ดวงใจพรต (ปรับปรุง)
พรต...ลูกชายป๊ะเพลิงแห่งหุบเขาพญา
จากคุกทมิฬมารับมรดกที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน
แต่...ความโชคดีกลับมาพร้อมหายนะ และเธอที่น่าสงสัย
ความร้ายกาจที่ซ่อนอยู่จึงปรากฏออกมาอย่างไม่ปราณี
บัญชีนี้...ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต หัวใจต้องชดใช้ด้วยหัวใจ
ดวงใจพรต จึงได้มาพร้อมหยาดน้ำตาและร่างกาย


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 9

ตอน 9
“พี่พรีมจะกลับแล้วเหรอคะ” แพทิเซียถามเสียงใสซื่อ แต่พรีมาดามองอย่างสงสัยว่าจะเห็นอะไรหรือเปล่า แล้วพยักหน้าตอบคำถามเมื่อกี้ ก็จะเดินไป แต่... “จะไม่ไปลาอดัมหน่อยเหรอคะ”

เธอเอียงหน้ามามอง ยิ้มเยือนให้ก่อนจะพูดออกมาคล้ายจะท้าอยู่ในที “อยากให้ไปเหรอ”

“ก็ ถ้าพี่พรีมไม่รีบ”

“ไม่กลัวแสลงใจเหรอ”

“คะ” แพทิเซียทำงง ไม่เข้าใจ แต่พรีมาดาไม่เชื่อในหน้าที่ใสซื่ออีกแล้ว เพราะการกระทำมันขัดกับหน้าตาและการที่มาคะยั้นคะยออยู่นี้ เธอก็ไม่เชื่อว่าเป็นความบริสุทธิ์ใจ เพราะถ้าใช่คงไม่แย่งคนรักเธอไป

“ที่อยากให้ไปนะ ไม่กลัวถ่านไฟเก่ามันจะคุหรือไง หรือคิดจะเยาะเย้ยกัน อย่าเลย พี่สมเพชมากกว่าจะเจ็บแล้ว” แล้วเธอก็เดินจากไป ทิ้งให้แพทิเซียมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ เพราะเธอไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย แค่...สีหน้าเธอเศร้าแต่แววตาช่างต่างกับสีหน้าเหลือเกินเพราะมันเปล่งประกายขึ้นมาเท่านั้นเอง

พรีมาดาเดินตรงมาที่ลิฟต์ ภาพบนผนังที่สวยงามนั้นไม่สามารถเรียกความสนใจจากเธอได้เลย เพราะจิตใจเธอกำลังถูกรบกวนด้วยท่าทางน้องต่างพ่อ ตอนที่เธอเปิดประตูออกมาจากห้องคนร้ายกาจนั้น สายตาแวบแรกที่เห็นเธอมั่นใจว่าเหมือนเยาะเย้ยเธอ แล้วยังจะคำพูดเมื่อกี้อีก คนบริสุทธิ์ใจที่ไหนจะทำกันอย่างนั้น

แล้วคิดถึงคนที่หยาบคายกับเธอเป็นครั้งที่สอง ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันด้วยความโกรธ แต่ยิ่งเม้มก็ยิ่งเหมือนรู้สึกถึงสัมผัสของเขา แค่นั้นยังไม่พอคำพูดสุดท้ายที่เขาพูด มันหมายความว่ายังไง เธอถามตัวเอง ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นคนที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์

“พรีม”

พรีมาดาทำหน้าเบื่อหน่ายให้เห็น และอยากจะหันหลังเดินหนีไปให้ไกลคนหน้าไหว้หลังหลอก หลอกกันแทงข้างหลังเธอ แต่ไม่ใช่นิสัย ไม่ใช่คนอ่อนแอที่จะยอมอะไรง่ายๆแบบนั้น จึงยืนอยู่อย่างนั้น กระทั่งร่างสูงเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ไม่ห่าง

อดัมยิ้มอย่างดีใจที่ได้พบเธอ พลางคิดว่าเขาตัดสินใจไม่มีผิดที่มาดักรอเธออยู่ตรงนี้ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องเขาได้เจอแต่ยังไม่มีโอกาสพูดคุยกับเธอเลย “สบายดีไหม” เขาทักแก้เก้อ เมื่อเธอไม่พูดอะไรออกมา แต่ความเงียบเป็นคำตอบให้เขาต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ “จะไม่ทัก ไม่คุย ทำเหมือนไม่รู้จักกันเลยเหรอ”

“ค่ะ ต่างคนต่างอยู่ อย่างมายุ่งวุ่นวายกันดีกว่า”

“แม้จะทักกันก็ไม่ได้เหรอ”

“ถามตัวเองดีกว่า ว่ามีค่าพอที่ฉันจะทำอย่างนั้นหรือเปล่าค่ะ”

“ฉันเหรอ พรีม...” อดัมรู้สึกเหมือนความสัมพันธ์ที่ผ่านมาขาดสะบั้นลง เพราะแม้แต่คำพูดที่เธอเคยอ่อนหวานกับเขาก็หายไปไม่มีเหลือ “คุณโกรธผมมากซินะ แต่ผมอธิบายได้”

“งั้นก็ว่ามา”

เสียงเยาะนัยน์ตาเหยียดทำให้อดัมรู้สึกอึดอัด พร้อมครุ่นคิดหาคำพูดดีๆ ที่จะทำให้เธออภัยให้เขา และกลับมามองเขาด้วยความรู้สึกพิเศษต่อกันเหมือนเดิม “ผมขอโทษ ผมแค่เผลอไปเท่านั้นเอง คุณจะไม่อภัยกันเลยเหรอ”

“อะไรที่คุณบอกว่าเผลอไปเพื่อให้ฉันอภัย แอบเล่นรักกันระหว่างที่ฉันไม่อยู่ แล้วแทงข้างหลังฉันด้วยการหมั้นกันอย่างงั้นเหรอ”

