พิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสเด็กสาวร่างอ้วนแก้มยุ้ยด้วยน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโลกรัมแอบรักพี่ชายขัางบ้านที่โตมาด้วยกัน ทว่าภีรมัตเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น..เธอรู้
ระหว่างเธอกับภีรมัตแตกต่างกันราวผีเน่ากับเทพบุตร ใครจะไปสวยเท่าแฟนสาวสิตาภาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศต่อหน้าเธอว่าใช่สเป็ก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ และการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างเธอกับภีรมัตเรื่องยุ่งๆของหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น

Tags: พิมพ์ลภัส ภีรมัต รักหวานซึ้งปนเศรา้้

ตอน: บทที่21 ยิ่งรักยิ่งเจ็บ (ตอนจบ)



ทันทีที่ทั้งคู่เหยียบเท้าเข้างาน จุลกานต์ซึ่งนั่งรออยู่แล้วด้วยความกระวนกระวายใจ รีบปรี่ไปหา ก่อนหน้านั้นเขานั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ เพราะโทร.ไปหลายสายแล้ว ทว่าเธอไม่รับถามใครก็ไม่มีใครรู้ว่าพิมพ์ลภัสหายไปไหน แม้แต่เพียงอรเองก็ยังคอยชะเง้อคอยาวอยู่เรื่อยๆ เว้นภีรมัต...เขารู้ว่าพิมพ์ลภัสหายไปไหน แอบเดินตามไปเงียบๆตั้งใจจะเข้าไปหาสาวน้อย ที่ยืนนิ่งอยู่หน้าหาดเป็นนาน ทว่าช้ากว่าแทนไท เขาจึงเดินกลับเข้างานคอกเทลเสีย นั่งรอ...ว่าเมื่อไหร่พิมพ์ลภัสกับเพื่อนช่างภาพจะกลับกันมาสักที

จุลกานต์เตรียมจะอ้าปากถาม ทว่าเสียงเข้มห้วนวางอำนาจของภีรมัต กลับดังแทรกมาซะก่อน

”ไปไหนมา..” มันทั้งห้วนทั้งแข็งกระด้าง

พิมพ์ลภัสมองเสี้ยวหน้าด้านข้างหล่อเหลาด้วยความรู้สึกอ่อนอกอ่อนใจ แล้วจู่ๆภีรมัตก็หันมาสบตาเธอ นัยน์ตาแดงก่ำจากฤทธิ์แอลกอฮอร์คาดว่าคงดื่มเข้าไปหลายแก้ว ใจหนึ่งก็หวาดหวั่นอยู่บ้าง กระนั้นก็ไม่คิดจะหลบ เธอมองตอบเขานิ่งๆและเขาเองก็จ้องตอบเธอนิ่งๆเช่นกันราวอึดใจที่ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอม ชวนให้บรรยากาศรอบกายอึมครึมไปด้วย ทั้งงานเงียบกริบ

เธอเดาไม่ออกว่าเขากำลังโกรธหรืออารมณ์ไหน สุดท้าย...เธอก็ยอมแพ้ เป็นฝ่ายเบือนหน้าหนีซะเอง

เธอไม่เคยกลัวที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขา แต่กลัวใจตัวเองมากกว่า เกรงว่ามันจะเผยพิรุธออกมาทางสายตาให้เขารู้ต่างหากจึงต้องคอยหลบดวงตาคมกริบสีนิลอยู่ร่ำไป ไม่เคยกล้าสบตาได้เกินห้าวินาทีเลย ครั้งนี้เจ๋งสุด ราวห้านาทีได้มั้งก่อนที่เธอจะเป็นฝ่ายยอมแพ้เช่นเคย พิมพ์ลภัสถอนใจเฮือกใหญ่แล้วก้าวเท้าออกจากงานอีกครั้ง สองหนุ่มเตรียมจะตามเช่นเคย ทว่าถูกเธอห้ามซะก่อน พร้อมทั้งส่งสายตาวิงวอนขอร้องว่าเธอต้องการอยู่เพียงลำพัง ได้โปรดอย่าตามกันมาได้มั้ย แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่

