ทัณฑ์ดอกรัก
เนิ่นนานกว่าร้อยปี โชคชะตาจึงชักพาเธอมาพบเจอกับเขาอีกครั้ง เธอถูกหว่านล้อมลวงหลอกด้วยเล่ห์กะเท่ห์มารยาของหนุ่มนักเลงกลอนอายุร่วมร้อยปีที่แสนน่ารัก โรคใจอ่อนกำเริบจนอ่อนใจ น่ากลัวว่า เธอจะเผลอตัวเผลอใจยอมตกห้วงรักอันแสนเย้ายวนไปร่วมกับเขาเข้าสักวัน
เพียงแต่คนบางคน หรือจะยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น!
“ผมไม่สนใจว่าเขาจะเป็นวิญญาณบรรพบุรุษสายไหนของผม ผมรู้แต่ว่าเขาควรอยู่ส่วนเขา ส่วนคุณ...คุณต้องอยู่กับผม!”
(วิญญาณน่าเจี๊ยะ เจ้านายน่าแซะค่ะ ^^ เชิญเลือกหม่ำตามสบาย)
เพียงแต่คนบางคน หรือจะยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น!
“ผมไม่สนใจว่าเขาจะเป็นวิญญาณบรรพบุรุษสายไหนของผม ผมรู้แต่ว่าเขาควรอยู่ส่วนเขา ส่วนคุณ...คุณต้องอยู่กับผม!”
(วิญญาณน่าเจี๊ยะ เจ้านายน่าแซะค่ะ ^^ เชิญเลือกหม่ำตามสบาย)
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก (1/2)
ฝัน...อีกครั้งที่ปัญญ์ปรียาถูกความฝันชักพาให้พบกับความทรงจำของสตรีที่ชื่อนวล
เธอกำลังหมอบต่ำแผ่นหลังโก่งโค้งสั่นสะท้าน ศีรษะกดก้มลงจรดกับสองมือที่พนมวางอย่างนอบน้อมและยำเกรง
ความหวาดหวั่นที่อัดแน่นอยู่ในอกไม่ผิดจากตอนที่ได้ยินเสียงดุเอาเรื่องของผู้หญิงที่ขัดขึ้นตอนคุยกับคุณเอื้อ เพียงแต่สถานที่เธอหมอบอยู่ยามนี้ปูด้วยกระดานไม้แห้งสาก
กลิ่นไม้ที่ใกล้จมูกกว่ากลับถูกกลบด้วยกลิ่นแป้งน้ำปรุงหอมแต่ฉุนจากคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า สายตาของนวลจับจ้องอยู่ที่ปลายเท้าของสตรีผู้มากศักดิ์ซึ่งอยู่ห่างจากมือเธอไปไม่กี่มากน้อย น้ำตาคลอหน่วงที่สองตาจนภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ
“เอ็งว่าเอ็งไม่คิดให้ท่าพ่อเอื้อ เอ็งจะหาว่าหลานข้าไปต้องตาเอ็งเองหรือไงฮึ!” สตรีมากศักดิ์กระทืบเท้าโครมอย่างขัดใจ
ขวัญที่ขลาดเขลายิ่งนักของนวลแทบบินหนีไปในวินาทีนั้น แต่หญิงสาวยังต้องรวบรวมความกล้าสั่นศีรษะดิก กล่าวปฏิเสธซ้ำๆอยู่หลายต่อหลายรอบ “มิได้เจ้าค่ะ มิได้ วันนั้นท่านขุนเพียงผ่านมาพบ และหยุดทักบ่าวครู่เดียวเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆเจ้าค่ะ”
“หน็อย! นังคนนี้ ข้าไม่ได้หูหนวกตาบอด ที่เชยหน้าเชยคางกันนั่นข้าเห็น ที่เอ็งมองพ่อเอื้อตาเชื่อมตาหวานข้าก็เห็น!”
