ดวงใจพรต (ปรับปรุง)
พรต...ลูกชายป๊ะเพลิงแห่งหุบเขาพญา
จากคุกทมิฬมารับมรดกที่ได้มาโดยไม่คาดฝัน
แต่...ความโชคดีกลับมาพร้อมหายนะ และเธอที่น่าสงสัย
ความร้ายกาจที่ซ่อนอยู่จึงปรากฏออกมาอย่างไม่ปราณี
บัญชีนี้...ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต หัวใจต้องชดใช้ด้วยหัวใจ
ดวงใจพรต จึงได้มาพร้อมหยาดน้ำตาและร่างกาย


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 10

ตอน 10
แสงสีทองของดวงอาทิตย์ค่อยๆลับหายไปจากสายตาของคนที่ยืนดูอยู่ แล้วหมุนตัวกลับมานั่งที่เก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน เอกสารต่างๆที่เธอจะต้องดู การประชาสัมพันธ์งานในเครืออัลโตนิโอ ถูกอ่านและส่งต่อไปให้ฝ่ายอื่นจัดทำต่อไป รวมถึงงานที่จะต้องแก้ไขก่อนหน้านี้ที่เธอต้องเดินทางไปประชุม ก็เรียบร้อยลงอย่างไม่น่าเชื่อ รอยยิ้มหยันผุดขึ้นขำกับความประจวบเหมาะของทุกอย่าง ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ใจเธอคงเจ็บมากขึ้น แต่ตอนนี้เมื่อได้เห็นธาตุแท้ของคนทำให้เธอสมเพชมากกว่า

พรีมาดาหยิบแฟ้มงานการประชาสัมพันธ์โครงการน้ำมันยักษ์ใหญ่ขึ้นมาดู แม้โครงการนี้ยังลอยอยู่ในอากาศ แต่เธอก็ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อม การคิดคอนเซปต่างๆ รูปแบบการจัดทำ แนวทางการประชาสัมพันธ์รวมถึงสื่อต่างๆที่จะต้องติดต่อด้วย เธอเปิดอ่านรายละเอียดไปเรื่อยๆ และหยุดนิ่งอยู่ที่รายชื่อของผู้ร่วมลงทุน ทำไมมีชื่อม็อตต้าด้วย และทำไมชื่อต้องถูกกาออก

คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย และหยิบแฟ้มอื่นมาดูประกอบด้วย แต่ไม่มีรายละเอียดบอกไว้ ก่อนหน้านี้เท่าที่เธอรู้โครงการนี้อัลโตนิโอบินเดี่ยว แล้วอะไรทำให้มีการเปลี่ยนแปลง เธอคิดและคิดว่าจะหาคำตอบได้จากที่ไหน แต่คงไม่ใช่ตอนนี้ จึงปิดแฟ้ม เก็บงานบนโต๊ะเพื่อกลับบ้าน หยิบกระเป๋าสะพายพาดบ่า เดินออกจากห้อง ตรงไปยังลิฟต์ ไม่นานลิฟต์ก็พาเธอมาถึงชั้นล่าง และต้องแปลกใจกับช่อดอกไม้ที่ประชาสัมพันธ์สาวเอามาให้

“มีมาส่งให้เมื่อครึ่งชั่วโมงนี้ค่ะ”

“ขอบใจจ้ะ”เธอบอกแล้วรับช่อดอกไม้มาถือไว้โดยไม่ถามว่าใครส่งมาให้ หรือดูการ์ดที่ติดมากับดอกไม้ แต่ความสงสัยติดอยู่ในใจเธอ แล้วเดินออกมาจากตึก

ร่างอรชรก้าวเท้าไปตามถนนที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน มองแสงไฟที่ประดับประดาอยู่ตามร้านต่างๆ แล้วต้องหยุดนิ่งเมื่อเห็นคนที่โกหกว่าเป็นหนุ่มพเนจร ยืนกอดอกตัวพิงรถมองมาที่เธอ ที่สำคัญรถคันนั้นก็เป็นของเธอด้วย

ร่างสูงเดินมาหาแต่สายตามองดอกไม้ในมือเธอ “ฉันเอารถมาคืน” พรตบอกทันทีที่เดินมาหยุดยืนตรงหน้า แต่พรีมาดายังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงประชดนิดๆก็ดังขึ้นอีก “สวยดีนี่ ชอบมั๊ย”

“เป็นของคุณเหรอ”

“ต้องรู้ก่อนว่าเป็นใครหรือไง ถึงจะบอกได้”

“แสดงว่าไม่ใช่ของคุณ”
“ฉันมันคนพเนจร ถ้าจะให้ ก็ต้องเด็ดมาจากข้างทาง ไอ้ที่จัดมาเป็นช่อเสียสวยหรูนะ ทำไม่เป็น”

“แต่โกหกเป็น และควรจะเลิกพูดสิ่งที่มันไม่จริงได้แล้ว ท่านประธานม็อตต้า”

พรตยิ้มที่มุมปากเมื่อรู้ว่าเธอประชด “อย่าไปสนใจมันเลยไอ้ตำแหน่งนั่นนะ มันเป็นแค่หัวโขน หรือว่าสนใจอยากมาช่วยฉันใส่ ก็ได้นะ แต่ต้องเปลืองตัวหน่อย เพราะฉันไม่ถนัดจะใส่ แต่ถ้าถอดนะ ถนัดมาก”

พรีมาดาเชิดหน้าขึ้นข่มใจที่กรุ่นโกรธเพราะคำพูดหยาบๆของเขา แล้วบอกว่า “ฉันทราบค่ะ เพราะท่าทางคุณก็บอกอยู่แล้วว่าเจนจัด แต่ฉันไม่สน และคุณก็ควรจะเลิกมายุ่งวุ่นวายกับฉันได้แล้ว เดี๋ยวจะซวยเจ็บตัวขึ้นมาอีก”

“ถ้าฉันยินดีจะเจ็บละ เธอจะว่าไง”

“ก็เรื่องของคุณ”

“รวมเป็นเรื่องของเราไม่ได้เหรอ”

