^วันอยากเขียน^
รวมเรื่องสั้น ฉบับลิขิตราค่ะ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว จับเรื่องสั้นมารวมกันไปเลยดีกว่า
Tags: เรื่องสั้น ลิขิตรา
ตอน: -เพลงรักในสายลม(6)-
"ชาตินี้ดีไหม" เขาตอบกลั้วหัวเราะ ก่อนจะก้มลงมองโทรศัพท์ในมือ พิมพ์บางอย่างลงไปแล้ววางลงบนโต๊ะ
"ช่วงนี้ดูเงียบ ๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า" เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอ "ไหนบอกว่าเป็นเด็กไฮเปอร์ หรือเป็นเฉพาะอยู่กับคนอื่น"
พรายเพ็งกระพริบตาปริบ ๆ กับคำถามที่เธอไม่กล้าเดาเจตนา แต่ที่รู้อย่างหนึ่งคือ เขายังใส่ใจกับสเตตัสบนสื่อออนไลน์ของเธอ เมื่อวันก่อนเธอเพิ่งตั้งสเตตัสทำนองนี้ไป
หญิงสาวคลี่ยิ้มจาง ตอบทีเล่นทีจริง "กลัวว่าถ้าไฮเปอร์มากไป พี่กายจะไม่รักมั้งคะ"
ถ้าเขากล้าพูดเล่นถึงความรักกับเธอ พรายเพ็งก็พร้อมจะยื่นดาบเดียวกันให้ แม้ใจยังหวั่นลึก ๆ ว่าดาบนั้นจะย้อนกลับมาหาเธอเองก็ตาม
ทั้งที่ในใจอยากจะถามหานิยามความสัมพันธ์ที่ดำเนินอยู่ ณ ขณะนี้ แต่พรายเพ็งก็ยังไม่กล้าพอจะปล่อยให้หัวใจตัวเองต้องเสี่ยงอีกครั้ง
ชายหนุ่มหัวเราะในคอโดยไร้คำตอบ เขายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ มองตาเธอนิ่งด้วยแววตากึ่งล้อกึ่งอ้อนที่อาจทำให้ผู้หญิงหลายคนตกสู่มนต์สะกด แต่ผู้หญิงที่อยู่ใต้คำสาปอย่างพรายเพ็งไม่เคยหลงในมนต์ของเจ้าชายที่ไหน เธอส่ายหน้า แล้วก้มลงให้ความสนใจกับจานสลัดบนโต๊ะ
สายตาที่สะกดพรายเพ็งได้เสมอ ไม่ใช่แววตาของเจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์ แต่อย่าให้เขารู้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ใต้คำสาปแห่งดวงตาของลูกสุนัขที่ถูกทิ้ง
อย่าปล่อยให้ใครใช้สายตาแบบนั้นล่อลวงเธออีก
"ขนมไหมครับ"
"ไม่ล่ะค่ะ"
"ไม่ใช่ที่นี่ ไปหาร้านอื่นก็ได้นะ อยากกินอะไรไหม" ท่าทางกระตือรือร้น ห่วงใยและเอาใจใส่เช่นนี้เหมือนจะร้างหายไปนานจนพรายเพ็งเกือบลืมไปแล้ว
ยามใดที่เขาใส่ใจดูแล เอาอกเอาใจ ก็อ่อนหวานน่ารักเสียจนหัวใจอ่อน ๆ แทบละลาย
หญิงสาวเผลอยิ้มบาง ๆ "เดี๋ยวออกไปเดินดูก่อนก็ได้ค่ะ พี่กายอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ"
"ไม่มีอ่ะ แต่รู้สึกยังไม่อิ่ม"
พรายเพ็งพยักหน้ารับ คว้ากระเป๋าลุกขึ้นเมื่อพนักงานนำสลิปบัตรเครดิตมาให้ชายหนุ่มเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว คิ้วเข้มสวยขมวดเล็กน้อยเมื่อเธอคิดหาสถานที่สำหรับนั่งกินขนมเล่น ดวงตาคมเผลอตวัดมองไปที่นาฬิกาข้อมือของคนตรงหน้า ก่อนเธอจะหลุดคำเบา ๆ
"จะสองทุ่มแล้ว"
เขาหันมามองหน้าเธอ หรี่ตาเพียงครู่ ก่อนเอ่ย "ครับ...ยังไม่ดึกเท่าไรสำหรับพี่ แต่เพลง..."
