สัญญารักพรางใจ
คิมหันต์ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมบันดาล โชคชะตา ทำบุญร่วมกันมา
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร

Tags: ความรัก สัญญา ความลับ

ตอน: ตอนที่ 3

บำรุงเป็นคนเดียวที่ยังไม่รู้จักคิมหันต์ ชายแปลกหน้าแนะนำตัวเองว่าชื่อคิมเท่านั้น คนอยากรู้เหมือนกันทำหน้าเฉยๆ คนอะไรตัวโตเท่ายักษ์ ชื่อสั้นคำเดียว พิมพ์ใจนั่งรออยู่ที่ชานเรือนพลางยิ้มให้แขกที่เข้าครัวไปพร้อมกับลูกสาว ท่าทางแต่ละคนดูไม่เข้ากับการทำครัวเท่าไหร่ แต่อาหารวันนี้กลับดูน่าทาน แถมยังจัดจานมาอย่างกับแม่บ้านประดิดประดอย ความดีความชอบนี้ต้องยกให้ปวร เพราะรหัททำตามที่ถูกสั่งเท่านั้น
มัทนากับพี่ชายที่เคยเข้าครัวทำอาหารเหมือนกันพากันลอบถอนใจ ให้ตายเถอะ เราสองคนกลายเป็นพวกไร้ซึ่งศิลปะในการทำอาหารไปเลย ทั้งยายทั้งแม่พากับชมไม่ขาดปาก ยังดีที่เผือกมองเฉยๆ ไม่วิจารณ์ แต่น้ำลายสอ
“เดี๋ยวนี้ผู้ชายทำกับข้าวกับปลาอร่อยเหมือนกัน” พิมพ์อรชมเมื่อชิมต้มยำกุ้ง
คนซื้อกุ้งอยากค้อนใส่อีตาคิมใจจะขาด เขาเข้ามาตีสนิทคนในบ้านเพื่ออะไรกันแน่ หรือทำให้ตายใจ
“ผมก็พอทำได้นะแม่” บำรุงหัวเราะแฮะๆ รอรับชะตากรรม
“นานๆ ทีหรอกจะเข้าครัว ยัยมัทอีกคน”
สองพี่น้องพากันก้มหน้าหัวเราะเพราะโดนทั้งคู่ คิมหันต์สังเกตครอบครัวนี้อยู่เงียบๆ ปวรกลายเป็นคนที่คุยเก่งในกลุ่มของพวกเขา รหัทนั้นพูดนับคำได้ตั้งแต่มาทำงานด้วยกัน
บำรุงเป็นคนช่างพูดช่างคุย เขาไม่ถึงกับถูกชะตาแขกยามเย็น แต่ไม่ขวางหูขวางตาอะไร แล้วยิ่งปล่อยมุขเข้าคู่กับปวรวงข้าวยิ่งคึกครื้น มีเพียงสองคนที่ก่อสงครามทางสายตากัน แต่สุดท้ายมัทนากลับเป็นฝ่ายล่าถอย คนอะไรตาดุอย่างกับเสือ เผือกวางช้อนเป็นคนสุดท้ายพร้อมพุงที่ปลิ้นจนนั่งพับเพียบไม่ได้
“จะเป็นการรบกวนเกินไปไหมครับ ถ้าผมมีเรื่องอยากจะรบกวนถาม” คิมหันต์เอ่ยขึ้นไหนๆ มาแล้วเขาควรได้ข่าวอะไรบ้าง
“จะถามอะไรล่ะคะคุณคิม” พิมพ์อรถาม
“ผมกำลังตามหาคนชื่อบุษบันน่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่าหน้าเป็นยังไง แต่มีคนอยากพบก็เลยตามหาให้ คุณยายกับคุณน้า คุณไม้พอจะรู้จักใครในละแวกนี้บ้างไหมครับ ก่อนหน้านี้ผมเจอบุษบันมาแล้วสองคนแต่ว่าไม่น่าใช่”
มัทนาแกล้งทำน้ำหก เผือกวิ่งตึงๆ ไปหยิบผ้าแห้งมาเช็ดให้ การสนทนาขาดช่วง คนเจ้าแผนการเลยจัดการตามแผน
“ถ้าหมดจากสองคนนั้นแล้ว แถวนี้ก็ไม่มีใครชื่อบุษบันหรอก ใช่ไหมคะแม่ ยาย พี่ไม้”
บำรุงอึกอักไม่ตอบปรายตามองแม่กับยาย พิมพ์ใจปิดปากเงียบ เลยเหลือแต่พิมพ์อรที่พอจะพูดอะไรได้บ้าง
“ทำไมอยากพบคนชื่อบุษบันนักล่ะจ๊ะ”