พรีมาดานิ่งไปเมื่อคำพูดเขาออกจะแปลกๆ สายตาที่มองอยู่ก็ไม่ต่างกันจึงหลบไปมองอย่างอื่น แต่พรตไม่ยอมให้หลบไปไหน เขาขยับเข้ามาใกล้พร้อมถามในสิ่งที่อยากรู้ “หรือว่าเธอมีใครแล้ว”

“ฉันไม่มีใคร”

“งั้นคบกับฉันไหม”
**********
สายลมพัดเส้นผมให้ปลิวไปตามแรงวิ่งของรถเปิดประทุน ที่เคลื่อนไปบนถนนในยามค่ำ อากาศเย็นสบาย แสงไฟริมทาง สิ่งปลูกสร้าง อาคาร ร้านค้า หลายสิ่งหลายอย่างผ่านสายตาไป แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะเรียกให้สนใจได้เท่ากับความคิดที่ยังติดอยู่ในใจได้เลย คำพูดของคนที่เธอเพิ่งเดินจากมากลบทุกสิ่งทุกอย่างไว้หมด และไม่ใช่แค่เสียงใบหน้าเขาและภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยังเด่นชัดอยู่ด้วย

‘พรีม’ เสียงเรียกดังขึ้นมาขณะที่เธอกำลังยืนอึ้งอยู่ จึงหันไปมองคนเรียกที่กำลังเดินเข้ามาหา พอมาหยุดยืนข้างๆก็ถามออกมาทันที ‘มาทำอะไรตรงนี้’เสียงนั้นถามแต่สายตามองชายอีกคนที่ยืนอยู่ใกล้เธอคล้ายอยากรู้ว่าเขาคือใคร คนถูกมองอ่านสายตานั้นออก แต่ไม่พูดอะไรนอกจากมองตอบ

‘ไม่ได้ทำอะไรค่ะ แค่จะเดินเล่นก่อนกลับบ้าน’

‘ไม่มีรถไม่ใช่เหรอ พี่ไปส่ง’

ตอนนั้นเธออยากจะปฏิเสธ แต่คิดได้ว่ามีบางอย่างที่อยากจะถาม จึงยินยอม แล้วจะเดินไป แต่คนที่ยืนนิ่งมาตลอดกลับพูดขึ้น ‘ตกลงไหม’ เธอไม่ตอบ เสียงทุ้มนุ่มก็ดังขึ้นอีก ‘อย่างอนน่าคนดี นะ’ พรีมาดาปรายตามองหน้าคมอย่างไม่พอใจที่เออเองเอาฝ่ายเดียว และต้องตกใจเมื่อจู่ๆเขายื่นหน้ามาหอมแก้มเธอ ยักคิ้วแล้วยิ้มให้ ก่อนจะมองเลยมาคนที่อยากจะชกหน้าเขาเต็มแก่

‘ผมพรต ประธานคนใหม่ของม็อตต้า ขอตัวนะครับ’

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของเขาที่ยังวนเวียนอยู่ในความคิดเธอ โดยไม่เห็นว่าลีโอกำมือที่จับพวงมาลัยไว้แน่น เมื่อนึกถึงคำประกาศและการกระทำของไอ้หมอนั้น ที่เขาเพิ่งได้เจอหน้าจริงจังหลังจากคอยตามข่าวมันอยู่ สีหน้ามันเหมือนจะเย้ยเขาและยังทิ้งท้ายด้วยสายตาที่หรุบลงมองดอกไม้ในมือเธอ ซึ่งไม่ใช่ช่อของเขา ก็ยิ่งโกรธ แต่ต้องข่มเอาไว้ แล้วปรายตามองน้องเลี้ยงที่นั่งเงียบตั้งแต่ขึ้นรถมากับเขา ทั้งๆที่มีเรื่องที่ควรจะอธิบายให้เขารู้ แต่ไม่มีคำใดปริปากออกมาเลย จึงเก็บกดอารมณ์ที่ขุ่นมัวไว้ ก่อนพูดขึ้น

“ไปทานข้าวและหาอะไรดื่มกับพี่ก่อนมั๊ย”

“ขอบคุณค่ะ แต่ยายแม่รออยู่ ขอกลับบ้านแล้วกันค่ะ”

“ไปเถอะ เดี๋ยวพี่โทรบอกยายแม่ให้”

พรีมาดาหันมามองอย่างไม่ค่อยพอใจ แต่ตอนนี้ลีโอทำเหมือนไม่เห็นเสียงั้น เพราะความขุ่นมัวที่รบกวนจิตใจเขาอยู่ แต่เขาต้องทำตัวให้เป็นพี่ชายที่แสนดีต่อไป และถามเหมือนไม่คิดอะไรมากมากนอกจากชวนคุยกันธรรมดา “รู้จักกับเขานานแล้วเหรอ”

“เพิ่งรู้จักค่ะ” เธอตอบเพราะรู้ว่าเขาหมายถึงคนที่เพิ่งจากมาเมื่อกี้

“แต่สิ่งที่เขาทำ พี่ว่ามันมากกว่านั้นนะ แล้วทำไมไม่บอกพี่ว่าเขาเป็นใคร”

“พรีมเพิ่งทราบค่ะ และไม่ได้สนใจว่าเขาจะเป็นใครมาจากไหนด้วย”

“แต่ท่าทางเขาสนใจพรีม”

“คิดไปเองหรือเปล่าค่ะ”

“พี่ต้องถามพรีมมากกว่าว่าคิดยังไงกับเขา”

พรีมาดายิ้มคล้ายหยันกับตัวเอง เพราะไม่มีใครรู้ว่าการกระทำกับคำกล่าวหาของเขาที่มีต่อเธอนั้น มันเป็นการอยากเอาชนะ หลอกเล่นเหมือนหมาหยอกไก่ มากกว่าจะมาสนใจจริงจัง “ไม่คิดอะไรค่ะ แต่ช่างมันเถอะ พรีมมีเรื่องงานจะถาม โครงการน้ำมันนะคะ ก่อนหน้านี้มีชื่อม็อตต้าร่วมด้วย แต่เอกสารที่พรีมได้รับขัดแย้งกันอยู่ สรุปว่ายังไงคะ”

“ก็อย่างที่รู้ว่าม็อตต้ามีการเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างก็ต้องเปลี่ยนไปเท่านั้นเอง”

“เขาไม่สนใจโครงการนี้เหรอคะ”

