4 หล่อขอสืบ (ภาคนิยาย) สร้างเป็นละครช่อง 3
เมื่อ 4 หนุ่มนักสืบรูปหล่อซึ่งมีความสามารถแตกต่างกัน
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
ลงขันเปิดสำนักงานนักสืบร่วมกัน
พวกเขาต้องแบ่งหน้าที่กันไขคดีปริศนาต่าง ๆ
ภายใต้ชื่อสำนักงาน "4 หล่อขอสืบ"
Tags: 4 หล่อขอสืบ,สืบสวน,ธรากร
ตอน: ตอนที่ 8 คุ้นเคย
ปาณัสม์ตั้งนาฬิกาปลุกไว้เจ็ดโมงเช้า พอหลังแปรงฟัน อาบน้ำเสร็จ เจ้าตัวตั้งใจจะงีบที่ชุดรับแขกสักนาทีสองนาที ก่อนจะแต่งตัว และออกเดินทางไปรับเช็คตามที่นัดหมายไว้ แต่เขารู้ตัวอีกทีตอนที่อินทร์ธัชละเมอลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ สะกิดเขาแล้วถามว่า มานอนทำไมตรงนี้ นักสืบพี่ใหญ่สุดของสำนักงานสะดุ้งตื่นจนผวา เพราะจากหนึ่งนาทีที่คิดจะงีบ กลับเลยเถิดบานปลาย กลายเป็นหนึ่งชั่วโมงไปแล้ว
ปาณัสม์รีบสวมเชิ้ต กางเกงสีดำให้ดูสุภาพแล้ววิ่งออกจากสำนักงานไปโบกมือเรียกจักรยานยนต์รับจ้างที่แล่นผ่านมาพอดี
“รถไฟใต้ดินพี่” ชายหนุ่มบอก พอคนขับพยักหน้า แล้วโยนหมวกกันน็อคให้อย่างไม่กลัวว่าเขาจะรับพลาด ปารัสม์สวมมัน แล้วก้าวขึ้นคร่อมก่อนที่รถเคลื่อนออกไปพอดี
อีกฟากของมหานครอันกว้างใหญ่ วารินอยู่ในห้วงนิทราระหว่างที่กายกำลังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะทำงานภายในห้องส่วนตัว เมื่อคืนเธอโหมทำงานดึกดื่นจนผล็อยหลับไป แสงแดดสาดเข้ามาทางหน้าต่างต้องผิวพรรณอันผุดผ่องของเธอ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่น
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น วารินสะดุ้งตกใจ เธอคว้าโทรศัพท์มาดูชื่อที่หน้าจอ พบว่าคนที่โทร. มาคือ เพลินตา เพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง
“ฮัลโหล”
“อยู่ไหนแล้ว ริน” คนปลายสายกรอกเสียงตอบกลับมา “อย่าบอกนะว่ายังไม่ตื่น”
“ก็ตื่นตอนเธอโทรมาปลุกนี่แหละ” วารินตอบกลับมา
“เฮ้ย วันนี้มีประชุมนะริน” เพลินตาซึ่งยืนคุยมือถืออยู่หน้าสำนักข่าวสปายนิวส์ตกใจ
“จริงด้วย!” นักข่าวสาวดาวรุ่งตาเบิกโพลง ตกใจมาก ลุกพรวด “แกถ่วงเวลาไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งรีบเข้าประชุม ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
วารินรีบกดตัดสายทันที หล่อนวิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำหน้าตาตื่น ถอดชุดนอนทั้งท่อนบนและล่างโยนออกมานอกห้องน้ำ แล้วเปิดฝักบัวชำระร่างกายอย่างรีบเร่ง เพียงแค่สิบห้านาทีผ่านพ้น นักข่าวสาวเปลี่ยนตัวเองจากยายเพิ้งที่เพิ่งตื่นนอนให้กลายเป็นสาวมั่นทันสมัย เธอรวบผมอย่างง่าย ๆ แล้วกุลีกุจอวิ่งออกไปหน้าบ้าน โบกมือเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างที่แล่นผ่านมา
“ไปสำนักข่าวสปายนิวส์ค่ะ” หล่อนกระโดดขึ้นนั่งตะแคงข้างซ้อนท้าย รับหมวกกันน็อคจากคนขับมาสวมอย่างไม่รีรอ
