พระจันทร์ซ่อนรัก
เธอแอบใช้มือเล็กๆบังไม่ให้เขาเห็นแล้วเขียนข้อความนั้นลงไป “ขอให้ผู้ชายคนนั้น เป็นคุณ...พัตต์”
รุ้งพรายลงท้าย ประโยคด้วยตัวอักษรโต ๆ ซึ่งไม่ต่างจากหัวใจที่ตอนนี้มันพองฟูคับอกแล้ว!

............

เล่ห์ร้ายหรือมนตราใดๆ ก็ไม่อาจซ่อนใจเขาและเธอ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑

บทที่๑


หลายปีผ่านไป ณ บ้านจันทร์เจ้าขา จังหวัดสระบุรี


ร่างสูงผอมขี้ก้างชนโครมเข้ากับร่างอ้วนเตี้ยอย่างจัง ทั้งคู่ขวัญกระเจิงวิ่งหนีบางสิ่งด้วยความตระหนกสุดขีด พวกเขามั่นใจว่าเงาตรงผนังห้องสมุด ไม่ใช่เงาของมนุษย์แน่นอน


“ไม่นะ หัวเด็ดตีนขาดผมก็ไม่กลับไปเอากล่องเครื่องมือ หวะ ไหว้ล่ะ ดูสิขนแขนลุกหมด ดีนะที่ฉลาดอั้นฉี่ไว้ทัน ไม่งั้น ราดเต็มกางเกงแหง ๆ” คนตัวผอมโย่งที่ชื่อ ย้ง เอ่ยเสียงสั่น หัวใจเขาเต้นโครมคราม ภาพที่เห็นยังหลอนในความคิด มันชวนให้อกสั่นขวัญแขวนเป็นที่สุด ให้ตายเถอะบ้านหลังนี้เฮี้ยนสมคำล่ำลือจริง ๆ มิน่าล่ะค่าจ้างในการมาทำงานกลางป่ากลางเขา ถึงได้สูงลิบลิ่ว


“เฮ้ย!ทั้งหมดนี่เพราะแกนั่นละ ยุ่งไม่เข้าเรื่อง อยากย่องไปดูสาว ๆ แล้วเป็นไง บอกไม่ฟังเกือบเอาชีวิตมาทิ้งแล้วไหม! ” มานะผู้เป็นลูกพี่เอ็ดตะโร ยามนี้ทั้งตัวชุ่มด้วยเหงื่อ ดวงหน้าอวบอูมขึ้งเครียด และขาทั้งสองข้างก็สั่นพั่บ ๆ จนเขาทรงตัวแทบไม่อยู่


“ ใช่แหง ๆ มันต้องเป็นผีเงือก! อย่างที่พวกคนงานชุดเก่าบอก อึ๋ย...น่ากลัวไม่อยากคิด ถ้าถูกมันจับตัวไป ตับไตไส้พุงคงไม่เหลือ! ” มือผอมยาวปิดหน้าตนไว้มิด ย้งอยากลบภาพที่เห็นออกจากความทรงจำปัจจุบันทันด่วน


“เออ มัวแต่ฟอยยืดยาว เดี๋ยวมันตามมาแหกอกกินตับ ข้าไม่ช่วยนะเว้ย ไม่เอาล่ะเผ่นดีกว่า” พูดจบมานะก็กลั้นหายใจลึก กระโจนแผล็วออกไปอย่างเร็ว ร่างกลมตรงแน่วไปยังรถกระบะซึ่งจอดไว้ริมรั้ว เขามองไปด้วยความหวังว่าไม่ต้องทนอยู่ที่บ้านผีสิงอีก ทว่าขาสั้น ๆ พลันหยุดกึก เมื่อรถยนต์คันใหญ่สีแดงวิ่งปราดเข้ามาจอดตรงหน้าแบบเส้นยาแดงผ่าแปด!


