ฝนพรำกลางทะเลทราย
ยังไม่มี
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตอนที่ ๖
กว่าจะแยกตัวจากเจ้าชายฟารัสได้หญิงสาวเกือบเอาตัวไม่รอด เพราะอีกฝ่ายพยายามเหลือล้นที่ใช้วาทศิลป์โน้มน้าวให้เธออยู่ที่นี่ต่ออีกสักเดือน ท่านหลอกล่อเธอด้วยการพรรณาความงดงามสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อของอาคาเชียสี่ห้าแห่ง หญิงสาวได้แต่บอกปัดไปว่าเอาไว้คราวหลัง เมื่อเห็นว่าการชักจูงของเขาไม่เป็นผล ท่านก็อิดออดอยู่นานกว่าจะยอมให้กลับเข้ามายังฝ่ายใน หญิงสาวได้แต่อึดอัดใจ รู้ว่าความรู้สึกที่เจ้าชายหนุ่มมีต่อเธอมันเปี่ยมล้นไปด้วยความพึงพอใจ มันอาจจะเป็นความรักที่แท้จริงหรือเป็นแค่ความต้องใจในรูปโฉมภายนอกแบบฉาบฉวยเท่านั้นก็เป็นได้ แต่ถึงอย่างไรเธอก็ไม่พร้อมที่จะพิสูจน์ หญิงสาวได้แต่บอกตัวเอง พลางเร่งฝีเท้าไปตามระเบียงหินหลังคาโค้งมุงด้วยดินเผาเพื่อกันแดดที่เชื่อมระหว่างสวนฝ่ายในกับตัวตึก อากาศภายนอกค่อดข้างร้อนถึงแม้จะหลบอยู่ในร่มแต่รังสีของมันยังคงแผ่กระจายราวกับเตาอบ ทำให้นึกทึ่งกับคนที่นี่ขึ้นมาทันใด ที่ปรับตัวกับอากาศแบบนี้ได้ ร่างโปร่งบางก้าวเข้ามายังตัวตึกตรงดิ่งยังห้องพักที่ติดแอร์เย็นฉ่ำ กะจะนอนเอาแรงซักงีบก่อนสาวๆจะกลับมา แต่พอแตะปลายมือกับบานประตูก็ต้องมีอันชะงัก เมื่อแว่วเสียงถอนสะอื้นของใครบางคนภายในลอดลอยผ่านออกมา เสียงนั้นสะท้อนความระทมทุกข์อย่างสุดแสน ใครกันนะ? ทำไมมาร้องไห้ในห้องนี้? หญิงสาวแนบหูฟังอย่างใคร่รู้ เสียงคร่ำครวญนั้นขาดเป็นห้วงๆระคนไปกับเสียงกระซิบปลอบโยนแผ่วเบาของใครอีกคนหนึ่งและคำพูดบางประโยคด้วยภาษาอังกฤษ ที่เธอพอจะจับใจความได้
‘ ต้องเลือกแล้วค่ะ ’
เสียงนั้นโหยไห้ปานใจจะขาดขึ้นมาอีกครั้ง
ความสงสัยบวกกับความรู้สึกอัดอั้นตันใจเข้าจู่โจม นริศตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างหมดสิ้นความอดทน
ร่างของหญิงสาวสองคนที่นั่งบนขอบเตียงใหญ่มองมาทางเธออย่างตกตะลึง แสงสว่างจากภายนอกฉายให้เห็นดวงหน้าอันงดงามหากแต่ซีดขาวของเจ้าหญิงฟาติยะมีรอยรื้นของน้ำตาและแดงช่ำในดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างคนทีผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ส่วนอีกคนหนึ่งตัวใหญ่กว่าใบหน้าซีดหมองพอกัน นั่นคือเฮเลน่า น่าประหลาดใจนักทำไมคนที่เธอคิดว่าอยู่บนเรือสำราญนั่นมาทำอะไรที่นี่
“ มันเกิดอะไรขึ้น ” หญิงสาวเอ่ยอย่างงงงวย พร้อมกับนิ่งมองใบหน้านั้นอย่างต้องการคำตอบ “ แล้วเจ้าหญิงร้องไห้ทำไมคะ”
เจ้าหญิงใช้มือขวาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นซับน้ำตาที่หลั่งริน ส่วนมืออีกข้างกำบางอย่างไว้คล้ายกระดาษไว้มั่น พยายามฝืนยิ้มส่งมา
“ ไม่มีอะไรหรอกนริศ ฉันแค่ ” ท่านกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอย่างยากเย็น“ แค่ คิดว่าต้องจากเสด็จพ่อเสด็จแม่ไปอยู่เมืองดาร์ลัด ฉันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ”
จริงเหรอ? ในใจของนริศแย้ง แต่..เมื่อคนตอบอยากตอบเพียงแค่นั้นเธอจะทำอะไรได้ แล้วเรื่องกระดาษนั่นอีก มันอะไรกัน?