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันครับว่าคนที่อยากพบต้องการพบด้วยเรื่องอะไร แค่ถูกสั่งให้ตามหาเท่านั้นเอง ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมก็หาจนเจอครับ รบกวนคุณน้ากับคุณยายนานแล้ว พวกผมขอตัวกลับก่อนเลยแล้วกันครับ”
พิมพ์อรลุกขึ้นไปหยิบมะม่วงกวนมาให้ ปวรรับมาพร้อมกับยกมือไหว้
“ขับรถดีๆ นะ แถวๆ นี้ไม่มีอันตรายอะไรหรอก แต่ถนนไม่ค่อยดีเท่าไหร่ มะม่วงกวนเอาไปแบ่งกันกินนะ น้ากวนเอง”
ดวงตาคมแฉลบมองคนแอบถอนใจ คนขี้ระแวง พอใครมาทำดีด้วยยังระแวง เขามาที่นี่ก็เพื่อตอบแทนน้ำใจของผู้หญิงบ้านนี้ต่างหาก ส่วนที่ขู่ๆ ไปน่ะจริงทุกคำ แกล้งแค่นี้ก็กินข้าวแทบไม่ลงแล้ว
“ขอบคุณครับ”
แขกทั้งสามคนเดินมาจากเรือนไทย คิมหันต์เข้าไปนั่งที่เบาะหลัง สายตาคู่นั้นยังมองไปยังคนบนบ้านที่ยังนั่งคุยกันต่อ เสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ดูเหมือนครอบครัวทั่วไป ยกเว้นเวลาที่เอ่ยถึงบุษบัน
“ให้นักสืบสืบประวัติคนบ้านนี้ที”
“คุณคิมสงสัยอะไรหรือครับ” รหัทหันมาถาม เขาไม่ได้ผิดสังเกตอะไรเลย
“ไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่น่าสงสัย”
“แล้วทำไมไม่ให้นักสืบหาคนชื่อบุษบันไปเลยล่ะครับ” ปวรเสนอจะได้หาพบเร็วขึ้น
คิมหันต์จนใจจะพูดออกมาเพราะมันเป็นข้อตกลงของเขากับปู่ “นั่นน่ะสิ ไม่รู้จะทำให้เป็นเรื่องยากทำไม”
ปวรหันมาเลิกคิ้วไม่เข้าใจกับรหัท ป่วยการถาม ถ้าไม่ได้คำตอบก็แล้วไป คิมหันต์ไม่ชอบให้ยุ่งเรื่องส่วนตัว จากอารมณ์ดีๆ นิ่งๆ เหมือนน้ำในอ่างจะกลายเป็นสึนามิย่อมๆ ทีนี้ล่ะตัวใครตัวมัน รถมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ทว่าคนที่น่าจะเพลียหลับกลับนั่งทำงานไปตลอดทาง

เผือกยิ้มกว้างเมื่อเห็นลูกพี่ใส่กระโปรง พิมพ์อรดีอกดีใจกว่าใครนานๆ ทีหรอกที่จะเห็นลูกสาวใส่อะไรที่เหมือนผู้หญิงใส่กัน ตอนเรียนมหา’ลัยก็ใส่กางเกงยีนกันเสื้อแล้วสวมเสื้อช็อปทับตลอด ยกเว้นวันสอบที่จะเห็นใส่กระโปรงนักศึกษาสักที ยังดีที่ยังทำกับข้าวได้บ้าง ร้อยพวงมาลัยพอเป็น ไม่อย่างนั้นคนเป็นแม่คงลืมๆ ไปว่ามีลูกสาวไม่ใช่ลูกชาย
มัทนายิ้มเขินๆ ไม่ใช่เพราะใส่กระโปรง แต่เพราะถูกจ้องตั้งแต่ออกมาจากห้อง พี่ไม้หัวเราะยกใหญ่ แล้วเผือกก็ยิ้มอยู่นั่น แม่ก็ทำหน้าดีอกดีใจประหนึ่งได้ลูกสาวคืนมา
“แน่ใจนะพี่มัทว่าจะขับลุงริชาร์ดเข้ากรุง” เผือกถามขึ้นเมื่อเห็นพี่สาวเข้าไปนั่งเตรียมซิ่งเต็มที่ แต่สังขารลุงริชาร์ดไม่น่าจะให้เท่าไหร่
“มั่นใจมาก ถ้าได้งานที่นี่ก็ดีน่ะสิ ตำแหน่งของพี่อยู่ที่ชลบุรี แต่ต้องไปสัมภาษณ์ที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ก่อน”
พิมพ์อรหัวเราะเบาๆ ลูกสาวยังไม่ทันได้สัมภาษณ์ก็ฝันไกลแล้ว
“มีสติก่อนตอบนะลูก”
“ขอบคุณค่ะแม่ แถมอีกอย่าง มัทจะมีสติก่อนสตาร์ทด้วย” หญิงสาวสตาร์ทรถทีเดียวติดเป็นนิมิตรหมายที่ดีว่าวันนี้คงมีแต่เรื่องดีๆ เข้ามา เพี้ยง!