“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่เรารู้หน้าไม่รู้ใจเขา ยิ่งคนที่ยังไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้า ก็ยิ่งไม่น่าคบหา จึงต้องป้องกันตัวเองไว้ก่อน ถอยออกมาลุยเดี่ยวดีกว่าต้องพึ่งพาคนอื่น”

“แล้วถ้าเขาสนใจขึ้นมา จะทำไงคะ แล้วการเกี่ยวดองของสองตระกูลที่เพิ่งผ่านไปอีก จะกระทบด้วยหรือเปล่า”

“ก็อยู่ที่เขาจะตัดสินใจ ถ้าได้แยกแยะได้ ความสัมพันธ์ของสองตระกูลก็ยังเหมือนเดิม”

“แล้วถ้าไม่ได้ ความรักของแพทกับอดัมจะเป็นยังไงคะ หรือว่าธุรกิจคือความรัก ความรักคือธุรกิจ”

“ความรักก็คือความรัก ไม่เกี่ยวกับธุรกิจ”

เสียงลีโอเน้นเพื่อให้เธอเข้าใจชัดๆ รอยยิ้มหยันจึงเกิดขึ้นมาอีกครั้งเพราะไม่เคยเชื่อสิ่งที่ทุกคนพยายามบอกเธอ และคนที่รักกันคงไม่มารำพึงรำพันขอโทษเธออย่างนั้นอย่างนี้เด็ดขาด ที่สำคัญยังบอกว่าเผลอไปนี่ซิน่าสมเพช

“พรีมจะกลับบ้านแล้วค่ะ เลี้ยวรถไปส่งด้วยนะคะ ถ้าไม่ได้ก็จอด พรีมจะลง”

“โกรธพี่เหรอ”

“เปล่าค่ะ แต่พรีมเกลียดการโกหก”

ลีโอหงุดหงิดขึ้นมาทันที ที่จู่ๆเธอก็ทำเรื่องเล็กๆที่คุยกันอยู่ให้กลายเป็นเรื่องใหญ่ “อย่าทำเป็นเด็กน่าพรีม เรื่องมันผ่านมาแล้ว และสองคนนั้นก็ไปกันด้วยดี พรีมก็เห็น ยังอยากจะไปยุ่งวุ่นวายอะไรกันอีก หรือยังเสียดายไอ้อดัมอยู่ อยากกินน้ำใต้ศอกแพทหรือไง”

“น้องสาวพี่กินน้ำใต้ศอกคนอื่นต่างหาก ไม่ใช่พรีม”

“หมายความว่าไง หรือว่าพรีมไม่เคยมีอะไรกับเขา”

“แล้วคิดว่าพรีมจะเหมือนน้องสาวพี่หรือไงคะ”
เสียงย้อนกลับมานั้นทำให้ลีโอสะอึก ความดีใจที่ได้รู้ว่าเธอยังมีพรหมจรรย์นั้นหายไปหมด และเริ่มสงสัยสิ่งที่เธอพูด แต่ยังไม่ทันได้ถาม เสียงเรียบๆแต่จริงจังก็บอกออกมาว่า “จอดรถเถอะค่ะ”

“พี่จะไปส่ง”

“อย่าให้พรีมต้องเปิดประตูโดดลงไปเลยค่ะ”

น้ำเสียงที่บอกความเด็ดเดียวนั้น ทำให้ลีโอต้องตบไฟเลี้ยวจอดรถข้างทาง พรีมาดาเปิดประตูลงมา แล้วเดินห่างออกไปโดยไม่หันมามองเขาเลย ลีโอมองตามไปอย่างเจ็บใจ ที่เธอไม่เคยยอมรับในน้ำใจของเขา จะว่าโง่มองไม่ออกก็ไม่ใช่ เขารู้ว่าเธอฉลาด ฉลาดที่ทำไม่เห็นความรู้สึกของเขา จึงฟาดมือกับพวงมาลัยปลดปล่อยความรู้สึกออกมา แล้วเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งเพื่อไปหาที่ระบาย จึงไม่เห็นว่าพอรถเขาวิ่งไปไกล รถของคนที่เย้ยใส่เขาก็มาจอดทับรอย
***********
ทายาทเพลิงพญามองหาร่างอรชร พอเห็นว่าเดินอยู่ตรงริมฟุตบาท เขาก็เคลื่อนรถไปหา บีบแตรเบาๆให้เธอหันมามอง แต่เธอไม่สนใจไม่แม้จะหันมา ก็ขับรถเลยไปไม่เท่าไรก็จอดแล้วเปิดประตูลงมายืนพิงรถให้เธอเห็น พลางเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยที่ไม่เห็นดอกไม้ในมือเธอ แล้วตวัดตามองไปรอบๆ ก็ยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นมันเป็นขยะไปเรียบร้อยแล้ว

พรีมาดาเชิดหน้าขึ้น เมื่อเห็นร่างสูงที่ยืนดักหน้าอยู่ เธอเดินสวนไปอย่างไม่ใส่ใจ แต่ไปไหนไม่ได้ เมื่อพรตหมุนตัวไปดักหน้าไว้ เธอทำหน้าเบื่อหน่ายให้เห็น ก่อนจะถามออกมา “คุณตามฉันมา”

“เรื่องของเรายังไม่จบ ฉันจะปล่อยเธอไปได้ยังไง”

“งั้นก็พูดมาให้จบ”

“ก็ตอบมาซิจะได้จบ” เขาสวนกลับมาทันควัน เธอสบตาที่มีแววยียวนอยู่ในที ก็จะตอบปฏิเสธ แต่ความคิดบางอย่างที่ผุดขึ้นมาฉุดรั้งคำพูดเธอไว้ให้บอกว่า

“ขอฉันคิดดูก่อน”

“ไม่ต้องคิดแล้วทูนหัว คบกันเลย ถ้าไปด้วยกันไม่ได้ จะได้จบ แต่ถ้าไปด้วยกันได้ ก็ถึงไหนถึงกัน แต่อย่างหนึ่งที่เราเข้ากันได้ดี จำได้หรือเปล่า”

“อะไร” เธอถามโดยไม่รู้ว่ากำลังหลงกลเขา และต้องนิ่งไปเมื่อเขาจุ๊บริมฝีปากเธออย่างรวดเร็ว

