4 หล่อขอสืบ (ภาคนิยาย) สร้างเป็นละครช่อง 3
เมื่อ 4 หนุ่มนักสืบรูปหล่อซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
Tags: 4 หล่อขอสืบ,สืบสวน,ธรากร
ตอน: ตอนที่ 7 ภาพอนาคต
เพิ่งสมัครสมาชิกแบบ VIP ไปครับ ตื่นเต้น 55555
ไปอ่านเรื่องกันเลยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------
“ขอบคุณมากนะครับ สำหรับข้อมูลต่าง ๆ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” หมวดเรืองฤทธิ์กล่าวลาสี่หล่อซึ่งเดินมาส่งเขาถึงประตูรั้ว ต่อหน้าบรรดาหนุ่ม ๆ ต่างโบกมือลากันด้วยรอยยิ้ม แต่พอผู้หมวดคล้อยหลังไปยังไม่ทันลับตา ทั้งสี่ก็ถอนหายใจโล่งอก มีอินทร์ธัชที่แสยะยิ้มออกมาชัดเจน
“พวกนายคิดเหมือนที่ฉันคิดหรือเปล่า ตำรวจคนนี้เจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้” ต้องชนะโพล่งความในใจออกมา สายตาทั้งสี่ยังคงจับจ้องอยู่ที่รถส่วนตัวของหมวดเรืองฤทธิ์ซึ่งติดไฟแดงอยู่ไกล ๆ
“ผมนึกว่าผมรู้สึกไปคนเดียวซะอีกพี่” อชิระเสริม “เมจิกเชี่ยนที่คอยแสดงกลตบตาคนดูอย่างผม ยังหลอกล่อแนบเนียนสู้ตาหมวดคนนี้ไม่ได้”
“ทุกคำถามล้วนตะล่อมหลอกให้เราหลุดพูด” ปาณัสม์วิเคราะห์อย่างสุขุม “โชคดีที่พวกเราไม่มีใครหลุดพูดอะไรออกมา”
“มีแค่เกือบ...” อชิระพูดขึ้น สายตาอีกสามคู่เหล่มองไปที่อินทร์ธัชทันที
“อ้าว ... ก็ผมไม่รู้นี่” คนถูกรุมรีบเปลี่ยนเรื่องพัลวัน “ดูสิ ใกล้มืดแล้ว ที่เราตกลงกันว่าวันนี้จะไปว่ายน้ำที่สปอร์ตคลับกันสงสัยจะไม่ได้ไปแล้ว กว่าจะเปลี่ยนชุด กว่าจะลงสระ มืดก่อนพอดี ที่สำคัญ คือนี้มีซีรีส์ฝรั่ง ‘The Alternate พลิกเกมฆาตกร’ ด้วย”
“ก็ไม่ต้องไปว่ายน้ำก็ได้นี่” ต้องชนะเอ่ยพร้อมหยิบลูกบอลซึ่งวางอยู่ข้างกระถางต้นไม้ใกล้ ๆ “เรามาเล่นอย่างอื่นคลายเครียดกันดีกว่า”
ป้ายสำนักงานแขวนปิด สี่หนุ่มเปลี่ยนเสื้อกางเกงเป็นชุดนักฟุตบอล เนื่องด้วยสำนักงานแห่งนี้มีนักสืบเพียงสี่คน และบุคลากรฝ่ายอื่นอีกสามชีวิตล้วนอายุสามสิบถึงห้าสิบกว่าปี ไม่อาจชวนมาเล่นร่วมทีมได้ ทั้งสี่จึงโอจับคู่ ปาณัสม์ได้คู่กับต้องชนะ ส่วนอชิระคู่กับอินทร์ธัช สี่หนุ่มนำกระถางต้นไม้มาวางตั้งแทนประตูฟุตบอล ส่วนผู้รักษาประตูใช้ตุ๊กตาปูนปั้นที่วางตกแต่งสวนอยู่มา วางขวางตรงกลางประตูแทน อากาศเมืองไทยร้อนเกินกว่าที่ทั้งสี่จะสวมเสื้อเล่นกันต่อ จึงถอดเสื้อเผยเรือนร่างกันทั้งสี่คนโดยไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา
พอเกมเริ่ม ต้องชนะผู้มีทักษะกีฬาเหนือคนอื่นเป็นฝ่ายได้บอลก่อน เขาครองบอลและเกือบยิงประตูได้ตั้งแต่นาทีแรก โชคไม่ดีที่บอลกระเด็นไปชนตุ๊กตาปูนปั้นและเป๋ออกข้างทาง ครั้นเริ่มเกมใหม่ ต้องชนะยังคงเป็นฝ่ายครองบอลได้ก่อน หากแต่ความทะเล้นของสองลิงฝ่ายตรงข้ามทำให้อินทร์ธัชแย่งบอลได้และรีบส่งบอลให้อินทร์ธัช ปาณัสม์แอบเพ่งนิมิตเพื่อดูว่า น้องชายบังเกิดเกล้าวางแผนจะทำประตูอย่างไรจึงรีบสกัด ทำให้ดักทางและแย่งลูกคืนได้สำเร็จทุกครั้งไป
เมื่อเล่นไปได้ครึ่งหนึ่ง ปาณัสม์ที่มัวแต่สนใจกับการเพ่งนิมิตทำให้พลาดท่าต่อความเร็ว อินทร์ธัชเลี้ยงลูกสับตาหลอกและเป็นฝ่ายทำประตูได้เสียก่อน แต่ไม่กี่นาทีจากนั้น ต้องชนะก็เอาคืนได้สำเร็จ ต่างฝ่ายต่างทำเข้ากับไปได้คนละหนึ่งประตู ทั้งสี่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ต้องชนะที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ดูหุ่นดีกว่าใครเพื่อน มัดกล้ามเด่นชัดทั้งกล้ามแขน กล้ามหน้าอก และกล้ามท้องซิกแพคที่สาว ๆ ต่างหลงใหล
จังหวะหนึ่ง ปาณัสม์เตะบอลบุกหวังทำประตูอีกฝั่ง แต่น้องชายบังเกิดเกล้าสไลด์ตัวแย่งลูกบอล จนเจ้าลูกกลม ๆ ที่ผู้ชายมักหลงใหล กระเด็นแฉลบออกไปด้านข้าง
อชิระวิ่งเข้ามาหวังเตะเพื่อไม่ให้ลูกออกจากเขตสนาม แต่เขาพลาด ...