“บ่าว...บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ” นวลตัวสั่นเทา รีบรี่คลานเข่ากราบแนบเท้าอีกฝ่าย น้ำตาแห่งความหวาดกลัวร่วงเผลาะๆ เปียกเลอะทั้งมือตนและเท้าอวบอูม
“อย่าเห็นว่าลูกข้าหลานข้าดีต่อเอ็งแล้วเอ็งจะขึ้นมาเทียมเสมอนาย พ่อเอื้อกับแม่แขจะช้าจะเร็วก็ไม่แคล้ว แม่แขของข้าน่ะคนดี มีหรือจะทันฤทธิ์เดชมารยาของพวกเอ็ง เอ็งหวังจะล่อลวงพ่อเอื้อให้ลุ่มหลงแล้วทอดทิ้งแม่แขน่ะสิ อีนังตัวร้าย! เห็นแก่ที่แม่แขเอ็นดูเอ็งบ้างเถอะ ถือดียังไง บังอาจจะมาร่วมผัวเดียวกับลูกข้า”
เจ้าของเสียงดุชักเท้าหนีไม่พอ ยังกระทืบลงที่ไหล่จนปวดชา แรงเท้าที่กดกระแทกลงมาแต่ละครั้งยิ่งเตือนย้ำให้นวลตระหนักถึงความต่ำต้อยของตน และความเกลียดชังอันไร้ปรานีของผู้พูด แต่นวลยังไม่ละความพยายามที่จะขอความยุติธรรม
“คุณจำเริญเจ้าคะ บ่าวไม่กล้าจริงๆเจ้าค่ะ ไม่กล้าแม้จะคิด บ่าวอยู่ของบ่าว บ่าวไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะเจ้าคะ”
“ปากแข็งนักมึง! อ้ายชด! เอ็งมาลากอีนี่ไปเฆี่ยนให้ข้าสักสิบหวาย ดูสิว่าต่อไปมันยังกล้าชม้ายชายตาให้ท่าหลานข้าอีกมั้ย” จำเริญนิ่งไปเพียงอึดใจก็เรียกซ้ำประสาคนที่ใจกำลังร้องรุ่มเป็นไฟ “อ้ายชด! ข้าว่าให้เข้ามานี่”
“คุณจำเริญจะใช้อะไรอ้ายชดมันหรือขอรับ”
เพียงแค่นวลได้ยินเสียงชายหนุ่มที่ขัดขึ้นมาหัวใจก็พองฟูขึ้น ประหนึ่งคนอับจนหนทางพบเห็นลำแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อันมืดทึม ผิดกับคุณจำเริญที่เม้มปากส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ ก่อนจะคุมน้ำเสียงตอบโต้ไปอย่างเป็นปกติ
“พ่อเสือรึ! อ้ายชดมันไปไหน น้าให้มันรอที่ด้านนอก”
“กระผมใช้อ้ายชดให้จัดกระถางต้นไม้ด้านหลังเรือนขอรับ ต้นมะลิที่แม่กระผมปลูกไว้พอจะลงดินได้แล้ว เดินหาบ่าวผู้ชายอยู่นาน เพิ่งทราบว่าถูกเรียกไปลอกคลองเสียหมด บังเอิญเจออ้ายชดนั่งอยู่นี่ละขอรับ” ชายที่ชื่อเสือไม่ได้ก้าวล่วงมาในห้องที่นวลถูกพิพากษาอยู่ แต่ยืนอธิบายเสียงดังฟังชัดจากนอกประตู
คุณจำเริญมีท่าว่าเกรงใจอีกฝ่ายอยู่บ้าง หรืออย่างน้อยก็รู้ว่าตนกำลังทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรจึงหมายจะปิดบังไว้เต็มกำลัง เธอฟังไม่ทันจบก็กระชากแขนนวลให้ผุดลุกตามกัน พลางถลึงตามองอย่างคาดโทษ
“รอดไปนะเอ็ง นี่ถ้าเป็นบ้านข้าเรือนข้า ข้าจะตีเอ็งให้ตาย ไม่ปล่อยหน้านวลๆอย่างเอ็งไว้ล่อลวงลูกผัวข้าเป็นอันขาด แต่เอ็งอย่าได้ลำพองว่ามีไอ้ลูกเมียบ่าวนี่คุ้มกะลาหัวแล้วข้าจะจัดการเอ็งไม่ได้”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมถ่ายทอดความชิงชังในใจของคุณจำเริญอย่างไม่ปิดบังเสแสร้ง แต่เมื่อเปิดประตูออกไปเผชิญหน้าชายหนุ่มด้านนอก เจ้าตัวกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปั้นหน้ายิ้มแย้มปราศรัย กล่าวโป้ปดได้อย่างไม่ติดขัด
“น้าหลบแดดพักรอแม่อ่อนจนจะเคลิ้มหลับอยู่แล้วเทียว แม่นวลนี่ก็ดีจริงคอยอยู่บีบนวดให้ เอ้า ไหนเล่า แม่อ่อนกับแม่ปานไม่ได้กลับมาพร้อมกันกับพ่อเสือรึ”
“กำลังเดินตามมาขอรับ กระผมนำมาก่อน คุณจำเริญรอสักครู่นะขอรับ”
“ไม่ไหวละ ฝากทักทายด้วยแล้วกัน น้าเหนื่อยแล้ว แล้วไม่ได้มีธุระปะปังอะไรนัก แค่จะขอให้เขาตำน้ำพริกมะม่วงให้พรุ่งนี้เท่านั้น คราวก่อนที่มา น้ายังติดใจฝีมือตำน้ำพริกของแม่อ่อนอยู่เลย นี่ก็บอกกับแม่นวลไว้แล้ว”