ระหว่างโดยสารด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ปาณัสม์ตรวจสอบสถานที่นัดหมายผ่านแอปปลิเคชั่นแผนที่ในสมาร์ทโฟน เขาพบว่าคฤหาสน์ของเศรษฐีเจ้าของน้องเมจิอยู่ใกล้กับสำนักข่าวสปายนิวส์ จากสถานีรถไฟใต้ดินต้องเดินข้ามถนนตรงหน้าสำนักข่าวดังกล่าว และข้ามสะพานลอยไปอีกทีหนึ่ง เวลาผ่านไปราวสิบนาที นักสืบหนุ่มเดินขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินตรงไปตามบาทวิถีเพื่อที่จะข้ามทางม้าลายตรงสัญญาณไฟจราจร ในจังหวะเดียวกับที่คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคันที่วารินซ้อนท้ายอยู่ ขับแซงซ้ายป่ายขวาอยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้ามแยก โดยมีผู้โดยสารสาวจอมเรื่องมากเร่งเร้าเป็นระยะเพื่อให้มุ่งไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด เขาหยุดจอดข้างรถกระบะเพื่อรอสัญญาณไฟจราจร นักข่าวสาวชะเง้อมองไปมาสีหน้าร้อนใจ
“โอ๊ย ... มาติดไฟแดงอะไรตอนนี้เนี่ย”
พอสัญญาณไฟจราจรขึ้นเป็นรูปคนเดินข้ามถนน ผู้คนรีบร้อนข้ามทางม้าลายแข่งกับตัวเลขเวลาที่นับถอยหลัง ปาณัสม์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปให้ทันข้าม เขาผงะเพราะภาพถนน สี่แยก สิ่งปลูกสร้าง ผู้คนที่ปรากฏตรงหน้า เหมือนกับภาพนิมิตที่เขาเห็นเมื่อคืนระหว่างอาบน้ำในอ่างจากุซซี่ทุกอย่าง
ทันทีสัญญาณไฟเขียวให้ข้ามทางม้าลายเปลี่ยนเป็นสีแดง ปาณัสม์พยายามมองหาเด็กคนซึ่งปรากฏในภาพฝันแต่กลับไม่เห็น กลุ่มคนที่เดินข้ามถนนล้วนเป็นผู้ใหญ่ ชายหนุ่มหลิ่วตามอง จนสังเกตเห็นลูกโป่งสวรรค์ที่ลอยเดินอยู่เหนือศีรษะกลุ่มคนที่เดินข้ามถนน
ทันใดนั้น ลูกโป่งใบดังกล่าวหลุดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้คนเดินข้ามถนนไปกันหมด เพราะอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า รถจากฝั่งอื่น ๆ ก็จะแล่นข้ามแยกมาแล้ว เหลือเพียงเด็กน้อยยืนอยู่กลางถนนตกใจเงยหน้ามองลูกโป่งที่ลอยขึ้นไปร้องจะเอา จะเอา ส่วนผู้หญิงอีกคนที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กข้ามไปถึงฝั่งถนนถือของเต็มสองมือ มองซ้ายมองขวาไม่เจอลูกจึงหันกลับมามองที่ถนนอีกครั้ง
“ว้าย ... ตายแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นตกใจสุดขีด ร้องอุทานจนผู้คนต่างพากันตกอกตกใจ
สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถกระบะซึ่งจอดรถเป็นคันแรกของทางถนนแยกตรงข้ามแล่นตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง บีบแตรเสียงดังลั่น
ปาณัสม์วิ่งถลาเข้าไป เขารวบตัวเด็กหลบไปให้พ้นทาง รถกระบะเฉียดหลังนักสืบหนุ่มไปอย่างชนิดที่ว่าเส้นยาแดงผ่าแปด เสียงหวีดร้องตกใจของผู้คนที่อยู่แถวนั้นดังขึ้นพร้อมกัน รถกระบะเบรคเอี๊ยด... นักสืบหนุ่มกอดเด็กไว้ หนูน้อยแผดเสียงร้องไห้งองแง