“จูบของเราไง และฉันก็ชอบด้วย”

พรีมาดากัดริมฝีปากข่มสีหน้าไม่ให้แดงออกมา แม้เธอจะทำตัวให้แข็งแกร่งเย้ยหยันกับเรื่องต่างๆ แต่กับเรื่องแบบนี้ เธอก็ยังอายอยู่ สุดท้ายแก้มก็ระเรื่อออกมาให้พรตเห็น เขายิ้มก่อนจะบอกว่า “คบกับฉันทำตัวสบายๆซิ ไม่ต้องเคร่งเครียดและไม่ต้องเก็บกดอะไรไว้ทั้งนั้น หรืออยากจะพูดอะไรก็พูดมาได้เลย”

“คุณรู้เรื่องฉันได้ไง”

พรตนิ่งไปนิด ก็บอกว่า “งั้นเราต้องมีข้อแลกเปลี่ยนกันแล้วละ” คำพูดเหมือนมีเล่ห์นัย ทำให้พรีมาดามองหน้าคมอย่างไม่ค่อยไว้ใจ “คิดว่าฉันจะทำอะไร” เขาถามเมื่อเห็นความรู้สึกที่แสดงออกมาทางแววตา

“ไม่รู้ แต่รู้ว่าคุณนะไว้ใจไม่ได้”

“ได้ซิ ไม่งั้นฉันปล้ำเธอไปนานแล้ว ออกจะสวยถูกใจขนาดนี้”

พรีมาดาไม่รู้ว่าจะอายหรือขำดี แต่สุดท้ายเธอก็ยิ้มออกมา และเป็นยิ้มแรกที่พรตได้เห็น เขาจึงยื่นหน้ามาหอมแก้มนุ่มเบาๆ เธอจะขึงตาใส่ แต่เขาพูดออกมาเสียก่อน “ยิ้มบ่อยๆนะทูนหัว สวยมากเลยรู้ไหม และไม่ต้องโกรธ ถ้าฉันจะปากว่ามือถึง กอดนิด หอมหน่อย แต่รับรองด้วยเกียรติว่าไม่ข่มโคขืนให้กลืนหญ้าเด็ดขาด”

เสียงหนักแน่นดังคำสัญญานั้นไม่ได้ทำให้พรีมาดาไว้ใจเขา แต่เมื่อเขายื่นมือมาจับมือเธอไว้ก็ไม่พูดอะไร และเดินเคียงข้างเขาไปบนถนนใต้แสงไฟที่ส่องมาแทนแสงดวงอาทิตย์ พลางคิดว่าถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ และถามตัวเองว่าคิดดีแล้วเหรอ ก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ เมื่อคำตอบที่ได้คือไม่รู้ แต่เธอไม่อยากเดียวดายอยู่ในสายลมหนาว ที่กำลังห้อมล้อมเธออยู่ ทั้งอดัม พี่ชายต่างสายเลือด และสุดท้ายเจ้าของดอกไม้ที่เธอไม่รู้ว่าใคร

“ยังอยากรู้หรือเปล่าว่าฉันรู้เรื่องเธอได้ยังไง”

“ถ้าคุณจะเล่าให้ฟัง ก็ขอบคุณค่ะ”

“ไม่ต้องพูดให้มีพิธีรีตองขนาดนั้นก็ได้ พูดสั้นๆเข้าใจง่ายๆก็พอ บอกแล้วไงอยู่กับฉันให้เป็นตัวเอง ไม่ต้องเอาหัวโขนหรืออะไรมาใส่ไว้หรอก จำไม่ได้หรือที่ฉันเคยบอกว่า ฉันไม่ถนัดจะถอดแต่เรื่องใส่นะฉันถนัด”

“จำไม่ได้” เธอบอกปัดเพราะไม่อยากใส่ใจคำพูดสองแง่สามห่ามของเขา แต่กลายเป็นยิ่งเข้าตัว เมื่อเขาบอกว่า

“อย่าทำเป็นลืมง่ายนักซิทูนหัว ระวังฉันจะย้ำเอากับเธอนะ”

ใบหน้างามเชิดขึ้นแบบที่ทำให้พรตรู้ว่าเธอเริ่มสร้างเกราะมาป้องกันตัวอีกแล้ว “ถึงฉันจะยินยอมเหมือนยอมรับจะคบกับคุณ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะยอมให้คุณมาพูดจาดูถูกฉันอย่างนี้นะ”

“คิดมากน่าทูนหัว ฉันแค่พูดเล่นอย่างจริงจังกับชีวิตนักซิ” เขาบอกแต่ใบหน้างามยังเชิดอยู่ “เลิกทำหน้าบึ้งเถอะ ไม่งั้นฉันจะจูบให้หน้าแดงเลย” เขาไม่ได้แค่พูดแต่ยังหมุนตัวมากอดเธอไว้ในอ้อมแขน ท่ามกลางผู้คนที่เดินผ่านไม่มา เขาไม่ได้แคร์ใครทั้งนั้น

พรีมาดาสบตาคมนิ่งๆ แล้วดันตัวออกจากอ้อมแขน เพราะแค่เริ่มต้นเธอกับเขาดูจะเข้ากันไม่ได้ แต่พรตไม่ปล่อย เขากอดไว้แน่นและพูดออกมาขณะมองสีหน้าที่ดูจริงจังของเธอ “ฉันเป็นคนง่ายๆ สบายๆ ไม่ชอบอะไรที่มันวุ่นวายและยุ่งยาก แต่ใช่ว่าจะไม่เคยเจอเรื่องยุ่งๆวุ่นๆนะ ก็มีเหมือนคนทั่วไปนั่นแหละ ถึงเราจะไม่ยุ่งกับเขา เขาก็มายุ่งกับเรา ฉะนั้นก็ปล่อยวาง แต่ถ้าวางไม่ได้ก็ชนกันไปเลย”

“และฉันก็เจ็บอยู่คนเดียว เพราะไม่มีใครเลย ไม่มีเหมือนคุณที่อาจจะมีครอบครัวที่อบอุ่น เมื่อชนแล้วเจ็บก็ยังมีคนคอยห่วงใยปลอบใจ แต่ครอบครัวฉันมันร้าวฉานมานานแล้ว และยิ่งร้าวรานเมื่อฉันถูกหักหลัง”