ลูกบอลพุ่งกระเด็นไปไกล ข้ามรั้วสำนักงานแล้วกลิ้งตกไปอยู่กลางถนนด้านนอก
“คิดว่าประตูบ้านฝั่งโน้นเป็นประตูฟุตบอลหรือไง” ปาณัสม์เยาะเย้ย
“ไปเก็บเลย” ต้องชนะชี้นิ้วสั่งอชิระกับอินทร์ธัช “แกสองคนทำให้ลูกกระเด็นออกไป ไปเก็บ ๆ เดี๋ยวรถใหญ่วิ่งมาทับแตกซะก่อน”
สองหนุ่มเพื่อนซี้ซึ่งเกิดห่างกันไม่กี่เดือนเถียงไม่ออก สุดท้ายจึงต้องยอมรับสภาพ อชิระกับอินทร์ธัชทั้งสองไขประตูรั้วแล้วเดินออกไปทั้งที่สวมเพียงกางเกงบอลตัวเดียวแบบนั้น ท้องฟ้ามืดแล้ว คงไม่มีใครเห็นใครถืออะไรหรอก
ลูกฟุตบอลหยุดนิ่งลงตรงกลางถนน อินทร์ทัชจะเดินไปเก็บ ทันใด รถเก๋งคันหนึ่งซึ่งเห็นว่าถนนโล่งจึงเร่งความเร็วเต็มที่แล่นพุ่งเข้ามา อชิระเห็นเข้าจึงรีบกระชากคอเสื้อดึงกลับมาเพื่อไม่ให้ถูกรถเฉี่ยว และตบหัวสั่งสอนไปหนึ่งที
“นี่แน่ะ! ไม่ต้องรีบไปสวัสดียมบาล อยู่เป็นคู่หูฉันนาน ๆ ก่อน”
“เปล่า ฉันแค่แกล้งเล่น จะทดสอบว่านายจะช่วยฉันไหม”
นักมายากลหนุ่มส่ายหัวแล้วมองหาลูกฟุตบอลต่อ เจ้าลูกกลมที่ชายหนุ่มมักรุมล้อมราวกับเป็นสาวสวยโดนล้อรถเขี่ยกลิ้งไปหยุดอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม ทั้งสองมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าถนนโล่ง น้องเล็กสุดของทีมก็ท้าดวลตามนิสัยคนชอบแข่งขันโดยเฉพาะกับเพื่อนสนิทคนนี้
“ใครได้ลูกบอลก่อนนะ”
พูดจบอินทร์ธัชก็ใช้จังหวะที่คู่แข่งเผลอวิ่งถลาไปยังถนนฝ่ายตรงข้าม มายากรหนุ่มที่ตั้งตัวได้ช้ากว่ารีบวิ่งตาม แต่ด้วยช่วงขาที่ยาวกว่า ทำให้อชิระแย่งบอลมาจากอินทร์ธัชได้เฉียดฉิวชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด และนั่น ... ก็ส่งผลให้อินทร์ธัชเสียหลัก หงายหลังล้มก้นกระแทกพื้น
“ว้ายยย...” เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงดังขึ้น อชิระตกใจนึกว่าเพื่อนรักร้องสาวแตกออกมา แต่พอหันกลับมามองจึงพบว่า อินทร์ธัชล้มไปชนผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านฝั่งตรงข้ามจนล้มไปด้วย
“ขอโทษทีครับ คุณเป็นอะไรมั้ย” อินทร์ธัชชันตัวแล้วหันไปถาม แต่เมื่อได้พบหน้าก็ถึงกับตกตะลึง ผู้หญิงตรงหน้าดูสวยใส หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักสไตล์เกาหลี ช่างเหมาะกับหนุ่มหล่อลุคดาราแดนกิมจิอย่างเขาเสียนี่กระไร อินทร์ธัชลุกขึ้นปัดเศษดินเศษฝุ่นแล้วยื่นมือให้เจ้าหล่อนจับ สาวเจ้าเขินหน้าแดง เป็นใครจะไม่เขินเล่าเมื่อมีหนุ่มหล่อสองคนมายืนเปลือยท่อนบนเหงื่อโทรมกายอยู่ตรงหน้า แต่ในความคิดของสาวน้อย มีแค่คนเดียวที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมีอีกคนก็ดีเกินพอแล้ว
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนกล่าวแล้วยื่นมือให้อินทร์ธัชฉุดขึ้นมา อชิระถือลูกบอลเดินเข้ามาดูชัด ๆ เขาถึงกับตกตะลึงในความสวยใสน่ารักของเจ้าหล่อนไปด้วยอีกคน
“คนแถวนี้เหรอครับ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย” สัญชาตญาณเพลย์บอยเริ่มออกลายทันที
“ค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่กี่วัน” จารุวีตอบด้วยท่าทีขวยเขิน “ฉันชื่อแจกันค่ะ เป็นลูกสาวลุงโกสน เจ้าของร้านโกสนคอฟฟี่กลางซอย”
พอได้ยินเช่นนั้นสองหนุ่มถึงกับหันมองหน้ากันแล้วทำตาโต ลุงโกสนที่พูดจากระโชกโฮกฮาก ขี้โวยวาย สองหนุ่มเคยเข้าไปซื้อกาแฟครั้งหนึ่ง แค่สั่งช้าก็โดนไล่ตะเพิดออกมา ถึงกับเคยประกาศกร้าวว่าจะไม่มีวันกลับมาเหยียบที่ร้านนั้นอีกเด็ดขาด
“ไม่อยากเชื่อเลยว่า...” อชิระกำลังจะเอ่ยปาก แต่ก็โดนอินทร์ธัชชิงแย่งพูดไปเสียก่อน
“ไม่นึกเลยครับว่าลุงโกสนจะมีลูกสาวที่น่ารักขนาดนี้” แหงล่ะ...ก็คุณลุงแกทั้งอ้วนทั้งดำ สงสัยจะได้ภรรยาสวย
“ฉันได้คุณแม่มาเยอะน่ะค่ะ มีแต่คนทักแบบนี้” หล่อนขำเบา ๆ “แต่อย่าพูดให้คุณพ่อได้ยินนะคะ เดี๋ยวท่านเอาปืนมายิง”
“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณแจกัน...” อชิระพยายามทำให้ตัวเองไม่กลายเป็นอากาศธาตุ
“แล้วนี่คุณแจกันมาทำอะไรที่นี่ แล้วจะกลับยังไง มืดค่ำแล้ว เป็นผู้หญิง เดินทางไปไหนมาไหนกลางค่ำกลางคืนมันอันตรายนะครับ”
“พอดีคุณป้าบ้านนี้เขาไปทานกาแฟที่ร้นแล้วลืมตังค์ทอนน่ะค่ะ ฉันเลยนั่งสองแถวเอามาให้” จารุวีตอบ “เดี๋ยวว่าจะนั่งสองแถวกลับเหมือนกัน”
“เอ่อ ถ้างั้นพวกเรา...” นักมายากลหนุ่มพยายามจะมีส่วนร่วมอีกครั้ง แต่ก็โดนอินทร์ธัชชิงพูดไปอีกครา
“ให้ผมไปส่งที่ร้านมั้ยครับ พอดีผมมีมอเตอร์ไซค์”
อชิระถึงกับหันขวับ เพราะรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณสำนักงาน ‘4 หล่อขอสืบ’ คือรถของอชิระนั่นเอง
“เฮ้ย ... ไปเก็บลูกบอลถึงบราซิลหรือไงวะ” เสียงหนึ่งตะโกนแซวขึ้นมา สองหนุ่มเหลียวทันไปมองแล้วพบว่าปาณัสม์ยืนโบกไม้โบกมืออยู่
“อย่ามัวแต่หลีสาว กลับมาได้แล้ว” ต้องชนะเสริม จารุวียิ่งรู้สึกเขินไปใหญ่
“ไอ้ชิ แกกลับไปเตะบอลกับพี่ ๆ เขาไป” อินทร์ธัชหันไปทำหน้าจริงจัง “เดี๋ยวฉันจะไปส่งแจกันที่ร้านเอง”
ผัวะ! อชิระตบหัวเบา ๆ หนึ่งที
“แกจะไปทั้งที่ไม่ใส่เสื้อแบบนี้หรือไง ลุงโกสนคงได้เอากาแฟที่คั่วด้วยลูกตะกั่วมาให้แกกินเป็นรางวัล”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้” หญิงสาวเกรงใจ “นั่นสองแถวมาพอดีเลย พวกคุณกลับที่พักเถอะค่ะ”
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ” อินทร์ธัชหยอดส่งท้าย
“ไปที่ร้านฉันสิคะ” จารุวีตอบในจังหวะที่สองแถวจอดพอดี “แต่ถ้าวันไหนฉันผ่านมาแถวนี้ ฉันจะเข้าไปหาคุณ เอ่อ... คุณทั้งสองคนที่ออฟฟิศของพวกคุณเอง”
ครั้นหญิงสาวก้าวขึ้นไปบนรถ รถขนส่งประจำซอยก็เคลื่อนออกไป คนขับไม่รู้หรอกว่ารถคันนั้นได้พาเอาหัวใจของอินทร์ธัชไปด้วย
“น่ารักจังเลย” คาสโนว่าวัยละอ่อนหน้าเคลิ้มแล้วเดินออกไปยังถนน โดยไม่ทันมองว่ามีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงพอดี
“ไอ้ทัช ระวัง!!!” ปาณัสม์ตะโกนเสียงดังลั่น โชคดีที่อชิระกระชากชายหนุ่มไว้ทันอีกครั้ง ล้มลงไปทั้งคู่
“จะรีบไปตายแยกหน้าหรือไงวะ” ต้องชนะด่าไล่หลังคนขับรถคันนั้นอย่างเหลืออด
“คราวนี้จะบอกว่าแกล้งอีกมั้บ” อชิระถามน้ำเสียงจริงจัง
แต่ในทันใด ปาณัสม์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง อยู่ ๆ ภาพนิมิตหลายต่อหลายภาพก็แวบเข้ามาในหัวเขา ภาพสัญญาณไฟข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว ภาพลูกโป่งลอยขึ้นไปบนฟ้า ภาพรถกระบะเบรกเอี๊ยด และภาพหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนโวยวายอยู่
ภาพในอนาคตทั้งหมดวูบดับลงเหลืออยู่แต่ปัจจุบัน ผู้หญิงในภาพนิมิตสุดท้ายที่เขาเห็นยังติดตา
“เราเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหนวะ” ชายผู้มีสัมผัสพิเศษครุ่นคิด เขาหลับตาลงแล้วเพ่งกสินลงไปที่ภาพผู้หญิงคนดังกล่าว แต่ความสามารถในการมองภาพนิมิตก็ไม่สามารถทำให้เขาเห็นภาพในความทรงจำได้เสียทุกครั้ง
“เป็นอะไรไป พี่น็อต พี่น็อต” อินทร์ธัชเขย่าร่างพี่ชายตัวเองสองสาวทีขณะที่เขายังอยู่ในภาวะตะลึง ต้องชนะกับอชิระก็มองดูด้วยความเป็นห่วง และพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปาณัสม์นิ่งค้างไป และหลายครั้งเขาก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าเห็นภาพนิมิตอะไรบ้าง ได้แต่บอกว่า “เปล่า ... แค่กำลังเหม่อ คิดเพลิน ๆ ไปเรื่อย” รวมทั้งในครั้งนี้ด้วย
เหตุชวนระทึกทำให้ทั้งสี่ไม่มีกระจิตกระใจจะเล่นฟุตบอลต่อ พวกเขาตัดสินใจเลิก อชิระกับต้องชนะเดินไปยกตุ๊กตาปูนปั้นที่ติ๊ต่างมาใช้แทนผู้รักษาประตูเก็บเข้าที่เพื่อไม่ให้เป็นที่ขบขันของลูกค้าที่อาจมาใช้บริการสำนักงานในเช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสี่หยิบเสื้อที่ถอดพาดไว้กับม้านั่ง และเตรียมกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้น ประตูสำนักงานเปิดออก พุชรีย์ ตติยะและป้าจินตนาเดินออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
“อ้าว ... นึกว่าพวกพี่กลับกันไปตั้งนานแล้วเสียอีก” อินทร์ธัชทัก เขาดูหน้าตาสดชื่นแจ่มใสกว่าใครทั้งที่เพิ่งเกือบนอนอยู่กลางถนนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง นักสืบน้องเล็กของทีมมักจะเป็นยังงี้เวลาที่ได้เจอสาวสวยถูกใจและมีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย
“พวกพี่ต้องเคลียร์งานให้เสร็จนี่คะ” ตติยะจีบปากจีบคอ “ไม่ได้ว่างแบบพวกน้อง ๆ ถึงได้มีเวลามาเตะบอลเล่นกันแบบนี้”
“อ้าวพี่ พูดแบบนี้เดี๋ยวก็ประกาศรับพนักงานใหม่ซะเลย” ต้องชนะแซว ลูกจ้างทั้งสามตกใจหน้าตื่นทันที
“เอ้อ ... เกือบลืม” พุชรีย์นึกขึ้นได้ “ตะกี้ระหว่างที่น้อง ๆ กำลังเตะบอล มีสายสำคัญโทรมาสองสาย”
“สายสำคัญ ... หวังว่าจะไม่ใช่สายจากหมวดฤทธิ์อีกนะ” อินทร์ธัชเข็ดกับการให้ความสำคัญของสาวผมฟู
“ไม่ใช่ค่ะ อย่าเพิ่งขัดสิคะ” พนักงานหญิงวัยสามสิบกลาง ๆ หันไปดุ แต่ทำได้เพียงให้สี่หนุ่ม ‘เกรง’ เท่านั้น หาได้ ‘กลัว’ ไม่ “สายสำคัญที่ว่า สายแรก เจ้าของน้องเมจิกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ขอบคุณมากที่ตามหาหมาเขาให้โดยปลอดภัย ไร้บาดแผล ขนไม่ร่วง เขานัดให้ไปรับเช็คพรุ่งนี้ ตอนเก้าโมงเช้า แผนที่... อ๋อ อยู่ที่เครื่องแฟกซ์ เจ๊ยังไม่ได้เอาออกมา เดี๋ยวน้อง ๆ เข้าไปก็ไปหยิบเองแล้วกัน”
ปาณัสม์เกาหัวแกร็ก ๆ สับสนเล็กน้อยว่าตกลงใครเป็นลูกจ้าง ใครเป็นเจ้านายกันแน่
“ส่วนอีกสาย พี่ตุ้ยนุ้ยเป็นคนรับ ไหน ... บอกน้อง ๆ ไปซิ” พุชรีย์กระทุ้งสีข้างตติยะ
ชายร่างอวบที่ยืนเหม่ออยู่ พอถูกศอกของพุชรีย์เข้าก็ได้สติกลับคืนมา
“คือ มีนักข่าวจะมาขอสัมภาษณ์น้อง ๆ ลงคอลัมน์ในหนังสือฉบับสุดสัปดาห์ค่ะ”
สี่นักสืบหนุ่มมองหน้ากันตาลุกวาว
“จริงเหรอครับ หนังสือพิมพ์อะไร” อินทร์ธัชถามอย่างใคร่รู้
“เอ่อ ... หนังสือพิมพ์ เอ่อ ... หนังสือพิมพ์อะไรว้า เจ๊ลืม”
“กรรม!” ปาณัสม์แทบจะกุมขมับ “แล้วเขานัดสัมภาษณ์ วันไหน ที่ไหน กี่โมง”
“พรุ่งนี้ค่ะ บ่ายสอง เขาจะมาที่สำนักงานเรา”
“ดีนะพี่ นึกว่าจะลืมอีก” อชิระหันไปนินทาระยะเผาขนกับต้องชนะ
“อะไรกันคะ น้องอชิ” ตติยะเท้าเอว “พี่แค่ลืมนิดลืมหน่อย มันผิดมากเลยเหรอคะ”
“เอาเถอะเจ๊ ดูป้าแตนแกสิ ท่าทางจะหลับอยู่แล้ว” ต้องชนะบอกด้วยสีหน้าห่วงใย “พวกเจ๊รีบกลับบ้านเถอะ ดึกแล้ว แถวนี้ผู้ชายยิ่งชุก ๆ อยู่ ผมกลัวผู้ชายเหล่านั้นจะเป็นอันตราย”
“น้องต้องคะ!” ตติยะโวยวาย จนทุกคนขำกันใหญ่ “ตอนเจอกันใหม่ ๆ พี่ว่าน้องขรึมที่สุดแล้วนะคะ ไหงคบกับเจ้าสองลิงนี่นาน ๆ ทำไมพูดจากวนประสาทไปด้วย”
ตติยะชี้ไปทางอชิระกับอินทร์ธัช
“พอเถอะ ๆ” ปาณัสม์ขำจนน้ำตาจะไหล “พวกเจ๊กลับบ้านเถอะนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะครับ บ๊ายบาย”
นักสืบทั้งสี่กลับเข้าไปในสำนักงานขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเขาใช้เป็นบ้านพัก เพราะแต่ละคนบ้านอยู่ไกลจนไม่อาจเดินทางไป-กลับ เช่นเดียวกับพนักงานทั้งสามได้ ช่วงสองทุ่มครึ่ง สามหนุ่มนั่งดู ‘The Alternate พลิกเกมฆาตกร’ ซีรีส์สืบสวนชื่อดังเรื่องโปรดของปาณัสม์ทางช่องดิจิตอลทีวีด้วยกัน หากแต่ตัวพี่ใหญ่ของทีมเองกลับนั่งแช่ตัวอยู่ในอ่างจากุชชี่ น้องชายร่วมสายเลือดพยายามตะโกนเรียกบอกว่าซีรีส์เรื่องดังกล่าวมาแล้ว แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะนั่งทบทวนบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในห้องอาบน้ำต่อไป
ปาณัสม์นั่งพิจารณาภาพที่เห็น สัญญาณไฟข้ามถนน ลูกโป่ง รถกระบะและผู้หญิงคนนั้น แล้วพยายามปะติดปะต่อภาพเหล่านั้นให้เป็นเรื่องเดียวกัน
... สัญญาณไฟกับรถกระบะ พอเดาได้ น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ลูกโป่งกับผู้หญิงคนนั้น เกี่ยวอะไรด้วยวะ ...