“ขอร้องล่ะ..พิมอยากอยู่คนเดียว” เธอเอ่ยนุ่มเรียบ แววตาจริงจังนั่นต่างหากที่ทำให้พวกเขาไม่กล้าฝืนใจเธอ จำต้องกลับไปนั่งร่วมวงกับต๋อยโดยสงบ ต๋อยส่ายหน้ายิ้มๆกับสีหน้าผิดหวังของสองหนุ่ม

คำพูดของพิมพ์ลภัสอาจมีพลังกับสองคนนั่น แต่ใช้ไม่ได้ผลกับเขาหรอก ภีรมัตทำทีเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำพอพ้นสายตาทุกคนก็ลัดเลาะมาอีกทางตามสาวน้อยมาเงียบๆจนคิดว่าห่างพอควร จึงเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นกระทั่งทันเธอ

“พิม..” เสียงทุ้มเอ่ยวางอำนาจอยู่ในที

พิมพ์ลภัสเดินเลี่ยงไปอีกทางในขณะที่เขายังตามมาขวางขวางไม่เลิก เธอเบี่ยงไปอีกทางเขาก็ไม่ลดละ เธอไม่อยากเจอ..ไม่อยากได้ยินเสียง...ยังไม่พร้อมที่จะฟังคำขอโทษจากเขา ความอัดอั้นตันใจที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้วแล่นตื้อจนแน่นอก น้ำตาพาลจะไหล รู้ว่าตัวเองกำลังหนีอะไร ทำไมต้องหนี เธอไม่สามารถมองเขาได้เต็มตาโดยที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร ไม่ใช่พระเอกเจ้าบทบาทอย่างเขาที่มองเรื่องในวันนั้นเป็นเรื่องธรรมดาชาชิน

“พิม..” เท้าแข็งแรงก้าวตามร่างบางที่เริ่มออกตัววิ่งหนีเขา ยิ่งเขาเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเท่าไหร่ พิมพ์ลภัสก็เร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเท่ากัน กระทั่งมือหนาคว้าข้อมือเล็กได้สำเร็จ

”พิมหยุดวิ่งหนีพี่ซะที” ภีรมัตตวาดก้องหาด

“พี่ภีมก็เลิกตามพิมซะทีสิ!”เธอเองก็สวนกลับทันควันเช่นกัน ทั้งหอบจนหายใจถี่ยิบเพราะวิ่งหนีเขาจนเหนื่อย ความอดทนมีขีดจำกัด เธอไม่ได้รำคาญหรือเบื่อหน่ายในตัวเขา แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อเขาต่างหากมันมีอิทธิพลมากเกินกว่าจะสะกดกลั้นต่อไปได้ เธอไม่กล้าสบตาสีนิลคมกริบคู่นั้น

ภีรมัตอึ้งไปนิด ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยมีครั้งไหนที่สาวน้อยจะตะโกนใส่หน้าเขา ไม่เคยมีครั้งไหนที่พิมพ์ลภัสไม่เชื่อฟังคำพูดเขา แม้พูดจาแรงๆกับเขาสักเพียงน้อยนิดพิมพ์ลภัสยังไม่เคยทำ วาจาที่เอ่ยแข็งกร้าวคล้ายไล่เขากลายๆ ทำให้เขาเจ็บหนึบ

ภีรมัตหรี่ตามองสาวน้อย ดวงตาคมแปรเปลี่ยนเป็นเข้มกระด้างดุดัน แต่สาวน้อยก็ไม่มีทีท่าหวาดหวั่นให้เห็น กลับจ้องตอบเขาขนตาไม่กระดิกแบบไม่คิดจะยอมลงให้อย่างเคย

