เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์

เป็นเรื่องราวของคนหน้าตาไม่เข้าตา ไม่เป็นที่นิยม
ไม่ฮิต ไม่ฮอตของคนสองคน...
ที่ไม่สมบูรณ์แบบ มีตำหนิ...ภาพประวัติไม่สวยงาม...
แต่นิสัยที่ซ่อนไว้ค่อนข้างสวยสดงดงาม...
แฝงไว้ด้วยเสน่ห์แห่งการมีชีวิต...การสร้างครอบครัว


เศษหนึ่งส่วนสอง หรือ ครึ่งหนึ่งของชีวิตหนึ่ง
มาพบกับ อีกครึ่งหนึ่งของอีกชีวิตหนึ่ง
แล้วยกกำลังด้วยศูนย์...

เลขศูนย์ที่ดูไร้ค่า ไร้ความหมาย แค่เลขกลมๆเลขนึง

หากมันได้ทำให้ เศษหนึ่งส่วนสองยกกำลังศูนย์
มีค่าเท่ากับ หนึ่งได้!

สมการทางคณิตศาสตร์ที่น่าพิศวงนี้
นำมาสู่สมการของความรักของทั้งสอง...

ทั้งคู่ที่ชีวิตไม่สมบูรณ์แบบและมีตำหนิ
จะหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร...

เรื่องนี้มีคำตอบ!!!


Tags: ดราม่า ขุนพล ไนค์ บิลกีส

ตอน: บทที่ 14 แมวดำแมวลาย


เมื่อทุกอย่างเข้าสู่สภาวะปกติ…ประมุขของครอบครัวก็กลับไปทำงานตามปกติ…
หายไปคราวนี้เป็นเวลาห้าวัน…เพื่อไปถ่ายทำยังต่างประเทศ…

ส่วนดุจมณีก็ออกไปยังบ้านของปองขวัญตามปกติ
บิลกีสจึงใช้เวลาว่างระหว่างอยู่กับบ้านเขียนภาพม่านลีลาวดีสีแดง
ที่ตอนนี้อุปกรณ์ทุกอย่างพร้อม ผ้าม่านถูกขึงเพื่อรอให้เธอแต่งแต้มสีสันของดอกลีลาวดี
ลงไปบนนั้น…

กิจวัตรประจำวันจึงเป็นเช่นนี้จนครบกำหนดเวลาที่ประมุขของบ้านเดินทางกลับ
ผลงานของบิลกีสก็สร้างสรรค์ออกมาจนเสร็จด้วยเช่นกัน

หญิงสาวมองภาพม่านที่ถูกขึงเอาไว้บนเฟรมขนาดใหญ่แล้วคลี่ยิ้มออกมา…
ก่อนจะโทรบอกเจ้าของผ้าม่านทันที…

“คุณคีคะ…ผ้าม่านของคุณคีเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ…ไม่แน่ใจเลย
ว่าคุณคีจะถูกใจรึเปล่า…แต่ถ้าไม่ถูกใจ ฉันขอเอาไว้เลยก็แล้วกัน…”

“ได้ไงคุณกีส…ผมยังไม่ทันได้ดูเลย…งั้นเดี๋ยวผมว่าผมไปดูเลยดีกว่า”

“พรุ่งนี้ดีกว่าค่ะ…” บิลกีสนึกถึงครั้งล่าสุดที่ประมุขของครอบครัวมาพบลูกค้าคนนี้ของเธอ
จึงสำเหนียกได้ว่า วันนี้ไม่น่าจะเหมาะนักถ้าจะนัดให้เขามาดูงาน
หากเป็นพรุ่งนี้เธอจะได้ขอให้ดุจมณีอยู่เป็นเพื่อน

“โอเค…พรุ่งนี้ก็พรุ่งนี้ครับ…อ้อ…ผมมีข่าวดีสุดๆจะบอกคุณด้วยนะ…”

“ข่าวดีหรือคะ…” บิลกีสเลิกคิ้ว หากก็เหมือนจะนึกขึ้นได้ว่าภาพเขียนของเธอ
ที่เขายกไปวันนั้นอาจจะขายออกแล้วก็ได้

“ภาพดอกไม้ของฉันขายหมดเกลี้ยงในเวลาไม่กี่วันใช่มั้ยคะ…”

บิลกีสถามแกมเย้า โดยไม่คิดว่าสิ่งที่เธอพูดทีเล่นทีจริงออกไปนั้น
จะเป็นจริงและยิ่งกว่าที่เธอคาดเอาไว้ไม่น้อย

“ยิ่งกว่านั้นอีก…” หญิงสาวจึงรอฟังว่าข่าวดีที่เขาว่าดีนั้นดีในระดับไหน

“คุณฟังผมให้ดีๆนะ…และห้ามช็อกไปซะก่อนเด็ดขาด…”

“คุณคีทำให้ฉันตื่นเต้น…ลุ้นระทึกเลยทีเดียว…” หญิงสาวยังคงพูดกลั้วหัวเราะนิดๆ

“ผลงานคุณได้รับรางวัล…และมีคนประมูลมันไว้ยกเซ็ตในราคาห้าล้าน…”

บิลกีสตาโตเท่าไข่ห่าน สะบัดหน้าไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้มึน ไม่ได้เบลอ
และไม่ได้ฝันไป

“ระ…รางวัลเลยหรือคะ….”

“ใช่ครับได้รับรางวัล…เพราะผมส่งผลงานคุณเข้าประกวด
ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่ได้แจ้งคุณล่วงหน้า อยากเซอร์ไพร้มากกว่า
แล้วก็ได้เซอร์ไพร้จริงๆ…นอกจากเงินรางวัลแล้ว ยังมีค่าภาพ
ที่คุณจะได้จากลูกค้าที่ประมูลไปได้ห้าล้านนั้นด้วยนะครับ…”

บิลกีสพูดอะไรไม่ออก อึ้งไปนานจนคนปลายสายต้องเรียกชื่อ
อยู่หลายรอบจนเธอได้สติ

“เอ่อ…ขอโทษค่ะ…ฉันช็อกไปจริงๆ…” บิลกีสหัวเราะเบาๆ

“ผมก็คิดว่าเป็นใครก็ต้องช็อก…อ้อ…แล้วคุณต้องมารับรางวัลด้วยนะครับ…วันมะรืนนี้…
หาชุดสวยๆเตรียมไว้เลยนะครับ...เพราะงานนี้ท่านโฆษกพรรคอรุณรัศมิ์
ให้เกียรติมาเป็นประธานมอบรางวัลให้กับคุณเองเชียวนะ…”

