Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา
ตอน: บทที่ 12 Pre Wedding
บทที่ 12
Pre Wedding
งานมงคลสมรสของมิรันตี และจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนโดนแม่งานกิตติมศักดิ์อย่างสองคู่หูคุณหญิงรดีสุดา และคุณระรินทิพย์ ทั้งคู่เตรียมงานแต่งงานของทั้งคู่โดยใส่ใจรายละเอียดของงานตั้งแต่พรมปูพื้นไปจนถึงฝ้าเพดานราวกับว่าเป็นงานแต่งงานของตนซึ่งคุณหญิงรดีสุดาควักกระเป๋าสำหรับจัดห้องเลี้ยงของโรงแรมใหม่เพื่อลูกชายสุดที่รักโดยเฉพาะ
“คุณแม่นี่เห่อลูกสะใภ้จังเลยนะคะ” รดาเอ่ยทักมารดาที่เพิ่งจะกลับเข้าบ้าน หญิงสาวเสิร์ฟนมอุ่น สองมือบีบนวดแขนคุณหญิงรดีสุดาอย่างเอาอกเอาใจ
“ก็แน่ล่ะ คุณแม่จะมีลูกสะใภ้แล้วนี่จ๊ะ แล้วหนูล่ะเมื่อไหร่จะหาลูกเขยให้แม่” คุณหญิงรดีสุดาบอกอย่างมีความสุข
“ก็กำลังเล็งๆ ไว้อยู่ค่ะ” รดาบอกหน้าตาเฉย ทำเอามารดายิ้มแก้มแทบปริ
“ใช่ตาธามรึเปล่า”
“ไม่รู้สิคะ ของอย่างนี้ไม่แน่ไม่นอน” หญิงสาวบอกแล้วกอดมารดาเป็นการอำพรางสีหน้าที่ระเรื่อขึ้นมา
“อ้อนอย่างนี้จะเอาอะไรอีกล่ะ”
“โธ่ คุณแม่คะ” รดาทำเสียงอ้อนๆ แล้วปรึกษาคุณหญิงรดีสุดาว่าหลังจากงานแต่งงานมิรันตีก็ต้องทำหน้าที่เป็นแม่บ้านผลิตทายาทรุ่นที่ห้าให้ตระกูลแล้วเธอก็เลยถือโอกาสนี้ขอไปทำงานกับอัษฎางค์
“เอางั้นเหรอ”
“ค่ะ”
รดาตอบรับอย่างแข็งขัน หมดเวลาที่เธอทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดสูบเงินของมารดาซักที และที่สำคัญงานของเธอคงประสบความสำเร็จดีเพราะอัษฎางค์บอกว่าจะเทรนด์งานให้เธออย่างสุดความสามารถ
“ก็ตามใจก็แล้วกัน ถ้าไม่ชอบก็ว่ากันอีกที”
คุณหญิงรดีสุดามองตามลูกสาวคนเล็กที่ขึ้นไปบนบ้านอย่างอารมณ์ดี ปกตีเธอคงเข้มงวดกับลูกมากจนลูกไม่กล้าขอคำปรึกษา เธอเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ ถ้ารดากับอัษฎางค์จะพัฒนาความสัมพันธ์เธอก็ไม่ว่าอะไร เพราะฝ่ายชายนั้นก็ไม่เสียหายอะไรแถมเป็นเพื่อนของลูกชายคนโตเสียด้วย อย่างนี้ไม่พ้นปีหน้าเธอกับระรินทิพย์คงได้หัวหมุนกับงานมงคลอีกคราเป็นแน่
รดาเดินขึ้นห้องไปอย่างสบายอารมณ์เพราะถ้าจัดการกับมารดาได้อย่างอื่นก็ไม่เป็นปัญหา เธอรีบโทรรายงานอัษฎางค์ทันที
“เป็นไปตามแผนค่ะ”
“เห็นไหม ผมว่าแล้วคุณแม่คุณไม่ว่าอะไรหรอก” อัษฎางค์ว่าเธอเป็นโรคกลัวอะไรไม่ใช่เรื่อง ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่จะตวาดลูกที่มาขอคำปรึกษา
“ค่ะ รดาเชื่อพี่ธามแล้ว”
“แล้วจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” ชายหนุ่มเริ่มรุกแผนต่อไปทันที
“รดายังไม่พร้อมเลยค่ะ ขอเวลารดาหน่อยนะ”
“อย่าให้พี่รอนานนะ ยิ่งตอนนี้ยัยมิกำลังหัวปั่นกับคอร์สเจ้าสาวที่คุณแม่หามาให้ พี่ก็เลยไม่มีใครช่วยทำงานเลยเนี่ย”
อัษฎางค์บอกเสียงอ่อนเรียกความสงสารจากรดา ยิ่งช่วงนี้หลายคนกำลังเตรียมงานแต่งงานรวมไปถึงรดาด้วยที่รับผิดชอบ ‘เจ้าบ่าว’ ดังนั้นเธอจึงแทบไม่มีเวลาได้เจอเขาเลย
“งั้น วันพรุ่งนี้เลยเป็นไงคะ” คำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างยินดี หากรดาได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นล่ะก็ รอไปชาติหน้าเถอะ!
“พรุ่งนี้แปดโมงพี่ไปรับนะ”
“อืม ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวรดาติดรถคุณแม่ไปดีกว่า” ก็อยากให้เขามารับอยู่หรอกแต่กลัวเขาต้องเหนื่อยกับเธอน่ะสิ แล้วช่วงนี้เธอก็ขี้เกียจขับรถอยู่เหมือนกัน
“ตกลงตามนี้ งั้นพี่ขอเคลียร์งานก่อนนะ” รดาหน้ามุ่ยกับโทรศัพท์เพราะปกติจะเป็นเธอเองที่ขอตัดบทสนทนา
“อะไรกันดึกขนาดนี้แล้วพี่ยังต้องทำงานอยู่หรือเนี่ย” เธอมองนาฬิกาปลุกบนเตียงก็พบว่าปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว
“ก็พี่บอกแล้วไงว่างานพี่เยอะ”
“ค่ะ ตั้งใจทำงานนะคะ แล้วพรุ่งนี้รดาจะช่วยพี่ธามเอง” รดาเองก็รีบจัดการตัวเอง เพราะพรุ่งนี้เธอต้องรีบช่วยเขาลุยงานเต็มที่
มีเพียงอัษฎางค์เท่านั้นที่รู้ว่านางสาวรดา วงศ์เศวตกุลอยากหมั้นกับเขาใจจะขาด หากแต่เธอเองก็ต้องการมีส่วนร่วมกับการแบ่งเบาภาระของเขา อยากเก็บเงินด้วยกันเพื่อสร้างอนาคตไม่ใช่อาศัยสมบัติของมารดาที่คุณหญิงรดีสุดา และคุณระรินทิพย์บอกว่ากินไปทั้งชาติก็ไม่หมด!