“รีบไปได้แล้วลูก ขับรถดีๆ ล่ะ”
เผือกช่วยปิดประตูให้ลูกพี่ รถเคลื่อนจากใต้ต้นจามจุรีออกไปยังถนนลูกรังที่เชื่อมต่อกับถนนลาดยาง มัทนาเปิดเพลงฟังแล้วร้องตาม รู้สึกได้ว่าวันนี้ต้องผ่านฉลุย ถึงจะผ่านการสูญเสียมาถึงสองครั้ง แต่ใครก็เอาการมองโลกในมุมบวกไปจากเธอไม่ได้

สำนักงานใหญ่ของ Blue Enterprise อยู่แถวสามย่าน มัทนาฝ่าดงรถติดมาร่วมสองชั่วโมงก็มาถึงตึกสีน้ำเงินทาบขาวซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของบริษัท พอได้ที่จอดรถก็รีบเดินแกมวิ่งเข้าลิฟต์ไปชั้นที่สิบสอง ต้องขอบคุณในความรอบคอบของแม่ที่ไปลากเธอออกมาจากเตียงก่อนนาฬิกาปลุก ไม่อย่างนั้นเธอคงมาสัมภาษณ์สายแน่ๆ รถติดวายป่วงขนาดนี้
มัทนาแจ้งส่วนประชาสัมพันธ์แล้วถูกพาเข้ามาในห้องรับรองที่มีฝ่ายบุคคลรออยู่ ยังมีเวลาอีกเกือบชั่วโมง เธอสอบข้อเขียนที่ให้เวลาทำครึ่งชั่วโมง มีคนตามมาเรื่อยๆ และมาสอบข้อเขียนเหมือนกัน นับๆ แล้วก็ห้าคน สามในห้ามาสัมภาษณ์ตำแหน่งผู้ช่วยเลขา ส่วนอีกสองเป็นคู่แข่งของเธอ
“เชิญคุณมัทนาค่ะห้องประชุมสองนะคะ”
มัทนาเดินไปตามทางที่ฝ่ายบุคคลชี้บอกทาง แค่เดินไปอีกชั้นแล้วหาห้องประชุมสองให้เจอเท่านั้น ซึ่งก็แค่ตรงไปแล้วเลี้ยวขวา แต่ปัญหามันก็เกิดจนได้เพราะห้องประชุมที่อยู่ติดกันทั้งสองห้องไม่มีเลขบอก หรือก่อนหน้านี้คงมี แต่พากันหายไปหมดแล้ว เธอตัดสินใจเข้าไปยังห้องที่สองไม่สนใจห้องแรกที่เพิ่งเดินผ่านมา ทว่าคนที่รอสัมภาษณ์กลับเป็นคนหน้าคุ้นๆ ที่เพิ่งเจอกันเมื่อวันก่อน
“เราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่าครับ” ปวรทักทายหน้าตายิ้มแย้ม
มัทนายิ้มให้ปวร เธอไม่มีกรณีพิเศษกับเขา แต่มีกับอีตาคิม เพราะฉะนั้นไม่มีการเบื่อขี้หน้าแบบเหมาเข่งแน่นอน
“โลกนี้กลมกว่าที่คิดนะคะ ถ้ายังจำเจ้าของปืนลูกซองได้ แสดงว่าคุณกับฉันเคยพบกันมาก่อน วันนี้ฉันมาสัมภาษณ์ตำแหน่งวิศวะ ฝ่ายวิจัยและพัฒนาค่ะ” เธอยกมือไหว้ตามมารยาทแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
“ผมว่าคงมีอะไรผิดพลาดนิดหน่อย ขอโทรหาฝ่ายบุคคลสักครู่นะครับ”
“ห้องนี้ห้องประชุมสองใช่ไหมคะ” เธอถามเริ่มไม่แน่ใจ
“ห้องประชุมหนึ่งครับ”
มัทนาลุกขึ้นเมื่อเป็นฝ่ายเข้าห้องผิด แต่ไม่ใช่เพราะความสะเพร่ามักง่าย อย่างไรก็ต้องชี้แจง ไม่อย่างนั้นอาจไม่ผ่านตั้งแต่ยังไม่สัมภาษณ์
“ถ้างั้นฉันผิดเองค่ะ มาสัมภาษณ์ผิดห้อง หน้าห้องประชุมของคุณเลขมันหายไปทั้งสองห้องเลยค่ะ”
“โอ้! ครับ” ปวรพยักหน้ารับทราบเพราะความเคยชินเลยไม่ได้ท้วงติงที่ห้องประชุมเลขหายไป
เขาเดินมาเปิดประตูแล้วรอส่งให้มัทนาเข้าห้องประชุมหนึ่ง อะไรมันจะบังเอิญจนน่าเสียวหัว เขาเจอผู้หญิงคนนี้บ่อยไปแล้วมั้ง แต่วันนี้มาแปลก พอใส่กระโปรงแล้วก็ดูน่ารักไปอีกแบบ ดูเป็นผู้หญิงขึ้นมาทันตา

ใช้เวลาสัมภาษณ์ไปเกือบชั่วโมงโดยมีคนของฝ่ายบุคคลและผู้จัดการฝ่ายวิจัยและพัฒนาที่กำลังอยากได้ตำแหน่งวิศวะเพิ่มเข้ามาร่วมฟัง สรุปง่ายๆ ก็เหมือนทำงานเชิงสร้างสรรค์ ด้วยช่างผู้มีความรู้เฉพาะทาง สามารถเขียนแบบ ประเมินความเป็นไปได้ แล้วสามารถสร้างงานออกมาได้จริง มัทนาหมดความสงสัยในงาน การสัมภาษณ์เป็นการถามเพื่อให้แสดงความคิดเห็น และพิจารณาการอยู่ที่ยั่งยืน เธอเป็นคนในพื้นที่อาจจะได้เปรียบในเรื่องนี้
