ฝนพรำกลางทะเลทราย
ยังไม่มี
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๔
" เดี๋ยว " เสียงห้ามตวาดดังมาจากด้านหลังเป็นภาษาอาหรับ
" เธอเป็นใคร เข้ามาในเขตผู้ชายทำไม "
หญิงสาวไม่เข้าใจ แต่เพราะน้ำเสียงนั้นมีแววเฉียบขาดเหมือนครูแก่ๆจนหญิงสาวนิ่งงัน นึกอยากจะวิ่งหนีเอาเสียดื้อๆ แต่ไอ้ขาบ้านี่สิ มันดันก้าวไม่ออก หล่อนสงบใจสักครู่ก่อนจะหันหน้ามาเผชิญ
' ครูแก่ ' ที่ไม่ได้แก่อย่างที่คิดเจ้าของเสียง ซึ่งบัดนี้ก้าวเท้ายาวๆเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมสันที่โผล่พ้นผ้าคลุมมีแววฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์ ก่อนชะงักเมื่อเห็นวงหน้าล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลเข้มดกยาวเป็นเงางามไร้ผ้าคลุม ใบหน้ารูปไข่เรียวงามริมผีปากอิ่มเต็มเย้ายวน ดวงตากลมโตซึ้งปนเศร้ามีแววดื้อดึงซ่อนเร้น มองจ้องมาอย่างเปิดเผย ชั่ววินาที เพียงตาจ้องตา ประจุไฟฟ้าแล่นผ่านวาบไปทั่วทั้งร่าง ไม่ใช่เฉพาะเธอ ตัวเขาเองก็เช่นกัน นริศรู้สึก แวบเดียว แล้วทุกอย่างก็กับสู่ภาวะปกติ เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนสู่ตัว หญิงสาวก็น้อมตัวลงคำนับพลางเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษเร็วรัวว่า
" ขอประทานโทษเถอะค่ะท่าน ดิฉันหลงทางเข้ามาสู่เขตนี้ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ "
ดวงตาคมยังคงจ้องมาอย่างดุดัน คิ้วเข้มของเขาขมวดฉับอย่างฉงน ก่อนจะฉลี่ออกแล้วไล่ระเรื่อยลงมาที่ร่างระหง อกอวบอิ่มนั้นซึ่งตอนนี้ที่มีสวมเพียงเสื้อแขนสั้นคอปาดสีฟ้าลายดอกไม้กระโปรงอัดพลีทสีขาว พร้อมกระตุกยิ้มนิดๆมีแวววาบวามพึงใจ จนหญิงสาวรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ
" อ๋อ คนต่างชาติ " ชายหนุ่มพรึมพรำเบาๆน้ำเสียงกึ่งยียวนอยู่ในที
" คุณคงเป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวที่มาจากลอนดอนสินะ "
" ค่ะท่าน " หญิงสาวตอบไปอย่างเสียไม่ได้ รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศรอบตัว แต่พยายามแสร้งไม่เห็นสายตาคมๆนั้น " ดิฉันชื่อ นริศ วัฒนศักดิ์ มาเวล เป็นเพื่อนของเจ้าหญิงฟาติยะ ที่จะเป็นเจ้าสาวในวันมะรืนนี้ค่ะ "
" นึกว่าเพื่อนเจ้าสาวไปล่องเรือกันหมดซะอีก "
ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มเหยียดเหมือนหมิ่นแคลน นริศเองก็ไม่ทราบที่มาของกิริยานั่น บางทีเขาอาจจะคิดว่าสตรีไม่สมควรที่จะไปปะปนกันบุรุษในเรือละมัง ปัญหาการแบ่งแยกชายหญิงของที่นี่คงจะมีมากพอดูเธอนึก