ชายหนุ่มค้านหัวชนฝาเมื่อรดาจะไปสมัครงาน เพราะเขาไม่อยากให้เธอห่างสายตาน่ะสิ ประจวบเหมาะกับที่เรวัตขอร้องแกมบังคับให้มิรันตีไปทำหน้าที่แม่บ้านเฉยๆ ไม่วายที่จะถูกหญิงสาวว่าจะเป็นง่อยกันพอดี ตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเขาจึงว่างพอให้หวานใจคนสวยของเขาเสียบ
ช่างเหมาะเจาะอะไรอย่างนี้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
อัษฎางค์ใช้ปากกาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะพลางมองนาฬิกา นั่งนับเวลาถอยหลังรอการมาถึงของรดา ไม่รู้ว่าไม่เจอกันสามวันจะเป็นอย่างไรบ้างนะ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธาม โทษทีนะคะรดามาสายหน่อย”
รดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ แต่งตัวสวยเหมือนทุกวัน ที่แปลกไปคือแว่นตากรอบสีดำหนาเตอะ
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่กระแสแว่นตากำลังมาแรงหรือไง”
หญิงสาวร้องอ๋ออย่างเข้าใจรอยยิ้มขบขันของเขา มือบางจับขาแว่นตาเพื่อเรียกความมั่นใจ
“อย่ามาหัวเราะเขานะ พอดีคอนแท็คเลนส์รดาหมดอายุน่ะคะ ไม่ได้ไปเดินห้างเลยช่วงนี้ ก็ป๋าสิคะ เกเรจนรดาเหนื่อยจนลิ้นห้อยเลย”
เธอบ่นไปเรื่อยๆ ขณะจัดโต๊ะทำงาน จัดการวางกรอบรูปของเธอกับเรวัตวางแทนที่กรอบรูปของมิรันตี จัดกล่องใส่ซีดีให้เป็นระเบียบ เรียงเอกสารเป็นหมวดหมู่ เปิดคอมพิวเตอร์ เป็นอันว่าพร้อมกับการเริ่มงานใหม่
“ไฟแรงดีจัง เลขาคนใหม่ ว่าแต่พี่ยังไม่ได้สัมภาษณ์เลย”
“งั้นเจ้านายต้องการทราบอะไรล่ะคะ” หญิงสาวอดหมั่นไส้เจ้านายของตัวเองไม่ได้ ท่าทางของเขาเป็นการเป็นงาน ไม่เหมือนผู้ชายจอมกวนที่อยู่กับเธอเลยสักนิด
“เริ่มที่แนะนำตัวก่อนดีไหม ชื่อ นามสกุล เรียนจบที่ไหน ประสบการณ์อะไร น้ำหนัก ส่วนสูงแล้วก็สัดส่วน”
“เอ๊ะ สามข้อหลังนี่มันยังไงๆ อยู่นะ” รดาขมวดคิ้วแสร้งทำท่าคิดหนัก
“สามข้อหลังนี่ไม่เป็นไร ไว้พี่จะหาคำตอบเองก็ได้” รดาหลบสายตาคมที่พิจารณาเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
มองอะไรกันนักกันหนา เห็นหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ตาบ้า
“เอ่อ เรามาเริ่มงานดีกว่านะคะ เพราะว่ามะรืนเราสองคนติดงานสำคัญทั้งวัน” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง อัษฎางค์หัวเราะร่วนกับงานสำคัญที่จะจัดขึ้น
“รับทราบครับ คุณเลขา” ว่าแล้วชายหนุ่มก็จัดการตามคำเรียกร้อง เริ่มต้นสอนงานหญิงสาวอย่างจริงจัง
รดาเป็นคนหัวเร็วอยู่แล้วจึงรับสิ่งที่เขาสอนได้ดี วันแรกเขาแค่สอนระบบงานเบื้องต้นของคลับว่าเธอจะต้องรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง
ตลอดทั้งเช้าอัษฎางค์เอาแฟ้มรายงานประจำปีของ Disco พาเพลิน ที่มิรันตีจัดทำไว้มาให้เธอศึกษา แล้วถ้ามีปัญหาให้ถามเขาได้ทันที ชายหนุ่มลอบมองรดาที่อ่านเอกสารอย่างเอาเป็นเอาตาย บ่อยครั้งที่มือบางขยี้ผมอย่างเคยชินยามอ่านรายงานสรุปผลกำไรประจำปี แม้ว่าเขาจะบอกว่าส่วนนี้เธอไม่ได้รับผิดชอบ รดายังไม่ยอมแพ้ จดจำรายละเอียดของงานให้ได้มากที่สุด
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
มิรันตีหนังหน้ามุ่ยเมื่อเรวัตสั่งห้ามให้เธอสวมชุดแต่งงานที่เขาคิดว่า ‘โป๊’ เกินไป หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่ารสนิยมของตาแก่อย่างเขาจะเข้าใจอะไร มือบางหยิบชุดแต่งงานที่เขาเลือกให้อย่างรังเกียจ
ไม่มีทางที่ฉันจะใส่มัน
หญิงสาวเบ้หน้าขณะเลื่อนมันไว้ไกลตัวราวกับว่าชุดสวยสีขาวยาวกรอมเท้านั้นเป็นเชื้อโรคที่จะกระโดดเกาะเธอทุกเมื่อก็เป็นได้ มิรันตีค้นหาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ชื้นบริเวณไรผมเป็นเวลาเดียวที่เรวัตเปิดประตูผลัวะเข้ามา
“ลองชุดหรือยังมิ”
จึ้ก...ก ก
ช่างเป็นคำถามที่จี้ใจดำอะไรอย่างนี้ มิรันตีส่ายหน้าปฏิเสธไม่สนใจเรวัตที่ถลึงตามองอย่างโกรธๆ หญิงสาวคว้ารีโมตแอร์อุณหภูมิให้ลดลงบรรเทาความร้อน หวังว่าจะเผื่อแผ่ไปถึงผู้ชายหน้ายักษ์ด้วย
“มิ ผมขอร้องนะ” เรวัตอ้อนวอนหญิงสาวที่ช่วงนี้อารมณ์หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ แถมบางทียังไล่เขาให้ไปพ้นหน้า
“ไม่ มิไม่มีทางใส่ชุดนี้เด็ดขาด มิบอกแล้วไงว่ามิไม่ชอบ”
“โธ่ ที่รัก ไหนตอนแรกคุณบอกว่าคุณชอบชุดนี้ไง”
ชายหนุ่มขอความเห็นใจ เพราะเธอเองเป็นคนจิ้มชุดนี้จากนิตยสารดัง เขาก็เลยไปสรรหาช่างฝีมือดีมาวัดชุดให้เธอ พร้อมกับสั่งผ้าลูกไม้จากฝรั่งเศส แล้วไหนจะไข่มุกแท้ที่ประดับชุดอีก
“เห็นใจผมหน่อยนะยาหยี”
“ฉันบอกว่าฉันชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะใส่ซักหน่อย” มิรันตีพูดอย่างเหลืออดแต่ก็หยิบชุดนั้นไปลองทิ้งให้เรวัตนั่งลุ้นกับว่าที่เจ้าสาว
หลังจากกลับจากเชียงใหม่ เขาสังเกตว่าเธอจะกินจุ แล้วก็อวบขึ้นอีกนิดหน่อย แต่เขาว่าดีเลยทีเดียวแหละ เพราะของเดิมนั้นบางไป ที่สำคัญเขาสั่งแก้ชุดเจ้าสาวไปแล้วถึงสองครั้ง นึกภาวนาให้ไม่มีครั้งที่สาม
“เรคะ คือว่ามิ...มิ ใส่ไม่ได้อีกแล้วค่ะ” เธอบอกเสียงอ่อย พร้อมทั้งชี้แจงว่ามันคับที่พุง
“ผมบอกแล้วไงว่าให้ทานน้อยๆ หน่อย”
เรวัตอดบ่นไม่ได้เพราะเวลาว่างมิรันตีมักสรรหาบรรดาขนมไทยมาสวาปามอย่างไม่กลัวไขมันจะกระฉูด
“เอ๊ะ นี่คุณว่ามิอีกแล้ว ไปเลยนะ ไม่ต้องมาให้มิเห็นหน้า มิโกรธแล้วด้วย”
ชายหนุ่มจำทักท้วงว่าเขาไม่ได้ว่า แต่ก็ถูกมิรันตีผลักออกจากห้อง เขาเดินไปนั่งกับมารดาที่นั่งทำความสะอาดเครื่องเพชรอย่าง
เซ็งๆ
“เป็นอะไรล่ะลูก ทะเลาะกับหนูมิหรอ”
“อือครับ เธอหงุดหงิดแล้วชอบพาลผมประจำเลย”
เรวัตกอดหมอนอิง บอกอาการของมิรันตีให้มารดาฟัง คุณหญิงรดีสุดาได้แต่หัวเราะ บอกว่าให้ใจเย็นหน่อยเพราะเธอคงไม่ชินกับการถูกเอาใจใส่
ทางด้านมิรันตีที่แช่น้ำขับไล่ความร้อนออกจากร่างกายก็รู้ตัวว่าเธออารมณ์เสียใส่เขาอีกแล้ว ก็อดสำนึกผิดไม่ได้ บ่อยครั้งที่ทะเลาะกัน เป็นเรวัตเองที่เอ่ยขอโทษแม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเธอ
หญิงสาวคิดได้เท่านี้ก็ตั้งใจว่าจะคุยกับเขาดีๆ จัดการเช็ดตัว มือบางที่กำลังจะหยิบชุดชั้นในในลิ้นชักชะงักเมื่อพบห่อผ้าอนามัยที่ยังไม่ได้แกะ
นานเกินไปสำหรับประจำเดือนครั้งสุดท้าย
มิรันตีตาโตแล้วรีบแต่งตัว เธอว่าจะไปหาซื้อเครื่องตรวจครรภ์ จิตใจของเธอว้าวุ่นนักเพราะทั้งน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เธอก็หักล้างที่ชอบกินขนมหวานเพราะในละครนั้นคนท้องมักกินผลไม้เปรี้ยวๆ
“อ้าว หนูมิ มานั่งนี่ก่อนสิ” คุณหญิงรดีสุดาทักว่าที่ลูกสะใภ้ที่แต่งตัวจออกไปข้างนอก
“คุณแม่มีอะไรจะใช้มิหรือเปล่าคะ” เธอถามโดยไม่มองสามี
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แม่เห็นหนูเบื่อๆ หนูอยากจะไปไหนรึเปล่า จะให้ตาเรไปส่ง”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณแม่ คือว่ามิแค่จะไปห้างแถวนี้เองคะ” เธอบอกไปตามจริง ถ้าเธอท้องจริงเธอก็ยังไม่อยากให้เขารู้
“นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่ เรไปส่งน้องสิลูกเดี๋ยวน้า ทิพย์รู้ว่าปล่อยให้น้องไปไหนมาไหนคนเดียว คงไม่ชอบใจแน่” เรวัตทำตามมารดาอย่างว่าง่าย นึกขอบคุณมารดาที่พยายามหาช่องทางให้เขาและเธอปรับความเข้าใจกัน
“ค่ะ” เมื่อคุณหญิงรดีสุดายกชื่อของคุณป้ามาอ้าง มิรันตีจึงไม่ได้ปฏิเสธให้เหนื่อยการ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมื่อได้ของที่ต้องการมิรันตีฉวยโอกาสที่เรวัตเผลอจัดการเก็บมันในกระเป๋า ในถุงยาจึงมีเพียงยาอมแก้ไอ และวิตามินซี เรวัตอาสาช่วยถือ หญิงสาวไม่ปฏิเสธ มิรันตีขอแวะร้านหนังสือ
“ถ้าคุณเบื่อก็ไปทานกาแฟร้านนั้นก็ได้นะ ถ้ามิเสร็จธุระแล้วจะไปหา”
“ถ้างั้นเชิญคุณตามสบายเลยนะ”
เรวัตเองไม่ได้ชอบเข้าร้านหนังสือนัก ขอเลือกไปนั่งจิบกาแฟ กินขนมเค้กดีกว่า หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ววิ่งไปห้องน้ำ
เรวัตมอง ‘ของ’ ที่หญิงสาวซื้อมาอย่างแปลกใจ เพราะทั้งสองอย่างนั้นมันอยู่ในตะกร้ายาของเขาที่หล่อนเพิ่งจัดการเอายาที่หมดอายุไปทิ้ง ชายหนุ่มส่ายหัวกับอาการหลงๆ ลืมๆ ของมิรันตี ทว่าใบเสร็จของร้านยากับชื่อตัวยาอีกชนิดที่เขาไม่รู้จักล่ะ??!