“ขอบคุณที่มาในวันนี้นะครับ ถ้าผ่านสัมภาษณ์ในรอบนี้ เราจะพบกันที่สำนักงานชลบุรีหน้างานของจริงเลย”
“ยินดีค่ะ หวังว่าจะได้รับข่าวดีนะคะ” เธอเอ่ย ยกมือไหว้แล้วเดินมาจากห้อง โดยเดินให้ช้าลง เผือกชอบบ่นเธอบ่อยๆ ว่าจะรีบเดินไปตามอะไร
พนักงานยังคงทำงานกันอยู่ แม้จะใกล้เวลาเที่ยง ทางเดินเลยเงียบ เธอเดินไปเรื่อยๆ ลิฟต์อยู่ไม่ไกลแล้ว แต่ลิฟต์กำลังเปิดให้คนในนั้นออกมา เธอวิ่งไปหาลิฟต์ใจร้อนเกินกว่าจะรอให้ลิฟต์มารอบใหม่
“เดี๋ยวค่ะ รอก่อน”
บานลิฟต์ที่กำลังจะปิดได้เปิดออกอีกครั้ง เธอวิ่งเข้าไปแล้วยิ้มให้คนมีน้ำใจ แม้จะเห็นเพียงด้านหลังซึ่งเป็นเสื้อสูทสีเทาเข้ม
“ขอบคุณมากค่ะ”
“ได้ยินว่าปวรเจอเจ้าของปืนลูกซอง โลกกลมนะ” เจ้าของสูทสีเทาเข้มหันมาทักทายใบหน้าเรียบเฉย ดวงตายังดูดุพร้อมจะมีเรื่องเหมือนเดิม
มัทนาไม่ได้แปลกใจเท่าไหร่ อีตาคิมกับคุณปวรสงสัยจะเป็นคู่แฝด คู่ซี้ คู่... ช่างเถอะ เจอคนหนึ่งก็ต้องเจออีกคน มาคิดๆ ดูแล้วถ้าทำงานกันเป็นหลักแหล่งแบบนี้ เขากับพวกคงไม่ใช่คนนอกกฎหมาย แต่ไปทำอะไรเข้าถึงถูกตามเก็บ แล้วที่เขาตามหาบุษบัน เจอแล้วหรือ บางทีอาจจะไม่ใช่เธอก็ได้ละมั้ง ตอนที่ใช้ชื่อบุษบันแล้วป่วยอยู่บ่อยๆ พระท่านเลยแนะนำให้เปลี่ยนชื่อเป็นมัทนา พอเปลี่ยนแล้วก็ได้ผลจริงๆ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพราะการออกกำลังกายหรือเป็นเรื่องที่พิสูจน์ด้วยวิทยาศาสตร์ไม่ได้
“ไปวัดบ้างหรือยังล่ะคุณน่ะ อย่าไปก่อศัตรูที่ไหนด้วยนะ เดี๋ยวได้ถูกไล่ยิงอีก แล้วคุณทำงานที่นี่เหมือนกันเหรอ ตำแหน่งอะไรล่ะ”
“ก็เธอบอกว่าฉันเหมือนมาเฟียจะไปทำงานอะไรได้ล่ะ”
“เป็นมือขวาพวกมาเฟียอะไรประมาณนี้หรือเปล่า โห! ถ้างั้นเจ้าของบริษัทนี้ก็ไม่ใช่เล่นเลยน่ะสิจากที่ได้ข่าวมา”
คิมหันต์ส่ายหน้าไม่อยากถือสา ได้ข่าว แต่ไม่รู้จักเจ้าของ Blue Enterprise ก็พอเป็นไปได้ มีเหตุการณ์ลอบยิงเมื่อห้าเดือนก่อน เขาเลยสั่งลบรูปในโซเชียลมีเดียทั้งหมดจะได้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น
“แล้วแต่เธอจะคิดแล้วกัน”
ลิฟต์เปิดออกพอดี คิมหันต์เดินออกไปโดยไม่ลากันสักคำ เล่นเอามัทนางงอุตส่าห์เตรียมรับมือถ้าถูกย้อนแรงๆ หรือเขาโมโหเข้ามากระชากเธอซัดข้างฝา แต่เปล่าเลย ลุ้นเก้อซะงั้น
“อะไรของเขา นึกจะไปก็ไป”
มัทนาเดินไปหาลุงริชาร์ตที่จอดอย่างสง่างามในช่องผู้มาติดต่อ ซ้าย Camry ขวา Altis ตรงข้าม Benz รถ Toyota Rn 10 ของเธอเลยกลายเป็นกาในฝูงหงชัดๆ หญิงสาวขับรถออกมาจากซองจอดแบบระวังสุดฤทธิ์ไม่ให้ลุงริชาร์ดไปฝากรอยไว้ให้รถของใคร ประเมินแล้วเธอจ่ายไม่ไหวแน่ๆ เพราะฉะนั้นเจียมตัวเข้าไว้

มัทนามีสัมภาษณ์งานอีกสองที่หลังจากวันนั้น แต่ข่าวดีมาถึงเธออีกสามวันต่อมา Blue Enterprise เรียกเธอไปสัมภาษณ์รอบสองซึ่งการที่จะได้งานเกือบหวังผลได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ไปตลาดซื้อของมาฉลองเอาฤกษ์เอาชัยเสียดีไหมหนอ หญิงสาวเดินกลับเข้ามานั่งที่แคร่หน้าเรือนไทย แม่เดินกลับมาจากสวนพอดีเลยเดินมานั่งด้วยกัน แถมบำรุงเพิ่งกลับจากอู่เลยเกิดการรวมญาติ