“ โธ่ เจ้าหญิงมันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ ” หญิงสาวได้แต่ปลอบโยน พลางก้มลงกอดร่างของเจ้าหญิงไว้อย่างอ่อนโยน “ ท่านเชคออกจะรูปงาม ”
‘ ถึงจะปากเสียไปนิด ตาดุไปหน่อยก็เถอะ’ นริศคิดในใจ
“ ฉันก็หวังให้เป็นเช่นนั้นนริศ ” เจ้าหญิงพึมพำเบาๆ ทั้งนึกแปลก “ เธอรู้ได้ไงว่าท่านรูปงาม”
“ ก็สันนิษฐานจากที่เจ้าหญิงเคยเล่าให้ฟังน่ะค่ะ” หญิงสาวจำใจต้องพูดปดเพราะไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต
“ เธอยังจำได้ใช่ไหม สัญญาใจที่เราให้ไว้แก่กัน ”
“ จำได้ค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความเป็นเพื่อนของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงใช่ไหมคะ ”
“ ใช่ ” เจ้าหญิงนิ่งคิด “ มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงฉันสัญญา”
เฮเลน่าได้แต่แอบระบายความอัดอั้นผ่านทางลมหายใจ ไม่มีใครปฏิเสธรูปร่างลักษณะอันละไมคล้ายคลึงกันของสองสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้มองเพียงผิวเผินทุกคนต่างตัดสินว่า ‘ เหมือนกันราวกับแกะ’ หากถ้ามองใกล้ๆอย่างพินิจก็จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน แม้เค้าโครงหน้าที่มีส่วนสัดใกล้เคียงกัน แต่เจ้าหญิงจะมีดวงตาสีดำกลมใหญ่จมูกคมเข้มกว่าแบบคนตะวันออกแท้ริมฝีปากหนายกขอบ ส่วนนริศนอกจากมีผิวขาวนวลเนียนกว่าแล้วดวงตากลมโตยังมีสีอำพันที่ถูกซ่อนเร้นไว้ให้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลเข้มนั่นด้วย
‘ ฉันจะส่งเธอไปออกงานแทนฉันนริศ รับรองไม่มีใครจำได้’ เป็นคำที่เจ้าหญิงเคยเปรยอยู่บ่อยๆ
‘ เห็นทีจะไม่ไหวหรอกค่ะเจ้าหญิง ดิฉันคงไม่สง่างามเหมือนท่านหรอกค่ะ ’
ทุกครั้งคำสนทนาจะจบลงด้วยเสียงหัวเราะ แต่มาครานี้เธอไม่ค่อยจะแน่ใจเสียแล้วว่าจะจบลงแบบใด
‘ ต้องเลือกแล้วค่ะ ’
เสียงนั้นโหยไห้ปานใจจะขาดขึ้นมาอีกครั้ง
ความสงสัยบวกกับความรู้สึกอัดอั้นตันใจเข้าจู่โจม นริศตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปอย่างหมดสิ้นความอดทน
ร่างของหญิงสาวสองคนที่นั่งบนขอบเตียงใหญ่มองมาทางเธออย่างตกตะลึง แสงสว่างจากภายนอกฉายให้เห็นดวงหน้าอันงดงามหากแต่ซีดขาวของเจ้าหญิงฟาติยะมีรอยรื้นของน้ำตาและแดงช่ำในดวงตาสีน้ำตาลเข้มอย่างคนทีผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ส่วนอีกคนหนึ่งตัวใหญ่กว่าใบหน้าซีดหมองพอกัน นั่นคือเฮเลน่า น่าประหลาดใจนักทำไมคนที่เธอคิดว่าอยู่บนเรือสำราญนั่นมาทำอะไรที่นี่
“ มันเกิดอะไรขึ้น ” หญิงสาวเอ่ยอย่างงงงวย พร้อมกับนิ่งมองใบหน้านั้นอย่างต้องการคำตอบ “ แล้วเจ้าหญิงร้องไห้ทำไมคะ”
เจ้าหญิงใช้มือขวาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวขึ้นซับน้ำตาที่หลั่งริน ส่วนมืออีกข้างกำบางอย่างไว้คล้ายกระดาษไว้มั่น พยายามฝืนยิ้มส่งมา
“ ไม่มีอะไรหรอกนริศ ฉันแค่ ” ท่านกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลอย่างยากเย็น“ แค่ คิดว่าต้องจากเสด็จพ่อเสด็จแม่ไปอยู่เมืองดาร์ลัด ฉันก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา ”
จริงเหรอ? ในใจของนริศแย้ง แต่..เมื่อคนตอบอยากตอบเพียงแค่นั้นเธอจะทำอะไรได้ แล้วเรื่องกระดาษนั่นอีก มันอะไรกัน?