“ขอรับ ขออภัยที่ใช้คนของคุณจำเริญไม่บอกไม่กล่าว ให้กระผมเดินไปส่งนะขอรับ”
เสือส่งเสียงรับคำอย่างสำรวมกิริยา ไม่มีทีท่าว่ารับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น แม้จะเหลือบตาแลนวลที่เดินมาส่งคุณจำเริญที่หน้าประตูสักนิดยังไม่ทำ นวลเกือบคิดว่าเขาเพียงประจวบเหมาะผ่านมาช่วยเหลือไว้โดยไม่ตั้งใจ แต่แล้ว พอทั้งคู่เดินออกห่างจนลงเรือนไป พริ้งที่ทำงานร่วมกันมาแต่เล็กแต่น้อยก็ก้าวออกจากที่ซ่อนมากระซิบเสียงสั่นปนหอบ
“เกือบไปแล้วไหมเล่าอีนวลเอ๊ย ดีนะที่คุณเสือกลับมาพอดี ข้าถึงรีบไปเชิญมาช่วยเอ็งทัน นี่โดนคุณจำเริญเล่นงานอย่างไรบ้างเล่าคราวนี้ ข้ารู้ ลองรอจังหวะคุณๆไม่อยู่แล้วลากเอ็งเข้าห้องเสียอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องน้ำพริกที่อ้างดอก”
“นิดหน่อยเท่านั้นละ พอทนไหว” นวลพูดพลางบีบนวลลาดไหล่ที่ปวดหนึบ
“ตายละวา ม่วงช้ำขนาดนี้! ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเอ็งต้องทน คุณจำเริญจะโทษเอ็งก็ไม่ถูก อยากจะกะเกณฑ์บังคับก็ต้องฝั่งคุณเอื้อโน่น เป็นข้า ข้าจะหาทางฟ้อง...” คนที่ตั้งท่าว่าเก่งชะงักไป เพราะทบไปทวนมาก็นึกได้ว่า คนที่จะจัดการกับคุณจำเริญได้เห็นทีจะมีคุณละเมียดผู้เป็นพี่สาวคนเดียว เพราะฟากคุณหลวงมอบภาระหน้าที่ในบ้านให้คุณละเมียดทั้งสิ้น ไม่เคยจะลงมาตัดสินความใดๆด้วยตัวเอง
แม้คุณละเมียดจะดูแลปกครองคนด้วยพระเดชและพระคุณควบคู่กันจนบ่าวไพร่เคารพรักใคร่ตลอดมา การลงไม้ลงหวายจะทำก็ต่อเมื่อสืบสาวความผิดแล้วอย่างชัดเจน ใช่ว่าเอะอะก็ทุบตีทาสไพร่อย่างบ้านอื่น แต่หากเรื่องถึงหูคุณละเมียดจริงๆ มีหรือที่เธอจะรับฟังบ่าวต่ำต้อยมากกว่าญาติผู้น้องของตนเอง
ผู้คนล้วนรับรู้ความอารมณ์ร้ายจนเลื่องชื่อของคุณจำเริญ ว่ากันว่าที่ผู้เป็นสามีตายอย่างไร้ทายาทชายสืบทอดก็เป็นเพราะคุณจำเริญราวีจัดการจนถึงขั้นตายคาขื่อไปหลายราย เพียงย้ายมาพำนักต่างถิ่นได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็ออกลายหาเรื่องบ่าวสาวๆอยู่หลายคน ด้วยเจ้าตัวหมายจะให้คุณเอื้อครองคู่กับบุตรสาวของตนเอง
“ข้าละกลัวใจคุณจำเริญเสียจริง ถ้าชังน้ำหน้าเอ็งมากเข้า แล้วไปเป่าหูให้คุณละเมียดพลอยเกลียดเอ็งไปด้วย เอ็งจะโดนไม่น้อยนะ ข้าว่าเลี่ยงคุณเอื้อได้เอ็งก็เลี่ยงเถอะ” พริ้งกล่าวเตือน แม้ไม่โดนกระทำกับตัวเองแต่ยังพรั่นพรึงกับความร้ายกาจของคุณจำเริญไปด้วย
“ข้าก็ไม่เคยคิดจะเข้าหาคุณเอื้อ เอ็งก็รู้ว่าใจข้าคิดอย่างไร”
“แล้วที่คุณเขาว่าเอ็งไปเล่นหูเล่นตา...”
“ข้าไม่ได้ทำ เอ็งอย่าเอ็ดอึงไปเยี่ยงนั้นนะ ถ้าใครได้ยินเข้า จะเข้าใจผิดไปใหญ่” นวลรีบกำชับอย่างร้อนรน แต่พริ้งยังพยายามวิเคราะห์เรื่องราวสืบต่อ
“อ๋อ ข้ารู้ละ ต่อให้ไม่คิดอื่นไกลกับคุณเอื้อ แต่ต้องมนต์ปากต้องมือไม้คุณเอื้อเข้าหน่อย เอ็งก็ระทวยไปน่ะสิ ลงอีหรอบนี้ ไม่แคล้วก็เป็นอย่างที่คุณจำเริญเกรงนัก คุณเอื้อจะได้เอ็งเป็นเมียอีกคน!”
“เอ็งนี่!” นวลร้องลั่น เย็นวาบขึ้นในใจ ไม่ใช่เพราะฤทธิ์คำของพริ้ง แต่เพราะเห็นว่าคุณเสือเดินกลับมาจากส่งคุณจำเริญแล้ว และจากสายตาของเขาเธอก็เดาได้...
คำพูดของพริ้งลอยเข้าหูเขาครบถ้วนทุกถ้อยคำ!
ไม่จริงนะเจ้าคะ...