เวลานั้นเองที่มิรันตีใจเต้นตึกตักถือกล่องสีขาวไว้จนหญิงสาวรู้สึกถึงเหงื่อที่ชื้นตามมือ เธอนั่งบนชักโครก กระวนกระวายกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ท้องไม่ท้อง ท้องไม่ท้อง โอ๊ย...”
มิรันตีท้องไส้ปั่นป่วน นึกภาวนาอย่าให้ท้องเลย เพราะสงสารเด็กที่มีแม่ไม่ได้เรื่องอย่างเธอ
ไม่ใช่เพียงมิรันตีที่รอลุ้นใจจดใจจ่อ เรวัตเองก็ลุ้นตัวโก่งในร้านกาแฟหลังจากที่ทราบว่าสิ่งแปลกปลอมในใบเสร็จคืออะไร ชายหนุ่มจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี เขารู้สึกว่าโลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นมาก
นี่เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วหรือเนี่ย มีเขา มิรันตี แล้วก็ลูก
มิรันตีมองแท่งสีขาวในมืออย่างหมดแรงเมื่อผลออกมาว่ามีการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายของเธอ หญิงสาวลูบท้องแบนราบของตัวเองเบาๆ ตัวชาวาบ ไม่อยากเชื่อว่ามีชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตามองโลก เธอหยุดความคิดของตัวเองไว้แค่นั้น
ตลอดทางกลับบ้านเรวัตดีใจออกนอกหน้าจนมิรันตีหมั่นไส้ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นราวกับเป็นคนอุ้มท้องเสียเอง
“ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา ผมยังไม่เคยมีลูก”
เออ ก็จริงของเขา
“แล้วเราจะบอกคุณแม่ว่าอย่างไรดีล่ะที่นี้” หญิงสาวทำหน้าจ๋อย เรวัตจุมพิตขมับให้กำลังใจบอกว่าไม่ได้เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“คุณก็มีปาก พูดได้นี่” มิรันตีเอ็ดเขาเบาๆ นึกถึงอนาคตของเขาและเธอ ที่สำคัญกำลังจะมีเจ้าตัวเล็กที่จะลืมตาดูโลกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
อัษฎางค์ และรดาถูกเกณฑ์มาช่วยทำความสะอาดเครื่องประดับเก่าแก่ประจำตระกูลโดยมีคุณหญิงรดีสุดาคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ข้างๆ
รดาได้ยินว่าสินสอดของหมั้นครั้งนี้ประกอบไปด้วยเครื่องเพชรชุดใหญ่ เครื่องพลอยหีบใหญ่ของเจ้าคุณปู่ครั้งยังรับราชการอยู่วังหน้า ยังไม่รวมเครื่องนพเก้า ของหมั้นของคุณยายอีก
“กลับมาเหนื่อยๆ รดาไปเอาน้ำให้พี่หน่อย” รดาลุกไปอย่างว่าง่าย ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะปวดตากับประกายเพชรที่แวววับน่าลักไปซ่อนอย่างยิ่ง
“ได้อะไรมาบ้างล่ะ กลับมาซะเย็นเชียว” คุณหญิงรดีสุดาถามอย่างแปลกใจเมื่อไม่เห็นถุงกระดาษจากห้างดัง
“ไม่ได้อะไรหรอกครับ ได้แค่ยาบำรุงกลับมา” มิรันตีอ้ำอึ้ง เรวัตจึงตอบเสียเอง
“อ้าว เป็นอะไรไปน่ะหนูมิ นี่ใกล้วันงานแล้วนะ” คุณหญิงยกมือทาบอกอย่างตกอกตกใจ กลัวลูกสะใภ้คนโปรดจะเป็นอะไรไป
“ไปหาหมอรึยัง หน้าซีดเชียว” อัษฎางค์ถามอย่างเป็นห่วง มิรันตีส่ายหน้าช้าๆ
“ใครเป็นอะไรเหรอคะ” รดาทำหน้าเหลอหลา มองหน้าคนนั้นคนนี้อย่างงงๆ
รู้อย่างนี้ไม่ลุกไปเอาน้ำหรอก พลาดช็อตเด็ดเลย
“เอาล่ะครับ ในเมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ผมมีเรื่องจะบอก” ทุกคนเงียบกริบรอฟังเรวัตพูด คุณหญิงรดีสุดาเงยหน้าจากการเช็ดสร้อยคอพลอยล้อมเพชร
“คือว่า...” เป็นเรวัตเองที่พูดไม่ออกเมื่อทุกคนต่างพร้อมใจกันมองหน้าเขา
“มิท้องได้สองเดือนแล้วค่ะ” มิรันตีกัดฟันพูดออกไปในที่สุด
รดาตาโตแล้วทำท่าตีปีกดีใจที่จะได้เป็นอา
“ให้มันได้อย่างนี้สิน้องรัก” ว่าแล้วอัษฎางค์ก็หอมแก้มน้องสาวฟอดใหญ่
คุณหญิงรดีสุดาเผลอกรี๊ดแล้วรีบยกมือปิดปากตัวเองแล้วจัดการเช็ดเครื่องประดับต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โอ๊ย คุณอา อีกหน่อยป๋าต้องสอนหลานให้เรียกรดาว่าคุณอานะ”
“อ้าว ผมเป็นคุณลุง แล้วอีกหน่อยถ้าเราแต่งงานกันจะเรียงลำดับญาติยังไงล่ะรดา” อัษฎางค์ทำท่าคิดหนัก เรวัตหัวเราะพรืด รดาจึงถองสีข้างเขาซะเต็มแรง
“แม่รอให้รดาขายออกตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีใครหลงผิดสักคน ธามนี่แหละคนแรก”
คำพูดของคุณหญิงรดีสุดาทำเอาทุกคนฮาครืน ยกเว้นลูกสาวคนสวยที่หน้างอง้ำกับคำพูดของมารดา
“คุณแม่อ่ะ”
“อ้าว งั้นผมก็เป็นผู้โชคดีคนแรกน่ะสิ”
“โชคร้ายน่ะไม่ว่า” เสียงเรวัตแทรกขึ้น รวดเร็วพอๆ กับฝ่ามืออรหันต์ของรดาที่ฟาดหลังพี่ชายดังอั้ก
“โอ๊ย ยัยตัวแสบ”
“สมน้ำหน้า เห็นดีเห็นงามกันดีนัก” หญิงสาวไม่สำนึกผิดด้วยซ้ำ
“เอ้า คนสวยงอนแล้ว ง้อหน่อย”
เรวัตบอกอัษฎางค์เมื่อเห็นน้องสาวหน้างอเรื่อยๆ เจ้าตัวลุกขึ้นไม่สนใจใครหน้าไหน วิ่งตึงๆ ไปบนห้องนอน ไม่สนใจเสียงของมารดาที่เรียกตามหลังเลยแม้แต่น้อย
“เรนี่ก็แกล้งน้อง”
รดาโกรธทั้งอัษฎางค์และเรวัตที่ทำราวกับว่าเธอเป็นตัวตลก สาวจิตป่วนระบายอารมณ์กับอุลตาแมนที่อัษฎางค์ซื้อให้ ทั้งชกตีจิกข่วนให้ทุเลาอาการคลั่งลงได้ก็เริ่มหอบ อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้หญิงสาวที่หมายจะนอนพักเอาแรงจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา
อัษฎางค์ย่องขึ้นมาหาแฟนสาวที่หายเข้าไปในห้องมานานสองนาน เมื่อคุณหญิงรดีสุดลงมือเข้าครัวทำอาหารสูตรชาววังฉลองข่าวดีของหลานคนแรกโดยมีมิรันตีและเรวัตเป็นลูกมือทิ้งให้เขานั่งบื้ออยู่ในห้องรับแขก
รดาอึดอัดหายใจไม่ออก รู้สึกถึงวัตถุหนักๆ ที่ทับมาเมื่อปรือตามองก็พบอัษฎางค์ที่คร่อมอยู่เหนือร่าง
“ตื่นแล้วเหรอครับ” อัษฎางค์กดจมูกหนักๆ ที่ซอกคอของรดา สูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด
“อ๊าย นายอัษฎางค์นายเข้ามาได้ไง” สองมือทุบไหล่เขาพลางกรีดร้อง ทว่าชายหนุ่มหาได้สนใจอาการขัดขืนของเธอไม่
“ก็เปิดประตูเข้ามาไง มันไม่ได้ล็อก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น นายๆ เข้ามาได้ไง แล้วคนอื่น...คนอื่น”
“ช่างคนอื่นเถอะ” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจ รดาส่ายหน้าเมื่อเขาโน้มใบหน้ามาเกือบชิด
ช่างได้ไง คนอื่นนั่นเป็นแม่ พี่ชาย แล้วก็พี่สะใภ้เธอนะ
“อ๊าก นายๆ นายลุกไปก่อนสิ”
รดาขนลุกซู่เมื่อเขาขบเม้มติ่งหูเธอ แม้ว่าจะโอนอ่อนไปตามสัมผัสเขา แต่เธอก็ไม่อยากเข้าหอก่อนแต่งงานนะ
“พูดไม่เพราะเลย ไหนลองพูดใหม่ซิ”
“พี่ธามขา ช่วยลุกไปหน่อยนะคะ รดาหายใจไม่ออก” หญิงสาวพูดเพราะๆ นึกโมโหตัวเองที่ตกใจทีไรเรียกเขาไม่เพราะอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ
“ครับ พูดเพราะๆ อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย” อัษฎางค์ทำอย่างว่าง่าย รดาจึงต้องระวังตัวมากกว่านี้เพราะไม่คิดว่าเขาจะทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
“แล้วคราวนี้พี่ธามจะเอาอะไรอีก”
“รู้ใจพี่เชียวนะ”
มือหนาลูบผมเธออย่างเบามือ รดาอยากชวนเขาไปข้างล่าง เพราะอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสองอย่างนี้ แถมบนเตียงอย่างนี้ โอกาสเสี่ยงสูง!