“ก็เลยมีแต่ความเหยียดหยันงั้นเหรอ ถามจริง ที่เป็นอยู่นี่นะ ใครจะมาทุกข์ร้อนด้วยหรือเปล่า ก็เปล่า มีแต่คนคอยจะซ้ำเติม มีแต่ตัวเองเท่านั้นที่รู้สึก แล้วทำไมต้องทำให้ตัวเองทุกข์ด้วย ยิ้มรับกับปัญหาแม้ว่าหัวใจจะร้องไห้ซิ แล้วจะมีความสุขขึ้น”

พรีมาดานิ่งคิดตามคำพูดเขา ก่อนจะยิ้มหยันออกมา “คนที่หัวใจร้องไห้ไม่มีทางมีความสุขหรอก”

“นั่นเพราะไม่ยอมยิ้มไง มีแต่แบกรับทับถมเข้ามา จนมองไม่เห็นอะไร ทั้งที่จริงๆแล้วทุกอย่างมีทางออกเสมอ อยู่ที่ว่าเราจะเลือกหรือเปล่า”

“ถ้างั้นฉันทำไม่ได้”

“แล้วฉันจะทำให้เป็นไปได้เอง”

ฤดูกาลเริ่มเปลี่ยนผัน สายลมหนาวพัดมาถูกตัวแต่พรีมาดาไม่รู้สึกหนาว เพราะสายตาคมที่มองอย่างจริงใจนั้นทำให้เธออบอุ่น พรตลดอ้อมแขนลงเลื่อนฝ่ามือมาจับมือเธอ ดึงให้เดินไปด้วยกันอีกครั้ง พร้อมกับเล่าความเป็นตัวตนของเขาให้เธอฟัง

“ครอบครัวฉันอยู่ในหุบเขาพญา จะเรียกว่าเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนก็ได้ เพราะอยู่ในป่าในเขาอย่างที่บอก ที่นั้นมีกฎที่โหดร้ายสำหรับคนที่ทำผิด บุกรุกเข้ามาในหุบเขา ฉันมีพี่น้อง...” เขาเล่าให้ฟังไปเรื่อย แต่ที่น่าตกใจสำหรับเธอก็คือ “ฉันเป็นหัวหน้าคุกทมิฬ”
********
แสงไฟสีส้มหมุนเป็นวงกลมเคล้ากับเสียงเพลงรัก ที่ดังหวานซึ้งอยู่ในผับชั้นใต้ดินของร้านอาหารสุดหรู บรรยากาศเงียบถูกใจคนหลายวัยที่เข้ามาจับจองที่นั่ง เพื่อดื่มกิน สังสรรค์ และหวานชื่นกับคนรัก แต่เจ้าหญิงของตระกูลอัลโตนิโอกลับไม่มีความรู้สึกนั้น เพราะตั้งแต่เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ คู่หมั้นหนุ่มก็พูดกับเธอแทบจะนับคำได้ จากนั้นก็เอาแต่ดื่ม ซึ่งเธอก็พอจะรู้ว่าเกิดจากอะไร ความช้ำใจอัดแน่นอยู่อกแต่เธอก็ต้องกล้ำกลืนไว้ แล้วหยิบแก้วที่คู่หมั้นกำลังจะคว้าไปดื่มมาถือไว้ พอเขามองมาก็บอกว่า

“เดี๋ยวเมาค่ะ”

“ถ้ากลัวจะอยู่กับคนเมา กลับไปก่อนก็ได้” อดัมบอกอย่างไม่ยี่หระ เพราะใจเขาตอนนี้ทั้งรักทั้งแค้นคนรักเก่า มากกว่าจะมาใส่ใจคู่หมั้นที่เขาไม่ได้รักและยังรู้สึกเบื่อหน่ายด้วยซ้ำไป แล้วจะคว้าแก้วมาดื่มต่อ แต่แพทิเซียเบี่ยงหลบไว้

“กลับไปเมากับแพทไหมคะ” เธอเสนอตัวให้อย่างไม่อายเพื่อให้เขาลืมเหตุที่ทำให้ต้องดื่ม “เราอยู่ด้วยกันทั้งคืนก็ได้ แพทจะตามใจคุณทุกอย่าง”

“มันไม่ช่วยอะไรหรอกแพท เพราะพอมันผ่านไปทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม”

ความเจ็บช้ำทับถมลงในใจแพทิเซีย มือที่ถือแก้วไว้บีบเข้าหากันแน่น แต่ก็ยังพยายามที่จะปั้นสีหน้าให้เหมือนไม่ได้คิดอะไร “งั้นแต่งงานกันไหมคะ เราจะได้อยู่กันมากขึ้น แพทจะได้ดูแลคุณได้เต็มที่ และเราน่าจะมีลูกกันสักสอง...”

“ผมยังไม่พร้อม”

เสียงอดัมทำลายความฝันของแพทิเซียให้จบสิ้นลง สายใยที่เธอคิดว่าใกล้จะขาดสะบั้นลงไปแล้วนั้นแท้จริงมันเหนียวแน่นเกินกว่าจะขาดสะบั้นลง ความพยายามของเธอ ความอดทนที่รอคอย การกระทำทุกอย่างมันไร้ค่า แม้แต่ตัวเธอที่ให้เขาไปก็ไม่มีค่าเหมือนกัน

“อะไรที่ว่าไม่พร้อมคะ”

“จิตใจผมไง”

น้ำตารื้นขึ้นมากลบดวงตาแพทิเซีย แล้วจางหายไปเมื่อใจเธอมีความขมขื่นเข้ามาแทนที่ “ทำไมคุณไม่ลืมเสียทีคะ ก็เห็นอยู่ว่าพี่...” เสียงเธอหายไปเพราะไม่อยากเอ่ยชื่อคนพี่สาวต่างพ่อ ที่เป็นเหมือนหนามแทงใจเธออยู่ “เธอกำลังจะมีคนใหม่ จูบกอดกันโดยไม่แคร์คุณสักนิด แต่คุณยังลืมเธอไม่ได้ ทั้งๆที่เธอลืมคุณไปแล้ว”

