พิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสเด็กสาวร่างอ้วนแก้มยุ้ยด้วยน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโลกรัมแอบรักพี่ชายขัางบ้านที่โตมาด้วยกัน ทว่าภีรมัตเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น..เธอรู้
ระหว่างเธอกับภีรมัตแตกต่างกันราวผีเน่ากับเทพบุตร ใครจะไปสวยเท่าแฟนสาวสิตาภาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศต่อหน้าเธอว่าใช่สเป็ก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ และการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างเธอกับภีรมัตเรื่องยุ่งๆของหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น

Tags: พิมพ์ลภัส ภีรมัต รักหวานซึ้งปนเศรา้้

ตอน: บทที่ 19 ยิ่งหนียิ่งใกล้



บรรยากาศร้านอาหารแบบล้านนากลางเมืองกรุง หญิงสาวร่างบางใบหน้าหวานซึ้งจับใจผู้พบเห็นนั่งมองเหม่อใจลอยออกไปด้านนอกอย่างไร้จุดหมาย สายตาเธอไม่ได้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เห็น สมองครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยแล้วแต่ว่ามันจะแว๊บไปเรื่องไหน ก็ได้แต่ปล่อยให้ความคิดไหลไปเรื่อยอย่างไม่อาจสะกดกลั้น

พิมพ์ลภัสนัดพบกับเพื่อนรักทั้งสองที่นี่ หลายวันที่ผ่านมา..เธอแทบไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร วนเวียนนึกถึงแต่เรื่องในวันนั้นจนสูญเสียความเป็นตัวเอง ไม่เป็นอันทำการทำงาน เสียสมาธิไปหมด จึงต้องออกมาพบผู้คนเสียบ้างจะได้หายฟุ้งซ่านซะที

เพียงอร แทนไททิ้งตัวลงนั่งตรงข้ามกับพิมพ์ลภัสซึ่งรออยู่ก่อนแล้ว ทั้งคู่เรียกพิมพ์ลภัสซ้ำสองสามหน ทว่าทุกอย่างดูนิ่งสนิท โบกสะบัดพัดมือผ่านหน้าหลายครั้งหลายครา แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองแม้เพียงนิด คล้ายว่าพิมพ์ลภัสจะตัดขาดจากโลกภายนอกแล้วอย่างนั้น ทั้งคู่หันมองหน้ากันงงๆ

“ไอ้พิมมันเป็นอะไร” เพียงอรเอ่ยงงๆ

เธอและแทนไทเข้ามานั่งเกือบสิบนาทีแล้ว ทว่าเพื่อนรักกลับนั่งนิ่งเหมือนหุ่นขี้ผึ้งไม่รับรู้การมาของพวกตน ดูใจลอยผิดปกติ พิมพ์ลภัสไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เพียงอรตัดสินใจแตะเบาๆลงบนมือบาง พิมพ์ลภัสสะดุ้งเฮือกสุดตัวหน้าเหลอหลา

“มาแล้วเหรอ..”

“เป็นอะไรพิม ไม่สบายรึเปล่า..ไทกับไอ้อรมานั่งพักนึงแล้วนะ” แทนไทเอ่ย แววเป็นห่วงฉายชัดบนใบหน้า

“เออ..ใจลอยไปไหน..อาการแปลกๆนะเนี่ย” เพียงอรเห็นด้วยกับแทนไท

พิมพ์ลภัสยิ้มบางๆแทนคำตอบ กวักมือเรียกบริกรมาสั่งอาหารแทน จากนั้นก็นั่งเงียบไปอีก..แทนไทสบตากับเพียงอรอีกครั้ง ด้วยความไม่เข้าใจกับท่าทีเบื่อๆเซ็งๆโลกของพิมพ์ลภัส

ไม่นานนักอาหารที่สั่งก็ได้ทาน พิมพ์ลภัสตักเข้าปากเงียบๆครุ่นคิดเรื่องราวต่างมากมายภายในใจเรื่อยเปื่อยไม่ใส่ใจในรสอาหาร โดยที่แทนไทและเพียงอรคอยจับตาเฝ้าดูอาการตลอดเวลา จนกระทั่งเพียงอรอดไม่ไหวจึงเอ่ยถามให้หายข้องใจซะเลย

“นี่!ไอ้พิม..เป็นอะไรฮะ!..นัดพวกฉันออกมาแล้วไม่พูดไม่จา”

“ก็ชวนมากินข้าวไง..ถูกแล้วนี่” เสียงหวานตอบกลับราบเรียบ

“อันนั้นฉันรู้แล้ว..แต่ไอ้อาการเหม่อลอยไม่สนใจคนรอบข้างของแกนี่สิ..มันคืออะไร..หรือว่าไม่สบาย” เพียงอรยื่นมืออังหน้าผากเพื่อนเบาๆ ”ตัวก็ไม่ร้อนนี่หว่า”