ร่างสูงของวิศวกรหนุ่มผิวเข้มคร้ามแดดก้าวลงรถอย่างร้อนใจ ดวงหน้าภายใต้แว่นกันแดดกรอบใหญ่ตึงเล็กน้อย ก่อนจะพ่นลมหายใจร้อนระบายอารมณ์กรุ่น ๆ ท่าทีนั้นทำให้มานะถอยกรูด ด้วยผู้มาเยือนบ้านจันทร์เจ้าขา คือก้องภพชายหนุ่มวัยสามสิบ ผู้ขึ้นชื่อในเรื่องความเจ้าระเบียบ ทั้งยังปากจัดเป็นอันดับต้น ๆ ของบริษัท


“ โอ๊ย หยุดก็ไม่บอก” ย้งซึ่งก้าวตามติด ๆ ลงไปนอนกุมขมับบนพื้นหญ้า เขาชนแผ่นหลังหนามานะโครมใหญ่ มองเห็นดาวตรงหน้าหมุนคว้างระยิบระยับ


“ ยังมีหน้ามาบ่นอีก ลืมตาดูพ่อแกสิเดินหน้ายักษ์มานู้น ตัวใครตัวมันเว้ย”มานะหาทางหนีทีไล่ แต่ก็เจียนตัวจนหลบไม่พ้น “ ซวยซ้ำซวยซ้อน ไหงวันนี้คุณตุ่นโผล่มาได้ งานเข้าทั้งผีทั้งคนเลยพี่ ” ย้งดีดตัวลุกขึ้น หน้าเสียเหมือนเด็กกำลังจะร้องไห้


วิศวกรหนุ่มเท้าสะเอวมองมานะและย้งที่ยังไม่หายตกใจกับสิ่งซึ่งซ่อนอยู่ภายในบ้านจันทร์เจ้าขา
“ลมอะไรพัดคุณตุ่นมาครับ พวกผมกำลังจะกลับอยู่เชียว...” มานะเหงื่อแตกซิก เมื่อยืนอยู่ต่อหน้าก้องภพ ซึ่งกำลังระอาเต็มทนกับท่าทีลนลานของพวกเขา


“ กลับ...พูดเป็นเล่น ตะวันตรงหัวอย่างนี้ จะรีบไปไหน งานทำแทบไม่ทัน ยังจะอู้อีก เสียแรงที่ไว้ใจจริง ๆ นี่สงสัยว่าถ้าผมไม่ออกมาดูงานเอง ป่านนี้คงออกไปก๊งเหล้ากันตามเคย เฮ้อ...ไม่ได้เรื่องทั้งหัวดำ หัวหงอก! ” ก้องภพขึงตาโตจ้องทีมช่างของตน


“พวกผมไม่ได้หนี ขอแค่เปลี่ยนไปอยู่ไซต์งานอื่นได้ไหมคุณตุ่น” ถึงจะหวาดกลัวกับสิ่งลี้ลับอยู่มาก แต่มันยังน้อยกว่าความเกรงใจร่างตรงหน้า ที่อาจทำให้เขาหมดอนาคต หากก้องภพเขียนรายงานถึงเจ้านาย เขาคงถูกลอยแพในไม่ช้า “ใช่ครับ พวกเราไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว...”ย้งย้ำสิ่งที่มานะเอ่ยให้ชัดขึ้น


วิศวกรหนุ่มขบกรามตึง ไม่อยากเชื่อว่าทั้งสองคนจะกล้าพูดต่อหน้าตนแบบนี้ แต่เขาพอเดาออกถึงอาการต่อต้านของทั้งคู่ คงเพราะเจอกับเหตุการณ์พิลึกพิลั่นเข้า ก้องภพยังจำภาพช่างชุดแล้วได้ติดตา คนพวกนั้นต่างขวัญกระเจิง หอบข้าวของกลับทั้งที่ยังไม่ได้ลงมือทำอะไรสักอย่าง แถมยังทิ้งท้ายให้เขาต้องเสียวสันหลังวาบ ด้วยคำพูดที่ว่า บ้านจันทร์เจ้าขามีผีร้ายซุกซ่อนอยู่


