สัญญารักพรางใจ
คิมหันต์ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมบันดาล โชคชะตา ทำบุญร่วมกันมา
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร
Tags: ความรัก สัญญา ความลับ
ตอน: ตอนที่ 5
มัทนามองซ้ายมองขวาเห็นแต่ต้นสนก็ชักจะหลอนเหมือนกัน ไปก็ไป หญิงสาวเปิดประตูรถรีบเข้าไปนั่งข้างคนขับ ไม่ได้กลัวเป็นผีต้นสนที่อีตาคิมหลอกด่า แต่กลัวผีจริงๆ ต่างหาก ของอีกอย่างที่ต้องเตรียมมาคือพระ ไม่อย่างนั้นได้นอนผวาทั้งคืนแน่ๆ คิมหันต์ส่ายหน้า ถ้ามัทนายอมทำตามที่เขาสั่งแบบไม่โยกโย้คงเป็นตัวปลอม
“ฉันจะกลับบ้านสวน ขอบคุณนะ” เธอบอกเสียงอ่อนลง อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจแม้จะมีเงื่อนไขชวนให้โมโหพอประมาณ
รถเคลื่อนออกจากข้างทาง ไฟข้างถนนสว่างพรึบ ค่อยอุ่นใจได้บ้าง ว่าแต่ทำไมในรถดูโล่งๆ มัทนารู้สึกแปลก วันนี้อีตาคิมฉายเดี่ยวแฮะ
“แล้ววันนี้เงาซ้ายเงาขวาของคุณไปไหนล่ะ งอนกันหรือไง”
“ผมเป็นผู้ชายจะมางอนผู้ชายด้วยกันทำไม” คิมหันต์รู้ทัน เดี๋ยวนี้ผู้ชายอยู่กับผู้ชายก็ถูกมองว่าเป็นเกย์และอีกสารพัดสถานะที่แยกแยะกันไม่หวาดไหว ถ้าผู้หญิงกับผู้หญิงก็ถูกมองว่าเป็นทอมอีก อย่างที่เขาคิดว่าเธอเป็นอย่างไรล่ะ แต่ให้ตายเถอะ มีแต่ผู้หญิงตาถั่วเท่านั้นที่คิดว่าเขาเป็นเกย์
พอมองให้รู้ว่ามากไปมัทนากลับยักไหล่ทำหน้ากวนๆ “ก็ไม่รู้สินะ”
คิมหันต์มั่นใจที่สุดในชีวิต ถ้าไม่อยากประสาทกินตายวันละร้อยหนพันหน เขาไม่มีวันใจอ่อนทำตามใจปู่แล้วได้ผู้หญิงกวนโมโหอย่างมัทนามาเป็นเมียเด็ดขาด
พิมพ์อรมานั่งรอลูกสาวด้วยความเป็นห่วงโดยมีเผือกมานั่งรอเป็นเพื่อนอีกคน แม้ลูกชายจะบอกแล้วว่ามัทนากำลังเดินทางกลับ ไม้ช่วยจุดยากันยุงมาให้ก่อนจะเดินขึ้นเรือนไปนั่งเป็นเพื่อนยาย คำว่าครอบครับฉายชัดในยามที่สมาชิกยังไม่กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย แสงไฟสว่างจากปากซอย คนรอชะเง้อมองหาอย่างมีความหวัง แต่เสียงเครื่องยนต์ที่ใกล้เข้ามากลับเบากริบไม่คุ้นหู
“ไม่ใช่รถยัยมัทนี่ เผือกไปดูสิว่าใครมา”
เผือกวิ่งไปหน้าบ้านก็เห็นรถคันหรูซึ่งเคยขับมาที่นี่เมื่อหลายวันก่อน รถแล่นเข้ามาจอดใต้ต้นจามจุรี ประตูทั้งสองฝั่งเปิดออก มัทนาจับหัวเผือกโยกอย่างเอ็นดูเป็นการขอบใจที่มายืนรอก่อนจะเดินไปหาแม่ คนตัวใหญ่เดินตามมาพลางรับไหว้เผือกแทบไม่ทัน
“ทำไมไม่ไปนั่งบนเรือนล่ะคะแม่ แถวนี้ยุงชุมจะตาย”
“วันนี้กลับมาช้าจังลูกมัท แล้วพ่อคิมนั่นเอง มาส่งยัยมัทหรือคะแล้วไปยังไงมายังไงถึงมาส่งยัยมัทได้”
“พอดีลุงริชาร์ดเกเรค่ะแม่”
คิมหันต์ยกมือไหว้พิมพ์อร เพิ่งรู้เดี๋ยวรถนี้เองว่า Toyota Rn 10 มีชื่อเสียอย่างกับพระเอกหนังฮอลลีวูด พิมพ์อรส่ายหน้าหัวเราะ
“ซ่อมรถคนอื่น แต่รถตัวเองลืมซ่อมเสียแล้ว ถ้างั้นทานข้าวด้วยกันนะคะ กว่าจะกลับถึงบ้านได้หิวแย่ เผือกไปเตรียมตั้งสำรับนะลูก”
“ฮะ แม่”
เผือกรีบวิ่งเข้าครัวไป วันนี้พร้อมหน้าพร้อมตากันมืดต้องไปกินข้าวบนเรือน มัทนาไปช่วยเผือกยกสำหรับ คิมหันต์นั่งคุยกับพิมพ์อรเรื่องผลไม้ที่ซื้อไปวันก่อน เขาบอกว่าอร่อย มะม่วงสุกกำลังหวานพอดี เนื้อไม่นิ่มเกินไป มะม่วงสามกิโลกรัมที่ซื้อไปได้กินกันได้ทั้งบ้าน
พิมพ์ใจขอตัวเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพราะกินยาที่พิมพ์อรเตรียมไว้ให้ อากาศเริ่มเปลี่ยนใครไม่ค่อยแข็งแรงย่อมเป็นไข้ตัวร้อนเป็นธรรมดา คิมหันต์ถอดสูทออกแล้วขึ้นมาบนเรือน เขานั่งลงข้างๆ บำรุง แม้ว่าจะไม่ถนัดในการนั่งพับเพียบนัก ปลายทางของเขาไม่น่าจะจบลงที่บ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือ ส่งถึงบ้านแล้วก็น่าจะกลับ แต่เพราะไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของพิมพ์อรต่างหากที่ทำให้เขายังอยู่ที่นี่
“ทำงานที่เดียวกับมัทหรือครับคุณคิม” บำรุงถามขึ้น เหล่น้องสาวทีหนึ่ง
“น้องสาวของคุณไม้ทำงานที่ไหนหรือครับ”
“ที่ Blue Ship ในเครือ Blue Enterprise ใช่ไหมยัยมัท”
คนถูกถามพยักหน้าให้พี่ชาย สนใจเหมือนกันว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าจงใจ เธอกับเขาไม่เคยพบกันมาก่อน แต่พอได้พบกันแล้วเหมือนเจอรังมด เจอตัวหนึ่งก็ต้องเจอตัวอื่นๆ เรื่อยไป
“ถ้างั้นก็ที่เดียวกัน แต่อยู่คนละส่วน”
“คุณอยู่ส่วนไหนล่ะ...คะ” มัทนาเติมหางเสียง
“วางแผน” คิมหันต์จงใจพูดในภาพกว้างๆ ทำงานบริหารก็ต้องวางแผนเป็นส่วนใหญ่
“งั้นเหรอ แปลกดีนะ ฉันไปทำงานที่นั่นมาสองวันไม่เห็นเจอคุณเลย” ตอนทำงานไม่เจอ แต่มาเจอหลังเลิกงาน ช่างบังเอิญดีแท้
คิมหันต์เลิกคิ้วมองคนช่างสงสัย เขากับมัทนาจะไปเจอกันได้ยังไง เขาอยู่ห้องทำงานชั้นบนสุด ถ้าจะมีใครมาเจอใคร เขาเจอเธอง่ายกว่า แต่ที่ผ่านมาสาบานได้เขาไม่ได้อยากเจอ เป็นเรื่องของความบังเอิญทั้งนั้น
“ไม่ยักรู้ว่าเธออยากเจอฉัน”
มัทนาเงยหน้าแล้วค้อนใส่ ใครจะไปอยากเจอเขา วันดีคืนดีได้มีใครมาประเคนกระสุนให้ เธอยังไม่อยากตายก่อนอายุขัย บำรุงเห็นท่าไม่ดีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กินข้าวๆ ไม่งั้นได้มีใครคว่ำจาน เสียของเนอะแม่เนอะ”
พิมพ์อรเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เผือกพยักหน้าหงึกๆ ไม่รู้ว่าเห็นด้วยหรือว่ากำลังอร่อยติดพัน วันนี้นางไม่คิดว่าจะมีแขกมาเยี่ยมถึงบ้านเลยทำอาหารตามรสชาติที่ชอบๆ กัน น้ำพริกต้องเผ็ด แกงส้มต้องเปรี้ยวนำหวานตาม ส่วนทอดมันปลากรายก็หวานนิดๆ พอเห็นคิมหันต์ดื่มน้ำอยู่บ่อยครั้งก็ชักเป็นห่วง
“น้ำพริกเผ็ดไปหรือเปล่าจ๊ะพ่อคิม”
