ฝนพรำกลางทะเลทราย
ยังไม่มี
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๕
ร่างสูงเพรียวที่ถูกลาก ซ่อนความยินดีใว้ในสีหน้าอย่างมิดเม้ม ปล่อยให้คนร่างโปร่งลากไปตามใจชอบ นี่เป็นครั้งแรกที่หญิงสาวให้ความสนิทชิดเชื้อขนาดยอมแตะเนื้อต้องตัว แต่เจ้าชายก็ไม่วายขุ่นใจกลับเรื่องที่เกิดขึ้น ใจนึกเข่นเขี้ยวไปถึงเจ้าหญิงมารีอาน้องสาวคนเล็ก
น้องหญิงนะน้องหญิง สั่งอะไรไว้ไม่เคยจำ บอกให้เฝ้านริศไว้ให้ดี อย่าให้ไปไหนคนเดียว แต่พอได้เล่นซนเจ้าหญิงน้อยก็ลืมหมด สงสัยต้องหักค่าขนมเป็นแม่นมั่น
" คิดอะไรอยู่เหรอคะเจ้าชาย "
" คุณจะให้ผมลงโทษน้องหญิงยังไงดี " ท่านกล่าวเสียงขุ่น " ตีดีไหม "
" ไม่ดีหรอกค่ะ เจ้าหญิงจะได้เผาวังประท้วงเป็นแน่ " นริศหัวเราะคิก คิดไปถึงวีรกรรมเด็ดของเจ้าหญิงจอมซน " อีกอย่างดิฉันก็ไม่ได้รับอันตรายอะไร ท่านเชคคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรดิฉัน "
" เชครามิล อาเหม็ด อาบาซา " เจ้าชายบอก
".... "หญิงสาวตะลึงนึกว่าตัวเองหูฝาด " ว่าที่เจ้าบ่าวน่ะเหรอคะ "
เจ้าชายพยักหน้ารับ
" เสือร้ายแห่งแคว้นดาร์ลัด "
หญิงสาวได้แต่อ้าปากค้าง
" โธ่ เจ้าหญิงฟาติยะ" เป็นเรื่องอยุติธรรมที่สุดเท่าที่หญิงสาวเคยพบเห็น เจ้าหญิงผู้แสนดีจะต้องผูกติดกับผู้ชายร้ายกาจคนนั้น ทั้งที่ไม่มีใยแห่งความรักเป็นเครื่องนำพา เธอไม่อยากคิดว่าเจ้าหญิงรู้สึกทรมานใจขนาดไหน
" ฉันรู้สึกสงสารเจ้าหญิงจังเลยค่ะ ที่ต้องแต่งงานกับคนร้ายกาจแบบนั้น "
ก็มันจริงนี่น่า ขนาดเธอสนทนากับรามิลไม่กี่คำยังถูกยั่วโมโหซะจนปี้ดแตก
เจ้าชายหนุ่มหัวร่ออย่างชอบใจ " ร้ายกาจแบบไหนเหรอคุณ "
" ปากค่ะ เฉไฉไปได้เรื่อย " นริศนึกหงุดหงิด " ถ้าแต่งกับฉันคงทะเลาะกันตายไปข้างหนึ่งทีเดียว "
คำพูดของเธอทำให้ฟารัสเลิกหัวเราะในทันใด เอ่ยเสียงขุ่นว่า
" คุณไม่ต้องเป็นห่วงน้องหญิงหรอก ฟาติยะเกิดมามีหน้าที่ค้ำชูเกียรติ และศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลทางใดที่จะทำให้ราชวงศ์ของเราเป็นปึกแผ่นมั่นคงนางก็ควรทำ "
พูดเสร็จก็เดินนำลิ้วไปอย่างหงุดหงิด
แค่เรื่องที่เธอ สมมุติ ขี้นมาแค่นั้นยังทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขุ่นมัวได้ขนาดนี้ ถ้าวันหนึ่งคนที่ถูกเลือก ไม่ใช่เขาละจะเป็นฉันใด ฟารัสไม่อย่างคิด
..................