“ โธ่ เจ้าหญิงมันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ ” หญิงสาวได้แต่ปลอบโยน พลางก้มลงกอดร่างของเจ้าหญิงไว้อย่างอ่อนโยน “ ท่านเชคออกจะรูปงาม ”
‘ ถึงจะปากเสียไปนิด ตาดุไปหน่อยก็เถอะ’ นริศคิดในใจ
“ ฉันก็หวังให้เป็นเช่นนั้นนริศ ” เจ้าหญิงพึมพำเบาๆ ทั้งนึกแปลก “ เธอรู้ได้ไงว่าท่านรูปงาม”
“ ก็สันนิษฐานจากที่เจ้าหญิงเคยเล่าให้ฟังน่ะค่ะ” หญิงสาวจำใจต้องพูดปดเพราะไม่อยากให้เรื่องใหญ่โต
“ เธอยังจำได้ใช่ไหม สัญญาใจที่เราให้ไว้แก่กัน ”
“ จำได้ค่ะ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ความเป็นเพื่อนของเราจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงใช่ไหมคะ ”
“ ใช่ ” เจ้าหญิงนิ่งคิด “ มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงฉันสัญญา”
เฮเลน่าได้แต่แอบระบายความอัดอั้นผ่านทางลมหายใจ ไม่มีใครปฏิเสธรูปร่างลักษณะอันละไมคล้ายคลึงกันของสองสาวที่อยู่ตรงหน้า แม้มองเพียงผิวเผินทุกคนต่างตัดสินว่า ‘ เหมือนกันราวกับแกะ’ หากถ้ามองใกล้ๆอย่างพินิจก็จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน แม้เค้าโครงหน้าที่มีส่วนสัดใกล้เคียงกัน แต่เจ้าหญิงจะมีดวงตาสีดำกลมใหญ่จมูกคมเข้มกว่าแบบคนตะวันออกแท้ริมฝีปากหนายกขอบ ส่วนนริศนอกจากมีผิวขาวนวลเนียนกว่าแล้วดวงตากลมโตยังมีสีอำพันที่ถูกซ่อนเร้นไว้ให้คอนแทคเลนส์สีน้ำตาลเข้มนั่นด้วย
‘ ฉันจะส่งเธอไปออกงานแทนฉันนริศ รับรองไม่มีใครจำได้’ เป็นคำที่เจ้าหญิงเคยเปรยอยู่บ่อยๆ
‘ เห็นทีจะไม่ไหวหรอกค่ะเจ้าหญิง ดิฉันคงไม่สง่างามเหมือนท่านหรอกค่ะ ’
ทุกครั้งคำสนทนาจะจบลงด้วยเสียงหัวเราะ แต่มาครานี้เธอไม่ค่อยจะแน่ใจเสียแล้วว่าจะจบลงแบบใด
เดือนมีนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 ก.พ. 2558, 04:35:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 ก.พ. 2558, 04:35:54 น.
จำนวนการเข้าชม : 1084
<< ตอนที่ ๕ | ตอนที่ ๗ >> |
Zia 8 ก.พ. 2558, 08:32:49 น.
หน่ะ เพื่อนกันทำงี้หรอคะเจ้าหญิง
หน่ะ เพื่อนกันทำงี้หรอคะเจ้าหญิง
ร้อยวจี 8 ก.พ. 2558, 09:16:55 น.
โดนเพื่อนหักหลังแน่เลย ความซวยมาเยือนแล้วนางเอกเรา
โดนเพื่อนหักหลังแน่เลย ความซวยมาเยือนแล้วนางเอกเรา