“นั่นเป็นเพราะคุณอยากให้ลืมต่างหาก” เสียงอดัมรอดไรฟันออกมาอย่างเก็บกด “อย่าพูดอีกเลยแพท อย่าพูด เพราะยิ่งพูดมันก็เหมือนตอกย้ำไอ้สิ่งที่เราทำกันลงไปว่ามันทุเรศแค่ไหน”

“ทุเรศเหรอคะ แพทเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่แพทเสียไปคือความทุเรศ งั้นแพทจะเอาความทุเรศนี้ไปบอกให้เธอรู้ดีไหมคะ จะได้ทุเรศขึ้นไปอีก”

“ตามใจ”

คำตอบที่ออกมาเหมือนไม่แคร์เธอเลยนั้นมันเหมือนมีดมาปักอยู่กลางอก แพทิเซียแทบจะหาลมหายใจของตัวเองไม่เจอ นิ่งงั้นไปเหมือนคนเป็นอัมพาธ ก่อนจะเอนตัวไปพิงเบาะซุกอยู่เงียบๆ กระทั่งใจเธอสงบ คำพูดก็ดังออกมาแต่แววตาเธอดูเลื่อนลอย

“แพทขอโทษค่ะ อย่าโกรธเลยนะคะ แพทไม่ได้อยากให้คุณอารมณ์เสีย แค่โกรธและรักคุณมากไปแค่นั้นเอง”

ลีโอปรายตามองใบหน้าที่เศร้าหมอง ก็ข่มอารมณ์ที่พลุ่งพล่านของตัวเองให้เย็นลง และเริ่มรู้สึกว่าเขาใช้อารมณ์เกินไป อีกอย่างถ้าเธอเอาเรื่องทุเรศที่ว่านั้นไปพูดจริงๆ ชีวิตเขาก็คงไม่เหลืออะไร จึงขยับตัวไปใกล้ ดึงตัวเธอมากอดพร้อมกับบอกว่า “ผมขอโทษ แค่รู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ก็เลยโกรธไปหน่อย”

‘แต่ความจริงแล้วคุณไม่เคยลืมพี่พรีมต่างหาก’ แพทิเซียอยากจะบอกไปอย่างนั้น แต่ไม่อยากให้สายใยที่นิ่งสงบทักทอขึ้นมาอีก “ค่ะ เราจะไม่พูดเรื่องนี้กันอีกนะคะ” เธอบอกเขาไปอย่างนั้น แต่ในใจนั้นเป็นอีกอย่าง “แพทไปห้องน้ำก่อนนะคะ”

ว่าแล้วเธอก็ลุกขึ้นเดินไป ส่วนอดัมก็ผสมเครื่องดื่มแรงๆในแก้ว แล้วยกขึ้นดื่มเพื่อกลบหน้าเธอให้หายไปจากใจเสียที เขาดื่มและดื่ม และถือแก้วค้างไว้เมื่อมีมือมาตบลงบนบ่า เขาหันหน้าไปมอง ยิ้มให้เพียงนิดก็เชิญให้อีกฝ่ายนั่งด้วยกัน

“ดื่มคนเดียวเหรอ” คนที่ถูกเชิญถามขึ้นทันทีที่นั่งลงบนเก้าอี้ แล้วหันไปสั่งเครื่องดื่มกับพนักงานที่โฉบเข้ามาบริการ เรียบร้อยแล้วก็หันมามองว่าที่น้องเขย

“สถานะผมทำอย่างที่คุณว่าไม่ได้ คุณก็รู้”

“แสดงว่ามากับยัยแพท แล้วไปไหนละ”

“ห้องน้ำ” อดัมตอบแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ คลึงแก้วในมือเล่นพร้อมกับมองพี่ชายคู่หมั้น รอยหยันผุดขึ้นที่มุมปากเขา เพราะรู้ดีว่าท่าทีที่สุภาพนั้นซ่อนความร้ายไว้แค่ไหน แล้วพูดถึงเรื่องที่จะทำให้เขาเจ็บใจบ้าง “ตอนนี้ม็อตต้าเปลี่ยนไปแล้ว คุณจะทำยังไงต่อไป”

“แล้วประธานคนใหม่เป็นยังไง”

“ไม่รู้ซิ ผมไม่ได้สนิทกับเขา”

ลีโอเลิกคิ้วขึ้นเพียงนิด แล้วรับแก้วเครื่องดื่มจากพนักงานมาดื่มพอให้รสชาติบาดคอ ก็บอกว่า “งั้นก็ไปทำตัวให้สนิท เพื่อประโยชน์ของเราดีไหม”

“ถ้ามันง่ายก็ดี”
“แล้วมันจะยากตรงไหน หรือตรงที่ไม่อยากทำ”

“ใช่ เพราะอะไรนั้นคิดว่าคุณน่าจะรู้”

“ผมรู้ แต่คุณก็ควรจะรู้เช่นกันว่าคนจบ ก็ใช่ว่าเรื่องมันจะจบไปด้วย และที่พูดออกมาแน่ใจแล้วเหรอ”

เสียงถามเหมือนท้าทายและสายตาที่มองมาเหมือนซ่อนอะไรไว้บางอย่างนั้น ทำให้อดัมต้องนิ่งคิด ทั้งๆที่อยากจะตอบให้ชัดๆออกไปว่า ‘แน่’ แต่ความเห็นแก่ตัวของเขามีมากกว่า และสถานะเขาตอนนี้มันง่อนแง่นไม่ได้แน่นปึกเหมือนเก่า ตำแหน่งที่ควรจะเป็นของเขาก็อยู่ในกำมือคนอื่น แม้ตระกูลจะมีความมั่นคง แต่เมื่อไม่มีหัวเรือใหญ่ ไม่นานสมบัติก็อาจจะหมดไปได้ เขาจึงต้องเก็บกดความคิดให้อยู่เพียงในหัวเท่านั้น แล้วยักไหล่เหมือนล้อเล่นกับเรื่องเมื่อกี้

“มันยากตรงที่ผมไม่รู้ว่าเขาเป็นคนยังไงมากกว่า อย่าบอกนะว่าคุณยังไม่ได้ข่าวอะไรมา ยังไม่รู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณน่าจะถอนตัวไปจากโครงการนี้เสีย เพราะเขาประกาศกร้าวออกมาแล้วว่าจะคว้ามันมาให้ได้”