“ยิ้มอะไรหรือยัยมัท”
“สงสัยมัทจะได้งานค่ะแม่ มะรืนนี้จะไปโรงงานผลิตเรือที่มัทเคยบอกไงคะ อยู่แหลมฉบัง ห่างจากบ้านเรานิดเดียวเอง”
พิมพ์อรยิ้มกว้างดีใจไปกับลูกด้วย “ดีจัง คืนนี้ไหว้พระขอพรนะลูก ทำอะไรจะได้มีสติ”
“แหลมฉบังมันนิดตรงไหน เกือบสามสิบกิโลเมตร ถ้าได้งานที่นั่นจริงๆ จะหาหออยู่หรือว่าขับรถไปกลับล่ะ นึกยังไงจะไปทำเรือ” บำรุงหัวเราะ แต่ก็ดีใจไปกับน้องด้วย
“ก็อยากทำอย่างอื่น แต่ไม่มีใครรับเข้าทำงานนี่หว่า แล้วที่พี่ไม้ถามน่ะ มัทคิดว่าอยู่หอดีกว่า น้ำมันแพงจะตาย แล้วกลับบ้านวันศุกร์เอา แต่มัทยังต้องสัมภาษณ์อีกรอบก่อน เอาไว้ได้แน่ๆ แล้วค่อยตัดสินใจอีกที”
“เก่งจังลูกใครหว่า” พิมพ์อรยังยิ้มไม่หุบ
ลูกสาวคว้าเอวแม่มากอด “มัทเก่งเหมือนใครน้อ อ้อ เหมือนแม่กับยายไงคะ”
“แล้วพี่ไม่เก่งหรือไงวะ” บำรุงไม่ยอมน้อยหน้า
“ก็เก่งกันทั้งบ้านแหละ อวยกันวันละนิดจิตแจ่มใส แล้ววันพรุ่งนี้จะเปิดอู่หรือเปล่า จะไปช่วยซ่อมรถให้”
เจ้าของอู่ยิ้มร่า ตอนนี้ขายังเข้าเฝือกได้น้องไปช่วยแค่วันเดียวก็ยังดี “เปิดสิ ก็ดีเหมือนกัน ขอบใจนะ”
มัทนายิ้มสบายใจ รีบวิ่งขึ้นเรือนไปบอกข่าวดีกับยายที่กำลังให้เผือกนวดขา เมื่อมีเรื่องดีๆ ย่อมมีการฉลอง งานนี้บำรุงเข้าครัวช่วยแม่ทำอาหาร ส่วนเจ้าของข่าวดีรับหน้าที่เก็บกวาด ระหว่างรอหญิงสาวเดินเข้าไปในห้องพระ รูปของพ่อกับพี่ชายอยู่ที่นั่น เธอบอกข่าวดีกับทั้งสองคนที่ยังคงอยู่ในหัวใจและความทรงจำ
...ไม่ต้องห่วงแล้วนะ มัทกำลังจะได้งานทำมีเงินมาดูแลแม่กับยายแล้ว

คิมหันต์กำลังเดินทางกลับบ้านโดยมีเอกสารที่ปวรเพิ่งนำมาให้เขาตอนเลิกงาน รายงานที่เพิ่งได้มาจากนักสืบสดๆ ร้อนๆ เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมสงสัยครอบครัวเล็กๆ ที่ไม่มีอะไรให้น่าสนใจสักอย่าง แต่ชื่อของบุษบันทำให้สายตาของคนในครอบครัวธรรมดาดูมีพิรุธขึ้นมาทันที เขาเปิดเอกสารอ่านระหว่างอยู่ในรถ ความสงสัยค่อยๆ คลี่คลาย สัญชาตญาณของเขาไม่เคยพลาด จุดใต้ตำตอแท้ๆ ถึงว่าหลอกให้ไปเสียไกล
เหลือแต่คำถามที่น่าสงสัยว่าปู่ทำแบบนี้ทำไม บุษบันมีความสำคัญอย่างไรปู่ถึงต้องสั่งให้เขาตามหา ทันทีที่มาถึงบ้านร่างสูงเดินไปหาเจ้าของคำตอบที่ทำให้เขาต้องตามหาบุษบันมาหลายวัน
ทีปต์นั่งเล่นอยู่กับสุนัขเกือบสิบตัว ความสุขในบั้นปลายของเขาไม่ใช่การอยู่ท่ามกลางคนนับหน้าถือตา แต่กลายเป็นสุนัขข้างถนนที่ไปพบเวลาเดินทาง สงสารก็พามาเลี้ยงที่บ้าน กับอีกอย่างคือการเลี้ยงกล้วยไม้เท่านั้น
“ผมพบคนที่ปู่ต้องการให้หาแล้วครับ”
“จริงเหรอ” ทีปต์เลิกคิ้ว
“เด็ก ไม่สิ ผู้หญิงที่ชื่อมัทนา เคยชื่อบุษบันมาก่อน เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่น่าจะเป็นไปได้ที่สุดอยู่ในละแวกที่ปู่ให้ผมหา ถูกต้องไหมครับ”
ทิปต์ยิ้มพอใจที่หลานชายได้พบบุษบันในที่สุด
“ดี มัทนาเป็นเด็กดี คิมใช้เวลาเร็วกว่าที่ปู่คิด บางทีปู่อาจจะซื้อที่ดินแถวนั้นแล้วสร้างบ้านอีกหลังคงสงบดี”