ก้องภพรู้ถึงคำล่ำลือนี้ดี ใครต่อใครในบริษัท ต่างบ่ายเบี่ยงไม่อยากมาคุมงานในอาณาเขตลึกลับแห่งนี้ ล้วนหาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างเจ้านาย ทว่าพอสืบค้นเค้นความจริงก็สรุปได้ว่าทุกคนล้วนกลัว เรื่องสยองขวัญของบ้านจันทร์เจ้าขา ท้ายที่สุดหวยเลยมาออกที่เขา


วิศวกรหนุ่มข่มสติระงับอารมณ์คุกรุ่น แต่ไม่วายคำรามฮึ่ม ๆ ใส่หน้าทั้งคู่ “ผมถามหน่อยเถอะ ไอ้ที่จะไม่ทำงานนี่ พูดจริงใช่ไหม ถ้าอย่างงั้นเงินที่รับไปถลุงจนหมดล่ะ ให้คิดบัญชีทบต้นทบดอกเลยเป็นไง แบบนี้พอจะคุยกันรู้เรื่องขึ้นมารึเปล่า” ก้องภพกำหมัดแน่นปากคอสั่น


“แต่คุณตุ่นไม่รู้ว่า พวกผมเจออะไร ไม่เอาล่ะเป็นตายยังไง ก็ไม่เข้าไปข้างในอีก”มานะหลุบตาต่ำ เขายืนยันคำพูดตนเอง หากใจก็หวั่น ๆ กลัววิศวกรหนุ่มจะฟาดงวงฟาดงาใส่


ก้องภพคำรามลั่น คราวนี้มานะที่เหมือนไม่ยอมท่าเดียวก็ค่อย ๆ อ่อนข้อ เพราะหากต้องอดตายจากเรื่องประหลาดในบ้านหลังนี้ ลูกเมียที่รออยู่คงลำบาก “ถ้างานหนัก คนไม่พอเครื่องมือไม่พร้อมก็บอก ไม่ใช่รับงานเขามาแล้วจะมาทิ้งดื้อ ๆ บริษัทเราใหญ่โตไม่ใช่งานรับเหมาเล็ก ๆ เห็นแก่หน้าผมบ้างนะ แล้วรู้ไว้ด้วยว่า...ชื่อเสียงน่ะ มันสำคัญกว่าความขี้ขลาดตาขาว!”


“คุณตุ่นจะด่า จะว่ายังไงก็เชิญเถอะครับ อันที่จริงพวกเราไม่ได้คิดหนีหรืออู้งาน บอกตรง ๆ ที่พวกผมขอลาขาดจากบ้านหลังนี้ ก็เพราะมันมี...”เสียงมานะขาดห้วงเพราะเงาสยองในห้องสมุดฉายแวบในหัว จนกลืนคำพูดเขาไป “ มี....ผอ อี ผี ผีเงือก ! ตัวเขียวปี๋อยู่ข้างในนั้น ! ” ย้งที่ใช้ร่างหนาของมานะเป็นกำแพงชิงตอบแทน “เหลวไหล! ถามอีกครั้ง จะทำต่อหรือให้หักเงินเดือนทั้งเดือน!” ก้องภพยื่นคำขาด สีหน้าสีตาถมึงทึง จนผู้ฟังร้องโอดโอย เวลานี้ทั้งมานะกับย้งได้แต่ถอนหายใจอย่างคนหมดแรง ก่อนจะทำใจดีสู้ผี เดินคอตกตามก้องภพไปในสถานที่เกิดเหตุพิศวงอีกครั้ง…



วิศวกรหนุ่มเดินนำขบวนช่างอ้วนผอมผ่านเข้าไปในซุ้มประตูไม้เลื้อยขนาดใหญ่ ด้านหน้าพวกเขาคือแนวอาคารโบราณรูปทรงสี่เหลี่ยมสูงต่ำลดหลั่นกันไป รูปแบบนั้นคล้ายกับสถาปัตยกรรมทางเหนือของประเทศอิตาลี ตัวอาคารทาสีส้มสุก สีเขียวเทอร์คอยส์ สีฟ้าสว่างสดใส ตัดกับกรอบหน้าต่างไม้บานใหญ่สะดุดตา ซึ่งทุกคนต่างรู้จักกันในชื่อที่ว่า ‘บ้านจันทร์เจ้าขา’