" ก็คงจะเป็นเช่นนั่นค่ะ ถ้าดิฉันไม่มีคนไข้พิเศษ "หญิงสาวไม่ได้บอกตรงๆ ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะรู้อะไรมากพอดู เขาแค่เพียงทำสีหน้าเหมือนรับรู้ก่อนจะเอ่ยว่า
" งั้นเธอก็คง 'พลาด'ละสินะ "
" พลาดอะไรคะ " นริศเสียงเขียวขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกันชายคนนี้กำลังยั่วให้หล่อนโกรธ อารมณ์ที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความนิ่งเฉย และสุภาพอ่อนโยนมาแรมปีของเธอกำลังประทุขึ้น หญิงสาวรู้ว่าเขากำลังเล่นกับมันอยู่ " คุณหมายถึงอะไรฉันไม่เข้าใจ "
ชายหนุ่มเลิกคิ้วทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าหล่อนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ ยิ้มหยันก่อนเปรยว่า
" รู้ไหม แต่ละคนที่ไปล่องเรือยอร์ชวันนี้มีแต่ระดับรัฐมนตรีจนถึงผู้นำประเทศเลยนะเธอ "
" นี่คุณ " หญิงสาวตวาดเสียงสั่นพึ่งเข้าใจความนัยนั่น นี่เขาหมายความว่าพวกหล่อนมาที่นี้มีจุดประสงค์เพื่อเสนอตัวเป็นสินค้าให้พวกผู้ชายบนเรือยอร์ชนั้นอย่างงั้นเหรอ
" พวกเราไม่เคยทำอย่างที่คุณคิดสักหน่อย ถ้าไม่รู้จริงอย่ามากล่าวหากันดีกว่า "
ชายหนุ่มมีท่าทีตกใจไม่น้อยกันปฎิกิริยาของหล่อน ผู้หญิงคนนี้บังอาจมากไม่เคยมีสตรีนางใดกล้าที่จะขึ้นเสียงกับเขาอย่างนี้มาก่อน โดยเฉพาะคนที่มีชนักติดหลังพวกนี้ เจ้าหล่อนไม่รู้หรอกว่าเขาโกรธแค่ไหนเมื่อมีข่าวว่าเพื่อนเจ้าสาวบางคน จะใช้โอกาสในการร่วมงานสมรสเป็นสะพานสู่การ 'ขาย'บริการในแบบพิเศษ แต่ดูเหมือนหญิงสาวท่าทางเยือกเย็นคนนี้คงไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าปากกว่าเถียงเขาฉอดๆอย่างนี้หรอก แต่ดูท่าทางของเจ้าหล่อนยามโกรธสิ เนื้อตัวสั่นเทาแต่พยายามสะกดอารมณ์อย่างยากเย็น ปากอิ่มเต็มกัดเม้ม ตาเขียวปัดทีเดียว เหมือนภูเขาไฟใกล้ระเบิดเต็มที่
อืม น่าสนใจทีเดียว
" ต้องขออภัยเถอะครับคุณผู้หญิง ที่คำพูดของผมทำให้คุณผู้หญิงเข้าใจผิด" เขาปรับเปลี่ยนท่าทีใหม่ ให้กิริยานุ่มนวลลงแต่ตาลอบประเมินสาวสวยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนริมฝีปากบางจะเอ่ย
" ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า คุณพลาดโอกาสที่จะได้เห็นบุคคลชั้นนำระดับประเทศของเราไปอย่างน่าเสียดาย ไม่ใช่มีแค่คนใหญคนโตนะ ยังมีดาราชายชื่อเสียงโด่งดังหลายคน ผมนึกว่าคุณจะสนใจเสียอีก "