“เฮ้ย ... ไอ้น็อตยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกเหรอ” คิดแล้วต้องชนะก็ลุกจากโซฟาเดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำทันที “จมอ่างตายแล้วมั้งเนี่ย”
“ยังโว้ย!” ปาณัสม์ตะโกนตอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องชนะคิดว่าเขาเป็นอะไรไป แล้วคิดหยิบกุญแจสำรองไขประตูห้องน้ำเข้ามาดู
ห้องน้ำในส่วนพื้นที่พักอาศัยซึ่งเป็นชั้นสองของสำนักงานนักสืบอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นแต่ไม่ได้เชื่อมกับห้องนอนโดยตรง พอเปิดประตูเข้าไปจะพบกับเคาเตอร์อ่างล้างมือ ถัดไปเป็นชักโครก ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นโถถ่ายเบาสำหรับผู้ชาย มีส่วนราวให้รูดม่านกั้น ซึ่งมีทั้งพื้นที่สำหรับอาบน้ำฝักบัว และอ่างกุซซี่ที่ปาณัสม์ทอดกายแช่อยู่ ทันใดเสียงลูกบิดประตูขยับ ยังไม่ทันได้พูดห้ามอะไร ต้องชนะก็เดินพรวดเข้ามา
“เฮ้ย ไม่เห็นเหรอวะ คนอาบน้ำอยู่”
“ก็อาบนานเป็นครึ่งชั่วโมง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะปวดอึปวดฉี่หรือไง” ต้องชนะยืนว่า ปาณัสม์ก้มลงมองน้ำในอ่างที่ใสจนเพื่อนสนิทอาจเห็นอะไรต่อมิอะไรในน้ำได้ จึงรีบตีฟองสบู่ที่ลอยอยู่ให้เกิดฟองฟุ้งมากขึ้น
“จะทำอะไรก็รีบทำ”
พอปาณัสม์บอกดังนั้น ต้องชนะก็รีบยืนประจำที่ที่โถ ปาณัสม์ตกใจรีบดึงม่านกั้นปิดเพื่อไม่ให้เห็นต้องชนะน้อยทันที
“ตกลงพรุ่งนี้ใครจะไปรับเช็คจากเสี่ยเจ้าของไอ้หมาบ้านั่นวะ” หนุ่มล่ำหมายถึงเจ้าหมาเมจิที่วิ่งเข้าไปในตึกร้าง จนภารกิจตามหาสุนัขเศรษฐีของพวกเขาต้องวุ่นวายไปหมด
“ก็ไปด้วยกันหมดเลยทั้งสี่คนสิ ทำด้วยกันสี่คน ก็ไปกันให้หมด” ปาณัสม์ตอบระหว่างที่เสียงกดน้ำดังขึ้น
“แค่ไปเอาเช็ค ไปคนเดียวก็ได้มั้ย” ต้องชนะเปิดม่านเพื่อพูดคุย “ไอ้สองลิงนั่นคงไม่ตื่นเช้าขนาดนั้น พี่พุดดิ้งกับเจ๊ตุ้ยนุ้ยก็ต้องเฝ้าออฟฟิศ ก็เหลือฉันกับแก”
“สรุปเราจะไปด้วยกันสองคน”
“แต่ฉันว่าแกไปคนเดียวก็ได้มั้ง ฉันอยู่แสตนบายที่นี่ดีกว่า เผื่อมีงานอะไรแทรกเข้ามา จะได้รับเลย ไม่ปล่อยโอกาสให้งานหลุดมือไปเปล่า ๆ”
-------------------------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 7 ภาพอนาคต
"พ่อของจารุวี มีชื่อว่าอะไร"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม 5 คะแนน
ไปอ่านเรื่องกันเลยครับ
-----------------------------------------------------------------------------------------
“ขอบคุณมากนะครับ สำหรับข้อมูลต่าง ๆ ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” หมวดเรืองฤทธิ์กล่าวลาสี่หล่อซึ่งเดินมาส่งเขาถึงประตูรั้ว ต่อหน้าบรรดาหนุ่ม ๆ ต่างโบกมือลากันด้วยรอยยิ้ม แต่พอผู้หมวดคล้อยหลังไปยังไม่ทันลับตา ทั้งสี่ก็ถอนหายใจโล่งอก มีอินทร์ธัชที่แสยะยิ้มออกมาชัดเจน
“พวกนายคิดเหมือนที่ฉันคิดหรือเปล่า ตำรวจคนนี้เจ้าเล่ห์ยังไงก็ไม่รู้” ต้องชนะโพล่งความในใจออกมา สายตาทั้งสี่ยังคงจับจ้องอยู่ที่รถส่วนตัวของหมวดเรืองฤทธิ์ซึ่งติดไฟแดงอยู่ไกล ๆ
“ผมนึกว่าผมรู้สึกไปคนเดียวซะอีกพี่” อชิระเสริม “เมจิกเชี่ยนที่คอยแสดงกลตบตาคนดูอย่างผม ยังหลอกล่อแนบเนียนสู้ตาหมวดคนนี้ไม่ได้”
“ทุกคำถามล้วนตะล่อมหลอกให้เราหลุดพูด” ปาณัสม์วิเคราะห์อย่างสุขุม “โชคดีที่พวกเราไม่มีใครหลุดพูดอะไรออกมา”
“มีแค่เกือบ...” อชิระพูดขึ้น สายตาอีกสามคู่เหล่มองไปที่อินทร์ธัชทันที
“อ้าว ... ก็ผมไม่รู้นี่” คนถูกรุมรีบเปลี่ยนเรื่องพัลวัน “ดูสิ ใกล้มืดแล้ว ที่เราตกลงกันว่าวันนี้จะไปว่ายน้ำที่สปอร์ตคลับกันสงสัยจะไม่ได้ไปแล้ว กว่าจะเปลี่ยนชุด กว่าจะลงสระ มืดก่อนพอดี ที่สำคัญ คือนี้มีซีรีส์ฝรั่ง ‘The Alternate พลิกเกมฆาตกร’ ด้วย”
“ก็ไม่ต้องไปว่ายน้ำก็ได้นี่” ต้องชนะเอ่ยพร้อมหยิบลูกบอลซึ่งวางอยู่ข้างกระถางต้นไม้ใกล้ ๆ “เรามาเล่นอย่างอื่นคลายเครียดกันดีกว่า”
ป้ายสำนักงานแขวนปิด สี่หนุ่มเปลี่ยนเสื้อกางเกงเป็นชุดนักฟุตบอล เนื่องด้วยสำนักงานแห่งนี้มีนักสืบเพียงสี่คน และบุคลากรฝ่ายอื่นอีกสามชีวิตล้วนอายุสามสิบถึงห้าสิบกว่าปี ไม่อาจชวนมาเล่นร่วมทีมได้ ทั้งสี่จึงโอจับคู่ ปาณัสม์ได้คู่กับต้องชนะ ส่วนอชิระคู่กับอินทร์ธัช สี่หนุ่มนำกระถางต้นไม้มาวางตั้งแทนประตูฟุตบอล ส่วนผู้รักษาประตูใช้ตุ๊กตาปูนปั้นที่วางตกแต่งสวนอยู่มา วางขวางตรงกลางประตูแทน อากาศเมืองไทยร้อนเกินกว่าที่ทั้งสี่จะสวมเสื้อเล่นกันต่อ จึงถอดเสื้อเผยเรือนร่างกันทั้งสี่คนโดยไม่จำเป็นต้องสนใจสายตาของคนที่เดินผ่านไปมา