“เปล่า..ไม่ได้เป็นไร” เธอตอบเซ็งๆปัดมือเพียงอรเบาๆ

“พิมเหนื่อยเกินไปรึเปล่า..ดูหน้าเซียวๆไปนะ” แทนไทเอ่ยขึ้นบ้าง พิมพ์ลภัสพยักหน้าหงึกๆสองครั้ง

"..คงใช่..คงงั้นแหล่ะ..มั้ง” เธอยิ้มแห้งๆให้เพื่อน

“อะไรของแก พูดจาวกวนฟังแล้วงง..” เพียงอรหน้ายุ่งงงหนักกว่าเดิม ต้องมีอะไรบ้างอย่างเกิดขึ้นแน่นอน เธอมั่นใจ

หลายวันที่ผ่านมาเธอมัวแต่ยุ่งเลยไม่ได้โทร.หาพิมพ์ลภัส ระหว่างนั้นจะต้องมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้นกับเพื่อนรัก และมันจะต้องเป็นเรื่องหนักหนาพอที่จะทำให้พิมพ์ลภัสดูสับสน พูดจาก็แปลก..ภีรมัตน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแน่ เพราะสำหรับเพื่อนเธอคนนี้..ไม่เคยมีเรื่องไหนหนักหนาเกินกว่าที่พิมพ์ลภัสจะแก้ไขไม่ได้ ยกเว้นเรื่องเดียว..เรื่องหัวใจ แต่..มันคืออะไรกันล่ะ?

“โอเค ถ้าไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า..เอางี้..ถ้าเครียดมากไปเที่ยวหัวหินกับพวกฉันมั้ย” เธอก็ไม่อยากคาดคั้นถามต่อไปอีก ถ้าอยากบอกพิมพ์ลภัสก็คงจะพูดออกมาเอง แต่แม่นางเอกคนนี้..ปากหนัก ง้างให้ตายก็ไม่พูดถ้าไม่อยากเอ่ยอยากเล่าให้ฟังซะเอง เพียงอรถอนหายใจเซ็ง!..อยากรู้อ่ะ

พิมพ์ลภัสเงยสบตากับเพื่อนทั้งสอง เข้าใจดีว่าทุกคู่เป็นห่วงเธอ แต่จะให้เล่าได้ไง ตัวเธอเองยังจับต้นชนปลายไม่ถูก..ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี จึงเพียงสบตาทั้งสองนิ่งๆ ผ่อนลมหายใจอย่างเหนื่อยล้า

“นั่นสิ!พิม โปรเจ็คล่าสุดของพรีมสตาร์เรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ...หาเวลาพักผ่อนบ้างก็น่าจะดี” แทนไทเห็นด้วยกับเพียงอร

“ก็ดีเหมือนกัน..ไปเมื่อไหร่ล่ะ” ช่วงนี้เธอคงเครียดเกินไป ได้เที่ยวพักสมองบ้างก็คงดี

“พรุ่งนี้..”

----------------------------------------------------------**************-----------------------------------------------------------------------

รถตู้สองคันข้างตัวรถมีสติ๊กเกอร์ติดกำกับไว้ว่า “สนพ.พราวสาส์น” จอดเทียบบ้านพักหลังใหญ่สีขาวริมทะเล ซึ่งต๋อยโทร.จองไว้สำหรับพักค้างคืนหลังจากเสร็จงาน ครั้งนี้ไม่ได้มาแค่ทำงานเพียงอย่างเดียว แต่พาทีมงานพราวทุกคนมาเที่ยวพักผ่อนไปในตัวหลังจากลุยงานมายาวนานแรมปี

พิมพ์ลภัสร่วมทริปมากับเขาด้วย เดิมทีเธอเปลี่ยนใจไม่มาแล้วเพราะรู้ว่าทุกคนมาทำงาน แต่พอแทนไทกับเพียงอรคะยั้นคะยอรวมทั้งพี่ต๋อยอีกคนที่ออกตัวแรงรบเร้าอยากให้เธอมาด้วยกันให้ได้ พอโดนตื้อมากๆเธอก็ปฏิเสธไม่ลง ต๋อยยกเรื่องที่เธอยินยอมให้นำเรื่องราวของเธอลงคอลัมน์พิเศษดาวเด่นวงสังคมในเล่มก่อนมาอ้างว่าอยากขอบคุณ..เธอจำใจต้องตกลง

ส่วนตัวแล้วต๋อยเอ็นดูพิมพ์ลภัสเหมือนน้องสาว คราวก่อนทางผู้ใหญ่ต่างออกปากชมที่สามารถดึงพิมพ์ลภัสซึ่งกำลังเป็นที่สนอกสนใจจากสื่อให้มาลงในเล่มได้ หนังสือหลายค่ายพยายามติดขอสัมภาษณ์เล็กๆน้อยๆยังยากเลย แต่ที่พราวทำสำเสร็จก็เพราะความโชคดีที่มีลูกน้องคนสนิทอย่างเพียงอรเป็นเพื่อนรักกับพิมพ์ลภัส ไม่งั้น..ก็ไม่มีทางเข้าถึงตัวสาวน้อยผู้มีโลกส่วนตัวสูงคนนี้ได้เช่นกัน