ใบหน้าสวยเชิดรั้นอวดดีของพิมพ์ลภัสปลุกปั่นอารมณ์กรุ่นก่อนหน้านี้ให้โหมกระพือราวเติมเชื้อเพลิงสุมไฟ บวกกับฤทธิ์แอลกอฮอร์ สันกรามสลับกันขึ้นลงวุ่นนึกอยากสั่งสอนเด็กดื้อให้หายอวดดีนักเชียว กระนั้นก็ยังเผลอเหลือบตามองริมฝีปากอิ่มที่เคยฝังรอยจูบอย่างลืมตัว ก่อนจะได้สติว่าพิมพ์ลภัสมีสิทธ์ที่จะโกรธเขาจากนั้นโทสะที่มีจึงค่อยๆสงบลง เขาเองก็ยังหาคำตอบให้กับเหตุการณ์ในวันนั้นไม่ได้ว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้ขาดความยับยั้งชั่งใจ ทว่าก็ยังปากไวเช่นเคย

“ถ้าเป็นไอ้สองคนนั้นพิมคงเต็มใจให้มันตามติดไปทุกหนแห่งสินะ” ภีรมัตกระชากร่างบางเข้าหาอกกว้าง เค้นเสียงต่ำถามสาวน้อย เสี้ยววินาทีหนึ่ง...เขาเห็นแววเจ็บปวดวูบไหวในดวงตาคู่งาม

“ค่ะ แล้วก็เลิกยุ่งกับพิมซะที..” วาจาที่เอื้อนเอ่ยเย็นชาสนิท อีกทั้งสายตาที่มองทอดเขาว่างเปล่า ภีรมัตโหวงๆในอกอย่างบอกไม่ถูก อาการเจ็บหนึบแบบนี้มันคืออะไรกัน เขาไม่ชอบสายตาเย็นชาของพิมพ์ลภัสเลย
ภีรมัตจำต้องปล่อยมือจากร่างบาง เขามองเธอนิ่งๆแววตาสับสน ไม่เข้าใจพิมพ์ลภัสอีกทั้งยังไม่เข้าใจตัวเอง มองร่างบางที่ค่อยๆห่างจากสายตาไปตามแนวชายหาดเงียบๆ พิมพ์ลภัสคงเกลียดเขามาก สายใยที่มีให้กันตั้งแต่เด็กๆขาดสะบั้นลงด้วยน้ำมือเขา

...นี่เขาต้องทำอย่างไร...ทำไมภาพที่สาวน้อยค่อยๆห่างออกไปมันถึงทำให้เขารู้สึกหวิวในอกแปลกๆ เขาแค่อยากให้ทุกอย่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม แม้จะยังไม่รู้ว่าควรแก้ไขเรื่องราวที่พลาดพลั้งสร้างร่องรอยไว้กับพิมพ์ลภัสยังไงก็ตามที

------------------------------------------------------------********-------------------------------------------------------

เท้าเปลือยเปล่าเดินย่ำตามแนวหาดทรายหยาบ แช่น้ำเค็มมาเรื่อยเฉื่อยจิตใจสับสนว้าวุ่น หลากหลายเรื่องราวฟุ้งซ่านมากมายอยู่ในหัว กระทั่งคิดว่าไกลพอควรจึงหยุดยืนนิ่งเงียบๆ ภีรมัตคงไม่ตามมาแล้ว จิตใจเธออ่อนล้าแม้ทรงตัวก็ไม่ไหวก่อนจะทรุดเข่าลงบนพื้นทรายหยาบเย็นอย่างคนสิ้นไร้เรี่ยวแรง ซบหน้าลงบนท่อนแขนนุ่มของตัวเองปล่อยน้ำตาแห่งความน้อยเนื้อต่ำใจ ความอัดอั้นที่มีตลอดหลายวันที่ผ่านมาไหลราวเขื่อนพัง