พอเกมเริ่ม ต้องชนะผู้มีทักษะกีฬาเหนือคนอื่นเป็นฝ่ายได้บอลก่อน เขาครองบอลและเกือบยิงประตูได้ตั้งแต่นาทีแรก โชคไม่ดีที่บอลกระเด็นไปชนตุ๊กตาปูนปั้นและเป๋ออกข้างทาง ครั้นเริ่มเกมใหม่ ต้องชนะยังคงเป็นฝ่ายครองบอลได้ก่อน หากแต่ความทะเล้นของสองลิงฝ่ายตรงข้ามทำให้อินทร์ธัชแย่งบอลได้และรีบส่งบอลให้อินทร์ธัช ปาณัสม์แอบเพ่งนิมิตเพื่อดูว่า น้องชายบังเกิดเกล้าวางแผนจะทำประตูอย่างไรจึงรีบสกัด ทำให้ดักทางและแย่งลูกคืนได้สำเร็จทุกครั้งไป
เมื่อเล่นไปได้ครึ่งหนึ่ง ปาณัสม์ที่มัวแต่สนใจกับการเพ่งนิมิตทำให้พลาดท่าต่อความเร็ว อินทร์ธัชเลี้ยงลูกสับตาหลอกและเป็นฝ่ายทำประตูได้เสียก่อน แต่ไม่กี่นาทีจากนั้น ต้องชนะก็เอาคืนได้สำเร็จ ต่างฝ่ายต่างทำเข้ากับไปได้คนละหนึ่งประตู ทั้งสี่ชอบออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ต้องชนะที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้ดูหุ่นดีกว่าใครเพื่อน มัดกล้ามเด่นชัดทั้งกล้ามแขน กล้ามหน้าอก และกล้ามท้องซิกแพคที่สาว ๆ ต่างหลงใหล
จังหวะหนึ่ง ปาณัสม์เตะบอลบุกหวังทำประตูอีกฝั่ง แต่น้องชายบังเกิดเกล้าสไลด์ตัวแย่งลูกบอล จนเจ้าลูกกลม ๆ ที่ผู้ชายมักหลงใหล กระเด็นแฉลบออกไปด้านข้าง
อชิระวิ่งเข้ามาหวังเตะเพื่อไม่ให้ลูกออกจากเขตสนาม แต่เขาพลาด ...
ลูกบอลพุ่งกระเด็นไปไกล ข้ามรั้วสำนักงานแล้วกลิ้งตกไปอยู่กลางถนนด้านนอก
“คิดว่าประตูบ้านฝั่งโน้นเป็นประตูฟุตบอลหรือไง” ปาณัสม์เยาะเย้ย
“ไปเก็บเลย” ต้องชนะชี้นิ้วสั่งอชิระกับอินทร์ธัช “แกสองคนทำให้ลูกกระเด็นออกไป ไปเก็บ ๆ เดี๋ยวรถใหญ่วิ่งมาทับแตกซะก่อน”
สองหนุ่มเพื่อนซี้ซึ่งเกิดห่างกันไม่กี่เดือนเถียงไม่ออก สุดท้ายจึงต้องยอมรับสภาพ อชิระกับอินทร์ธัชทั้งสองไขประตูรั้วแล้วเดินออกไปทั้งที่สวมเพียงกางเกงบอลตัวเดียวแบบนั้น ท้องฟ้ามืดแล้ว คงไม่มีใครเห็นใครถืออะไรหรอก
ลูกฟุตบอลหยุดนิ่งลงตรงกลางถนน อินทร์ทัชจะเดินไปเก็บ ทันใด รถเก๋งคันหนึ่งซึ่งเห็นว่าถนนโล่งจึงเร่งความเร็วเต็มที่แล่นพุ่งเข้ามา อชิระเห็นเข้าจึงรีบกระชากคอเสื้อดึงกลับมาเพื่อไม่ให้ถูกรถเฉี่ยว และตบหัวสั่งสอนไปหนึ่งที
“นี่แน่ะ! ไม่ต้องรีบไปสวัสดียมบาล อยู่เป็นคู่หูฉันนาน ๆ ก่อน”
“เปล่า ฉันแค่แกล้งเล่น จะทดสอบว่านายจะช่วยฉันไหม”
นักมายากลหนุ่มส่ายหัวแล้วมองหาลูกฟุตบอลต่อ เจ้าลูกกลมที่ชายหนุ่มมักรุมล้อมราวกับเป็นสาวสวยโดนล้อรถเขี่ยกลิ้งไปหยุดอยู่ริมถนนฝั่งตรงข้าม ทั้งสองมองซ้ายมองขวาจนแน่ใจว่าถนนโล่ง น้องเล็กสุดของทีมก็ท้าดวลตามนิสัยคนชอบแข่งขันโดยเฉพาะกับเพื่อนสนิทคนนี้
“ใครได้ลูกบอลก่อนนะ”
พูดจบอินทร์ธัชก็ใช้จังหวะที่คู่แข่งเผลอวิ่งถลาไปยังถนนฝ่ายตรงข้าม มายากรหนุ่มที่ตั้งตัวได้ช้ากว่ารีบวิ่งตาม แต่ด้วยช่วงขาที่ยาวกว่า ทำให้อชิระแย่งบอลมาจากอินทร์ธัชได้เฉียดฉิวชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด และนั่น ... ก็ส่งผลให้อินทร์ธัชเสียหลัก หงายหลังล้มก้นกระแทกพื้น
“ว้ายยย...” เสียงเล็กแหลมของผู้หญิงดังขึ้น อชิระตกใจนึกว่าเพื่อนรักร้องสาวแตกออกมา แต่พอหันกลับมามองจึงพบว่า อินทร์ธัชล้มไปชนผู้หญิงคนหนึ่งที่เพิ่งเดินออกมาจากบ้านฝั่งตรงข้ามจนล้มไปด้วย
“ขอโทษทีครับ คุณเป็นอะไรมั้ย” อินทร์ธัชชันตัวแล้วหันไปถาม แต่เมื่อได้พบหน้าก็ถึงกับตกตะลึง ผู้หญิงตรงหน้าดูสวยใส หน้าตาจิ้มลิ้มน่ารักสไตล์เกาหลี ช่างเหมาะกับหนุ่มหล่อลุคดาราแดนกิมจิอย่างเขาเสียนี่กระไร อินทร์ธัชลุกขึ้นปัดเศษดินเศษฝุ่นแล้วยื่นมือให้เจ้าหล่อนจับ สาวเจ้าเขินหน้าแดง เป็นใครจะไม่เขินเล่าเมื่อมีหนุ่มหล่อสองคนมายืนเปลือยท่อนบนเหงื่อโทรมกายอยู่ตรงหน้า แต่ในความคิดของสาวน้อย มีแค่คนเดียวที่อยู่ตรงหน้า ไม่ต้องมีอีกคนก็ดีเกินพอแล้ว
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนกล่าวแล้วยื่นมือให้อินทร์ธัชฉุดขึ้นมา อชิระถือลูกบอลเดินเข้ามาดูชัด ๆ เขาถึงกับตกตะลึงในความสวยใสน่ารักของเจ้าหล่อนไปด้วยอีกคน