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ "หาขนมทานเล่นก่อนก็ได้ค่ะ"
ไม่รู้ทำไม เธอใจอ่อนเสมอกับท่าทางกึ่งอ้อนของเขา วูบหนึ่งดวงตาเผลอตวัดมองมือหนา เธอยังเผลอกำมือตัวเองเบา ๆ เพื่อตอกย้ำถึงความว่างเปล่า
เขาเคยคว้ามือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เดินจับมืออยู่ข้างกันจนเธอเคยหลุดปากถาม 'เรา...จะจับมือกันไปนานแค่ไหนคะ'
วันนี้เธอได้คำตอบแล้ว
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ร่างบางก็สะท้านเฮือก เมื่อสัมผัสของมือเย็น ๆ เกี่ยวเข้ามากุมมือเธอไว้ ดึงให้เดินไปข้าง ๆ กัน
"เปลี่ยนใจแล้ว ไปลานเบียร์ได้ไหมครับ"
หญิงสาวกระพริบตาเบา ๆ ก่อนพยักหน้ารับ "ได้ค่ะ"
"ได้จริง ๆ เหรอ" เขาเลิกคิ้วจ้องหน้าเธออย่างคาดไม่ถึง
"ค่ะ...หนูอิ่มแล้ว ไปนั่งเป็นเพื่อนพี่กายได้ค่ะ"
เขาพยักหน้ารับ พาเธอเดินลงไปที่ลานด้านล่าง หน้าอาคารห้างสรรพสินค้าจัดเป็นลานเบียร์เล็ก ๆ ลมเย็นพัดมาแตะร่างจนสะท้านไปทั้งตัว
คนตัวโตโอบร่างเล็กบางเข้ามาใกล้ "หนาวเหรอ"
"นิดหน่อยค่ะ ลมแรง" เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะดึงตัวออกห่าง เขาเลื่อนมือที่โอบแตะบนหลังคอเธออย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะดึงออก
พรายเพ็งสูดหายใจยาว เรียกสติให้ตัวเองกับหัวใจที่เต้นรัวราวจะโลดออกมาจากอก ภาวิศพาเธอไปที่โต๊ะ เขามองจนแน่ใจว่ารอบด้านมีแผ่นผ้าใบกันลมไม่ให้พัดผ่านมาจนเย็นนัก
"โต๊ะนี้แล้วกันนะ ลมคงไม่มาก"
หญิงสาวไม่ได้ตอบ ควาใส่ใจที่ได้ทำให้หัวใจเธอพองฟู แม้ความไม่มั่นใจและหวาดกลัวจะยังคงทิ้งตะกอนอยู่ในห้องใจ
พนักงานนำรายการอาหารและเครื่องดื่มมาให้ พรายเพ็งมองดูอยู่ครู่สั้น ๆ ก็หันไปบอก "ชามะนาวเย็นค่ะ"
ภาวิศไล่สายตามอง เลิกคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก "เพลงสั่งอะไรนะ"
"ชามะนาวค่ะ" เธอคลี่ยิ้มบาง ๆ ตอบ
"มาลานเบียร์แต่กินชามะนาว"
"เมาแล้วกลับแท็กซี่คงไม่ปลอดภัยค่ะ"
เขาหัวเราะ "อย่างเธอน่ะนะจะเมา" ด้วยฐานะที่ต้องคอยดูแลรับรองแขกให้บิดามารดา พรายเพ็งถูกสอนให้รู้จักรสชาติของแอลกอฮอล์
แก้วแรกในชีวิต มารดาเป็นคนยื่นให้แล้วบอกว่า 'กินซะให้รู้ว่าเวลาเมามันเป็นอย่างไร ออกนอกบ้านไปจะได้ไม่โดนใครเขามอม'
หญิงสาวไม่ได้ตอบ เขาก็ไม่คิดจะไล่เลียง แต่หันไปบอกพนักงานหน้าตาเฉย
"ฟรายด์โทสที่หนึ่งนะครับ แล้วก็...โฮการ์เด้นหนึ่ง ยกเลิกชามะนาว เปลี่ยนเป็นโรเซ่นะ"
ประโยคหลังทำให้เธอหันมองเขาอย่างไม่ชอบใจนัก ภาวิศแค่มองหน้าเธอนิ่งราวจะดุ
"เห็นไปกินคอกเทลที่นั่นที่นี่ แค่เบียร์แก้วเดียวไม่เมาหรอก" พรายเพ็งถอนใจ ยอมรับว่าหลายวันก่อนเธอลงภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเพจส่วนตัว ไม่คิดว่าเขาจะเห็น
เพียงไม่นาน พนักงานก็ยกเบียร์มาเสิร์ฟ ภาวิศนั่งก้มหน้ามองจอโทรศัพท์ที่ฉายภาพตัวละครในเกมส์อย่างตั้งอกตั้งใจ ขณะที่พรายเพ็งได้แต่นั่งนิ่ง ๆ มองแก้วเบียร์สีชมพูเข้มตรงหน้า ถอนใจแล้วยกขึ้นจิบช้า ๆ กลิ่นกุหลาบอวลเข้ามาในคอ รสชาติไม่ขมเกินไปทำให้เธออดชมในใจไม่ได้
เขาช่างฉลาดเลือกเครื่องดื่ม
นั่งอยู่นานจนเริ่มเบื่อ พรายเพ็งมองนาฬิกา เขาไม่กลับและไม่คิดจะพูดคุย
ถ้าต้องการความสงบนัก เธอก็จะมอบให้
พรายเพ็งหยิบหูฟังมาเสียบกับโทรศัพท์ เปิดเครื่องเล่นเพลงแล้วหลับตานิ่ง ปล่อยให้เสียงเพลงบรรเลงไปในหัว
Canon in D major
เพลงที่เขาชอบ และเคยบอกว่าอยากให้เธอเล่น...ในวันแต่งงานของเรา...