ต๋อยเรียกทุกคนเข้ามารวมตัวใต้ถุนบ้านพักหลังใหญ่สีขาว เพื่อแจ้งเรื่องที่พักให้ทุกคนทราบและบอกหมายกำหนดการต่างๆให้รู้คร่าวๆ ก่อนจะให้ทุกคนแยกย้ายนำสัมภาระไปเก็บ โดยผู้ชายจะอยู่บ้านพักสีเขียวอ่อนสองหลังถัดจากที่ยืนอยู่ไม่มากนักก่อนจะหันมาพูดกับพิมพ์ลภัสที่ยืนทำหน้าลำบากใจอยู่ใกล้ๆ

“พิมไม่ต้องเกรงใจแล้วก็เลิกคิดมากไปได้เลย..ถือซะว่าพี่พามาเที่ยวตอบแทนที่พิมยอมให้เปิดเผยข้อมูลแบบส่วนตัวลงคอลัมน์เมื่อเดือนที่แล้ว พี่ยังค้างพิมอยู่นะ” ต๋อยพยายามพูดปลอบเพื่อไม่ให้พิมพ์ลภัสคิดมาก

“ขอบคุณค่ะ แต่อดรู้สึกไม่ได้อยู่ดี ทุกคนมาทำงานแต่พิมอาศัยมาเที่ยวคนเดียว” เธอเอ่ยหน้าเจื่อนจืด

“เอาน่า..อย่าคิดมาก..พี่ตั้งใจจะให้ไอ้อรชวนมาด้วยกันอยู่แล้ว..สำหรับพิม เราไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหน..เจอกันอยู่บ่อยๆด้วยซ้ำ เอางี้ถ้าลำบากใจ..เดือนหน้าขึ้นปกพราวให้พี่อีกครั้งเป็นไง” ต๋อยวกเข้าเรื่องที่แอบคิดเล่นๆอยู่ในหัวยิ้มๆ แต่จริงจัง ได้ก็ถือว่าฟลุค...ถ้าพิมพ์ลภัสตอบตกลง

“แหม..เรื่องนั้นคือเป้าหมายหลักอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ “ เพียงอรแซวรู้ใจเจ้านาย

จริงอยู่ที่ต๋อยอยากได้พิมพ์ลภัสลงปกพราวอีกครั้ง แต่ที่เอ่ยออกไปก็แค่อยากให้พิมพ์ลภัสรู้สึกสบายใจขึ้น ไม่คาดหวังกับคำตอบนัก แต่ถ้าพิมพ์ลภัสจะตกลง..ก็ถือซะว่าตนโชคดี ต๋อยยกกำปั้นทุบหัวเพียงอรเบาๆเรียกเสียงหัวเราะได้ครืนใหญ่


“รู้ทันไปซะทุกอย่างเลยนะ..ไอ้เด็กคนนี้”

“เที่ยวให้สนุกดีกว่าพิม อย่าไปกังวลเรื่องอื่นเลย” แทนไทเอ่ยบ้างหลังจากยืนฟังอยู่นาน

“นั่นสิพิม..ถ้าแกไม่มากับฉันคราวนี้..เราคงไม่มีโอกาสไปเที่ยวไหนด้วยกันไกลๆหรอก เพราะใบลาของฉันคงไม่ถูกอนุมัติง่ายๆแน่” เพียงอรพูดจบกำปั้นอันเดิมก็ลงมากระแทกศีรษะอีกครั้ง ก่อนที่ต๋อยจะบอกให้สาวๆแยกย้ายกันเข้าห้องพัก

พิมพ์ลภัสพักอยู่บ้านหลังเดียวกับต๋อย เพียงอรและพนักงานหญิงอีกสองคน เพราะบ้านหลังนี้มีทั้งหมดสามห้องนอนสองห้องน้ำ โดยที่ห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำในตัว

“อ้าว..เจนนี่นั่นหอบกระเป๋ากลับมาทำไม” พนักงานหญิงคนหนึ่งเอ่ย หลังจากมองเห็นเพื่อนในทีมงานที่มีท่าทางกระเดียดไปทางผู้หญิงซะมากกว่าครึ่งเดินหน้ามุ่ยฟึดฟัดกลับมาที่เดิม

“ก็หนุ่มๆบ้านนู้นน่ะสิ..รวมตัวกันขับไล่เจนนี่ออกมา..ไม่รู้จะกลัวอะไร เจนนี่ไม่ใช่ผีสางซะหน่อย” คนเล่าออกจริตจะก้านจนพิมพ์ลภัสยิ้มขันกับท่าทางที่ผิดเพศจากรูปลักษณ์ภายนอก