“นิดหน่อยครับ แต่ผมกินได้” คิมหันต์ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ
มัทนาถูกสั่งให้เป็นคนเดินมาส่งคิมหันต์ที่รถหลังอิ่มท้องกันแล้ว เธอยอมทำตามคำสั่ง อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็มีน้ำใจมาส่งเธอถึงบ้าน เขาเข้าไปในรถไม่มีคำพูดชวนโมโหหรือทวงบุญคุณ
“กลับขึ้นบ้านไปได้แล้ว พรุ่งนี้เธอจะไปทำงานยังไง”
“เดี๋ยวขึ้นรถทัวร์ไป...ค่ะ”
คิมหันต์เกือบหัวเราะ เขาสังเกตมาหลายครั้งแล้ว หางเสียงของเธอมัทนามักมาช้าหนึ่งสเต็ปเสมอ เป็นกับเขาคนเดียวหรือว่ากับทุกคน ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอย่างพรุ่งนี้จะมารับหรือไปเองแล้วกัน ประตูรถถูกปิดลง มัทนาเดินกลับขึ้นบนเรือนพร้อมๆ รถคันหรูได้ขับจากไป สายใยบางเบาเริ่มก่อตัว คิมหันต์ยอมรับกับตัวเองว่าตลอดหลายชั่วโมงที่อยู่กับผู้หญิงซึ่งห่างไกลจากสเปคช่วยทำให้สมองของเขากลับมาสงบราบเรียบดังเดิม
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดสำหรับมัทนา หลังจากวันนั้นเธอไม่ได้พบอีตาคิมอีกเลย ทั้งที่ทำงานบริษัทเดียวกัน แต่กลับทำเหมือนล่องหนได้ พอลองถามจากเดชาถึงคนชื่อคิม เขากลับบอกว่าไม่มีคนชื่อคิมในบริษัทที่เป็นพนักงานด้วยกัน มีแต่คิมที่เป็นบอสของบริษัท แล้วบอสของบริษัทจะมาต่อปากต่อคำกับพนักงานตัวเล็กๆ ทำไม เธอไม่ตามหาเขาอีก ไม่ว่าเขาเป็นใครกันแน่ สำหรับเธอแล้วอีตาคิมก็ไม่ต่างจากคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วคงผ่านไป ทำงานของตัวเองให้ดีนั่นแหละดีที่สุด
มัทนามาอยู่บ้านที่อังเคิลเคอนุญาตให้มาพัก เพื่อนบ้านอัธยาศัยดี ฝั่งซ้ายเป็นครอบครัวเล็กๆ พ่อ แม่และลูก บางวันเธอยังช่วยสอนการบ้านให้ด้วยซ้ำ ส่วนฝั่งขวาเป็นสาวโสดวัยสามสิบปลายๆ ถ้าวันไหนกลับมาเวลาใกล้ๆ กันก็ออกไปหาอะไรกินกันสองคนสบายใจไปอีกแบบและไม่เหงา เธอจะขับลุงริชาร์ดกลับบ้านตอนเย็นวักศุกร์แล้วขับรถมาทำงานในเช้าวันจันทร์ สุขสบายและปลอดภัย ส่วนบิลค่าน้ำกับค่าไฟจะมาทุกๆ วันที่สิบห้า แต่ค่าเช่าบ้านนี้สิจะจ่ายยังไงดี
‘ขอบคุณนะคะอังเคิลเค ตอนนี้มัทอยู่บ้านหลังนั้นมาเกือบเดือนแล้ว อยากถามว่าจะให้มัทจ่ายค่าเช่าเดือนละเท่าไหร่คะ อย่าโกรธมัทนะคะ ที่ถามแบบนี้ มัทรู้ค่ะว่าอังเคิลเคมีน้ำใจ อยากช่วยเหลือมัท เหมือนกับที่ช่วยมาโดยตลอด แต่มัทอยากตอบแทนอังเคิลเคบ้าง ขอร้องอีกครั้งนะคะว่าอย่าโกรธมัทเลย ตอนนี้ทุกอย่างดีไปหมด ทั้งงานและบ้านพัก ถ้ามีโอกาส มัทอยากพบอังเคิลเคจังเลยค่ะ
คิดถึงเสมอ มัทนา’
เธอส่งเมล์หาอังเคิลเคตอนใกล้เลิกงานและนั่งรอเผื่อว่าจะมีเมล์ตอบกลับมาเร็วอย่างที่ใจต้องการ จู่ๆ เดชาก็มายืนหน้าโต๊ะ ท่าทางเหมือนมีเรื่องอะไรสักอย่าง
“มีอะไรหรือเดช”
“ในก๊วนนัดกันไปกินหมูกระทะ ไปด้วยกันนะ สนุกๆ กัน”
นี่ก็เป็นอีกกิจกรรมที่เธอชอบ การกินอะไรก็ตามที่ไม่ใช่สุราชวนเมื่อไหร่เธอไปเมื่อนั้น แต่ถ้าชวนไปเที่ยวกลางคืนเธอไปบ้างบางครั้งเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจคนชวน
“ไปสิ รอแป๊บเดียว ไปกันก่อนก็ได้ ขอมัทเคลียร์งานตรงนี้ให้เสร็จก่อน”
เดชาน่าคบตรงไม่วุ่นวาย ไม่เรื่องเยอะ เพื่อนร่วมงานทยอยเดินออกไปจากห้องทำงานเตรียมสแกนด์บัตรเลิกงาน มัทนาปิดเมล์แล้ววาดแบบเรือต่อ จิรัฐยังอยู่ในห้องทำงานเหมือนกัน เธอมองไปเพราะอยากปรึกษาเรื่องแบบ แต่ยังไม่ทันได้ลุกจากเก้าอี้เพราะคนที่ไม่ได้เจอหน้ามาเกือบเดือนกำลังเข้าไปคุยกับจิรัฐพอดี
“อีตาคิมนี่นา”
เธอนั่งรอให้ ‘คนรู้จัก’ คุยกับจิรัฐไปก่อน ธุระของเธอไม่รีบร้อน แต่ว่าสองคนนั้นคุยกันนานกว่าที่คิด แถมยังปิดมู่ลี่ลงทำให้ไม่เห็นว่าการคุยจะเลิกราเมื่อไหร่ มัทนาเปลี่ยนใจปิดคอม เก็บของแล้วเดินออกมาที่รถแล้วมุ่งหน้าไปร้านหมูกระทะซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น
“นั่นไงมัทมาแล้ว” พี่วันซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุดส่งเสียงพลางกวักมือเรียก
หนุ่มๆ ทั้งโต๊ะหันมามองอย่างกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน มัทนายิ้มแก้เขินเพราะไม่ใช่แค่โต๊ะของหนุ่มๆ ที่หันมามอง แต่เป็นคนทั้งร้าน หญิงสาวรีบหาที่นั่งซึ่งถูกเว้นไว้ข้างๆ เดชา
“ผมย่างไว้รอแล้วนะ กินได้เลย”
“ขอบใจ สามชั้นของโปรดเลยนะเนี่ย” ตะเกียบถูกแกะซองพลาสติกออกแล้วคีบหมูที่ย่างมายังร้อนจิ้มน้ำจิ้มรสแซบแล้วเข้าปาก ช่างสุขอะไรแบบนี้
เดชามองมายิ้มๆ แล้วย่างหมูสามชั้นที่ติดมันน้อยๆ ต่อ คนเพิ่งมาถึงก็กินเอาๆ ไม่ทันมองเห็นสายตาของพี่ๆ ที่พากันมองเธอกับเดชาแล้วยิ้มกริ่มกันใหญ่
“ไม่กลัวอ้วนหรือไงเจ้ามัท ผู้หญิงกลัวเสียทรวดทรงไม่ใช่หรือ แต่พี่เห็นเรากินเอาๆ” พี่มนซึ่งเป็นหัวหน้าทีมช่างตรวจสอบก่อนส่งเรือให้ลูกค้าชักสงสัย
“มัทกลัวอดมากกว่ากลัวอ้วนนี่คะ” แถมเดชาก็ช่างใจดีย่างมาให้จนกินไม่ทันแล้ว
พี่ๆ พนักงานพากันหัวเราะครื้นเครง รถคันหนึ่งแล่นผ่านร้านหมูกระทะไปไม่เร็วนัก คนในรถทันเห็นมัทนานั่งอยู่กลางกลุ่มผู้ชายแถมยังหัวเราะอะไรกันสักอย่าง คิมหันต์ไม่รู้ตัวว่ายิ้มออกมาด้วยซ้ำ รหัทมองกระจกหลังทันเห็นพอดี นานแล้วที่เขาไม่เห็นเจ้านายยิ้มแบบนี้ ยิ้มอย่างที่อยากยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มเพราะเป็นหน้าที่หนึ่งของ CEO