พรายเพ็งปล่อยความคิดไปกับบทเพลงบรรเลงหวาน เพลงนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอหัดเล่นเปียโน ชื่นชอบและหลงใหลจนแม้วันที่แยกกับเขาแล้ว
"ฟังอะไรอยู่ครับ" เมื่อเธอสงบลง เขากลับสนใจ
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ปลดหูฟังข้างหนึ่งส่งให้เขา
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่ ก่อนที่มุมปากจะปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อเพลงจบ เขาก็ปลดหูฟังคืนให้เธอ "เล่นได้ไหม"
"ไม่มีเหตุผลให้หัดเล่นแล้วนี่คะ" เธอตอบหน้าตาเฉย "เล่นเป็นแต่หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว อยากฟังไหมคะ"
"ส่งเพลงให้พี่หน่อยสิ เครื่องพี่ไม่ค่อยมีเพลงเลย"
"หนูไม่รู้ว่าพี่ชอบฟังเพลงแบบไหนน่ะค่ะ"
เขานิ่งไปครู่ "เหรอ ก็หัดรู้บ้างสิ"
พรายเพ็งกระพริบตาปริบ ๆ เธอไม่แน่ใจว่าฐานะคนเคยคุ้นควรจะต้องรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน เธอตัดสินใจไม่ซักถาม นั่งไล่ดูรายชื่อเพลงในโทรศัพท์ สายตาพลันสะดุดที่เพลงหนึ่ง
"เปิดแอร์ดรอปหรือยังคะ เดี๋ยวหนูส่งให้นะคะ"
เขากดรับไฟล์เพลงบนหน้าจอโทรศัพท์ตัวเอง "เพลงอะไร"
"จูบ...ของ illslick น่ะค่ะ เพลงใต้ดิน แต่น่ารักดี ทำนองติดหูมากเลยล่ะค่ะ"
เมื่อโหลดไฟล์เรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดฟัง
'...คุณว่าผมหยิ่ง แต่จริงๆแล้วผมอาย ได้โปรดอย่าอัพรูปคู่ เดี๋ยวแฟนคุณยิงผมตาย
จะใส่ชุดอะไรไหนมาลองให้ผมทาย แค่ฟังเสียงอิลบวกคารมณ์คมคาย Let's ride
Ya Eee Ya Eee Yaaaaa สักวันหากเราต้องตายจะไม่เสียดาย
So Baby Kiss Me One More Time
คุณจูบฉับรอยจูบนั้นย่อมติดจนตาย จะลบรอยจูบอย่างไรไม่หาย อย่าลืม อย่าเลือน
แค่จูบฉัน Baby Kiss Me One More Time I Ain't Never Told No Lie
You're Such A Beautiful Girl...'
เขาหลุดหัวเราะเบา ๆ มองหน้าหญิงสาวนัยน์ตาพราว พรายเพ็งยักคิ้วให้ชายหนุ่มกึ่งล้อเลียน "ฟังอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ"
"ฟังทุกแบบล่ะค่ะ"
พรายเพ็งก้มหน้าไล่หารายชื่อเพลงในโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจส่งเพลงหนึ่งให้เขา
...Stupid boy...
'
เขาไม่ได้เปิดฟังทันที แต่กลับหันมาบอกเธอ "ส่งมาอีกสิครับ"
"จะเก็บไว้ฟังเวลาคิดถึงเพลงหรือคะ" เธอแกล้งบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน ยกแก้วโรเซ่ขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดีมากขึ้น เลือกเพลงส่งให้เขาอีกสี่ห้าเพลง ก่อนบอกเมื่อเบียร์หมดแก้ว
"ดึกแล้ว...หนูกลับก่อนนะคะ"
เขามองร่างบางที่กำลังจะลุกขึ้น ก่อนมองเบียร์ในแก้วของตน "เดี๋ยวสิ ขอพี่ดื่มเบียร์หมดก่อนแล้วกลับพร้อมกันนะ"
พรายเพ็งมองแก้วเบียร์ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งในสาม เธอเลื่อนแก้วไปตรงหน้าเขา
"หนูอยากถึงบ้านก่อนสี่ทุ่มค่ะ"
ชายหนุ่มถอนใจ ยกแก้วขึ้นดื่มคราวเดียวจนหมด พรายเพ็งอมยิ้มมอง "หนูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
ร่างบางหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่รับฟังสิ่งใดอีก ชายหนุ่มมองตามหลังเธอแล้วอดจะถอนใจเบา ๆ ไม่ได้
เขาไม่เคยวุ่นวายในการคบหากับผู้หญิงคนไหนเท่าพรายเพ็ง หลายคนผ่านมาไม่นาน จบลงที่เตียงชั่วข้ามคืนแล้วผ่านไป ทุกคนใส่ใจดูแลเขาราวเจ้าชายผู้ทรงศักดิ์ อ่อนหวาน และตามใจแทบทุกอย่าง
แต่กับพรายเพ็ง...เธอเหมือนสายลมที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เธอมีกฎเกณฑ์นับพันข้อในความสัมพันธ์จนน่ารำคาญ แต่ยามใดที่ดวงตาคู่นั้นมองสบตาเขา ความรู้สึกอุ่นบางอย่างก็ทำให้ยากจะปล่อยมือ เขาหวงดวงตาที่มองตรงมาอย่างอ่อนหวานของเธอ หวงจนไม่อยากเห็นเธอมองใครด้วยสายตาแบบนั้น นอกจากเขา!