“ไม่ใช่นะ พรีม ไม่ใช่” เสียงอดัมรัวเร็ว ทั้งๆที่สงสัยว่าเธอรู้ได้ยังไงและรู้สิ่งที่เขาทำลงไปมากแค่ไหน

“แล้วอะไรที่ใช่ ห้องสวีทบนโรงแรมหรู หรือแหวนบนนิ้วนางคุณดีละ” เสียงเธอสุดจะหยัน ขณะที่อดัมหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม

“คุณเห็น พระเจ้า พรีม มัน ก็ ก็แค่อารมณ์ของผู้ชาย แต่จริงๆแล้วผมยังรักคุณอยู่นะ รักไม่เคยเปลี่ยนแปลง”

พรีมาดาสมเพชคนตรงหน้าอย่างแรง “รักเหรอ คำนี้พูดง่ายจัง ฉันก็พูดได้ แต่ไอ้กลิ่นคาวๆที่มันฉาวโฉ่ออกมานี้ซิ คุณจะพูดยังไง แต่ช่างมันเถอะเพราะอย่างน้อยคุณก็ยังมีดี ที่รับผิดชอบ แต่ฉันสะอิดสะเอียนคำพูดที่ฟังแล้วน่าเห็นใจของคุณนัก และอยากให้แพทมาได้ยินจังเลย จะได้รู้ว่าผู้ชายที่เธอเห็นเป็นเจ้าชายเหมาะกับเจ้าหญิงที่สูงส่งอย่างเธอ ที่จริงแล้วสับปลับแค่ไหน และขอให้คุณรู้ไว้ ว่าไม่ว่าคุณจะพูดยังไง หรือต่อให้ไปเลิกกับแพทิเซียเพื่อกลับมาหาฉันอีก ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจฉันให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมกับคุณไม่ได้อีกแล้ว”

“ทำไม”

“เพราะฉันรู้สึกเฉยๆกับคุณแล้วไง”

อดัมรู้สึกเหมือนโดนตบจนหน้าชา เพราะทุกอย่างที่เขาทำให้เธอ ทุกสิ่งที่พร่ำบอก คิดไม่ถึงว่ามันจะไร้ความหมายได้รวดเร็วขนาดนี้ พรีมาดาไม่สนใจว่าเขาจะรู้สึกยังไง เธอเดินผ่านตัวเขาไปและเบี่ยงมือหนี ฝ่ามือของเขาที่พลิกขึ้นจะจับมือเธอเข้าไปยืนอยู่ในลิฟต์ที่เปิดออกพอดี แล้วกดปิด โดยไม่สนใจสายตาที่ทอดมองมาอย่างอาวรณ์ วอนขอความรักของเขา
ขณะที่อีกมุมหนึ่งที่ไม่มีใครเห็น แพทิเซียยืนมองภาพบาดตาปวดหัวใจ เพราะคนที่เธอรักไม่เคยมองเธอด้วยสายตาอาวรณ์หาขนาดนี้เลย ก่อนหน้านี้เมื่อเธอเดินกลับไปที่ห้องเขา พอไม่เห็น ลางสังหรณ์เธอก็บอกให้รีบตามพี่สาวต่างพ่อมา แล้วเธอก็ได้เห็นจริงๆ เธอเก็บกดความรู้สึก ปรับสีหน้าให้เป็นปรกติ แล้วยิ้มออกมาแม้ใจอยากจะกรีดร้อง เดินไปหาเขาด้วยท่าทางที่สดใส

“อดัมคะ” คนที่ถูกเรียกทำสีหน้าเบื่อๆ ก่อนจะรีบปรับสีหน้าแล้วหันไปยิ้มให้คู่หมั้นที่ส่งยิ้มหวานมาให้ “มาทำอะไรแถวนี้คะ”

“มาคุยงานนิดหน่อยครับ แล้วคุณไปหาพี่สาว เธอยังอยู่ที่ห้องประธานหรือเปล่า”

แพทิเซียกำมือจนเล็บจิกเนื้อ เพื่อไม่ให้แสดงความรู้สึกใดๆออกมา ก่อนตอบเหมือนไม่รู้ไม่เห็นอะไรเลย “อยู่ค่ะท่าทางทั้งคู่เข้ากันได้ดีจนน่าอิจฉาเชียวคะ” ตอบแล้วเธอก็จับมือเขา ดึงให้เดินไปด้วยกัน

“งั้นเหรอ” อดัมถามเรื่อยๆเหมือนไม่รู้สึกอะไร แพทิเซียจึงได้แต่หน้าชื่นอกตรมไปเท่านั้น และใจที่ถูกความหึงหวงครอบงำ ทำให้เธอบอกว่า

“ค่ะ แต่แพทไม่คิดว่าจะเห็นบางอย่างที่ไม่ควรเห็น”

“อะไรละ”

แพทิเซียเม้มริมฝีปากเหมือนไม่อยากจะพูดออกมา สีหน้าก็หวั่น แต่สุดท้ายก็บอกว่า “แพทเห็นเขาจูบกันค่ะ”

อดัมกำมือคู่หมั้นที่จับอยู่ไว้แน่น เพราะรู้สึกทั้งรักทั้งชังอดีตคนรัก ต่อหน้าเขาก็ทำเป็นโกรธเกลียดที่ถูกหักหลัง ต่อว่าเขามากมาย แต่ลับหลังก็ระริกอยู่กับชายอื่น ถ้าเป็นคนอื่นที่เขาไม่รู้จัก คงไม่เจ็บขนาดนี้ แต่นี่เป็นคนที่กำม็อตต้าไว้ในมือแทนเขา แล้วกำลังจะได้เธอแทนเขาอีกด้วยเหรอ

‘ผู้หญิง’

เสียงดูถูกดังคั่งแค้นอยู่ในใจ และออกมาทางสีหน้าให้คู่หมั้นที่มองอยู่ ต้องเบือนหน้าหนีเพราะเจ็บ ที่เขายังตัดใจจากพี่สาวต่างพ่อของเธอไม่ได้เสียที