“ไม่ต้องทำอะไรหรอก เพราะว่าพี่จะทำเอง” ว่าแล้วอัษฎางค์ก็กระชากรดาให้ล้มลงบนเตียง แล้วกอดเธอไว้แนบอก
“โอ๊ย พี่ธาม” รดาลูบหัวตัวเองป้อยๆ เมื่อหัวเหม่งของเธอชนกับอกแกร่งเต็มรัก
“ไหน เจ็บไหม หัวโนรึเปล่า” อัษฎางค์กุลีกุจอดูแผลให้หญิงสาว ดวงตาหวานมองใบหน้าคร้ามคมที่แววตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
“รดาไม่เป็นไรแล้ว”
หญิงสาวชิงพูดก่อนที่ริมฝีปากบางของเขาจะมอบจุมพิตแสนหวานให้เธอ สัมผัสของเขามันชวนให้เธอเตลิดไปถึงไหนต่อไหน อัษฎางค์ล้มตัวนอนข้างหญิงสาว
“พี่อยากแต่งงาน” สามคำจากปากชายอันเป็นที่รัก รดานิ่งเงียบแล้วกอดเขาอย่างให้กำลังใจ
“รดายังไม่พร้อม รดาเพิ่งเรียนจบ เพิ่งทำงาน”
“พี่เข้าใจ พี่จะรอจนกว่ารดาจะพร้อม พี่รอได้” มือหนาจับมือบางเป็นสัญญาถึงความหนักแน่น แน่ล่ะว่าเขาจะรอเธอจนกว่า...เธอจะพร้อม
“ขอบคุณค่ะ”
“เราลงไปข้างล่างดีกว่า อยู่ที่นี่นานๆ พี่กลัวอดใจไม่ไหว” อัษฎางค์สปริงตัวลุก รดาส่งมือให้ชายหนุ่ม เขาฉุดเธอให้ลุกขึ้น
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
งานมงคลสมรสของคู่บ่าวสาวถูกจัดขึ้นในสัปดาห์ต่อมาโดยใช้ห้องแกรนด์บอลลูนของโรงแรมที่คุณหญิงรดีสุดาถือตำแหน่งหุ้นส่วนใหญ่ ไม่ว่าคู่บ่าวสาวจะเคลื่อนกายไปทางใดเป็นต้องแข่งกับเสียงรัวชัตเตอร์ของนักข่าว บรรดาคุณหญิงคุณนายต่างประโคมโปะเครื่องเพชรราวกับเป็นตู้เพชรเครื่องที่
ตอนเช้าก็มีการผูกข้อมือ รดน้ำสังข์ตามประเพณีไทยที่บ้านเจ้าสาว คุณหญิงรดีสุดา และคุณระรินทิพย์ช่วยจัดการไม่ให้ขั้นตอนของงานตกหล่นบกพร่อง
รดานั่งจิบน้ำเปล่าบริเวณด้านหน้าห้องจัดงานในขณะที่อีกมือสาละวนกับการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อนวดเฟ้นข้อเท้าของตัวเอง หญิงสาวสลัดรองเท้าส้นเข็มสีทองไว้ข้างกาย
“อ้าวแม่งานมาอู้งานตรงนี้นี่เอง” เคี้ยง เพื่อนของเรวัตเอ่ยทักน้องสาวของเพื่อน
รดาเงยหน้าขึ้นมาอยากต่อว่าผู้ชายปากเสีย แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มหวานให้เขา “พี่เคี้ยงเป็นไงมั่งคะ ไม่เจอกันนานเลย”
ครอบครัวของเธอกับเพื่อนพี่ชายคนนี้ค่อนข้างสนิทกัน อาจเรียกไม่ผิดว่าเป็นประเภทเงินต่อเงิน
“จะให้เจอได้ไงเล่า พี่เพิ่งกลับมาเนี่ย”
“พี่ไปต่อโทที่ไหนล่ะคะ อเมริกาหรือว่าอังกฤษ”
“ผิดจ้ะสาวน้อย พี่ไปนิวซีแลนด์นี่เอง” รดาคุยกับเคี้ยงเพลิน เพราะชายหนุ่มอัธยาศัยดี นิสัยดี เงินดี หุ่นดี แล้วการศึกษายังดีอีก
อะไรจะเพอร์เฟ็กต์อย่างนี้
เสียงกระแอมทำเอารดาสะดุ้ง คนที่เข้ามาไม่ได้จังหวะคงไม่มีใครนอกจากแฟนหนุ่มสุดหวง อัษฎางค์ตีหน้ายุ่งมองแฟนสาวที่ยิ้มระรื่นกับผู้ชายคนอื่น
“เอ่อ พี่ว่าพี่ไปก่อนดีกว่านะ แถวนี้อากาศไม่ค่อยดีเลย” เคี้ยงทำเป็นไม่สนใจมังกรตัวใหญ่ที่เตรียมพ่นไฟใส่เขา
“พี่ธามก็” รดามองตามเคี้ยงไปจนสุดสายตา นึกขอโทษขอโพยแทนแฟนหนุ่ม
“เข้าไปในงานได้แล้ว คุณแม่ท่านเรียกหา”
อัษฎางค์บอกอย่างนึกขึ้นได้ เขาทำตามอย่างไม่ชอบใจนักเมื่อคุณหญิงรดีสุดาสั่งให้เขามาตามหญิงสาวเพื่อไปทำความรู้จักกับลูกชายท่านรัฐมนตรี แต่เขาจะไปขัดอะไรว่าที่แม่ยายได้
“งั้นพี่ธามรอรดาอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวรดาจะรีบมา จะเอาอะไรไหมคะ”
“ไม่ดีกว่า รีบมานะ” ชายหนุ่มบอกส่งๆ ทั้งที่จริงอยากเก็บเจ้าหญิงทีสวมชุดราตรีคล้องคอสีแดงเพลิงนี้ไว้ในกระเป๋า ไม่ให้ใครเห็นด้วยซ้ำ
งานเลี้ยงผ่านไปด้วยดี เมื่อถึงตอนส่งตัวคู่บ่าวสาว เรวัตได้แต่นอนกอดท้องแบนราบของเจ้าสาวไว้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากกว่านี้ มิรันตีหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เรวัตเอาผมทัดหูมิรันตีแล้วพิจารณาใบหน้าหญิงสาวในความมืด
อีกหกเดือนเท่านั้นที่ครอบครัวของเขาจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์
มิรันตีซุกตัวหาไออุ่นที่คุ้นเคย เรวัตหาวจนน้ำตาไหล วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่างานแต่งงานจะมีอะไรวุ่นวายสารพัดอย่างนี้ เขากระชับร่างในอ้อมกอดแน่น
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
แจ้งทราบๆ อาการของนุ่นยังไม่ดีขึ้น หมอนัดอีกทีวันอังคารค่ะ
สถานะตอนนี้ ปั่นงานไฟแลบ ทั้งการบ้าน และนิยาย เป็นกำลังใจกันหน่อยนะคะ
Pre Wedding
งานมงคลสมรสของมิรันตี และจัดขึ้นอย่างเร่งด่วนโดนแม่งานกิตติมศักดิ์อย่างสองคู่หูคุณหญิงรดีสุดา และคุณระรินทิพย์ ทั้งคู่เตรียมงานแต่งงานของทั้งคู่โดยใส่ใจรายละเอียดของงานตั้งแต่พรมปูพื้นไปจนถึงฝ้าเพดานราวกับว่าเป็นงานแต่งงานของตนซึ่งคุณหญิงรดีสุดาควักกระเป๋าสำหรับจัดห้องเลี้ยงของโรงแรมใหม่เพื่อลูกชายสุดที่รักโดยเฉพาะ
“คุณแม่นี่เห่อลูกสะใภ้จังเลยนะคะ” รดาเอ่ยทักมารดาที่เพิ่งจะกลับเข้าบ้าน หญิงสาวเสิร์ฟนมอุ่น สองมือบีบนวดแขนคุณหญิงรดีสุดาอย่างเอาอกเอาใจ
“ก็แน่ล่ะ คุณแม่จะมีลูกสะใภ้แล้วนี่จ๊ะ แล้วหนูล่ะเมื่อไหร่จะหาลูกเขยให้แม่” คุณหญิงรดีสุดาบอกอย่างมีความสุข
“ก็กำลังเล็งๆ ไว้อยู่ค่ะ” รดาบอกหน้าตาเฉย ทำเอามารดายิ้มแก้มแทบปริ
“ใช่ตาธามรึเปล่า”
“ไม่รู้สิคะ ของอย่างนี้ไม่แน่ไม่นอน” หญิงสาวบอกแล้วกอดมารดาเป็นการอำพรางสีหน้าที่ระเรื่อขึ้นมา
“อ้อนอย่างนี้จะเอาอะไรอีกล่ะ”
“โธ่ คุณแม่คะ” รดาทำเสียงอ้อนๆ แล้วปรึกษาคุณหญิงรดีสุดาว่าหลังจากงานแต่งงานมิรันตีก็ต้องทำหน้าที่เป็นแม่บ้านผลิตทายาทรุ่นที่ห้าให้ตระกูลแล้วเธอก็เลยถือโอกาสนี้ขอไปทำงานกับอัษฎางค์