“หา! คุณคีกำลังจะบอกว่า พี่ชายคุณคีเป็นคนมอบรางวัลหรือคะ…”

“ครับผม…ไม่ใช่แค่เป็นคนมอบรางวัลอย่างเดียวนะครับ
แต่เป็นผู้ประมูลภาพเขียนของคุณได้ด้วย…ผมยินดีด้วยจริงๆนะครับ
สำหรับความสำเร็จของคุณ…ว่าแล้วก็อดไม่ได้ที่อยากจะเห็น
ผ้าม่านลีลาวดีสีแดงของคุณแม่ผม…”

“เอ่อ…พรุ่งนี้คุณคึมารับได้เลยค่ะ…ไม่อยากรับประกันคุณภาพ
แต่…จริงๆแล้วฉันชอบมันมากจนไม่อยากให้คุณซะแล้ว…”

“อ้าว…ไม่ได้นะครับ…ทำอย่างนั้นแม่ผมเสียใจแย่…”

บิลกีสรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ เพราะเมื่อวาดเสร็จเธอก็อดที่จะหวงมันขึ้นมาไม่ได้…

“โอเคค่ะ…ถ้าคุณคีชอบ…ฉันก็คงต้องทำตามกติกา…”

“ถ่ายรูปส่งมาให้ดูก่อนมิได้หรือครับ…” คนทางโน้นยังคงทู่ซี้
จะดูม่านลีลาวดีตรงหน้าเธอให้ได้ในตอนนี้

“ฉันไม่มีกล้องค่ะ…คุณไนท์พกติดตัวไปโน่นมานี่ตลอด…
โทรศัพท์มือถือก็ไม่มีพกเช่นกันค่ะ…ดังนั้น…คุณคีคงต้องรอพรุ่งนี้แล้วละ…
แต่ฉันน่ะหวังหมดใจว่าคุณจะไม่ชอบมัน…” บิลกีสพูดกลั้วหัวเราะอย่างคนอารมณ์ดี

เธออารมณ์ดีเช่นนี้เสมอยามได้ทำในสิ่งที่รัก…

“น้องสาวฉันเขาชอบมาก…รบเร้าฉันว่าอย่ายกมันให้คุณเลยแทบทุกวัน
ภาพอื่นน่ะฉันรัก…แต่ภาพนี้ฉันรู้สึกหวงจริงๆ…”

“ไม่ได้น้าคุณกีส…ผมยังไม่เห็นมันเลย…คุณอย่ากดดันผมด้วยวิธีนี้ซี
คุณน่ะมีฝีมือ…จะวาดอีกเท่าไหร่ก็ได้นา…”

คนปลายสายตะล่อมศิลปินในดวงใจเขาให้ใจอ่อน…

“เอาเถอะค่ะ…ฉันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของคุณ…ถ้าคุณพอใจฉันก็ยินดี…
แต่ถ้าไม่พอใจ ฉันก็ยิ่งกว่ายินดี…” เอ๊ะ ยังไง…

สรุปว่าเธอไม่อยากให้เขาพอใจใช่ไหม คนฟังชักงงๆ

“งั้นพรุ่งนี้ผมบุกไปหาคุณแต่เช้าเลยแล้วกันนะครับ…อ้อ…
ขอแสดงความยินดีอีกครั้งกับรางวัลอันทรงเกียรติ…และมูลค่าภาพเขียน
ที่ผมเองก็คิดว่า…คนเอาภาพคุณไปเขาต้องชอบมันจริงๆ…
เลยอยากให้คุณรู้ว่าบ้านผมชอบงานศิลปะกันถ้วนหน้า…
โดยเฉพาะพ่อกับพี่ชายผมที่วาดรูปไม่ได้เรื่องเลยสักนิดเดียว…”

“ขอบคุณคุณคีอีกครั้งนะคะที่ช่วยฉันมานับครั้งไม่ถ้วน บุญคุณนี้ฉันจะไม่ลืมเลย…
มีอะไรที่ฉันพอช่วยคุณได้ขอให้บอก…อ้อ…เรื่องขนมคุ้กกี้ที่เพิ่งทำส่งไป…พอไหวมั้ยคะ…”

“เลิศ…” สั้นๆแต่ได้ใจความ…

“สำหรับในส่วนของวันพรุ่งนี้ฉันทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว…พรุ่งนี้คุณคีมาพอดี
จะได้เอากลับไปด้วยเลย…ดีมั้ยคะ” บิลกีสบอกอย่างสบายอกสบายใจ…

ทุกอย่างในชีวิตดูจะราบรื่นขึ้นเรื่อยๆแล้ว…
และงานนี้เธอได้เงินมาไม่น้อยเลย…นั่นเพราะเขาหยิบยื่นโอกาสมาให้

“ดีเลยครับ…นับว่าคุณกีสเนี่ยขยันสุดๆ…คุณไนท์โชคดีจริงๆนะครับ
ที่ได้คู่ชีวิตที่คอยเกื้อหนุนกันแบบนี้…ผมล่ะอิจฉา…”

“ลองหาดูสักคนสิคะ…จะได้รู้ว่า รสชาติของชีวิตคู่ มันมีทั้งขมและหวาน
เค็ม มัน เปรี้ยว จืดสนิท เย็นยะเยือก ร้อนระอุ จนบางครั้ง
เราก็ไม่แน่ใจว่า…รสชาติไหนอร่อยกว่ากัน…”

คนพูดเหมือนจะขู่ แต่ก็เหมือนจะบอกว่าอร่อย เอ๊ะ นี่มันยังไงกัน

“เขาว่าคนในอยากออก คนนอกอยากเข้าค่ะ…”

“แล้วคุณกีสอยากออกหรือครับ…”

“ไม่ค่ะ…ไม่อยากออก…ส่วนเรื่องความรู้สึกมันก็เข้าๆออกๆ”

นั่นไง…เธอพูดให้สับสนอีกจนได้…ฟังเธอแล้วเขาชักจะสับสนยังไงก็ไม่รู้สิ

“สรุปว่า…ผมควรจะมีครอบครัวดีหรือว่าไม่มีดีครับ…”