ปัญญ์ปรียาสะดุ้งตื่นเพราะนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ ความไม่สบายใจ ร้อนใจยังติดค้างอยู่เบื้องลึกในหัวอก เธอนึกทบทวนความฝัน ถามตนเองว่าทำไมนวลจึงต้องร้อนอกร้อนใจเช่นนั้น
เหมือนว่านวลจะใส่ใจความคิดความรู้สึกของคุณเสือ
ข้อสรุปทำให้ปัญญ์ปรียาขมวดคิ้วมุ่น อกโหวงวาบด้วยความสงสาร เพราะรักสามเส้านี้อาจเป็นเหตุให้คุณเอื้อไม่สมรักจนติดค้างไม่ได้ผุดได้เกิด
ผู้ชายอีกคนของนวล ที่ได้มองเห็นเต็มตาเพียงชั่วแวบหนึ่ง...เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน
ใบหน้าเรียบเฉยที่แฝงด้วยเค้าความทระนงตน ดวงตาดุคมกริบที่บาดหัวใจนวลได้แค่ปรายมอง เธอเดาว่าคนนี้เองที่นวลพบยามเด็ก ชายที่เดินนำอยู่หน้าขบวนแล้วไปหยุดยืนแอบหัวเราะเธออยู่ที่ท่าน้ำ แต่กระนั้น เธอก็ยังคงรู้สึกว่าไม่ใช่ เธอไม่ได้คุ้นตาเขาจากเรื่องนั้น
ความคิดของเธอวนๆเวียนๆอยู่เกี่ยวกับเขา หงุดหงิดแต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เหมือนมีม่านบางๆคอยกั้นไม่ให้ความจริงปรากฏ
ครืด...ครืด...
เสียงโทรศัพท์เธอถูกตั้งเป็นระบบสั่นไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะกลัวว่าข้อความจากใครบางคนจะถูกส่งมาในยามวิกาลแล้วกวนให้เพื่อนร่วมห้องตื่น แต่เธอเดาผิด เขาไม่กวนตอนกลางคืน แต่กวนได้ถูกจังหวะในตอนที่เธอตื่นแล้วพอดิบพอดี
หญิงสาวหยุดนึกถึงชายในความฝันเพราะมีภาพใครอีกคนเด่นชัดขึ้นทดแทน มุมปากเธอยกยิ้ม ขณะกดรับสายแล้วกรอกเสียงทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณวรท”
“หลับสบายดีมั้ย” เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อยตามปกติ แต่ปัญญ์ปรียากลับอึ้งไปชั่วขณะ ด้วยเธอนึกได้แล้วว่าคุ้นหน้าคุณเสือจากที่ใด
เขา...คุณเสือเหมือนคุณวรทราวกับมาจากพิมพ์เดียวกัน
xxxx
เอื้อ: พี่ละ เมื่อไหร่พี่จะได้โผล่มาแก้ตัว พี่คือพระเอก พี่คือพระเอกกกกกกก (โหยหวน)
วรท: ก็เห็นๆอยู่อะนะ (กระหยิ่มยิ้มย่อง เป็นต่อ)
คนเขียน: ใจเย็นๆค่ะ เดี๋ยวจัดคิวแวบนึงนะคะ ตอนนี้ติดซีรีย์ลูเจินอยู่ค่ะ ไม่ค่อยดวก 555
และแล้วความจริงก็ปรากฏ ว่าเหตุใดจึงแต่งออกมาได้สั้นแท้ตอนนี้ :)
ข้าน้อยสมควรตาย....เฮือกกกกกกกก
ป.ล. มีเปลี่ยนนิดนึง ตอนแรกบอกว่าคุณจำเริญเป็นน้องร่วมบิดากับคุณละเมียด มาฉากนี้ ขอถีบสายออกไปไกลกว่าเดิมนิดหน่อย แม้สมัยก่อนจะจับแต่งกันได้เป็นปกติ แต่อิฉันรับไม่ค่อยได้ค่ะ ^^
เธอกำลังหมอบต่ำแผ่นหลังโก่งโค้งสั่นสะท้าน ศีรษะกดก้มลงจรดกับสองมือที่พนมวางอย่างนอบน้อมและยำเกรง
ความหวาดหวั่นที่อัดแน่นอยู่ในอกไม่ผิดจากตอนที่ได้ยินเสียงดุเอาเรื่องของผู้หญิงที่ขัดขึ้นตอนคุยกับคุณเอื้อ เพียงแต่สถานที่เธอหมอบอยู่ยามนี้ปูด้วยกระดานไม้แห้งสาก
กลิ่นไม้ที่ใกล้จมูกกว่ากลับถูกกลบด้วยกลิ่นแป้งน้ำปรุงหอมแต่ฉุนจากคนที่นั่งอยู่เบื้องหน้า สายตาของนวลจับจ้องอยู่ที่ปลายเท้าของสตรีผู้มากศักดิ์ซึ่งอยู่ห่างจากมือเธอไปไม่กี่มากน้อย น้ำตาคลอหน่วงที่สองตาจนภาพเบื้องหน้าพร่าเบลอ
“เอ็งว่าเอ็งไม่คิดให้ท่าพ่อเอื้อ เอ็งจะหาว่าหลานข้าไปต้องตาเอ็งเองหรือไงฮึ!” สตรีมากศักดิ์กระทืบเท้าโครมอย่างขัดใจ
ขวัญที่ขลาดเขลายิ่งนักของนวลแทบบินหนีไปในวินาทีนั้น แต่หญิงสาวยังต้องรวบรวมความกล้าสั่นศีรษะดิก กล่าวปฏิเสธซ้ำๆอยู่หลายต่อหลายรอบ “มิได้เจ้าค่ะ มิได้ วันนั้นท่านขุนเพียงผ่านมาพบ และหยุดทักบ่าวครู่เดียวเท่านั้น...เท่านั้นจริงๆเจ้าค่ะ”
“หน็อย! นังคนนี้ ข้าไม่ได้หูหนวกตาบอด ที่เชยหน้าเชยคางกันนั่นข้าเห็น ที่เอ็งมองพ่อเอื้อตาเชื่อมตาหวานข้าก็เห็น!”