“เอางั้นเหรอ”
“ค่ะ”
รดาตอบรับอย่างแข็งขัน หมดเวลาที่เธอทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดสูบเงินของมารดาซักที และที่สำคัญงานของเธอคงประสบความสำเร็จดีเพราะอัษฎางค์บอกว่าจะเทรนด์งานให้เธออย่างสุดความสามารถ
“ก็ตามใจก็แล้วกัน ถ้าไม่ชอบก็ว่ากันอีกที”
คุณหญิงรดีสุดามองตามลูกสาวคนเล็กที่ขึ้นไปบนบ้านอย่างอารมณ์ดี ปกตีเธอคงเข้มงวดกับลูกมากจนลูกไม่กล้าขอคำปรึกษา เธอเคารพการตัดสินใจของลูกเสมอ ถ้ารดากับอัษฎางค์จะพัฒนาความสัมพันธ์เธอก็ไม่ว่าอะไร เพราะฝ่ายชายนั้นก็ไม่เสียหายอะไรแถมเป็นเพื่อนของลูกชายคนโตเสียด้วย อย่างนี้ไม่พ้นปีหน้าเธอกับระรินทิพย์คงได้หัวหมุนกับงานมงคลอีกคราเป็นแน่
รดาเดินขึ้นห้องไปอย่างสบายอารมณ์เพราะถ้าจัดการกับมารดาได้อย่างอื่นก็ไม่เป็นปัญหา เธอรีบโทรรายงานอัษฎางค์ทันที
“เป็นไปตามแผนค่ะ”
“เห็นไหม ผมว่าแล้วคุณแม่คุณไม่ว่าอะไรหรอก” อัษฎางค์ว่าเธอเป็นโรคกลัวอะไรไม่ใช่เรื่อง ไม่มีแม่คนไหนหรอกที่จะตวาดลูกที่มาขอคำปรึกษา
“ค่ะ รดาเชื่อพี่ธามแล้ว”
“แล้วจะมาเริ่มงานเมื่อไหร่ล่ะ” ชายหนุ่มเริ่มรุกแผนต่อไปทันที
“รดายังไม่พร้อมเลยค่ะ ขอเวลารดาหน่อยนะ”
“อย่าให้พี่รอนานนะ ยิ่งตอนนี้ยัยมิกำลังหัวปั่นกับคอร์สเจ้าสาวที่คุณแม่หามาให้ พี่ก็เลยไม่มีใครช่วยทำงานเลยเนี่ย”
อัษฎางค์บอกเสียงอ่อนเรียกความสงสารจากรดา ยิ่งช่วงนี้หลายคนกำลังเตรียมงานแต่งงานรวมไปถึงรดาด้วยที่รับผิดชอบ ‘เจ้าบ่าว’ ดังนั้นเธอจึงแทบไม่มีเวลาได้เจอเขาเลย
“งั้น วันพรุ่งนี้เลยเป็นไงคะ” คำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างยินดี หากรดาได้มีโอกาสเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นล่ะก็ รอไปชาติหน้าเถอะ!
“พรุ่งนี้แปดโมงพี่ไปรับนะ”
“อืม ไม่เป็นไรคะ เดี๋ยวรดาติดรถคุณแม่ไปดีกว่า” ก็อยากให้เขามารับอยู่หรอกแต่กลัวเขาต้องเหนื่อยกับเธอน่ะสิ แล้วช่วงนี้เธอก็ขี้เกียจขับรถอยู่เหมือนกัน
“ตกลงตามนี้ งั้นพี่ขอเคลียร์งานก่อนนะ” รดาหน้ามุ่ยกับโทรศัพท์เพราะปกติจะเป็นเธอเองที่ขอตัดบทสนทนา
“อะไรกันดึกขนาดนี้แล้วพี่ยังต้องทำงานอยู่หรือเนี่ย” เธอมองนาฬิกาปลุกบนเตียงก็พบว่าปาเข้าไปห้าทุ่มแล้ว
“ก็พี่บอกแล้วไงว่างานพี่เยอะ”
“ค่ะ ตั้งใจทำงานนะคะ แล้วพรุ่งนี้รดาจะช่วยพี่ธามเอง” รดาเองก็รีบจัดการตัวเอง เพราะพรุ่งนี้เธอต้องรีบช่วยเขาลุยงานเต็มที่
มีเพียงอัษฎางค์เท่านั้นที่รู้ว่านางสาวรดา วงศ์เศวตกุลอยากหมั้นกับเขาใจจะขาด หากแต่เธอเองก็ต้องการมีส่วนร่วมกับการแบ่งเบาภาระของเขา อยากเก็บเงินด้วยกันเพื่อสร้างอนาคตไม่ใช่อาศัยสมบัติของมารดาที่คุณหญิงรดีสุดา และคุณระรินทิพย์บอกว่ากินไปทั้งชาติก็ไม่หมด!
ชายหนุ่มค้านหัวชนฝาเมื่อรดาจะไปสมัครงาน เพราะเขาไม่อยากให้เธอห่างสายตาน่ะสิ ประจวบเหมาะกับที่เรวัตขอร้องแกมบังคับให้มิรันตีไปทำหน้าที่แม่บ้านเฉยๆ ไม่วายที่จะถูกหญิงสาวว่าจะเป็นง่อยกันพอดี ตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเขาจึงว่างพอให้หวานใจคนสวยของเขาเสียบ
ช่างเหมาะเจาะอะไรอย่างนี้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
อัษฎางค์ใช้ปากกาเคาะโต๊ะเป็นจังหวะพลางมองนาฬิกา นั่งนับเวลาถอยหลังรอการมาถึงของรดา ไม่รู้ว่าไม่เจอกันสามวันจะเป็นอย่างไรบ้างนะ
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธาม โทษทีนะคะรดามาสายหน่อย”
รดาเปิดประตูเข้ามาพร้อมกระเป๋าใบใหญ่ แต่งตัวสวยเหมือนทุกวัน ที่แปลกไปคือแว่นตากรอบสีดำหนาเตอะ
“ไม่เป็นไรค่ะ แล้วนี่กระแสแว่นตากำลังมาแรงหรือไง”
หญิงสาวร้องอ๋ออย่างเข้าใจรอยยิ้มขบขันของเขา มือบางจับขาแว่นตาเพื่อเรียกความมั่นใจ
“อย่ามาหัวเราะเขานะ พอดีคอนแท็คเลนส์รดาหมดอายุน่ะคะ ไม่ได้ไปเดินห้างเลยช่วงนี้ ก็ป๋าสิคะ เกเรจนรดาเหนื่อยจนลิ้นห้อยเลย”
เธอบ่นไปเรื่อยๆ ขณะจัดโต๊ะทำงาน จัดการวางกรอบรูปของเธอกับเรวัตวางแทนที่กรอบรูปของมิรันตี จัดกล่องใส่ซีดีให้เป็นระเบียบ เรียงเอกสารเป็นหมวดหมู่ เปิดคอมพิวเตอร์ เป็นอันว่าพร้อมกับการเริ่มงานใหม่
“ไฟแรงดีจัง เลขาคนใหม่ ว่าแต่พี่ยังไม่ได้สัมภาษณ์เลย”
“งั้นเจ้านายต้องการทราบอะไรล่ะคะ” หญิงสาวอดหมั่นไส้เจ้านายของตัวเองไม่ได้ ท่าทางของเขาเป็นการเป็นงาน ไม่เหมือนผู้ชายจอมกวนที่อยู่กับเธอเลยสักนิด
“เริ่มที่แนะนำตัวก่อนดีไหม ชื่อ นามสกุล เรียนจบที่ไหน ประสบการณ์อะไร น้ำหนัก ส่วนสูงแล้วก็สัดส่วน”
“เอ๊ะ สามข้อหลังนี่มันยังไงๆ อยู่นะ” รดาขมวดคิ้วแสร้งทำท่าคิดหนัก
“สามข้อหลังนี่ไม่เป็นไร ไว้พี่จะหาคำตอบเองก็ได้” รดาหลบสายตาคมที่พิจารณาเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า
มองอะไรกันนักกันหนา เห็นหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ตาบ้า
“เอ่อ เรามาเริ่มงานดีกว่านะคะ เพราะว่ามะรืนเราสองคนติดงานสำคัญทั้งวัน” หญิงสาวเปลี่ยนเรื่อง อัษฎางค์หัวเราะร่วนกับงานสำคัญที่จะจัดขึ้น
“รับทราบครับ คุณเลขา” ว่าแล้วชายหนุ่มก็จัดการตามคำเรียกร้อง เริ่มต้นสอนงานหญิงสาวอย่างจริงจัง
รดาเป็นคนหัวเร็วอยู่แล้วจึงรับสิ่งที่เขาสอนได้ดี วันแรกเขาแค่สอนระบบงานเบื้องต้นของคลับว่าเธอจะต้องรับผิดชอบส่วนไหนบ้าง
ตลอดทั้งเช้าอัษฎางค์เอาแฟ้มรายงานประจำปีของ Disco พาเพลิน ที่มิรันตีจัดทำไว้มาให้เธอศึกษา แล้วถ้ามีปัญหาให้ถามเขาได้ทันที ชายหนุ่มลอบมองรดาที่อ่านเอกสารอย่างเอาเป็นเอาตาย บ่อยครั้งที่มือบางขยี้ผมอย่างเคยชินยามอ่านรายงานสรุปผลกำไรประจำปี แม้ว่าเขาจะบอกว่าส่วนนี้เธอไม่ได้รับผิดชอบ รดายังไม่ยอมแพ้ จดจำรายละเอียดของงานให้ได้มากที่สุด