เจ้าหญิงมารีอารอตรงปลายทางเข้าสวนอย่างกระวนกระวายพอเห็นว่าเธอเดินทางมาพร้อมกับเจ้าชายก็คลายความกังวล พร้อมทั้งขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัด แต่พระชายามารดาของเจ้าหญิงให้คนมาตามไปแอบดูพวกผู้ชายปราบมาพยศ ซึ่งเป็นม้าตัวใหม่ขององค์กษัตริย์ เจ้าหญิงไม่ได้คิดว่ามันจะกินเวลามากจึงไม่ได้ให้คนรอรับ พอกลับมาอีกทีก็คลาดกัน
นริศได้แต่พึมพำเสียดาย เคยได้ยินเจ้าหญิงเล่าให้ฟังถึงกฎอันเคร่งครัดทางศาสนาการปะปนระหว่างหญิงแสะชายนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม บรรดาพวกผู้หญิงจึงได้แต่แอบมองพวกผู้ชายผ่านหน้าต่างบานเล็กๆที่ติดไว้รอบวัง เจ้าหญิงองค์น้อยทรงเล่าถึงความตื่นเต้นของการปราบม้าพยศ คนที่เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะทำได้ หากใครไม่มีความชำนาญก็จะถูกมันสะบัดตกจากหลังตกลงมาอย่างไม่เป็นท่าเลยทีเดียว เธอนิ่งฟังอย่างสงบ แต่เล่าไปหน้าแดงไปของคนเล่านี้สิทำให้คนฟังเริ่มสงสัย
" ชักอยากรู้แล้วสิคะว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญผู้นั้น " หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ เด็กสาวไม่ตอบได้แต่ก้มหน้างุดอย่างขวยเขิน
" บุตรชายคนเดียวของท่านเชคแห่งบานู ทางตอนเหนือน่ะคุณ แถบจะโน้นชำนาญด้านการฝึกม้ามาก ม้าที่ถูกฝึกจากที่โน้นเป็นที่นิยมในตลาดยุโรปมาก ทำเงินได้หลายล้านเลยล่ะ " ผู้ชายคนเดียวตอบเสียเอง พลางล้อเลียนเด็กสาวตรงหน้า " คนนี้นอกจากปราบม้าพยศ แล้วยังต้องปราบคนพยศด้วย จริงไหมน้องหญิง "
" เจ้าพี่อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ " ร้องออกมาได้เท่านั้นเจ้าหญิงองค์น้อยก็แล่นหายไปอีก
" ว้า ทิ้งกันอีกแหละ " นริศพึมพำไม่จริงจังนัก " ทำไมเจ้าหญิงต้องอายด้วยค่ะ "
" ชายผู้นั้นเป็นคู่หมั้นของนางน่ะ "
" อืม " หล่อนพยักหน้าอย่างรับรู้ แม้ไม่กระจ่างใจนักประเพณีการหมั้นหมายที่ทำการตกลงกันระหว่างผู้ใหญ่ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ทำความรู้จักกันก่อนที่จะแต่งงานกัน
" แล้วคู่หมั้นของท่านละคะเจ้าชาย "
ฟารัสผินหน้ามามอง ก่อนเปิดยิ้มกว้างใส่ตาเธอ
" ก็คนนี้ไง "
เฮ้อ.....ว่าแล้วเชียว
...............................
น้องหญิงนะน้องหญิง สั่งอะไรไว้ไม่เคยจำ บอกให้เฝ้านริศไว้ให้ดี อย่าให้ไปไหนคนเดียว แต่พอได้เล่นซนเจ้าหญิงน้อยก็ลืมหมด สงสัยต้องหักค่าขนมเป็นแม่นมั่น
" คิดอะไรอยู่เหรอคะเจ้าชาย "
" คุณจะให้ผมลงโทษน้องหญิงยังไงดี " ท่านกล่าวเสียงขุ่น " ตีดีไหม "
" ไม่ดีหรอกค่ะ เจ้าหญิงจะได้เผาวังประท้วงเป็นแน่ " นริศหัวเราะคิก คิดไปถึงวีรกรรมเด็ดของเจ้าหญิงจอมซน " อีกอย่างดิฉันก็ไม่ได้รับอันตรายอะไร ท่านเชคคนนั้นก็ไม่ได้ทำอะไรดิฉัน "
" เชครามิล อาเหม็ด อาบาซา " เจ้าชายบอก
".... "หญิงสาวตะลึงนึกว่าตัวเองหูฝาด " ว่าที่เจ้าบ่าวน่ะเหรอคะ "
เจ้าชายพยักหน้ารับ
" เสือร้ายแห่งแคว้นดาร์ลัด "
หญิงสาวได้แต่อ้าปากค้าง
" โธ่ เจ้าหญิงฟาติยะ" เป็นเรื่องอยุติธรรมที่สุดเท่าที่หญิงสาวเคยพบเห็น เจ้าหญิงผู้แสนดีจะต้องผูกติดกับผู้ชายร้ายกาจคนนั้น ทั้งที่ไม่มีใยแห่งความรักเป็นเครื่องนำพา เธอไม่อยากคิดว่าเจ้าหญิงรู้สึกทรมานใจขนาดไหน
" ฉันรู้สึกสงสารเจ้าหญิงจังเลยค่ะ ที่ต้องแต่งงานกับคนร้ายกาจแบบนั้น "
ก็มันจริงนี่น่า ขนาดเธอสนทนากับรามิลไม่กี่คำยังถูกยั่วโมโหซะจนปี้ดแตก
เจ้าชายหนุ่มหัวร่ออย่างชอบใจ " ร้ายกาจแบบไหนเหรอคุณ "
" ปากค่ะ เฉไฉไปได้เรื่อย " นริศนึกหงุดหงิด " ถ้าแต่งกับฉันคงทะเลาะกันตายไปข้างหนึ่งทีเดียว "
คำพูดของเธอทำให้ฟารัสเลิกหัวเราะในทันใด เอ่ยเสียงขุ่นว่า
" คุณไม่ต้องเป็นห่วงน้องหญิงหรอก ฟาติยะเกิดมามีหน้าที่ค้ำชูเกียรติ และศักดิ์ศรีของวงศ์ตระกูลทางใดที่จะทำให้ราชวงศ์ของเราเป็นปึกแผ่นมั่นคงนางก็ควรทำ "
พูดเสร็จก็เดินนำลิ้วไปอย่างหงุดหงิด
แค่เรื่องที่เธอ สมมุติ ขี้นมาแค่นั้นยังทำให้ชายหนุ่มรู้สึกขุ่นมัวได้ขนาดนี้ ถ้าวันหนึ่งคนที่ถูกเลือก ไม่ใช่เขาละจะเป็นฉันใด ฟารัสไม่อย่างคิด
..................