รหัทขับรถมาส่งคิมหันต์ที่คอนโดซึ่งเจ้านายเป็นหุ้นส่วนอยู่ เขาพักอยู่ที่นี่เพียงแต่อยู่คนละชั้นกับเจ้านาย คิมหันต์เดินเข้าไปในลอบบี้กำลังจะเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักชั้นสิบเก้า ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกนี้ ใครคนหนึ่งเดินมาหาแล้วขวางทางไว้ รอยยิ้มที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีบนริมฝีปากหายไปในพริบตา นันทินีมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่เขาจงใจเดินไปขึ้นลิฟต์อีกด้าน สำหรับผู้หญิงคนนี้การไม่ต้องพบกันอีกเลยเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
นันทินีเตรียมใจมาแล้ว เธอรู้จักคิมหันต์ดี ยิ่งทำให้รักมาก ยิ่งเจ็บมาก
“นันมารอคิม เหมือนกับที่คิมเคยรอนัน อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ถ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แค่ยังเหลือความเป็นเพื่อนก็ยังดี”
ความเป็นเพื่อนงั้นหรือ เขารู้จักนันทินีมากพอที่จะเชื่อได้ว่าเธอไม่ได้กลับมาเพื่อเป็นเพื่อนกัน กาลเวลาเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้หมดความน่าสนใจหรือเพิ่มความน่าสนใจก็ได้
“แต่ผมไม่เคยรอคุณ กลับไปเถอะ คุณต้องการซื้อเรือ ก็ได้ซื้อแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพบกันอีก”
คิมหันต์กดปุ่มและเดินเข้าไปในลิฟต์ในทันที่ที่มันพร้อมจะพาเขาขึ้นไป ตาสบตาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นันทินีรู้เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
“นันขอโทษ เรากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้หรือคะ”
คิมหันต์ยิ้ม นันทินียิ้มตามอย่างมีความหวังโดยที่ไม่รู้ว่ารอยยิ้มของอดีตคนรักเป็นเพียงเปลือกของการแสดงว่าเกลียดชังเท่านั้น บานลิฟต์ถูกกดค้างไว้ไม่ให้ปิด
“อะไรก็ตามที่ผมมองผ่านไปแล้ว จะไม่มีทางมองกลับไปใหม่อีก เชิญกลับไปเถอะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
บานลิฟต์ปิดลงทันที รหัทเข้ามายืนขวางลิฟต์ไว้ นันทินีตะลึงอึ้งหน้าชา ไม่คิดว่าผู้ชายที่อ่อนโยนและรักเธอจนยอมหลั่งน้ำตา ในวันนี้กลับใจแข็งราวกับหินศิลาและมองข้ามเธอไปเสมือนไม่เหลือเยื่อใยต่อกันอีกแล้ว
“เชิญกลับไปได้แล้วครับ”
เสียงของรหัทราวกับเรียกสติ นันทินียิ้มเหยียดๆ ใส่ คนอย่างเธอไม่เคยต้องพบกับความผิดหวัง วันนี้คิมหันต์ยังตั้งกำแพงใส่ แต่อีกไม่นานกำแพงต้องพังทลายลง ม่ายสาวเดินไปที่รถแล้วขับไปยังแหล่งบันเทิง วินน่าจะช่วยเธอได้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้รักแรกที่แสนเพียบพร้อมกลับคืนมา
ห้าปีก่อนวินยังเป็นแค่พนังงานกินเงินเดือนหลักหมื่น แต่เวลานี้เขากลายเป็นเจ้าของผับที่กำลังนิยมในหมู่คนทำงานเพราะมีเครื่องดื่มที่รสชาติดีจนบอกกันปากต่อปาก และยังโชว์ต่างๆ ที่ตื่นเต้นตระการตา เพลงที่เลือกมาร้องก็ฟังสบาย ยกเว้นบางคืนที่เหมาเพลงแดนซ์มาให้เต้นกระจาย เธอรู้จักเขาเพราะอดีตสามีเคยมาที่นี่แล้วแนะนำให้รู้จักกัน
จากหน้าตาที่จัดว่าหล่อและรูปร่างสูงใหญ่ หากเขาไปทำอาชีพพวกดารานายแบบก็น่าจะรุ่งไม่น้อย ถ้ามาที่ชลบุรีเมื่อไหร่ เธอกับสามีมักจะแวะมาทุกครั้ง จนเธอย้ายกลับมา พอไม่รู้จะไปไหนก็มาที่นี่อยู่นั่นเอง
นันทินีนั่งรออยู่ไม่นานวินก็เดินมาหา เขาไม่แปลกใจนักที่เห็นเธอมา ใครไปใครมาเขารู้หมดนั่นแหละ แค่ช้าหรือเร็ว แขกที่มาในผับล้วนแล้วพูดคุยกันเรื่องคนในละแวกนี้ทั้งนั้น
“หาทางคืนดีกับคิมหันต์อยู่ล่ะสิท่า” คราวก่อนที่มานันทินีกลุ้มใจบวกกับกินเหล้าไปเลยเล่าเรื่องแฟนเก่าให้เขาฟัง
“รู้แล้วยังมาถามอีกนะวิน ช่วยนันหน่อยสิ ทำไมคิมใจแข็งขนาดนี้ นันผิดด้วยหรือที่ทำเพื่อครอบครัว แทนที่จะเห็นแก่ตัว” เธอกระดกเหล้าเข้าปากอีกใหญ่ การมีสามีที่ชอบดื่มไวน์ทำให้เธอคอแข็งได้ไม่ยาก
วินยิ้มรู้ทันว่านันทินีเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่เขาไม่ได้มองว่าผิดหากว่าเธอจะเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
“ได้ข่าวว่าการเป็นม่ายของนันก็คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ”
อดีตสามีที่ตายไปเป็นคนดีทุกอย่าง ยกเว้นบ้าตัณหา แต่งงานกับเธอแล้วยังมีบ้านเล็กบ้านน้อย ถ้าเขาไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ มีหวังเธอกับลูกชายของสามีคงยุ่งยากขึ้นศาลกับบ้านเล็กที่อยากได้สมบัติแทบแย่ ถึงจะแบ่งสมบัติกันคนละครึ่งกับลูกของสามี เงินและทรัพย์สินที่ได้มาก็มากพอให้เธออยู่สบายไปจนตาย
“มันก็ไม่คุ้มหรอกสำหรับการที่นันต้องเสียผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนคิม” เธอเสียดายจากใจจริง แต่ถ้าให้กลับไปตัดสินใจอีกครั้ง เธอก็เลือกที่จะทิ้งคิมหันต์อยู่ดี
“พูดเรื่องเก่าๆ ทำเรื่องเก่าๆ เดี๋ยวก็ใจอ่อนเอง คนเคยรักกันจะใจแข็งไปถึงไหนกันเชียว”
นันทินียิ้มแล้วสั่งเหล้ามาให้วินเป็นการตอบแทนที่ช่วยคิด เธอลืมไปได้อย่างไร เธอกับคิมหันต์มีอดีตร่วมกัน เขาต้องจำได้ เหมือนที่เธอไม่เคยลืม เงินถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า หญิงสาวบอกลาเพื่อนต่างวัยของอดีตสามีที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนของเธอไปแล้ว วินมองตามแล้วส่ายหน้า ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องบังเอิญในชีวิตของเขา ช่างเป็นประโยชน์ที่ไม่น่ามองข้าม
วริศเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมานั่งพักกำลังล้างมืออีกรอบก่อนจะมาหยิบกระเป๋าเดินไปที่รถเพื่อกลับบ้านเสียที เขาไม่ได้กลับบ้านมาเกือบสามวันแล้ว เหนื่อยมากก็นอนห้องพักที่โรงพยาบาลจัดให้ แต่ยังไม่ได้ทันได้สตาร์ทรถ เพื่อนที่โทรหาเขาเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งก็โทรมาได้ถูกเวลาเหลือเกิน หมอหนุ่มขับรถออกจากซองจอดมุ่งหน้าไปคอนโดก่อนถึงบ้าน