นริศยังคงหน้าตึง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเฉไฉเล่นเกมส์หมาป่ากับลูกแกะมากกว่าจะขอโทษจริงๆจังๆ แต่หญิงสาวเห็นไม่มีประโยชน์อันใดเมื่อจับไม่ได้ไล่ไม่ทันอีกทั้งไม่อยากมีปัญหากับเจ้าของถิ่น เพราะอย่างไรเสียอีกไม่กี่วันเธอก็จะบินกลับเมืองไทยแล้ว
" ก็อย่างที่ดิฉันเรียนไปแล้วว่ามีคนไข้ด่วน "
" อืม ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณเป็นแพทย์ " นริศเหยียดยิ้มให้กับเขา เพราะพึ่งรู้สึกว่านี่เป็นคำแรกที่ไม่มีท่าทียียวนในน้ำเสียง ถึงไม่ค่อยจะรื่นหูก็เถอะ
" ทำไมค่ะ " หญิงยวนกลับบ้าง แต่ดูท่าว่าเขาจะไม่ใส่ใจมากนัก
" หน้าคุณดูเด็กไปสำหรับงานแบบนี้ "
" ดิฉันยี่สิบห้าจะยี่สิบหกแล้วค่ะ " เธอบอกไปตามตรง คนฟังได้แต่ทำหน้าพิศวงเหมือนจะบอกว่าเป็นไปได้เหรอ
" ดิฉันเข้าเรียนคณะแพทย์ปีแรกที่เมืองไทยเมื่ออายุสิบหก เรียนที่โน้นหกปีและใช้ทุนคืนหนึ่งปี หลังจากนั้นก็มาเรียนต่อเฉพาะทางด้านศัลยแพทย์ที่อังกฤษ เท่านี้คงจะรับประกันได้ว่าดิฉันพอทำงานแบบนี้ได้นะคะ "
ชายหนุ่มแค่ยิ้มที่มุมปากแต่ปราศจากเลศนัย ดวงตาเป็นประกายบ่งบอกความพึงใจ เพราะรู้ว่าตนเองถูกย้อนเข้าให้
เป็นครั้งแรกนริศได้มีโอกาสพินิจใบหน้าคมคายเกลี้ยงเกลา ผิวคล้ำตามแบบฉบับชายแท้อย่างเต็มตา เธอคงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ที่ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างรุนแรง โดยเฉพาะดวงตาโตอันคมกริม ดุดัน ยิ่งมองก็ยิ่งดำดิ่งจมลึกคล้ายดังต้องมนต์ แต่ก็อดเปรียบเทียบกับเจ้าชายฟารัสไม่ได้ รายนั้นท่านเป็นชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูงเพียว ผิวค่อนข้างขาว ใบหน้าคมคาย ดวงตากลมโตงดงาม ขนตายาวหนาราวอิสตรี จนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาเลยทีเดียว
ระหว่างที่นริศยืนนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด ไม่ทันได้ยินเสียงสวบสาบที่ดังมาจากก่อเฟิร์นด้านหลังทางด้านเดียวกับที่เธอผ่านเข้ามา
" นริศ อยู่นี่เอง " เสียงกังวานของเจ้าชายฟารัสทักมาอย่างมีชัย " น้องหญิงบอกว่าหลงกันกับคุณ ผมเลยช่วยตามหา เอ๊ะ เอ่อ "
เจ้าชายชะงักงันเมื่อเห็นหญิงสาวไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว แต่มีบุรุษร่วมสนทนาอยู่ด้วย เธอเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเกิดแรงกดดันอย่างประหลาด เหมือนขุมพลังที่ยิ่งใหญ่สองขุมเคลื่อนมาปะทะกันก็ไม่ปาน ฟารัสยืดตัวเล็กน้อยอย่างมีอำนาจ ขณะที่ชายอีกคนก้มศรีษะคำนับ แต่หลังตรง ดูกิริยาคล้ายกับการเสแสร้งมากว่าที่จะเคารพด้วยใจ
" เจ้าชาย " ชายที่ดูเหมือนมีอายุกว่า แต่ด้อยฐานันดรกล่าวทัก