ในขณะเดียวกัน จักรยานยนต์คันที่วารินนั่งซ้อนท้ายมาตามหลังรถกระบะมาติด ๆ รีบเบี่ยงหลบเข้าข้างทางจนเสียหลักล้มลง
“โอ๊ย!” วารินตกจากรถลงมาก้นจ้ำเบ้ากับพื้นฟุตบาท เธอทันเห็นว่ามีผู้ชายวิ่งตัดหน้ารถคันหน้า แต่ไม่เห็นว่ามีเด็กหกขวบมายืนอยู่กลางถนนเพราะตัวรถกระบะนั้นบังอยู่ เธอปวดก้นกกและคิดว่ายังไงคนที่ผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ... ผู้ชายคนนั้นต้องรับผิดชอบอาการบาดเจ็บของเธอ
“ข้ามถนนระวังบ้างสิวะ” คนขับรถกระบะหน้าบึ้งด่าปาณัสม์กับเด็กน้อยใส่ก่อนขับออกไป นักสืบหนุ่มงุนงง เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเวลาทำความดีต้องมีคนด่า ทันใดนั้น ผู้หญิงที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กรีบเข้ามาอุ้มลูกตัวเองตรงเข้ามาหานักสืบหนุ่ม
“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงร่างผอมโค้งคำนับสองสามหนด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ” ปาณัสม์ยิ้ม เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจคำด่าจากคนขับรถกระบะเมื่อครู่ แต่เลือกที่จะสนใจคำขอบคุณและรอยยิ้มจากแม่ของเด็กมากกว่า
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ” แม่เด็กหันไปตวาดลูกตัวเอง
“อย่าไปดุแกเลยครับ” นักสืบหนุ่มเข้าใจความผิดพลาดที่เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“ไม่ได้หรอกค่ะ ทำผิดก็ต้องดุต้องว่า ไม่งั้นจะเสียเด็ก” พูดจบคนเป็นแม่ก็ตีลูกไปทีหนึ่ง หนูน้อยวัยหกขวบร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ก่อนแม่จะพาตัวเดินไป
ปาณัสม์ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องครอบครัวเท่าไหร่นัก เขาหันไปมองรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ล้มอยู่ เห็นวารินจับบั้นท้าย สีหน้าท่าทางเจ็บปวด เขาจึงรอจังหวะรถว่างจะข้ามถนนไปดูอาการของเธอ
“น้องเป็นอะไรมั้ยครับ” คนขับจักรยานยนต์ถามวารินที่กำลังนวดบั้นเอวไปมาเพราะเจ็บ
“ไม่เป็นไรค่ะ เจ็บนิดหน่อย” หญิงสาวตอบ
“ขอโทษนะครับ น้องจะเรียกค่าเสียหายอะไรจากพี่มั้ย”
“ไม่หรอกค่ะ”
“งั้นจะไปต่อเลยมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวข้ามถนนก็ถึงแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ควักค่าโดยสารขึ้นมาจ่าย ตามราคาที่เธอรู้ดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตื่นสายจนต้องกระโดดซ้อนท้ายพี่วินมาทำงาน
“งั้นผมไม่คิดค่าจ้างแล้วกัน”
“เอาไปเถอะค่ะ” เธอตอบแล้วปัดเศษดินเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าไปมา
ขณะที่ชายคนขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างออกไป ปาณัสม์วิ่งข้ามถนนกลับมา เขาตั้งใจจะมาดูอาการหญิงสาวพอดี
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ”