คิมหันต์หาที่นั่งให้ตัวเอง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแน่ๆ เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่าปู่ทำแบบนี้เพื่ออะไร อยากมีกิ๊กตอนแก่คงไม่ใช่ ปู่กับหลานชัดๆ หรือถ้าจะทำอย่างนั้นคงไม่ต้องให้เขาไปตามหาตัวให้วุ่นวายอยู่ตั้งหลายวัน
“ปู่ให้ผมตามหาผู้หญิงคนนั้นทำไมครับ ถ้าปู่รู้อยู่แล้วว่าบุษบันเป็นใคร อยู่ที่ไหน”
“ปู่อยากได้เด็กคนนั้น” ทีปต์ยิ้มกว้างไม่ลังเลสักนิด
คิมหันต์ยกมือมากุมขมับ “ปีหน้าก็หกสิบสามขวบแล้วนะปู่ เข้าวัดฟังพระเทศน์ดีกว่ามั้งครับ”
“ไอ้หลานบ้า! ปูนนี้ปู่ไม่อยากมีย่าให้แก แต่อยากมีหลานสะใภ้”
เกิดวินาทีสูญญากาศขึ้นทันที ยิ่งกว่าเหนือความคาดหมาย คิมหันต์ลุกขึ้นเดินไปเดินมามองหน้าปู่อย่างไม่อยากจะเชื่อ เขากับมัทนาไม่ใช่ปลากัดที่จะเอาใส่ในโหลแล้วจ้องตากันจนก่อหวอดเสียหน่อย แล้วที่สำคัญเขาไม่ชอบผู้หญิงกระโดกกระเดก ผู้หญิงที่เขาอยากแต่งงานด้วยไม่มีอะไรใกล้เคียงกับมัทนาแม้แต่อย่างเดียว
“ไม่มีทางครับปู่”
“ตอนนี้คิมไม่มีแฟนไม่ใช่เรอะ แฟนเก่าที่ปู่ไม่ปลื้มไม่นับนะ คนนี้ปู่หาให้ รับรอบมองไม่พลาด”
ทีปต์หัวเราะชอบใจ อย่างคิมหันต์ได้ผู้หญิงหวานๆ เรียบร้อยไม่เข้ากันหรอก ดูอย่างนันทินีนั่นประไร ได้ข่าวว่าสามีตายกลายเป็นแม่ม่ายทรงเครื่อง ประเดี๋ยวเถอะได้กลับมารื้อฟื้นความหลัง หลานชายลืมแฟนเก่าได้หรือยังก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นเขาต้องทำอะไรก่อนที่ถ่านไฟเก่าจะถูกกระพือให้ลุกโชน
“ยังไงก็เป็นไปไม่ได้ครับ ผมไม่ชอบทอม แล้วทอมก็ไม่ชอบผู้ชายด้วย ผมคิดว่าปู่น่าจะไปเที่ยวพักผ่อน เอาประเทศไหนดีครับอเมริกา สวิสเซอร์แลนด์ หรือพวกญี่ปุ่น เกาหลีดี”
“ถ้าคิมไม่ตามใจปู่ ปู่จะเขียนพินัยกรรมยกสมบัติให้การกุศลไป” ทีปต์พูดจริง ไม่ได้แกล้งขู่
คิมหันต์ส่ายหน้าไม่ได้รู้สึกกลัวในสิ่งที่ปู่ยื่นคำขาด เพียงแต่ไม่เข้าใจว่าทำไมปู่อยากได้มัทนามาเป็นหลานสะใภ้นักหนา เจ้าตัวรู้หรือยังเถอะ ดูจากท่าทีที่แสดงออกแล้วคงไม่รู้ชะตากรรมยิ่งกว่าเขาด้วยซ้ำ
“ตามใจครับ ถ้ายังไม่ตายผมมีปัญญาหาได้มากกว่าที่เสียไป”
“ทำเพื่อปู่ไม่ได้หรือวะไอ้คิม”
นั่นไง พอใช้ไม้แข็งไม่ได้ก็เริ่มใช้ไม้อ่อน ถ้าเขาไม่รู้ทันปู่ แล้วจะไปทำธุรกิจทันใครได้ คิมหันต์กลับมานั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม เขาไม่คิดจะแต่งงาน แต่อยากรู้เหตุผลมากกว่า
“เหตุผลคืออะไรครับ ทำไมปู่ถึงอยากได้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นหลานสะใภ้นัก”
ทีปต์ถอนใจใบหน้ายิ้มแย้มเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมราวกับมีเรื่องมากมายในใจ บางเรื่องเขาพูดได้ แต่บางเรื่องก็จนใจที่จะพูดออกมา
“เอาเป็นว่าปู่อยากให้คนสำคัญกลับมา ไม่สิ กลับไปอยู่ใกล้ตัว”
ถึงจะฟังแล้วงงๆ แต่คงแปลได้ว่ามัทนาสำคัญขนาดที่ปู่อยากให้มาอยู่ใกล้ตัวกระมัง เรียวปากหนาเม้มปิดอยากหัวเราะใจจะขาด
“ผู้หญิงคนนั้นเนี่ยนะสำคัญ”
“เออสิวะ ว่าไงอยากได้เมียมั้ย”
คิมหันต์ส่ายหน้าไม่คิดด้วยซ้ำ “ไม่ครับ ไม่เอา ผมกลับห้องไปทำงานต่อดีกว่า จะทำเงินให้ได้มากเท่าที่เสียไป เอ หรืออาจจะมากกว่าเดิม”