“คนแถวนี้เหรอครับ ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย” สัญชาตญาณเพลย์บอยเริ่มออกลายทันที
“ค่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศได้ไม่กี่วัน” จารุวีตอบด้วยท่าทีขวยเขิน “ฉันชื่อแจกันค่ะ เป็นลูกสาวลุงโกสน เจ้าของร้านโกสนคอฟฟี่กลางซอย”
พอได้ยินเช่นนั้นสองหนุ่มถึงกับหันมองหน้ากันแล้วทำตาโต ลุงโกสนที่พูดจากระโชกโฮกฮาก ขี้โวยวาย สองหนุ่มเคยเข้าไปซื้อกาแฟครั้งหนึ่ง แค่สั่งช้าก็โดนไล่ตะเพิดออกมา ถึงกับเคยประกาศกร้าวว่าจะไม่มีวันกลับมาเหยียบที่ร้านนั้นอีกเด็ดขาด
“ไม่อยากเชื่อเลยว่า...” อชิระกำลังจะเอ่ยปาก แต่ก็โดนอินทร์ธัชชิงแย่งพูดไปเสียก่อน
“ไม่นึกเลยครับว่าลุงโกสนจะมีลูกสาวที่น่ารักขนาดนี้” แหงล่ะ...ก็คุณลุงแกทั้งอ้วนทั้งดำ สงสัยจะได้ภรรยาสวย
“ฉันได้คุณแม่มาเยอะน่ะค่ะ มีแต่คนทักแบบนี้” หล่อนขำเบา ๆ “แต่อย่าพูดให้คุณพ่อได้ยินนะคะ เดี๋ยวท่านเอาปืนมายิง”
“เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณแจกัน...” อชิระพยายามทำให้ตัวเองไม่กลายเป็นอากาศธาตุ
“แล้วนี่คุณแจกันมาทำอะไรที่นี่ แล้วจะกลับยังไง มืดค่ำแล้ว เป็นผู้หญิง เดินทางไปไหนมาไหนกลางค่ำกลางคืนมันอันตรายนะครับ”
“พอดีคุณป้าบ้านนี้เขาไปทานกาแฟที่ร้นแล้วลืมตังค์ทอนน่ะค่ะ ฉันเลยนั่งสองแถวเอามาให้” จารุวีตอบ “เดี๋ยวว่าจะนั่งสองแถวกลับเหมือนกัน”
“เอ่อ ถ้างั้นพวกเรา...” นักมายากลหนุ่มพยายามจะมีส่วนร่วมอีกครั้ง แต่ก็โดนอินทร์ธัชชิงพูดไปอีกครา
“ให้ผมไปส่งที่ร้านมั้ยครับ พอดีผมมีมอเตอร์ไซค์”
อชิระถึงกับหันขวับ เพราะรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ในบริเวณสำนักงาน ‘4 หล่อขอสืบ’ คือรถของอชิระนั่นเอง
“เฮ้ย ... ไปเก็บลูกบอลถึงบราซิลหรือไงวะ” เสียงหนึ่งตะโกนแซวขึ้นมา สองหนุ่มเหลียวทันไปมองแล้วพบว่าปาณัสม์ยืนโบกไม้โบกมืออยู่
“อย่ามัวแต่หลีสาว กลับมาได้แล้ว” ต้องชนะเสริม จารุวียิ่งรู้สึกเขินไปใหญ่
“ไอ้ชิ แกกลับไปเตะบอลกับพี่ ๆ เขาไป” อินทร์ธัชหันไปทำหน้าจริงจัง “เดี๋ยวฉันจะไปส่งแจกันที่ร้านเอง”
ผัวะ! อชิระตบหัวเบา ๆ หนึ่งที
“แกจะไปทั้งที่ไม่ใส่เสื้อแบบนี้หรือไง ลุงโกสนคงได้เอากาแฟที่คั่วด้วยลูกตะกั่วมาให้แกกินเป็นรางวัล”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกลับเองได้” หญิงสาวเกรงใจ “นั่นสองแถวมาพอดีเลย พวกคุณกลับที่พักเถอะค่ะ”
“หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกนะครับ” อินทร์ธัชหยอดส่งท้าย
“ไปที่ร้านฉันสิคะ” จารุวีตอบในจังหวะที่สองแถวจอดพอดี “แต่ถ้าวันไหนฉันผ่านมาแถวนี้ ฉันจะเข้าไปหาคุณ เอ่อ... คุณทั้งสองคนที่ออฟฟิศของพวกคุณเอง”
ครั้นหญิงสาวก้าวขึ้นไปบนรถ รถขนส่งประจำซอยก็เคลื่อนออกไป คนขับไม่รู้หรอกว่ารถคันนั้นได้พาเอาหัวใจของอินทร์ธัชไปด้วย
“น่ารักจังเลย” คาสโนว่าวัยละอ่อนหน้าเคลิ้มแล้วเดินออกไปยังถนน โดยไม่ทันมองว่ามีรถคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็วสูงพอดี
“ไอ้ทัช ระวัง!!!” ปาณัสม์ตะโกนเสียงดังลั่น โชคดีที่อชิระกระชากชายหนุ่มไว้ทันอีกครั้ง ล้มลงไปทั้งคู่
“จะรีบไปตายแยกหน้าหรือไงวะ” ต้องชนะด่าไล่หลังคนขับรถคันนั้นอย่างเหลืออด
“คราวนี้จะบอกว่าแกล้งอีกมั้บ” อชิระถามน้ำเสียงจริงจัง
แต่ในทันใด ปาณัสม์ได้แต่ยืนนิ่งอึ้ง อยู่ ๆ ภาพนิมิตหลายต่อหลายภาพก็แวบเข้ามาในหัวเขา ภาพสัญญาณไฟข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว ภาพลูกโป่งลอยขึ้นไปบนฟ้า ภาพรถกระบะเบรกเอี๊ยด และภาพหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนโวยวายอยู่
ภาพในอนาคตทั้งหมดวูบดับลงเหลืออยู่แต่ปัจจุบัน ผู้หญิงในภาพนิมิตสุดท้ายที่เขาเห็นยังติดตา
“เราเคยเจอผู้หญิงคนนี้ที่ไหนวะ” ชายผู้มีสัมผัสพิเศษครุ่นคิด เขาหลับตาลงแล้วเพ่งกสินลงไปที่ภาพผู้หญิงคนดังกล่าว แต่ความสามารถในการมองภาพนิมิตก็ไม่สามารถทำให้เขาเห็นภาพในความทรงจำได้เสียทุกครั้ง
“เป็นอะไรไป พี่น็อต พี่น็อต” อินทร์ธัชเขย่าร่างพี่ชายตัวเองสองสาวทีขณะที่เขายังอยู่ในภาวะตะลึง ต้องชนะกับอชิระก็มองดูด้วยความเป็นห่วง และพอเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ปาณัสม์นิ่งค้างไป และหลายครั้งเขาก็ไม่ยอมบอกด้วยว่าเห็นภาพนิมิตอะไรบ้าง ได้แต่บอกว่า “เปล่า ... แค่กำลังเหม่อ คิดเพลิน ๆ ไปเรื่อย” รวมทั้งในครั้งนี้ด้วย