คิมหันต์เดินมาเปิดประตูห้องให้วริศแล้วกลับไปนั่งทำหน้าเบื่อโลก เขารู้วันนี้ไม่ใช่วันที่วริศจะตรวจอาการแทนลุงหมอที่เดินทางไปต่างประเทศ แต่เขาอยากคุยกับใครสักคนแล้วมันก็ดันอยู่ใกล้ที่สุด
“มีอะไรวะไอ้คิม อุตส่าห์มาหายังมาทำหน้าเหมือนเจ็บฟันคุด นี่มันเกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว แกนอนกลางวัน ทำงานกลางคืนหรือไงวะ”
“นันกลับมาหาฉัน” คิมหันต์เอ่ย แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่เขากำลังเซ็งอยู่ในตอนนี้
“แล้วไง จะกลับไปคืนดีหรือเปล่าล่ะ” วริศเปิดตู้เย็นหาอะไรให้ตัวเองกิน
“คิดว่าไม่ว่ะไอ้ริศ”
วริศเดินกลับมานั่งที่พื้นใกล้ๆ คิมหันต์พร้อมแซนด์วิชในกล่องพลาสติก ถ้ากินอิ่มและง่วงจะได้นอนมันตรงนี้เลย
“เออ แล้วปัญหามันคืออะไร”
คิมหันต์เดินไปในครัวหยิบน้ำเย็นๆ มาให้วริศ กินแซนด์วิช แต่ไม่กินน้ำตามเดี๋ยวได้ติดคอตาย เขารักษาใครไม่เป็น แต่ถ้าทำให้คนต้องไปหาหมอรักษาน่ะทำเป็นมาตั้งนานแล้ว
“ฉันกำลังถูกปู่จับคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง หมายมั่นปั้นมือจริงๆ คนนี้”
ตั้งแต่พ่อแม่ตายเขาไม่เคยขัดใจปู่เลยสักครั้ง พอหมอประจำตัวโทรมาบอกว่าปู่ร่างกายอ่อนแอลงและทานอาหารได้น้อย ทำให้เขารู้สึกผิด
“แล้วมันเป็นปัญหาตรงไหนวะ ก็แกไม่อยากได้ ก็ไม่ต้องเอาสิวะ ยกเว้นว่าแกอยากได้ แล้วทำเป็นไม่อยาก ก็เลยกลุ้มใจหาทางลงไม่เจอ”
“ไอ้บ้า” แค่รู้สึกผิด ไม่ได้หมายความว่าเขาเกิดชอบยัยทอมขึ้นมาจนมานั่งกลุ้มใจสักหน่อย “คุยกับแกนี่ฉันหัวโล่งเลยจริงๆ มีหมอแบบแกสักร้อยคน คนไข้ได้หูเฉา”
“เออ” วริศกินแซนด์วิชคำสุดท้ายแล้วกินน้ำตามไปหลายอึก
คิมหันต์หมดเรื่องคุยแล้วเลยนั่งทำงานที่โต๊ะเงียบๆ แต่ยังมีแก่ใจโยนหมอนกับผ้าห่มมาให้เพื่อนผู้ตกยาก วริศหลับไปทันทีที่หัวแนบหมอน ยังดีที่เขาเตรียมยามาด้วย พรุ่งนี้ค่อยจ่ายยาคนไข้
มีงานด่วนเข้ามาในตอนบ่าย จิรัฐมอบหมายให้เดชารับผิดชอบ เนื่องจากฝ่ายซ่อมบำรุงงานล้นมือ เขาจึงส่งคนไปช่วยงานง่ายๆ ที่พอซ่อมได้ มัทนาเลยได้รับคำสั่งให้ติดสอยให้ตามมาอีกที ในฐานะเด็กใหม่ที่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแล จะว่าไปแล้วเดชาก็ดูแลไปเสียทุกเรื่องเหมือนกัน ทั้งอาหารการกิน ที่พัก ที่เที่ยว พาเข้าก๊วนจะได้ไม่เหงาเวลามาอยู่ที่นี่คนเดียว
เรานั่งรถกอล์ฟมายังท่าเรือที่อยู่ห่างไปนิดเดียว เรือยอร์ชลำใหญ่จอดทอดสมออยู่ มัทนารู้คร่าวๆ แค่ว่าเรือมีปัญหาด้านเครื่องยนต์เลยต้องมาแก้ไขก่อนที่บอสจะขับออกไปในอีกสองวันข้างหน้า
“ถ้าวันนี้เสร็จเร็วอาจจะได้เอาเรือออกไปลอง มัทขับเรือเป็นหรือยัง”
“พอได้นะเดช พี่ๆ ช่วยสอนให้ แต่ขับจริงได้เรื่องหรือเปล่าไม่รู้หรอกนะ” เธอหัวเราะ เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างจากเดชาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาชวนเธอมาทั้งที่อาจไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก แล้วยังพี่ๆ ที่พากันยิ้มพยักพเยิดกัน ถ้าเขาไม่พูดอะไร เธอก็จะทำเป็นไม่เห็นต่อไป
“ปัญหามันน่าจะอยู่ที่ปั๊ม คราวก่อนบอสขับไปแล้วดับกลางทะเลต้องเรียกให้เรืออีกลำมาลากกลับ”
“อ้อ เรือของบอส”
เดชาพยักหน้ายิ้มให้ มัทนาไม่หลบตา ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรการมองตาแค่นี้สบายมาก เราเดินไปห้องเครื่องยนต์ลองสตาร์ทดู เครื่องยนต์ทำงาน แต่ไม่สมูท เดชาคิดว่าคงต้องลงไปดูเครื่องยนต์สักหน่อย แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมดันดังขึ้นมาเสียก่อน จะไม่รับก็ไม่ได้เดี๋ยวตกงาน
“อ้าว ผมส่งรายงานแล้วนะครับพี่รัฐ ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหาให้” เดชาวางสายถอนใจยาวพลางหันมาบอก “เดี๋ยวมานะมัท”
“โอเค เดี๋ยวมัทรอแล้วกัน”
เดชายิ้มหวานทิ้งท้าย บิดกุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์ก่อนจะเดินขึ้นมาด้านบน
ในขณะเดียวกันห่างไปไม่กี่ก้าวจากที่จอดเรือไม่ถึงห้านาทีก่อนหลังจากเขากับมัทนาเข้าไปในเรือ คิมหันต์เดินทางมาถึงเมื่อเจ้าของเรือที่ส่งมอบไปเมื่อเดือนก่อนยืนกรานว่าเรือมีปัญหา เขาส่งทีมช่างมาดูแลให้แล้วสองครั้งซึ่งบอกตรงกันว่าเรือปกติ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ เขาจึงมาหาเจ้าของเรือด้วยตัวเองก่อนที่งานของฝ่ายต่างๆ จะป่วนไปหมด
รหัทยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรเพื่อดูแลความปลอดภัย แม้ว่านันทินีจะเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ก็ประมาทไม่ได้
“ผมให้คนมาตรวจแล้ว เรือของคุณไม่มีปัญหา ทั้งระบบคอมพิวเตอร์ ตัวเรือและเครื่องยนต์”
นันทินีรู้มาตั้งแต่แรกว่าเรือไม่มีปัญหา หากเธอไปหาคิมหันต์ไม่ได้ก็ต้องทำให้เขาเป็นฝ่ายมาหาไม่ใช่หรือ ทั้งที่เขารู้ก็ยังมามันหมายความว่าอะไรได้ล่ะ นอกจากเขาปากแข็ง แกล้งใจแข็ง
“นันอยากให้คิมมา แล้วคิมก็มาทั้งที่รู้ว่านันหาเรื่อง”
“ที่ผมมาก็เพื่อมาพูดเรื่องในอดีตให้เคลียร์ ผมไม่ชอบให้มีเรื่องมากวนใจ” เรื่องของนันทินีกวนใจเขา และตอนนี้ลุกลามไปจนถึงพนักงานที่ควรได้ทำงานอื่นมากกว่ามาวุ่นวายกับเรือที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว
“แสดงว่านันยังมีผลต่อหัวใจของคิมใช่ไหมคะ”
“ฟังนะ ผมจะพูดครั้งเดียวแล้วช่วยเข้าใจตามนี้ ผมไม่รักคุณแล้ว คนที่มองข้ามผม ผมจำและไม่เคยลืม เพราะฉะนั้นไม่ต้องมารื้อฟื้นอดีตกับผมอีก มันไม่มีประโยชน์”
ราวกับมีลมแรงๆ ปะทะใส่หน้าของนันทินีเต็มๆ
“ไม่จริง!”
“จริง!”