พรีมาดาเดินแบบขัดๆออกมาจากประตูลิฟต์ ตรงไปที่ประตูทางออก ส่งยิ้มให้พนักงานต้อนรับที่หันมามอง แล้วชะงักไปนิดเมื่อเห็นคนเดินมาหาพร้อมรอยยิ้มที่บอกความยินดี แต่เธอแปลกใจว่าเขามาได้ยังไง กระทั่งร่างสูงเดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก็บอกว่า

“คุณน้าบอกพี่ว่า พรีมมาที่นี่ พี่เลยแวะมารับไปอัลโตนิโอด้วยกัน”
“พรีมมีซาก้ารออยู่ค่ะ” เธอบอกปฏิเสธอย่างนุ่มนวล แต่คนมารับเตรียมการณ์ไว้หมดแล้ว จึงบอกว่า

“พี่บอกให้กลับไปแล้ว ไปเถอะ” พูดจบเขาก็จับข้อศอกเธอให้เดินไปด้วยกัน

พรีมาดาแอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะตอนนี้เธออยากอยู่กับตัวเองมากกว่าที่จะปั้นหน้าอยู่กับใคร แต่ไม่อยากทำร้ายน้ำใจของคนที่ดีกับเธอมาตลอด จึงเดินตามโดยไม่พูดอะไร และไม่รู้ว่าภาพที่เธอเดินออกไปจากม็อตต้านั้น มีใครมองอยู่บ้าง

ร่างสูงของทายาทเพลิงพญายืนอยู่ข้างรถ สองมือซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง ขณะสายตามองตามหญิงสาวที่เขาลงดักรอ เพื่อพาไปส่ง แต่ถูกตาอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้โผล่มาดักหน้าคว้าตัวเธอไปเสียแล้ว อุตสาห์ตีวัวกระทบคราดจูบเธอให้น้องต่างพ่อเห็นเพื่อให้รู้ไปถึงหูอดีตคนรัก จะได้หมดเยื่อใยกันเสียที แต่ดันมีอีกคนโผล่มาคว้าเธอไป มันน่าเจ็บใจจริงๆ

เขาขบฟันเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจ และยิ่งกดแน่นเมื่อมีเสียงกระเทยควายดังคล้ายพรายกระซิบอยู่ข้างๆ

“นายลีโอ อัลโตนิโอ ลูกชายของนายริคาร์โดกับภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย ก่อนจะหย่าขาดกันไป จึงไม่มีสายเลือดผูกพันใดๆต่อกัน นับเป็นพี่ชายร่วมโลก แต่จะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นด้วยหรือเปล่า ดูสายตาหมอนั้นเอาเองก็แล้วกัน”

“เขาเป็นยังไง”

“อนาคตซีอีโอของอัลโตนิโอแน่นอน โปรไฟล์ดี ท่าทางก็สง่า สุขุมนุ่มลึก ไม่มีอะไรด่างพร้อย เรื่องงานก็เก่ง เรื่องผู้หญิงก็ไม่มีให้ปวดใจ”

“เขาเป็นเหมือนนายรึไง”

“เป็นเหมือนคุณมากกว่า แต่ต่างกันตรงที่ เขาไม่เจ้าชู้ ไม่พกคอนดอมเท่านั้นเอง”

ใบหน้าคมหันมามองกระเทยควาย สายตานั้นคมราวใบมีดโกน ก่อนจะหลุบลงมองเป๋ากางเกงให้ได้สะดุ้งรีบเอามือปิดของสงวนไว้อย่างสุดหวง แต่สีหน้าไม่ได้มีความหวาดกลัว แถมยังปากดีพูดอีกว่า “หนุ่มหล่อสาวสวย สมกันอย่างกับอะไรดี อ๋อ บ้านคุณเขาเรียกอะไรนะกิ่งทองใบหยกใช่ไหม ใช่เลย คู่นี้แป๊ะ”

“อย่ากวนน้ำให้ขุ่น”

ไมค์ไม่สนใจเสียงเตือน ยังพูดแหย่อย่างสนุก “ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรเลยนะนั่น ถ้ามีลูกคงสวยหล่อระดับคิงส์แอนด์ควีนส์ น่าปลิ...”

“ไอ้กระเทย”

เสียงเชือดนิ่มๆดังแทรกขึ้นมาให้ไมค์อ้าปากค้าง ต่อมอนาลีนความเป็นหญิงพุ่งปรี๊ดขึ้นมา หน้าตาบึ้งตึงแล้วค้อนขวับใส่หน้าคนพูด “ปากเสีย เล่นเสียแรง เดี๋ยวก็ปล้ำเสียเลย” ว่าแล้วสะบัดมือขึ้นทัดใบหู และแขวะด้วยความสะใจเล็กๆน้อยๆ “รับไม่ได้ละซิถึงได้โกรธ เอ๊ะหรือว่าคุณชอบเธอ”

“ไม่ชอบ”

“แต่ที่เห็นหน้าเหมือนหมาหวงก้างชัดๆ”

“ไอ้...”

“จุ๊ๆๆ” ไมค์ทำเสียงห้าม “อย่านะ เดี๋ยวกระเทยเคือง แต่แหมทั้งคู่ดูเหมาะสม อยากให้เป็นจริงจริงๆเลย แต่ไม่จริงนี่ซิ น่าสงสาร”

“หมายความว่าไง”

“ไม่บอก”

“อยากโดนตัดหรือไง”

ไมค์ยักไหล่เหมือนไม่แคร์ พรตจึงดึงกริชเล่มเล็กที่เขาซ่อนไว้ในซอกเข็มขัดออกมา เท่านั้นเองเสียงกระเทยควายก็หลุดมาดมาเฟียวี้ดว้ายออกมา ทำตัวเป็นจิ้งจกเกาะรถเพื่อให้ของรักของห่วงพ้นจากคมมีด พรตทั้งขำทั้งอยากจะยันสักที ไมค์ได้แต่ค้อนขวับๆ แล้วเลิกเล่น ดันตัวเองออกมาพูดด้วยน้ำเสียงมีนัยยะว่า