เธอก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง...ไม่ได้แข็งแกร่งไปซะทุกเรื่องที่พบเจอ มุมอ่อนไหวที่สุดก็ยังมี โดยเฉพาะ...เรื่องภีรมัต ที่พูดจากระด้างกระเดื่องไปแบบนั้น ใช่ว่าเธออยากให้เป็นไปจริงๆ ต้องรวบรวมความเข้มแข็งทั้งหมดที่มีกว่าจะกล้าพูดจาแรงๆกับเขาสักครั้ง พูดแล้วก็เจ็บเอง

กลับไปเป็นเหมือนเดิมได้มั้ย...เหมือนเมื่อครั้งก่อนที่รักเขาได้อย่างบริสุทธิ์ใจ มองหน้าเขาได้เต็มตากว่าวันนี้ ทรมานเหลือเกินกับความรู้สึกที่มี ยิ่งอยู่ใกล้ความรักที่มีต่อเขาเป็นเดิมทุนอยู่แล้วก็ยิ่งทวีมากขึ้นจนกลายเป็นความร้อนรุ่มแผดเผาเธออยากให้เขารักตอบทั้งที่ไม่มีวันเป็นไปได้ เจ็บหนึบทุกครั้งที่เห็นเขาอยู่กับคนอื่นมันหนักข้อขึ้นทุกวันแค่ลองอยู่ให้ห่างเขาเผื่อหัวใจจะกลับมาสงบดังเดิมอีกครั้ง

แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่า...มันใช้ไม่ได้ผล หนีห่างกับอยู่ใกล้...เจ็บไม่ต่างกัน

พิมพ์ลภัสก้มหน้าร้องไห้อย่างหนักราวคนเสียสติ ผ่านไปนานแค่ไหนไม่รู้ เสียงร้องเรียกจากเพื่อนๆดังแว่วในความมืด ร่างบางยันกายลุกขึ้นอีกครั้งอย่างยากลำบาก มันซวนเซจะล้มเพราะความบอบช้ำทางใจพลังที่เคยมีเหือดแห้งไปสิ้นผืนน้ำสีดำสนิทเบื้องหน้าสงบนิ่งดั่งเศร้าไปกับเธอก่อนที่ร่างบางจะค่อยๆเดินหายลงไปในความมืดมิดของทะเลพร้อมกับเสียงริ้วระลอกคลื่น หวังเพียงความเย็นของน้ำทะเลจะช่วยดับความปั่นป่วนฟุ้งซ่านในใจให้เบาบางลง

--------------------------------------------------------*************-----------------------------------------------------

เพียงอร แทนไท จุลกานต์ ต่างช่วยกันตะโกนเรียกพิมพ์ลภัสตลอดแนวชายหาดที่ผ่านมา...ทว่าไร้วี่แวว...ไร้การตอบรับ ก่อนหน้านั้นทั้งสามพบเพียงภีรมัตกลับเข้างานเพียงลำพัง ต่างรู้ว่าเขาแอบตามพิมพ์ลภัสไป มาถึงก็เอาแต่ดื่มเพียงอย่างเดียว ไม่พูดไม่จากับเพื่อนร่วมโต๊ะสักคำ

เพียงอรแอบตามพิมพ์ลภัสเพราะห่วง พอเห็นว่าภีรมัตอยู่ด้วยจึงคลายใจแล้วเดินกลับ คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรต้องกังวล ทว่าก็ชะเง้อคอรอทางอยู่ตั้งนานหลังจากที่ภีรมัตกลับเข้างาน ราวครึ่งชั่วโมง..ก็ยังไม่มีที่ท่าว่าพิมพ์ลภัสจะกลับมาเสียที ตนจึงร้อนใจชวนแทนไทออกมาตามหา และพบกับจุลกานต์ที่เข้าพอดีจึงชวนมาด้วยกัน

ทั้งสามเดินเลยจุดที่พิมพ์ลภัสดำดิ่งหายไปในทะเลกว้างเล็กน้อย

“นี่ก็เดินมาตั้งไกลแล้ว...ไอ้พิมแกอยู่ไหนวะเนี่ย...” เพียงอรสบถอย่างหัวเสียทั้งห่วงทั้งกังวลใจ เกรงจะเกิดเรื่องไม่ดีกับพิมพ์ลภัสซะก่อน