“ยังไม่รู้อีกเหรอว่าเค้ากลัวอะไรกัน” เพียงอรเอ่ยล้อขำๆหัวเราะคิกคักตนสนิทกับเพื่อนรุ่นพี่คนนี้ดีเลยกล้าที่จะเอ่ยแซวได้ เจนนี่ส่งสายคาค้อนควับมาให้เพื่อนรุ่นน้องหนึ่งทีปะหลับปะเหลือกไม่จริงจัง

“ดีสมน้ำหน้า..ไม่โดนเตะออกมาก็นับว่าโชคดีเท่าไหร่แล้ว ใครบอกว่าให้แกไปพักบ้านโน้น” ต๋อยพูดไปขำไปด้วย

“อ้าว!ก็พี่ต๋อยบอกเองว่าผู้ชายให้ไปพักบ้านหลังโน้น เจนนี่แค่ทำตามคำสั่ง...เจนนี่ผิดตรงไหน” เจนนี่ตีหน้าซื่อตอบทั้งที่รู้เจตนาตัวเองดี

“ ยกเว้นผู้ชายแบบแกนี่แหล่ะ..ไอ้พวกนั้นมันขอไว้..พี่ลืมบอกแกเอง..เดี๋ยวไปพักห้องเดียวกับไอ้ปริมแล้วก็ชมพู่..พี่ให้ทางเจ้าของเสริมเตียงให้แล้ว..หรือจะนอนหน้าบ้านก็ตามใจ” ต๋อยยังขันไม่เลิก ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะออกมารวมทั้งพิมพ์ลภัสด้วย จากนั้นจึงแยกย้ายกันขึ้นข้างบน ก่อนจะลงมารวมตัวกันอีกครั้งในเวลาแปดโมงเช้า

แทนไทตรงเข้าช่วยพิมพ์ลภัสยกกระเป๋า ทว่ากลับมีเสียงคุ้นหูแทรกกวนโทสะแต่เช้าส่งให้เขาต้องชะงักมือ

"นี่!อย่าลำเอียง..” เพียงอรส่งสายตากดดันมาที่แทนไทว่าต้องยกของเธอขึ้นไปด้วยอีกใบ แทนไททำสีหน้าระอา..ถึงไม่บอกเขาก็ตั้งใจจะยกให้อยู่แล้ว แค่อยากแกล้งนิดหน่อย เล่นตัวบ้างไม่อยากให้เพียงอรได้ใจ

---------------------------------------------------------*************---------------------------------------------------------------------------

ทีมงานต๋อยมาถึงที่นี่เกือบสว่างเพราะออกเดินทางตั้งแต่ตีสี่ ทำให้มีโอกาสได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นริมขอบฟ้าจรดน้ำทะเลสีเขียวมรกต พิมพ์ลภัสยืนหลับตาพริ้มริมระเบียงบ้านพักสูดเอาความสดชื่นยามเช้าของบรรยากาศแสนสบายริมชายทะเลกักเก็บไว้เต็มปอด ก่อนลืมตามองแสงสีทองที่ค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้าเป็นสีแดงเข้มขึ้นเรื่อยๆ ความงดงามจากธรรมชาติช่วยให้อารมณ์เบิกบานได้มาก

ครั้งสุดท้ายที่เธอได้ยืนอยู่บนหาดทรายน่าจะเป็นปีที่แล้ว ตอนออกค่ายอาสาพัฒนาที่จังหวัดตรัง ผ่านมาปีกว่าหลังจากเรียนจบ มัวแต่ยุ่งอยู่กับโปรเจ็คแรกในชีวิตจนลืมที่จะให้รางวัลตัวเอง..นานขนาดนั้นเชียว

พิมพ์ลภัสมองทีมงานวิ่งวุ่นจัดสถานที่เตรียมงานซึ่งกำลังจะเริ่มหลังจากนี้อีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า เมื่อนายแบบนางแบบมาถึง ทุกคนร่วมด้วยช่วยกันดูน่าสนุก มีเสียงหัวเราะดังแทรกเข้ามาให้ได้ยินเป็นพักๆ เธอเห็นเพียงอรกับแทนไทช่วยงานกันอยู่ด้านล่าง ทั้งคู่ยังเหมือนเดิม ทำไปทะเลาะกันไปเรียกเสียงหัวเราะจากทีมงานได้อีกกอง เธอพลอยขำไปด้วย

พิมพ์ลภัสก้าวลงจากชั้นบน แม้ว่าจะไม่ค่อยมีความรู้เรื่องงานของต๋อยเท่าไหร่ กระนั้นก็ไม่คิดจะอยู่นั่งดูเฉยๆ เธอตรงเข้าครัวช่วยสาวใหญ่สองคนที่กำลังลำเลียงวัตถุดิบเข้าตู้แช่ตามคำสั่งต๋อยแล้วอาสาเป็นแม่ครัวซะเอง ทั้งสองหันมาถามเธอว่าจะทำอะไรทานดีเช้านี้