คิมหันต์ตอบเสียงหนักแน่น ไม่ว่าในใจของเขาจะยังมีนันทินีหลงเหลืออยู่หรือไม่ การกลับมาคืนดีกันไม่ใช่คำตอบ ผู้หญิงที่มองข้ามเขาเพราะไม่มีเงิน ไม่มีค่าพอให้ได้รับความรัก
เดชาออกมาจากเรือและได้ยินตรงจริง...ไม่จริงเท่านั้น เขาพยายามเดินเงียบๆ ไม่ให้บอสหรือผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าไอ้บ้านี่โผล่มาจากไหน
“คุณซ่อมเรือแล้วใช่ไหม”
คำถามนี้คงเป็นของใครไม่ได้นอกจากไอ้บ้าที่บังเอิญโผล่มาแบบเงียบๆ แล้วเชียว
“ครับ เอ่อ”
“เอากุญแจมาให้ผมเดี๋ยวนี้”
เดชาลองล้วงที่กระเป๋าอย่างไม่แน่ใจนักว่าหยิบกุญแจติดมือมาหรือว่ายังคาอยู่ที่เบ้าเสียบ แต่กลับเจอแฮะ เขารีบส่งให้บอสแบบงงๆ
“นี่ครับบอส”
“ไม่ต้องตาม” เขาบอกรหัทที่กำลังเดิมแกมวิ่งมาให้ทันขึ้นเรือ
ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของคิมหันต์ แม้แต่นันทินีที่สมองยังมึนชาเพราะการถูกปฏิเสธแบบซึ่งๆหน้า เรือถูกขับออกไป แม้จะไม่เร็วนัก แต่ไม่มีใครกล้าออกปากห้ามสักคน เดชาถอนใจแต่เพียงเสี้ยววินาทีก็แทบทึ้งหัวตัวเอง
เฮ้ย! ซวยแล้ว มัทอยู่ในเรือ
“ฉันจะกลับบ้านสวน ขอบคุณนะ” เธอบอกเสียงอ่อนลง อย่างน้อยเขาก็มีน้ำใจแม้จะมีเงื่อนไขชวนให้โมโหพอประมาณ
รถเคลื่อนออกจากข้างทาง ไฟข้างถนนสว่างพรึบ ค่อยอุ่นใจได้บ้าง ว่าแต่ทำไมในรถดูโล่งๆ มัทนารู้สึกแปลก วันนี้อีตาคิมฉายเดี่ยวแฮะ
“แล้ววันนี้เงาซ้ายเงาขวาของคุณไปไหนล่ะ งอนกันหรือไง”
“ผมเป็นผู้ชายจะมางอนผู้ชายด้วยกันทำไม” คิมหันต์รู้ทัน เดี๋ยวนี้ผู้ชายอยู่กับผู้ชายก็ถูกมองว่าเป็นเกย์และอีกสารพัดสถานะที่แยกแยะกันไม่หวาดไหว ถ้าผู้หญิงกับผู้หญิงก็ถูกมองว่าเป็นทอมอีก อย่างที่เขาคิดว่าเธอเป็นอย่างไรล่ะ แต่ให้ตายเถอะ มีแต่ผู้หญิงตาถั่วเท่านั้นที่คิดว่าเขาเป็นเกย์
พอมองให้รู้ว่ามากไปมัทนากลับยักไหล่ทำหน้ากวนๆ “ก็ไม่รู้สินะ”
คิมหันต์มั่นใจที่สุดในชีวิต ถ้าไม่อยากประสาทกินตายวันละร้อยหนพันหน เขาไม่มีวันใจอ่อนทำตามใจปู่แล้วได้ผู้หญิงกวนโมโหอย่างมัทนามาเป็นเมียเด็ดขาด
พิมพ์อรมานั่งรอลูกสาวด้วยความเป็นห่วงโดยมีเผือกมานั่งรอเป็นเพื่อนอีกคน แม้ลูกชายจะบอกแล้วว่ามัทนากำลังเดินทางกลับ ไม้ช่วยจุดยากันยุงมาให้ก่อนจะเดินขึ้นเรือนไปนั่งเป็นเพื่อนยาย คำว่าครอบครับฉายชัดในยามที่สมาชิกยังไม่กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย แสงไฟสว่างจากปากซอย คนรอชะเง้อมองหาอย่างมีความหวัง แต่เสียงเครื่องยนต์ที่ใกล้เข้ามากลับเบากริบไม่คุ้นหู
“ไม่ใช่รถยัยมัทนี่ เผือกไปดูสิว่าใครมา”
เผือกวิ่งไปหน้าบ้านก็เห็นรถคันหรูซึ่งเคยขับมาที่นี่เมื่อหลายวันก่อน รถแล่นเข้ามาจอดใต้ต้นจามจุรี ประตูทั้งสองฝั่งเปิดออก มัทนาจับหัวเผือกโยกอย่างเอ็นดูเป็นการขอบใจที่มายืนรอก่อนจะเดินไปหาแม่ คนตัวใหญ่เดินตามมาพลางรับไหว้เผือกแทบไม่ทัน
“ทำไมไม่ไปนั่งบนเรือนล่ะคะแม่ แถวนี้ยุงชุมจะตาย”
“วันนี้กลับมาช้าจังลูกมัท แล้วพ่อคิมนั่นเอง มาส่งยัยมัทหรือคะแล้วไปยังไงมายังไงถึงมาส่งยัยมัทได้”
“พอดีลุงริชาร์ดเกเรค่ะแม่”
คิมหันต์ยกมือไหว้พิมพ์อร เพิ่งรู้เดี๋ยวรถนี้เองว่า Toyota Rn 10 มีชื่อเสียอย่างกับพระเอกหนังฮอลลีวูด พิมพ์อรส่ายหน้าหัวเราะ
“ซ่อมรถคนอื่น แต่รถตัวเองลืมซ่อมเสียแล้ว ถ้างั้นทานข้าวด้วยกันนะคะ กว่าจะกลับถึงบ้านได้หิวแย่ เผือกไปเตรียมตั้งสำรับนะลูก”
“ฮะ แม่”
เผือกรีบวิ่งเข้าครัวไป วันนี้พร้อมหน้าพร้อมตากันมืดต้องไปกินข้าวบนเรือน มัทนาไปช่วยเผือกยกสำหรับ คิมหันต์นั่งคุยกับพิมพ์อรเรื่องผลไม้ที่ซื้อไปวันก่อน เขาบอกว่าอร่อย มะม่วงสุกกำลังหวานพอดี เนื้อไม่นิ่มเกินไป มะม่วงสามกิโลกรัมที่ซื้อไปได้กินกันได้ทั้งบ้าน
พิมพ์ใจขอตัวเข้านอนตั้งแต่หัวค่ำเพราะกินยาที่พิมพ์อรเตรียมไว้ให้ อากาศเริ่มเปลี่ยนใครไม่ค่อยแข็งแรงย่อมเป็นไข้ตัวร้อนเป็นธรรมดา คิมหันต์ถอดสูทออกแล้วขึ้นมาบนเรือน เขานั่งลงข้างๆ บำรุง แม้ว่าจะไม่ถนัดในการนั่งพับเพียบนัก ปลายทางของเขาไม่น่าจะจบลงที่บ้านหลังนี้ไม่ใช่หรือ ส่งถึงบ้านแล้วก็น่าจะกลับ แต่เพราะไม่อยากปฏิเสธน้ำใจของพิมพ์อรต่างหากที่ทำให้เขายังอยู่ที่นี่
“ทำงานที่เดียวกับมัทหรือครับคุณคิม” บำรุงถามขึ้น เหล่น้องสาวทีหนึ่ง
“น้องสาวของคุณไม้ทำงานที่ไหนหรือครับ”
“ที่ Blue Ship ในเครือ Blue Enterprise ใช่ไหมยัยมัท”
คนถูกถามพยักหน้าให้พี่ชาย สนใจเหมือนกันว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าจงใจ เธอกับเขาไม่เคยพบกันมาก่อน แต่พอได้พบกันแล้วเหมือนเจอรังมด เจอตัวหนึ่งก็ต้องเจอตัวอื่นๆ เรื่อยไป
“ถ้างั้นก็ที่เดียวกัน แต่อยู่คนละส่วน”
“คุณอยู่ส่วนไหนล่ะ...คะ” มัทนาเติมหางเสียง
“วางแผน” คิมหันต์จงใจพูดในภาพกว้างๆ ทำงานบริหารก็ต้องวางแผนเป็นส่วนใหญ่
“งั้นเหรอ แปลกดีนะ ฉันไปทำงานที่นั่นมาสองวันไม่เห็นเจอคุณเลย” ตอนทำงานไม่เจอ แต่มาเจอหลังเลิกงาน ช่างบังเอิญดีแท้
คิมหันต์เลิกคิ้วมองคนช่างสงสัย เขากับมัทนาจะไปเจอกันได้ยังไง เขาอยู่ห้องทำงานชั้นบนสุด ถ้าจะมีใครมาเจอใคร เขาเจอเธอง่ายกว่า แต่ที่ผ่านมาสาบานได้เขาไม่ได้อยากเจอ เป็นเรื่องของความบังเอิญทั้งนั้น
“ไม่ยักรู้ว่าเธออยากเจอฉัน”
มัทนาเงยหน้าแล้วค้อนใส่ ใครจะไปอยากเจอเขา วันดีคืนดีได้มีใครมาประเคนกระสุนให้ เธอยังไม่อยากตายก่อนอายุขัย บำรุงเห็นท่าไม่ดีรีบเปลี่ยนเรื่อง
“กินข้าวๆ ไม่งั้นได้มีใครคว่ำจาน เสียของเนอะแม่เนอะ”
พิมพ์อรเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เผือกพยักหน้าหงึกๆ ไม่รู้ว่าเห็นด้วยหรือว่ากำลังอร่อยติดพัน วันนี้นางไม่คิดว่าจะมีแขกมาเยี่ยมถึงบ้านเลยทำอาหารตามรสชาติที่ชอบๆ กัน น้ำพริกต้องเผ็ด แกงส้มต้องเปรี้ยวนำหวานตาม ส่วนทอดมันปลากรายก็หวานนิดๆ พอเห็นคิมหันต์ดื่มน้ำอยู่บ่อยครั้งก็ชักเป็นห่วง
“น้ำพริกเผ็ดไปหรือเปล่าจ๊ะพ่อคิม”