เขาเคยเหนื่อยกับกฎเกณฑ์ร้อยพัน กับความสัมพันธ์ที่ต้องระวังตัวทุกฝีก้าวจนไร้ความสุข ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะพยายามต่อไปเพื่ออะไร ในวันที่พรายเพ็งยังยึดติดกับภาพพจน์คุณหนูผู้ทระนงของเธอจนคิดว่าตัวเองเป็นหงส์ที่ทุกคนต้องบูชา
ภาวิศยอมรับ เขามาจากครอบครัวที่ขาดหาย ขณะที่พรายเพ็งมาจากบ้านที่ล้นเปี่ยมไปทุกสิ่ง เธองดงาม เลอค่า เป็นเหมือนเพชรเม็ดงามที่เขาบังเอิญหาได้มา แต่ประโยชน์อะไรหากเพชรเม็ดนั้นวางตัวไว้บนหิ้งบูชา ไม่ยอมก้าวมาเป็นหัวแหวน เขาก็คงต้องปล่อยมือ
แต่เมื่อเห็นเธออีกครั้ง เมื่อสบนัยน์ตาคู่นั้น เมื่อเดินอยู่ข้าง ๆ กัน เขารู้ว่าดวงตาหวาน ๆ ของเธอยังคงมองเขาด้วยความรู้สึกที่ทำให้เขาหลงรักอยู่เสมอ
แววตาที่เขาไม่เคยเห็นจากผู้หญิงคนไหน แววตาที่ราวจะบอกเขาว่า
'...ต่อให้โลกถล่มลงมา เพลงก็จะอยู่ข้าง ๆ พี่...'
คนที่เดินมาจากโลกที่ขาด คนที่ต้องการความรักอย่างไม่เคยเต็มอย่างเขา จะไม่เผลอยื่นมือไปดึงเธอกลับมาได้อย่างไร
----
พาผู้ชายสีเขียวมาทำความรู้จักกับทุกท่านค่ะ
ในความรักไม่มีใครดีพร้อม ไม่มีใครผิดและไม่มีใครถูก มีแค่คนสองคนที่เติมเต็มให้แก่กัน สุดแท้แต่ว่า...ใครจะเป็นฝ่ายเติม หรือจะช่วยกันเติมเท่านั้นเองค่ะ
คุณ คิมหันตุ์ : อาว่านคงปลอมตัวไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังไม่ว่างกลับมาทำคะแนนเลยค่ะ
คุณ sai : ไอซ์เองก็ไม่แน่ใจค่ะ
คุณ ใบบัวน่ารัก : โอย...เจอคำตอบนี้เข้าไป ไอซ์นี่ขำกลิ้งอยู่หน้าจอเลยค่ะ
คุณ โอชิน : ไอซ์เองก็ชอบผู้ชายชัดเจนมากกว่าค่ะ
คุณ kraten : เขียวมะนาวจ้า ๆ ก็ทำให้ตาพร่า เห็นอะไรไม่ค่อยชัดค่ะ
คุณ goldensun : ไอซ์ว่า เขาแค่อยากทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่าค่ะ มีคนเคยบอกไอซ์ว่า ผู้ชาย...จะอยู่กับคนที่ทำให้เขามีความสุข
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ : จริงที่สุดเลยค่ะ
----
ยิ่งเขียนเรื่องนี้ ไอซ์ก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง
บางครั้งในบางความสัมพันธ์ มันก็เกินกว่าจะนิยามด้วยคำว่า 'รัก' หรือ 'ไม่รัก'
"ช่วงนี้ดูเงียบ ๆ นะ เป็นอะไรหรือเปล่า" เขาเลิกคิ้วมองหน้าเธอ "ไหนบอกว่าเป็นเด็กไฮเปอร์ หรือเป็นเฉพาะอยู่กับคนอื่น"
พรายเพ็งกระพริบตาปริบ ๆ กับคำถามที่เธอไม่กล้าเดาเจตนา แต่ที่รู้อย่างหนึ่งคือ เขายังใส่ใจกับสเตตัสบนสื่อออนไลน์ของเธอ เมื่อวันก่อนเธอเพิ่งตั้งสเตตัสทำนองนี้ไป
หญิงสาวคลี่ยิ้มจาง ตอบทีเล่นทีจริง "กลัวว่าถ้าไฮเปอร์มากไป พี่กายจะไม่รักมั้งคะ"