เธอนึกถึงข้าวต้มกุ้งที่ป้าแช่มทำให้ทานบ่อยๆ เธอเคยตามป้าแช่มเข้าไปในครัวเห็นวิธีทำแล้วไม่น่าจะยุ่งยากจึงคิดจะลองดู สองคนนั้นช่วยเป็นลูกมือให้เธอ ไม่นานข้าวต้มกุ้งหน้าตาน่าทานส่งกลิ่นหอมฉุยหม้อใหญ่ก็เสร็จเรียบร้อยพร้อมเสิร์ฟ ทีมงานทุกคนรับถ้วยกับช้อนคนล่ะคู่ซึ่งเจ้าของบ้านพักจัดหามาให้ ทยอยตักข้าวต้มไปนั่งทานง่ายๆไม่มีพิธีรีตองให้วุ่นวาย ทุกคนชมเปาะว่าอร่อยเล่นเอาพิมพ์ลภัสยิ้มหน้าบานทีเดียว

“เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าคุณหนูอย่างแก ทำอาหารเป็นด้วย” เพียงอรเอ่ยพลางตักข้าวต้มกุ้งเข้าปากเป็นชามที่สองแล้ว

“ฉันก็เพิ่งรู้เหมือนกัน..ดูแม่แช่มทำบ่อยๆเลยลองทำบ้าง ไม่คิดว่าจะกินได้” พิมพ์ลภัสเอ่ยติดตลก

“สวย..แล้วยังมีเสน่ห์ปลายจวักด้วย ถ้ามีลูกชายพี่จะให้มากรอกใบสมัครตั้งแต่แรกเกิดเลย” ต๋อยเสริมขึ้นมาบ้าง

แทนไทเหลือบมองไปรอบๆโต๊ะ..ขณะที่ต๋อยพูดแอบเห็นสายตาชื่นชมหลายคู่ส่งมาให้พิมพ์ลภัสโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ ทำไมเขาจะดูไม่ออกว่าเพื่อนร่วมงานหลายคนสนใจพิมพ์ลภัส เพียงแต่ไม่มีใครกล้าแสดงตัว..ทุกคนต่างรู้ดีว่าพิมพ์ลภัสเป็นลูกสาวของใคร แม้ว่าเธอจะไม่เคยถือตัวแถมยังเป็นมิตรกับทุกคนดี กระนั้นหนุ่มๆก็เจียมเนื้อเจียมตัวเองว่าไม่อาจเอื้อมคว้าดาวต่างทำได้แค่เพียงมองดาวเท่านั้น

“แหม!พี่ต๋อยขา...พูดอย่างกับว่าจะชอบผู้ชายได้งั้นแหล่ะค่ะ” เจนนี่สาวประเภทสองปากกล้าเอ่ยเรียกเสียงเฮ ตนทำงานอยู่กับต๋อยมานานเลยกล้าที่จะพูดแซวเจ้านายในบางโอกาส

“ฉันก็รอให้แกเป็นผู้ชายอยู่นี่ไง..ไอ้เจตน์” ต๋อยเรียกชื่อเก่าดั้งเดิมก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นเจนนี่ ทำให้สาวประเภทสองถึงกับร้องวี้ดว้ายขัดใจ

“ว้าย!พี่ต๋อยเรียกแบบนี้ฆ่าเจนนี่เลยดีกว่าค่ะ..ผู้ชายรู้หมด” เจ้าตัวชักสีหน้าสีตากระฟัดกระเฟียดไม่จริงจัง เรียกเสียงหัวเราะดังลั่นหาด

“อ้าว!แล้วนี่พิมทานอะไรรึยัง มัวแต่เตรียมให้ทีมงาน” ต๋อยหันมาถามแม่ครัวจำเป็นบ้าง

“เรียบร้อยแล้วค่ะ..ทานตั้งแต่อยู่ในครัว..งั้นพิมขอตัวไปอาบน้ำหน่อยนะคะเริ่มเหนียวตัวแล้ว”

------------------------------------------------***********---------------------------------------------------------------------------------

พออาบน้ำเสร็จ เธอจึงกลับลงมาอีกครั้ง เห็นทีมงานยกโน่นนี่วุ่นเธอก็อาสาช่วยเท่าที่ทำได้ เจนนี่กำลังตั้งท่าแบกราวผ้าขึ้นบ่า เตรียมลงไปริมชายหาดใกล้กับสถานที่สำหรับถ่ายแฟชั่น พิมพ์ลภัสจึงอาสาจะช่วย

“คุณเจนนี่..เดี๋ยวพิมช่วยยกค่ะ”

“ตายแล้ว..ไม่ต้องเรียกคุณหรอกค่ะน้องพิม เรียกพี่เจนนี่ก็พอค่ะ..” เจนนี่จีบปากจีบคอพูด ”เดี๋ยวราวนี้พี่ยกไปเอง..ถ้าคุณน้องอยากช่วย..งั้นถือนี่ก็แล้วกันค่ะ” เจนนี่ยัดกระปุกน้ำลายลิขสิทธิ์สีน้ำเงินกับสีชมพูใส่มือเธอ ก่อนจะแบกราวผ้าด้วยท่าทีทะมัดทะแมงแบบชายชาตรี เรียกเสียงฮาทั้งกอง