เหตุชวนระทึกทำให้ทั้งสี่ไม่มีกระจิตกระใจจะเล่นฟุตบอลต่อ พวกเขาตัดสินใจเลิก อชิระกับต้องชนะเดินไปยกตุ๊กตาปูนปั้นที่ติ๊ต่างมาใช้แทนผู้รักษาประตูเก็บเข้าที่เพื่อไม่ให้เป็นที่ขบขันของลูกค้าที่อาจมาใช้บริการสำนักงานในเช้าวันรุ่งขึ้น ทั้งสี่หยิบเสื้อที่ถอดพาดไว้กับม้านั่ง และเตรียมกำลังจะเดินเข้าไปในบ้าน ทันใดนั้น ประตูสำนักงานเปิดออก พุชรีย์ ตติยะและป้าจินตนาเดินออกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย
“อ้าว ... นึกว่าพวกพี่กลับกันไปตั้งนานแล้วเสียอีก” อินทร์ธัชทัก เขาดูหน้าตาสดชื่นแจ่มใสกว่าใครทั้งที่เพิ่งเกือบนอนอยู่กลางถนนกลายเป็นข่าวหน้าหนึ่ง นักสืบน้องเล็กของทีมมักจะเป็นยังงี้เวลาที่ได้เจอสาวสวยถูกใจและมีท่าทีว่าอีกฝ่ายจะเล่นด้วย
“พวกพี่ต้องเคลียร์งานให้เสร็จนี่คะ” ตติยะจีบปากจีบคอ “ไม่ได้ว่างแบบพวกน้อง ๆ ถึงได้มีเวลามาเตะบอลเล่นกันแบบนี้”
“อ้าวพี่ พูดแบบนี้เดี๋ยวก็ประกาศรับพนักงานใหม่ซะเลย” ต้องชนะแซว ลูกจ้างทั้งสามตกใจหน้าตื่นทันที
“เอ้อ ... เกือบลืม” พุชรีย์นึกขึ้นได้ “ตะกี้ระหว่างที่น้อง ๆ กำลังเตะบอล มีสายสำคัญโทรมาสองสาย”
“สายสำคัญ ... หวังว่าจะไม่ใช่สายจากหมวดฤทธิ์อีกนะ” อินทร์ธัชเข็ดกับการให้ความสำคัญของสาวผมฟู
“ไม่ใช่ค่ะ อย่าเพิ่งขัดสิคะ” พนักงานหญิงวัยสามสิบกลาง ๆ หันไปดุ แต่ทำได้เพียงให้สี่หนุ่ม ‘เกรง’ เท่านั้น หาได้ ‘กลัว’ ไม่ “สายสำคัญที่ว่า สายแรก เจ้าของน้องเมจิกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ขอบคุณมากที่ตามหาหมาเขาให้โดยปลอดภัย ไร้บาดแผล ขนไม่ร่วง เขานัดให้ไปรับเช็คพรุ่งนี้ ตอนเก้าโมงเช้า แผนที่... อ๋อ อยู่ที่เครื่องแฟกซ์ เจ๊ยังไม่ได้เอาออกมา เดี๋ยวน้อง ๆ เข้าไปก็ไปหยิบเองแล้วกัน”
ปาณัสม์เกาหัวแกร็ก ๆ สับสนเล็กน้อยว่าตกลงใครเป็นลูกจ้าง ใครเป็นเจ้านายกันแน่
“ส่วนอีกสาย พี่ตุ้ยนุ้ยเป็นคนรับ ไหน ... บอกน้อง ๆ ไปซิ” พุชรีย์กระทุ้งสีข้างตติยะ
ชายร่างอวบที่ยืนเหม่ออยู่ พอถูกศอกของพุชรีย์เข้าก็ได้สติกลับคืนมา
“คือ มีนักข่าวจะมาขอสัมภาษณ์น้อง ๆ ลงคอลัมน์ในหนังสือฉบับสุดสัปดาห์ค่ะ”
สี่นักสืบหนุ่มมองหน้ากันตาลุกวาว
“จริงเหรอครับ หนังสือพิมพ์อะไร” อินทร์ธัชถามอย่างใคร่รู้
“เอ่อ ... หนังสือพิมพ์ เอ่อ ... หนังสือพิมพ์อะไรว้า เจ๊ลืม”
“กรรม!” ปาณัสม์แทบจะกุมขมับ “แล้วเขานัดสัมภาษณ์ วันไหน ที่ไหน กี่โมง”
“พรุ่งนี้ค่ะ บ่ายสอง เขาจะมาที่สำนักงานเรา”
“ดีนะพี่ นึกว่าจะลืมอีก” อชิระหันไปนินทาระยะเผาขนกับต้องชนะ
“อะไรกันคะ น้องอชิ” ตติยะเท้าเอว “พี่แค่ลืมนิดลืมหน่อย มันผิดมากเลยเหรอคะ”
“เอาเถอะเจ๊ ดูป้าแตนแกสิ ท่าทางจะหลับอยู่แล้ว” ต้องชนะบอกด้วยสีหน้าห่วงใย “พวกเจ๊รีบกลับบ้านเถอะ ดึกแล้ว แถวนี้ผู้ชายยิ่งชุก ๆ อยู่ ผมกลัวผู้ชายเหล่านั้นจะเป็นอันตราย”
“น้องต้องคะ!” ตติยะโวยวาย จนทุกคนขำกันใหญ่ “ตอนเจอกันใหม่ ๆ พี่ว่าน้องขรึมที่สุดแล้วนะคะ ไหงคบกับเจ้าสองลิงนี่นาน ๆ ทำไมพูดจากวนประสาทไปด้วย”
ตติยะชี้ไปทางอชิระกับอินทร์ธัช
“พอเถอะ ๆ” ปาณัสม์ขำจนน้ำตาจะไหล “พวกเจ๊กลับบ้านเถอะนะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันนะครับ บ๊ายบาย”
นักสืบทั้งสี่กลับเข้าไปในสำนักงานขึ้นไปยังชั้นสองซึ่งเขาใช้เป็นบ้านพัก เพราะแต่ละคนบ้านอยู่ไกลจนไม่อาจเดินทางไป-กลับ เช่นเดียวกับพนักงานทั้งสามได้ ช่วงสองทุ่มครึ่ง สามหนุ่มนั่งดู ‘The Alternate พลิกเกมฆาตกร’ ซีรีส์สืบสวนชื่อดังเรื่องโปรดของปาณัสม์ทางช่องดิจิตอลทีวีด้วยกัน หากแต่ตัวพี่ใหญ่ของทีมเองกลับนั่งแช่ตัวอยู่ในอ่างจากุชชี่ น้องชายร่วมสายเลือดพยายามตะโกนเรียกบอกว่าซีรีส์เรื่องดังกล่าวมาแล้ว แต่ชายหนุ่มก็เลือกที่จะนั่งทบทวนบางสิ่งบางอย่างอยู่ภายในห้องอาบน้ำต่อไป
ปาณัสม์นั่งพิจารณาภาพที่เห็น สัญญาณไฟข้ามถนน ลูกโป่ง รถกระบะและผู้หญิงคนนั้น แล้วพยายามปะติดปะต่อภาพเหล่านั้นให้เป็นเรื่องเดียวกัน
... สัญญาณไฟกับรถกระบะ พอเดาได้ น่าจะเกี่ยวข้องกัน แต่ลูกโป่งกับผู้หญิงคนนั้น เกี่ยวอะไรด้วยวะ ...