ถ้าเขากล้าพูดเล่นถึงความรักกับเธอ พรายเพ็งก็พร้อมจะยื่นดาบเดียวกันให้ แม้ใจยังหวั่นลึก ๆ ว่าดาบนั้นจะย้อนกลับมาหาเธอเองก็ตาม
ทั้งที่ในใจอยากจะถามหานิยามความสัมพันธ์ที่ดำเนินอยู่ ณ ขณะนี้ แต่พรายเพ็งก็ยังไม่กล้าพอจะปล่อยให้หัวใจตัวเองต้องเสี่ยงอีกครั้ง
ชายหนุ่มหัวเราะในคอโดยไร้คำตอบ เขายกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ มองตาเธอนิ่งด้วยแววตากึ่งล้อกึ่งอ้อนที่อาจทำให้ผู้หญิงหลายคนตกสู่มนต์สะกด แต่ผู้หญิงที่อยู่ใต้คำสาปอย่างพรายเพ็งไม่เคยหลงในมนต์ของเจ้าชายที่ไหน เธอส่ายหน้า แล้วก้มลงให้ความสนใจกับจานสลัดบนโต๊ะ
สายตาที่สะกดพรายเพ็งได้เสมอ ไม่ใช่แววตาของเจ้าชายผู้ทรงเสน่ห์ แต่อย่าให้เขารู้เลยว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อยู่ใต้คำสาปแห่งดวงตาของลูกสุนัขที่ถูกทิ้ง
อย่าปล่อยให้ใครใช้สายตาแบบนั้นล่อลวงเธออีก
"ขนมไหมครับ"
"ไม่ล่ะค่ะ"
"ไม่ใช่ที่นี่ ไปหาร้านอื่นก็ได้นะ อยากกินอะไรไหม" ท่าทางกระตือรือร้น ห่วงใยและเอาใจใส่เช่นนี้เหมือนจะร้างหายไปนานจนพรายเพ็งเกือบลืมไปแล้ว
ยามใดที่เขาใส่ใจดูแล เอาอกเอาใจ ก็อ่อนหวานน่ารักเสียจนหัวใจอ่อน ๆ แทบละลาย
หญิงสาวเผลอยิ้มบาง ๆ "เดี๋ยวออกไปเดินดูก่อนก็ได้ค่ะ พี่กายอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ"
"ไม่มีอ่ะ แต่รู้สึกยังไม่อิ่ม"
พรายเพ็งพยักหน้ารับ คว้ากระเป๋าลุกขึ้นเมื่อพนักงานนำสลิปบัตรเครดิตมาให้ชายหนุ่มเซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ว คิ้วเข้มสวยขมวดเล็กน้อยเมื่อเธอคิดหาสถานที่สำหรับนั่งกินขนมเล่น ดวงตาคมเผลอตวัดมองไปที่นาฬิกาข้อมือของคนตรงหน้า ก่อนเธอจะหลุดคำเบา ๆ
"จะสองทุ่มแล้ว"
เขาหันมามองหน้าเธอ หรี่ตาเพียงครู่ ก่อนเอ่ย "ครับ...ยังไม่ดึกเท่าไรสำหรับพี่ แต่เพลง..."
หญิงสาวถอนใจเบา ๆ "หาขนมทานเล่นก่อนก็ได้ค่ะ"
ไม่รู้ทำไม เธอใจอ่อนเสมอกับท่าทางกึ่งอ้อนของเขา วูบหนึ่งดวงตาเผลอตวัดมองมือหนา เธอยังเผลอกำมือตัวเองเบา ๆ เพื่อตอกย้ำถึงความว่างเปล่า
เขาเคยคว้ามือเธอไว้ไม่ยอมปล่อย เดินจับมืออยู่ข้างกันจนเธอเคยหลุดปากถาม 'เรา...จะจับมือกันไปนานแค่ไหนคะ'
วันนี้เธอได้คำตอบแล้ว
ขณะที่กำลังครุ่นคิด ร่างบางก็สะท้านเฮือก เมื่อสัมผัสของมือเย็น ๆ เกี่ยวเข้ามากุมมือเธอไว้ ดึงให้เดินไปข้าง ๆ กัน
"เปลี่ยนใจแล้ว ไปลานเบียร์ได้ไหมครับ"
หญิงสาวกระพริบตาเบา ๆ ก่อนพยักหน้ารับ "ได้ค่ะ"
"ได้จริง ๆ เหรอ" เขาเลิกคิ้วจ้องหน้าเธออย่างคาดไม่ถึง
"ค่ะ...หนูอิ่มแล้ว ไปนั่งเป็นเพื่อนพี่กายได้ค่ะ"