แต่รอยยิ้มขันของเธอก็ต้องมีอันต้องหุบแทบจะทันที เมื่อต๋อยเอ่ยกับใครคนหนึ่งดังแว่วจากด้านหลัง มันเป็นเสียงที่คุ้นหูสำหรับเธอ ร่างบางถึงกับเกร็งขึ้นมา ใจหล่นวูบไปอยู่ปลายเท้า กอดกระปุกน้ำทั้งสองไว้แน่นราวกับกลัวว่ามันจะร่วงหลุดจากมือ แน่นอน..เขาล่ะ

“มาถึงเร็วกว่าที่คิดนะภีม..คุณสิตาภา” เสียงห้าวเกินหญิงทักผู้มาใหม่

“พอดีเมื่อวานผมได้พักเต็มที่..ก็เลยออกแต่เช้าฮะ” เสียงทุ้มเอ่ยตอบ

“แน่สิคะ..คุณได้พักเต็มที่ แต่สิตาสิ! เมื่อคืนกลับเกือบตีหนึ่งนอนไม่พอหน้าเหี่ยวขึ้นมา คุณต้องรับผิดชอบด้วย” สิตาภาบ่นกระปอดกระแปดหน้าบูดบึ้งอยากให้ภีรมัตเอาใจทั้งที่เธอนอนเกือบสว่างเป็นกิจวัตรอยู่แล้ว

“เหลืออีกสองชั่วโมง..ถ้างั้นคุณไปพักผ่อนก่อนก็ได้ ใกล้ๆเวลาผมจะไปปลุก” ภีรมัตก้มดูเวลาที่ข้อมือเห็นว่าพอมีเวลาเหลือ สิตาภายิ้มอย่างพอใจที่ภีรมัตใส่ใจตน

เขาไม่อยากปลุกให้เจ้าหล่อนตื่นแต่เช้าหรอกถ้างานในวันนี้..ไม่ต้องทำร่วมกัน เพราะรู้จักนิสัยสิตาภาดี ถ้าไม่ทำอย่างนั้น คงต้องนั่งรอนานกว่าเวลาถ่ายจริงหลายชั่วโมงแน่ ใช่ว่าจะไม่เคยมีประสบการณ์ ออกจะบ่อยไปและมันทำให้เขาเบื่อหน่าย

“ดีเหมือนกัน..สิตายังเพลียอยู่เลย”

“งั้นเดี๋ยวพี่ให้เด็กพาคุณสิตาไปที่ห้องนะคะ” ต๋อยออกตัว สิตาชักสีหน้าไม่พอใจใส่ต๋อยที่เจ้ากี้เจ้าการนักทั้งที่เธออยากให้
ภีรมัตเป็นคนไปส่ง ภีรมัตนึกขอบคุณต๋อยที่รู้ใจเขายิ่งนัก ก่อนจะออกตัวแทนต๋อยบ้างเพราะไม่อยากให้ปัญหาเกิด สิตาภากับต๋อยลงรอยกันเสียเมื่อไหร่ แม้จะไม่เคยมีปากเสียงกัน แต่ก็มักมีสงครามเย็นระหว่างทั้งคู่เสมอเพราะเขา

"ผมขอคุยงานกับพี่ต๋อยอีกนิด..คุณคงไม่ว่าอะไรถ้าไม่ได้เดินไปส่ง”

“ก็ได้ค่ะ” สิตาภาตอบรับเสียงแข็ง แล้วสะบัดก้นลุกขึ้นตามคนของต๋อยไปอย่างหัวเสีย

ถ้าไม่ใช่คำสั่งจากผู้ใหญ่ระดับสูงให้ดึงสิตาภาลงปกคู่ภีรมัต ตนจะไม่มีทางเรียกนางแบบนิสัยเสีย เย่อหยิ่งยโสยิ่งดังยิ่งจองหอง..อย่างสิตาภามาร่วมงานให้เสียเกียรติเด็ดขาด จังหวะที่ต๋อยมองตามสิตาภาอย่างระอาใจ สายตาเหลือบไปเห็นร่างบางของพิมพ์ลภัสยืนหันหลังนิ่งเป็นตอไม้ไม่ห่างนัก

“พิมอยู่นี่เอง..พี่ว่าจะชวนไปนั่งดื่มกาแฟรับลมตรงโน้นด้วยกันพอดี อยู่บ้านคนเดียวเดี๋ยวเหงา” ต๋อยชี้ชวนก่อนจะเอื้อมคว้าแขนบางให้หันมาทางตนกับภีรมัต