กระทั่งก้าวมาด้านในจนถึงห้องสมุดในจุดซึ่งทำงานตบแต่งซ่อมพื้นไม้ไปแล้วบางส่วน ก้องภพต้องใช้มือบีบขมับด้วยเครื่องมือช่างวางกระจัดกระจาย ที่สำคัญชั้นหนังสือซึ่งอยู่มุมในสุดล้มก็คว่ำไม่เป็นท่าอยู่บนพื้น รวมถึงหนังสือเก่าอายุหลายร้อยปีซึ่งประเมินค่าไม่ได้หลายสิบเล่มกระจัดกระจายทั่วห้อง พลอยให้ความเดือดดาลพุ่งปรี๊ด ยากระงับอารมณ์


“ตาย...ตายกันทุกคน ให้ทำยังไงเนี่ย ขายทั้งบ้านขายทั้งตัวยังไม่พอมาใช้หนี้เลย โอยรีบ ๆ เก็บเดี๋ยวนี้ ก่อนผมจะจับช่างมานะกับไอ้ย้ง ฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ” งานนี้มานะกับย้งต้องขยาดกลัวก้องภพแทนผีที่เล่นซ่อนแอบเสียแล้ว ดวงหน้าครึ้มด้วยไรหนวด สั่นกระตุก เสียงคำรามฮึ่ม ๆ เร่งเร้าให้คนที่อยู่ใกล้ ๆ คาดการณ์ได้ว่าระเบิดกำลังจะลงตูมใหญ่


เบื้องหน้าก้องภพมีหนังสือปกแข็งหลายเล่มอยู่ในสภาพน่าเป็นห่วง บ้างปกก็หลุดจากสัน บ้างก็ขาดออกไปคนละทิศละทาง ส่วนชั้นหนังสือนั้นไม่ต่างจากสะพานไม้ผุพังหักครึ่ง ก้องภพอยากตะโกนออกมาดัง ๆ แต่ด้วยภาระกับหน้าที่ซึ่งต้องคุมงานให้เสร็จตามแผนที่วางไว้ วิศวกรหนุ่มจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตา ออกแรงช่วยลูกน้องทั้งสองคนซึ่งมะงุมมะงาหราไม่รู้จะเริ่มต้นจับสิ่งใดก่อน


“ดีแต่ทำงานพัง เหนื่อยใจจริง ๆ นั่น...ไอ้ย้งเอาแรงมาบ้างไหม จับตรงกลางนี่ซี่ เห็นอยู่ทนโท่ว่ามันหักยังจะไปลากข้างหลังอีก เฮ้ย!...” สิ้นเสียงตวาดชั้นหนังสือซึ่งทำจากไม้เนื้อหอมพลันปริแตกออกจากกัน เสียงเนื้อไม้ลั่นบาดเข้าลึกถึงหัวใจ หนังสือที่ยังค้างอยู่ในชั้นครึ่งหนึ่งเป็นอันล่วงลงไปกองบนพื้น ทุกอย่างเลวร้ายกว่าเดิม ก้องภพพูดอะไรไม่ออก แทบเป็นล้มตึงตามชั้นหนังสือไปอีกคน


ชายหนุ่มจำยอมกับความผิดพลาดของตน ด้วยอยากเก็บงานให้เข้าที่โดยเร็ว จึงลืมคิดไปว่าชั้นหนังสือหมดสภาพเกินเคลื่อนย้ายได้ วิศวกรหนุ่มทอดถอนใจ ดวงตาคมไม่ทันจะกะพริบ ชั้นที่สองซึ่งอยู่ใกล้กันก็ล้มโครมตามมาติด ๆ พอเห็นอย่างนั้น เขาก็ทรุดลงไปนั่งหมดแรงบนพื้น ส่วนมานะกับย้งต่างถอยห่างไปคนละมุม ก่อนจะพากันร้องเสียงหลง เมื่อจู่ ๆ มีเงาหนึ่งเผยขึ้นตรงบานซุ้มประตูห้อง