“นิดหน่อยครับ แต่ผมกินได้” คิมหันต์ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อ
มัทนาถูกสั่งให้เป็นคนเดินมาส่งคิมหันต์ที่รถหลังอิ่มท้องกันแล้ว เธอยอมทำตามคำสั่ง อย่างน้อยผู้ชายคนนี้ก็มีน้ำใจมาส่งเธอถึงบ้าน เขาเข้าไปในรถไม่มีคำพูดชวนโมโหหรือทวงบุญคุณ
“กลับขึ้นบ้านไปได้แล้ว พรุ่งนี้เธอจะไปทำงานยังไง”
“เดี๋ยวขึ้นรถทัวร์ไป...ค่ะ”
คิมหันต์เกือบหัวเราะ เขาสังเกตมาหลายครั้งแล้ว หางเสียงของเธอมัทนามักมาช้าหนึ่งสเต็ปเสมอ เป็นกับเขาคนเดียวหรือว่ากับทุกคน ชายหนุ่มไม่พูดอะไรอย่างพรุ่งนี้จะมารับหรือไปเองแล้วกัน ประตูรถถูกปิดลง มัทนาเดินกลับขึ้นบนเรือนพร้อมๆ รถคันหรูได้ขับจากไป สายใยบางเบาเริ่มก่อตัว คิมหันต์ยอมรับกับตัวเองว่าตลอดหลายชั่วโมงที่อยู่กับผู้หญิงซึ่งห่างไกลจากสเปคช่วยทำให้สมองของเขากลับมาสงบราบเรียบดังเดิม
เป็นเรื่องที่น่าประหลาดสำหรับมัทนา หลังจากวันนั้นเธอไม่ได้พบอีตาคิมอีกเลย ทั้งที่ทำงานบริษัทเดียวกัน แต่กลับทำเหมือนล่องหนได้ พอลองถามจากเดชาถึงคนชื่อคิม เขากลับบอกว่าไม่มีคนชื่อคิมในบริษัทที่เป็นพนักงานด้วยกัน มีแต่คิมที่เป็นบอสของบริษัท แล้วบอสของบริษัทจะมาต่อปากต่อคำกับพนักงานตัวเล็กๆ ทำไม เธอไม่ตามหาเขาอีก ไม่ว่าเขาเป็นใครกันแน่ สำหรับเธอแล้วอีตาคิมก็ไม่ต่างจากคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตแล้วคงผ่านไป ทำงานของตัวเองให้ดีนั่นแหละดีที่สุด
มัทนามาอยู่บ้านที่อังเคิลเคอนุญาตให้มาพัก เพื่อนบ้านอัธยาศัยดี ฝั่งซ้ายเป็นครอบครัวเล็กๆ พ่อ แม่และลูก บางวันเธอยังช่วยสอนการบ้านให้ด้วยซ้ำ ส่วนฝั่งขวาเป็นสาวโสดวัยสามสิบปลายๆ ถ้าวันไหนกลับมาเวลาใกล้ๆ กันก็ออกไปหาอะไรกินกันสองคนสบายใจไปอีกแบบและไม่เหงา เธอจะขับลุงริชาร์ดกลับบ้านตอนเย็นวักศุกร์แล้วขับรถมาทำงานในเช้าวันจันทร์ สุขสบายและปลอดภัย ส่วนบิลค่าน้ำกับค่าไฟจะมาทุกๆ วันที่สิบห้า แต่ค่าเช่าบ้านนี้สิจะจ่ายยังไงดี
‘ขอบคุณนะคะอังเคิลเค ตอนนี้มัทอยู่บ้านหลังนั้นมาเกือบเดือนแล้ว อยากถามว่าจะให้มัทจ่ายค่าเช่าเดือนละเท่าไหร่คะ อย่าโกรธมัทนะคะ ที่ถามแบบนี้ มัทรู้ค่ะว่าอังเคิลเคมีน้ำใจ อยากช่วยเหลือมัท เหมือนกับที่ช่วยมาโดยตลอด แต่มัทอยากตอบแทนอังเคิลเคบ้าง ขอร้องอีกครั้งนะคะว่าอย่าโกรธมัทเลย ตอนนี้ทุกอย่างดีไปหมด ทั้งงานและบ้านพัก ถ้ามีโอกาส มัทอยากพบอังเคิลเคจังเลยค่ะ
คิดถึงเสมอ มัทนา’
เธอส่งเมล์หาอังเคิลเคตอนใกล้เลิกงานและนั่งรอเผื่อว่าจะมีเมล์ตอบกลับมาเร็วอย่างที่ใจต้องการ จู่ๆ เดชาก็มายืนหน้าโต๊ะ ท่าทางเหมือนมีเรื่องอะไรสักอย่าง
“มีอะไรหรือเดช”
“ในก๊วนนัดกันไปกินหมูกระทะ ไปด้วยกันนะ สนุกๆ กัน”
นี่ก็เป็นอีกกิจกรรมที่เธอชอบ การกินอะไรก็ตามที่ไม่ใช่สุราชวนเมื่อไหร่เธอไปเมื่อนั้น แต่ถ้าชวนไปเที่ยวกลางคืนเธอไปบ้างบางครั้งเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจคนชวน
“ไปสิ รอแป๊บเดียว ไปกันก่อนก็ได้ ขอมัทเคลียร์งานตรงนี้ให้เสร็จก่อน”
เดชาน่าคบตรงไม่วุ่นวาย ไม่เรื่องเยอะ เพื่อนร่วมงานทยอยเดินออกไปจากห้องทำงานเตรียมสแกนด์บัตรเลิกงาน มัทนาปิดเมล์แล้ววาดแบบเรือต่อ จิรัฐยังอยู่ในห้องทำงานเหมือนกัน เธอมองไปเพราะอยากปรึกษาเรื่องแบบ แต่ยังไม่ทันได้ลุกจากเก้าอี้เพราะคนที่ไม่ได้เจอหน้ามาเกือบเดือนกำลังเข้าไปคุยกับจิรัฐพอดี
“อีตาคิมนี่นา”
เธอนั่งรอให้ ‘คนรู้จัก’ คุยกับจิรัฐไปก่อน ธุระของเธอไม่รีบร้อน แต่ว่าสองคนนั้นคุยกันนานกว่าที่คิด แถมยังปิดมู่ลี่ลงทำให้ไม่เห็นว่าการคุยจะเลิกราเมื่อไหร่ มัทนาเปลี่ยนใจปิดคอม เก็บของแล้วเดินออกมาที่รถแล้วมุ่งหน้าไปร้านหมูกระทะซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงสิบห้านาทีเท่านั้น
“นั่นไงมัทมาแล้ว” พี่วันซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุดส่งเสียงพลางกวักมือเรียก
หนุ่มๆ ทั้งโต๊ะหันมามองอย่างกับไม่เคยเห็นกันมาก่อน มัทนายิ้มแก้เขินเพราะไม่ใช่แค่โต๊ะของหนุ่มๆ ที่หันมามอง แต่เป็นคนทั้งร้าน หญิงสาวรีบหาที่นั่งซึ่งถูกเว้นไว้ข้างๆ เดชา
“ผมย่างไว้รอแล้วนะ กินได้เลย”
“ขอบใจ สามชั้นของโปรดเลยนะเนี่ย” ตะเกียบถูกแกะซองพลาสติกออกแล้วคีบหมูที่ย่างมายังร้อนจิ้มน้ำจิ้มรสแซบแล้วเข้าปาก ช่างสุขอะไรแบบนี้
เดชามองมายิ้มๆ แล้วย่างหมูสามชั้นที่ติดมันน้อยๆ ต่อ คนเพิ่งมาถึงก็กินเอาๆ ไม่ทันมองเห็นสายตาของพี่ๆ ที่พากันมองเธอกับเดชาแล้วยิ้มกริ่มกันใหญ่
“ไม่กลัวอ้วนหรือไงเจ้ามัท ผู้หญิงกลัวเสียทรวดทรงไม่ใช่หรือ แต่พี่เห็นเรากินเอาๆ” พี่มนซึ่งเป็นหัวหน้าทีมช่างตรวจสอบก่อนส่งเรือให้ลูกค้าชักสงสัย
“มัทกลัวอดมากกว่ากลัวอ้วนนี่คะ” แถมเดชาก็ช่างใจดีย่างมาให้จนกินไม่ทันแล้ว
พี่ๆ พนักงานพากันหัวเราะครื้นเครง รถคันหนึ่งแล่นผ่านร้านหมูกระทะไปไม่เร็วนัก คนในรถทันเห็นมัทนานั่งอยู่กลางกลุ่มผู้ชายแถมยังหัวเราะอะไรกันสักอย่าง คิมหันต์ไม่รู้ตัวว่ายิ้มออกมาด้วยซ้ำ รหัทมองกระจกหลังทันเห็นพอดี นานแล้วที่เขาไม่เห็นเจ้านายยิ้มแบบนี้ ยิ้มอย่างที่อยากยิ้ม ไม่ใช่ยิ้มเพราะเป็นหน้าที่หนึ่งของ CEO
รหัทขับรถมาส่งคิมหันต์ที่คอนโดซึ่งเจ้านายเป็นหุ้นส่วนอยู่ เขาพักอยู่ที่นี่เพียงแต่อยู่คนละชั้นกับเจ้านาย คิมหันต์เดินเข้าไปในลอบบี้กำลังจะเข้าไปในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังห้องพักชั้นสิบเก้า ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของตึกนี้ ใครคนหนึ่งเดินมาหาแล้วขวางทางไว้ รอยยิ้มที่เพิ่งรู้ตัวว่ามีบนริมฝีปากหายไปในพริบตา นันทินีมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่เขาจงใจเดินไปขึ้นลิฟต์อีกด้าน สำหรับผู้หญิงคนนี้การไม่ต้องพบกันอีกเลยเป็นทางออกที่ดีที่สุด
“คุณมาทำอะไรที่นี่”
นันทินีเตรียมใจมาแล้ว เธอรู้จักคิมหันต์ดี ยิ่งทำให้รักมาก ยิ่งเจ็บมาก