“นี่คุณ!” วารินกอดอก ที่พูดไปเช่นนั้นเธอมั่นใจว่าเขาคือคนที่เป็นต้นเรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เพราะเธอเห็นขัดว่ามีผู้ชายสวมเชิ้ตกางเกงขายาวสีดำวิ่งตัดหน้ารถกระบะ โดยไม่รู้ว่า ที่เขาวิ่งออกไปแบบนั้นเพราะจะช่วยเด็กหกขวบซึ่งยืนอยู่กลางถนน
“ไม่ต้องมาโทษผมนะ” ปาณัสม์ย้อนกลับ “มันไม่ใช่ความผิดของผม แต่มันเป็นเพราะความซุ่มซ่ามของคุณเองต่างหาก”
“ไฟแดงห้ามข้าม คุณไม่เห็นรึไง วิ่งตัดหน้ารถมาได้” นักข่าวสาวบ่นอุบชุดใหญ่ “อย่าเห็นแก่ตัวนักสิคุณ หัดเคารพกฎจราจรมั่ง ทุกคนก็มีธุระต้องรีบกันทั้งนั้นล่ะ กฎเขาตั้งมาให้ทำตามเพื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างมีระเบียบ ไม่ใช่ตั้งมาให้แหก”
“แบตหมดหรือยังคุณ ใส่ไม่ยั้งเลยนะ” ปาณัสม์ทำหน้าเซ็ง “ระวังจะหน้าแตกนะคุณ ที่ผมวิ่งตัดหน้ารถก็เพราะมาช่วยเด็กคนนั้น”
ชายหนุ่มชี้ไปฝั่งตรงข้าม เด็กหายไปแล้ว
“ไหนเด็ก” วารินเท้าเอวจ้องหน้า
“เมื่อกี้มีจริง ๆ นะคุณ เด็กเสื้อขาวลายการ์ตูน ถามใครก็ได้เขาเห็นกันทั้งนั้นแหละ” ยิ่งพูดก็เหมือนปาณัสม์กำลังแก้ตัว
“เด็กเดิกที่ไหนกัน คุณไม่ต้องมาอ้างเลย ผิดก็ยอมรับผิดมาแมน ๆ ดีกว่า” วารินแค่นขำ
“พูดอย่างงี้ มันดูถูกกันนี่นา” อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นทันที
“เอ๊ะ ... เดี๋ยวนะ” วารินขมวดคิ้ว มองหน้าชายหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์ “ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง”
ปาณัสม์หันไปเห็นกระเป๋าที่มีตราโลโก้ของสปายนิวส์จึงจำได้ทันทีว่าเป็นนักข่าวที่เขาเคยขโมยจูบเมื่อครึ่งปีก่อน ผู้หญิงคนนี้ท่าทางเอาเรื่องซะด้วย เกิดเธอนึกหน้าออกว่าเขาคือหนึ่งกลุ่มชายนิรนาม ความลับทั้งหมดอาจถูกเปิดเผยได้
แม้เรื่องการแสดงจะไม่ถนัดนัก แต่ชายหนุ่มก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เพื่อตีตัวออกห่างเหยี่ยวข่าวสาวให้เร็วที่สุด
“โทษนะ ผมต้องรีบไป ไม่มีเวลาทะเลาะกับผู้หญิงหน้าบ้าน ๆ ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอตัวนะครับ” จะเอาคืนทั้งทีก็ต้องเลือกใช้คำให้บาดจิตบาดใจสักหน่อย พูดจบชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาแล้วข้ามถนนไปทันที เป็นจังหวะที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทั้งรถยนต์ รถเมล์จากแยกฝั่งตรงข้ามต่างวิ่งข้ามแยกมา จนวารินไม่สามารถข้ามตามนักสืบหนุ่มไปได้
“นี่ เดี๋ยวสิ จะหนีกันไปง่าย ๆ เลยเหรอ กลับมาเดี๋ยวนะ นายหน้าจืด” นักข่าวสาวโวยวายอยู่ริมถนน หากพอมองตามคู่กรณีที่หลบหน้าหลบตาเดินหนีไป เธอจึงกลับมาใส่ใจคำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวเมื่อครู่อีกครั้ง
“เราเคยเจอหมอนี่มาก่อนหรือเปล่านะ ทำไมคุ้นหน้าชะมัดเลย”
---------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 8 คุ้นเคย
"รถที่ปาณัสม์วิ่งตัดหน้า คือรถอะไร"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก รับไปคนละ 5 คะแนน