ร่างเปียกปอนค่อยๆโผล่จากน้ำกลับเข้าฝั่งเงียบๆ ยืนนิ่งอยู่ในความมืดสลัวแห่งราตรีไม่ห่างจากทั้งสามมากนัก แทนไทหมุนซ้ายหมุนขวากวาดตามองหาพิมพ์ลภัส กระทั่งสะดุดกับเงาของใครในความมืดยืนสั่นเทาน้อยๆด้วยความหนาวเหน็บ

“พิม...” แทนไทตะโกนก้องรีบปรี่เข้าไปหาด้วยความดีใจก่อนที่เพียงอรและจุลกานต์จะตามเข้ามาสมทบ

สิ่งที่เห็นคือสภาพพิมพ์ลภัสที่เปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งสามต่างคิดจินตนาการไปต่างๆนาๆ อะไรก็ตามที่ดลใจให้พิมพ์ลภัสกลับขึ้นฝั่ง ชาตินี้ทั้งชาติเขาจะไม่มีวันลืมพระคุณแน่นอน แทนไทคิด พร้อมทั้งกอดเธอไว้แน่น ราวกับว่าถ้าปล่อยแล้วเธอจะหายไปชั่วนิรันดร์ ร่างบางะเอาแต่ยืนสั่นเทานิ่งเงียบจนเขานึกห่วงสารพัด แทนไทก้มสำรวจร่างบางคร่าวๆหลังจากละอ้อมกอด

จุลกานต์ถอดเสื้อคลุมตัวนอกที่สวมอยู่คลุมให้พิมพ์ลภัสเพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่เธอ โอบไหล่บางหลวมๆพยายามส่งผ่านความอบอุ่นความห่วงใยทั้งใจที่มี

พิมพ์ลภัสในเวลานี้...อ่อนแอเหลือเกิน เขารู้สึกได้ ดวงตาทั้งสองบวมช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักเป็นเวลานาน

จากสภาพที่เห็น ตอนนี้พิมพ์ลภัสคงไม่มีกะจิตกะใจอยากตอบสิ่งใดนัก จึงไม่มีใครกล้าที่จะเอ่ยถามใดๆ เพียงอรถึงกับน้ำตาหยดแหมะ เพราะความดีใจและเสียใจที่พิมพ์ลภัสทำเรื่องสิ้นคิดได้ กระนั้นก็ไม่คิดจะซ้ำเติม เวลานี้พิมพ์ลภัสคงบอบช้ำมากพอแล้ว ทั้งสามประคองร่างที่เปียกชื้นตัวเย็นเฉียบกลับบ้านพักโดยที่ไม่มีใครเอ่ยอะไร

--------------------------------------------**********--------------------------------------------------------------------

พิมพ์ลภัสอาบน้ำเปลี่ยนชุดเรียบร้อย แต่กลับไม่ใช่ชุดที่เตรียมจะเข้านอน เพียงอรมองเพื่อนรักเก็บข้าวของลงกระเป๋าเดินทางเงียบๆไม่ทัดทานใดๆ เพียงแต่ยังข้องใจอยู่บ้าง...ทำไมพิมพ์ลภัสถึงต้องคิดสั้นด้วย สายตาที่จับนิ่งไปยังเพื่อนรักจึงกลายเป็นจ้องด้วยความเคืองขุ่นและสงสัย

“มีอะไร...” พิมพ์ลภัสเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาซะเอง มองผ่านทางหางตาพอจะเดาได้ว่าเพียงอรกำลังคิดสิ่งใด

“แกลงไปทำอะไรกลางทะเลมืดๆแบบนั้น...” เมื่อเพื่อนปิดโอกาสให้พูดจึงไม่รีรอที่จะถามสิ่งค้างคาใจ