“จะกลัวอะไรกับแค่คำประกาศ เพราะใครๆก็ประกาศได้ ที่สำคัญถ้าคุณยังอยากจะได้ทุกอย่างๆที่เราเคยตกลงกันเอาไว้ ก็ควรที่จะไปทำอย่างที่ผมบอกเสีย”

“แล้วทำไมคุณไม่ทำเอง อาศัยความสัมพันธ์ที่ดีของสองตระกูลมาจับมือกับเขา คว้าโครงการนี้มาอยู่ในมือไม่ดีกว่าเหรอ” อดัมตะล่อม เพราะถ้าเป็นไปได้ อนาคตที่ไม่แน่นอนของเขาก็จะกลับมาสดใสเหมือนเดิม

“ไม่ เพราะผมต้องการเป็นที่หนึ่ง ไม่ใช่ที่สองรองจากใคร เหมือนลึกๆในใจคุณนั่นแหละ”

อดัมขบกรามข่มความรู้สึกเจ็บลึก เพราะถูกแทงใจดำ ขณะที่ลีโอก็ยิ้มหยันคนตรงหน้าอยู่ในใจ เพราะเคยใช้จุดอ่อนนี้หักหลังน้องเลี้ยงมาแล้ว “คุณน่าจะลองทำดูนะ แค่ทำให้คนๆหนึ่ง ที่ต่างบ้านต่างเมืองมาเป็นมดเล็กๆอยู่ในสังคมของเราหายไป แล้วคุณก็จะได้ทุกอย่างคืนมา”

“พูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง คิดจะให้ผมฆ่าเขาเหรอ” เสียงอดัมต่ำลึก แล้วเปิดตากว้างเมื่อเห็นคนตรงหน้าเป็นฆาตกร “หรือว่า...”

ลีโอเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความตระหนก ก็เข้าใจทันที “ผมไม่ได้ทำ เรื่องของพี่ชายคุณมันคืออุบัติเหตุ ส่วนเรื่องที่ผมบอก คุณก็น่าจะคิดดูให้ดี”

“งั้นผมก็บอกคุณได้เลยว่า ไม่” ครั้งนี้อดัมปฏิเสธออกมาอย่างหนักแน่น เพราะความเชื่อใจของเขาที่มีต่อคนตรงหน้านั้นคลอนแคลนไปเสียแล้ว

“ผมว่าคุณคิดใหม่ดีกว่า ไม่งั้นคุณก็จะเป็นแค่ที่สองอยู่ร่ำไป หรือไม่ก็เป็นได้แค่เงาอยู่ในม็อตต้า ทั้งๆที่ม็อตต้าเป็นของคุณ หรือคุณอยากจะเสียม็อตต้าให้เขาไปจริงๆ” ลีโอทิ้งคำพูดให้อดัมคิด แล้วหันไปมองน้องต่างแม่ของเขา ที่กำลังเดินกลับมาที่โต๊ะ เปิดยิ้มให้ แล้วนั่งคุยกันอีกไม่นานเธอก็ขอกลับบ้านกับเขา

อดัมยังนั่งดื่มต่อ เพราะใครต่อใครต่างเข้ามากดดันเขาให้กำจัดประธานคนใหม่ มุมปากเขาเหยียดออก เพราะสมเพชทั้งตัวเองและทุกคนที่อยากได้ม็อตต้าของเขา แต่ไม่มีใครกล้าที่จะลงมือทำด้วยตัวเอง กลับมายืมมือเขา ช่างน่าหัวเราะนัก ให้พวกมันดิ้นกันไปเถอะ เขาไม่มีวันทำให้พวกมัน ถ้าจะทำเขาก็ทำเพื่อตัวเองเท่านั้น!
********
แพทิเซียนั่งเงียบมาในรถของพี่ชายต่างแม่ แต่ในสมองเธอคิดถึงแต่เรื่องที่ผ่านมา ขณะที่ในใจอัดแน่นไปด้วยความเจ็บช้ำ จนปล่อยให้น้ำตาไหลรินออกมา ลีโอที่กำลังขับรถอยู่ปรายตามาเห็นเข้าพอดี สีหน้าเขาฉายความสงสัยพลางคิดหาสาเหตุ ซึ่งก็ไม่มีเรื่องใดนอกจากเรื่อง...ความรัก

เขาหยิบกระดาษทิชชูส่งให้ แพทิเซียไม่คิดว่าคนเป็นพี่จะเห็นเธอรีบเช็ดน้ำตาและบอกว่า “เส้นผมมันเข้าตานะค่ะ”

“ถ้าไม่อยากบอกพี่ ก็น่าจะมีคำพูดอื่นที่ดีกว่านี้นะ”

แพทิเซียรับกระดาษทิชชูมาซับน้ำตาที่ยังค้างอยู่บนแก้ม ขณะลีโอเลี้ยวรถเข้าคฤหาสน์อัลโตนิโอพอดี ขับตรงไปจอดที่โรงรถ ดับเครื่องแล้วหันมามองน้องต่างแม่ แม้น้ำตาจะหมดไปจากแก้ม แต่สีหน้ายังเศร้าให้เขาสงสาร จึงถามออกมา “เรื่องอดัมหรือเปล่า”

แพทิเซียยังปิดปากเงียบ เขาจึงถอนหายใจออกมาก่อนจะถามต่อ “มีอะไรกัน หรือว่าเรื่องคนรักเก่าที่ไม่ยอมจบ”

มือที่จับกระดาษทิชชูบีบเข้าหากันแน่น ก่อนจะรับคำออกมาเบาๆ “ค่ะ เขาไม่ยอมลืม แต่นั้นไม่สำคัญเท่ากับที่เขาไม่เห็นค่าของแพท มันเจ็บนะคะ เจ็บมากเหลือเกิน ถ้าวันนั้นแพท...” เสียงแพทิเซียสั่นเครือ ริมฝีปากสั่นเพราะสกัดกลั้นไม่ให้คำนั้นหลุดออกมา

“อย่าโทษตัวเอง” เสียงลีโอเคร่งเครียด “ถ้าจะโทษก็โทษพี่นี่แหละ ที่เป็นคนวางแผนทุกอย่าง”

“แต่ถ้าแพทไม่ร่วมมือ เรื่องก็คงไม่เกิดขึ้น”