“บ่าว...บ่าวมิกล้าเจ้าค่ะ” นวลตัวสั่นเทา รีบรี่คลานเข่ากราบแนบเท้าอีกฝ่าย น้ำตาแห่งความหวาดกลัวร่วงเผลาะๆ เปียกเลอะทั้งมือตนและเท้าอวบอูม
“อย่าเห็นว่าลูกข้าหลานข้าดีต่อเอ็งแล้วเอ็งจะขึ้นมาเทียมเสมอนาย พ่อเอื้อกับแม่แขจะช้าจะเร็วก็ไม่แคล้ว แม่แขของข้าน่ะคนดี มีหรือจะทันฤทธิ์เดชมารยาของพวกเอ็ง เอ็งหวังจะล่อลวงพ่อเอื้อให้ลุ่มหลงแล้วทอดทิ้งแม่แขน่ะสิ อีนังตัวร้าย! เห็นแก่ที่แม่แขเอ็นดูเอ็งบ้างเถอะ ถือดียังไง บังอาจจะมาร่วมผัวเดียวกับลูกข้า”
เจ้าของเสียงดุชักเท้าหนีไม่พอ ยังกระทืบลงที่ไหล่จนปวดชา แรงเท้าที่กดกระแทกลงมาแต่ละครั้งยิ่งเตือนย้ำให้นวลตระหนักถึงความต่ำต้อยของตน และความเกลียดชังอันไร้ปรานีของผู้พูด แต่นวลยังไม่ละความพยายามที่จะขอความยุติธรรม
“คุณจำเริญเจ้าคะ บ่าวไม่กล้าจริงๆเจ้าค่ะ ไม่กล้าแม้จะคิด บ่าวอยู่ของบ่าว บ่าวไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะเจ้าคะ”
“ปากแข็งนักมึง! อ้ายชด! เอ็งมาลากอีนี่ไปเฆี่ยนให้ข้าสักสิบหวาย ดูสิว่าต่อไปมันยังกล้าชม้ายชายตาให้ท่าหลานข้าอีกมั้ย” จำเริญนิ่งไปเพียงอึดใจก็เรียกซ้ำประสาคนที่ใจกำลังร้องรุ่มเป็นไฟ “อ้ายชด! ข้าว่าให้เข้ามานี่”
“คุณจำเริญจะใช้อะไรอ้ายชดมันหรือขอรับ”
เพียงแค่นวลได้ยินเสียงชายหนุ่มที่ขัดขึ้นมาหัวใจก็พองฟูขึ้น ประหนึ่งคนอับจนหนทางพบเห็นลำแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์อันมืดทึม ผิดกับคุณจำเริญที่เม้มปากส่งเสียงฮึดฮัดขัดใจ ก่อนจะคุมน้ำเสียงตอบโต้ไปอย่างเป็นปกติ
“พ่อเสือรึ! อ้ายชดมันไปไหน น้าให้มันรอที่ด้านนอก”
“กระผมใช้อ้ายชดให้จัดกระถางต้นไม้ด้านหลังเรือนขอรับ ต้นมะลิที่แม่กระผมปลูกไว้พอจะลงดินได้แล้ว เดินหาบ่าวผู้ชายอยู่นาน เพิ่งทราบว่าถูกเรียกไปลอกคลองเสียหมด บังเอิญเจออ้ายชดนั่งอยู่นี่ละขอรับ” ชายที่ชื่อเสือไม่ได้ก้าวล่วงมาในห้องที่นวลถูกพิพากษาอยู่ แต่ยืนอธิบายเสียงดังฟังชัดจากนอกประตู
คุณจำเริญมีท่าว่าเกรงใจอีกฝ่ายอยู่บ้าง หรืออย่างน้อยก็รู้ว่าตนกำลังทำเรื่องไม่ถูกไม่ควรจึงหมายจะปิดบังไว้เต็มกำลัง เธอฟังไม่ทันจบก็กระชากแขนนวลให้ผุดลุกตามกัน พลางถลึงตามองอย่างคาดโทษ
“รอดไปนะเอ็ง นี่ถ้าเป็นบ้านข้าเรือนข้า ข้าจะตีเอ็งให้ตาย ไม่ปล่อยหน้านวลๆอย่างเอ็งไว้ล่อลวงลูกผัวข้าเป็นอันขาด แต่เอ็งอย่าได้ลำพองว่ามีไอ้ลูกเมียบ่าวนี่คุ้มกะลาหัวแล้วข้าจะจัดการเอ็งไม่ได้”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมถ่ายทอดความชิงชังในใจของคุณจำเริญอย่างไม่ปิดบังเสแสร้ง แต่เมื่อเปิดประตูออกไปเผชิญหน้าชายหนุ่มด้านนอก เจ้าตัวกลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ปั้นหน้ายิ้มแย้มปราศรัย กล่าวโป้ปดได้อย่างไม่ติดขัด
“น้าหลบแดดพักรอแม่อ่อนจนจะเคลิ้มหลับอยู่แล้วเทียว แม่นวลนี่ก็ดีจริงคอยอยู่บีบนวดให้ เอ้า ไหนเล่า แม่อ่อนกับแม่ปานไม่ได้กลับมาพร้อมกันกับพ่อเสือรึ”