ผู้เป็นหลานเดินออกไปจากห้องและไม่คิดว่าต้องพิจารณาเรื่องนี้อีก คนเราถ้าจะแต่งงานกันต้องเริ่มจากความรัก ไม่ใช่แต่งงานเพราะใครอยากให้แต่ง เขาเคยรักและผิดหวัง หากมีความรักอีกครั้ง เขาไม่อยากเป็นฝ่ายถูกหักหลังอีก แล้วนี่อะไร รักกันหรือก็เปล่า ปู่ทำอย่างกับว่าไปขอมัทนากับแม่แล้วฝ่ายนั้นจะยกให้ เจอกันนับครั้งได้ ใครยกลูกสาวให้ก็แปลกล่ะ ตอนนี้แค่คิดถึงความเป็นไปได้ คำตอบมีเพียงไม่มีทางเป็นไปได้แม้แต่จะคิดแล้ว

มัทนาลงจากเรือนในเวลาเจ็ดโมงเช้า คราวนี้เธอเลือกใส่กางเกงสแล็คสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีฟ้าอ่อนเพราะต้องเดินดูหน้างาน พิมพ์อรคอยอวยพรให้ลูกสาวเหมือนเดิม ลุงริชาร์ดได้เดินทางไกลอีกครั้ง เพียงแต่คราวนี้มุ่งหน้าไปทางแถวๆ ท่าเรือแหลมฉบัง แผนที่ Blue Ship พร้อมอยู่ในกระเป๋า พี่ไม้ยังไม่ลงมาเธอเลยรอดถูกแซ็ว ส่วนเผือกวันนี้ไปโรงเรียนวันแรก กำลังวุ่นกับกางเกงที่เล็กไป สมควรเอาแค่กินตัวขยายจนกางเกงคับ แว่วๆ ว่าแม่จะตัดกางเกงให้ใหม่วันนี้
ลุงริชาร์ดถูกขับไปเรื่อยๆ มั่นใจได้ว่าไม่หลงทางแน่ๆ ใช้เวลาเดินทางชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงบริษัท Blue Ship มีคนมารอรับเธอแล้วพาไปยังห้องรับรองซึ่งมีกาแฟกับแซนด์วิชให้ พอได้เวลานัดผู้ชายหน้าตาขาว หล่ออย่างกับไอดอลเกาหลี ท่าทางเป็นมิตรก็เดินมาหา
“เชิญครับ ผมจะพาคุณเดินชมสถานที่ หลังจากนั้นพี่จิรัฐจะมาสัมภาษณ์คุณด้วยตัวเองอีกครั้ง”
“ขอบคุณค่ะ”
มัทนารีบเดินตามชายคนนั้นที่รู้ในห้านาทีต่อมาว่าชื่อเดชาไปยังโรงงานที่ประกอบชิ้นส่วนของเรือ ส่วนของโกดังที่เก็บชิ้นส่วน บางชิ้นผลิตในประเทศ บางชิ้นเดินทางมาไกลจากหลายประเทศ ส่วนของเครื่องยนต์ในตัวเรือ ส่วนตกแต่งภายในเรือ แล้วที่น่าสนใจไปกว่านั้นมีส่วนงานเขียนแบบเรืออีกด้วย เราเดินไปยังส่วนเก็บเรือรอส่งลูกค้าและท่าเรือของบริษัท
พนักงานพากันมองมาที่เธอ ไม่ใช่เพราะความสวยหลบใน แต่เพราะเท่าที่เดินๆ มาเกือบครึ่งชั่วโมง เธอเห็นผู้หญิงในบริษัทถ้าไม่นับรวมฝ่ายบุคคลก็มีแค่สามคน เป็นแม่บ้านไปแล้วสองคนและเขียนแบบอีกหนึ่งคน ผู้หญิงคงเป็นทรัพยากรที่หายากในบริษัทนี้ แล้วที่สำคัญเธอดันมาสมัครตำแหน่งวิศวกร ความหวังกำลังริบหรี่ จะชวดงานเพราะดันเป็นผู้หญิงหรือเปล่าหนอ
เดชาพาเธอไปยังห้องประชุมเล็กๆ รอไม่ถึงห้านาทีผู้ชายตัวโตที่เคยสัมภาษณ์เธอที่กรุงเทพฯ ก็เข้ามา มัทนายิ้มทักทายยกมือไหว้จิรัฐตามมารยาทและรอใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ
“ผลการเรียนของคุณดีมากนะ แต่ผมยังกังขาในขีดความสามารถของคุณ ที่นี่ไม่ใช่การทำงานด้านเอกสารอย่างเดียว แต่ยังมีการแก้ปัญหา คำนวณโครงสร้าง และลงมือทำ ซึ่งสำหรับผู้หญิงแล้วไม่น่าจะเป็นงานถนัดนัก” จิรัฐเอ่ยตามตรง เขาเคยรับผู้หญิงเข้ามาทำงาน พอสอนงานเสร็จไม่เกินเดือนก็ลาออกเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าไม่ใช่งานที่ถนัด
มัทนาคิดไว้แล้วว่าจะถูกถามคำถามคล้ายๆ แบบนี้ เพราะฉะนั้นคงมีเพียงเธอคนเดียวที่จะทำให้ความหวังที่ดูริบหรี่สว่างไสวขึ้นมาได้
“ความชอบของคนเราต่างกันค่ะ ผู้ชายบางคนชอบออกแบบเสื้อผ้า แต่งหน้าสวยๆ ให้ลูกค้า แล้วจะแปลกตรงไหนถ้าผู้หญิงจะทำงานที่ผู้ชายทำได้และคิดว่าดีพอ ดิฉันไม่ได้เป็นคุณหนู ไม่ได้บึกบึนอย่างผู้ชาย แต่ขีดความสามารถของดิฉันมีมากกว่าผลการเรียนแผ่นเดียว ถ้าเพียงแต่ผู้ชายสักคนจะให้โอกาสและลดความคิดเดิมๆ ลงค่ะ”