“ทำไม...คิดว่าฉันจะฆ่าตัวตายเหรอไง...” พิมพ์ลภัสกล่าวเรียบๆ

“ใครจะไปรู้ล่ะ...ก็ฉันเห็นว่าพี่ภีมเค้าแอบตามแกไป...ก็นึกว่า...” เพียงอรเอ่ยเสียงอ่อยลงไม่อยากพูดสิ่งที่คิด

“เปล่า...ฉันไม่ได้จะฆ่าตัวตาย แล้วพี่ภีมก็...ไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น...” พิมพ์ลภัสบอก กระเป๋าเดินทางขนาดย่อมถูกรูดซิปปิดเรียบร้อย

ก่อนจะเดินเข้าบ้านพักมา พิมพ์ลภัสบอกไว้ว่าจะกลับกรุงเทพฯคืนนี้เลย และจุลกานต์ก็อาสาที่จะขับรถให้ เพราะพรุ่งนี้เช้าเขาก็ตั้งใจว่าจะกลับอยู่แล้ว มีงานที่กรุงเทพฯรออยู่ในอีกวันถัดมา ดีเสียอีกที่มีพิมพ์ลภัสนั่งรถกลับไปพร้อมกัน ทำให้มีกำลังใจขับรถขึ้นมาหน่อย

---------------------------------------------------**************------------------------------------------------------

เพียงอรได้แต่นิ่งฟัง...ไม่รู้ว่าเพื่อนรักพบเจอสิ่งใดมา แต่มันคงหนักหนาเอาการถึงต้องดิ่งเข้ากรุงเทพฯด่วนจี๋กลางดึกแบบนี้โดยไม่ยอมบอกลาใครก่อน แม้แต่...พี่ชายต่างสายเลือดที่รักสุดหัวใจ

เอ๊ะ..หรือมันจะเกี่ยวกับภีรมัต...ต้องใช่แน่ๆเลย เพียงอรคิดในใจวุ่นวาย ก่อนจะหยิบหลอดโลชั่นกันแดดเป็นชิ้นสุดท้ายลงกระเป๋าแล้วรูดซิบปิด เตรียมกลับพร้อมเพื่อนรักคืนนี้เลย ถึงยังไงเธอก็ยังไม่ไว้ใจจุลกานต์อยู่ดี จะปล่อยให้พิมพ์ลภัสนั่งรถกลับตามลำพังกับเจ้าของฉายาคาสโนว่าติดโผเมืองกรุงอันดับต้นๆได้ยังไง โดยที่โยนเรื่องวุ่นวายให้แทนไทเป็นฝ่ายรับหน้าที่จะต้องแจ้งต่อพี่ต๋อยและฝากขอโทษที่เสียมารยาทกลับก่อนแบบกะทันหัน

ภีรมัตบีบแก้วในมือแน่นราวกับจะให้มันแหลกคามือ หลังจากฟังสิ่งที่แทนไทบอกมา เพียงอร พิมพ์ลภัสกลับกรุงเทพฯพร้อมจุลกานต์ไปแล้ว อารมณ์โกรธพุ่งขึ้นมาเป็นริ้วแบบไม่มีสาเหตุ เขารู้ว่าพิมพ์ลภัส..หนีเขา สาวน้อยคงเกลียดเขามากสินะ แต่ที่ทำให้โมโหหนักกว่าเดิม ทำไมต้องเป็นจุลกานต์ด้วย พิมพ์ลภัสอยากเอาชนะเขา...ยิ่งห้ามไม่ให้ยุ่งเกี่ยวกับมันกลับยิ่งเดินเข้าหา แต่กับเขา..สาวน้อยคอยแต่จะวิ่งหนี มันน่าโมโหนักเชียว

“ดื้อด้าน..” เสียงสบถต่ำลอดไรฟันแข็งกระด้าง ฟังจากน้ำเสียงต๋อยรู้ได้ทันทีว่าพ่อพระเอกกำลังโกรธและมากด้วย ทว่าตนและศศินกลับนั่งมองดูอาการเงียบ