“กำลังเดินตามมาขอรับ กระผมนำมาก่อน คุณจำเริญรอสักครู่นะขอรับ”
“ไม่ไหวละ ฝากทักทายด้วยแล้วกัน น้าเหนื่อยแล้ว แล้วไม่ได้มีธุระปะปังอะไรนัก แค่จะขอให้เขาตำน้ำพริกมะม่วงให้พรุ่งนี้เท่านั้น คราวก่อนที่มา น้ายังติดใจฝีมือตำน้ำพริกของแม่อ่อนอยู่เลย นี่ก็บอกกับแม่นวลไว้แล้ว”
“ขอรับ ขออภัยที่ใช้คนของคุณจำเริญไม่บอกไม่กล่าว ให้กระผมเดินไปส่งนะขอรับ”
เสือส่งเสียงรับคำอย่างสำรวมกิริยา ไม่มีทีท่าว่ารับรู้ถึงความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้น แม้จะเหลือบตาแลนวลที่เดินมาส่งคุณจำเริญที่หน้าประตูสักนิดยังไม่ทำ นวลเกือบคิดว่าเขาเพียงประจวบเหมาะผ่านมาช่วยเหลือไว้โดยไม่ตั้งใจ แต่แล้ว พอทั้งคู่เดินออกห่างจนลงเรือนไป พริ้งที่ทำงานร่วมกันมาแต่เล็กแต่น้อยก็ก้าวออกจากที่ซ่อนมากระซิบเสียงสั่นปนหอบ
“เกือบไปแล้วไหมเล่าอีนวลเอ๊ย ดีนะที่คุณเสือกลับมาพอดี ข้าถึงรีบไปเชิญมาช่วยเอ็งทัน นี่โดนคุณจำเริญเล่นงานอย่างไรบ้างเล่าคราวนี้ ข้ารู้ ลองรอจังหวะคุณๆไม่อยู่แล้วลากเอ็งเข้าห้องเสียอย่างนั้น ไม่ใช่เรื่องน้ำพริกที่อ้างดอก”
“นิดหน่อยเท่านั้นละ พอทนไหว” นวลพูดพลางบีบนวลลาดไหล่ที่ปวดหนึบ
“ตายละวา ม่วงช้ำขนาดนี้! ข้าไม่เข้าใจ ทำไมเอ็งต้องทน คุณจำเริญจะโทษเอ็งก็ไม่ถูก อยากจะกะเกณฑ์บังคับก็ต้องฝั่งคุณเอื้อโน่น เป็นข้า ข้าจะหาทางฟ้อง...” คนที่ตั้งท่าว่าเก่งชะงักไป เพราะทบไปทวนมาก็นึกได้ว่า คนที่จะจัดการกับคุณจำเริญได้เห็นทีจะมีคุณละเมียดผู้เป็นพี่สาวคนเดียว เพราะฟากคุณหลวงมอบภาระหน้าที่ในบ้านให้คุณละเมียดทั้งสิ้น ไม่เคยจะลงมาตัดสินความใดๆด้วยตัวเอง
แม้คุณละเมียดจะดูแลปกครองคนด้วยพระเดชและพระคุณควบคู่กันจนบ่าวไพร่เคารพรักใคร่ตลอดมา การลงไม้ลงหวายจะทำก็ต่อเมื่อสืบสาวความผิดแล้วอย่างชัดเจน ใช่ว่าเอะอะก็ทุบตีทาสไพร่อย่างบ้านอื่น แต่หากเรื่องถึงหูคุณละเมียดจริงๆ มีหรือที่เธอจะรับฟังบ่าวต่ำต้อยมากกว่าญาติผู้น้องของตนเอง
ผู้คนล้วนรับรู้ความอารมณ์ร้ายจนเลื่องชื่อของคุณจำเริญ ว่ากันว่าที่ผู้เป็นสามีตายอย่างไร้ทายาทชายสืบทอดก็เป็นเพราะคุณจำเริญราวีจัดการจนถึงขั้นตายคาขื่อไปหลายราย เพียงย้ายมาพำนักต่างถิ่นได้ไม่ถึงอาทิตย์ก็ออกลายหาเรื่องบ่าวสาวๆอยู่หลายคน ด้วยเจ้าตัวหมายจะให้คุณเอื้อครองคู่กับบุตรสาวของตนเอง
“ข้าละกลัวใจคุณจำเริญเสียจริง ถ้าชังน้ำหน้าเอ็งมากเข้า แล้วไปเป่าหูให้คุณละเมียดพลอยเกลียดเอ็งไปด้วย เอ็งจะโดนไม่น้อยนะ ข้าว่าเลี่ยงคุณเอื้อได้เอ็งก็เลี่ยงเถอะ” พริ้งกล่าวเตือน แม้ไม่โดนกระทำกับตัวเองแต่ยังพรั่นพรึงกับความร้ายกาจของคุณจำเริญไปด้วย
“ข้าก็ไม่เคยคิดจะเข้าหาคุณเอื้อ เอ็งก็รู้ว่าใจข้าคิดอย่างไร”
“แล้วที่คุณเขาว่าเอ็งไปเล่นหูเล่นตา...”