" ท่านเชค " เจ้าชายฟารัสทักตอบ
แล้วต่างคนต่างเงียบคล้ายกับว่ารอให้อีกฝ่ายเป็นผู้เริ่มสนทนาก่อน การกระทำของบุรุษทั้งสองเต็มไปด้วยเหลี่ยมคูชวนอึดอัดใจ นริศเสียอีกที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว
" เจ้าชายมาก็ดีแล้วค่ะ ดิฉันกำลังจะกลับพอดี "
" จะกลับแล้วเหรอครับ ว้า กำลังคุยกันสนุกเชียว " คนที่ใม่ใช่เจ้าชายทำสีหน้าราวกับเสียดมเสียดายนักหนา เหมือนจะจงใจยั่วชายอีกผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งก็ได้ผลฟารัสหน้าตูมทันที แม้จะพยายามปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเขาจะจับจุดได้ว่าเจ้าชายหนุ่มคิดยังไงต่อหญิงสาวตรงหน้า
" คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ " คำถามเหมือนเป็นไปตามมารยาท
" เรื่องทั่วไปน่ะค่ะ " หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงตัดบท " ไปกันเถอะคะ "
" แล้วเจอกันวันงานนะครับคุณผู้หญิง ทูลลาเจ้าชาย "
เธอยิ้มให้เขาแล้วดึงแขนเจ้าชายหนุ่มให้ติดตามไปด้วย
ลับร่างของคนทั้งสอง
เชคหนุ่มมีสีหน้าไตร่ตรองครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนดีดมือเบาๆ ร่างสุงขึงขังในชุดอาบายะสีขาวก็ปรากฎกายอย่างเงียบกริบ
" การิม ให้ใครไปบอกเจ้าหญิงว่า ...เราตกลง "
" ครับ ท่านเชค " คนได้รับคำสั่งเร้นกายรวดเร็ว
เหลือเพียงร่างสุงตระหงานกับรอยยิ้มหยัน ... เกมส์กำลังเริ่มแล้วสินะ
" เธอเป็นใคร เข้ามาในเขตผู้ชายทำไม "
หญิงสาวไม่เข้าใจ แต่เพราะน้ำเสียงนั้นมีแววเฉียบขาดเหมือนครูแก่ๆจนหญิงสาวนิ่งงัน นึกอยากจะวิ่งหนีเอาเสียดื้อๆ แต่ไอ้ขาบ้านี่สิ มันดันก้าวไม่ออก หล่อนสงบใจสักครู่ก่อนจะหันหน้ามาเผชิญ
' ครูแก่ ' ที่ไม่ได้แก่อย่างที่คิดเจ้าของเสียง ซึ่งบัดนี้ก้าวเท้ายาวๆเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมสันที่โผล่พ้นผ้าคลุมมีแววฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาสีน้ำตาลเข้มวาวโรจน์ ก่อนชะงักเมื่อเห็นวงหน้าล้อมกรอบด้วยผมสีน้ำตาลเข้มดกยาวเป็นเงางามไร้ผ้าคลุม ใบหน้ารูปไข่เรียวงามริมผีปากอิ่มเต็มเย้ายวน ดวงตากลมโตซึ้งปนเศร้ามีแววดื้อดึงซ่อนเร้น มองจ้องมาอย่างเปิดเผย ชั่ววินาที เพียงตาจ้องตา ประจุไฟฟ้าแล่นผ่านวาบไปทั่วทั้งร่าง ไม่ใช่เฉพาะเธอ ตัวเขาเองก็เช่นกัน นริศรู้สึก แวบเดียว แล้วทุกอย่างก็กับสู่ภาวะปกติ เมื่อสติสัมปชัญญะกลับคืนสู่ตัว หญิงสาวก็น้อมตัวลงคำนับพลางเอ่ยเป็นภาษาอังกฤษเร็วรัวว่า
" ขอประทานโทษเถอะค่ะท่าน ดิฉันหลงทางเข้ามาสู่เขตนี้ ดิฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ "
ดวงตาคมยังคงจ้องมาอย่างดุดัน คิ้วเข้มของเขาขมวดฉับอย่างฉงน ก่อนจะฉลี่ออกแล้วไล่ระเรื่อยลงมาที่ร่างระหง อกอวบอิ่มนั้นซึ่งตอนนี้ที่มีสวมเพียงเสื้อแขนสั้นคอปาดสีฟ้าลายดอกไม้กระโปรงอัดพลีทสีขาว พร้อมกระตุกยิ้มนิดๆมีแวววาบวามพึงใจ จนหญิงสาวรู้สึกไม่มั่นใจขึ้นมาเอาเสียดื้อๆ
" อ๋อ คนต่างชาติ " ชายหนุ่มพรึมพรำเบาๆน้ำเสียงกึ่งยียวนอยู่ในที
" คุณคงเป็นหนึ่งในเพื่อนเจ้าสาวที่มาจากลอนดอนสินะ "
" ค่ะท่าน " หญิงสาวตอบไปอย่างเสียไม่ได้ รู้สึกอึดอัดกับบรรยากาศรอบตัว แต่พยายามแสร้งไม่เห็นสายตาคมๆนั้น " ดิฉันชื่อ นริศ วัฒนศักดิ์ มาเวล เป็นเพื่อนของเจ้าหญิงฟาติยะ ที่จะเป็นเจ้าสาวในวันมะรืนนี้ค่ะ "
" นึกว่าเพื่อนเจ้าสาวไปล่องเรือกันหมดซะอีก "
ชายหนุ่มตรงหน้ายิ้มเหยียดเหมือนหมิ่นแคลน นริศเองก็ไม่ทราบที่มาของกิริยานั่น บางทีเขาอาจจะคิดว่าสตรีไม่สมควรที่จะไปปะปนกันบุรุษในเรือละมัง ปัญหาการแบ่งแยกชายหญิงของที่นี่คงจะมีมากพอดูเธอนึก
" ก็คงจะเป็นเช่นนั่นค่ะ ถ้าดิฉันไม่มีคนไข้พิเศษ "หญิงสาวไม่ได้บอกตรงๆ ดูเหมือนชายหนุ่มคนนี้จะรู้อะไรมากพอดู เขาแค่เพียงทำสีหน้าเหมือนรับรู้ก่อนจะเอ่ยว่า
" งั้นเธอก็คง 'พลาด'ละสินะ "
" พลาดอะไรคะ " นริศเสียงเขียวขึ้นมาทันที นี่มันอะไรกันชายคนนี้กำลังยั่วให้หล่อนโกรธ อารมณ์ที่ถูกซ่อนไว้ภายใต้ความนิ่งเฉย และสุภาพอ่อนโยนมาแรมปีของเธอกำลังประทุขึ้น หญิงสาวรู้ว่าเขากำลังเล่นกับมันอยู่ " คุณหมายถึงอะไรฉันไม่เข้าใจ "
ชายหนุ่มเลิกคิ้วทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อว่าหล่อนไม่เข้าใจสิ่งที่เขาต้องการสื่อ ยิ้มหยันก่อนเปรยว่า
" รู้ไหม แต่ละคนที่ไปล่องเรือยอร์ชวันนี้มีแต่ระดับรัฐมนตรีจนถึงผู้นำประเทศเลยนะเธอ "
" นี่คุณ " หญิงสาวตวาดเสียงสั่นพึ่งเข้าใจความนัยนั่น นี่เขาหมายความว่าพวกหล่อนมาที่นี้มีจุดประสงค์เพื่อเสนอตัวเป็นสินค้าให้พวกผู้ชายบนเรือยอร์ชนั้นอย่างงั้นเหรอ
" พวกเราไม่เคยทำอย่างที่คุณคิดสักหน่อย ถ้าไม่รู้จริงอย่ามากล่าวหากันดีกว่า "
ชายหนุ่มมีท่าทีตกใจไม่น้อยกันปฎิกิริยาของหล่อน ผู้หญิงคนนี้บังอาจมากไม่เคยมีสตรีนางใดกล้าที่จะขึ้นเสียงกับเขาอย่างนี้มาก่อน โดยเฉพาะคนที่มีชนักติดหลังพวกนี้ เจ้าหล่อนไม่รู้หรอกว่าเขาโกรธแค่ไหนเมื่อมีข่าวว่าเพื่อนเจ้าสาวบางคน จะใช้โอกาสในการร่วมงานสมรสเป็นสะพานสู่การ 'ขาย'บริการในแบบพิเศษ แต่ดูเหมือนหญิงสาวท่าทางเยือกเย็นคนนี้คงไม่รู้เรื่องรู้ราว เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าปากกว่าเถียงเขาฉอดๆอย่างนี้หรอก แต่ดูท่าทางของเจ้าหล่อนยามโกรธสิ เนื้อตัวสั่นเทาแต่พยายามสะกดอารมณ์อย่างยากเย็น ปากอิ่มเต็มกัดเม้ม ตาเขียวปัดทีเดียว เหมือนภูเขาไฟใกล้ระเบิดเต็มที่