ปาณัสม์รีบสวมเชิ้ต กางเกงสีดำให้ดูสุภาพแล้ววิ่งออกจากสำนักงานไปโบกมือเรียกจักรยานยนต์รับจ้างที่แล่นผ่านมาพอดี
“รถไฟใต้ดินพี่” ชายหนุ่มบอก พอคนขับพยักหน้า แล้วโยนหมวกกันน็อคให้อย่างไม่กลัวว่าเขาจะรับพลาด ปารัสม์สวมมัน แล้วก้าวขึ้นคร่อมก่อนที่รถเคลื่อนออกไปพอดี
อีกฟากของมหานครอันกว้างใหญ่ วารินอยู่ในห้วงนิทราระหว่างที่กายกำลังฟุบหลับอยู่ที่โต๊ะทำงานภายในห้องส่วนตัว เมื่อคืนเธอโหมทำงานดึกดื่นจนผล็อยหลับไป แสงแดดสาดเข้ามาทางหน้าต่างต้องผิวพรรณอันผุดผ่องของเธอ แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังไม่รู้สึกตัวตื่น
เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้น วารินสะดุ้งตกใจ เธอคว้าโทรศัพท์มาดูชื่อที่หน้าจอ พบว่าคนที่โทร. มาคือ เพลินตา เพื่อนสนิทของเธอนั่นเอง
“ฮัลโหล”
“อยู่ไหนแล้ว ริน” คนปลายสายกรอกเสียงตอบกลับมา “อย่าบอกนะว่ายังไม่ตื่น”
“ก็ตื่นตอนเธอโทรมาปลุกนี่แหละ” วารินตอบกลับมา
“เฮ้ย วันนี้มีประชุมนะริน” เพลินตาซึ่งยืนคุยมือถืออยู่หน้าสำนักข่าวสปายนิวส์ตกใจ
“จริงด้วย!” นักข่าวสาวดาวรุ่งตาเบิกโพลง ตกใจมาก ลุกพรวด “แกถ่วงเวลาไว้ก่อนนะ อย่าเพิ่งรีบเข้าประชุม ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
วารินรีบกดตัดสายทันที หล่อนวิ่งพรวดเข้าไปในห้องน้ำหน้าตาตื่น ถอดชุดนอนทั้งท่อนบนและล่างโยนออกมานอกห้องน้ำ แล้วเปิดฝักบัวชำระร่างกายอย่างรีบเร่ง เพียงแค่สิบห้านาทีผ่านพ้น นักข่าวสาวเปลี่ยนตัวเองจากยายเพิ้งที่เพิ่งตื่นนอนให้กลายเป็นสาวมั่นทันสมัย เธอรวบผมอย่างง่าย ๆ แล้วกุลีกุจอวิ่งออกไปหน้าบ้าน โบกมือเรียกรถจักรยานยนต์รับจ้างที่แล่นผ่านมา
“ไปสำนักข่าวสปายนิวส์ค่ะ” หล่อนกระโดดขึ้นนั่งตะแคงข้างซ้อนท้าย รับหมวกกันน็อคจากคนขับมาสวมอย่างไม่รีรอ
ระหว่างโดยสารด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ปาณัสม์ตรวจสอบสถานที่นัดหมายผ่านแอปปลิเคชั่นแผนที่ในสมาร์ทโฟน เขาพบว่าคฤหาสน์ของเศรษฐีเจ้าของน้องเมจิอยู่ใกล้กับสำนักข่าวสปายนิวส์ จากสถานีรถไฟใต้ดินต้องเดินข้ามถนนตรงหน้าสำนักข่าวดังกล่าว และข้ามสะพานลอยไปอีกทีหนึ่ง เวลาผ่านไปราวสิบนาที นักสืบหนุ่มเดินขึ้นมาจากรถไฟใต้ดินตรงไปตามบาทวิถีเพื่อที่จะข้ามทางม้าลายตรงสัญญาณไฟจราจร ในจังหวะเดียวกับที่คนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างคันที่วารินซ้อนท้ายอยู่ ขับแซงซ้ายป่ายขวาอยู่ตรงถนนฝั่งตรงข้ามแยก โดยมีผู้โดยสารสาวจอมเรื่องมากเร่งเร้าเป็นระยะเพื่อให้มุ่งไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด เขาหยุดจอดข้างรถกระบะเพื่อรอสัญญาณไฟจราจร นักข่าวสาวชะเง้อมองไปมาสีหน้าร้อนใจ
“โอ๊ย ... มาติดไฟแดงอะไรตอนนี้เนี่ย”