เจ้าหญิงมารีอารอตรงปลายทางเข้าสวนอย่างกระวนกระวายพอเห็นว่าเธอเดินทางมาพร้อมกับเจ้าชายก็คลายความกังวล พร้อมทั้งขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ ไม่ได้ตั้งใจจะผิดนัด แต่พระชายามารดาของเจ้าหญิงให้คนมาตามไปแอบดูพวกผู้ชายปราบมาพยศ ซึ่งเป็นม้าตัวใหม่ขององค์กษัตริย์ เจ้าหญิงไม่ได้คิดว่ามันจะกินเวลามากจึงไม่ได้ให้คนรอรับ พอกลับมาอีกทีก็คลาดกัน
นริศได้แต่พึมพำเสียดาย เคยได้ยินเจ้าหญิงเล่าให้ฟังถึงกฎอันเคร่งครัดทางศาสนาการปะปนระหว่างหญิงแสะชายนั้นเป็นสิ่งต้องห้าม บรรดาพวกผู้หญิงจึงได้แต่แอบมองพวกผู้ชายผ่านหน้าต่างบานเล็กๆที่ติดไว้รอบวัง เจ้าหญิงองค์น้อยทรงเล่าถึงความตื่นเต้นของการปราบม้าพยศ คนที่เชี่ยวชาญเท่านั้นถึงจะทำได้ หากใครไม่มีความชำนาญก็จะถูกมันสะบัดตกจากหลังตกลงมาอย่างไม่เป็นท่าเลยทีเดียว เธอนิ่งฟังอย่างสงบ แต่เล่าไปหน้าแดงไปของคนเล่านี้สิทำให้คนฟังเริ่มสงสัย
" ชักอยากรู้แล้วสิคะว่าใครคือผู้เชี่ยวชาญผู้นั้น " หญิงสาวเอ่ยยิ้มๆ เด็กสาวไม่ตอบได้แต่ก้มหน้างุดอย่างขวยเขิน
" บุตรชายคนเดียวของท่านเชคแห่งบานู ทางตอนเหนือน่ะคุณ แถบจะโน้นชำนาญด้านการฝึกม้ามาก ม้าที่ถูกฝึกจากที่โน้นเป็นที่นิยมในตลาดยุโรปมาก ทำเงินได้หลายล้านเลยล่ะ " ผู้ชายคนเดียวตอบเสียเอง พลางล้อเลียนเด็กสาวตรงหน้า " คนนี้นอกจากปราบม้าพยศ แล้วยังต้องปราบคนพยศด้วย จริงไหมน้องหญิง "
" เจ้าพี่อ่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้ " ร้องออกมาได้เท่านั้นเจ้าหญิงองค์น้อยก็แล่นหายไปอีก
" ว้า ทิ้งกันอีกแหละ " นริศพึมพำไม่จริงจังนัก " ทำไมเจ้าหญิงต้องอายด้วยค่ะ "
" ชายผู้นั้นเป็นคู่หมั้นของนางน่ะ "
" อืม " หล่อนพยักหน้าอย่างรับรู้ แม้ไม่กระจ่างใจนักประเพณีการหมั้นหมายที่ทำการตกลงกันระหว่างผู้ใหญ่ ทั้งที่ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ทำความรู้จักกันก่อนที่จะแต่งงานกัน
" แล้วคู่หมั้นของท่านละคะเจ้าชาย "
ฟารัสผินหน้ามามอง ก่อนเปิดยิ้มกว้างใส่ตาเธอ
" ก็คนนี้ไง "
เฮ้อ.....ว่าแล้วเชียว
...............................
เดือนมีนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2558, 16:35:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2558, 16:35:12 น.
จำนวนการเข้าชม : 1177
<< ตอนที่ ๔ | ตอนที่ ๖ >> |
ร้อยวจี 6 ก.พ. 2558, 17:19:05 น.
เข้าตัวจนได้
เข้าตัวจนได้
Zephyr 8 ก.พ. 2558, 13:07:31 น.
นั่นไง ปากพา...
นั่นไง ปากพา...