อืม น่าสนใจทีเดียว
" ต้องขออภัยเถอะครับคุณผู้หญิง ที่คำพูดของผมทำให้คุณผู้หญิงเข้าใจผิด" เขาปรับเปลี่ยนท่าทีใหม่ ให้กิริยานุ่มนวลลงแต่ตาลอบประเมินสาวสวยตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนริมฝีปากบางจะเอ่ย
" ผมแค่อยากจะบอกคุณว่า คุณพลาดโอกาสที่จะได้เห็นบุคคลชั้นนำระดับประเทศของเราไปอย่างน่าเสียดาย ไม่ใช่มีแค่คนใหญคนโตนะ ยังมีดาราชายชื่อเสียงโด่งดังหลายคน ผมนึกว่าคุณจะสนใจเสียอีก "
นริศยังคงหน้าตึง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเฉไฉเล่นเกมส์หมาป่ากับลูกแกะมากกว่าจะขอโทษจริงๆจังๆ แต่หญิงสาวเห็นไม่มีประโยชน์อันใดเมื่อจับไม่ได้ไล่ไม่ทันอีกทั้งไม่อยากมีปัญหากับเจ้าของถิ่น เพราะอย่างไรเสียอีกไม่กี่วันเธอก็จะบินกลับเมืองไทยแล้ว
" ก็อย่างที่ดิฉันเรียนไปแล้วว่ามีคนไข้ด่วน "
" อืม ผมแทบไม่อยากเชื่อว่าคุณเป็นแพทย์ " นริศเหยียดยิ้มให้กับเขา เพราะพึ่งรู้สึกว่านี่เป็นคำแรกที่ไม่มีท่าทียียวนในน้ำเสียง ถึงไม่ค่อยจะรื่นหูก็เถอะ
" ทำไมค่ะ " หญิงยวนกลับบ้าง แต่ดูท่าว่าเขาจะไม่ใส่ใจมากนัก
" หน้าคุณดูเด็กไปสำหรับงานแบบนี้ "
" ดิฉันยี่สิบห้าจะยี่สิบหกแล้วค่ะ " เธอบอกไปตามตรง คนฟังได้แต่ทำหน้าพิศวงเหมือนจะบอกว่าเป็นไปได้เหรอ
" ดิฉันเข้าเรียนคณะแพทย์ปีแรกที่เมืองไทยเมื่ออายุสิบหก เรียนที่โน้นหกปีและใช้ทุนคืนหนึ่งปี หลังจากนั้นก็มาเรียนต่อเฉพาะทางด้านศัลยแพทย์ที่อังกฤษ เท่านี้คงจะรับประกันได้ว่าดิฉันพอทำงานแบบนี้ได้นะคะ "
ชายหนุ่มแค่ยิ้มที่มุมปากแต่ปราศจากเลศนัย ดวงตาเป็นประกายบ่งบอกความพึงใจ เพราะรู้ว่าตนเองถูกย้อนเข้าให้
เป็นครั้งแรกนริศได้มีโอกาสพินิจใบหน้าคมคายเกลี้ยงเกลา ผิวคล้ำตามแบบฉบับชายแท้อย่างเต็มตา เธอคงปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้ชายคนนี้มีเสน่ห์ที่ดึงดูดเพศตรงข้ามอย่างรุนแรง โดยเฉพาะดวงตาโตอันคมกริม ดุดัน ยิ่งมองก็ยิ่งดำดิ่งจมลึกคล้ายดังต้องมนต์ แต่ก็อดเปรียบเทียบกับเจ้าชายฟารัสไม่ได้ รายนั้นท่านเป็นชายหนุ่มรูปงาม ร่างสูงเพียว ผิวค่อนข้างขาว ใบหน้าคมคาย ดวงตากลมโตงดงาม ขนตายาวหนาราวอิสตรี จนผู้หญิงอย่างเธออิจฉาเลยทีเดียว
ระหว่างที่นริศยืนนิ่งราวกับต้องมนต์สะกด ไม่ทันได้ยินเสียงสวบสาบที่ดังมาจากก่อเฟิร์นด้านหลังทางด้านเดียวกับที่เธอผ่านเข้ามา