พอสัญญาณไฟจราจรขึ้นเป็นรูปคนเดินข้ามถนน ผู้คนรีบร้อนข้ามทางม้าลายแข่งกับตัวเลขเวลาที่นับถอยหลัง ปาณัสม์กึ่งเดินกึ่งวิ่งเพื่อไปให้ทันข้าม เขาผงะเพราะภาพถนน สี่แยก สิ่งปลูกสร้าง ผู้คนที่ปรากฏตรงหน้า เหมือนกับภาพนิมิตที่เขาเห็นเมื่อคืนระหว่างอาบน้ำในอ่างจากุซซี่ทุกอย่าง
ทันทีสัญญาณไฟเขียวให้ข้ามทางม้าลายเปลี่ยนเป็นสีแดง ปาณัสม์พยายามมองหาเด็กคนซึ่งปรากฏในภาพฝันแต่กลับไม่เห็น กลุ่มคนที่เดินข้ามถนนล้วนเป็นผู้ใหญ่ ชายหนุ่มหลิ่วตามอง จนสังเกตเห็นลูกโป่งสวรรค์ที่ลอยเดินอยู่เหนือศีรษะกลุ่มคนที่เดินข้ามถนน
ทันใดนั้น ลูกโป่งใบดังกล่าวหลุดลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ผู้คนเดินข้ามถนนไปกันหมด เพราะอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า รถจากฝั่งอื่น ๆ ก็จะแล่นข้ามแยกมาแล้ว เหลือเพียงเด็กน้อยยืนอยู่กลางถนนตกใจเงยหน้ามองลูกโป่งที่ลอยขึ้นไปร้องจะเอา จะเอา ส่วนผู้หญิงอีกคนที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กข้ามไปถึงฝั่งถนนถือของเต็มสองมือ มองซ้ายมองขวาไม่เจอลูกจึงหันกลับมามองที่ถนนอีกครั้ง
“ว้าย ... ตายแล้ว” ผู้หญิงคนนั้นตกใจสุดขีด ร้องอุทานจนผู้คนต่างพากันตกอกตกใจ
สัญญาณไฟเปลี่ยนเป็นสีเขียว รถกระบะซึ่งจอดรถเป็นคันแรกของทางถนนแยกตรงข้ามแล่นตรงเข้ามาด้วยความเร็วสูง บีบแตรเสียงดังลั่น
ปาณัสม์วิ่งถลาเข้าไป เขารวบตัวเด็กหลบไปให้พ้นทาง รถกระบะเฉียดหลังนักสืบหนุ่มไปอย่างชนิดที่ว่าเส้นยาแดงผ่าแปด เสียงหวีดร้องตกใจของผู้คนที่อยู่แถวนั้นดังขึ้นพร้อมกัน รถกระบะเบรคเอี๊ยด... นักสืบหนุ่มกอดเด็กไว้ หนูน้อยแผดเสียงร้องไห้งองแง
ในขณะเดียวกัน จักรยานยนต์คันที่วารินนั่งซ้อนท้ายมาตามหลังรถกระบะมาติด ๆ รีบเบี่ยงหลบเข้าข้างทางจนเสียหลักล้มลง
“โอ๊ย!” วารินตกจากรถลงมาก้นจ้ำเบ้ากับพื้นฟุตบาท เธอทันเห็นว่ามีผู้ชายวิ่งตัดหน้ารถคันหน้า แต่ไม่เห็นว่ามีเด็กหกขวบมายืนอยู่กลางถนนเพราะตัวรถกระบะนั้นบังอยู่ เธอปวดก้นกกและคิดว่ายังไงคนที่ผิดในเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ... ผู้ชายคนนั้นต้องรับผิดชอบอาการบาดเจ็บของเธอ
“ข้ามถนนระวังบ้างสิวะ” คนขับรถกระบะหน้าบึ้งด่าปาณัสม์กับเด็กน้อยใส่ก่อนขับออกไป นักสืบหนุ่มงุนงง เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมเวลาทำความดีต้องมีคนด่า ทันใดนั้น ผู้หญิงที่น่าจะเป็นแม่ของเด็กรีบเข้ามาอุ้มลูกตัวเองตรงเข้ามาหานักสืบหนุ่ม
“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงร่างผอมโค้งคำนับสองสามหนด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรครับ” ปาณัสม์ยิ้ม เขาเลือกที่จะไม่ใส่ใจคำด่าจากคนขับรถกระบะเมื่อครู่ แต่เลือกที่จะสนใจคำขอบคุณและรอยยิ้มจากแม่ของเด็กมากกว่า
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะ” แม่เด็กหันไปตวาดลูกตัวเอง
“อย่าไปดุแกเลยครับ” นักสืบหนุ่มเข้าใจความผิดพลาดที่เกิดจากการรู้เท่าไม่ถึงการณ์