เขาพยักหน้ารับ พาเธอเดินลงไปที่ลานด้านล่าง หน้าอาคารห้างสรรพสินค้าจัดเป็นลานเบียร์เล็ก ๆ ลมเย็นพัดมาแตะร่างจนสะท้านไปทั้งตัว
คนตัวโตโอบร่างเล็กบางเข้ามาใกล้ "หนาวเหรอ"
"นิดหน่อยค่ะ ลมแรง" เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะดึงตัวออกห่าง เขาเลื่อนมือที่โอบแตะบนหลังคอเธออย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะดึงออก
พรายเพ็งสูดหายใจยาว เรียกสติให้ตัวเองกับหัวใจที่เต้นรัวราวจะโลดออกมาจากอก ภาวิศพาเธอไปที่โต๊ะ เขามองจนแน่ใจว่ารอบด้านมีแผ่นผ้าใบกันลมไม่ให้พัดผ่านมาจนเย็นนัก
"โต๊ะนี้แล้วกันนะ ลมคงไม่มาก"
หญิงสาวไม่ได้ตอบ ควาใส่ใจที่ได้ทำให้หัวใจเธอพองฟู แม้ความไม่มั่นใจและหวาดกลัวจะยังคงทิ้งตะกอนอยู่ในห้องใจ
พนักงานนำรายการอาหารและเครื่องดื่มมาให้ พรายเพ็งมองดูอยู่ครู่สั้น ๆ ก็หันไปบอก "ชามะนาวเย็นค่ะ"
ภาวิศไล่สายตามอง เลิกคิ้วอย่างไม่ชอบใจนัก "เพลงสั่งอะไรนะ"
"ชามะนาวค่ะ" เธอคลี่ยิ้มบาง ๆ ตอบ
"มาลานเบียร์แต่กินชามะนาว"
"เมาแล้วกลับแท็กซี่คงไม่ปลอดภัยค่ะ"
เขาหัวเราะ "อย่างเธอน่ะนะจะเมา" ด้วยฐานะที่ต้องคอยดูแลรับรองแขกให้บิดามารดา พรายเพ็งถูกสอนให้รู้จักรสชาติของแอลกอฮอล์
แก้วแรกในชีวิต มารดาเป็นคนยื่นให้แล้วบอกว่า 'กินซะให้รู้ว่าเวลาเมามันเป็นอย่างไร ออกนอกบ้านไปจะได้ไม่โดนใครเขามอม'
หญิงสาวไม่ได้ตอบ เขาก็ไม่คิดจะไล่เลียง แต่หันไปบอกพนักงานหน้าตาเฉย
"ฟรายด์โทสที่หนึ่งนะครับ แล้วก็...โฮการ์เด้นหนึ่ง ยกเลิกชามะนาว เปลี่ยนเป็นโรเซ่นะ"
ประโยคหลังทำให้เธอหันมองเขาอย่างไม่ชอบใจนัก ภาวิศแค่มองหน้าเธอนิ่งราวจะดุ
"เห็นไปกินคอกเทลที่นั่นที่นี่ แค่เบียร์แก้วเดียวไม่เมาหรอก" พรายเพ็งถอนใจ ยอมรับว่าหลายวันก่อนเธอลงภาพเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในเพจส่วนตัว ไม่คิดว่าเขาจะเห็น
เพียงไม่นาน พนักงานก็ยกเบียร์มาเสิร์ฟ ภาวิศนั่งก้มหน้ามองจอโทรศัพท์ที่ฉายภาพตัวละครในเกมส์อย่างตั้งอกตั้งใจ ขณะที่พรายเพ็งได้แต่นั่งนิ่ง ๆ มองแก้วเบียร์สีชมพูเข้มตรงหน้า ถอนใจแล้วยกขึ้นจิบช้า ๆ กลิ่นกุหลาบอวลเข้ามาในคอ รสชาติไม่ขมเกินไปทำให้เธออดชมในใจไม่ได้
เขาช่างฉลาดเลือกเครื่องดื่ม
นั่งอยู่นานจนเริ่มเบื่อ พรายเพ็งมองนาฬิกา เขาไม่กลับและไม่คิดจะพูดคุย
ถ้าต้องการความสงบนัก เธอก็จะมอบให้
พรายเพ็งหยิบหูฟังมาเสียบกับโทรศัพท์ เปิดเครื่องเล่นเพลงแล้วหลับตานิ่ง ปล่อยให้เสียงเพลงบรรเลงไปในหัว
Canon in D major
เพลงที่เขาชอบ และเคยบอกว่าอยากให้เธอเล่น...ในวันแต่งงานของเรา...