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
มิรันตีหนังหน้ามุ่ยเมื่อเรวัตสั่งห้ามให้เธอสวมชุดแต่งงานที่เขาคิดว่า ‘โป๊’ เกินไป หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่ารสนิยมของตาแก่อย่างเขาจะเข้าใจอะไร มือบางหยิบชุดแต่งงานที่เขาเลือกให้อย่างรังเกียจ
ไม่มีทางที่ฉันจะใส่มัน
หญิงสาวเบ้หน้าขณะเลื่อนมันไว้ไกลตัวราวกับว่าชุดสวยสีขาวยาวกรอมเท้านั้นเป็นเชื้อโรคที่จะกระโดดเกาะเธอทุกเมื่อก็เป็นได้ มิรันตีค้นหาผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อที่ชื้นบริเวณไรผมเป็นเวลาเดียวที่เรวัตเปิดประตูผลัวะเข้ามา
“ลองชุดหรือยังมิ”
จึ้ก...ก ก
ช่างเป็นคำถามที่จี้ใจดำอะไรอย่างนี้ มิรันตีส่ายหน้าปฏิเสธไม่สนใจเรวัตที่ถลึงตามองอย่างโกรธๆ หญิงสาวคว้ารีโมตแอร์อุณหภูมิให้ลดลงบรรเทาความร้อน หวังว่าจะเผื่อแผ่ไปถึงผู้ชายหน้ายักษ์ด้วย
“มิ ผมขอร้องนะ” เรวัตอ้อนวอนหญิงสาวที่ช่วงนี้อารมณ์หงุดหงิดโดยไม่มีสาเหตุ แถมบางทียังไล่เขาให้ไปพ้นหน้า
“ไม่ มิไม่มีทางใส่ชุดนี้เด็ดขาด มิบอกแล้วไงว่ามิไม่ชอบ”
“โธ่ ที่รัก ไหนตอนแรกคุณบอกว่าคุณชอบชุดนี้ไง”
ชายหนุ่มขอความเห็นใจ เพราะเธอเองเป็นคนจิ้มชุดนี้จากนิตยสารดัง เขาก็เลยไปสรรหาช่างฝีมือดีมาวัดชุดให้เธอ พร้อมกับสั่งผ้าลูกไม้จากฝรั่งเศส แล้วไหนจะไข่มุกแท้ที่ประดับชุดอีก
“เห็นใจผมหน่อยนะยาหยี”
“ฉันบอกว่าฉันชอบ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะใส่ซักหน่อย” มิรันตีพูดอย่างเหลืออดแต่ก็หยิบชุดนั้นไปลองทิ้งให้เรวัตนั่งลุ้นกับว่าที่เจ้าสาว
หลังจากกลับจากเชียงใหม่ เขาสังเกตว่าเธอจะกินจุ แล้วก็อวบขึ้นอีกนิดหน่อย แต่เขาว่าดีเลยทีเดียวแหละ เพราะของเดิมนั้นบางไป ที่สำคัญเขาสั่งแก้ชุดเจ้าสาวไปแล้วถึงสองครั้ง นึกภาวนาให้ไม่มีครั้งที่สาม
“เรคะ คือว่ามิ...มิ ใส่ไม่ได้อีกแล้วค่ะ” เธอบอกเสียงอ่อย พร้อมทั้งชี้แจงว่ามันคับที่พุง
“ผมบอกแล้วไงว่าให้ทานน้อยๆ หน่อย”
เรวัตอดบ่นไม่ได้เพราะเวลาว่างมิรันตีมักสรรหาบรรดาขนมไทยมาสวาปามอย่างไม่กลัวไขมันจะกระฉูด
“เอ๊ะ นี่คุณว่ามิอีกแล้ว ไปเลยนะ ไม่ต้องมาให้มิเห็นหน้า มิโกรธแล้วด้วย”
ชายหนุ่มจำทักท้วงว่าเขาไม่ได้ว่า แต่ก็ถูกมิรันตีผลักออกจากห้อง เขาเดินไปนั่งกับมารดาที่นั่งทำความสะอาดเครื่องเพชรอย่าง
เซ็งๆ
“เป็นอะไรล่ะลูก ทะเลาะกับหนูมิหรอ”
“อือครับ เธอหงุดหงิดแล้วชอบพาลผมประจำเลย”
เรวัตกอดหมอนอิง บอกอาการของมิรันตีให้มารดาฟัง คุณหญิงรดีสุดาได้แต่หัวเราะ บอกว่าให้ใจเย็นหน่อยเพราะเธอคงไม่ชินกับการถูกเอาใจใส่
ทางด้านมิรันตีที่แช่น้ำขับไล่ความร้อนออกจากร่างกายก็รู้ตัวว่าเธออารมณ์เสียใส่เขาอีกแล้ว ก็อดสำนึกผิดไม่ได้ บ่อยครั้งที่ทะเลาะกัน เป็นเรวัตเองที่เอ่ยขอโทษแม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเธอ
หญิงสาวคิดได้เท่านี้ก็ตั้งใจว่าจะคุยกับเขาดีๆ จัดการเช็ดตัว มือบางที่กำลังจะหยิบชุดชั้นในในลิ้นชักชะงักเมื่อพบห่อผ้าอนามัยที่ยังไม่ได้แกะ
นานเกินไปสำหรับประจำเดือนครั้งสุดท้าย
มิรันตีตาโตแล้วรีบแต่งตัว เธอว่าจะไปหาซื้อเครื่องตรวจครรภ์ จิตใจของเธอว้าวุ่นนักเพราะทั้งน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่เธอก็หักล้างที่ชอบกินขนมหวานเพราะในละครนั้นคนท้องมักกินผลไม้เปรี้ยวๆ
“อ้าว หนูมิ มานั่งนี่ก่อนสิ” คุณหญิงรดีสุดาทักว่าที่ลูกสะใภ้ที่แต่งตัวจออกไปข้างนอก
“คุณแม่มีอะไรจะใช้มิหรือเปล่าคะ” เธอถามโดยไม่มองสามี
“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ แม่เห็นหนูเบื่อๆ หนูอยากจะไปไหนรึเปล่า จะให้ตาเรไปส่ง”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะคุณแม่ คือว่ามิแค่จะไปห้างแถวนี้เองคะ” เธอบอกไปตามจริง ถ้าเธอท้องจริงเธอก็ยังไม่อยากให้เขารู้
“นั่นยิ่งไม่ได้ใหญ่ เรไปส่งน้องสิลูกเดี๋ยวน้า ทิพย์รู้ว่าปล่อยให้น้องไปไหนมาไหนคนเดียว คงไม่ชอบใจแน่” เรวัตทำตามมารดาอย่างว่าง่าย นึกขอบคุณมารดาที่พยายามหาช่องทางให้เขาและเธอปรับความเข้าใจกัน
“ค่ะ” เมื่อคุณหญิงรดีสุดายกชื่อของคุณป้ามาอ้าง มิรันตีจึงไม่ได้ปฏิเสธให้เหนื่อยการ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
เมื่อได้ของที่ต้องการมิรันตีฉวยโอกาสที่เรวัตเผลอจัดการเก็บมันในกระเป๋า ในถุงยาจึงมีเพียงยาอมแก้ไอ และวิตามินซี เรวัตอาสาช่วยถือ หญิงสาวไม่ปฏิเสธ มิรันตีขอแวะร้านหนังสือ
“ถ้าคุณเบื่อก็ไปทานกาแฟร้านนั้นก็ได้นะ ถ้ามิเสร็จธุระแล้วจะไปหา”
“ถ้างั้นเชิญคุณตามสบายเลยนะ”
เรวัตเองไม่ได้ชอบเข้าร้านหนังสือนัก ขอเลือกไปนั่งจิบกาแฟ กินขนมเค้กดีกว่า หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้ววิ่งไปห้องน้ำ
เรวัตมอง ‘ของ’ ที่หญิงสาวซื้อมาอย่างแปลกใจ เพราะทั้งสองอย่างนั้นมันอยู่ในตะกร้ายาของเขาที่หล่อนเพิ่งจัดการเอายาที่หมดอายุไปทิ้ง ชายหนุ่มส่ายหัวกับอาการหลงๆ ลืมๆ ของมิรันตี ทว่าใบเสร็จของร้านยากับชื่อตัวยาอีกชนิดที่เขาไม่รู้จักล่ะ??!
เวลานั้นเองที่มิรันตีใจเต้นตึกตักถือกล่องสีขาวไว้จนหญิงสาวรู้สึกถึงเหงื่อที่ชื้นตามมือ เธอนั่งบนชักโครก กระวนกระวายกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
“ท้องไม่ท้อง ท้องไม่ท้อง โอ๊ย...”