" นริศ อยู่นี่เอง " เสียงกังวานของเจ้าชายฟารัสทักมาอย่างมีชัย " น้องหญิงบอกว่าหลงกันกับคุณ ผมเลยช่วยตามหา เอ๊ะ เอ่อ "
เจ้าชายชะงักงันเมื่อเห็นหญิงสาวไม่ได้ยืนอยู่คนเดียว แต่มีบุรุษร่วมสนทนาอยู่ด้วย เธอเริ่มรู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวเกิดแรงกดดันอย่างประหลาด เหมือนขุมพลังที่ยิ่งใหญ่สองขุมเคลื่อนมาปะทะกันก็ไม่ปาน ฟารัสยืดตัวเล็กน้อยอย่างมีอำนาจ ขณะที่ชายอีกคนก้มศรีษะคำนับ แต่หลังตรง ดูกิริยาคล้ายกับการเสแสร้งมากว่าที่จะเคารพด้วยใจ
" เจ้าชาย " ชายที่ดูเหมือนมีอายุกว่า แต่ด้อยฐานันดรกล่าวทัก
" ท่านเชค " เจ้าชายฟารัสทักตอบ
แล้วต่างคนต่างเงียบคล้ายกับว่ารอให้อีกฝ่ายเป็นผู้เริ่มสนทนาก่อน การกระทำของบุรุษทั้งสองเต็มไปด้วยเหลี่ยมคูชวนอึดอัดใจ นริศเสียอีกที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหว
" เจ้าชายมาก็ดีแล้วค่ะ ดิฉันกำลังจะกลับพอดี "
" จะกลับแล้วเหรอครับ ว้า กำลังคุยกันสนุกเชียว " คนที่ใม่ใช่เจ้าชายทำสีหน้าราวกับเสียดมเสียดายนักหนา เหมือนจะจงใจยั่วชายอีกผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกล ซึ่งก็ได้ผลฟารัสหน้าตูมทันที แม้จะพยายามปรับสีหน้าอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนเขาจะจับจุดได้ว่าเจ้าชายหนุ่มคิดยังไงต่อหญิงสาวตรงหน้า
" คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอครับ " คำถามเหมือนเป็นไปตามมารยาท
" เรื่องทั่วไปน่ะค่ะ " หญิงสาวเห็นท่าไม่ดีจึงตัดบท " ไปกันเถอะคะ "
" แล้วเจอกันวันงานนะครับคุณผู้หญิง ทูลลาเจ้าชาย "
เธอยิ้มให้เขาแล้วดึงแขนเจ้าชายหนุ่มให้ติดตามไปด้วย
ลับร่างของคนทั้งสอง
เชคหนุ่มมีสีหน้าไตร่ตรองครุ่นคิดอย่างเห็นได้ชัด ก่อนดีดมือเบาๆ ร่างสุงขึงขังในชุดอาบายะสีขาวก็ปรากฎกายอย่างเงียบกริบ
" การิม ให้ใครไปบอกเจ้าหญิงว่า ...เราตกลง "
" ครับ ท่านเชค " คนได้รับคำสั่งเร้นกายรวดเร็ว
เหลือเพียงร่างสุงตระหงานกับรอยยิ้มหยัน ... เกมส์กำลังเริ่มแล้วสินะ
เดือนมีนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.พ. 2558, 13:34:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.พ. 2558, 13:34:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1341
<< ตอนที่ ๓ | ตอนที่ ๕ >> |
ร้อยวจี 5 ก.พ. 2558, 14:26:13 น.
เริ่มน่ากลัวขึ้นมาเรื่อยๆ
เริ่มน่ากลัวขึ้นมาเรื่อยๆ
Zephyr 8 ก.พ. 2558, 13:03:59 น.
เจ้าหญิงหลอกให้มาเปลี่ยนตัวสินะ
เจ้าหญิงหลอกให้มาเปลี่ยนตัวสินะ