“คนเป็นแม่อยู่กับนายริคาร์โดมายี่สิบกว่าปียังไม่ได้ใช้อัลโตนิโอเลย แล้วคนเป็นลูกจะใช้ได้ไง จริงมั๊ย”
พรตไม่มีความเห็นเรื่องนี้ แต่ใช่ว่าจะไม่คิด เรื่องความรู้สึกมันบังคับกันไม่ได้ และอนาคตที่ไม่สามารถรู้ล่วงหน้าใครจะไปรู้ สักวันเธออาจจะได้ใช้ก็ได้ แล้วเขาจะยอมหรือ...
***********
เสียงเพลงหวานดังขึ้นเบาๆในรถยนต์คันหรูที่วิ่งตามรถคันอื่นๆไปบนถนนซึ่งทอดยาวไปไกลสุดตา สีหน้าของคนขับมีรอยยิ้มติดอยู่ที่ริมฝีปาก ยิ่งมีหญิงสาวที่เขาพอใจนั่งอยู่ข้างๆ ความสุขก็ฉายชัดออกมาทางแววตาเขา แต่เธอกลับนั่งเงียบไม่พูดอะไรตั้งแต่รถออกมาจากม็อตต้าแล้ว

“หิวหรือเปล่า เมื่อเช้าทานอะไรหรือยัง แวะทานอะไรก่อนไหม”

“ขอบคุณค่ะ แต่พรีมมีงานรออยู่เยอะ”

“แล้วเท้าที่เจ็บ”

“ดีขึ้นแล้วค่ะ”
“เมื่อเช้าที่เจอคุณน้าบอกว่าพรีมมาเรื่องงานของยัยแพท เรียบร้อยดีไหม”

“ค่ะ”

คำตอบสั้นจนแทบจะนับคำได้นั้น ทำให้ลีโอปรายตามามอง เห็นความนิ่งเฉยแล้วเขาต้องถอนหายใจออกมายาวๆ ความสุขของเขาเริ่มหายไป พลางคิดว่าเธอเป็นอะไร หรือเห็นหน้าอดีตคนรักแล้วยังแสลงใจ มือที่จับพวงมาลัยจึงเกร็งขึ้นมา ก่อนจะข่มให้หายไป แล้วทำตัวเป็นพี่ชายที่แสนดีเหมือนเดิม

“อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่า พี่จะพาไป”

“อย่าเลยค่ะ พรีมไม่อยากไป”

“แต่พี่อยากให้ไปนะ พรีมดูเครียดๆไปพักเสียบ้างก็ดี ไม่ต้องไปกับพี่ก็ได้ ไปคนเดียวหรือไปกับเพื่อนก็ได้ เรามีบ้านพักอยู่หลายที่ เลือกสักที่ที่ชอบก็แล้วกัน”

“ขอบคุณค่ะ แล้วพรีมจะคิดดู”

พูดจบเธอก็หันหน้าไปมองนอกรถ ลีโอจึงต้องผ่อนลมหายใจออกมายาวๆอีกครั้ง ไม่นานเขาก็เลี้ยวเข้าอาคารอัลโตนิโอ จอดรถเรียบร้อยแล้วก็รีบลงมาเปิดประตูให้เธอ เสร็จแล้วก็ไปเปิดประตูหลังหยิบของบางอย่างออกมา ยิ้มนิดๆแล้วเดินกลับมาหาน้องเลี้ยงที่ยืนรออยู่

“พี่ให้”

พรีมาดาอึ้งไปกับช่อดอกไม้ที่ยื่นมาให้ตรงหน้า จะไม่รับก็ดูน่าเกลียดเกินไป จึงยกมือขึ้นรับมาถือไว้พร้อมกับบอกว่า “ขอบคุณค่ะ แต่ถ้าคราวหน้าถ้าจะให้อีก ไม่ต้องนะคะ พรีมไม่ชอบ”

“ทำไม”

“ถามตัวเองดีกว่าไหมคะ ว่าให้พรีมทำไม”

ลีโอยิ้มขำเหมือนผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก ทั้งๆที่ขุ่นเคืองใจเป็นที่สุดที่เธอปฏิเสธเขา แล้วบอกว่า “ก็พี่เห็นเราเครียดๆ และยังเจ็บตัวอีก ก็อยากให้สดชื่นแค่นั้นเอง”

“งั้นก็ ขอบคุณค่ะ ขอตัวนะคะ” เธอยิ้มให้เพียงนิด ก็เดินจากมาด้วยสีหน้าที่ยังคลางแคลงใจและคิดไปถึงช่อดอกไม้ก่อนหน้านี้ที่มีคนส่งมาให้เธอแล้วเควินรับไว้แทน จะใช่เขาด้วยหรือเปล่าที่ส่งมาให้

รอยยิ้มบนใบหน้าลีโอเลือนหายไป เมื่อคำพูดของเธอนั้นไม่มีเยื่อใยใดๆต่อเขาเลย แววตาที่เอ็นดูเปลี่ยนเป็นกระด้างก่อนจะนิ่งลึกเพราะบางอย่างที่คิดไว้ในใจ แล้วจะเดินเข้าไปในตึก แต่เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวดังขึ้นมาเสียก่อน เขาหยิบออกมาดู ชื่อที่เห็นทำให้สีหน้าเขาเคร่งขรึมขึ้นอีก

“มีอะไร” เขาถามออกไป และเพียงได้ยินเรื่องที่อีกฝ่ายโทรมา ก็บอกว่า “ได้ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้”

ลีโอตัดสัญญาณแล้วรีบขึ้นรถขับออกไปทันที ไม่เกินครึ่งชั่วโมง รถของเขาก็เลี้ยวเข้ามาจอดที่ร้านกาแฟเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่าน เพราะเป็นช่วงสายๆ เขาลงจากรถ เดินเข้าไปในร้านที่ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นเน้นสีขาวดำ ไม่ว่าจะเป็นของโชว์หรือภาพอาร์ตที่ติดผนัง แต่เขาไม่มีเวลามาชื่นชม สายตามองหาคนที่โทรไปหาเขาเท่านั้น