มิรันตีท้องไส้ปั่นป่วน นึกภาวนาอย่าให้ท้องเลย เพราะสงสารเด็กที่มีแม่ไม่ได้เรื่องอย่างเธอ
ไม่ใช่เพียงมิรันตีที่รอลุ้นใจจดใจจ่อ เรวัตเองก็ลุ้นตัวโก่งในร้านกาแฟหลังจากที่ทราบว่าสิ่งแปลกปลอมในใบเสร็จคืออะไร ชายหนุ่มจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี เขารู้สึกว่าโลกใบนี้น่าอยู่ขึ้นมาก
นี่เขากำลังจะเป็นพ่อคนแล้วหรือเนี่ย มีเขา มิรันตี แล้วก็ลูก
มิรันตีมองแท่งสีขาวในมืออย่างหมดแรงเมื่อผลออกมาว่ามีการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายของเธอ หญิงสาวลูบท้องแบนราบของตัวเองเบาๆ ตัวชาวาบ ไม่อยากเชื่อว่ามีชีวิตน้อยๆ ที่กำลังจะลืมตามองโลก เธอหยุดความคิดของตัวเองไว้แค่นั้น
ตลอดทางกลับบ้านเรวัตดีใจออกนอกหน้าจนมิรันตีหมั่นไส้ดูเหมือนเขาจะตื่นเต้นราวกับเป็นคนอุ้มท้องเสียเอง
“ก็คนมันตื่นเต้นนี่นา ผมยังไม่เคยมีลูก”
เออ ก็จริงของเขา
“แล้วเราจะบอกคุณแม่ว่าอย่างไรดีล่ะที่นี้” หญิงสาวทำหน้าจ๋อย เรวัตจุมพิตขมับให้กำลังใจบอกว่าไม่ได้เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย
“คุณก็มีปาก พูดได้นี่” มิรันตีเอ็ดเขาเบาๆ นึกถึงอนาคตของเขาและเธอ ที่สำคัญกำลังจะมีเจ้าตัวเล็กที่จะลืมตาดูโลกอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
อัษฎางค์ และรดาถูกเกณฑ์มาช่วยทำความสะอาดเครื่องประดับเก่าแก่ประจำตระกูลโดยมีคุณหญิงรดีสุดาคอยจ้ำจี้จ้ำไชอยู่ข้างๆ
รดาได้ยินว่าสินสอดของหมั้นครั้งนี้ประกอบไปด้วยเครื่องเพชรชุดใหญ่ เครื่องพลอยหีบใหญ่ของเจ้าคุณปู่ครั้งยังรับราชการอยู่วังหน้า ยังไม่รวมเครื่องนพเก้า ของหมั้นของคุณยายอีก
“กลับมาเหนื่อยๆ รดาไปเอาน้ำให้พี่หน่อย” รดาลุกไปอย่างว่าง่าย ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะปวดตากับประกายเพชรที่แวววับน่าลักไปซ่อนอย่างยิ่ง
“ได้อะไรมาบ้างล่ะ กลับมาซะเย็นเชียว” คุณหญิงรดีสุดาถามอย่างแปลกใจเมื่อไม่เห็นถุงกระดาษจากห้างดัง
“ไม่ได้อะไรหรอกครับ ได้แค่ยาบำรุงกลับมา” มิรันตีอ้ำอึ้ง เรวัตจึงตอบเสียเอง
“อ้าว เป็นอะไรไปน่ะหนูมิ นี่ใกล้วันงานแล้วนะ” คุณหญิงยกมือทาบอกอย่างตกอกตกใจ กลัวลูกสะใภ้คนโปรดจะเป็นอะไรไป
“ไปหาหมอรึยัง หน้าซีดเชียว” อัษฎางค์ถามอย่างเป็นห่วง มิรันตีส่ายหน้าช้าๆ
“ใครเป็นอะไรเหรอคะ” รดาทำหน้าเหลอหลา มองหน้าคนนั้นคนนี้อย่างงงๆ
รู้อย่างนี้ไม่ลุกไปเอาน้ำหรอก พลาดช็อตเด็ดเลย
“เอาล่ะครับ ในเมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ผมมีเรื่องจะบอก” ทุกคนเงียบกริบรอฟังเรวัตพูด คุณหญิงรดีสุดาเงยหน้าจากการเช็ดสร้อยคอพลอยล้อมเพชร
“คือว่า...” เป็นเรวัตเองที่พูดไม่ออกเมื่อทุกคนต่างพร้อมใจกันมองหน้าเขา
“มิท้องได้สองเดือนแล้วค่ะ” มิรันตีกัดฟันพูดออกไปในที่สุด
รดาตาโตแล้วทำท่าตีปีกดีใจที่จะได้เป็นอา
“ให้มันได้อย่างนี้สิน้องรัก” ว่าแล้วอัษฎางค์ก็หอมแก้มน้องสาวฟอดใหญ่
คุณหญิงรดีสุดาเผลอกรี๊ดแล้วรีบยกมือปิดปากตัวเองแล้วจัดการเช็ดเครื่องประดับต่อราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โอ๊ย คุณอา อีกหน่อยป๋าต้องสอนหลานให้เรียกรดาว่าคุณอานะ”
“อ้าว ผมเป็นคุณลุง แล้วอีกหน่อยถ้าเราแต่งงานกันจะเรียงลำดับญาติยังไงล่ะรดา” อัษฎางค์ทำท่าคิดหนัก เรวัตหัวเราะพรืด รดาจึงถองสีข้างเขาซะเต็มแรง
“แม่รอให้รดาขายออกตั้งนานแล้ว แต่ไม่มีใครหลงผิดสักคน ธามนี่แหละคนแรก”
คำพูดของคุณหญิงรดีสุดาทำเอาทุกคนฮาครืน ยกเว้นลูกสาวคนสวยที่หน้างอง้ำกับคำพูดของมารดา
“คุณแม่อ่ะ”
“อ้าว งั้นผมก็เป็นผู้โชคดีคนแรกน่ะสิ”
“โชคร้ายน่ะไม่ว่า” เสียงเรวัตแทรกขึ้น รวดเร็วพอๆ กับฝ่ามืออรหันต์ของรดาที่ฟาดหลังพี่ชายดังอั้ก
“โอ๊ย ยัยตัวแสบ”
“สมน้ำหน้า เห็นดีเห็นงามกันดีนัก” หญิงสาวไม่สำนึกผิดด้วยซ้ำ
“เอ้า คนสวยงอนแล้ว ง้อหน่อย”
เรวัตบอกอัษฎางค์เมื่อเห็นน้องสาวหน้างอเรื่อยๆ เจ้าตัวลุกขึ้นไม่สนใจใครหน้าไหน วิ่งตึงๆ ไปบนห้องนอน ไม่สนใจเสียงของมารดาที่เรียกตามหลังเลยแม้แต่น้อย
“เรนี่ก็แกล้งน้อง”
รดาโกรธทั้งอัษฎางค์และเรวัตที่ทำราวกับว่าเธอเป็นตัวตลก สาวจิตป่วนระบายอารมณ์กับอุลตาแมนที่อัษฎางค์ซื้อให้ ทั้งชกตีจิกข่วนให้ทุเลาอาการคลั่งลงได้ก็เริ่มหอบ อากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้หญิงสาวที่หมายจะนอนพักเอาแรงจมดิ่งสู่ห้วงนิทรา
อัษฎางค์ย่องขึ้นมาหาแฟนสาวที่หายเข้าไปในห้องมานานสองนาน เมื่อคุณหญิงรดีสุดลงมือเข้าครัวทำอาหารสูตรชาววังฉลองข่าวดีของหลานคนแรกโดยมีมิรันตีและเรวัตเป็นลูกมือทิ้งให้เขานั่งบื้ออยู่ในห้องรับแขก
รดาอึดอัดหายใจไม่ออก รู้สึกถึงวัตถุหนักๆ ที่ทับมาเมื่อปรือตามองก็พบอัษฎางค์ที่คร่อมอยู่เหนือร่าง
“ตื่นแล้วเหรอครับ” อัษฎางค์กดจมูกหนักๆ ที่ซอกคอของรดา สูดกลิ่นหอมเข้าเต็มปอด
“อ๊าย นายอัษฎางค์นายเข้ามาได้ไง” สองมือทุบไหล่เขาพลางกรีดร้อง ทว่าชายหนุ่มหาได้สนใจอาการขัดขืนของเธอไม่
“ก็เปิดประตูเข้ามาไง มันไม่ได้ล็อก”
“ไม่ใช่อย่างนั้น นายๆ เข้ามาได้ไง แล้วคนอื่น...คนอื่น”
“ช่างคนอื่นเถอะ” ชายหนุ่มพูดอย่างไม่ใส่ใจ รดาส่ายหน้าเมื่อเขาโน้มใบหน้ามาเกือบชิด
ช่างได้ไง คนอื่นนั่นเป็นแม่ พี่ชาย แล้วก็พี่สะใภ้เธอนะ
“อ๊าก นายๆ นายลุกไปก่อนสิ”
รดาขนลุกซู่เมื่อเขาขบเม้มติ่งหูเธอ แม้ว่าจะโอนอ่อนไปตามสัมผัสเขา แต่เธอก็ไม่อยากเข้าหอก่อนแต่งงานนะ
“พูดไม่เพราะเลย ไหนลองพูดใหม่ซิ”
“พี่ธามขา ช่วยลุกไปหน่อยนะคะ รดาหายใจไม่ออก” หญิงสาวพูดเพราะๆ นึกโมโหตัวเองที่ตกใจทีไรเรียกเขาไม่เพราะอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ
“ครับ พูดเพราะๆ อย่างนี้ค่อยน่ารักหน่อย” อัษฎางค์ทำอย่างว่าง่าย รดาจึงต้องระวังตัวมากกว่านี้เพราะไม่คิดว่าเขาจะทำโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
“แล้วคราวนี้พี่ธามจะเอาอะไรอีก”
“รู้ใจพี่เชียวนะ”
มือหนาลูบผมเธออย่างเบามือ รดาอยากชวนเขาไปข้างล่าง เพราะอยู่ด้วยกันในห้องสองต่อสองอย่างนี้ แถมบนเตียงอย่างนี้ โอกาสเสี่ยงสูง!