“มีสิดี…คุณคีไม่อยากมีลูกเป็นของตัวเองหรือคะ…” ว่าแล้วก็ยุเสียเลย
หลังจากที่ปล่อยให้สับสนอยู่พักนึง

“คุณกำลังยุยงส่งเสริมให้ผมสละโสดแล้วหาโซ่มาล่ามคอเอาไว้ใช่มั้ยครับ…”

“ถ้ามันเป็นโซ่รัก…คุณจะไม่อยากปลดมันออกหรอกค่ะ…
เชื่อฉันสิ…ตอนนี้ฉันเองก็กำลังมีโซ่รักที่คุณว่าแล้วด้วยนะคะ…”

“โอ้…ช่างเป็นข่าวดีซ้อนข่าวดี…แสดงว่าช่วงนี้คุณกีสกำลังดวงขึ้น
ถึงได้มีสิ่งดีๆเข้ามาเรื่อยๆแบบนี้…”

“ก็เพราะได้โอกาสดีๆจากคุณคีด้วยค่ะ…ฉันเลยอยากตอบแทนคุณคีบ้าง…
ถ้าอะไรที่ฉันพอมีปัญญาช่วยได้ ขอให้บอกมานะคะ
ฉันยินดีที่จะตอบแทนคุณคีและครอบครัวค่ะ…” บิลกีสบอกกล่าว
ด้วยน้ำเสียงจริงใจและซาบซึ้งใจอย่างที่สุด

“เขาเรียกว่าน้ำพึ่งเรือเสือพึ่งพาครับคุณกีส…งั้นเอาไว้เราเจอกัน
วันพรุ่งนี้ตอนเช้าๆนะครับ…อ้อ…พี่ชายผมกำชับมานักหนาว่า
อยากให้คุณไปรับรางวัลด้วยตัวเอง…เขาอยากเจอคุณ
อยากทำความรู้จักกับคุณมากๆเลยครับคุณกีส…”

“ถ้าสะดวกฉันจะไปด้วยตัวเองค่ะ…”

“ขอให้สะดวกนะครับ…แล้วเจอกันครับ…” แล้วเขาก็วางสายไป

บิลกีสหันมามองภาพวาดบนผ้าม่านอีกครั้ง…
ลีลาวดีสีแดงในความทรงจำของเธอเมื่อตอนวัยรุ่น
ช่างเป็นลีลาวดีสีแดงที่ดูสดใส ร้อนแรง ทว่ามีความนุ่มนวลซ่อนอยู่
กลีบดอกบอบบาง น่าทะนุถนอม ยามเมื่อปลิดปลิวหลุดร่วงจากต้น
ก็จะลอยลู่...ล้อเล่นลมราวกับหยอกเย้าสายลมอย่างสนุกสนานไม่รู้ระวังภัย…
สุดแต่สายลมจะพัดพาให้ลอยละลิ่วไปยังทิศใดหรือแห่งหนใด…
หากมันก็ยังคงเพลิดเพลินใจ…ราวกับจะลอยล่องอย่างอิสระได้เช่นนั้นตลอดไป…

แต่สายลมย่อมมีวันโชยล้าอ่อนแรง…และไม่ว่าฝืนตัวเองสักเท่าไหร่
และแม้ครั้งหนึ่งจะเคยสวยสดงดงามชูช่อตระการตาเพียงใด
หากในที่สุดแล้ว…เจ้าดอกลีลาวดีสีแดงสดสวยย่อมแนบกายลงสู่ผืนดิน…
และเหี่ยวเฉาไปตามกาลเวลา หรือในบางคราวก็โดนเหยียบย่ำอย่างไร้ค่า…

หากนั่นก็คือห่วงโซ่ชีวิต บิลกีสมองดอกลีลาวดีสีแดงของเธอที่กำลังโบยบิน
เล่นลมบนผืนผ้าม่านอย่างสนุกสนานรื่นเริงด้วยรอยยิ้มสดใส…

อย่างไรเสีย…ชีวิตเราก็ควรมีความทรงจำดีๆเอาไว้ให้ระลึกถึง…
แม้ห้วงเวลาดังกล่าวจะสั้นแค่ไหนก็ตาม…

แต่ลีลาวดีสีแดงที่กำลังเล่นลมย่อมมีความสุขเบิกบานไม่น้อยเลยทีเดียว…
เธอก็ได้แต่หวังว่า…ผ้าม่านที่ล้อเล่นลมผืนนี้จะช่วยทำให้ลีลาวดีสีแดงบนผืนผ้า
มีชีวิตชีวาไปตลอด…

“สวย…” เสียงนั้นดังขึ้นจากทางเบื้องหลังของเธอ…
ทำเอาคนที่กำลังตกอยู่ในภวังค์ถึงกับสะดุ้งสุดตัว ยกมือขึ้นกุมอกตัวเองไว้โดยอัตโนมัติ

“คุณไนท์…เข้ามาไม่ให้สุ้มให้เสียง…ฉันหัวใจแทบวาย…”

“เธอวาดมันได้ยังไงเนี่ย…” เขาเปรยออกมาขณะที่ดวงตายังคง
จดจ้องอยู่บนผลงานของเธอที่วางอยู่ในห้องทำงานของเขา

“ด้วยมือขวาค่ะ…” บิลกีสยกมือที่ใช้เขียนรูปขึ้นแตะแก้มของเขา
แล้วยิ้มอย่างซุกซน

“ถ้าได้ขึงเป็นม่านในบ้านพักชายทะเลล่ะเหมาะเหม็งเลย…” เขาแนะ

“คงต้องเป็นเช่นนั้นค่ะ…เพราะลูกค้ารีเควสมาแบบนั้น…”

“ลูกค้า?” บิลกีสพยักหน้าพร้อมกับเฉลย

“คุณคีค่ะ…คุณคีรีเควสมา…จัดแจงอุปกรณ์มาให้ครบครัน ฉันมีแค่
หน้าที่ละเลงสีสันลงไปเท่านั้นเอง…พรุ่งนี้เขาจะมาดูผลงาน…
ถ้าถูกใจม่่านลีลาวดีสีแดงผืนนี้ก็เสร็จเขาค่ะ…แต่ฉันชักหวงมันจัง…”