จิรัฐฟังแล้วพิจารณาจากรูปลักษณ์ภายนอก เธอคนนี้ไม่เหมือนผู้หญิงที่เขาเคยรับเข้ามาทำงาน นอกจากท่าทางที่ดูทะมัดทะแมงแล้ว ยังดูมีความมั่นใจในตัวเอง คำตอบที่ฟังครั้งแรกดูเหมือนถูกด่าทางอ้อม แต่เขาไม่ถือสา การทำงานในหมู่ผู้ชายต้องมีความซื่อตรง ไม่อ่อนแอและกล้าเผชิญหน้า ในเมื่อบอสสั่งให้เขาเป็นคนตัดสินใจ เขาก็จะใช้สิทธิ์นั้นเดี๋ยวนี้
“ตกลง ผมรับคุณเข้าทำงาน”
มัทนายิ้มกว้างยกมือไหว้จิรัฐที่ให้โอกาส การที่เพิ่งเรียนแล้วยังไม่มีที่ไปที่แน่ชัดทำให้เคยกังวล ตอนนี้ความกังวลนั้นหายไปเพียงเพราะการได้รับโอกาส เธอเดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์พร้อมรอยยิ้ม สัญญาการจ้างงานจะส่งมาให้เธอเซ็นในวันแรกของการทำงานในสัปดาห์หน้า ท้องฟ้าช่างสวยงาม แม้กระทั่งท่อเหล็กที่มีสนิทขึ้นยังดูเจริญตา ลุงชาร์ดล้อหมุนออกจากบริษัทในเวลาต่อมา ความสุขทำให้มัทนาไม่เห็นสายตาของใครบางคนที่มองลงมาจากห้องทำงานชั้นบนสุด
คิมหันต์ไม่คิดว่าการที่มัทนาได้รับเลือกแล้วถูกเรียกมาสัมภาษณ์เป็นแผนของเธอ แต่สำหรับปู่เขาไม่แน่ใจ เพราะเหตุผลนี้เขาถึงให้จิรัฐเป็นคนตัดสินใจว่าจะรับมัทนามาเป็นพนักงานอีกคนในฝ่ายหรือเปล่า แล้วการที่จู่ๆ ปู่โทรมาจะหมายความว่าอย่างไรดี
“คิมจะรับมัทนาเข้าทำงานหรือเปล่า อย่าเล่นนอกเกมให้คนมีความสามารถไม่ได้งานนะ”
ไม่มีใครโทรไปรายงาน แสดงว่าปู่ของเขาไม่รู้อะไรนอกจากมัทนาได้มาสัมภาษณ์ที่นี่น่ะสิ
“ผมไม่เล่นนอกเกมหรอกน่าปู่ ถึงว่าที่หลานสะใภ้ที่คงไม่ได้เป็นของปู่มาทำงานที่บริษัทก็ไม่ได้หมายความจะทำให้ผมกับมัทนาเกิดสปาร์ครักกันได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่ เลิกล้มความตั้งใจเถอะครับ เผลอๆ มีแฟนไปแล้วละมั้ง” จะมีแฟนเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็สุดจะเดา
“ยังไม่มี ปู่มั่นใจ” ทีปต์การันตีเองเสร็จสรรพ
“ถ้างั้นอีกสักพักคงมี แถวนี้ผู้ชายเพียบ”
ทีปต์ฟังแล้วชักกลุ้ม ไอ้หลานตาถั่ว หาผู้หญิงดีๆ มาให้ทำเล่นตัว
“เสี่ยทรงชัยมาขอพบครับ” ปวรเดินเข้ามาบอกเมื่อนายสั่งให้พูด
“ผมวางสายก่อนนะครับ ปัญหาเดินทางมาหาแล้ว”
ทีปต์ฟังแล้วถอนใจ เขาไม่ได้เข้าบริษัทและวางมือมาห้าปีแล้ว ยกเว้นช่วงที่เกิดเรื่อง แต่ก็พอรู้ว่าปัญหามีเรื่องอะไรบ้าง แล้วที่ได้ยินมาเรียกว่าปัญหากวนใจเหมือนเห็บหมัด น่ารำคาญ แต่ยังเกาะติด คิมหันต์เดินออกไปจากห้องพร้อมเอกสารที่ปวรเตรียมไว้ตั้งแต่เช้า คิดไว้อยู่แล้วว่าเสี่ยทรงชัยต้องมา ใครบางคนที่นี่เป็นสายให้เสียละกระมัง คัดคนออกบ้างสักทีคงดี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.พ. 2558, 11:45:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.พ. 2558, 11:45:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1145





<< ตอนที่ 2 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 4 >>
แว่นใส 6 ก.พ. 2558, 21:25:46 น.
จะเจอกันแล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account