“เฮ้ย ... ไอ้น็อตยังอาบน้ำไม่เสร็จอีกเหรอ” คิดแล้วต้องชนะก็ลุกจากโซฟาเดินตรงเข้าไปยังห้องน้ำทันที “จมอ่างตายแล้วมั้งเนี่ย”
“ยังโว้ย!” ปาณัสม์ตะโกนตอบ เพื่อป้องกันไม่ให้ต้องชนะคิดว่าเขาเป็นอะไรไป แล้วคิดหยิบกุญแจสำรองไขประตูห้องน้ำเข้ามาดู
ห้องน้ำในส่วนพื้นที่พักอาศัยซึ่งเป็นชั้นสองของสำนักงานนักสืบอยู่ติดกับห้องนั่งเล่นแต่ไม่ได้เชื่อมกับห้องนอนโดยตรง พอเปิดประตูเข้าไปจะพบกับเคาเตอร์อ่างล้างมือ ถัดไปเป็นชักโครก ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นโถถ่ายเบาสำหรับผู้ชาย มีส่วนราวให้รูดม่านกั้น ซึ่งมีทั้งพื้นที่สำหรับอาบน้ำฝักบัว และอ่างกุซซี่ที่ปาณัสม์ทอดกายแช่อยู่ ทันใดเสียงลูกบิดประตูขยับ ยังไม่ทันได้พูดห้ามอะไร ต้องชนะก็เดินพรวดเข้ามา
“เฮ้ย ไม่เห็นเหรอวะ คนอาบน้ำอยู่”
“ก็อาบนานเป็นครึ่งชั่วโมง ไม่คิดว่าคนอื่นเขาจะปวดอึปวดฉี่หรือไง” ต้องชนะยืนว่า ปาณัสม์ก้มลงมองน้ำในอ่างที่ใสจนเพื่อนสนิทอาจเห็นอะไรต่อมิอะไรในน้ำได้ จึงรีบตีฟองสบู่ที่ลอยอยู่ให้เกิดฟองฟุ้งมากขึ้น
“จะทำอะไรก็รีบทำ”
พอปาณัสม์บอกดังนั้น ต้องชนะก็รีบยืนประจำที่ที่โถ ปาณัสม์ตกใจรีบดึงม่านกั้นปิดเพื่อไม่ให้เห็นต้องชนะน้อยทันที
“ตกลงพรุ่งนี้ใครจะไปรับเช็คจากเสี่ยเจ้าของไอ้หมาบ้านั่นวะ” หนุ่มล่ำหมายถึงเจ้าหมาเมจิที่วิ่งเข้าไปในตึกร้าง จนภารกิจตามหาสุนัขเศรษฐีของพวกเขาต้องวุ่นวายไปหมด
“ก็ไปด้วยกันหมดเลยทั้งสี่คนสิ ทำด้วยกันสี่คน ก็ไปกันให้หมด” ปาณัสม์ตอบระหว่างที่เสียงกดน้ำดังขึ้น
“แค่ไปเอาเช็ค ไปคนเดียวก็ได้มั้ย” ต้องชนะเปิดม่านเพื่อพูดคุย “ไอ้สองลิงนั่นคงไม่ตื่นเช้าขนาดนั้น พี่พุดดิ้งกับเจ๊ตุ้ยนุ้ยก็ต้องเฝ้าออฟฟิศ ก็เหลือฉันกับแก”
“สรุปเราจะไปด้วยกันสองคน”
“แต่ฉันว่าแกไปคนเดียวก็ได้มั้ง ฉันอยู่แสตนบายที่นี่ดีกว่า เผื่อมีงานอะไรแทรกเข้ามา จะได้รับเลย ไม่ปล่อยโอกาสให้งานหลุดมือไปเปล่า ๆ”
-------------------------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 7 ภาพอนาคต
"พ่อของจารุวี มีชื่อว่าอะไร"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก จะได้รับคะแนนสะสม 5 คะแนน
ธรากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ม.ค. 2558, 21:32:06 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ม.ค. 2558, 21:35:33 น.
จำนวนการเข้าชม : 1678
<< ตอนที่ 6 พาดหัวข่าว | ตอนที่ 8 คุ้นเคย >> |
ธรากร 27 ม.ค. 2558, 21:42:31 น.
เฉลยคำถามจาก 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 6 พาดหัวข่าว
ทางสำนักงาน 4 หล่อขอสืบ บอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์เพียงหัวเดียว หนังสือพิมพ์นั้นคือ "สปายนิวส์"
ผู้ที่ตอบถูก ได้แก่ ...
คุณ ปลาวาฬสีน้ำเงิน คุณ konhin คุณแว่นใส และ คุณ dragon
ดีใจจังครับ คราวนี้มีคนมาตอบคำถามเพิ่มด้วย
ผลคะแนนสะสมเป็นดังนี้ครับ
คุณแว่นใส และคุณ konhin 30 คะแนน
คุณ dragon 25 คะแนน
คุณกาซะลองพลัดถิ่น 15 คะแนน
คุณ sunflower 10 คะแนน
และ คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน 5 คะแนน
อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวที่ www.KornWriter.com นะครับ
เฉลยคำถามจาก 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 6 พาดหัวข่าว
ทางสำนักงาน 4 หล่อขอสืบ บอกรับสมาชิกหนังสือพิมพ์เพียงหัวเดียว หนังสือพิมพ์นั้นคือ "สปายนิวส์"
ผู้ที่ตอบถูก ได้แก่ ...
คุณ ปลาวาฬสีน้ำเงิน คุณ konhin คุณแว่นใส และ คุณ dragon
ดีใจจังครับ คราวนี้มีคนมาตอบคำถามเพิ่มด้วย
ผลคะแนนสะสมเป็นดังนี้ครับ
คุณแว่นใส และคุณ konhin 30 คะแนน
คุณ dragon 25 คะแนน
คุณกาซะลองพลัดถิ่น 15 คะแนน
คุณ sunflower 10 คะแนน
และ คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน 5 คะแนน
อย่าลืมติดตามความเคลื่อนไหวที่ www.KornWriter.com นะครับ
ปลาวาฬสีน้ำเงิน 28 ม.ค. 2558, 00:41:56 น.
ร่วมสนุก อีก...... ลุงโกสน คับ
ร่วมสนุก อีก...... ลุงโกสน คับ
แว่นใส 28 ม.ค. 2558, 13:32:57 น.
ชื่อลุงโกสน เจ้าของร้านโกสนคอฟฟี่จ้า
ชื่อลุงโกสน เจ้าของร้านโกสนคอฟฟี่จ้า
dragon 28 ม.ค. 2558, 22:45:44 น.
พ่อของจารุวี ชื่อ โกสน (ลุงโกสน)
พ่อของจารุวี ชื่อ โกสน (ลุงโกสน)
konhin 29 ม.ค. 2558, 02:55:57 น.
ลุงโกสน แบบว่า มีลูกสาวสวยเพราะแม่เลยย
ลุงโกสน แบบว่า มีลูกสาวสวยเพราะแม่เลยย