“หวงนักก็ไม่ต้องให้ไป…จบ!” เขาออกความเห็นด้วยสีหน้ามึนตึง

“ไม่ได้หรอกค่ะ…ตกลงกันไว้แล้ว…” หญิงสาวยิ้มเมื่อเขาเอามือขวาของเธอ
มากุมเอาไว้แล้วจุมพิตเบาๆ…

“เหม็นสีออก…” หญิงสาวบอกอย่างอายๆ

“หอม…มือเมียหอมอย่างนี้นี่เอง…” เขาบอกด้วยแววตาหวานฉ่ำ

“หายไปห้าวันไม่คิดถึงฉันเลยหรือ…” เขาว่าพลางกอดกระชับร่างผอมบางเอาไว้
อย่างคิดถึง

“คิดถึงสิคะ…แต่รู้ว่าคุณต้องไปทำหน้าที่นี่…คราวนี้อยู่นานๆได้ไหมคะ”

“คราวนี้จะอยู่ให้เธอหายคิดถึง…เพราะว่าโปรเจกต์ใหญ่สิ้นสุดลงแล้ว
เหลือแต่เก็บงานให้เรียบร้อย…ไม่ต้องระหกระเหินไปไกลอีกพักใหญ่ๆเลยทีเดียวล่ะ…”

เขาบอกพลางลอบถอนใจยาวด้วยความรู้สึกโล่งอก
เพราะงานที่เขาได้รับมอบหมายให้ทำบรรลุไปจนใกล้จะเสร็จลงแล้ว
เหลือขั้นตอนสุดท้ายเพียงเท่านั้น…ส่วนงานอื่นๆนั้นคงต้องมอบหมาย
ให้ลูกน้องคอยจัดการให้…เพราะเขาอยากอยู่ดูแลเมียและลูกอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น…

“ฉันมีข่าวดีจะบอกคุณด้วยนะ…” บิลกีสใช้ฝ่ามือดันแผ่นอกเขาให้ออกห่างเพียงนิด
เพื่อจะมองใบหน้าเขา สบตาเขายามเอื้อนเอ่ย

“ภาพวาดดอกไม้กลางคืนของฉันได้รับรางวัลค่ะ…แล้วไม่เพียงแต่ได้รางวัล…
ยังได้เงินจากการขายรูปดังกล่าวอีกห้าล้าน…มันพอจะซื้อบ้านของเราได้รึเปล่าคะ…”

ขุนพลมองแววตาคาดหวังและจริงใจคู่นั้นแล้วคลี่ยิ้มออกมา
ก่อนจะกอดกระชับร่างบางเข้าไว้อีกครั้ง…

“ได้สิ…ทำไมจะไม่ได้…ฉันติดต่อเรื่องซื้อบ้านได้เรียบร้อยแล้ว
และกำลังจะบอกเธอและทุกคนให้เตรียมย้ายไปอยู่บ้านของเราแล้วนะ…
ฉันอยากเซอร์ไพร้เธอและทุกคน…เลยไม่ได้บอกเรื่องนี้…”

ว่าพลางก้มลงฝังจมูกลงตรงกลางกระหม่อมของเธออย่างเช่นที่เขา
มักจะทำเป็นประจำในช่วงหลังๆมานี้…

บ้านหลังน้ันที่อาหมอแนะนำเขามาเมื่อไม่นานมานี้ถูกใจเขาทุกอย่าง…
จนเขาไม่ลังเลที่จะติดต่อเพื่อขอซื้อบ้านหลังนั้นกับทางเจ้าของ…
และเพิ่งเซ็นสัญญาเรียบร้อยก่อนจะเดินทางกลับมาหาเธอ…

เพราะเขาเดินทางไปต่างประเทศแค่สี่วัน อีกวันที่เหลือเขาจึงดำเนินการเรื่องดังกล่าวต่อ…
จนทุกอย่างลุล่วงไปได้ด้วยดีด้วยการช่วยเหลือจากอาหมอและภรรยาของท่าน…

“อาหมอแนะนำบ้านหลังหนึ่งมาให้…มันน่ารักและน่าอยู่เหลือเกิน
เอาไว้เธอไปเห็นจะต้องชื่นชอบแน่ๆ…ฉันเลยเปิดเครดิตกับอาหมอ…
เพราะเงินส่วนตัวของฉันมีแค่หกล้านที่พอจะออกไปได้โดยที่ค่าใช้จ่าย
ด้านอื่นๆจะไม่สะเทือน…” เขาบอกเธอตามตรง

“แล้วคุณเปิดเครดิตไปเท่าไหร่คะ…”

“สี่ล้าน…” บิลกีสยิ้มกว้างทันทีเมื่อได้ยินคำตอบนั้นจากปากของเขา

“งั้นเงินค่าภาพวาดของฉันก็พอให้คุณเอาไปคืนอาหมอสิคะ…ไชโย่”

บิลกีสดีใจอย่างที่สุดก่อนจะกอดเขาแน่น ขุนพลยกร่างบางขึ้นอุ้ม
แล้วหมุนไปรอบๆ เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของทั้งสองดังลั่นห้อง


จนคนป่วยที่นอนอยู่ได้ยินถึงกับคล่ียิ้มออกมา

“ขอบใจเธอมากนะกีส…ที่ทำให้ฉันมีวันดีๆแบบนี้…”

“คุณก็ทำให้ฉันมีวันดีๆแบบนี้เหมือนกัน…” บิลกีสบอกเขาก่อนจะถูกเขาจูบ
อย่างเอาเป็นเอาตายด้วยความคิดถึงระคนโหยหา…

“ยังมีพื้นที่ว่างด้านข้าง ใกล้ๆริมทะเลสาบ เธออยากทำเป็นสตูดิโอ
สำหรับวาดภาพก็ได้นะ…ฉันจะให้เขาดำเนินการสร้างให้…รับรองว่าบรรยากาศดี
ไอเดียบรรเจิดแน่…” เขาบอกหลังจากที่ผละจากริมฝีปากของเธอแล้ว…
บิลกีสยิ้มกว้างอย่างสุขใจ

“แล้วที่นี่ล่ะคะ…” อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสถานที่แห่งนี้

“ฉันตัดสินใจเก็บเอาไว้…เพราะว่าผูกพัน…ไม่อยากขายเลย…
เอาไว้ถ้าจนท่าจริงๆค่อยคิดอีกที…” เขาว่าขณะก้มลงหอมแก้มเธอ
แล้วไล่ลงไปเรื่อยๆตรงซอกคอ…