ในจังหวะที่ก้องภพหันไปมองตามเสียงตกใจนั้น วิศวกรหนุ่มถึงกับวางสีหน้าไม่ถูก เขาลุกขึ้นก้าวกะเผลก ๆ ไปเก็บหนังสือที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้องอย่างทุลักทุเล แต่ไม่ทันทำอะไรได้มาก ร่างนั้นก็สืบเท้าเข้ามาอยู่กลางห้อง ยามนี้ทั้งวิศวกรหนุ่มและช่างอ้วนผอมพากันหน้าซีดจัด บุรุษปริศนาคนนั้นมาพร้อมกับแรงขับเคลื่อนลึกลับที่คุกคามพวกเขาจนหายใจหายคอติดขัด


ครั้นพอต้องประจันหน้ากัน ก้องภพก็สัมผัสได้ถึงความเย็นชาที่ทาบทับเรือนกายสูงใหญ่ของชายผู้นี้ แล้วพอเพ่งมองให้ชัดขึ้น ก็ต้องครั่นคร้ามใจ คนตรงหน้ามีรูปลักษณ์ประหนึ่งรูปปั้นเทพบุตร แผงคิ้วเข้มรับกับดวงตาคมสีประหลาดซึ่งมีแววรุ่งโรจน์ จมูกเขาโด่งเป็นสันรับโครงหน้ายาวรูปไข่ และผิวหน้าที่ขาวละเอียดก็เสริมให้ริมฝีปากบางสีสดนั้นสวยไร้ที่ติ ส่วนเรือนผมสีน้ำตาลเข้มซึ่งยาวสลวยก็รวบเอาไว้ด้านหลัง และทั้งหมดนี้มันทำให้เขาดูงดงามเกินมนุษย์!


แต่พอมองไปที่การแต่งตัวเขา ก้องภพก็รู้สึกขัดตานิด ๆ ด้วยเขาสวมกางเกงยีนตัวซีดเก่า ใส่เสื้อยืดสีตุ่น ๆ และทับด้วยแจ็คเก็ตตัวใหญ่อีกชั้น ภาพที่เห็นจึงทำให้เขาไม่ต่างจากคนทำงานกลางแจ้ง กระนั้นก็ไม่อาจบดบังความสง่างามนั้นได้


“เอ่อคุณ...” ก้องภพเอ่ยค้างไว้ ไม่แน่ใจว่าเขาคือใคร หากด้วยบุคลิก ขรึมเข้ม แบบเสือยิ้มยาก แล้วยังการวางมาดถือตัวนั้นอีก เขาจึงพอเดาได้ว่าคงเป็นคนสำคัญของที่นี่ คิดได้อย่างนั้นวิศวกรหนุ่มก็รู้สึกร้อนหนาวขึ้นมา เขายืดตัวให้ตรง แล้วเลี่ยงจะไม่สบสายตาด้วยมันทำให้เสียวสันหลังวาบพิลึก


“สวัสดีทุกคน ผมพิรุณพัตต์” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้น พอได้ยินชื่อนั้น ก้องภพถึงกับอึ้ง ไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นนักเขียนลึกลับตัวเป็น ๆ เนื่องจากการติดต่อซ่อมห้องหนังสือผ่านผู้รับช่วงอีกต่อหนึ่ง เท่าที่ก้องภพรู้ข้อมูลคร่าว ๆ พิรุณพัตต์เป็นนักเขียนดังซึ่งอยู่ในวงการร่วมยี่สิบปี แล้วทำไมคนที่ยืนตรงหน้านั้นถึงดูอายุน้อยกว่าเขาอีก! “ผมเดาว่า คุณคงเป็นวิศวกรที่มาควบคุมงานใช่ไหม” ร่างสูงสง่าเอ่ยขึ้น


“ครับ เออ...ผมตุ่น ก้องภพน่ะครับ คิดว่าคงมีคนแนะนำไว้ก่อนหน้านี้แล้ว คือผมเข้ามาดูความเรียบร้อย... แต่บังเอิญ เรามีปัญหานิดหน่อย... ” ก้องภพพูดลิ้นพันกันพอหันไปมองมานะกับย้ง เขาเห็นทั้งคู่เจียนก้มลงกราบพิรุณพัตต์บนพื้น