“ข้าไม่ได้ทำ เอ็งอย่าเอ็ดอึงไปเยี่ยงนั้นนะ ถ้าใครได้ยินเข้า จะเข้าใจผิดไปใหญ่” นวลรีบกำชับอย่างร้อนรน แต่พริ้งยังพยายามวิเคราะห์เรื่องราวสืบต่อ
“อ๋อ ข้ารู้ละ ต่อให้ไม่คิดอื่นไกลกับคุณเอื้อ แต่ต้องมนต์ปากต้องมือไม้คุณเอื้อเข้าหน่อย เอ็งก็ระทวยไปน่ะสิ ลงอีหรอบนี้ ไม่แคล้วก็เป็นอย่างที่คุณจำเริญเกรงนัก คุณเอื้อจะได้เอ็งเป็นเมียอีกคน!”
“เอ็งนี่!” นวลร้องลั่น เย็นวาบขึ้นในใจ ไม่ใช่เพราะฤทธิ์คำของพริ้ง แต่เพราะเห็นว่าคุณเสือเดินกลับมาจากส่งคุณจำเริญแล้ว และจากสายตาของเขาเธอก็เดาได้...
คำพูดของพริ้งลอยเข้าหูเขาครบถ้วนทุกถ้อยคำ!
ไม่จริงนะเจ้าคะ...
ปัญญ์ปรียาสะดุ้งตื่นเพราะนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ ความไม่สบายใจ ร้อนใจยังติดค้างอยู่เบื้องลึกในหัวอก เธอนึกทบทวนความฝัน ถามตนเองว่าทำไมนวลจึงต้องร้อนอกร้อนใจเช่นนั้น
เหมือนว่านวลจะใส่ใจความคิดความรู้สึกของคุณเสือ
ข้อสรุปทำให้ปัญญ์ปรียาขมวดคิ้วมุ่น อกโหวงวาบด้วยความสงสาร เพราะรักสามเส้านี้อาจเป็นเหตุให้คุณเอื้อไม่สมรักจนติดค้างไม่ได้ผุดได้เกิด
ผู้ชายอีกคนของนวล ที่ได้มองเห็นเต็มตาเพียงชั่วแวบหนึ่ง...เธอคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยเห็นที่ไหน
ใบหน้าเรียบเฉยที่แฝงด้วยเค้าความทระนงตน ดวงตาดุคมกริบที่บาดหัวใจนวลได้แค่ปรายมอง เธอเดาว่าคนนี้เองที่นวลพบยามเด็ก ชายที่เดินนำอยู่หน้าขบวนแล้วไปหยุดยืนแอบหัวเราะเธออยู่ที่ท่าน้ำ แต่กระนั้น เธอก็ยังคงรู้สึกว่าไม่ใช่ เธอไม่ได้คุ้นตาเขาจากเรื่องนั้น
ความคิดของเธอวนๆเวียนๆอยู่เกี่ยวกับเขา หงุดหงิดแต่พยายามนึกเท่าไรก็นึกไม่ออก เหมือนมีม่านบางๆคอยกั้นไม่ให้ความจริงปรากฏ
ครืด...ครืด...
