยวรวิทย์เพื่อนสนิท หยิบยืมเงินมาต่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจรที่ชื่อ อนันตาลัย โดยเสี่ยวรวิทย์ให้เงินในระดับหมื่นล้านโดยไม่เอาคืน แต่ขอแลกกับเครื่องเพชรศิลานิรมิต ซึ่งเสี่ยชัยก็ยินยอมแต่โดยดี แต่ลูกน้องของเสี่ยชัยคนดังกล่าว ไม่พอใจ หาว่าเสี่ยวรวิทย์บังคับให้เสี่ยชัยขาย จึงบุกเข้าไปในคฤหาสน์ของเสี่ยวิทย์ แล้วขโมยมันออกมาน่ะครับ”
ทั้งสี่หนุ่มฟังเรื่องเล่าของนายตำรวจตาไม่กระพริบ
“ดูพวกคนจะสนใจเรื่องเสี่ยชัยจังนะครับ” สุดท้ายหมวดเรืองฤทธิ์ก็ไม่หวายยิ้มมุมปาก
“เรื่องเสี่ยชัย ใคร ๆ ก็สนใจทั้งนั้นแหละครับ” ต้องชนะย้อนกลับ “แล้วตกลงที่คุณผู้หมวดแวะมาหาพวกเรา มีธุระอะไรกันแน่”
“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกครับ” ตำรวจหนุ่มเป็นฝ่ายแถบ้าง “แค่อยากสอบปากคำเพิ่มเติมเท่านั้น”
“ก็รีบสอบเลยครับ อย่ามัวแต่อ้อมค้อม” ถึงทีปาณัสม์ตอบกลับอย่างซ่อนความนัยบ้าง “ผมเกรงใจคุณผู้หมวดน่ะครับ เผื่ออยากรีบกลับไปทำการทำงาน”
วารินแตะนิ้วมือเพื่อตอกบัตรเข้างานตอนช่วงบ่าย เนื่องจากตลอดช่วงเช้าหล่อนไปทำข่าวแก๊งลักเด็กที่กำลังระบาดอยู่ในขณะนี้ ส่วนเพลินตาไม่ได้ไปด้วย เพราะต้องแต่งภาพจำนวนมากที่จะใช้ในหนังสือรวมข่าวดังประจำปี ซึ่งจัดทำในโอกาสพิเศษที่สำนักข่าวสปายนิวส์จะก่อตั้งขึ้นมาครบรอบยี่สิบปี
“หวัดดี ยายเพลิน” นักข่าวสาวทักตามมารยาท แล้วเดินรีบร้อนไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ยังไม่ทันนั่งดีก็กดเปิดเครื่อง เพราะต้องรีบเขียนข่าวที่ไปทำมาส่งภายในเย็นวันนี้
พอวางของเสร็จเรียบร้อยแล้วทิ้งตัวลงนั่ง เพื่อนรักก็เดินมาหาตามระเบียบ แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากพูดอะไร วารินก็ดักคอเสียก่อน
“หยุดเลย ไม่ต้องมาชวนฉันเม้าท์ งานฉันเร่ง”
“เร่งแค่ไหนเธอก็ต้องหยุดเม้าท์กับฉันก่อน” ถ้าไม่ใช่คนสนิทกันแล้วมาพูดเช่นนี้ เพลินตาคงโดนวารินอาละวาดหนัก ช่างภาพสาวโยนหนังสือพิมพ์สปายนิวส์กรอบเช้าให้เพื่อนรัก
“ดูนี่!”