“เอ...เท่าที่เห็น เกรงว่าหนังสือเจ้าย่าหลายเล่มคงเสียหายพอควร ยังไงเตือนคนของคุณให้ระวังหน่อย อย่าทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมให้มากนัก เรื่องบางเรื่อง ทำเป็นไม่เห็น ไม่รู้ จะดีกว่า” พิรุณพัตต์เหยียดริมฝีปากตรง คำพูดนั้นดูมีเลศนัยพอ ๆ กับดวงหน้าลึกลับของเขา


“ครับ ผมจะระวังให้มากกว่านี้” ก้องภพวางสีหน้ายุ่งยากใจ นี่ถ้าหากงานปรับปรุงห้องสมุดบ้านจันทร์เจ้าขาไม่สำคัญกับบริษัท เขาคงขอถอนตัวไม่คุมงานนี้แน่ ๆ เพราะแค่เห็นตัวจริงบวกกับสายตาเย็นชานักเขียนหนุ่มเพียงไม่กี่นาที ก้องภพก็ชักตงิด ๆ ว่าเรื่องร้าย ๆ มันวนเวียนอยู่รอบตัวยังไงไม่รู้


“ เอางี้แล้วกัน เรื่องซ่อมหนังสือซอมบี้นี่ผมจะรับผิดชอบเอง ลูกพี่ลูกน้องผมเปิดร้านซ่อมเชื่อถือได้ รับรองทุกเล่มจะคืนชีพมาวิ่งเล่นได้แน่นอน”


“ขนาดนั้นเลย คุณตุ่นมีมุกตลกเหมือนกันนะ หนังสือซอมบี้ งั้นผมจะลองเชื่อใจสักครั้งแต่อย่าลืมนะว่า ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกำหนดในสัญญา หวังว่าคงไม่มีอะไรผิดพลาด” พิรุณพัตต์ขีดเส้นชะตากรรมวิศวกรหนุ่มและลูกทีมให้ทำงานทันตามเวลาซึ่งงวดเข้ามาทุกที


“มันต้องเป็นอย่างนั้น” ก้องภพตอบไม่เต็มเสียง ด้วยพื้นที่การทำงานที่ยังไม่คืบหน้าสักเท่าไหร่ แถมยังมีมาให้ทำเพิ่มอีก และสัญญาก็เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าหากไม่เสร็จตามกำหนด มีการปรับเป็นรายวันแน่นอนว่ามูลค่าความเสียหายสูงลิบ


“ ชั้นหนังสือที่พังไปไม่ต้องคิดมาก ไม้หอมพวกนั้นมันเสื่อมตามอายุ เอาเป็นว่ารบกวนช่วยหาสถาปนิกออกแบบงานไม้ให้ผมใหม่ก็แล้วกัน แต่เรื่องหนังสือคิดว่าเจ้าย่าคงไม่ชอบใจ ของรักท่านทั้งนั้นยังไงเร่งมือซ่อมให้เสร็จเร็ว ๆ ก็ดี ” น้ำเสียงพิรุณพัตต์จริงจัง ก้องภพจึงยิ้มรับด้วยจำยอม หากในใจก็คิดว่าจะซ่อมหนังสือพวกนี้ยังไงไหว ในเมื่อคนที่หวังไหว้วานให้ช่วยงานคือลูกพี่ลูกน้องซึ่งเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่ยังไงคงต้องรับปากไปก่อน ไม่อย่างนั้นเรื่องเล็ก ๆ อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ได้


“ ว่ายังไง ซ่อมหนังสือให้ผมไหวไหม” คนถามวางสีหน้าเรียบ หากแต่คำถามนั้นเล่นเอาก้องภพฉงน คล้ายกับว่าคนตรงหน้าอ่านใจตนได้ ความคิดในใจล่วงรู้ไปถึงเขาได้ยังไง วิศวกรหนุ่มเหงื่อผุดเต็มดวงหน้า ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน ชายคนนี้กำลังเล่นเกมทายใจเขาอยู่หรือไง


“อ๋อไม่มีปัญหาครับ ผมจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด” วิศวกรตอบออกไป ทั้งที่ไม่รู้อนาคตตน