แค่ได้ยินชื่อ..ก้อนเนื้อในอกภีรมัตถึงกับกระตุกวูบ ร้อนวาบในอกอย่างไม่เคยเป็น ยิ่งเห็นหน้าหวานๆของสาวน้อยที่ทำให้เขาว้าวุ่นใจหลายวันที่ผ่านมา หัวใจกลับรู้สึกเปรมปรีย์ยินดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ทั้งคู่สบตากันอึ้งๆ ใบหน้าหวานซีดลงทันที อย่าให้เจอตัวนะเพียงอร..จะวีนให้หูชา โทษฐานที่ไม่ยอมบอกกันก่อนว่าเขาเป็นนายแบบวันนี้ พิมพ์ลภัสคาดโทษเพื่อนตัวดีในใจ

“รู้จักกันไว้..ภีมนี่น้อง..” ยังไม่ทันที่ต๋อยจะพูดจบ พิมพ์ลภัสก็ตัดบทชิ่งซะก่อน ขอเสียมารยาทไปตั้งหลักก่อนแล้วกัน

“พิมขอตัวก่อนนะคะ พอดีพี่เจนนี่รออยู่” พูดจบก็รีบจ้ำพรวดออกมาอย่างรวดเร็ว

----------------------------------------------------------------------***************------------------------------------------------------------

พิมพ์ลภัสนำกระปุกน้ำสองใบที่เจนนี่ยัดใส่มือเธอก่อนหน้านี้วางลงบนโต๊ะเตี้ยคั่นกลางระหว่างเก้าอี้ผ้าใบสองตัว ใต้ร่มผืนใหญ่สีขาวนวล ใจยังกระหน่ำเต้นไม่เลิกกับการเผชิญหน้าแบบไม่คาดฝันเมื่อครู่นี้ ไม่รู้ว่าควรทำตัวเช่นไร..หลังจากเหตุการณ์นั้น จะให้มองหน้าเขาแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรคงเป็นไปไม่ได้ ขอหลบก่อนแล้วกัน

ปากอิ่มถอนหายใจแรงๆหลังจากหลบพ้นมาได้ แข้งขาอ่อนจนแทบล้มทั้งยืน โชคดีที่มีเก้าอี้ช่วยรองรับพอดี ความวุ่นวายใจที่ดูเหมือนจะสงบลงชั่วคราวหวนกลับมารบกวนอีกครั้ง ทว่าหนนี้..มันแจ่มชัดซะเหลือเกิน เพราะตัวต้นเหตุอยู่ตรงนี้ด้วย
พิมพ์ลภัสบีบหัวคิ้วซึ่งปวดหนึบให้คลายลง

“พิมเป็นไรวะ..หน้าซีดเชียว..” เพียงอรวางของในมือลงบนโต๊ะรีบทรุดเข่าดูเพื่อน พิมพ์ลภัสสะบัดหน้ามองเพื่อนตัวแสบตาขุ่นขวาง

"ทำไมแกไม่บอกฉัน..ว่าพี่ภีมเป็นนายแบบให้หนังสือแกวันนี้” เอ่ยเสียงเขียวขุ่น

“ก็แกไม่ได้ถาม..รู้จักกันดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ..ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่” เพียงอรเอ่ยงง จู่ๆพิมพ์ลภัสก็แหวใส่ดูแปลกๆ

"เอ๊ะ..หรือว่ามี” เพียงอรสันนิษฐานต่อ เป็นไปตามการคาดเดา พิมพ์ลภัสหลบสายตาจับผิดของเธอเร็ววูบ ”จริงๆด้วย..ทะเลาะกันเหรอ” เงียบไม่มีเสียงตอบรับใดๆกลับมา

“ฉันจะกลับกรุงเทพ” พิมพ์ลภัสลุกพรวดพราดเดินเข้าบ้านพักเร็วรี่ เพียงอรรีบปรี่วิ่งมาดักหน้าเอาไว้ทัน

“เดี๋ยวพิม..โอเคถ้าแกไม่อยากเล่าฉันจะไม่ถามอีก..แต่แกอย่าเพิ่งกลับได้มั้ยอยู่เที่ยวด้วยกันก่อน รับปากฉันกับไทแล้วนะ..”

เพียงอรงัดไม้เด็ดมาต่อรอง เพราะพิมพ์ลภัสเป็นคนที่รักษาคำพูดเท่าชีวิต และที่สำคัญเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าระหว่างภีรมัตกับเพื่อนรักเกิดอะไรขึ้น

"อดทนแค่วันเดียวไม่ได้เหรอ เสร็จงานแล้วเย็นๆพวกเค้าก็คงกลับกรุงเทพฯ ถ้าแกไม่อยากเจอสองคนนั่น..ก็หลบอยู่ในบ้านพักก็ได้นี่” เพียงอรพยายามเกลี่ยกล่อมให้เปลี่ยนใจ

“ฉันแค่ทำใจไม่ได้ที่..” พิมพ์ลภัสหงุดหงิดหนักใจจนเกือบจะโพล่งออกมา โชคดีที่ยั้งปากไว้ได้ทัน

“ที่เห็นพี่ภีมอยู่กับยัยสิตาภาจอมเหวี่ยงนั่น..ใช่มั้ย..”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก” พิมพ์ลภัสถอนหายใจอีกครั้ง เพียงอรสังเกตเห็นว่าหมู่นี้พิมพ์ลภัสถอนหายใจบ่อยเอามากๆ