“น้องไอซ์รู้ต้องดีใจแน่ๆเลยค่ะ…” บิลกีสอดที่จะนึกถึงหญิงสาว
ที่เธอรักเหมือนน้องสาวแท้ๆไม่ได้

“พ่อก็คงจะถูกใจ…ดังนั้น…พรุ่งนี้ฉันจะหยุดงานเพ่ือช่วยกันเก็บข้าวของ
สำหรับย้ายบ้านกัน…” พูดจบเขาก็ยกร่างเธอขึ้นอุ้ม
แล้วพาออกไปจากห้องทำงาน จนไปสุดยังห้องนอนส่วนตัว…



“เหมียว…เหมียว…” เสียงร้องของแมวปลุกให้บิลกีสลืมตาโพลง
ผุดลุกขึ้นเห็นร่างของแมวดำที่แทรกกายแหวกตรงช่องประตูห้อง
ที่ถูกแง้มไว้เพียงนิดเดียว…

“แมว…” หญิงสาวตกใจไม่น้อยที่พบว่าในห้องมีแมว มันมาได้อย่างไร
ก่อนจะหันไปยังคนที่นอนคว้ำหน้าเพราะหมดแรง แล้วขย่มร่างเขา
เพื่อให้ตื่นมาไขข้อข้องใจ

“อื้อ…” เสียงนั้นประท้วงในลำคอ

“ก็แมวน่ะสิ…แมวมาได้ไงคะ…”

“แมวดำแมวลายน่ะหรือ…” เสียงเขางัวเงีย

“เห็นแต่แมวดำ…”

“ฉันเอามาเอง…มันป้วนเปี้ยนอยู่แถวที่บริษัทอยู่นานแล้ว…สงสาร
เห็นแล้วนึกถึงเธอขึ้นมา เลยเอามาด้วย…จะได้อยู่เป็นเพื่อนเธอไงล่ะ…”

เขาบอกไปพร้อมเปิดปากหาวหวอดๆ บิลกีสเลยลุกขึ้นไปดูเจ้าแมวดำ
ที่ตอนนี้กระโดดขึ้นไปนอนอยู่บนโซฟา

“โอ้โห…หน้ามอมขนาดนี้เลยหรือเนี่ย…” บิลกีสใช้มือจับคางของแมว
ขึ้นมาสำรวจตรวจตราใบหน้า แล้วก็พบว่านอกจากจะมีรูปร่างผอมโซแล้ว
ใบหน้ายังมอมแมมดูไม่ได้…

และเพียงไม่นานแมวลายที่เขาว่าก็เดินเข้ามา มันเดินทอดน่องเข้ามาคลอเคลียเธอ
อย่างออดอ้อนออเซาะ ผิดวิสัยแมวจรจัด

“แมวดำเป็นชายส่วนแมวลายเป็นหญิง…” เสียงนั้นดังมาจากคนที่นอนอยู่บนเตียง…

“คุณรู้ได้ไง…”

“น้องที่บริษัทบอกมา…” หลังจากฟังเขาเฉลย บิลกีสจึงตรวจดู
จุดบ่งบอกเพศของแมวด้วยการจับหางของมันยกขึ้นแล้วยิ้มออกมา

“ถูกของน้องเขา…แมวดำตัวผู้แมวลายตัวเมีย…” พูดไปแล้วก็ได้แต่ยิ้มพลางส่ายหน้า…
แทนที่จะหาซื้อแมวพันธุ์ดีสวยๆมาเอาใจเธอ
เปล่าเลย…เอาแมวจรจัดมาให้เธอเลี้ยงเสียเนี่ย…โรแมนติกมากพ่อยอดชายของเธอ

เพราะเจ้าแมวดำแมวลายของเขามันช่างหาความน่ารักแทบไม่ได้
แต่เมื่อพิศใบหน้าของมันดูดีๆ ให้ลึกซึ้งจึงพบว่าดวงตาของมันใส่แจ๋ว
ส่อแววเป็นแมวที่ดีได้ ดั้งจมูกไม่หัก หน้าไม่พับ ไม่ยับย่นและยู่ยี่
ขนอาจจะไม่ฟูฟ่อง แต่ถ้าอาบน้ำให้ดีๆ สระขนให้บ่อยๆ อาจขึ้นเงาสวยได้ไม่ยาก…
แถมหางยังตรงยาวสวยเหมือนหางเสือดำ ขาก็ดูแกร่ง เท้าก็มีถุงเท้าสีขาวๆ
ไม่ได้ดำทั้งตัว

ส่วนแมวลายตัวเมียก็ดูมีราศีผู้ดีจับอยู่บ้างตรงที่เดินทอดน่องไปมาได้น่ามองนี่แหล่ะ
มีจริตไม่เบาทีเดียว สมเป็นแมวตัวเมีย แถมเค้าโครงหน้าก็ดูจิ้มลิ้มไม่น้อย…

“ชอบมั้ย…” เขาถามโดยที่ตอนนี้ลุกขึ้นมานั่งพับเพียบบนเตียง
ทอดมองมาทางเธอ

“ไม่รู้สิคะ…ตอนนี้หน้ามันมอมเหลือรับจริงๆ…คงต้องพาไปชุบตัวในห้องน้ำแล้วล่ะ…”

“แต่ฉันว่า…มันสวยและน่าจะดัดนิสัยให้ดีได้ไม่ยากนะ…ไม่เชื่อคอยดูสิ…”
เขาว่าพลางลุกขึ้นสวมเสื้อผ้าแล้วเดินมาคว้าแมวดำเดินไปห้องน้ำ แล้วบอกเธอว่า

“เอาแมวลายของเธอตามมาด้วยสิ…จะได้จับเข้าบิลกีสซาลอนเสียที
หน้าตาดำ เนื้อตัวก็ดูไม่ได้เลย…ดูสิ…”

เพียงไม่นาน แมวดำแมวลายก็โดนลอกคราบ แม้ลายจะยังอยู่ครบ
แต่คราบสกปรกมอมแมมถูกล้างออกจนหมด กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็ถูกขัดออก
จนเหลือเพียงกลิ่นแชมพูสระผมของบิลกีสที่ทิ้งไว้บนขนนุ่มๆ
ที่เริ่มเป็นเงางามเมื่อถูกจับให้เช็ดตัวแล้วเป่าขนให้…