“หึ ๆ แล้วผมจะคอยจับตาดู!” คำพูดและสีหน้าเขาสร้างความกดดันต่อก้องภพมหาศาล


“โอ๊ย อย่าให้ลำบากขนาดนั้นเลยครับ แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณมากที่ให้โอกาสบริษัทเรามารับงานที่บ้านจันทร์เจ้าขา” ก้องภพผงกหัวรับคำพูดตนเอง ทว่าจู่ ๆ ความอึดอัดพลันแล่นจุกอุก ท้องไส้ปั่นป่วน อีกทั้งรู้สึกเหมือนมีสายตาหลายสิบคู่จับจ้องตน “ แหะ ๆ อย่าว่าอย่างงั้นอย่างนี้เลยครับ ผมรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ เออ...ในนี้ติดกล้องวงจรปิดไว้รึเปล่า”ก้องภพเกาศีรษะแกรก ๆ เอ่ยถามแบบติดตลกออกไปเพราะรู้สึกหวั่นใจสิ่งรอบตัวที่มองไม่เห็น แต่มันทำให้เขาขนทั้งลุกซู่ !


“อะไรนะ อ๋อ...กล้องวงจรปิด ไม่จำเป็นต้องใช้หรอก บ้านเก่า ๆ หลังนี้ไม่มีข้าวของให้หัวขโมยหยิบฉวย แต่ถ้าใครอยากลองดี คงคิดผิดเพราะคงได้ไม่คุ้มเสีย ” พิรุณพัตต์เผยรอยยิ้มชวนขนหัวลุก แล้วตบท้ายด้วยเสียงหัวเราะ เย็นเยียบเล่นเอาผู้ฟังหนาวจับใจ


“แล้วความรู้สึกแปลก ๆ นี่มันยังไง ฮึ ” ดวงตาพิรุณพัตต์เค้นคำตอบจากก้องภพ


“ก็...เหมือนมีคนจ้องผมอยู่ตลอดเวลาเลยครับ” ก้องภพเริ่มหวาดกลัวบรรยากาศของบ้านจันทร์เจ้าขาไม่น้อย “ เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่เพิ่งมา แต่ผมว่าที่คุณก้องภพรู้สึกมันคงน้อยกว่าสองคนนั่น ไม่เชื่อก็ถามพวกเขาดูสิ” พิรุณพัตต์เห็นเป็นเรื่องขบขัน เมื่อก้องภพมีสีหน้าเลิกลั่ก แถมมานะกับย้งต่างกลัวจัดยืนชิดตัวติดกันแทบไม่กระดิกกระเดี้ย


“บ้านจันทร์เจ้าขาต้อนรับทุกคนเสมอ มาดีเราดีด้วยแต่หากมาร้าย ก็ไม่รับประกันความปลอดภัย อย่างที่คำเขาว่าคนดีผีคุ้ม...พวกคุณเชื่อเหมือนผมไหม” พูดจบร่างสูงใหญ่ก็สืบเท้าก้าวหายไป ทิ้งให้ก้องภพปวดศีรษะตุบ ๆ


วิศวกรหนุ่มประหวั่นใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาอยากรู้เหลือเกินว่า ภายใต้ดวงหน้างดงามของนักเขียนหนุ่ม รวมถึงความเงียบสงบในบ้านจันทร์เจ้าขามีสิ่งใดซ่อนอยู่ และหากมันคือภูตผีอย่างที่ทุกคนเอ่ยถึงจริง ๆ เขาจะได้ใส่เกียร์ถอยห่างจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุด!




เขมปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.ค. 2554, 14:56:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.ค. 2554, 14:56:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1727





<< บทนำ    บทที่ ๒ >>
เพชรทรียา 10 ก.ค. 2554, 16:19:32 น.
ชอบมากค่ะ


เขมปัณณ์ 11 ก.ค. 2554, 18:00:45 น.
ขอบคุณมาก ครับ คุณ เพชรทรียา

ผมขอบอกว่า รุ้งพราย กับ คุณ พัตต์ น่ารักมั่ก ๆๆ ค้าบ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account