“ไม่ได้หรอกค่ะ ทำผิดก็ต้องดุต้องว่า ไม่งั้นจะเสียเด็ก” พูดจบคนเป็นแม่ก็ตีลูกไปทีหนึ่ง หนูน้อยวัยหกขวบร้องไห้หนักเข้าไปใหญ่ก่อนแม่จะพาตัวเดินไป
ปาณัสม์ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องครอบครัวเท่าไหร่นัก เขาหันไปมองรถจักรยานยนต์รับจ้างที่ล้มอยู่ เห็นวารินจับบั้นท้าย สีหน้าท่าทางเจ็บปวด เขาจึงรอจังหวะรถว่างจะข้ามถนนไปดูอาการของเธอ
“น้องเป็นอะไรมั้ยครับ” คนขับจักรยานยนต์ถามวารินที่กำลังนวดบั้นเอวไปมาเพราะเจ็บ
“ไม่เป็นไรค่ะ เจ็บนิดหน่อย” หญิงสาวตอบ
“ขอโทษนะครับ น้องจะเรียกค่าเสียหายอะไรจากพี่มั้ย”
“ไม่หรอกค่ะ”
“งั้นจะไปต่อเลยมั้ยครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวข้ามถนนก็ถึงแล้ว” พูดจบหญิงสาวก็ควักค่าโดยสารขึ้นมาจ่าย ตามราคาที่เธอรู้ดี เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เธอตื่นสายจนต้องกระโดดซ้อนท้ายพี่วินมาทำงาน
“งั้นผมไม่คิดค่าจ้างแล้วกัน”
“เอาไปเถอะค่ะ” เธอตอบแล้วปัดเศษดินเศษฝุ่นบนเสื้อผ้าไปมา
ขณะที่ชายคนขับขี่รถจักรยานยนต์รับจ้างออกไป ปาณัสม์วิ่งข้ามถนนกลับมา เขาตั้งใจจะมาดูอาการหญิงสาวพอดี
“เป็นอะไรรึเปล่าครับคุณ”
“นี่คุณ!” วารินกอดอก ที่พูดไปเช่นนั้นเธอมั่นใจว่าเขาคือคนที่เป็นต้นเรื่องของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ เพราะเธอเห็นขัดว่ามีผู้ชายสวมเชิ้ตกางเกงขายาวสีดำวิ่งตัดหน้ารถกระบะ โดยไม่รู้ว่า ที่เขาวิ่งออกไปแบบนั้นเพราะจะช่วยเด็กหกขวบซึ่งยืนอยู่กลางถนน
“ไม่ต้องมาโทษผมนะ” ปาณัสม์ย้อนกลับ “มันไม่ใช่ความผิดของผม แต่มันเป็นเพราะความซุ่มซ่ามของคุณเองต่างหาก”
“ไฟแดงห้ามข้าม คุณไม่เห็นรึไง วิ่งตัดหน้ารถมาได้” นักข่าวสาวบ่นอุบชุดใหญ่ “อย่าเห็นแก่ตัวนักสิคุณ หัดเคารพกฎจราจรมั่ง ทุกคนก็มีธุระต้องรีบกันทั้งนั้นล่ะ กฎเขาตั้งมาให้ทำตามเพื่ออยู่ร่วมกันได้อย่างมีระเบียบ ไม่ใช่ตั้งมาให้แหก”
“แบตหมดหรือยังคุณ ใส่ไม่ยั้งเลยนะ” ปาณัสม์ทำหน้าเซ็ง “ระวังจะหน้าแตกนะคุณ ที่ผมวิ่งตัดหน้ารถก็เพราะมาช่วยเด็กคนนั้น”
ชายหนุ่มชี้ไปฝั่งตรงข้าม เด็กหายไปแล้ว
“ไหนเด็ก” วารินเท้าเอวจ้องหน้า
“เมื่อกี้มีจริง ๆ นะคุณ เด็กเสื้อขาวลายการ์ตูน ถามใครก็ได้เขาเห็นกันทั้งนั้นแหละ” ยิ่งพูดก็เหมือนปาณัสม์กำลังแก้ตัว
“เด็กเดิกที่ไหนกัน คุณไม่ต้องมาอ้างเลย ผิดก็ยอมรับผิดมาแมน ๆ ดีกว่า” วารินแค่นขำ
“พูดอย่างงี้ มันดูถูกกันนี่นา” อีกฝ่ายอารมณ์ขึ้นทันที
“เอ๊ะ ... เดี๋ยวนะ” วารินขมวดคิ้ว มองหน้าชายหนุ่มอย่างพินิจพิเคราะห์ “ทำไมฉันรู้สึกคุ้นหน้าคุณจัง”
ปาณัสม์หันไปเห็นกระเป๋าที่มีตราโลโก้ของสปายนิวส์จึงจำได้ทันทีว่าเป็นนักข่าวที่เขาเคยขโมยจูบเมื่อครึ่งปีก่อน ผู้หญิงคนนี้ท่าทางเอาเรื่องซะด้วย เกิดเธอนึกหน้าออกว่าเขาคือหนึ่งกลุ่มชายนิรนาม ความลับทั้งหมดอาจถูกเปิดเผยได้