“ไม่ต้องทำอะไรหรอก เพราะว่าพี่จะทำเอง” ว่าแล้วอัษฎางค์ก็กระชากรดาให้ล้มลงบนเตียง แล้วกอดเธอไว้แนบอก
“โอ๊ย พี่ธาม” รดาลูบหัวตัวเองป้อยๆ เมื่อหัวเหม่งของเธอชนกับอกแกร่งเต็มรัก
“ไหน เจ็บไหม หัวโนรึเปล่า” อัษฎางค์กุลีกุจอดูแผลให้หญิงสาว ดวงตาหวานมองใบหน้าคร้ามคมที่แววตาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน
“รดาไม่เป็นไรแล้ว”
หญิงสาวชิงพูดก่อนที่ริมฝีปากบางของเขาจะมอบจุมพิตแสนหวานให้เธอ สัมผัสของเขามันชวนให้เธอเตลิดไปถึงไหนต่อไหน อัษฎางค์ล้มตัวนอนข้างหญิงสาว
“พี่อยากแต่งงาน” สามคำจากปากชายอันเป็นที่รัก รดานิ่งเงียบแล้วกอดเขาอย่างให้กำลังใจ
“รดายังไม่พร้อม รดาเพิ่งเรียนจบ เพิ่งทำงาน”
“พี่เข้าใจ พี่จะรอจนกว่ารดาจะพร้อม พี่รอได้” มือหนาจับมือบางเป็นสัญญาถึงความหนักแน่น แน่ล่ะว่าเขาจะรอเธอจนกว่า...เธอจะพร้อม
“ขอบคุณค่ะ”
“เราลงไปข้างล่างดีกว่า อยู่ที่นี่นานๆ พี่กลัวอดใจไม่ไหว” อัษฎางค์สปริงตัวลุก รดาส่งมือให้ชายหนุ่ม เขาฉุดเธอให้ลุกขึ้น
///////////////////////////////////////////////////////////////////////
งานมงคลสมรสของคู่บ่าวสาวถูกจัดขึ้นในสัปดาห์ต่อมาโดยใช้ห้องแกรนด์บอลลูนของโรงแรมที่คุณหญิงรดีสุดาถือตำแหน่งหุ้นส่วนใหญ่ ไม่ว่าคู่บ่าวสาวจะเคลื่อนกายไปทางใดเป็นต้องแข่งกับเสียงรัวชัตเตอร์ของนักข่าว บรรดาคุณหญิงคุณนายต่างประโคมโปะเครื่องเพชรราวกับเป็นตู้เพชรเครื่องที่
ตอนเช้าก็มีการผูกข้อมือ รดน้ำสังข์ตามประเพณีไทยที่บ้านเจ้าสาว คุณหญิงรดีสุดา และคุณระรินทิพย์ช่วยจัดการไม่ให้ขั้นตอนของงานตกหล่นบกพร่อง
รดานั่งจิบน้ำเปล่าบริเวณด้านหน้าห้องจัดงานในขณะที่อีกมือสาละวนกับการใช้ยาคลายกล้ามเนื้อนวดเฟ้นข้อเท้าของตัวเอง หญิงสาวสลัดรองเท้าส้นเข็มสีทองไว้ข้างกาย
“อ้าวแม่งานมาอู้งานตรงนี้นี่เอง” เคี้ยง เพื่อนของเรวัตเอ่ยทักน้องสาวของเพื่อน
รดาเงยหน้าขึ้นมาอยากต่อว่าผู้ชายปากเสีย แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ส่งยิ้มหวานให้เขา “พี่เคี้ยงเป็นไงมั่งคะ ไม่เจอกันนานเลย”
ครอบครัวของเธอกับเพื่อนพี่ชายคนนี้ค่อนข้างสนิทกัน อาจเรียกไม่ผิดว่าเป็นประเภทเงินต่อเงิน
“จะให้เจอได้ไงเล่า พี่เพิ่งกลับมาเนี่ย”
“พี่ไปต่อโทที่ไหนล่ะคะ อเมริกาหรือว่าอังกฤษ”
“ผิดจ้ะสาวน้อย พี่ไปนิวซีแลนด์นี่เอง” รดาคุยกับเคี้ยงเพลิน เพราะชายหนุ่มอัธยาศัยดี นิสัยดี เงินดี หุ่นดี แล้วการศึกษายังดีอีก
อะไรจะเพอร์เฟ็กต์อย่างนี้
เสียงกระแอมทำเอารดาสะดุ้ง คนที่เข้ามาไม่ได้จังหวะคงไม่มีใครนอกจากแฟนหนุ่มสุดหวง อัษฎางค์ตีหน้ายุ่งมองแฟนสาวที่ยิ้มระรื่นกับผู้ชายคนอื่น
“เอ่อ พี่ว่าพี่ไปก่อนดีกว่านะ แถวนี้อากาศไม่ค่อยดีเลย” เคี้ยงทำเป็นไม่สนใจมังกรตัวใหญ่ที่เตรียมพ่นไฟใส่เขา
“พี่ธามก็” รดามองตามเคี้ยงไปจนสุดสายตา นึกขอโทษขอโพยแทนแฟนหนุ่ม
“เข้าไปในงานได้แล้ว คุณแม่ท่านเรียกหา”
อัษฎางค์บอกอย่างนึกขึ้นได้ เขาทำตามอย่างไม่ชอบใจนักเมื่อคุณหญิงรดีสุดาสั่งให้เขามาตามหญิงสาวเพื่อไปทำความรู้จักกับลูกชายท่านรัฐมนตรี แต่เขาจะไปขัดอะไรว่าที่แม่ยายได้
“งั้นพี่ธามรอรดาอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวรดาจะรีบมา จะเอาอะไรไหมคะ”
“ไม่ดีกว่า รีบมานะ” ชายหนุ่มบอกส่งๆ ทั้งที่จริงอยากเก็บเจ้าหญิงทีสวมชุดราตรีคล้องคอสีแดงเพลิงนี้ไว้ในกระเป๋า ไม่ให้ใครเห็นด้วยซ้ำ
งานเลี้ยงผ่านไปด้วยดี เมื่อถึงตอนส่งตัวคู่บ่าวสาว เรวัตได้แต่นอนกอดท้องแบนราบของเจ้าสาวไว้ เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีโอกาสได้ทำอะไรมากกว่านี้ มิรันตีหลับตาพริ้มในอ้อมกอดของผู้ชายที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีที่ถูกต้องตามกฎหมาย เรวัตเอาผมทัดหูมิรันตีแล้วพิจารณาใบหน้าหญิงสาวในความมืด
อีกหกเดือนเท่านั้นที่ครอบครัวของเขาจะเป็นครอบครัวที่สมบูรณ์
มิรันตีซุกตัวหาไออุ่นที่คุ้นเคย เรวัตหาวจนน้ำตาไหล วันนี้เขาเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ชายหนุ่มไม่เคยคิดมาก่อนว่างานแต่งงานจะมีอะไรวุ่นวายสารพัดอย่างนี้ เขากระชับร่างในอ้อมกอดแน่น
//////////////////////////////////////////////////////////////////////
แจ้งทราบๆ อาการของนุ่นยังไม่ดีขึ้น หมอนัดอีกทีวันอังคารค่ะ
สถานะตอนนี้ ปั่นงานไฟแลบ ทั้งการบ้าน และนิยาย เป็นกำลังใจกันหน่อยนะคะ
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2554, 04:32:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2554, 04:34:09 น.
จำนวนการเข้าชม : 2093
<< บทที่ 11 Sweetie | บทที่ี่่่ี่่่ 13 รักอลวน ปฏิบัติการอลเวง >> |
ปูสีน้ำเงิน 10 ก.ค. 2554, 09:21:37 น.
สู้สู้นะคะ YoY
สู้สู้นะคะ YoY
lovemuay 10 ก.ค. 2554, 09:51:05 น.
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
สู้ๆนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ ^^
่jaowaan 10 ก.ค. 2554, 10:41:55 น.
ว๊าวววว
ว๊าวววว
anOO 10 ก.ค. 2554, 12:40:35 น.
เอากำลังใจกองโตๆ ไปเลยจ้า
รักษาสุขภาพด้วย อย่าเครียดมาก
จัดเรียงลำดับให้ดี อะไรด่วนๆ ก็ทำก่อน คนอ่านรอได้เสมอ
เอากำลังใจกองโตๆ ไปเลยจ้า
รักษาสุขภาพด้วย อย่าเครียดมาก
จัดเรียงลำดับให้ดี อะไรด่วนๆ ก็ทำก่อน คนอ่านรอได้เสมอ
xeve 24 ก.ค. 2554, 01:46:24 น.
รักษาสุขภาพนะคะ ยังไงก็รอค่ะ
รักษาสุขภาพนะคะ ยังไงก็รอค่ะ