เสียงโทรศัพท์เธอถูกตั้งเป็นระบบสั่นไว้ตั้งแต่เมื่อคืนเพราะกลัวว่าข้อความจากใครบางคนจะถูกส่งมาในยามวิกาลแล้วกวนให้เพื่อนร่วมห้องตื่น แต่เธอเดาผิด เขาไม่กวนตอนกลางคืน แต่กวนได้ถูกจังหวะในตอนที่เธอตื่นแล้วพอดิบพอดี
หญิงสาวหยุดนึกถึงชายในความฝันเพราะมีภาพใครอีกคนเด่นชัดขึ้นทดแทน มุมปากเธอยกยิ้ม ขณะกดรับสายแล้วกรอกเสียงทักทาย
“สวัสดีค่ะคุณวรท”
“หลับสบายดีมั้ย” เขาถามกลับมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเล็กน้อยตามปกติ แต่ปัญญ์ปรียากลับอึ้งไปชั่วขณะ ด้วยเธอนึกได้แล้วว่าคุ้นหน้าคุณเสือจากที่ใด
เขา...คุณเสือเหมือนคุณวรทราวกับมาจากพิมพ์เดียวกัน
xxxx
เอื้อ: พี่ละ เมื่อไหร่พี่จะได้โผล่มาแก้ตัว พี่คือพระเอก พี่คือพระเอกกกกกกก (โหยหวน)
วรท: ก็เห็นๆอยู่อะนะ (กระหยิ่มยิ้มย่อง เป็นต่อ)
คนเขียน: ใจเย็นๆค่ะ เดี๋ยวจัดคิวแวบนึงนะคะ ตอนนี้ติดซีรีย์ลูเจินอยู่ค่ะ ไม่ค่อยดวก 555
และแล้วความจริงก็ปรากฏ ว่าเหตุใดจึงแต่งออกมาได้สั้นแท้ตอนนี้ :)
ข้าน้อยสมควรตาย....เฮือกกกกกกกก
ป.ล. มีเปลี่ยนนิดนึง ตอนแรกบอกว่าคุณจำเริญเป็นน้องร่วมบิดากับคุณละเมียด มาฉากนี้ ขอถีบสายออกไปไกลกว่าเดิมนิดหน่อย แม้สมัยก่อนจะจับแต่งกันได้เป็นปกติ แต่อิฉันรับไม่ค่อยได้ค่ะ ^^
นณกร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ม.ค. 2558, 22:25:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ม.ค. 2558, 22:31:04 น.
จำนวนการเข้าชม : 1501
<< เปิดตัว (2/2) | วาเลนไทน์นี้ หนูปี่ก็มีนัดเจ้าค่ะ :) >> |
โอชิน 25 ม.ค. 2558, 23:26:20 น.
เรียกว่าฟาดฟันกันข้ามชาติภพ..แล้วแต่แม่นวล..เอ๊ย..หนูปี่จะเลือกละกัน..เจ้ตามใจ..เหอๆๆ
เรียกว่าฟาดฟันกันข้ามชาติภพ..แล้วแต่แม่นวล..เอ๊ย..หนูปี่จะเลือกละกัน..เจ้ตามใจ..เหอๆๆ
พันธุ์แตงกวา 26 ม.ค. 2558, 03:54:10 น.
จำเริญละแม่จำเริญ ดูทำเข้า ถ้าเกิดมาชาติปัจจุบันแล้วจะขวนเข้าวงการท่าทางจะรุ่ง
โถๆๆคุณเสือมาเกิดเป็นคุณวรท แล้วคุณพี่เอื้อเล่า ถูกจองจำด้วยเรื่องอันใดกัน น่าสงสารแท้พ่อคุณ ขออาทิตย์หน้าอีกนะกอกด ทีละจึ๊ดก็ยังดี^^
จำเริญละแม่จำเริญ ดูทำเข้า ถ้าเกิดมาชาติปัจจุบันแล้วจะขวนเข้าวงการท่าทางจะรุ่ง
โถๆๆคุณเสือมาเกิดเป็นคุณวรท แล้วคุณพี่เอื้อเล่า ถูกจองจำด้วยเรื่องอันใดกัน น่าสงสารแท้พ่อคุณ ขออาทิตย์หน้าอีกนะกอกด ทีละจึ๊ดก็ยังดี^^
ใบบัวน่ารัก 26 ม.ค. 2558, 14:53:08 น.
เจ็บตัวฟรีนิ นางนาส
ก็พอรู้หละว่ายังติดค้างอาราย
สงสารแม่ปลาบู่ สงสารนวล
เจ็บตัวฟรีนิ นางนาส
ก็พอรู้หละว่ายังติดค้างอาราย
สงสารแม่ปลาบู่ สงสารนวล
ดังปัณณ์ 26 ม.ค. 2558, 18:23:15 น.
อุ๊! หญิงกอกด คุณเสือจิคือพระเอกรึ อ่ะแง้ๆๆๆ ถึงจะติ่งบอส แต่อะฮั้นเชียร์คุณเอื้อนะฮ่ะ กรีดร้องงงงงงงงงงง ขุ่นผีช่างน่าสงสาร โอ๊ยๆๆๆๆ คุณเสืออีก โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
รอ! จบนะ ร้อ!! 555+ ถึงไงๆๆ ก็รักคุณผี (ไว้รอคุณเสือออกบ่อยๆ แล้วค่อยเปลี่ยนใจ)
อุ๊! หญิงกอกด คุณเสือจิคือพระเอกรึ อ่ะแง้ๆๆๆ ถึงจะติ่งบอส แต่อะฮั้นเชียร์คุณเอื้อนะฮ่ะ กรีดร้องงงงงงงงงงง ขุ่นผีช่างน่าสงสาร โอ๊ยๆๆๆๆ คุณเสืออีก โอ๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
รอ! จบนะ ร้อ!! 555+ ถึงไงๆๆ ก็รักคุณผี (ไว้รอคุณเสือออกบ่อยๆ แล้วค่อยเปลี่ยนใจ)