ร่างสูงเดินมาที่โต๊ะชิดกระจก มีกระถางต้นไม้เล็กๆ กาแฟร้อนๆ น้ำเย็นและซองเอกสารวางอยู่ เขาสบตาคนที่นั่งรออยู่ ซึ่งก็คือเดวิด หนึ่งในผู้บริหารของม็อตต้านั่นเอง แล้วหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตรงข้าม เด็กเสิร์ฟนำกาแฟมาวางให้ทันที แสดงว่าถูกสั่งไว้รออยู่แล้ว

“ขอโทษที่ต้องเปลี่ยนเวลากะทันหัน แต่ผมมีเรื่องด่วนจริงๆ”

“คุณพูดมาได้เลย”

มุมปากของเดวิดยิ้มออกมาเพียงนิด ก็บอกว่า “ถึงจะด่วนยังไง แต่สัญญาก็คือสัญญา” เขาบอกแล้วเลื่อนซองเอกสารให้ดู “คุณจะอ่านก่อนหรือเซ็นก่อนก็ได้”

ลีโอหลุบตาลงมอง ก่อนจะเปิดซองดึงเอกสารข้างในออกมาอ่านอย่างรวดเร็ว ทุกอย่างไม่มีผิดจากที่ได้พูดคุยกันไว้ แต่เขายังไม่เซ็น วางไว้ตรงหน้า เอนหลังพิงเก้าอี้เหมือนกำลังคิดแล้วลองหยั่งเชิงออกมา “ไม่คิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะกลายเป็นหลักฐานมัดตัวคุณเหรอ”

“แล้วคุณละไม่กลัวจะถูกข้อหาว่าจะฮั้วกับผมเหรอ”

“ไม่ เพราะคุณก็น่าจะรู้ว่าอัลโตนิโอเสียงดังแค่ไหน”

“แต่ไม่ดังไปกว่าหลักฐานแน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ถ้าคุณไม่เซ็น ผมมีอีกวิธี ยื่นหมูยื่นแมวเป็นไงหนึ่งข่าวต่อหนึ่งราคา แต่อาจจะสูงกว่าเหมาจ่ายไปสักนิด ก็ว่ากันไปตามความสำคัญ รับรองว่าไม่มีอะไรผูกมัดให้ต้องสะดุ้งกันแน่นอน แต่ถ้าไม่ คุณก็ปล่อยให้เรื่องที่เราคุยกันไว้เป็นฝุ่นละอองลอยไปกับสายลมก็แล้วกัน หรือไม่ก็ลืมมันเสีย”

ลีโอยิ้มที่มุมปาก ขณะสายตามองหน้าคนทรยศของม็อตต้า แล้วคว่ำเอกสารเหมือนเป็นการจบทุกอย่าง ในใจของเดวิดจึงยิ้มเยาะความขี้ขลาดของคนตรงหน้า แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มอย่างสมใจ เมื่อมีคำพูดเซอร์ไพร์สเขาออกมา

“ยื่นหมูยื่นแมว”
“ตกลง”

เขารีบตะครุบไว้ แล้วยื่นมือมาจับกัน ตกลงเรื่องราคาเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่ายแล้ว ข่าวต่างๆก็พรั่งพรูออกมาจากปากของเดวิด ส่วนลีโอรับฟังด้วยท่าทางสบายๆ คล้ายฟังเรื่องทั่วๆไป แต่สมองจดจำทุกคำพูดพร้อมกับคิดไปด้วยว่าจะเดิมเกมต่อไปยังไง เพื่อที่จะเหยียบม็อตต้าให้จมดิน

ลีโอคิดถึงเรื่องนี้จนกระทั่งขับรถกลับมาถึงอาคารอัลโตนิโอ เขารีบขึ้นไปหาคนเป็นพ่อเพื่อหารือ เคาะประตูห้องทำงานท่านเพียงสองครั้ง ก็เปิดประตูเข้าไป เดินไปยืนเคียงข้างท่านที่ยืนอยู่ชิดกระจกมองทิวทัศน์รอบอาคาร แต่สีหน้าท่านดูเครียดให้เขาแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าท่านจะไม่เปิดรับฟังเรื่องใดๆ

“ผมไปทานข้าวมาแล้วครับ เขาเปลี่ยนแปลงเวลา ราคาก็คิดเป็นมื้อๆไปครับ”

“แล้วได้อะไรมาบ้าง”

“ม็อตต้าประกาศผงาดขึ้นมาแข่งกับเรา”

แววตาของริคาร์โดกร้าวขึ้น แล้วเลื่อนหายไปอย่างรวดเร็ว ก็หมุนตัวมามองหน้าลูกชาย “ฉันคิดไว้อยู่แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้”

“เวลาการประมูลมันใกล้เข้ามาแล้วนิครับ ทุกอย่างจึงต้องเร็ว”

“ใช่ แต่ก็พลาดจนได้”

แววตาของลีโอไหวเพราะคำพูดนั้นเหมือนมีบางอย่างซ่อนอยู่ “พ่อหมายถึงอะไรครับ หรือว่าเกี่ยวกับการที่พ่อรีบออกไปเมื่อตอนเช้ามืด”

ริคาร์โดจ้องหน้าลูกชายเขม็ง น้ำเสียงก็แสดงความไม่พอใจออกมา “แกตามฉันไปหรือไง”

“เปล่าครับ แต่คำพูดของพ่อเมื่อกี้ ทำให้ผมคิดว่าต้องมีอะไร”

“แกฉลาด” ริคาร์โดชมลูกชาย ที่เขาเลี้ยงมาเพื่อเป็นตัวแทนพาตระกูลที่เขาสืบทอดมาให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้นไป เล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงต่างๆในชีวิตและธุรกิจ เขาก็บอกไม่มีเหลือ คิดอย่างรวดเร็ว ตัดสินใจให้แม่นยำ แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยๆ ก็อย่าปล่อยให้เล็ดรอดไป ก็ได้ดังใจทุกอย่าง “แต่ยังไม่ถึงเวลาที่แกจะรู้ ทำทุกอย่างที่รับผิดชอบอยู่ให้ดีที่สุดก่อนก็แล้วกัน”