ขุนพลเป็นลูกมือชั้นเยี่ยมในการช่วยจับแมวทั้งสองไม่ให้วิ่งหนีโดยมีบิลกีสคอยขัดๆถูๆ
ให้อย่างไม่กลัวว่าจะโดนกัด…บิลกีสซาลอนดูปั่นป่วนวุ่นวายไม่น้อยทีเดียว

“เฮ้อ…สวยหล่อสักที…” บิลกีสถอนหายใจเมื่อมองดูผลงานของเธอกับเขา
ที่เดินทอดน่องไปมาในห้องนอน…แมวดำแมวลายสวยและสะอาด
หากเจ้าของซาลอนกลับมีสภาพที่ดูไม่ได้แทน

“คุณนี่ตาแหลมจริงๆ…” อดไม่ได้ที่จะชมคนที่เอามันมาให้เลี้ยง

แม้จะไม่สวยเลิศหรูเหมือนแมวราคาแพงๆ แต่เจ้าสองตัวนี่ก็ดูน่ามองไม่น้อย
เมื่อถูกขัดสีฉวีวรรณเสร็จเรียบร้อยแล้ว

“กะจะเอาไปช่วยไล่หนูที่บ้านหลังใหม่น่ะ…” เขาบอกอย่างสัตย์ซื่อ

“พันธุ์พื้นบ้านแบบนี้แหล่ะดี…จับหนูเก่ง ฉันเห็นฝีมือมันมาแล้ว…”

นั่นเพราะเขาเห็นเจ้าสองตัวนี้เล่นจับหนูอ้วนพีที่โผล่มาจากท่อน้ำอยู่บ่อยๆ
เวลาเดินผ่านหน้าบริษัท…มันไม่ได้วิ่งหนีหนูตัวโตอย่างแมวพันธุ์ดีราคาแพง…

แถมยังรักใคร่กลมเกลียวไม่มีทอดทิ้งกัน เดินกะหนุงกะหนิงวิ่งเล่นจับกันเป็นประจำ
อายุคงไม่เกินสองเดือน นับว่ายังพอดัดนิสัยกันได้...

“แรกๆมันอาจจะมีนิสัยขี้ขโมยหน่อย…เพราะต้องเอาตัวรอด
โดยไม่มีใครคอยหาคอยป้อนอาหารให้ อดมื้อกินมื้อตามประสาแมวจรจัด…เลยผอมโซ…
เอาไว้เธอช่วยฝีกช่วยดัดนิสัยมันหน่อยก็แล้วกันนะ…ฉันยกให้เธอทั้งสองตัว…”

แล้วเขาก็ยกมันให้เธอหน้าตาเฉยเลย…นี่มันคือของขวัญหรือภาระกันแน่ชักหวั่นใจ…

“งั้นฉันไปหาอะไรให้กันกินก่อนแล้วกันค่ะ…” บิลกีสลุกขึ้น
พลางเรียกให้มันออกไปยังในห้องครัว ขุนพลจึงบอกเธอไปว่า

“ฉันซื้ออาหารเม็ดมาให้มันแล้ว วางอยู่บนโต๊ะในห้องรับแขกน่ะ…”

หลังจากให้อาหารแมวแล้ว บิลกีสก็เดินเข้าห้องเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกาย
เพื่อเข้าสู่พิธีละหมาด ก็พบว่าเขาเดินออกมาจากห้องน้ำ
พร้อมผ้าขนหนูผืนเดียวที่ปกปิดส่วนล่าง เนื้อตัวยังมีหยดน้ำเกาะพราว

“เรียบร้อยแล้วเหรอ…” บิลกีสพยักหน้าแล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนู

“อยากกินอะไรพิเศษมั้ย…” เขาถาม บิลกีสจึงหันมาหา

“ก็กำลังจะไปทำให้กินไงล่ะ…”

โหย…ใจดีจัง…หญิงสาวคิดพลางรู้สึกอิ่มอุ่น…ไม่คิดว่าผู้ชายที่เธอเห็นเพียงความเย็นชา
เฉยเมยจะทำให้ชีวิตเธอมีชีวิตชีวามากขึ้นเรื่อยๆเช่นนี้

“ตามใจพ่อครัวค่ะ…ยกเว้นเมนูตับน้า…” กี่ครั้งๆเธอก็ยังย้ำเขาเรื่องเมนูตับอยู่นั่น…
จนอดส่ายหน้าไม่ได้…

“โอเค…” แล้วเขาก็สวมชุดสบายๆอยู่กับบ้านแล้วเดินไปยังสถานที่สำหรับทำละหมาด
บิลกีสแย้มยิ้มเดินเข้าห้องน้ำไป…




“ว้าย…” เสียงดุจมณีที่เดินกอดขวดโหลใบโตมาถึงกลับตกอกตกใจ
เมื่อเจอเข้ากับศัตรูตัวฉกาจของอภินันทนาการจากพี่ปองขวัญที่เธอเดินกอดมา…

“อะไรยัยไอซ์ กรี๊ดซะลั่นห้อง…” คนเป็นพี่ที่คาดผ้ากันเปื้อนพร้อมตะหลิวในมือ
เดินออกมาดูน้องสาวอย่างห่วงๆ

“ก็นี่มันแมวนี่คะ…”

“ก็แมวน่ะสิ…แล้วนั่นกอดอะไรมา”

“ปลาทองค่ะ…พี่ปองกับพี่ลมให้มาเลี้ยงแก้เหงา…”

ว่าพลางกอดขวดโหลไปวางไว้ตรงโต๊ะตัวสูงที่สุดในห้องรับแขก…

“สองตัวผัวเมียค่ะ…เอาไว้ขยายพันธุ์ต่อ…”

ขุนพลมองปลาทองของน้องสาวที่ว่ายเล่นในขวดโหลใบใหญ่แล้วได้แต่ยิ้ม

…เอาแล้วสิ…แมวดำแมวลายกับปลาทองผัวเมีย…

“ประจวบเหมาะมาก…พี่ก็กะจะเอาแมวดำแมวลายมาให้พี่สาวเราเขาเลี้ยงแก้เหงาพอดี…
อยู่ๆอาหารอันโอชะของแมวพี่ก็ถูกส่งมาทันเวลา…”

ดุจมณีค้อนพี่ชายพลางมองเจ้าแมวสองตัวอย่างระแวดระวัง
แล้วอดเป็นห่วงสวัสดิภาพของปลาทองผัวเมียที่ได้รับมาไม่ได้