พรายเพ็งปล่อยความคิดไปกับบทเพลงบรรเลงหวาน เพลงนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอหัดเล่นเปียโน ชื่นชอบและหลงใหลจนแม้วันที่แยกกับเขาแล้ว
"ฟังอะไรอยู่ครับ" เมื่อเธอสงบลง เขากลับสนใจ
หญิงสาวไม่ตอบ แต่ปลดหูฟังข้างหนึ่งส่งให้เขา
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่ ก่อนที่มุมปากจะปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ เมื่อเพลงจบ เขาก็ปลดหูฟังคืนให้เธอ "เล่นได้ไหม"
"ไม่มีเหตุผลให้หัดเล่นแล้วนี่คะ" เธอตอบหน้าตาเฉย "เล่นเป็นแต่หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว อยากฟังไหมคะ"
"ส่งเพลงให้พี่หน่อยสิ เครื่องพี่ไม่ค่อยมีเพลงเลย"
"หนูไม่รู้ว่าพี่ชอบฟังเพลงแบบไหนน่ะค่ะ"
เขานิ่งไปครู่ "เหรอ ก็หัดรู้บ้างสิ"
พรายเพ็งกระพริบตาปริบ ๆ เธอไม่แน่ใจว่าฐานะคนเคยคุ้นควรจะต้องรู้อะไรมากน้อยแค่ไหน เธอตัดสินใจไม่ซักถาม นั่งไล่ดูรายชื่อเพลงในโทรศัพท์ สายตาพลันสะดุดที่เพลงหนึ่ง
"เปิดแอร์ดรอปหรือยังคะ เดี๋ยวหนูส่งให้นะคะ"
เขากดรับไฟล์เพลงบนหน้าจอโทรศัพท์ตัวเอง "เพลงอะไร"
"จูบ...ของ illslick น่ะค่ะ เพลงใต้ดิน แต่น่ารักดี ทำนองติดหูมากเลยล่ะค่ะ"
เมื่อโหลดไฟล์เรียบร้อยแล้ว เขาก็เปิดฟัง
'...คุณว่าผมหยิ่ง แต่จริงๆแล้วผมอาย ได้โปรดอย่าอัพรูปคู่ เดี๋ยวแฟนคุณยิงผมตาย
จะใส่ชุดอะไรไหนมาลองให้ผมทาย แค่ฟังเสียงอิลบวกคารมณ์คมคาย Let's ride
Ya Eee Ya Eee Yaaaaa สักวันหากเราต้องตายจะไม่เสียดาย
So Baby Kiss Me One More Time
คุณจูบฉับรอยจูบนั้นย่อมติดจนตาย จะลบรอยจูบอย่างไรไม่หาย อย่าลืม อย่าเลือน
แค่จูบฉัน Baby Kiss Me One More Time I Ain't Never Told No Lie
You're Such A Beautiful Girl...'
เขาหลุดหัวเราะเบา ๆ มองหน้าหญิงสาวนัยน์ตาพราว พรายเพ็งยักคิ้วให้ชายหนุ่มกึ่งล้อเลียน "ฟังอะไรแบบนี้ด้วยเหรอ"
"ฟังทุกแบบล่ะค่ะ"
พรายเพ็งก้มหน้าไล่หารายชื่อเพลงในโทรศัพท์อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจส่งเพลงหนึ่งให้เขา
...Stupid boy...
'
เขาไม่ได้เปิดฟังทันที แต่กลับหันมาบอกเธอ "ส่งมาอีกสิครับ"
"จะเก็บไว้ฟังเวลาคิดถึงเพลงหรือคะ" เธอแกล้งบอกพร้อมรอยยิ้มหวาน ยกแก้วโรเซ่ขึ้นจิบอย่างอารมณ์ดีมากขึ้น เลือกเพลงส่งให้เขาอีกสี่ห้าเพลง ก่อนบอกเมื่อเบียร์หมดแก้ว
"ดึกแล้ว...หนูกลับก่อนนะคะ"
เขามองร่างบางที่กำลังจะลุกขึ้น ก่อนมองเบียร์ในแก้วของตน "เดี๋ยวสิ ขอพี่ดื่มเบียร์หมดก่อนแล้วกลับพร้อมกันนะ"
พรายเพ็งมองแก้วเบียร์ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งในสาม เธอเลื่อนแก้วไปตรงหน้าเขา
"หนูอยากถึงบ้านก่อนสี่ทุ่มค่ะ"
ชายหนุ่มถอนใจ ยกแก้วขึ้นดื่มคราวเดียวจนหมด พรายเพ็งอมยิ้มมอง "หนูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ"
ร่างบางหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่รับฟังสิ่งใดอีก ชายหนุ่มมองตามหลังเธอแล้วอดจะถอนใจเบา ๆ ไม่ได้
เขาไม่เคยวุ่นวายในการคบหากับผู้หญิงคนไหนเท่าพรายเพ็ง หลายคนผ่านมาไม่นาน จบลงที่เตียงชั่วข้ามคืนแล้วผ่านไป ทุกคนใส่ใจดูแลเขาราวเจ้าชายผู้ทรงศักดิ์ อ่อนหวาน และตามใจแทบทุกอย่าง
แต่กับพรายเพ็ง...เธอเหมือนสายลมที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้ เธอมีกฎเกณฑ์นับพันข้อในความสัมพันธ์จนน่ารำคาญ แต่ยามใดที่ดวงตาคู่นั้นมองสบตาเขา ความรู้สึกอุ่นบางอย่างก็ทำให้ยากจะปล่อยมือ เขาหวงดวงตาที่มองตรงมาอย่างอ่อนหวานของเธอ หวงจนไม่อยากเห็นเธอมองใครด้วยสายตาแบบนั้น นอกจากเขา!