“นันมารอคิม เหมือนกับที่คิมเคยรอนัน อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ถ้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ แค่ยังเหลือความเป็นเพื่อนก็ยังดี”
ความเป็นเพื่อนงั้นหรือ เขารู้จักนันทินีมากพอที่จะเชื่อได้ว่าเธอไม่ได้กลับมาเพื่อเป็นเพื่อนกัน กาลเวลาเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ให้หมดความน่าสนใจหรือเพิ่มความน่าสนใจก็ได้
“แต่ผมไม่เคยรอคุณ กลับไปเถอะ คุณต้องการซื้อเรือ ก็ได้ซื้อแล้ว เพราะฉะนั้นเราไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องพบกันอีก”
คิมหันต์กดปุ่มและเดินเข้าไปในลิฟต์ในทันที่ที่มันพร้อมจะพาเขาขึ้นไป ตาสบตาอย่างเลี่ยงไม่ได้ นันทินีรู้เธอต้องทำอะไรสักอย่าง
“นันขอโทษ เรากลับมาเหมือนเดิมไม่ได้หรือคะ”
คิมหันต์ยิ้ม นันทินียิ้มตามอย่างมีความหวังโดยที่ไม่รู้ว่ารอยยิ้มของอดีตคนรักเป็นเพียงเปลือกของการแสดงว่าเกลียดชังเท่านั้น บานลิฟต์ถูกกดค้างไว้ไม่ให้ปิด
“อะไรก็ตามที่ผมมองผ่านไปแล้ว จะไม่มีทางมองกลับไปใหม่อีก เชิญกลับไปเถอะ แล้วอย่ามาที่นี่อีก”
บานลิฟต์ปิดลงทันที รหัทเข้ามายืนขวางลิฟต์ไว้ นันทินีตะลึงอึ้งหน้าชา ไม่คิดว่าผู้ชายที่อ่อนโยนและรักเธอจนยอมหลั่งน้ำตา ในวันนี้กลับใจแข็งราวกับหินศิลาและมองข้ามเธอไปเสมือนไม่เหลือเยื่อใยต่อกันอีกแล้ว
“เชิญกลับไปได้แล้วครับ”
เสียงของรหัทราวกับเรียกสติ นันทินียิ้มเหยียดๆ ใส่ คนอย่างเธอไม่เคยต้องพบกับความผิดหวัง วันนี้คิมหันต์ยังตั้งกำแพงใส่ แต่อีกไม่นานกำแพงต้องพังทลายลง ม่ายสาวเดินไปที่รถแล้วขับไปยังแหล่งบันเทิง วินน่าจะช่วยเธอได้ว่าควรทำอย่างไรเพื่อให้ได้รักแรกที่แสนเพียบพร้อมกลับคืนมา
ห้าปีก่อนวินยังเป็นแค่พนังงานกินเงินเดือนหลักหมื่น แต่เวลานี้เขากลายเป็นเจ้าของผับที่กำลังนิยมในหมู่คนทำงานเพราะมีเครื่องดื่มที่รสชาติดีจนบอกกันปากต่อปาก และยังโชว์ต่างๆ ที่ตื่นเต้นตระการตา เพลงที่เลือกมาร้องก็ฟังสบาย ยกเว้นบางคืนที่เหมาเพลงแดนซ์มาให้เต้นกระจาย เธอรู้จักเขาเพราะอดีตสามีเคยมาที่นี่แล้วแนะนำให้รู้จักกัน
จากหน้าตาที่จัดว่าหล่อและรูปร่างสูงใหญ่ หากเขาไปทำอาชีพพวกดารานายแบบก็น่าจะรุ่งไม่น้อย ถ้ามาที่ชลบุรีเมื่อไหร่ เธอกับสามีมักจะแวะมาทุกครั้ง จนเธอย้ายกลับมา พอไม่รู้จะไปไหนก็มาที่นี่อยู่นั่นเอง
นันทินีนั่งรออยู่ไม่นานวินก็เดินมาหา เขาไม่แปลกใจนักที่เห็นเธอมา ใครไปใครมาเขารู้หมดนั่นแหละ แค่ช้าหรือเร็ว แขกที่มาในผับล้วนแล้วพูดคุยกันเรื่องคนในละแวกนี้ทั้งนั้น
“หาทางคืนดีกับคิมหันต์อยู่ล่ะสิท่า” คราวก่อนที่มานันทินีกลุ้มใจบวกกับกินเหล้าไปเลยเล่าเรื่องแฟนเก่าให้เขาฟัง
“รู้แล้วยังมาถามอีกนะวิน ช่วยนันหน่อยสิ ทำไมคิมใจแข็งขนาดนี้ นันผิดด้วยหรือที่ทำเพื่อครอบครัว แทนที่จะเห็นแก่ตัว” เธอกระดกเหล้าเข้าปากอีกใหญ่ การมีสามีที่ชอบดื่มไวน์ทำให้เธอคอแข็งได้ไม่ยาก
วินยิ้มรู้ทันว่านันทินีเป็นผู้หญิงแบบไหน แต่เขาไม่ได้มองว่าผิดหากว่าเธอจะเลือกเส้นทางชีวิตที่ดีที่สุดสำหรับตัวเอง
“ได้ข่าวว่าการเป็นม่ายของนันก็คุ้มค่าไม่ใช่เหรอ”
อดีตสามีที่ตายไปเป็นคนดีทุกอย่าง ยกเว้นบ้าตัณหา แต่งงานกับเธอแล้วยังมีบ้านเล็กบ้านน้อย ถ้าเขาไม่ได้เขียนพินัยกรรมไว้ มีหวังเธอกับลูกชายของสามีคงยุ่งยากขึ้นศาลกับบ้านเล็กที่อยากได้สมบัติแทบแย่ ถึงจะแบ่งสมบัติกันคนละครึ่งกับลูกของสามี เงินและทรัพย์สินที่ได้มาก็มากพอให้เธออยู่สบายไปจนตาย
“มันก็ไม่คุ้มหรอกสำหรับการที่นันต้องเสียผู้ชายที่มีพร้อมทุกอย่างเหมือนคิม” เธอเสียดายจากใจจริง แต่ถ้าให้กลับไปตัดสินใจอีกครั้ง เธอก็เลือกที่จะทิ้งคิมหันต์อยู่ดี
“พูดเรื่องเก่าๆ ทำเรื่องเก่าๆ เดี๋ยวก็ใจอ่อนเอง คนเคยรักกันจะใจแข็งไปถึงไหนกันเชียว”
นันทินียิ้มแล้วสั่งเหล้ามาให้วินเป็นการตอบแทนที่ช่วยคิด เธอลืมไปได้อย่างไร เธอกับคิมหันต์มีอดีตร่วมกัน เขาต้องจำได้ เหมือนที่เธอไม่เคยลืม เงินถูกหยิบออกมาจากกระเป๋า หญิงสาวบอกลาเพื่อนต่างวัยของอดีตสามีที่ตอนนี้กลายเป็นเพื่อนของเธอไปแล้ว วินมองตามแล้วส่ายหน้า ไม่นึกว่าจะเกิดเรื่องบังเอิญในชีวิตของเขา ช่างเป็นประโยชน์ที่ไม่น่ามองข้าม
วริศเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมานั่งพักกำลังล้างมืออีกรอบก่อนจะมาหยิบกระเป๋าเดินไปที่รถเพื่อกลับบ้านเสียที เขาไม่ได้กลับบ้านมาเกือบสามวันแล้ว เหนื่อยมากก็นอนห้องพักที่โรงพยาบาลจัดให้ แต่ยังไม่ได้ทันได้สตาร์ทรถ เพื่อนที่โทรหาเขาเฉลี่ยอาทิตย์ละครั้งก็โทรมาได้ถูกเวลาเหลือเกิน หมอหนุ่มขับรถออกจากซองจอดมุ่งหน้าไปคอนโดก่อนถึงบ้าน
คิมหันต์เดินมาเปิดประตูห้องให้วริศแล้วกลับไปนั่งทำหน้าเบื่อโลก เขารู้วันนี้ไม่ใช่วันที่วริศจะตรวจอาการแทนลุงหมอที่เดินทางไปต่างประเทศ แต่เขาอยากคุยกับใครสักคนแล้วมันก็ดันอยู่ใกล้ที่สุด
“มีอะไรวะไอ้คิม อุตส่าห์มาหายังมาทำหน้าเหมือนเจ็บฟันคุด นี่มันเกือบจะเที่ยงคืนอยู่แล้ว แกนอนกลางวัน ทำงานกลางคืนหรือไงวะ”
“นันกลับมาหาฉัน” คิมหันต์เอ่ย แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่เขากำลังเซ็งอยู่ในตอนนี้
“แล้วไง จะกลับไปคืนดีหรือเปล่าล่ะ” วริศเปิดตู้เย็นหาอะไรให้ตัวเองกิน
“คิดว่าไม่ว่ะไอ้ริศ”
วริศเดินกลับมานั่งที่พื้นใกล้ๆ คิมหันต์พร้อมแซนด์วิชในกล่องพลาสติก ถ้ากินอิ่มและง่วงจะได้นอนมันตรงนี้เลย
“เออ แล้วปัญหามันคืออะไร”
คิมหันต์เดินไปในครัวหยิบน้ำเย็นๆ มาให้วริศ กินแซนด์วิช แต่ไม่กินน้ำตามเดี๋ยวได้ติดคอตาย เขารักษาใครไม่เป็น แต่ถ้าทำให้คนต้องไปหาหมอรักษาน่ะทำเป็นมาตั้งนานแล้ว
“ฉันกำลังถูกปู่จับคู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง หมายมั่นปั้นมือจริงๆ คนนี้”
ตั้งแต่พ่อแม่ตายเขาไม่เคยขัดใจปู่เลยสักครั้ง พอหมอประจำตัวโทรมาบอกว่าปู่ร่างกายอ่อนแอลงและทานอาหารได้น้อย ทำให้เขารู้สึกผิด