วารินเหลือบมอง เห็นพาดหัวข่าวเรื่อง ‘4 หล่อขอสืบ’ จับโจรขโมยเครื่องเพชรราคาพันล้าน
“สี่หล่อ สี่หน่ออะไรกัน ใช่สำนักงานนักสืบที่เปิดใหม่ป่ะ เห็นโปรโมทอยู่ในเว็บข่าวอาชญกรรมแวบ ๆ”
“ใช่” เพลินตาพยักหน้า
“แล้วไง”
“เธอดูรูปพวกเขาในข่าวสิ คุ้นมั้ย” ช่างภาพสุดสวยชี้นิ้วไปที่รูปบนหน้าหนึ่ง ซึ่งถ่ายรูปสี่หนุ่มและทีมตำรวจระหว่างจับตัวคนร้าย เห็นหน้าของพวกเขาไม่ค่อยชัดเจนแต่ก็พอเห็นอยู่บ้าง
วารินหันมามอง แวบแรกยังไม่ได้สนใจอะไร แต่หันกลับไป ภาพใบหน้าของปาณัสม์ติดตาติดใจอย่างบอกไม่ถูก เธอรีบหยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาดูใกล้ ๆ
“ผู้ชายคนริม” เพลินตาเอานิ้วก้อยของตัวเองคาดตาภาพอินทร์ธัช “เหมือนผู้ชายคนนั้นเด๊ะเลยเธอ คนที่ฉันเก็บเอาไปฝันอยู่ตั้งหลานเดือน”
คนเป็นเพื่อนมองตาม เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง
“ส่วนอีกคนที่อยู่ตรงกลาง...” เพลินตาพูดต่อ แต่พูดยังไม่ทันจบความ วารินก็ชิงพูดขึ้น
“ไอ้หมอนั่น!” ความเจ็บแค้นที่ดับไปนานนับครึ่งปีพวยพุ่งขึ้นมาในใจอีกครั้ง “ฉันจำได้ ใช่ไอ้หมอนั่นจริง ๆ ด้วย”
----------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 6 พาดหัวข่าว
"ทางสำนักงาน 4 หล่อขอสืบ บอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์เพียงหัวเดียว หนังสือพิมพ์หัวนั้นคือหนังสือพิมพ์อะไร"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม คนละ 5 คะแนน
ธรากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ม.ค. 2558, 23:00:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ม.ค. 2558, 23:00:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1823
<< ตอนที่ 5 ศิลานิรมิต | ตอนที่ 7 ภาพอนาคต >> |
ธรากร 23 ม.ค. 2558, 23:07:51 น.
เฉลยคำถามท้ายตอนที่ 5
น้องปันฟ้า เป็นสุนัขพันธ์ุ ปอมเมอเรเนียน หรือ หมาปอมปอม นั่นเองครับ
ผู้ที่ตอบถูก ได้รับคนละ 5 คะแนน ได้แก่ ...
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น คุณ konhin คุณแว่นใส และคุณ Dragon
สรุปคะแนนสะสม ดังนี้
คุณแว่นใส และ คุณ konhin 25 คะแนน
คุณ dragon 20 คะแนน
คุณกาซะลองพลัดถิ่น 15 คะแนน
และคุณ sunflower 10 คะแนน ครับ
อย่าลืมติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหว ที่ www.KornWriter.com
ขอบคุณที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้กันเสมอมานะครับ
ธรากร
เฉลยคำถามท้ายตอนที่ 5
น้องปันฟ้า เป็นสุนัขพันธ์ุ ปอมเมอเรเนียน หรือ หมาปอมปอม นั่นเองครับ
ผู้ที่ตอบถูก ได้รับคนละ 5 คะแนน ได้แก่ ...
คุณ กาซะลองพลัดถิ่น คุณ konhin คุณแว่นใส และคุณ Dragon
สรุปคะแนนสะสม ดังนี้
คุณแว่นใส และ คุณ konhin 25 คะแนน
คุณ dragon 20 คะแนน
คุณกาซะลองพลัดถิ่น 15 คะแนน
และคุณ sunflower 10 คะแนน ครับ
อย่าลืมติดตามข่าวคราวความเคลื่อนไหว ที่ www.KornWriter.com
ขอบคุณที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้กันเสมอมานะครับ
ธรากร
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 24 ม.ค. 2558, 00:33:13 น.
555 หนังสือพิมพ์ สปายนิวส์ คับป๋ม
555 หนังสือพิมพ์ สปายนิวส์ คับป๋ม
konhin 24 ม.ค. 2558, 01:43:24 น.
ชอบชื่อหนังสือนะ สปายนิวส์ เข้ากับบรรยากาศสืบสวนสอบสวนดี
ชอบชื่อหนังสือนะ สปายนิวส์ เข้ากับบรรยากาศสืบสวนสอบสวนดี
แว่นใส 24 ม.ค. 2558, 13:30:09 น.
หนังสือสปายนิวส์ ของนางเอกไง
หนังสือสปายนิวส์ ของนางเอกไง
dragon 24 ม.ค. 2558, 22:44:47 น.
หนังสือพิมพ์สปายนิวส์ค่ะ
หนังสือพิมพ์สปายนิวส์ค่ะ