“ผมกลัวว่าจะช้าเกินไป เพราะเขาพร้อมทุกอย่าง”

“ไม่จริงหรอกลีโอ ไม่มีใครสมบูรณ์ไปเสียทุกอย่าง มันต้องมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อย จุดดีจุดบอด ให้เราเห็นทั้งนั้น คิดดูให้ดีแล้วหาจุดหาเจอ สิ่งที่แกหวังไว้ก็จะอยู่ในกำมือ”

ลีโอนิ่งไปก่อนจะรับปากออกมา ทั้งๆที่ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไป “ครับ และถ้าผมทำสำเร็จ ผมมีสิ่งที่อยากจะขอ พ่อจะให้ผมหรือเปล่า”

“ถ้าวันนั้นมาถึง แกอยากได้อะไร ฉันจะไม่ขวางแกเลย”

“ขอบคุณครับ” พูดจบเขาก็เดินออกมา สิ่งที่คนเป็นพ่อรับปากเป็นกำลังใจให้เขาเป็นอย่างดี และยิ้มออกมาเมื่อคิดถึงน้องเลี้ยงที่เขาหวังจะได้ครอบครอง อีกไม่นาน ไม่นาน ลีโอบอกกับตัวเอง

ริคาร์โดปรายตามองตามหลังลูกชายไปเพียงเดี๋ยวเดียว ก็หมุนตัวออกไปมองนอกกระจก ตอนนี้เขาไม่สนว่าลูกชายต้องการอะไร แต่สิ่งที่เขาต้องการกลับไม่สำเร็จ อุตสาห์วางแผนไว้อย่างแยบยล แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว มันรอดไปได้ แต่เขากลับกลายเป็นคนสันหลังหวะ เพราะความผิดพลาดที่เกิดขึ้น

‘นะ นายครับ’

เมื่อคืนที่ผ่านมาเสียงแผ่วเบาเหมือนคนกำลังจะขาดใจตายไปนาทีใดนาทีหนึ่งนั้น ดังผ่านโทรศัพท์ส่วนตัวเขา ไม่ต้องถามกลับไปเขาก็จำได้ดีว่ามันเป็นใคร ไฟเหมือนจะสุมอยู่บนตัวเขาจนต้องเด้งตัวขึ้นมาถามเสียงรอดไรฟันกลับไป

‘แกอยู่ไหน’ เสียงแผ่วๆดังมาให้ได้ยิน แล้วตอบกลับไปด้วยเสียงเบาไม่แพ้กัน ‘รออยู่นั้น ฉันจะไปเดี๋ยวนี้’

เขาวางสายแล้วรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าขับรถออกจากคฤหาสน์มาที่อาคารร้างอย่างรวดเร็ว แต่พอมาถึงกลับพบแค่ความว่างเปล่า มองไปทางไหนก็ไม่เห็นหัวมัน จึงกดโทรศัพท์หา และแทบจะหมดแรงอยู่ตรงนั้น เมื่อมีแต่เสียงสัญญาณแต่ไม่เห็นตัวมัน เขาจึงคิดเป็นอื่นใดไปไม่ได้เลย นอกจากมันหนีไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่น หรือไม่ก็อาจถูกใครบางคนเอาตัวไป

ริคาร์โดยกมือขึ้นทุบกระจก ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้หายไปจากสมอง แต่ความหวาดหวั่นยังอัดแน่นอยู่ในใจ แต่จากเสียงมันที่เขาได้ยิน ลมหายใจมันใกล้จะหมดไปแล้ว เขาจึงได้แต่หวังว่ามันจะตายไปจริงๆ
*********
ใบไม้ที่ตายแล้วปลิวไปตามแรงลมที่รถวิ่งผ่าน สายตาของคนขับไม่ได้เหลือบมองเพราะมันไร้ค่า แววตาเขามองตรงไปข้างหน้า เพราะสิ่งมีค่ากำลังรอเขาอยู่ ไม่นานก็บังคับรถให้เลี้ยวเข้าถนนที่เลียบริมทะเลสาบ วิ่งตรงอีกหน่อยก็เลี้ยวเข้าจอดหน้าอาคารหรู คนขับดับเครื่องแล้วเปิดประตูลงจากรถ เดินเข้าไปในอาคาร ส่งยิ้มทักทายพนักงานต้อนรับอย่างอารมณ์ดีก่อนเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสาม ซึ่งเป็นส่วนวีไอพี

เดวิดกวาดตามองไปทั่วห้อง โต๊ะรับรองยังว่างเปล่า แต่ตรงระเบียงด้านนอกเขาเห็นของมีค่าที่มาหา ซึ่งก็คือประธานอีชากรุ๊ป กำลังหวดลูกกอล์ฟด้วยท่าทางที่ทะมัดทะแมง จึงเดินเข้าไปหา และปรบมือให้กับโฮลอินวันที่สวยงาม

“เยี่ยมมากครับ”
คนถูกชมปรายตามามองแวบเดียว ก็ส่งไม้กอล์ฟพร้อมถุงมือให้ลูกน้องที่ยืนอยู่ข้างๆ แล้วเดินมานั่งที่เก้าอี้รับรอง บนโต๊ะมีเครื่องดื่มบาดคอเร้าอารมณ์ให้เขาได้ดื่ม เดวิดเดินตามมานั่งข้างๆ เอนหลังพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับยกเท้าขึ้นไขว้ห่าง สายตามองวิวสนามกอล์ฟที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นให้กลมกลืนกับธรรมชาติได้อย่างสวยงาม

“ไม่ลองหน่อยหรือ”

“ผมไม่ชอบเกมแบบนี้”

“แล้วแบบไหนละที่คุณชอบ หรือแบบที่นัดผมมา”