“ไม่จริงหรอกแพท เพราะความเห็นแก่ตัวของคนต่างหากเรื่องนี้จึงเกิดขึ้น ทั้งแพท ทั้งพี่ ทั้งอดัม ทั้งใครอีกคนนั่นแหละ และตอนนี้ก็ไม่อาจจะแก้ไขได้แล้ว นอกจากเดินหน้าต่อไป แพทก็รู้สถานการณ์ดี ว่าทุกอย่างมันพลิกผันชนิดที่เราคิดไม่ถึงกันจริงๆ”

“ค่ะ ทุกอย่างมันสายไปแล้วจริงๆ แต่ก็น่าขอบคุณความเจ็บนะคะ ที่ทำให้แพทเข้มแข็งขึ้นมา และจะไม่ยอมเจ็บคนเดียวเด็ดขาด เขาควรจะได้รู้รสชาตินี้ด้วย และชาตินี้อย่าหวังว่าเขาจะได้สมหวัง”

“แพทจะทำอะไร”

“ไม่ต้องทำหรอกค่ะ เพราะพี่พรีมไม่มีวันกลับไปหาเขาอีกแล้ว”

“ทำไม”

“เพราะเธอมีคนใหม่แล้วไงค่ะ”

เสียงแพทิเซียติดจะเหยียด ขณะที่ลีโอนิ่งขึงไปกับสิ่งที่ได้รู้ และไม่อยากจะเชื่อ เพราะเขาไม่เห็นว่าเธอจะมีใคร อุตสาห์วางแผนจัดการไอ้อดัมให้พ้นทาง แล้วยังมีใครอีก หรือว่า... แววตาของลีโอแข็งกร้าวขึ้นมาเมื่อหน้าไอ้ประธานคนใหม่ผุดขึ้นมา เขาเอนหลังพิงเบาะรถเหมือนจะหมดแรง แต่... คำนี้ยังเป็นแรงใจให้เขายังมีความหวัง เพราะเธอบอกเขาว่าไม่สนใจ

“แพทเห็นเขาจูบกันด้วยนะคะ ท่าทางพี่พรีมเต็มใจไม่ขัดขืนเลย ทั้งๆที่เป็นคนหัวโบราณยึดติดกับวัฒนธรรมเดิมๆของตัวเอง” แพทิเซียพูดโดยไม่รู้ว่าคำพูดของตัวเองนั้นทำร้ายพี่ชายต่างแม่แค่ไหน เธอต้องการเพียงระบายความเจ็บช้ำที่เก็บกดเอาไว้ออกมาบ้างเท่านั้นเอง

“เขาเป็นใคร” เสียงลีโอแหบแห้งพร้อมภาวนาขออย่าให้เป็นคนที่เขาคิดอยู่เลย แต่สิ่งที่คิดอาจไม่ใช่สิ่งที่เห็นหรือได้ยินเสมอไป ใช้ไม่ได้กับเขาเมื่อเสียงน้องต่างแม่ดังออกมาว่า

“ประธานคนใหม่ของม็อตต้า คุณพรต”

ลีโอชาวาบไปทั้งตัว ใจเขาเหมือนมีเข็มนับพันนับล้านเล่มพุ่งเข้ามาปัก แต่ละเล่มเป็นดังภาพที่วนเวียนมาตอกย้ำให้เขายิ่งเจ็บ ทั้งคำพูดมัน ทั้งดอกไม้ในมือเธอ และท่าทีของเธอที่ปฏิเสธความรักความปรารถนาดีที่เขามีให้มาตลอด มันชัดเจนจนเขาแทบกระอักเลือด หึ เสียงเย้ยหยันดังขึ้นในใจเขา เมื่อทุกอย่างเปลี่ยนไปใยเขาจะต้องดูแลเธอไว้ให้คนอื่น เขาข่มความคิดทุกอย่างไว้ แล้วปั้นหน้าให้เป็นพี่ชายที่แสนดีของน้องต่อไป

“แน่ใจเหรอว่าสิ่งที่เห็นจะเป็นจริงขึ้นมา อาจจะเป็นแค่การหลอกลวงเพื่อให้ใครตายใจหรือห่างออกไปก็ได้”

“ไม่รู้ซิค่ะ แต่แพทอยากให้ทั้งคู่คบกันจริงๆ อดัมจะได้ตัดใจ เลิกหวังว่าจะกลับไปรักกับพี่พรีมอีก”

“หมายความว่าไง เขาจะถอนหมั้นกับแพทเหรอ”

“เขาไม่พูดหรอกค่ะเพราะการกระทำเขาพูดแทนทุกอย่างแล้ว ทั้งสีหน้าที่เบื่อหน่าย ทั้งการดื่มเหล้าย่อมใจหรือประชดใครก็แล้วแต่ จนแพทอยากจะเป็นฝ่ายทำอย่างนั้นเสียเอง”

“ไม่รักเขาแล้วเหรอ”

แพทิเซียนิ่งเงียบแต่น้ำตาเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า พี่ชายต่างแม่จึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะปลอบว่า

“เรื่องแบบนี้มันตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกแพท และคนที่โดนคนรักหักหลังอย่างพรีม ไม่มีทางที่จะกลับมาคบกับ อดัมได้อีก อดทนไว้เถอะสักวันแพทจะสมหวัง”

“แล้วถ้าวันหนึ่งพี่พรีมเปลี่ยนใจกลับมา แพทไม่สมหวัง และทนไม่ได้ขึ้นมาละคะ จะทำยังไง ที่สำคัญพี่รู้ไหมคะว่าก่อนที่พี่อเล็กซ์จะเสีย เขาพูดอะไรกับคุณแม่ไว้”

“อะไร”

“ขอหมั้นพี่พรีมค่ะ”
**********
ขอบคุณที่ติอตามผลงานค่ะ

แล้ววันจันทร์จะมาต่อให้ค่ะ



pream
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2558, 17:22:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 13 ก.พ. 2558, 17:22:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 2192





<< ตอน 9   ตอน 11 >>
แว่นใส 13 ก.พ. 2558, 22:02:00 น.
มีเรื่องเยอะนะ


Zephyr 18 ก.พ. 2558, 22:05:11 น.
โหย ความคิดแต่ละคน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account