“ตอนนี้อาหารของพี่นั่นแหล่ะจะไหม้…” ดุจมณีทำจมูกฟุดฟิด
และนั่นส่งผลให้ขุนพลสะดุ้งรีบวิ่งกลับไปในครัวทันที…ทำเอาน้องสาวยืนหัวเราะลั่นห้อง
อย่างขบขันกับท่าทางของพี่ชาย…

ก็พอดีที่บิลกีสเดินออกมาด้วยใบหน้าที่แช่มชื่นเพราะได้อาบน้ำมาหมาดๆ
ซ้ำยังได้ละหมาดมาด้วย…จิตใจเลยปลอดโปร่ง

“นั่นมันปลาทองนี่น้องไอซ์…” บิลกีสเห็นสิ่งที่น้องสาวสามี
กำลังยืนประคบประหงมไม่ยอมออกห่างด้วยท่าทางห่วงๆน่ันแล้วอดยิ้มไม่ได้

เพราะไม่ใกล้ไม่ไกลกันนั้น เจ้าแมวดำแมวลาย สมาชิกใหม่
กำลังเดินซอกซอนไปมาราวกับรู้ว่าเหยื่อไม่ได้อยู่ไกล

“เอาไปไว้ในห้องน้องไอซ์สิคะ…แล้วปิดประตูให้หนาแน่น
เจ้าสองตัวนี้ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว…” บิลกีสแนะนำ ทำให้ดุจมณีถึงกับหันมายิ้ม
ให้กับไอเดียของพี่สะใภ้ทันที

“เลิศมากค่ะ…ไอซ์แทบจิตตกตอนเข้ามาเจอเจ้าสองตัวนี้…”

“ดีนะคะที่แค่จิตตก ไม่ทำขวดโหลตก ไม่งั้นแมวสองตัวคงระริกระรี้
วิ่งไปต้อนรับสมาชิกใหม่ที่เข้ามาเพิ่มด้วยอย่างร่าเริงแน่…”

ดุจมณีค้อนประหลับประเหลือกให้คนอารมณ์ดีตรงหน้า…
เห็นพี่สะใภ้มีความสุขแล้วพลอยสุขไปด้วย

“งั้นไอซ์เอาปลาทองของไอซ์ไปซ่อนเจ้าสองตัวดีกว่า…ไม่น่าไว้ใจเลย”

แล้วร่างโปร่งระหงก็เดินกอดขวดโหลเข้าห้องนอนของตนไป…
บิลกีสจึงเดินไปยังห้องครัวที่ได้กลิ่นอาหารเตะจมูก

“หอมจังเลยค่ะ…ทำอะไรให้กินคะเนี่ย…”

“ข้าวผัดทะเล…แต่ฉันเกือบทำมันไหม้ไปแล้วละ…โชคดีที่ยังไม่เป็นไร”

แล้วมือใหญ่ก็ผัดข้าวในกระทะ ทำเอาคนยืนมอง มองเพลิน…
ผู้ชายตัวใหญ่ๆเวลาอยู่ในครัว ทำเอาครัวเล็กๆแคบลงไปไม่น้อยทีเดียว

ยิ่งยามใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูลายคิตตี้ที่ดุจมณียุให้เธอเลือกซื้อมา
มันช่างดูตลกขบขันไม่น้อยเมื่อมาอยู่บนตัวของเขาที่ทั้งตัวโตและหน้าดุ

“ครัวที่บ้านใหม่ของเรา ใหญ่มาก…ฉันเห็นแล้วนึกถึงเธอขึ้นมา
เธออยากทำอะไรในนั้นคงสะดวกกว่านี้สิบเท่า…”

“แต่ฉันก็คงอดคิดถึงที่นี่ไม่ได้แน่ๆเลย…” น้ำเสียงเหมือนอาลัยอาวรณ์นั้น
ทำให้คนที่กำลังตักข้าวผัดใส่จานเหลือบมอง

“เป็นปกติของคนเรา…ที่ต้องอาลัยอาวรณ์ ฉันเองถึงได้อยากเก็บที่นี่เอาไว้ไงล่ะ…”

เขาบอกอย่างเข้าอกเข้าใจ

“แต่ที่นี่แคบเกินสำหรับห้าชีวิต…” เขาบอกเมื่อมองตรงมาที่หน้าท้องเธอ

“ลูกเราต้องการที่ที่สามารถวิ่งเล่นได้…และที่นั่นมีที่ให้เขาวิ่งเล่นได้อย่างอิสระ
ส่วนพ่อฉันก็ต้องการบรรยากาศดีๆ…ที่นั่นจึงเหมือนเป็นคำตอบที่ตรงใจฉัน…”

ว่าพลางจัดการฝานแตงกวาวางขอบจานข้าวผัดสามจาน…
ก่อนจะตบท้ายด้วยมะเขือเทศสดๆที่ถูกหั่นบางๆวางไว้ใกล้ๆกันกับแตงกวา

เขาดูทำอะไรคล่องแคล้วไปหมด...ขนาดกระทะในมือยังดูเล็กลงไปถนัดตา
ทำไมหนอ เวลามันอยู่ในมือเธอถึงได้ดูยิ่งใหญ่ แต่พออยู่ในมือเขามันดูไร้พิษสง
ได้ขนาดนี้ ตะหลิวนั่นอีก สำหรับเธอแล้วมันดูจะควบคุมได้ยากในบางครั้ง
แต่พอตกอยู่ในมือเขา มันกลับดูเชื่องและเชื่อฟังเขาอย่างไรก็ไม่รู้สิ...

“มีแกงจืดผักรวมด้วยนะ…เสร็จพอดีด้วย…”

เขาว่าพลางตักแกงจืดใส่ถ้วยสามถ้วย ก่อนจะยกของที่เตรียมไว้ทั้งหมด
ไปวางไว้ตรงโต๊ะกินข้าว บิลกีสจึงอาสาช่วยอย่างแข็งขัน

เป็นความอบอุ่นที่เธออยากให้มันคงเป็นเช่นนี้ตลอดไป…

เพิ่งรู้ว่าคนเย็นชาเวลารู้จักเอาอกเอาใจคนอื่นนั้นดูอบอุ่น มีเสน่ห์น่าเข้าใกล้
และน่าซบไหล่หนาๆนั้นแค่ไหน…แสดงว่าเธอเฝ้ารักคนไม่ผิดใช่มั้ย…
เขาไม่ได้เป็นแค่สามีของเธอ แต่เขาเป็นพ่อของลูกในท้องของเธอ...