เขาเคยเหนื่อยกับกฎเกณฑ์ร้อยพัน กับความสัมพันธ์ที่ต้องระวังตัวทุกฝีก้าวจนไร้ความสุข ไม่รู้จริง ๆ ว่าจะพยายามต่อไปเพื่ออะไร ในวันที่พรายเพ็งยังยึดติดกับภาพพจน์คุณหนูผู้ทระนงของเธอจนคิดว่าตัวเองเป็นหงส์ที่ทุกคนต้องบูชา
ภาวิศยอมรับ เขามาจากครอบครัวที่ขาดหาย ขณะที่พรายเพ็งมาจากบ้านที่ล้นเปี่ยมไปทุกสิ่ง เธองดงาม เลอค่า เป็นเหมือนเพชรเม็ดงามที่เขาบังเอิญหาได้มา แต่ประโยชน์อะไรหากเพชรเม็ดนั้นวางตัวไว้บนหิ้งบูชา ไม่ยอมก้าวมาเป็นหัวแหวน เขาก็คงต้องปล่อยมือ
แต่เมื่อเห็นเธออีกครั้ง เมื่อสบนัยน์ตาคู่นั้น เมื่อเดินอยู่ข้าง ๆ กัน เขารู้ว่าดวงตาหวาน ๆ ของเธอยังคงมองเขาด้วยความรู้สึกที่ทำให้เขาหลงรักอยู่เสมอ
แววตาที่เขาไม่เคยเห็นจากผู้หญิงคนไหน แววตาที่ราวจะบอกเขาว่า
'...ต่อให้โลกถล่มลงมา เพลงก็จะอยู่ข้าง ๆ พี่...'
คนที่เดินมาจากโลกที่ขาด คนที่ต้องการความรักอย่างไม่เคยเต็มอย่างเขา จะไม่เผลอยื่นมือไปดึงเธอกลับมาได้อย่างไร
----
พาผู้ชายสีเขียวมาทำความรู้จักกับทุกท่านค่ะ
ในความรักไม่มีใครดีพร้อม ไม่มีใครผิดและไม่มีใครถูก มีแค่คนสองคนที่เติมเต็มให้แก่กัน สุดแท้แต่ว่า...ใครจะเป็นฝ่ายเติม หรือจะช่วยกันเติมเท่านั้นเองค่ะ
คุณ คิมหันตุ์ : อาว่านคงปลอมตัวไปอยู่ที่ไหนสักแห่ง ยังไม่ว่างกลับมาทำคะแนนเลยค่ะ
คุณ sai : ไอซ์เองก็ไม่แน่ใจค่ะ
คุณ ใบบัวน่ารัก : โอย...เจอคำตอบนี้เข้าไป ไอซ์นี่ขำกลิ้งอยู่หน้าจอเลยค่ะ
คุณ โอชิน : ไอซ์เองก็ชอบผู้ชายชัดเจนมากกว่าค่ะ
คุณ kraten : เขียวมะนาวจ้า ๆ ก็ทำให้ตาพร่า เห็นอะไรไม่ค่อยชัดค่ะ
คุณ goldensun : ไอซ์ว่า เขาแค่อยากทำให้ตัวเองมีความสุขมากกว่าค่ะ มีคนเคยบอกไอซ์ว่า ผู้ชาย...จะอยู่กับคนที่ทำให้เขามีความสุข
คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ : จริงที่สุดเลยค่ะ
----
ยิ่งเขียนเรื่องนี้ ไอซ์ก็ยิ่งรู้สึกแปลก ๆ บางอย่าง
บางครั้งในบางความสัมพันธ์ มันก็เกินกว่าจะนิยามด้วยคำว่า 'รัก' หรือ 'ไม่รัก'
ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.พ. 2558, 14:44:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.พ. 2558, 14:45:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1597
<< -เพลงรักในสายลม(5)- | -ปลาไหลฮัสกี้(1)- >> |
ใบบัวน่ารัก 4 ก.พ. 2558, 18:26:51 น.
นะ แค่มั่นใจว่าจะทำให้ชีวิตนี้มีความสุข
อยู่ด้วยกัน รักกันสักชาติ ก็น่าจะพอแล้ว
นะ แค่มั่นใจว่าจะทำให้ชีวิตนี้มีความสุข
อยู่ด้วยกัน รักกันสักชาติ ก็น่าจะพอแล้ว
คิมหันตุ์ 5 ก.พ. 2558, 00:27:51 น.
เห้ออ. ยังไงดีหนอบางครั้งความรักมันก้อไม่เคยพอดีเลยสักที อยุ่กับคนสองคนเท่านั้นจริงๆสินะคะ
เห้ออ. ยังไงดีหนอบางครั้งความรักมันก้อไม่เคยพอดีเลยสักที อยุ่กับคนสองคนเท่านั้นจริงๆสินะคะ
goldensun 12 ก.พ. 2558, 19:19:32 น.
รัก แต่ไม่ยอมเข้าใจในตัวตนของคนที่รัก ปรับตัวให้เข้ากันไม่ได้ หรือไม่ปรับตัว สุดท้ายที่ฝืนก็เหนื่อย จนต้องเลิกลา
แต่ความชอบไม่กลายเป็นความเกลียด โอกาสหวนคืนก็น่าจะยังมี แต่ถ้ายังยึดที่ตัวเองแบบเดิม ก็คงซ้ำรอยเดิมอยู่ดี
รัก แต่ไม่ยอมเข้าใจในตัวตนของคนที่รัก ปรับตัวให้เข้ากันไม่ได้ หรือไม่ปรับตัว สุดท้ายที่ฝืนก็เหนื่อย จนต้องเลิกลา
แต่ความชอบไม่กลายเป็นความเกลียด โอกาสหวนคืนก็น่าจะยังมี แต่ถ้ายังยึดที่ตัวเองแบบเดิม ก็คงซ้ำรอยเดิมอยู่ดี