“แล้วมันเป็นปัญหาตรงไหนวะ ก็แกไม่อยากได้ ก็ไม่ต้องเอาสิวะ ยกเว้นว่าแกอยากได้ แล้วทำเป็นไม่อยาก ก็เลยกลุ้มใจหาทางลงไม่เจอ”
“ไอ้บ้า” แค่รู้สึกผิด ไม่ได้หมายความว่าเขาเกิดชอบยัยทอมขึ้นมาจนมานั่งกลุ้มใจสักหน่อย “คุยกับแกนี่ฉันหัวโล่งเลยจริงๆ มีหมอแบบแกสักร้อยคน คนไข้ได้หูเฉา”
“เออ” วริศกินแซนด์วิชคำสุดท้ายแล้วกินน้ำตามไปหลายอึก
คิมหันต์หมดเรื่องคุยแล้วเลยนั่งทำงานที่โต๊ะเงียบๆ แต่ยังมีแก่ใจโยนหมอนกับผ้าห่มมาให้เพื่อนผู้ตกยาก วริศหลับไปทันทีที่หัวแนบหมอน ยังดีที่เขาเตรียมยามาด้วย พรุ่งนี้ค่อยจ่ายยาคนไข้
มีงานด่วนเข้ามาในตอนบ่าย จิรัฐมอบหมายให้เดชารับผิดชอบ เนื่องจากฝ่ายซ่อมบำรุงงานล้นมือ เขาจึงส่งคนไปช่วยงานง่ายๆ ที่พอซ่อมได้ มัทนาเลยได้รับคำสั่งให้ติดสอยให้ตามมาอีกที ในฐานะเด็กใหม่ที่ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแล จะว่าไปแล้วเดชาก็ดูแลไปเสียทุกเรื่องเหมือนกัน ทั้งอาหารการกิน ที่พัก ที่เที่ยว พาเข้าก๊วนจะได้ไม่เหงาเวลามาอยู่ที่นี่คนเดียว
เรานั่งรถกอล์ฟมายังท่าเรือที่อยู่ห่างไปนิดเดียว เรือยอร์ชลำใหญ่จอดทอดสมออยู่ มัทนารู้คร่าวๆ แค่ว่าเรือมีปัญหาด้านเครื่องยนต์เลยต้องมาแก้ไขก่อนที่บอสจะขับออกไปในอีกสองวันข้างหน้า
“ถ้าวันนี้เสร็จเร็วอาจจะได้เอาเรือออกไปลอง มัทขับเรือเป็นหรือยัง”
“พอได้นะเดช พี่ๆ ช่วยสอนให้ แต่ขับจริงได้เรื่องหรือเปล่าไม่รู้หรอกนะ” เธอหัวเราะ เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างจากเดชาตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาชวนเธอมาทั้งที่อาจไม่ได้ช่วยอะไรได้มาก แล้วยังพี่ๆ ที่พากันยิ้มพยักพเยิดกัน ถ้าเขาไม่พูดอะไร เธอก็จะทำเป็นไม่เห็นต่อไป
“ปัญหามันน่าจะอยู่ที่ปั๊ม คราวก่อนบอสขับไปแล้วดับกลางทะเลต้องเรียกให้เรืออีกลำมาลากกลับ”
“อ้อ เรือของบอส”
เดชาพยักหน้ายิ้มให้ มัทนาไม่หลบตา ถ้าไม่ได้รู้สึกอะไรการมองตาแค่นี้สบายมาก เราเดินไปห้องเครื่องยนต์ลองสตาร์ทดู เครื่องยนต์ทำงาน แต่ไม่สมูท เดชาคิดว่าคงต้องลงไปดูเครื่องยนต์สักหน่อย แต่โทรศัพท์เจ้ากรรมดันดังขึ้นมาเสียก่อน จะไม่รับก็ไม่ได้เดี๋ยวตกงาน
“อ้าว ผมส่งรายงานแล้วนะครับพี่รัฐ ก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหาให้” เดชาวางสายถอนใจยาวพลางหันมาบอก “เดี๋ยวมานะมัท”
“โอเค เดี๋ยวมัทรอแล้วกัน”
เดชายิ้มหวานทิ้งท้าย บิดกุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์ก่อนจะเดินขึ้นมาด้านบน
ในขณะเดียวกันห่างไปไม่กี่ก้าวจากที่จอดเรือไม่ถึงห้านาทีก่อนหลังจากเขากับมัทนาเข้าไปในเรือ คิมหันต์เดินทางมาถึงเมื่อเจ้าของเรือที่ส่งมอบไปเมื่อเดือนก่อนยืนกรานว่าเรือมีปัญหา เขาส่งทีมช่างมาดูแลให้แล้วสองครั้งซึ่งบอกตรงกันว่าเรือปกติ แต่ปัญหาก็ยังไม่จบ เขาจึงมาหาเจ้าของเรือด้วยตัวเองก่อนที่งานของฝ่ายต่างๆ จะป่วนไปหมด
รหัทยืนอยู่ห่างออกไปไม่กี่เมตรเพื่อดูแลความปลอดภัย แม้ว่านันทินีจะเป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่ก็ประมาทไม่ได้
“ผมให้คนมาตรวจแล้ว เรือของคุณไม่มีปัญหา ทั้งระบบคอมพิวเตอร์ ตัวเรือและเครื่องยนต์”
นันทินีรู้มาตั้งแต่แรกว่าเรือไม่มีปัญหา หากเธอไปหาคิมหันต์ไม่ได้ก็ต้องทำให้เขาเป็นฝ่ายมาหาไม่ใช่หรือ ทั้งที่เขารู้ก็ยังมามันหมายความว่าอะไรได้ล่ะ นอกจากเขาปากแข็ง แกล้งใจแข็ง
“นันอยากให้คิมมา แล้วคิมก็มาทั้งที่รู้ว่านันหาเรื่อง”
“ที่ผมมาก็เพื่อมาพูดเรื่องในอดีตให้เคลียร์ ผมไม่ชอบให้มีเรื่องมากวนใจ” เรื่องของนันทินีกวนใจเขา และตอนนี้ลุกลามไปจนถึงพนักงานที่ควรได้ทำงานอื่นมากกว่ามาวุ่นวายกับเรือที่สมบูรณ์แบบอยู่แล้ว
“แสดงว่านันยังมีผลต่อหัวใจของคิมใช่ไหมคะ”
“ฟังนะ ผมจะพูดครั้งเดียวแล้วช่วยเข้าใจตามนี้ ผมไม่รักคุณแล้ว คนที่มองข้ามผม ผมจำและไม่เคยลืม เพราะฉะนั้นไม่ต้องมารื้อฟื้นอดีตกับผมอีก มันไม่มีประโยชน์”
ราวกับมีลมแรงๆ ปะทะใส่หน้าของนันทินีเต็มๆ
“ไม่จริง!”
“จริง!”
คิมหันต์ตอบเสียงหนักแน่น ไม่ว่าในใจของเขาจะยังมีนันทินีหลงเหลืออยู่หรือไม่ การกลับมาคืนดีกันไม่ใช่คำตอบ ผู้หญิงที่มองข้ามเขาเพราะไม่มีเงิน ไม่มีค่าพอให้ได้รับความรัก
เดชาออกมาจากเรือและได้ยินตรงจริง...ไม่จริงเท่านั้น เขาพยายามเดินเงียบๆ ไม่ให้บอสหรือผู้หญิงคนนั้นรู้สึกว่าไอ้บ้านี่โผล่มาจากไหน
“คุณซ่อมเรือแล้วใช่ไหม”
คำถามนี้คงเป็นของใครไม่ได้นอกจากไอ้บ้าที่บังเอิญโผล่มาแบบเงียบๆ แล้วเชียว
“ครับ เอ่อ”
“เอากุญแจมาให้ผมเดี๋ยวนี้”
เดชาลองล้วงที่กระเป๋าอย่างไม่แน่ใจนักว่าหยิบกุญแจติดมือมาหรือว่ายังคาอยู่ที่เบ้าเสียบ แต่กลับเจอแฮะ เขารีบส่งให้บอสแบบงงๆ
“นี่ครับบอส”
“ไม่ต้องตาม” เขาบอกรหัทที่กำลังเดิมแกมวิ่งมาให้ทันขึ้นเรือ
ไม่มีใครกล้าขัดคำสั่งของคิมหันต์ แม้แต่นันทินีที่สมองยังมึนชาเพราะการถูกปฏิเสธแบบซึ่งๆหน้า เรือถูกขับออกไป แม้จะไม่เร็วนัก แต่ไม่มีใครกล้าออกปากห้ามสักคน เดชาถอนใจแต่เพียงเสี้ยววินาทีก็แทบทึ้งหัวตัวเอง
เฮ้ย! ซวยแล้ว มัทอยู่ในเรือ
บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.พ. 2558, 14:10:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ก.พ. 2558, 14:10:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1175
<< ตอนที่ 4 | ตอนที่ 6 (ลงใหม่) >> |
กาซะลองพลัดถิ่น 10 ก.พ. 2558, 16:30:35 น.
เอ๊ะ เดชานี่มาแบบเพื่อนหรือจะเรียกว่าเนียน ๆ จีบมัทนาดีอ่ะ .....แล้วเมื่อไหร่จะได้รู้ความจริงซะทีล่ะ
ว่านายคิมคือบอสแล้วคิมเก็บงำความลับไว้เพื่อ ? ตามต่อไป
เอ๊ะ เดชานี่มาแบบเพื่อนหรือจะเรียกว่าเนียน ๆ จีบมัทนาดีอ่ะ .....แล้วเมื่อไหร่จะได้รู้ความจริงซะทีล่ะ
ว่านายคิมคือบอสแล้วคิมเก็บงำความลับไว้เพื่อ ? ตามต่อไป