มันช่างเหมือนฝัน...เธอไม่เคยคาดคิดว่าชีวิตนี้จะได้ครองคู่กับชายในฝัน
ที่แม้หน้าตาจะพอใช้ได้...แต่เสน่ห์ของเขามัดเธอเอาไว้ไม่ให้ไปไหนได้เลย
ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอ...



....โปรดติดตามตอนต่อไป........


เอาความหวานนิดๆมาเสริฟให้กันค่ะ...หายไปหลายวัน
ไม่รู้จะมีใครคิดถึงเราบ้าง...อิอิ


....ตอบเม้นจากนักอ่านในตอนที่แล้วจ๊ะ...



1.คุณตุ๊งแช่...ให้คลอดเลยเหรอคะ...โอ้ว...
ถ้าต้องเขียนจั่วหัวว่า...หกเดือนผ่านไปนี่โยคิดหนักเลยน้า...
มาม่าลดดีกรีลงแล้วค่ะ...แล้วค่อยมากินมาม่ากันต่อน้า...
ใครชอบกินเส้น รับรองว่าต้องชอบมาม่า...ฮ่าๆๆๆ
แต่อาจจะไม่ไวไวนะคะ...

2.คุณใบบัวน่ารัก...ตอนนี้ได้แมวมาแย่งกินปลาแล้วนะคะ
ได้มาสองตัว แถมยังมีปลาทองผัวเมียมาอีก...อิอิอิ

3.คุณแว่นใส...นิยายเต่าแม้จะรันทดหดหู่ แต่การันตีได้อย่างว่า
มันต้องจบอย่างสวยงามเท่าที่ความสามารถเต่าจะจิ้นได้ค่ะ...อิอิอิ
แต่กว่าจะจบมันอาจจะมีการสูญเสียอะไรกันไปบ้างตามประสา
คนชอบกินมาม่า...ฮ่าๆ ส่วนคู่ของดุจมณีนั้น แว้บๆมาให้เห็นแล้วนะคะ
พี่หรือน้องต้องมาลุ้นกัน...

4.คุณnapt...นางเอกโยมีรั่วกันทุกคนเลยค่ะ...อยู่ที่ว่าจะรั่วตรงไหน
ของบิลกีสนี่รั่วได้เหมือนปาล์มมี่เลยว่ามั้ยคะ...แบบว่า...ชาดำ ชาดำ ชาด๊า
อิอิอิ....กีสชอบกินชาดำเหมือนปาล์มมี่ค่ะ...

5.คุณRightHand...คิดดูนะคะว่ามาบอกรักเอาตอนมีลูก...
แก่จะเข้าโลงกันทั้งคู่แล้วด้วยซ้ำ ไม่เคยเขียนนิยายเรื่องไหนที่พระนาง
จะอายุอานามขนาดนี้เลยสักเรื่อง...ช่างกดดันตัวเองมากเลยค่ะ...อิอิ
ปล.รักแท้รักคืออะไร ตับไตไส้พุง หรือรักกางเกงที่นุ่ง (โยขอร้องเพลงนี้
แทนคำตอบได้มั้ยอ่ะคะ)...ฮาาาาา...จริงๆแล้วอยากบอกว่า
โยเชื่อว่าความรักคือความเมตตาจากพระเจ้าค่ะ...เลยขอบคุณทุกครั้งท่ีหัวใจได้สัมผัส
กับความรัก...และขอบคุณผู้ที่รักเรา มอบรักให้เราด้วย...แล้วที่สำคัญ
ขอบคุณผู้ที่สอนให้เราได้รู้จักรักด้วยค่ะ...รักของโยของแท้หมดเลย...ไม่ปลอม
แต่ของคนอื่นโยก็ไม่แน่ใจ...ไม่กล้าการันตี...เพราะไม่มี อย.จากสาธารณสุข
กินได้รึเปล่าก็ไม่รู้ อิอิอิอิ แต่หลายคนบอกว่ารักกินไม่ได้นา...
แต่โยว่า...แม้เขาว่ากินไม่ได้ แต่ไม่รู้ทำไมมันทำให้อิ่มได้...เช้อออออ...



...สุดท้ายไม่ท้ายสุด...

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านมากๆนะคะที่เข้ามากดอ่านกัน ยิ่งกดไลค์ให้กันยิ่งขอบคุณหลายๆ
ขอบคุณทุกๆกำลังใจไม่ว่าจะมาจากฟากใดประเทศใดในโลกนี้นะคะ...

...รักษาสุขภาพนะคะ....

"เต่าโย"





yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.พ. 2558, 05:04:13 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.พ. 2558, 05:04:13 น.

จำนวนการเข้าชม : 2170





<< บทที่13 เพราะมีเธอ   บทที่ 15 รางวัล >>
แว่นใส 11 ก.พ. 2558, 08:55:51 น.
เสียพ่อหรือว่าเสียลูกล่ะเนี่ย เพราะนายน้องชายตัวร้ายหรือเปล่านะ


ตุ๊งแช่ 11 ก.พ. 2558, 09:21:39 น.
เพิ่มสมาชิกเพียบเลย เอิ่ม มาม่ายังไม่อืดอีกเหรอ
ฟ้าหลังฝนรึยังนี่ คู่นี้


ใบบัวน่ารัก 11 ก.พ. 2558, 10:26:55 น.
หิวพอดีเลย
กินข้าวด้วยน้า
มื้อหน้าเอาปลาซาบะย่างซีอิ้วนะ
กะ ข้าวสวยญี่ปุ่น ไข่ตุ๋นทะเลนะ อีกถ้วย
ว้าวๆๆๆ น่าอาร่อย


RightHand 11 ก.พ. 2558, 22:05:23 น.
ว้าาา ฉันอิจ-ฉาเธอซะแล้วล่ะบิลกิสสส คนเรานี่หล่อที่ใจจริงๆ :)


napt 5 มี.ค. 2558, 06:49:11 น.
เวลาเอาอกเอาใจนี่ ไม่มีลิมิตเลยนะไนท์ ชอบๆ อยากให้กีสมีความสุขยาวๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account