ภีรมัตยกแก้วเหล้ามีน้ำสีส้มเข้มกระดกลงคอรวดเดียวก่อนจะวางลงเสียงดัง ทั้งโต๊ะสะดุ้งไปตามๆกันเพราะไม่เคยเห็นภีรมัตเป็นแบบนี้เลยสักครั้งตั้งแต่ร่วมงานกันมานับสิบปีต่างหันมองเขาเป็นจุดเดียว แต่ไม่ยักกะมีใครกล้าเอ่ยอะไร

...เด็กดื้อ..อวดดีน่าจับมาฟาดก้นนักเชียว!

--------------------------------------------------***************------------------------------------------------------

ตลอดเส้นทางกลับจากหัวหินถึงกรุงเทพฯ บ่อยครั้งที่จุลกานต์ลอบมองเสี้ยวหน้างดงามของพิมพ์ลภัส ตั้งแต่ออกจากหัวหิน เธอก็เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอด ถามคำก็ตอบคำจนเขารู้สึกเป็นห่วง ยิ่งบางครั้งเหลือบเห็นว่าเธอแอบเช็ดน้ำตาเงียบๆ หัวใจเขากลับร้าวระบมอย่างที่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร เขารักพิมพ์ลภัสจริงๆอย่างนั้นหรือ..

จุลกานต์อดที่จะตกใจกับคำตอบที่เพิ่งค้นพบไม่ได้ ทว่าคู่แข่งของเขา...ช่างน่ากลัวเหลือเกิน กระนั้นก็บอกหัวใจให้ลองดูสักตั้ง กว่าที่เขาจะรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงซักคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วทำไมเขาไม่ลองใช้หัวใจเขาแลกหัวใจเธอดูสักครั้ง...ถึงจะต้องผิดหวัง ก็ยังดีกว่ารักไม่เป็นเหมือนที่ผ่านมา


------------------------------------------------------------***************----------------------------------------------

มาต่อให้แล้วค่า....กลัวจะค้าง

ตอบ....ร้อยวจีค่า

ดีใจสุดๆที่ตามติดและติดตามไม่เคยทิ้ง แต่อย่าเพิ่งเกลียดพี่ภีมเลยค่ะ ค่อไปนางจะทุกข์บ้างแล้วนะ

ตอบ....กาสะลองพลัดถิ่น

ขอบคุณที่อนไปกับตัวละคร แต่ปูกำหนดแล้วว่าทั้งสองเกิดมาคุ่กันค่ะสำหรับภีรมัตอาจจะรู้หัวใจตัวเองช้าไปนิด แต่รับรองว่ารู้แน่นอนค่า


สุดท้ายขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ทำให้ยอดวิวสูงขึ้น...รักจังค่ะ

By..รจนาไฉน



รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2558, 22:05:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.พ. 2558, 22:05:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 1760





<< บทที่ 20 ยิ่งใกล้ยิ่งรัก   บทที่ 22 พรีเวดดิ้ง >>
ร้อยวจี 7 ก.พ. 2558, 23:43:26 น.
สงสารพิม


Zia 8 ก.พ. 2558, 00:21:29 น.
มาอ่านรวดเดียวเลยค่าาาา ชอบๆๆ อ่านละเจ็บจี๊ดๆ หนูไม่ได้ซาดิสนะ โฮะๆๆๆ


กาซะลองพลัดถิ่น 8 ก.พ. 2558, 03:16:47 น.
งง นิดหนึ่งกับเพื่อนรักเพียงอรว่าน่าจะรู้เรื่องของภีมกับพิมแล้ว แต่บางตอนเหมือนเพียงอรจะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อพิมต้องประจันหน้ากับภีม.............สงสารพิมจัง เจอคนเจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจแบบนายภีม ถ้ามีโอกาสเอาคืนก็จัดหนักให้สาสมไปเลยนะคะพิม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account