แม้เรื่องการแสดงจะไม่ถนัดนัก แต่ชายหนุ่มก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เพื่อตีตัวออกห่างเหยี่ยวข่าวสาวให้เร็วที่สุด
“โทษนะ ผมต้องรีบไป ไม่มีเวลาทะเลาะกับผู้หญิงหน้าบ้าน ๆ ด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ขอตัวนะครับ” จะเอาคืนทั้งทีก็ต้องเลือกใช้คำให้บาดจิตบาดใจสักหน่อย พูดจบชายหนุ่มหันซ้ายหันขวาแล้วข้ามถนนไปทันที เป็นจังหวะที่สัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ทั้งรถยนต์ รถเมล์จากแยกฝั่งตรงข้ามต่างวิ่งข้ามแยกมา จนวารินไม่สามารถข้ามตามนักสืบหนุ่มไปได้
“นี่ เดี๋ยวสิ จะหนีกันไปง่าย ๆ เลยเหรอ กลับมาเดี๋ยวนะ นายหน้าจืด” นักข่าวสาวโวยวายอยู่ริมถนน หากพอมองตามคู่กรณีที่หลบหน้าหลบตาเดินหนีไป เธอจึงกลับมาใส่ใจคำถามที่ค้างคาอยู่ในหัวเมื่อครู่อีกครั้ง
“เราเคยเจอหมอนี่มาก่อนหรือเปล่านะ ทำไมคุ้นหน้าชะมัดเลย”
---------------------------------------------------
คำถามท้ายตอน 4 หล่อขอสืบ ตอนที่ 8 คุ้นเคย
"รถที่ปาณัสม์วิ่งตัดหน้า คือรถอะไร"
ผู้ที่ตอบถูก 10 คนแรก รับไปคนละ 5 คะแนน
ธรากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ม.ค. 2558, 05:13:10 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ม.ค. 2558, 05:13:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1438
<< ตอนที่ 7 ภาพอนาคต | ตอนที่ 9 คู่ปรับ >> |
แว่นใส 31 ม.ค. 2558, 08:59:57 น.
รถกระบะจ้า
รถกระบะจ้า
ธรากร 2 ก.พ. 2558, 03:01:48 น.
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเฉลยคำถามตอนก่อน และสรุปคะแนนนะครับ พอดีติดธุระ ขอบคุณมากครับ ที่ติดตาม
เดี๋ยวพรุ่งนี้จะมาเฉลยคำถามตอนก่อน และสรุปคะแนนนะครับ พอดีติดธุระ ขอบคุณมากครับ ที่ติดตาม
dragon 2 ก.พ. 2558, 08:37:22 น.
รถกระบะค่ะ
รถกระบะค่ะ
ธรากร 3 ก.พ. 2558, 21:19:16 น.
ขอมาเฉลยตอนที่ 7 นะครับ
พ่อของจารุวี ชื่อ "ลุงโกสน" นะครับ
ผู้ที่ตอบถูก ได้แก่ ...
คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน คุณแว่นใส คุณ dragon และ คุณ konhin
ได้คะแนนสะสม ดังนี้ นะครับ
คุณแว่นใส และ คุณ konhin 35 คะแนน
คุณ dragon 30 คะแนน
คุณกาซะลองพลัดถิ่น 15 คะแนน
คุณ Sunflower และ คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน 10 คะแนน
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนุกนะครับ
ขอมาเฉลยตอนที่ 7 นะครับ
พ่อของจารุวี ชื่อ "ลุงโกสน" นะครับ
ผู้ที่ตอบถูก ได้แก่ ...
คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน คุณแว่นใส คุณ dragon และ คุณ konhin
ได้คะแนนสะสม ดังนี้ นะครับ
คุณแว่นใส และ คุณ konhin 35 คะแนน
คุณ dragon 30 คะแนน
คุณกาซะลองพลัดถิ่น 15 คะแนน
คุณ Sunflower และ คุณปลาวาฬสีน้ำเงิน 10 คะแนน
ขอบคุณทุกท่านที่ร่วมสนุกนะครับ