เดวิดสบตาประธานของอีชา ยิ้มที่มุมปากก่อนจะยื่นมือไปจับแก้วเครื่องดื่มมาคลึงเล่น “ครับ แต่ท่านอาจจะชอบหรือไม่ชอบด้วยก็ได้”

“ก็ลองว่ามา และถ้าผมชอบก็จะลองเล่นด้วย”

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนคิดจะวัดฝีเท้ากับท่าน ท่านจะว่าไงครับ จะเล่นด้วยหรือเปล่า”

“หึๆๆ” เสียงหัวเราะในลำคอดังออกมาเบาๆ ก่อนจะบอกว่า “น่าสนใจ ลองว่ารายละเอียดมาซิ”

เดวิดดื่มน้ำบาดคอในแก้วจนหมด วางแก้วลงบนโต๊ะ แล้วก็เริ่มเล่าทุกอย่างให้ฟังตั้งแต่จดหมายปิดผนึกแต่งตั้งประธานคนใหม่ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน จนมาถึงการประกาศกร้าวจะขึ้นมาผงาดคว้าโครงการน้ำมันนั้น แต่ปิดบังเรื่องที่เขาเป็นนกสองหัวไว้ และท้ายสุดเขาก็บอกว่า

“ถ้าท่านชนะในเกมนี้ ผมขอแค่เก้าอี้ตัวเดียวเท่านั้น”

“ประธานม็อตต้างั้นเหรอ” ประธานอีชาพูดอย่างรู้ทัน เพราะคนแบบนี้ถ้าไม่ทะเยอทะยานเกินตัว คงไม่กลายเป็นพวกนักสองหัว คาบข่าวมาขายให้เขาแบบนี้ ขณะที่เดวิดก็ยิ้มรับอย่างไม่ปิดบัง

“ท่านรู้ใจจริง”

“ใหญ่นะ”

“ไม่ใหญ่ไปกว่าท่านหรอกครับ”

คำยกย่อดังหมาที่ชอบเลียเจ้าของ ทำให้ประธานอีชาหัวเราะออกมาเหมือนจะชอบใจ แต่ใจจริงเหยียดหยันมันไม่น้อย แล้วพูดเหมือนเข้าใจว่า
“คนทุกคนมีความอยากได้อยากมีไม่กี่อย่างหรอก พอมีเงิน ก็อยากมีอำนาจ มีบารมี ยิ่งมีเหนือกว่าใครๆยิ่งดีเพราะจะทำให้ได้ทุกอย่างที่ต้องการ และไม่ใช่เรื่องยากที่ผมจะไม่รู้ว่าคุณต้องการอะไร เพราะผมก็เคยเป็นเช่นคุณมาก่อน และเก้าอี้ที่คุณอยากได้ก็ไม่ใช่ปัญหา แต่คุณจะมีปัญญาช่วยทำให้ผมสมหวังหรือเปล่านี่ต้องพิสูจน์กันหน่อย”

“ผมพร้อมจะให้ความร่วมมือทุกอย่าง”

“งั้นจากนี้ไป เราก็ควรมองตาก็รู้ใจกัน และผมไม่ต้องบอกคุณก็น่าจะรู้ว่าจะต้องทำยังไงใช่ไหม”

“ครับ แต่บางอย่างผมอาจจะขอความเห็นจากท่าน เพื่อให้งานสำเร็จโดยเร็ว”

ประธานอีชายิ้มอย่างพอใจ แล้วรินน้ำบาดคอใส่แก้วให้เดวิด ก่อนจะยกขึ้นมาดื่มพร้อมๆกัน พอวางแก้วลงบนโต๊ะ เดวิดก็ลุกขึ้นยืนเป็นสัญญาณว่ากำลังจะขอตัว แต่ก่อนจะจากไป เขาก็บอกว่า “ผมชักจะชอบกอล์ฟแล้วซิ”

“ผมยินดีจะเป็นเทรนเนอร์ให้”

“ขอบคุณครับ”

เดวิดบอกแล้วเดินออกมาพลางยิ้มอย่างสมใจ ที่แผนการงูกินหางของเขากำลังจะไปได้สวย ทั้งการขายข่าวให้อัลโตนิโอ เพื่อเป็นสะพานให้รู้ว่าพวกเขากำลังคิดอะไรอยู่ การใช้คำพูดดูถูกแถมยั่วยุอดัมเพื่อให้เรียกร้องสิทธิของตัวเองขึ้นมา และการที่เขาเอาเรื่องทั้งหมดมาบอกประธานอีชา ก็เพื่อหวังให้มาทำลายอัลโตนิโอกับม็อตต้าอีกที และสุดท้ายเก้าอี้ที่เขาฝันอยากจะนั่งมานานก็จะเป็นของเขา ช่างเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

ภาพของเดวิดที่เดินไปขึ้นรถยังอยู่ในสายตาของประธานอีชาและคนสนิทของเขาที่เพิ่งเดินสวนเข้ามา ซัลมามองตามสายตาคนเป็นนายไป พร้อมพูดอย่างกับรู้จักอีกฝ่ายดี

“นายเดวิด หนึ่งในผู้บริหารม็อตต้า ถือหุ้นเป็นอันดับสองรองจากประธานคนใหม่ เขามาหาท่านหรือครับ”

“ใช่ มีข้อเสนอดีๆ มาให้”

ซัลมาเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ ความไม่ไว้ใจที่ผุดขึ้นมา จึงถามคนเป็นนายด้วยความเป็นห่วง “ท่านเชื่อใจเขาหรือครับ”