"เอาเถอะแค่วันเดียวคงไม่เป็นไร” ก่อนที่พิมพ์ลภัสจะสรุปเองคนเดียวจากนั้นก็จากไป

เพียงอรได้แต่มองตามหลังพิมพ์ลภัสอย่างใช้ความคิด หนนี้เธอเดาใจเพื่อนผิดแฮะ..ถ้าไม่ใช่เรื่องนั้น แล้วมันเรื่องอะไร สาวตาคมสะบัดศีรษะไล่ความสงสัยทิ้งไปเสียก่อน เมื่อเสียงพี่ต๋อยแว่วเข้าหูว่าเริ่มงานได้ เธอไม่ทันได้เห็นแทนไทซึ่งยืนอยู่บริเวณนั้นพอดี

หัวใจแตกสลาย..เขาเคยนึกสงสัยว่าเพราะอะไรพิมพ์ลภัสถึงไม่เคยเปิดใจให้ใคร พยายามแง้มหัวใจเธอ ทว่าได้แค่ความว่างเปล่ากลับมาทุกครา เคยแอบคิดว่าพิมพ์ลภัสอาจซุกซ่อนใครไว้ในหัวใจ..กระทั่งวันนี้ สิ่งที่เพิ่งได้ยินจากบทสนทนาเมื่อครู่แม้ไม่ชัดเจนแต่ก็เดาได้ไม่ยาก มันตอบโจทย์แล้ววันนี้ว่าเขาคิดถูก พิมพ์ลภัสมีคนอื่นแล้วจริงๆ มิหนำซ้ำคนๆนั้นกลับเป็นคนใกล้ตัว คนที่จู่ๆก็โผล่มาแสดงอำนาจสิทธิ์มากมายในฐานะพี่ชายคนสนิท

ตั้งแต่ภีรมัตปรากฏกายขึ้นความรู้สึกบางอย่างบอกกับเขาเสมอว่าจะถูกพรากกล่องดวงใจไป และอะไรก็ตามที่ทำให้กริ่งเกรงทุกครั้งที่พบภีรมัต..ตอนนี้เขาได้คำตอบแล้ว และมันก็ไม่ผิดเลยที่เขาจะกลัว เพราะพิมพ์ลภัสรักผู้ชายคนนั้น
อาการเจ็บร้าวกลางอกแล่นขึ้นมาถี่ๆจนแทบหายใจไม่ทันปวดหนึบทั้งอกซ้าย เขายอมอยู่เหมือนเมื่อก่อนโดยที่ไม่รู้ว่าเจ้าของหัวใจพิมพ์ลภัสเป็นใคร ดีกว่ารู้ว่าพิมพ์ลภัสรักใคร เพราะเขายังมีโอกาสได้รักเธอไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องเจ็บมากเท่าวันนี้

----------------------------------------------------------------*************---------------------------------------------------------------------

มาอีกตอนค่า

ตอบ....

Yoraya : ขอบคุณค่า กำลังใจมีเพียบเลยตอนนี้

ใกล้แล้วค่ะ...โอชิน..รอลุ้นอีกนิดนะ

และร้อยวจี: ใจเย็นๆน้าาา...ต่อไปพี่ภีมจะน่าสงสาร

ขอบคุณนักอ่านทุกท่าน ปูจะพยายามเพื่อความฝันค่ะ อาจต้องปรับปรุงหลายครั้งแต่จะสู้เพื่อฝันค่ะ

By.รจนาไฉน



รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ม.ค. 2558, 17:06:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ม.ค. 2558, 17:06:53 น.

จำนวนการเข้าชม : 1886





<< บทที่ 17 ความคิดถึง   บทที่ 20 ยิ่งใกล้ยิ่งรัก >>
ร้อยวจี 28 ม.ค. 2558, 18:15:59 น.
แต่ตอนนี้ขอเกลียดพี่ภีมก่อนค่ะ ทำให้น้องพิมเสียใจ


กาซะลองพลัดถิ่น 29 ม.ค. 2558, 04:05:06 น.
เพื่อนก็รู้ทั้งรู้ว่าจะมีนายภีมกับคู่ปรับพิมมาด้วย ยังจะช่วยเพื่อนมาให้เจ็บหัวใจอีกเนาะ
ถึงแม้ไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อนก็เถอะ ......สงสารพิม ไม่ชอบนายภีมเลย


โอชิน 29 ม.ค. 2558, 10:12:03 น.
อยากอ่านต่อ แทนไทจะมีส่วนช่วยทำให้พี่ภีมรู้ใจตัวเองเร็วขึ้นมั้ยเอ่ย ?
หรือเธอจะซดน้ำใบบัวบกอยู่เดียวดาย..เอ๋..ไม่น่านะ ..ก็มีเพียงอรรอประคองอยู่ทั้งคน เน๊อะ !


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account