ประธานอีชาดึงสายตามาสบตาลูกน้อง ยิ้มให้อย่างเข้าใจแล้วบอกว่า “พวกนกสองหัว พวกชอบเหยียบเรือสองแคม คนแบบนี้ถ้าฉันเชื่อใจก็หมาแล้ว แต่สิ่งที่มันเสนอมาน่าสนใจมาก ฉันจึงตอบสนอง เพราะท้ายที่สุดแล้วฉันมีแต่ได้กับได้เท่านั้น และต่อให้มันมีเล่ห์เหลี่ยมซุกซ่อนอยู่มากแค่ไหน มันก็เป็นได้แค่ไม้เล็กที่ไม่มีวันจะมาฟาดฟันกับไม้ใหญ่อย่างฉันหรอก และเมื่ออีชากรุ๊ปได้ทุกอย่างมาอยู่ในกำมือ จะบีบมันให้ตายเมื่อไรก็ได้ อย่าห่วงไปเลย”

เขาบอกให้ลูกน้องสบายใจ “แล้วเรื่องที่ให้ไปทำ ได้อะไรมาบ้าง”

“ปริศนาตัวใหม่ครับ” คิ้วของประธานอีชาขมวดเข้าหากันอย่างสงสัยและค่อยๆคลายออกเมื่อซัลมาเล่ารายละเอียดให้ฟัง “เมื่อคืนคนของเราพบนักฆ่าระดับเซียนคนหนึ่งสิ้นลมหายใจไป การตายของมันอาจจะไม่สำคัญ แต่ที่น่าสนใจคนของเราบอกว่าเคยเห็นมันคุยกับประธานอัลโตนิโอ”

“แน่ใจเหรอ”

“ครับ จึงไปค้นประวัติของมันมา ได้ความมาว่าเคยทำงานให้คนใหญ่คนโตมาแล้วหลายคนเพราะฝีมือดี ที่สำคัญความลับคือความลับ ไม่เคยแพร่งพรายออกมาเลย ครั้งนี้ที่มันตายจึงไม่รู้ว่าที่มันตาย เพราะคนบงการฆ่า หรือใครฆ่ามัน”

“ด้วยอาวุธอะไร”

“ฮาราคีรีครับ”

ประธานอีชานิ่งไปอย่างคิดไม่ถึง การฆ่าด้วยวิธีนี้เป็นความทรมานที่โหดเหี้ยมที่สุด คนทำนอกจากจะร้ายลึกแล้วต้องเลือดเย็นสุดๆด้วย แต่เขายังไม่เชื่อจนกว่าจะมีหลักฐานจึงบอกว่า “ไปสืบข้อมูลนี้มาให้ชัด ถ้าเป็นจริงไอ้ริคาร์โดก็จะกลายเป็นลูกไก่ในกำมือของฉันทันที และป่านนี้มันอาจจะกำลังเป็นวัวสันหลังหวะ เพราะกลัวความลับจะรั่วไหลอยู่ก็ได้”

“ครับนาย แต่อาจจะไม่ง่าย เพราะคนตายความลับก็ตายไปด้วย”

“ก็จริง แต่ที่น่าสงสัยคือมันถูกใครฆ่า หรือมันไปจัดการใครถึงได้ถูกฆ่าตาย และไอ้คนที่จัดการมันได้ก็น่ากลัวมาก”

ประธานอีชานิ่งคิด เช่นเดียวกับซัลมาที่คิดมาตั้งแต่เมื่อคืน แต่ยังคิดไม่ออกเพราะไม่มีข่าวระแคะระคายมาว่าคนใหญ่คนโตคนไหนโดนปองร้าย หรือมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น นอกจากคนที่เพิ่งตายไป อเล็กซ์ เด ม็อตต้า

ทั้งคู่คิดตรงกัน แต่สีหน้าของประธานอีชายังมีข้อกังขาให้แย้งออกมา “ทั้งสองตระกูลเพิ่งจะเกี่ยวดองเป็นพันธมิตรกัน ไม่มีทางที่ไอ้ริคาร์โดจะสุ่มเสี่ยงทำอะไรให้กลายมาเป็นเชือกมัดตัวเด็ดขาด”

“แต่ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร และอาจจะเอาเรื่องความสัมพันธ์มาบังหน้าก็ได้นะครับท่าน ใครจะไปรู้”

“ก็น่าคิด แล้วจะเป็นไปได้ไหม ที่คนที่ถูกสั่งให้ไปจัดการคือ ไอ้ประธานคนใหม่ของม็อตต้า”

“ก็อาจจะเป็นไปได้ครับท่าน เพราะเท่ากับกำจัดคู่แข่งที่สำคัญไปคนหนึ่ง และถ้าสำเร็จ...” ซัลมานิ่งไปนิดเพราะไม่แน่ใจว่าจะพูดได้หรือไม่ แต่เมื่อคนเป็นนายพยักหน้าอนุญาต ก็บอกว่า “ถ้าสำเร็จโครงการน้ำมันใหญ่ยักษ์ก็จะเป็นของเขาแน่นอน แม้จะมียังมีเราเป็นคู่แข่งอีกราย แต่ถ้าเทียบชั้นกันแล้ว เขาอาจจะเห็นเราเป็นไม้ซีก เขาเป็นไม้ซุงก็ได้นะครับ”

ประธานอีชายิ้มลึกที่มุมปาก แล้วลุกขึ้นยืนมองน้ำในทะเลสาบ เบื้องบนนิ่งเหมือนหลอกตาให้ทุกคนคิดว่าไม่อันตราย แต่จริงๆแล้วเบื้องล่างกลับซ่อนความน่ากลัวไว้ พลางคิดถึงบทวิเคราะห์ของลูกน้องคนสนิท ซึ่งทำให้เขาคิดได้ว่าตอนนี้เขาควรทำตัวแบบไหน แล้วสักวันไม้ซีกหลายอันมารวมกัน พอแข็งแกร่งแล้วเขาจะล้มไม้ซุงให้ดู
***********
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2558, 17:16:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2558, 17:16:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1854





<< ตอน 8   ตอน 10 >>
แว่นใส 13 ก.พ. 2558, 21:33:39 น.
ผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใครจริง ๆ


Zephyr 18 ก.พ. 2558, 21:45:19 น.
หักมุมกันสุดๆ


เคสิยาห์ 9 มี.ค. 2558, 17:43:57 น.
เรื่องนี้เขียนได้ดีเห็นถึงพัฒนาโดยรวม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account